Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วัฒนธรรมและประเพณี

วัฒนธรรมและประเพณี

Published by ณัฐริกา สุขาจารย์, 2022-07-18 10:40:28

Description: pdf_20220718_132402_0000

Search

Read the Text Version

วัฒนธรรม เเละ ประเพณีของเกาหลี

คำนำ หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาระเบียนหนังสือ(ง22201) ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่2 โดยมีจุดประสงค์เพื่อ การศึกษาความรู้เกี่ยวกับอารยธรรมของประเทศเกาหลี ประวัติ เเละประเพณีต่างๆ การเเต่งกาย ธงชาติ ผู้จัดทำได้เลือกหัวข้อนี้ในการนำเสนอ เนื่องจากเป็นเรื่องที่น่าสนใจรวมทั้งทำให้เห็นถึงความเปลี่ยนเเปลงของ อารยธรรมประเทศเกาหลีที่เกิดขึ้นมาตั้งเเต่ยาวนานจนถึงปัจจุบัน -คณะผู้จัดทำ

สารบัญ 1.ประวัติของประเทศเกาหลี หน้า4 2.อาหาร หน้า5 3ประวัติเเละวัฒนธรรม หน้า6 4.การเเต่งกาย หน้า7 5.ธงประจำชาติ หน้า8 6.สถานที่ท่องเที่ยว หน้า9 7.บรรณานุกรม หน้า10

ประวัติของประเทศเกาหลี ประวัติศาสตร์เริ่มจากอาณาจักรโชซ็อนโบราณ สถาปนาขึ้นโดย \"ทันกุน\" ต่อมาสมัยสามอาณาจักรแห่งเกาหลี (โคกูรยอ, แพ็กเจ, และชิลลา) ถูกรวมเข้าด้วยกันเป็นสหอาณาจักรชิลลา ซึ่งมีพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง และต่อ มา ค.ศ. 918 ได้สถาปนาอาณาจักรโครยอซึ่งเป็นชื่อของเกาหลี (Korea) และเมื่อราชวงศ์โชซ็อน (ราชวงศ์ลี) ครองอำนาจเปลี่ยนชื่ออาณาจักรใหม่ ชื่อ อาณาจักรโชซ็อนเมืองหลวงชื่อว่า ฮันยาง (โซล) มีลัทธิขงจื๊อ เป็น คติธรรมประจำชาติ และได้ประดิษฐ์อักษรเกาหลี ขึ้น ใน ค.ศ. 1910 เกาหลีต้องอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น จนกระทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศเกาหลี ได้แบ่งเป็น 2 ประเทศ คือ เกาหลีใต้ และ เกาหลีเหนือ อย่างถาวร โดยประเทศเกาหลีใต้สถาปนาเป็นสาธารณรัฐ เกาหลี ส่วนประเทศเกาหลีเหนือสถาปนาเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี 4

อาหารประเทศเกาหลี(นิยม) บุลโกกิ อาหารเกาหลีที่ขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่ง เป็นเนื้อสัตว์ซอสบาร์บีคิวเกาหลี ปรุงสุกใช้ เทคนิคการย่างแบบดั้งเดิม นำมาขลุกขลิกกับซุปบุลโกกิกะทะร้อน พร้อมผักและเครื่องเคียง ต่างๆ เวลากินให้กินกับผัก กระเทียม และพริก ห่อเป็นคำแล้วจิ้มน้ำจิ้ม พอร์กคาลบิ หรือ หมูย่างเกาหลี เป็นเนื้อหมูหมักเครื่องปรุงคล้ายๆ กับ บุลโกกิ แต่เนื้อจะหั่นแผ่นโตและหนากว่า เวลาจะรับประทานต้องนำมาย่างบนตะแกรงเตาถ่านจนสุก และใช่กรรไกรตัดให้เป็นชิ้นเล็กๆ พอคำ รับประทาน กับข้าวสวย กิมจิ และผักสด ห่อผักแล้วจิ้มน้ำจิ้ม จิมดัก ไก่อบซีอิ๊ววุ้นเส้น เป็นเมนูอาหารเกาหลีพื้นเมืองดั้งเดิม เป็นไก่ผัดรวมกับวุ้นเส้น มันฝรั่ง แครอท พริก และ ซอสดำ เนื้อไก่ที่นิ่ม รสชาติคล้ายกับไก่พะโล้สูตรเกาหลี ทานกับข้าว หอมอร่อย รสเผ็ดถึงเครื่อง 5

ซัมเกทัง ไก่ตุ๋นโสม ของขึ้นชื่อตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์โชซอนมีต้นตำรับมาจากในวัง เป็นเมนูอาหารเกาหลีที่นิยมทานเพื่อบำรุงกำลังและเสริมสุขภาพ ภายในไก่จะยัดไส้ สมุนไพรต่างๆ เช่น ข้าวเหนียว รากโสม พริกไทยแดง เกาลัด พุทราจีน เป็นต้น กินพร้อมกับเครื่องเคียง อาทิ เส้นแป้งลักษณะคล้ายเส้นขนมจีน เหล้าโสม พริกไทยดำ เกลือ กิมจิ เป็นต้น ชาบูชาบู หม้อไฟสไตล์เกาหลี จะใช้เนื้อหมูหั่นชิ้นบางๆ ปูอัด หั่นยาวๆ เกี๊ยวกุ้ง เกี๊ยวหมู ใส่ผักสารพัดชนิดลงไปทั้งเห็ดเข็มทอง เห็ดฟาง เห็ดหอม ถั่วงอก กระหล่ำปลี ผักกาดขาว ใส่ลงไปในหม้อ แล้วเติมด้วยน้ำซุปร้อนๆ ต้มต่อจนเดือด ก่อนจะเริ่มรับประทาน ก็จะนำอุด้งลงต้มอีกครั้ง พอสุกก็ตัก มาทานกับข้าวสวย กิมจิ และน้ำจิ้ม ฮันจองซิก อาหารชุดเกาหลี เป็นเมนูอาหารที่มีต้นกำเนิดจากในวัง หรือบ้านขุนนางในสมัยก่อน โดยจะจัดเป็นชุดๆ จานเล็กๆ เวลากินจะเริ่ม เสิร์ฟที่จานเรียกน้ำย่อยก่อนซึ่งจะเป็นของเย็น และตามด้วยข้าวต้มหรือโจ๊กอุ่นๆ ตามมาด้วยอาหารจานหลัก ซึ่งจะมีทั้งทอด ต้ม ปิ้งย่าง นึ่ง และบางครั้งก็มีหม้อไฟด้วย สุดท้ายก็จะจบลงด้วยเครื่องดื่มของหวาน เป็นเมนูที่ห้คุณค่าโภชนาการ มีอาหารครบทุกหมู่

ประเพณี วัฒนธรรม เกาหลีเป็นสังคมเกษตรกรรมจวบจนถึงต้นศตวรรษที่ 20 สังคมในอดีตจึงมีวิถีชีวิตตามฤดูกาลขึ้นอยู่กับปฏิทินจันทรคติ เนื่องจากการดำรงชีวิต ที่พึ่งพาการเกษตรเป็นหลักจึงมีการประกอบพิธีกรรมกึ่งศาสนาขึ้นเพื่ออธิษฐานมากมายต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้การเก็บเกี่ยวได้ผลดีและมีอาหาร การกินอุดมสมบูรณ์ซึ่งต่อมาก็ค่อยๆพัฒนากลายมาเป็นงานเทศกาลเฉลิมฉลองประจำชุมชนซึ่งกิจกรรมต่างๆจะขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละ ภูมิภาคและจันทรคติ การเริ่มต้นปีใหม่ในวันที่ 1 มกราคม ตามปฏิทินจันทรคติ คือการกินต็อกกุก (ซุปเค้กข้าว) ซึ่งหมายถึงอายุที่เพิ่มขึ้นอีก หนึ่งปีในวันเทศกาลนี้จะมีการเซแบ (โค้งคำนับ) แสดงความอวยพรต่อผู้ใหญ่ให้มีอายุยืนนานเมื่อผู้ใหญ่ได้รับการโค้งคำนับจะมีประเพณีว่าจะ มอบเงินปีใหม่ที่เรียกกันว่าเซแบดนให้กับผู้ที่คำนับวันที่ 15 มกราคม ตามปฏิทินจันทรคติจะเป็นวันแทโบรึม (วันพระจันทร์เต็มดวง)ในวันนั้น ผู้คนจะกินอาหารพิเศษที่เรียกว่าโอกกบับ ซึ่งทำมาจากธัญพืชห้าชนิดและทานพร้อมกับอาหารที่ปรุงด้วยพืชผักนานาชนิด มีการละเล่นที่เน้นให้ เกิดความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของคนในชุมชนและทำพิธีกรรมเพื่อขอให้เก็บเกี่ยวได้ผลดี ชูซอกเป็นงานที่จัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติมีการจัดพิธีแสดงความขอบคุณโดยนำพืชผักผลไม้ที่เพิ่งเก็บเกี่ยวได้มาใหม่ มอบให้กับดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ และธรรมชาติ งานชูซอกเป็นหนึ่งในสองงานเทศกาลประจำปีที่สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะมารวมตัว กันนับเป็นงานเทศกาลที่มีความสำคัญไม่แพ้งานฉลองปีใหม่ตามจันทรคติ 6

การเเต่งกาย ฮันบกเป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติเกาหลีมาเป็นเวลานานมาแล้ว ความงามและความอ่อนช้อยของวัฒนธรรมเกาหลี จะถูกถ่ายทอดออกมาผ่านทางภาพถ่ายของสุภาพสตรีในเครื่องแต่งกายฮันบกนี้ ก่อนที่วัฒนธรรมการแต่งกายแบบตะวันตกจะได้เข้ามาในเกาหลีเมื่อร้อยปีมาแล้วนั้น หญิงชาวเกาหลีจะสวมชุดฮันบก เป็นปกติทุกวัน ส่วนสุภาพบุรุษจะสวมชอโกรี (เสื้อนอกแบบเกาหลี) และพาจิ (กางเกงขายาว) ในขณะที่สุภาพสตรี สวมชอกอรีและชีมา (กระโปรง) ในปัจจุบันชุดประจำชาติฮันบก จะใช้สวมเฉพาะในโอกาสพิเศษต่าง ๆ เช่น งานมงคล สมรส วันซอลลัล (วันขึ้นปีใหม่ตามจันทรคติ) หรือวันชูซก (วันขอบคุณพระเจ้า) ฮันบก ของผู้หญิงประกอบด้วย กระโปรงพันรอบตัว เรียกว่า “ชิมา” และเสื้อ “ชอกอรี” ซึ่งคล้ายเสื้อแจ็คเก็ตฮันบกของผู้ชายประกอบด้วยชอกอริเช่น กัน แต่สั้นกว่าของผู้หญิง และมีกางเกงเรียกว่า “บาจิ” ทั้งชุดของผู้หญิงและผู้ชายสวมคลุมทับด้วยเสื้อคลุมยาวเรียก ว่า “ตุรุมากิ” 7

ชุดผู้หญิง หญิง สวมกระโปรงทรงหลวมยาวถึงข้อเท้า สวมเสื้อคลุมผ่าอกตัวสั้น ๆ อยู่เหนือเอว แขนยาวถึงข้อมือ ฮันบกไม่มีปก ตัวเสื้อไขว้กัน มีโบว์ผูก ที่ อกด้านขวา เรียกว่า “จอโกลี” หน้าหนาว จะสวมทูรูมาคี ถุงเท้าเรียกว่า ฟอซ็อน สวมรองเท้ายาวสีขาว มีปลายงอนเล็กน้อย เรียกว่า โกมูซิน มีผ้าผูกที่หน้าอกในแทนเสื้อยกทรง เรียกว่า ซ๊อกซีมา กระโปรงกับเสื้อคลุมจะสีเดียวกันก็มี คนละ สีก็มี กระโปรงเรียกว่า ซีมา ทำด้วยผ้าฝ้ายไหม อย่างดี ผ้าไหมของเกาหลีเนื้อหนา มีน้ำหนักมาก มีจีบรอบขึ้น มาเหนืออกมีผ้าขลิบตามคอ สีจะติดกับแขน ทรงกระโปรงจะเรียกว่า ทรง Empire

ชาย สวมกางเกงขายาวสีขาวหลวม ๆ เรียกว่า บาจี รวบปลายขาด้วยแถบผ้าเรียกว่า “แทนิน” สวม ถุงเท้า เรียกว่า “ยังมัล” สวมเสื้อแขนสั้น รัดรูปแขนสั้น ไว้ข้างในเรียกว่า “บันโซเม” สวมเสื้อหลวม ๆ หรือแต่งแบบชาวตะวันตก เสื้อประจำชาติเป็นเสื้อตัวยาว แขนยาวไม่มีปกไม่มี กระเป๋า เรียกว่า “ซอ โกรี” แต่บางทีสวมเสื้อกัก ไม่มีแขน มีกระเป๋าเรียกว่า “โจ๊ะกี” ผู้ชายนิยมสวม หมวกสีดำ ไม่มีปีก เหมือนผ้าโปร่ง รัดรอบศีรษะ เรียกว่า “ท้งก็อน” แล้วสวมหมวกทรงสูงมีปีก เรียกว่า “คัช”

ธงประจำชาติ 태극기 太極旗ธงชาติสาธารณรัฐเกาหลี หรือ ธงชาติเกาหลีใต้ มีชื่อเรียกเฉพาะว่า แทกึกกี (เกาหลี: ; ฮันจา: ; อาร์อาร์: Taegeukgi; เอ็มอาร์: T'aegŭkki) มี ลักษณะเป็นธงพื้นสีขาว กลางธงมีรูปวงกลม \"แทกึก\" สีแดง-น้ำเงิน ล้อมข้างด้วยขีดสาม เส้นรูปต่าง ๆ ตามคัมภีร์อี้จิงของจีน 4 รูปตามแต่ละมุมของธง ธงนี้ออกแบบโดยปัก ยอง ฮโย (Bak Yeong-hyo) ราชทูตเกาหลีประจำประเทศญี่ปุ่น ซึ่งต้องการให้มีธงเพื่อ แสดงความเป็นชาติให้ญี่ปุ่นซึ่งกำลังรุกรานเกาหลีในเวลานั้นได้เห็น พระเจ้าโกจงแห่งรา ชวงศ์โชซ็อนได้มีพระบรมราชโองการประกาศใช้เป็นธงชาติเกาหลีเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2426 8

สถานที่ท่องเที่ยว พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) หรือเรียกอีกแบบหนึ่งว่า “พระราชวังคยองบกกุง” เป็นทั้งสัญญลักษณ์และแหล่ง ท่องเที่ยวยอดฮิตของกรุงโซล พระราชวังที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในกรุงโซล สร้างขึ้นในปี 1394 ในสมัยพระเจ้าแทโจ ราชวงศ์โช ซอน เดิมทีนั้นภายในพระราชวังมีอาคารและตำหนักต่างๆมากกว่า 200 หลัง แต่เมื่อมีการรุกรานของญี่ปุ่น อาคารส่วนใหญ่ก็ได้ถูก ทำลายลงเหลืออยู่เพียงแค่ 10 หลังเท่านั้น หรือนามิโซม เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวหลักที่ห้ามพลาดของประเทศเกาหลี มีชื่อโด่งดังไปทั่วโลกจากซีรี่ย์ยอดฮิต เรื่อง winter sonata หรือชื่อไทยว่า เพลงรักในสายลมหนาว บนเกาะนี้มีชื่อเสียงในหมู่คนเกาหลีมานาน เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ทั่วทั้งเกาะใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง อยู่ที่: คังวอนโด(Gangwon-do) ทางรถไฟดอกซากุระคยองฮวา – Gyeonghwa Station เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่สวยอันดับต้นๆของเกาหลีเลยก็ว่าได้ โดยสามารถมองเห็นรถไฟที่วิ่งมาจอดที่สถานีพร้อมกับวิวอุโมงค์ ดอกซากุระที่เรียงรายกันอยู่เต็มทั้งสองข้างทางในช่วงประมาณต้นเดือนเมษายน จึงทำให้ผู้คนนิยมมาท่องเที่ยวถ่ายภาพขณะที่ รถไฟกำลังวิ่งผ่าน อยู่ที่ เคียงซังนัมโด (Gyeongsangnam-do) 9

ป่ากรุงโซล (Seoul Forest Park) เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวแลนด์มาร์คของโซลทีเดียวค่ะ ด้านในเป็นที่ ตั้งของสวนสาธารณะกว่า 5 แห่ง ไฮไลท์ของสวนก็คือจะมี สวนดอกไม้ประจำฤดูกาล ที่มักจะมีด อกไม้หลากสีหมุนเวียนมาปลูกอยู่ตลอดทั้งปีให้เราได้เดินชม ถ่ายรูปสวยๆ กันนั่นเอง หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน (Gamcheon Culture Village) ตั้งอยู่ที่เมืองปูซาน (Busan) เป็นที่เที่ยวหนึ่งที่สวยงามของ เกาหลี จนได้รับฉายาว่า ซานโตรีนีเกาหลี ด้วยบ้านเรือน อาคารต่างๆ ที่พร้อมใจกันทาเป็นสีพาสเทล เนื่องจากความทรุด โทรมของหมู่บ้านตั้งแต่สมัยสงครามเกาหลี จนในปี 2009 ทางหมู่บ้านคัมชอน ได้เชิญบรรดาศิลปินนักเรียนและจิตรกรมา ช่วยกันตกแต่งหมู่บ้านขึ้นมาใหม่นั่นเองค่ะ กาะเชจู (Jeju) ซึ่งถือว่าเป็นที่เที่ยวสำคัญอีกแห่งของเกาหลีเลยก็ว่าได้ค่ะ เราพากันมาเช็คลิสต์ที่ หมู่บ้านพื้นเมืองซงอึบ หรือ หมู่บ้านวัฒนธรรมซงอึบ (Seongeup Folk Village) ที่เป็นหมู่บ้าน เกาหลีโบราณเล็กๆ บริเวณเชิงเขาฮัลลาซาน และมีผู้คนอาศัยอยู่กันมารุ่นต่อรุ่นอย่างยาวนาน

บรรณานุกรม KOREAN CULTURAL. (ม.ป.พ.). เกี่ยวกับประเทศเกาหลี. สืบค้นเมื่อ 3 กรกฏาคม 2565, จาก: www.thailand. korean-cultural.org/th/135/korean/35 10

สมาชิก 1.เด็กหญิง ปุณยวีร์ ศิริวัฒน์ เลขที่10 2.เด็กหญิง พิมพ์พิดา เสียงเย็น เลขที่15 3.เด็กหญิง เมษา ภาคแก้ว เลขที่18 4.เด็กหญิง พิมพ์นวียา ยกขุน เลขที่32


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook