Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนภาคเรียนที่ 1

แผนภาคเรียนที่ 1

Published by rpch7386, 2019-12-19 22:07:32

Description: แผนภาคเรียนที่ 1

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 รายวิชา วิทยาการคานวณ รหสั วชิ า ว22102 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 ระบบคอมพวิ เตอร์ เวลา 10 ช่วั โมง แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง องคป์ ระกอบของระบบคอมพิวเตอร์ เวลา 2 ชัว่ โมง ผ้สู อน จักรกฤษ สาราญ 1. สาระสาคัญ เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปญั หาท่ีพบในชวี ิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจรยิ ธรรม 2. มาตรฐาน/ตัวชว้ี ัด 1.1 ตวั ช้ีวดั ว 4.2 ม.2/3 อภิปรายองค์ประกอบและหลักการทางานของระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการส่ือสาร เพ่อื ประยกุ ตใ์ ชง้ านหรอื แกป้ ญั หาเบอื้ งตน้ 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายองคป์ ระกอบของระบบคอมพิวเตอรไ์ ด้ถูกต้อง (K) 2. อธิบายการทางานของหนว่ ยตา่ ง ๆ ของฮาร์ดแวรไ์ ดถ้ กู ตอ้ ง (K) 3. บอกอุปกรณ์ที่ใชท้ าหน้าทใี่ นแต่ละหนว่ ยไดถ้ กู ต้อง (K) 4. เลือกใชง้ านซอฟตแ์ วร์ให้สอดคลอ้ งและเหมาะสมกบั ความตอ้ งการได้ (P) 5. สนใจใฝเ่ รยี นรู้ในการศกึ ษาและนาไปใช้ในชวี ิตประจาวันได้อย่างเหมาะสม (A) 4. การวัดและประเมินผล วธิ ีวดั เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ประเมนิ ตามสภาพจรงิ รายการวดั - ตรวจแบบทดสอบ 7.1 การประเมินก่อนเรยี น กอ่ นเรียน - แบบทดสอบก่อนเรยี น - ตรวจใบงานที่ 1.1.1 - ใบงานท่ี 1.1.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เร่ือง ระบบคอมพิวเตอร์ 7.2 ประเมนิ ระหว่างการจัดกจิ กรรม การเรียนรู้ 1) องคป์ ระกอบของฮารด์ แวร์

รายการวัด วธิ วี ดั เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมิน 2) ประเภทของซอฟต์แวร์ - ตรวจใบงานที่ 1.1.2 - ใบงานท่ี 1.1.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3) การนาเสนอผลงาน - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมิน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ 4) พฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ 5) คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - สงั เกตความมวี นิ ยั - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2 ความรับผิดชอบ คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ อนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ ม่นั ในการทางาน 5. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ท้องถ่ิน พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา สาระการเรียนรแู้ กนกลาง - องค์ประกอบและหลกั การทางานของระบบ คอมพวิ เตอร์ 6.การบรู ณาการ 1. วิทยาการคานวณ : การใช้อนิ เตอรเ์ น็ตสืบคน้ ขอ้ มลู ในการจัดการข้อมูลสารสนเทศ 2. งานสวนพฤกษศาสตร์ : องคป์ ระกอบท่ี ๓ การศกึ ษาขอ้ มูลดา้ นตา่ งๆ การสืบคน้ ขอ้ มลู 7. กิจกรรมการเรยี นรู้  แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชั่วโมงที่ 1 ข้ันนาเข้าสู่บทเรยี น ขนั้ ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) 1. นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียนหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรือ่ ง ระบบคอมพิวเตอร์ เพอื่ วดั ความรู้ เดิมของนกั เรียนกอ่ นเขา้ สู่กิจกรรม 2. ครถู ามคาถามประจาหวั ขอ้ ว่า“นักเรยี นรหู้ รือไมว่ า่ หากระบบคอมพวิ เตอรข์ าดส่วนประกอบ สว่ นใดส่วนหน่งึ ไประบบคอมพวิ เตอรย์ ังจะสามารถทางานต่อไปได้หรือไม่” (แนวตอบ : นกั เรยี นตอบตามความคดิ เหน็ ของตนเอง โดยคาตอบขึ้นอยูก่ บั ดุลยพนิ จิ ของ ครผู สู้ อน เชน่ ระบบคอมพิวเตอรไ์ ม่สามารถใชง้ านได้ ระบบคอมพวิ เตอรส์ ามารถใช้งานได้ แตไ่ ม่มีประสิทธิภาพ เป็นตน้ )

3. ครอู ธบิ ายเพอ่ื เช่อื มโยงเข้าสู่บทเรยี นวา่ “ระบบคอมพิวเตอรห์ มายถึงการทางานของ คอมพวิ เตอร์ทม่ี ีส่วนต่าง ๆ ที่ทางานร่วมกนั เพ่ือให้บรรลุเป้าหมายในการทางานไดอ้ ยา่ ง มรี ะบบและมีประสิทธภิ าพ” ขน้ั สอน ขั้นที่ 2 สารวจค้นหา (Exploration) 1. ครูทบทวนความรเู้ ดิมของนกั เรียนโดยเขียนคาวา่ “องคป์ ระกอบของระบบคอมพิวเตอร์” ลงบนกระดานหน้าชน้ั เรยี นและให้นกั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกับองค์ประกอบของระบบ คอมพวิ เตอร์ว่าประกอบไปดว้ ยอะไรบา้ ง จากนน้ั ครูจดบันทกึ คาตอบของนักเรยี นลงบน กระดานหน้าชัน้ เรยี น 2. นกั เรียนสบื คน้ ข้อมลู เกี่ยวกบั องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์จากหนงั สือเรยี นรายวิชา พน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 เรื่อง ระบบคอมพิวเตอร์ หรือจากอนิ เทอร์เนต็ ที่เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ของตนเอง 3. นกั เรียนภายในช้นั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ และตรวจสอบความถกู ต้องของคาตอบ บนกระดานหน้าชั้นเรยี น 4. ครเู น้นยา้ กับนกั เรยี นเก่ยี วกบั องค์ประกอบของระบบคอมพวิ เตอรว์ ่า“องคป์ ระกอบของระบบ คอมพวิ เตอร์ประกอบด้วยองคป์ ระกอบสาคัญ 5 ส่วน ดังน้ี 1) ฮารด์ แวร์ คอื สว่ นของอปุ กรณค์ อมพวิ เตอร์ และอุปกรณต์ ่อพ่วงตา่ ง ๆ 2) ซอฟตแ์ วร์ คอื สว่ นของโปรแกรมท่เี ปน็ คาสง่ั ในการควบคุมการทางานของ เครือ่ งคอมพิวเตอร์ 3) บคุ ลากร คอื ผปู้ ฏิบตั หิ นา้ ที่เกย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์เพ่อื ปอ้ นขอ้ มูลหรอื ใชง้ านคอมพิวเตอร์ 4) ข้อมลู สารสนเทศ คือ ขอ้ มูลดิบทมี่ ีจานวนมาก ซึ่งอาจอย่ใู นรูปของตัวเลข ตวั อักษรหรือ สัญลกั ษณต์ า่ ง ๆ 5) กระบวนการ คือ กระบวนการทางานเพอื่ ให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ” 5. นักเรยี นศึกษาเนื้อหาเรอ่ื งฮาร์ดแวร์จากหนังสือเรยี นหรอื สบื ค้นเพม่ิ เติมจากอนิ เทอร์เน็ต ข้นั ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 6. ครูอธิบายกับนกั เรียนถึงองคป์ ระกอบทางด้านฮารด์ แวรว์ า่ “องคป์ ระกอบทางด้านฮาร์ดแวร์ ประกอบไปดว้ ย 4 หนว่ ย ได้แก่ หนว่ ยรับข้อมลู หนว่ ยแสดงผลขอ้ มูล หนว่ ยเก็บขอ้ มลู และ หน่วยประมวลผลกลาง ซึ่งแต่ละหนว่ ยจะมหี นา้ ท่กี ารทางานท่ีมีลักษณะที่แตกตา่ งกัน” 7. ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ เกย่ี วกับฮารด์ แวร์ว่า“การใชฮ้ าร์ดแวรน์ น้ั มหี ลักในการเลือกใช้ คอื 1) วิเคราะห์วตั ถปุ ระสงค์ของการใช้งาน ควรวเิ คราะหว์ ่าเปน็ การใช้งานในสานกั งาน งานนาเสนอท่ัวไป งานประมวลผล หรืองานสอื่ ประสม

2) ควรเลอื กคอมพวิ เตอรต์ ามลกั ษณะของการใชง้ าน ถา้ เปน็ งานนอกสถานท่ที ี่ต้องใช้ คอมพิวเตอร์ติดตามผูใ้ ช้ มีการเคล่อื นทีห่ รอื เคลอ่ื นย้ายบ่อยกค็ วรเลือกใช้ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก หรอื แทบ็ เล็ตคอมพวิ เตอร์ แต่ถา้ เป็นงานในสถานที่ หรอื ใชใ้ นสานักงานกค็ วรเป็นเครอื่ งคอมพวิ เตอรท์ จ่ี ัดเป็นชุด” 8. นกั เรยี นศกึ ษาความรู้เสริมจากเน้อื หาเพ่ือขยายความร้ขู องผูเ้ รยี น (Com Sci Focus) เรอ่ื ง ความสาคัญของ CPU ว่า“CPU เปน็ อปุ กรณ์ทีม่ คี วามสาคญั และจาเปน็ ต่อการทางาน ของเครอื่ งคอมพิวเตอรเ์ ปน็ อยา่ งมาก ซ่งึ อาจจะเรียกไดว้ ่า CPU เป็นสมองของคอมพวิ เตอร์ ถา้ หากคอมพิวเตอรป์ ราศจาก CPU แล้ว คอมพวิ เตอร์จะไม่สามารถทางานได้ เนอ่ื งจาก CPU เปน็ ตัวควบคุมการทางานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์คอมพวิ เตอร์เอง หรืออุปกรณ์ต่อพว่ งภายนอก” 9. นักเรยี นทาใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง องค์ประกอบของฮาร์ดแวร์ โดยใหน้ ักเรยี นพิจารณา อปุ กรณ์ตา่ ง ๆ จากนน้ั เติมชื่ออุปกรณ์และบอกหนา้ ทีล่ งในตารางใหส้ มบูรณ์ 10. ครูสุ่มนกั เรียน 2-3 คน ออกมานาเสนอหน้าชั้นเรียน พรอ้ มกบั อภปิ รายร่วมกนั ในห้องเรียน ชัว่ โมงที่ 2 ขน้ั สอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 11. ครทู บทวนเนอ้ื หาการเรยี นเมอื่ ชั่วโมงที่แล้วเกี่ยวกับองค์ประกอบของระบบคอมพวิ เตอร์ 12. นกั เรียนศึกษาเนอื้ หาเรือ่ งซอฟตแ์ วร์ บุคลากร ข้อมูลสารสนเทศ และกระบวนการ จากหนังสอื เรยี น 13. ครอู ธบิ ายกับนกั เรยี นเกี่ยวกับเร่อื งซอฟตแ์ วรเ์ พอื่ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจมากยงิ่ ขน้ึ ว่า“ซอฟตแ์ วร์ แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท ไดแ้ ก่ 1) ซอฟต์แวร์ระบบ คอื โปรแกรมท่ใี ช้ควบคมุ การทางานของเครื่องคอมพวิ เตอร์ให้ ทางานประสานกนั เช่น ระบบปฏบิ ตั กิ ารวินโดวส์ รวมถงึ โปรแกรมทีต่ ดิ ตั้งมาพรอ้ มกบั ระบบปฏบิ ัตกิ ารไม่ว่าจะเปน็ โปรแกรมจดั การไฟล์ โปรแกรมรักษาหน้าจอ เป็นต้น 2) ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกต์ คือ โปรแกรมทพ่ี ัฒนาข้ึนมาเพ่ือใชง้ านตามความต้องการต่าง ๆ ของผใู้ ช้ แบ่งเปน็ โปรแกรมทพี่ ัฒนามาใชง้ านท่วั ๆ ไป เช่น โปรแกรม Microsoft Word, Microsoft Excel, Microsoft PowerPoint เปน็ ตน้ รวมถึงโปรแกรมที่ทางานเฉพาะด้าน เชน่ โปรแกรมคานวณภาษี โปรแกรมสต็อกสนิ ค้า โปรแกรมลงทะเบียนเรยี น เปน็ ต้น” 14. ครสู ุ่มนกั เรยี น 2-3 คนออกมาอภิปรายเก่ยี วกับองค์ประกอบของระบบคอมพวิ เตอร์ ได้แก่ บคุ ลากร ข้อมลู สารสนเทศ และกระบวนการ

ข้ันท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration) 15. นกั เรียนทาใบงานที่ 1.1.2 เรื่อง ประเภทของซอฟตแ์ วร์ โดยให้นกั เรยี นสบื ค้นขอ้ มูลจากทาง อินเทอรเ์ น็ตเพื่ออธิบายหน้าที่การทางานและยกตัวอย่างซอฟตแ์ วรต์ ามประเภทท่ีกาหนดให้ 16. ครูสมุ่ นกั เรยี น 2-3 คน ออกมานาเสนอหน้าชั้นเรียน พรอ้ มกบั อภปิ รายรว่ มกนั ในห้องเรยี น ข้ันสรปุ และประเมินผล ขน้ั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูประเมนิ ผลนกั เรียนจากการสังเกตการตอบคาถาม ความสนใจในการเรียน และ การทาใบงาน 2. ครูตรวจสอบความถกู ตอ้ งของการทาใบงานที่ 1.1.1 และ ใบงานที่ 1.1.2 3. นกั เรยี นและครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรุปเกยี่ วกับองคป์ ระกอบของระบบคอมพิวเตอร์ว่า “เพอ่ื ให้บรรลุเปา้ หมายในการทางานอยา่ งมีระบบและมีประสิทธภิ าพจะตอ้ งอาศัยการทางาน ของระบบคอมพวิ เตอร์ ทป่ี ระกอบดว้ ย ฮารด์ แวร์ ซอฟตแ์ วร์ บคุ ลากร ข้อมูลสารสนเทศ และ กระบวนการ” 8. สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ม.2 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 เรื่อง ระบบคอมพิวเตอร์ 2) ใบงานท่ี 3.1.1 เร่อื ง องค์ประกอบของฮารด์ แวร์ 3) ใบงานท่ี 3.1.2 เรือ่ ง ประเภทของซอฟตแ์ วร์ 4) เคร่ืองคอมพิวเตอร์ 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หอ้ งคอมพิวเตอร์ 2) อินเตอรเ์ นต 9. การวดั และการประเมนิ ผล วธิ วี ัด เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรยี น ประเมนิ ตามสภาพจรงิ รายการวดั ก่อนเรยี น 7.1 การประเมนิ กอ่ นเรียน - ใบงานท่ี 1.1.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ตรวจใบงานที่ 1.1.1 - ใบงานท่ี 1.1.2 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น - ตรวจใบงานที่ 1.1.2 - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 - ประเมนิ การนาเสนอ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง ระบบคอมพิวเตอร์ 7.2 ประเมนิ ระหว่างการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 1) องคป์ ระกอบของฮารด์ แวร์ 2) ประเภทของซอฟต์แวร์ 3) การนาเสนอผลงาน

(ต่อ) วิธีวัด เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมนิ ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ รายการวัด - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคณุ ภาพ 2 4) พฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล การทางานรายบุคคล การทางานรายบคุ คล ผ่านเกณฑ์ 5) คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - สังเกตความมวี ินยั - แบบประเมิน ระดับคณุ ภาพ 2 ความรบั ผิดชอบ คุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ ม่นั อนั พึงประสงค์ ในการทางาน

บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 1 เร่อื ง องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ ผลการจัดการเรยี นรตู้ ามแบบประเมิน จานวนนกั เรียน.................................คน ดา้ นความรู้ ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมิน % ด้านทกั ษะกระบวนการ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ คน คิดเปน็ ร้อยละ ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ % ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมิน % ผลการประเมนิ บรรยากาศในการจดั การเรียนรู้โดยภาพรวม ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ปญั หาและอปุ กรณ์ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ขนั้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ลงชือ่ ................................................................................. (..............................................................................) ตาแหนง่ ................................................................... วนั ที.่ ............ เดือน .................................พ.ศ..........

ความคดิ เหน็ ของหัวหนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้ ......................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ ลงชอ่ื ................................................................................. (..............................................................................) ตาแหน่ง................................................................... วันท่.ี ............ เดอื น .................................พ.ศ.......... ความคิดเห็นของรองผู้อานวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ/ผ้ทู ร่ี บั มอบหมาย ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ลงช่ือ................................................................................. (..............................................................................) ตาแหน่ง................................................................... วนั ท.่ี ............ เดือน .................................พ.ศ.......... ความคดิ เห็นของผอู้ านวยการ / ผ้ทู ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ......................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................. ลงชื่อ................................................................................. (..............................................................................) ตาแหนง่ ................................................................... วนั ที่............. เดือน .................................พ.ศ..........

ใบงานที่ 1.1.1 เร่ือง องคป์ ระกอบของฮารด์ แวร์ คาชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นพิจารณาภาพอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ จากน้ันให้เติมชอื่ อุปกรณ์และบอกหน้าทลี่ งในตาราง ให้สมบูรณ์ตามหมายเลขของอปุ กรณ์ทกี่ าหนดให้ 17 6 3 5 หมายเลข 2 4 1 ช่อื อุปกรณ์ หน้าที่ 2 3 4 5 6 7

ใบงานท่ี 1.1.1 เรือ่ ง องค์ประกอบของฮารด์ แวร์ คาช้แี จง : ให้นักเรยี นพิจารณาภาพอุปกรณ์ตา่ ง ๆ จากนัน้ ให้เตมิ ชอื่ อุปกรณ์และบอกหน้าท่ีลงในตาราง ใหส้ มบูรณ์ตามหมายเลขของอุปกรณท์ ก่ี าหนดให้ 17 6 3 2 5 หมายเลข ชอื่ อุปกรณ์ 4 1 ซดี ี/ดวี ีดี (CD/DVD) หนา้ ท่ี สาหรบั อา่ น/เขยี นข้อมลู จากแผ่นซีดี 2 ปรินตเ์ ตอร์ (Printer) เป็นอปุ กรณ์หนว่ ยแสดงผลโดยการพิมพ์ขอ้ มูลออกเปน็ ตัวอักษร ตัวเลขและรูปภาพ 3 เคส (Case) เปน็ สว่ นทบี่ รรจอุ ุปกรณค์ อมพิวเตอร์ไว้ภายใน เช่น ซพี ียู หน่วยความจา และอุปกรณ์บนั ทึกขอ้ มูล 4 คยี ์บอร์ด (Keyboard) สาหรบั ป้อนข้อมูลตา่ ง ๆ เข้าสู่คอมพวิ เตอร์ 5 เมาส์ (Mouse) เป็นอปุ กรณ์สาหรบั ใชช้ ี้ตาแหน่ง และใช้เลอื กไอคอน ต่าง ๆ ทอี่ ยบู่ นหน้าจอภาพคอมพิวเตอร์ 6 ลาโพง (Speaker) ใช้ส่งข้อมลู ท่อี ยใู่ นลักษณะของเสียงต่าง ๆ ให้ผู้ใช้งาน ไดย้ นิ 7 จอภาพ (Monitor) เปน็ ส่วนที่ใช้แสดงผลขอ้ มลู ต่าง ๆ ให้ผใู้ ชม้ องเหน็ และ รบั รู้ ขณะท่ีเคร่อื งคอมพิวเตอรท์ างาน

ใบงานท่ี 1.1.2 เร่อื ง ประเภทของซอฟตแ์ วร์ คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มูลจากอินเทอรเ์ น็ต เพื่ออธิบายหน้าที่การทางานและยกตวั อย่างซอฟต์แวร์ ตามประเภททีก่ าหนดให้ ประเภท หนา้ ที่การทางาน ตวั อย่างซอฟตแ์ วร์ 1. ระบบปฏบิ ัตกิ าร 2. ซอฟต์แวรป์ ระมวลคา 3. ซอฟต์แวรน์ าเสนองาน 4. ซอฟต์แวร์ตารางคานวณ 5. ซอฟตแ์ วร์จัดการฐานข้อมูล

ใบงานที่ 1.1.2 เรือ่ ง ประเภทของซอฟต์แวร์ คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนสบื ค้นขอ้ มูลจากอนิ เทอรเ์ น็ต เพ่ืออธบิ ายหนา้ ที่การทางานและยกตวั อยา่ งซอฟต์แวร์ ตามประเภททก่ี าหนดให้ ประเภท หนา้ ที่การทางาน ตัวอยา่ งซอฟต์แวร์ 1. ระบบปฏบิ ัติการ ควบคุมการประสานงานระหวา่ งซอฟตแ์ วรก์ ับ - ระบบปฏบิ ัติการดอส อุปกรณค์ อมพิวเตอรต์ ่าง ๆ - ระบบปฏบิ ตั กิ ารวนิ โดวส์ - ระบบปฏบิ ตั ิการแมคอนิ ทอช - ระบบปฏิบตั ิการลนี กุ ซ์ - ระบบปฏิบัตกิ ารแอนดรอยด์ 2. ซอฟต์แวรป์ ระมวลคา เป็นซอฟต์แวรท์ ีอ่ อกแบบสาหรับการพมิ พ์ - Microsoft Word เอกสาร สามารถแก้ไข เพ่ิม แทรก ลบ และ - PageMaker จัดรปู แบบเอกสารไดอ้ ยา่ งดี เอกสารที่พมิ พ์ และจดั เก็บไฟล์ สามารถแก้ไข และพิมพอ์ อก ทางเคร่อื งพิมพไ์ ด้ 3. ซอฟต์แวรน์ าเสนองาน เปน็ ซอฟตแ์ วร์ทช่ี ว่ ยให้การนาเสนอทาได้ง่าย - Microsoft PowerPoint สะดวกรวดเรว็ และมีความนา่ สนใจมากยงิ่ ขนึ้ - Open Office สามารถสร้างสไลดท์ ่ีประกอบด้วย ตัวอกั ษร - Harvard Graphic รปู ภาพ กราฟ แผนภูมิ ตาราง ภาพเคลอ่ื นไหว และเสยี ง สามารถตกแต่งและนาเสนอสไลด์ ด้วยรปู แบบต่าง ๆ ได้ 4. ซอฟตแ์ วร์ตารางคานวณ เปน็ ซอฟตแ์ วรท์ ชี่ ่วยในการคดิ คานวณ - Microsoft Excel สามารถสงั่ ให้คานวณตามสูตรหรอื เงอ่ื นไขที่ - Pladao Office กาหนด หรอื สามารถสร้างคาสั่งหรือสูตรเพื่อ ใช้งานเฉพาะได้ 5. ซอฟต์แวรจ์ ดั การฐานข้อมลู ช่วยในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู การประมวลผล - Microsoft Access ข้อมลู การสรา้ งรายงานผล หรอื สรปุ ผลของ - Obsolete ขอ้ มลู ที่ผา่ นการประมวลแล้ว - SQL - Oracle

แผนการจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 รายวิชา วิทยาการคานวณ รหสั วิชา ว22102 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ระบบคอมพวิ เตอร์ เวลา 10 ชั่วโมง แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 3 เรอ่ื ง เทคโนโลยีการส่ือสาร เวลา 4 ชัว่ โมง ผ้สู อน จักรกฤษ สาราญ 1. สาระสาคญั เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจรงิ อย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหาไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจรยิ ธรรม 2. มาตรฐาน/ตวั ช้วี ัด 1.1 ตัวช้ีวดั ว 4.2 ม.2/3 อภปิ รายองคป์ ระกอบและหลกั การทางานของระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยกี ารสือ่ สาร เพอ่ื ประยุกต์ใชง้ านหรอื แกป้ ัญหาเบื้องต้น 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายองค์ประกอบของการสื่อสารไดถ้ ูกตอ้ ง (K) 2. อธบิ ายสอื่ กลางในการสอ่ื สารขอ้ มูลไดถ้ กู ต้อง (K) 3. อธบิ ายทิศทางในการส่ือสารข้อมลู ได้ถกู ตอ้ ง (K) 4. สบื คน้ ข้อมูลเกี่ยวกบั เทคโนโลยีการส่อื สารได้ถูกตอ้ ง (P) 5. สนใจใฝเ่ รยี นรูใ้ นการศึกษา (A) 4. การวดั และประเมนิ ผล รายการวัด วิธีวดั เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ 7.1 ประเมินระหวา่ งการจัดกิจกรรม - ใบงานท่ี 1.3.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ใบงานท่ี 1.3.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ การเรียนรู้ - ใบงานท่ี 1.3.3 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 1) องค์ประกอบของการสื่อสาร - ตรวจใบงานท่ี1.3.1 ข้อมูล 2) ทิศทางการสื่อสารข้อมลู - ตรวจใบงานที่ 1.3.2 3) สือ่ กลางของการสอื่ สาร - ตรวจใบงานที่ 1.3.3

รายการวัด วิธีวัด เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน ข้อมลู 4) ประเภทของระบบเครอื ขา่ ย - ตรวจใบงานท่ี 1.3.4 - ใบงานที่ 1.3.4 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 5) การนาเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์ 6) พฤตกิ รรมการทางาน ผลงาน การนาเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 รายบุคคล ผ่านเกณฑ์ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคณุ ภาพ 2 7) พฤติกรรมการทางานกลุม่ การทางานรายบคุ คล การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ 2 8) คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ การทางานกล่มุ การทางานกลุ่ม - สังเกตความมวี นิ ัย - แบบประเมิน คุณลักษณะ ความรบั ผิดชอบ อันพงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มั่น ในการทางาน 5. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรทู้ อ้ งถิน่ พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง - เทคโนโลยีการส่ือสาร 6.การบูรณาการ 1. วทิ ยาการคานวณ : การใช้อนิ เตอรเ์ นต็ สบื คน้ ข้อมูลในการจัดการขอ้ มูลสารสนเทศ 2. งานสวนพฤกษศาสตร์ : องคป์ ระกอบที่ ๓ การศกึ ษาข้อมูลดา้ นต่างๆ การสืบค้นขอ้ มูล 7. กิจกรรมการเรยี นรู้  แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นนาเข้าส่บู ทเรยี น ข้นั ที่ 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engagement) 1. ครูทบทวนเน้อื หาการเรยี นจากชวั่ โมงทผ่ี ่านมาเกี่ยวกบั หลกั การทางานของระบบคอมพิวเตอร์ 2. ครทู บทวนความร้ขู องนกั เรียนโดยต้งั คาถามวา่ “ปัจจุบันมเี ทคโนโลยีใดที่เขา้ มาช่วยเหลอื ใน การสือ่ สารบ้าง” โดยครคู อยบนั ทกึ คาตอบของนักเรียนลงบนกระดานหน้าชั้นเรยี น

(แนวตอบ : นักเรยี นตอบตามประสบการณข์ องตนเอง โดยคาตอบขน้ึ อยกู่ บั ดุลยพินจิ ของ ครผู ้สู อน เชน่ โทรศพั ท์ คอมพวิ เตอร์ เป็นต้น) 3. ครถู ามคาถามประจาหวั ข้อวา่ “นักเรยี นรหู้ รือไมว่ า่ ข้อดีของการนาเทคโนโลยีเขา้ มาชว่ ยเหลอื ในการสอื่ สารนนั้ มอี ะไรบา้ ง” (แนวตอบ : นกั เรยี นตอบตามความคดิ เห็นของตนเอง โดยคาตอบขนึ้ อยู่กบั ดลุ ยพนิ ิจของ ครูผ้สู อน เช่น ทาใหไ้ ด้รบั รูข้ า่ วสารต่าง ๆ ได้อย่างทันทว่ งที ประหยดั คา่ ใชจ้ ่ายในการสอ่ื สาร เปน็ ตน้ ) ขน้ั สอน ขัน้ ที่ 2 สารวจค้นหา (Exploration) 1. นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุม่ ละ 3-4 คน หรอื ตามความเหมาะสม และให้แต่ละกลมุ่ สืบคน้ ขอ้ มลู จากอินเทอรเ์ นต็ ท่ีเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ของตนเองเก่ียวกบั องค์ประกอบของการส่ือสารข้อมูล โดยนักเรียนสามารถศึกษาเนอื้ หา เรื่อง องคป์ ระกอบของการส่ือสารขอ้ มลู ได้จากหนงั สอื เรยี น รายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ม.2 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 เรื่อง ระบบคอมพวิ เตอร์ จากน้ันให้แตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอหนา้ ช้ันเรยี น พร้อมพดู คยุ เพอ่ื แลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ กับเพือ่ นในชั้นเรียน 2. ครูอธบิ ายเพมิ่ เติมกบั นักเรยี นเกี่ยวกบั องคป์ ระกอบขอ้ มูลข่าวสาร ซึ่งเปน็ องค์ประกอบสาคัญ ของการสอ่ื สารขอ้ มูลว่า“ขอ้ มลู ข่าวสารเปน็ ตวั เนอ้ื หาของขอ้ มูล ซึ่งมไี ด้หลายรูปแบบดงั น้ี 1) ข้อความ (Text) เปน็ ขอ้ มูลท่อี ยู่ในรปู อักขระหรอื เอกสาร 2) เสียง (Voice) เปน็ เสยี งท่ีมนษุ ยห์ รอื อปุ กรณ์บางอยา่ งเปน็ ตวั สรา้ งขน้ึ มา 3) รูปภาพ (Image) เป็นข้อมูลท่เี ป็นรปู ภาพ เชน่ การสแกนภาพเขา้ คอมพิวเตอร์ ภาพถา่ ย เป็นตน้ 4) สื่อผสม (Multimedia) เปน็ ขอ้ มูลทผ่ี สมลักษณะของทงั้ รปู ภาพ เสยี ง และขอ้ ความ เขา้ ด้วยกัน โดยสามารถเคลอ่ื นไหวได้” 3. นกั เรียนศกึ ษาพฒั นาการของการสอ่ื สารข้อมูลท่สี ามารถแบง่ ออกได้เป็น 3 ยุคจากหนังสือเรียน 4. ครสู ุ่มนกั เรียน 3 คนออกมาอภปิ รายหนา้ ชั้นเรยี นเก่ียวกับการสื่อสารขอ้ มูลพรอ้ มยกตวั อย่าง การสื่อสารในแต่ละยคุ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 5. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรียนซกั ถามข้อสงสัย โดยครใู หค้ วามรู้เพมิ่ เตมิ ในสว่ นน้นั 6. นักเรยี นทาใบงานท่ี 1.3.1 เร่ือง องค์ประกอบของการส่ือสารขอ้ มลู 7. ครูสุ่มนกั เรยี น 2-3 คน ออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรยี น พรอ้ มกับอภปิ รายร่วมกันภายในห้องเรียน

ชว่ั โมงที่ 2 ขน้ั สอน ขั้นที่ 2 สารวจคน้ หา (Exploration) 8. ครทู บทวนเน้อื หาการเรียนจากช่วั โมงทีผ่ ่านมาเกี่ยวกับองค์ประกอบของการสอื่ สารขอ้ มูล และ พฒั นาการของการสื่อสารขอ้ มลู 9. นักเรยี นศึกษาเน้อื หาเก่ยี วกับทิศทางการสอ่ื สารข้อมลู ที่สอื่ สารขอ้ มูลจากผู้ส่งสารไปยงั ผูร้ บั สาร โดยผา่ นตวั กลาง และสามารถจาแนกทศิ ทางการส่ือสารออกเปน็ 3 รปู แบบ 10. ครูสมุ่ นักเรยี น 3-4 คน ออกมาอธิบายเก่ียวกับทศิ ทางการสอ่ื สารข้อมูลทั้ง 3 รปู แบบ ตามทนี่ ักเรียนได้ศกึ ษาจากหนงั สอื เรยี น ดงั นี้ 1) การส่ือสารทิศทางเดียว 2) การสื่อสารกึ่งสองทศิ ทาง 3) การสอ่ื สารสองทศิ ทาง 11. นกั เรยี นทาใบงานที่ 1.3.2 เรอื่ ง ทศิ ทางการสื่อสารข้อมลู 12. ครูสุม่ นักเรียน 2-3 คน ออกมานาเสนอหน้าชัน้ เรยี น พร้อมกับอภิปรายร่วมกนั ภายในหอ้ งเรียน ชวั่ โมงที่ 3 ขน้ั สอน ขน้ั ท่ี 2 สารวจคน้ หา (Exploration) 13. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม (กลุม่ เดมิ ) เพอ่ื ศึกษาเนอ้ื หาเก่ยี วกับส่ือกลางของการส่อื สารขอ้ มูลผ่านระบบ เครอื ข่าย และพิจารณาถึงข้อดี – ข้อเสยี ของประเภทสายสัญญาณในแตล่ ะแบบจากหนังสอื เรียน ตามหัวขอ้ ดังตอ่ ไปนี้ 1) สื่อกลางประเภทสายสัญญาณ 1.1 สายคู่บิดเกลียว 1.2 สายโคแอกเชียล 1.3 สายไฟเบอร์ออปตกิ 2) สื่อกลางประเภทไร้สาย 2.1 อินฟราเรด 2.2 คล่ืนวิทยุ 2.3 ไมโครเวฟ 2.4 ดาวเทยี มส่อื สาร

14. ครูอธบิ ายเพ่ือเชือ่ มโยงความร้สู ู่ชวี ติ ประจาวนั (Com Sci in Real Life) ว่า“สายคูบ่ ิดเกลียว แบบ UTP ถูกผลติ ข้ึนมาใช้งานก่อนแล้วจึงได้มีการพฒั นาเปน็ STP ซึ่งสาย UTP เรม่ิ แรก ถกู นามาใช้ในระบบโทรศพั ท์ แตป่ ัจจุบันถกู นามาใช้เปน็ สญั ญาณท่ีเชื่อมต่อในระบบเครือข่าย ท้องถนิ่ (LAN) และมกี ารกาหนดมาตรฐานไว้ โดยสายที่มมี าตรฐานสูงจะสามารถส่งขอ้ มูล ขนาดใหญไ่ ด้ และมคี วามเรว็ ในการส่งสงู แตก่ ็จะมีราคาแพงข้นึ ตามลาดบั ” 15. นักเรยี นพิจารณาคณุ สมบัตแิ ละการนาไปใชง้ านของส่ือกลางประเภทสายสัญญาณ 16. นกั เรยี นศึกษาความร้เู สรมิ จากเนื้อหาเพื่อขยายความรู้ของผ้เู รยี น (Com Sci Focus) เรื่อง หน่วยวัดความเร็วของคอมพวิ เตอร์ ท่กี ล่าวถึง Gbps ที่ยอ่ มากจากคาวา่ Gigabit per second และ Mbps ทย่ี อ่ มาจากคาวา่ Megabit per second ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation) 17. ครูอธิบายเพม่ิ เติมกบั นกั เรียนเกยี่ วกับสอื่ กลางของการส่ือสารขอ้ มลู ผ่านระบบเครือข่ายวา่ “สอ่ื กลางของการสอ่ื สารขอ้ มลู ประกอบไปด้วย 2 ประเภท คอื 1) ส่ือกลางประเภทสายสญั ญาณ เปน็ สอื่ ทีอ่ าศัยวัสดุท่ีจบั ต้องไดเ้ ป็นตัวส่งผา่ น สัญญาณ เชน่ สายทองแดง เป็นตน้ ซึ่งแบ่งออกเปน็ สายค่ตู ีเกลียว (Twisted Pair) สายโคแอกเชยี ล (Coaxial Cable) และสายไฟเบอร์ออปติก (Fiber-Optic) 2) สอ่ื กลางประเภทไร้สาย เป็นส่อื กลางประเภทท่ีไม่ใช้วสั ดุใด ๆ ในการนาสญั ญาณ ซ่งึ จะไมม่ ีการกาหนดเสน้ ทางใหส้ ญั ญาณเดนิ ทาง เช่น คล่ืนไมโครเวฟ คล่ืนแม่เหล็กไฟฟา้ เปน็ ต้น ซึง่ แบง่ ออกเปน็ คลน่ื วิทยุ ไมโครเวฟ และดาวเทยี ม สื่อสาร เป็นต้น” 18. นกั เรียนทาใบงานที่ 1.3.3 เร่ือง สือ่ กลางของการส่อื สารข้อมูล 19. ครูสุ่มนกั เรียน 2-3 คน ออกมานาเสนอหนา้ ช้ันเรียน พร้อมกบั อภปิ รายรว่ มกนั ภายในห้องเรียน ชว่ั โมงท่ี 4 ขน้ั สอน ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation) 20. นกั เรียนศกึ ษาเน้อื หาเกี่ยวกบั ประเภทของระบบเครอื ขา่ ยจากหนงั สอื เรียนตามหัวข้อดังตอ่ ไปน้ี 1) เครอื ขา่ ยส่วนบคุ คล 2) เครอื ขา่ ยสว่ นท้องถิน่ 3) เครอื ข่ายระดบั เมือง 4) เครอื ข่ายระดบั ประเทศ 21. ครสู ุ่มนกั เรียน 3-4 คน ออกมาอธิบายประเภทของระบบเครือขา่ ย ตามที่นกั เรียนไดศ้ กึ ษาจาก หนงั สอื เรียน

22. ครูอธบิ ายเพื่อเชอื่ มโยงความร้สู ู่ชวี ติ ประจาวัน (Com Sci in Real Life) เรอ่ื ง ระบบเครือขา่ ย ในสถานศึกษาวา่ “ระบบเครือข่ายในสถานศกึ ษาท่ีมีอาคารเรียนหลาย ๆ อาคาร สว่ นใหญม่ กั จะ มีระบบ MAN ไวค้ อยเช่อื มต่อกบั ระบบ LAN ของแต่ละอาคารเขา้ ด้วยกนั ” 23. ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ เกีย่ วกับเครอื ข่าย WAN ซึง่ เปน็ ประเภทหน่งึ ของระบบเครอื ขา่ ยว่า“เครอื ขา่ ย WAN สามารถแบง่ เปน็ ประเภทใหญ่ ๆ ดงั นี้ 1) เครอื ข่ายส่วนตวั (Private Network) เป็นการจัดต้ังระบบเครอื ขา่ ยซ่งึ มกี ารใชง้ าน เฉพาะองคก์ ร เชน่ องค์กรท่ีมีสาขาอาจทาการสร้างระบบเครือขา่ ย เพ่อื เชอื่ มต่อ ระหวา่ งสานกั งานใหญก่ บั สาขาท่มี อี ยู่ เป็นต้น 2) เครอื ข่ายสาธารณะ (PDN: Public Data Network) เปน็ เครือขา่ ยจะมีองค์กร หนึ่งเป็นผทู้ าหน้าทใ่ี นการเดนิ ระบบเครือข่าย และให้บรกิ ารเช่าชอ่ งทางการสือ่ สาร ใหก้ ับบริษทั ต่าง ๆ ท่ีตอ้ งการสร้างระบบเครอื ขา่ ย ซ่ึงจะนิยมใชก้ นั มาก เนื่องจากมีค่าใช้จา่ ยต่ากว่าการจดั ตงั้ เครือขา่ ยส่วนตวั สามารถใชง้ านไดท้ นั ทีโดยไม่ ต้องเสยี เวลาในการจดั ตัง้ เครอื ข่ายใหม่ รวมท้ังมบี ริการให้เลือกอย่างหลากหลาย” ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration) 24. นักเรียนทาใบงานที่ 1.3.4 เรื่อง ประเภทของระบบเครือขา่ ย 25. ครูสมุ่ นกั เรียน 2-3 คน ออกมานาเสนอหนา้ ชนั้ เรียน พร้อมกบั อภิปรายรว่ มกันภายในห้องเรียน ขน้ั สรปุ ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูประเมนิ ผลนกั เรียนจากการสงั เกตการตอบคาถาม การนาเสนอหนา้ ชัน้ เรยี น ความสนใจ ในการเรยี น และการทาใบงาน 2. ครูตรวจสอบความถกู ตอ้ งของผลการทาใบงานที่ 1.3.1, ใบงานที่ 1.3.2, ใบงานที่ 1.3.3 และใบงานที่ 1.3.4 3. นักเรยี นและครรู ว่ มกันสรุปเก่ียวกับเทคโนโลยีการสื่อสารว่า“ในปจั จบุ นั เทคโนโลยีเข้ามามี บทบาทสาคญั ในการดารงชีวิตของมนษุ ยม์ ากข้นึ โดยเฉพาะในด้านการสื่อสาร ไดม้ กี ารพัฒนา อปุ กรณ์ตา่ ง ๆ เข้ามาช่วยเหลอื ในการส่อื สาร เชน่ โทรศพั ท์ คอมพวิ เตอร์ เปน็ ตน้ ” 8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 ส่ือการเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรียนรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 เรือ่ ง ระบบคอมพวิ เตอร์ 2) ใบงานที่ 1.3.1 เรื่อง องคป์ ระกอบของการส่ือสารขอ้ มลู 3) ใบงานท่ี 1.3.2 เรื่อง ทศิ ทางการสื่อสารขอ้ มูล

4) ใบงานท่ี 1.3.3 เรอ่ื ง สื่อกลางของการสอ่ื สารขอ้ มูล 5) ใบงานที่ 1.3.4 เรื่อง ประเภทของระบบเครอื ข่าย 6) เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หอ้ งคอมพวิ เตอร์ 2) อนิ เตอรเ์ นต 9. การวดั และการประเมนิ ผล รายการวดั วธิ ีวัด เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมนิ - ใบงานท่ี 1.3.1 7.1 ประเมินระหวา่ งการจดั กจิ กรรม รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การเรยี นรู้ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 1) องค์ประกอบของการส่ือสาร - ตรวจใบงานที่1.3.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ขอ้ มูล ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 2) ทศิ ทางการสือ่ สารขอ้ มูล - ตรวจใบงานท่ี 1.3.2 - ใบงานที่ 1.3.2 ระดับคุณภาพ 2 3) สือ่ กลางของการสอื่ สาร - ตรวจใบงานที่ 1.3.3 - ใบงานท่ี 1.3.3 ผา่ นเกณฑ์ ระดับคุณภาพ 2 ข้อมลู - ตรวจใบงานที่ 1.3.4 - ใบงานที่ 1.3.4 ผา่ นเกณฑ์ 4) ประเภทของระบบเครอื ขา่ ย - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 5) การนาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ ผลงาน การนาเสนอผลงาน 6) พฤติกรรมการทางาน - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม รายบคุ คล การทางานรายบุคคล การทางานรายบคุ คล 7) พฤติกรรมการทางานกลุม่ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม 8) คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ การทางานกลมุ่ การทางานกลุ่ม - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ความรบั ผิดชอบ อนั พึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ มนั่ ในการทางาน

บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 3 เร่อื ง เทคโนโลยีการส่ือสาร ผลการจัดการเรยี นรูต้ ามแบบประเมิน จานวนนกั เรยี น.................................คน ดา้ นความรู้ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ คน คดิ เปน็ ร้อยละ ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมนิ % ด้านทกั ษะกระบวนการ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน % ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน % ผลการประเมินบรรยากาศในการจดั การเรยี นร้โู ดยภาพรวม ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ปัญหาและอปุ กรณ์ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ขน้ั เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ลงชื่อ................................................................................. (..............................................................................) ตาแหนง่ ................................................................... วันท่.ี ............ เดอื น .................................พ.ศ..........

ความคิดเห็นของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ......................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ ลงชอ่ื ................................................................................. (..............................................................................) ตาแหนง่ ................................................................... วนั ท.่ี ............ เดอื น .................................พ.ศ.......... ความคดิ เห็นของรองผู้อานวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ/ผู้ทีร่ ับมอบหมาย ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ลงชอ่ื ................................................................................. (..............................................................................) ตาแหน่ง................................................................... วนั ที่............. เดือน .................................พ.ศ.......... ความคดิ เหน็ ของผ้อู านวยการ / ผ้ทู ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ......................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................. ลงช่ือ................................................................................. (..............................................................................) ตาแหนง่ ................................................................... วนั ที่............. เดอื น .................................พ.ศ..........

ใบงานท่ี 1.3.1 เรอ่ื ง องค์ประกอบของการสื่อสารข้อมลู คาช้ีแจง : ให้นักเรยี นอธิบายความหมายองคป์ ระกอบของการสื่อสารข้อมลู ที่กาหนดมาใหถ้ ูกตอ้ ง Message …………………………………………………………………………………… Sender …………………………………………………………………………………… Medium …………………………………………………………………………………… Receiver …………………………………………………………………………………… Protocol …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………

ใบงานที่ 1.3.1 เฉลย เร่อื ง องคป์ ระกอบของการส่ือสารข้อมลู คาชแี้ จง : ให้นกั เรยี นอธบิ ายความหมายองค์ประกอบของการส่ือสารข้อมลู ทีก่ าหนดมาให้ถกู ต้อง Message ข…อ้ …เท…จ็…จ…ร…งิ ท…ีผ่ …สู้ …ง่ ต…้อ…ง…กา…ร…ถา่…ย…ท…อ…ดไ…ป…ย…งั ผ…ู้ร…บั …ซ…่ึงอ…า…จ…แส…ด…ง…… Sender อ…อ…ก…ม…าโ…ด…ยภ…า…ษ…า…หร…อื …ส…ัญ…ล…ักษ…ณ…ต์…า่…ง…ๆ…ท…่ผี …ู้ส…ง่ แ…ล…ะ…ผ…ู้รบั …เ…ขา้…ใจ… Medium …………………………………………………………………………………… Receiver Protocol …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… บ…คุ…ค…ล…ก…ล…ุม่ …บ…ุคค…ล…ห…ร…ือ…อ…ุป…กร…ณ…์ท…ท่ี …า…หน…้า…ท…เี่ ป…น็ …แ…ห…ล…ง่ ก…า…เน…ิด… ข…อ…ง…ข้อ…ม…ลู …ข…่าว…ส…าร…ท…่ตี …อ้ …งก…า…รส…่ง…ไป…ย…ัง…ผ้รู…ับ…ส…าร……………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… ส…่ิง…ท…่ที …าห…น…า้ …ท…เี่ ป…็น…ต…วั ก…ล…า…งใ…น…กา…ร…น…าข…้อ…ม…ลู …ข่า…ว…สา…ร……………… จ…า…ก…ผู้ส…ง่ …ส…าร…ส…ง่ ไ…ป…ย…ังผ…รู้ …ับ…สา…ร…………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… บ…คุ…ค…ล…ก…ล…มุ่ …บ…ุคค…ล…ห…ร…อื …อ…ปุ …กร…ณ…์ท…่ีท…า…หน…า้…ท…่ีเป…น็ …ต…วั …รับ…ข…อ้ …ม…ูล… ท…่ีผ…สู้ …ง่ …สา…ร…ส่ง…ม…า…ให…้ ………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… ก…ฎ…ห…ร…ือ…ข้อ…ต…ก…ล…งท…ใี่ …ช้ใ…น…ก…าร…ส…่อื ส…า…ร…ข้อ…ม…ูล…ท…ี่จะ…ท…า…ให…้ผ…ูส้ …่งส…า…ร… แ…ล…ะ…ผ…ู้รบั …ส…า…รม…ีค…ว…าม…เ…ข้า…ใจ…ต…ร…งก…ัน……………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………

ใบงานท่ี 1.3.2 เรอ่ื ง ทศิ ทางการส่อื สารข้อมูล คาชีแ้ จง : ใหน้ กั เรยี นพิจารณาการส่ือสารท่กี าหนดให้ จากนั้นใหบ้ อกวา่ เปน็ การส่ือสารแบบทิศทางใด และมีลักษณะ การส่ือสารอย่างไร ทิศทางการสอ่ื สาร ลกั ษณะการสือ่ สาร ทศิ ทางการส่ือสาร ลกั ษณะการสอ่ื สาร ทิศทางการสื่อสาร ลักษณะการสื่อสาร

ใบงานท่ี 1.3.2 เฉลย เร่ือง ทิศทางการสือ่ สารข้อมลู คาช้ีแจง : ให้นกั เรียนพิจารณาการสือ่ สารท่กี าหนดให้ จากน้นั ให้บอกว่าเปน็ การสื่อสารแบบทิศทางใด และมีลักษณะ การสือ่ สารอยา่ งไร ทศิ ทางการส่ือสาร ลักษณะการสื่อสาร ทิศทางเดยี ว (Simplex) เป็นทศิ ทางการสอ่ื สารที่ขอ้ มูลจะสง่ จากสถานที่หนง่ึ ไปยงั อกี สถานท่หี นง่ึ โดยทข่ี ้อมลู จะไมส่ ามารถ สง่ ย้อนกลับมาได้ ทิศทางการสื่อสาร ลักษณะการสอ่ื สาร สองทิศทาง (Full Duplex) เปน็ ทศิ ทางการสือ่ สารท่ีสามารถส่งข้อมูลสองทศิ ทาง พรอ้ มกนั ได้ ทศิ ทางการสอ่ื สาร ลกั ษณะการสอ่ื สาร ก่ึงสองทิศทาง (Half Duplex) เป็นทศิ ทางการส่อื สารท่ีสามารถส่งข้อมูลไปและรับ สองทศิ ทางได้ แต่ไม่สามารถสง่ ขอ้ มูลในเวลาเดียวกัน ได้ ขณะทเ่ี ครอื่ งหนึง่ เปน็ ผู้รบั อกี เคร่ืองจะเป็นผสู้ ง่

ใบงานที่ 1.3.3 เรอ่ื ง ส่ือกลางของการส่ือสารข้อมูล คาชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ให้ถูกตอ้ ง 1. ให้นกั เรยี นบอกข้อดแี ละขอ้ เสยี ของสอื่ กลางการสอ่ื สารข้อมูลดังต่อไปน้ี ส่ือกลาง ขอ้ ดี ขอ้ เสีย สายค่บู ิดเกลยี วแบบ STP สายโคแอกเชยี ล สายไฟเบอร์ออปตกิ 2. ถ้านักเรียนต้องการติดตงั้ ระบบเครือข่ายจากท่หี นึ่งไปยงั อีกท่ีหนง่ึ ซึ่งมีระยะทางห่างกนั ประมาณ 10 กโิ ลเมตร นกั เรยี นคิดว่าควรเลอื กใช้สอ่ื กลางประเภทสายสัญญาณใดในการส่อื สารขอ้ มูล เพราะเหตใุ ด

ใบงานท่ี 1.3.3 เฉลย เร่อื ง ส่ือกลางของการส่อื สารขอ้ มูล คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ให้ถกู ต้อง 1. ใหน้ กั เรยี นบอกข้อดีและขอ้ เสยี ของส่ือกลางการส่ือสารข้อมูลดังต่อไปนี้ สื่อกลาง ขอ้ ดี ขอ้ เสยี ภาพสายคบู่ ิดเกลียวแบบ STP - ส่งข้อมลู ด้วยความเร็วสูงกวา่ - มีขนาดใหญก่ วา่ แบบไม่มฉี นวน แบบไมม่ ีฉนวนหมุ้ หมุ้ สายคู่บดิ เกลยี วแบบ STP - สามารถป้องกนั สัญญาณรบกวน - ไมย่ ดื หยนุ่ ดัดโค้งงอได้ไมม่ าก ได้ดี - ราคาแพงกวา่ แบบไม่มฉี นวนหมุ้ - ราคาถูก - ถกู รบกวนจากสัญญาณภายนอก - มีความยืดหยุ่นในการใชง้ าน ไดง้ า่ ย - ตดิ ต้ังงา่ ยและมนี ้าหนักเบา - ใช้ได้ในระยะทางจากดั สายโคแอกเชยี ล - สามารถบรรจุขอ้ มูลได้จานวน - เสน้ ใยแกว้ นาแสงเปราะบาง มาก แตกหักง่าย - มขี นาดเล็ก นา้ หนกั เบา - ไมส่ ามารถดัดโค้งงอได้ - มอี ายุการใช้งานนาน - ในการติดตงั้ ต้องใช้เคร่ืองมือ สายไฟเบอรอ์ อปติก พิเศษ 2. ถ้านกั เรียนตอ้ งการตดิ ต้ังระบบเครือขา่ ยจากทีห่ น่ึงไปยงั อีกท่หี นึ่งซึ่งมีระยะทางห่างกันประมาณ 10 กิโลเมตร นักเรยี นคิดว่าควรเลอื กใชส้ ือ่ กลางประเภทสายสญั ญาณใดในการส่อื สารขอ้ มูล เพราะเหตุใด ควรใช้ส่ือกลางประเภทสายสญั ญาณ คือ สายไฟเบอรอ์ อปตกิ เนอ่ื งจากเปน็ สายสญั ญาณท่มี คี วามเร็วสงู สดุ ถงึ 100 Gbps ใชเ้ ชอื่ มต่อระยะทางมากกว่า 2 กโิ ลเมตรได้ และใชเ้ ป็นสายแกนหลกั ในการระบบเครอื ขา่ ย หรือใช้สาหรับเชื่อมต่อระหวา่ งเครือขา่ ยที่อยู่ห่างไกลกนั ได้

ใบงานท่ี 1.3.4 เร่อื ง ประเภทของระบบเครอื ขา่ ย คาชีแ้ จง : ให้นักเรียนตอบคาถามตอ่ ไปนี้ให้ถกู ตอ้ ง 1. จงจับครู่ ะบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์กบั ความหมายทถ่ี ูกตอ้ งที่สดุ .......... LAN A. ระบบเครอื ขา่ ยเช่ือมต่อคอมพิวเตอร์กบั โทรศัพท์มอื ถอื .......... MAN B. เครอื ขา่ ยระยะใกล้/ทอ้ งถ่นิ .......... WAN C. เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ท่มี ีขนาดใหญท่ ่ีสดุ .......... PAN D. เครือขา่ ยระยะหา่ งไกล/ระดับประเทศ E. เครอื ข่ายขนาดกลางระดบั จงั หวัด 2. จงเรียงลาดบั ขนาดของเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ตอ่ ไปน้ี คือ MAN, LAN, WAN, PAN จากเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ทม่ี ขี นาดเลก็ ทส่ี ดุ ไปหาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีมขี นาดใหญ่ท่ีสุด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ในกรณที ่โี รงเรียนของนักเรียนมีอาคารเรียนเพียงอาคารเดยี ว ถา้ โรงเรยี นตอ้ งการตดิ ตงั้ ระบบเครอื ขา่ ย คอมพิวเตอร์ นักเรียนคดิ ว่าควรตดิ ตั้งระบบเครอื ขา่ ยแบบใดจงึ จะเหมาะสมทส่ี ุด และเครือข่ายนัน้ มีการทางานอยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………

ใบงานท่ี 1.3.4 เฉลย เรอ่ื ง ประเภทของระบบเครอื ขา่ ย คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปนใี้ ห้ถูกต้อง 1. จงจบั ครู่ ะบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์กบั ความหมายทถ่ี กู ตอ้ งทส่ี ุด ....B...... LAN A. ระบบเครือขา่ ยเชื่อมตอ่ คอมพิวเตอรก์ ับโทรศัพทม์ อื ถอื ....C...... MAN B. เครือขา่ ยระยะใกล/้ ท้องถน่ิ ....D...... WAN C. เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ท่มี ขี นาดใหญท่ ี่สุด ....A...... PAN D. เครือขา่ ยระยะหา่ งไกล/ระดบั ประเทศ E. เครือข่ายขนาดกลางระดับจังหวัด 2. จงเรยี งลาดบั ขนาดของเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ต่อไปน้ี คือ MAN, LAN, WAN, PAN จากเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ที่มขี นาดเลก็ ท่สี ุดไปหาเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ท่ีมขี นาดใหญ่ที่สุด PAN,….LAN,…..MAN,……WAN………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ในกรณที ่โี รงเรียนของนักเรยี นมีอาคารเรยี นเพียงอาคารเดียว ถา้ โรงเรยี นต้องการตดิ ตั้งระบบเครือขา่ ย คอมพวิ เตอร์ นกั เรียนคิดวา่ ควรติดต้ังระบบเครือข่ายแบบใดจึงจะเหมาะสมท่สี ุด และเครอื ข่ายนั้น มีการทางานอย่างไร ควรตดิ ต้งั ระบบเครือขา่ ยทอ้ งถ่นิ (Local Area Network: LAN) ซ่ึงเปน็ การเชือ่ มตอ่ เครอื ขา่ ยระยะใกล้.......... เช่ือมโยงคอมพวิ เตอร์และอุปกรณต์ ่างๆ ที่อยู่ในพ้ืนที่เดยี วกนั หรอื ใกลเ้ คียงกัน โดยใช้สายสญั ญาณเป็นส่อื กลางการ สอ่ื สารขอ้ มูล………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แผนการจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 รายวิชา วทิ ยาการคานวณ รหัสวชิ า ว22102 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ระบบคอมพิวเตอร์ เวลา 10 ช่ัวโมง แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4 เรือ่ ง การประยุกต์ใชง้ านและการแกป้ ัญหาเบื้องตน้ เวลา 2 ช่ัวโมง ผสู้ อน จักรกฤษ สาราญ 1. สาระสาคัญ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชวี ิตจรงิ อย่างเปน็ ขน้ั ตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปญั หาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจรยิ ธรรม 2. มาตรฐาน/ตวั ช้วี ัด 1.1 ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.2/3 อภปิ รายองค์ประกอบและหลกั การทางานของระบบคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีการส่ือสาร เพอ่ื ประยกุ ต์ใชง้ านหรือแก้ปญั หาเบ้อื งต้น 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายประเภทของคอมพิวเตอร์ได้ถกู ต้อง (K) 2. แกไ้ ขปัญหาทเ่ี กิดจากการใชง้ านระบบคอมพิวเตอร์ในเบอื้ งตน้ ได้ (P) 3. แก้ไขปญั หาทีเ่ กิดจากการใช้งานดา้ นซอฟต์แวร์ในเบอ้ื งต้นได้ (P) 4. สนใจใฝ่เรียนร้ใู นการศึกษาและประยกุ ต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้ (A) 4. การวัดและประเมนิ ผล รายการวัด วธิ วี ัด เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ 7.1 ประเมนิ ระหวา่ งการจัดกจิ กรรม รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ การเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 1) ประเภทของคอมพวิ เตอร์ - ตรวจใบงานท่ี 1.4.1 - ใบงานท่ี 1.4.1 ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 2) การแกป้ ญั หาคอมพวิ เตอร์ - ตรวจใบงานท่ี 1.4.2 - ใบงานท่ี 1.4.2 3) การนาเสนอผลงาน - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมนิ ผลงาน การนาเสนอผลงาน 4) พฤตกิ รรมการทางาน - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม รายบุคคล การทางานรายบคุ คล การทางานรายบุคคล

รายการวัด วิธวี ดั เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ 5) พฤตกิ รรมการทางานกลุม่ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คณุ ภาพ 2 การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ 6) คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ การทางานกลุ่ม - แบบประเมิน ระดบั คณุ ภาพ 2 7.2 การประเมนิ หลังเรยี น - สังเกตความมีวนิ ัย คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ 1) แบบทดสอบหลงั เรยี น ความรับผดิ ชอบ อันพึงประสงค์ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น เรือ่ ง ระบบคอมพวิ เตอร์ ในการทางาน - แบบทดสอบหลงั เรยี น ประเมนิ ตามสภาพจรงิ 2) การประเมินช้ินงาน /ภาระงาน (รวบยอด) - ตรวจแบบทดสอบ - แบบประเมินชน้ิ งาน ระดับคุณภาพ 2 เรือ่ ง ระบบคอมพิวเตอร์ หลังเรยี น /ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์ - ตรวจชน้ิ งาน/ภาระ งาน (รวบยอด) 5. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรทู้ ้องถ่นิ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา สาระการเรียนรู้แกนกลาง - การประยกุ ตใ์ ช้งานและการแก้ปญั หาเบอ้ื งต้น 6.การบูรณาการ 1. วิทยาการคานวณ : การใชอ้ ินเตอรเ์ น็ตสบื คน้ ข้อมูลในการจดั การขอ้ มูลสารสนเทศ 2. งานสวนพฤกษศาสตร์ : องคป์ ระกอบที่ ๓ การศึกษาข้อมูลดา้ นต่างๆ การสืบค้นขอ้ มูล 7. กิจกรรมการเรยี นรู้  แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ช่ัวโมงท่ี 1 ข้ันนาเข้าสู่บทเรยี น ขั้นที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) 1. ครทู บทวบความรเู้ ดิมจากชั่วโมงท่ผี ่านมา 2. นกั เรยี นแบง่ กลุม่ (กลุ่มเดมิ ) และใหค้ น้ หาว่าคอมพิวเตอรแ์ บง่ ออกเป็นก่ปี ระเภท และแตล่ ะประเภท เหมาะกบั การทางานประเภทใด จากนั้นให้แต่ละกล่มุ ออกมานาเสนอหนา้ ชนั้ เรียน พรอ้ มพูดคยุ แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ กับเพอ่ื นรว่ มชัน้

ขน้ั สอน ข้นั ที่ 2 สารวจค้นหา (Exploration) 1. นกั เรยี นศกึ ษาประเภทของคอมพวิ เตอรท์ ี่แบง่ ออกเป็น 5 ประเภท คือ 1) Super Computer 2) Mainframe Computer 3) Personal Computer 4) Workstation Computer 5) Wearable Computer จากหนงั สอื เรยี นรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.2 เร่อื ง ระบบคอมพวิ เตอร์ หรอื สืบคน้ เพ่มิ เติมจากอินเทอรเ์ นต็ ท่เี ครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ของตนเองโดยใหน้ ักเรยี นพจิ ารณาถงึ ลกั ษณะการทางานและการใช้งาน 2. ครอู ธิบายเพิม่ เติมเกย่ี วกบั การใชง้ านระบบคอมพวิ เตอรว์ ่า“นอกจากจะมกี ารแบ่งประเภท ของคอมพวิ เตอรอ์ อกเปน็ 5 ประเภทแลว้ ยงั สามารถแบ่งประเภทคอมพิวเตอร์ตาม วตั ถุประสงค์ของการใช้งานได้อีก คือ 1) คอมพิวเตอรเ์ พอ่ื งานเฉพาะกิจ (Special Purpose Computer) หมายถึง เครอ่ื งประมวลผลข้อมลู ทถี่ ูกออกแบบตวั เครอ่ื งและโปรแกรมควบคุมให้ทางาน อย่างใดอยา่ งหน่ึงเปน็ การเฉพาะ โดยทว่ั ไปมกั ใชใ้ นงานควบคุมอุตสาหกรรม ท่เี น้นการประมวลผลแบบรวดเรว็ เชน่ เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ควบคมุ สัญญาณไฟ จราจร คอมพิวเตอร์ควบคุมลฟิ ต์ หรอื คอมพิวเตอร์ควบคุมระบบอัตโนมตั ิ ในรถยนต์ เปน็ ตน้ 2) คอมพวิ เตอร์เพ่อื งานอเนกประสงค์ (General Purpose Computer) หมายถึง เคร่ืองประมวลผลขอ้ มูลที่มีความยืดหยุ่นในการทางาน โดยไดร้ ับการออกแบบให้ สามารถประยุกต์ใชใ้ นงานประเภทต่าง ๆ ได้ โดยระบบจะทางานตามคาส่ังใน โปรแกรมท่เี ขยี นข้ึนมา เชน่ ใชเ้ ครอื่ งนใ้ี นงานประมวลผลคะแนนนักเรียน เก่ยี วกบั ระบบการตัดเกรด หรือสามารถใช้ในการคานวณเงนิ เดือนได้ เปน็ ตน้ ” 3. นกั เรยี นทาใบงานที่ 1.4.1 เรือ่ ง ประเภทของคอมพวิ เตอร์ 4. ครูสุ่มนกั เรียน 2-3 คน ออกมานาเสนอหน้าชัน้ เรียน พร้อมกบั อภิปรายรว่ มกนั ในห้องเรียน ช่วั โมงท่ี 2 ขน้ั สอน ขั้นที่ 2 สารวจค้นหา (Exploration) 5. ครูทบทวนเนื้อหาการเรียนเม่ือชั่วโมงที่แล้วเกย่ี วกับการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์

6. ครูถามกระตุ้นความคิดของนกั เรยี นว่า“ถา้ เครอื่ งคอมพิวเตอรข์ องนกั เรยี นเสยี หรือมปี ัญหา นักเรียนสามารถแกไ้ ขเองไดห้ รือไม”่ (แนวตอบ : นกั เรียนแสดงความคิดเหน็ ตามประสบกาณณ์ของตนเอง) 7. นกั เรยี นศึกษาเนื้อหา เรอื่ ง ปัญหาและการแก้ไขการใช้งานระบบคอมพวิ เตอร์ จากหนงั สือเรยี นและ สังเกตปญั หาทเ่ี กดิ ขนึ้ และการแก้ปัญหาจากตัวอย่างในหนังสือเรยี น ขั้นท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation) 8. ครสู ุม่ นกั เรยี น 3-4 คน ออกมาอธบิ ายถึงปญั หาทีเ่ กดิ กบั คอมพิวเตอรแ์ ละวิธกี ารแกป้ ญั หา คอมพิวเตอร์ทน่ี ักเรยี นพบในเบื้องตน้ พร้อมกับอภิปรายร่วมกนั ในช้นั เรียน 9. ครอู ธบิ ายเพม่ิ เติมเก่ียวกบั ปญั หาและการแก้ไขการใชง้ านระบบคอมพวิ เตอร์ว่า“นอกจากจะมี ปัญหาดา้ นฮาร์ดแวรแ์ ละซอฟตแ์ วร์แล้ว ยงั มปี ัญหาด้านไวรสั ท่เี กิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ ดงั นั้น ถ้าพบวา่ คอมพวิ เตอรท์ างานช้าลงกวา่ ปกติ คอมพวิ เตอร์หยุดการตอบสนองหรือติดขดั บ่อยครั้ง คอมพวิ เตอรข์ ดั ขอ้ งแล้วเรมิ่ ใหม่ทุกสองสามนาที โปรแกรมประยุกตใ์ นคอมพิวเตอร์ทางาน ไมถ่ กู ตอ้ ง เปน็ ต้น ซง่ึ ปญั หาดงั กล่าวนอี้ าจเกดิ จากการมไี วรัสท่ีฝงั อย่ใู นคอมพวิ เตอร์ ดงั น้นั จึง ควรตดิ ตงั้ โปรแกรมตรวจสอบไวรัสและหม่ันตรวจสอบอยูเ่ สมอเพอ่ื ความปลอดภยั ของขอ้ มูล” ขัน้ ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration) 10. นักเรยี นทากิจกรรมทส่ี อดคลอ้ งกับเน้อื หา โดยการตอบคาถามเพ่ือพัฒนาความร้แู ละทกั ษะ การเรียนรู้ (Com Sci Activity) เกี่ยวกับระบบคอมพวิ เตอร์ลงในสมุดประจาตัว 11. นักเรยี นทาใบงานที่ 1.4.2 เรอื่ ง การแกป้ ญั หาคอมพวิ เตอร์ 12. ครูสุ่มนักเรยี น 2-3 คน ออกมานาเสนอหน้าชนั้ เรยี น พรอ้ มกบั อภิปรายร่วมกันภายในห้องเรยี น ขน้ั สรปุ ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูประเมนิ ผลนักเรยี นจากการสงั เกตการตอบคาถาม การนาเสนอหน้าชัน้ เรียน และ การทาใบงาน 2. ครูตรวจสอบความถกู ตอ้ งของผลการทาใบงานท่ี 1.4.1 และ ใบงานที่ 1.4.2 3. นกั เรยี นและครูร่วมกันสรุปเก่ียวกับการประยกุ ตใ์ ชง้ านและการแก้ปญั หาเบื้องต้น 4. นกั เรียนตรวจสอบความรู้ ความเข้าใจดว้ ยตนเองจากหนังสือเรียน โดยพิจารณาขอ้ ความว่าถูก หรือผดิ หากนักเรียนพจิ ารณาข้อความไม่ถูกตอ้ งใหน้ ักเรยี นกลับไปทบทวนเน้ือหาตามหวั ขอ้ ที่ กาหนดให้ 5. นักเรียนทาแบบฝึกหดั ประจาหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 โดยให้บนั ทึกลงในสมุดประจาตวั และ ทาชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง ระบบคอมพิวเตอร์ เพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจ และ นามาสง่ ในชั่วโมงถดั ไป 6. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 เร่ือง ระบบคอมพวิ เตอร์ เพื่อวัดความรู้ ที่นักเรียนได้รบั หลังจากผ่านการเรียนรู้

8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรียน รายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ม.2 เรื่อง ระบบคอมพิวเตอร์ 2) ใบงานที่ 1.4.1 เรอื่ ง ประเภทของคอมพวิ เตอร์ 3) ใบงานท่ี 1.4.2 เรือ่ ง การแกป้ ัญหาคอมพวิ เตอร์ 4) เคร่ืองคอมพิวเตอร์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องคอมพิวเตอร์ 2) อนิ เตอร์เนต 9. การวดั และการประเมินผล วิธวี ดั เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน รายการวดั - ตรวจใบงานที่ 1.4.1 - ใบงานท่ี 1.4.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 7.1 ประเมินระหว่างการจัดกจิ กรรม - ตรวจใบงานที่ 1.4.2 - ใบงานที่ 1.4.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2 การเรยี นรู้ ผ่านเกณฑ์ 1) ประเภทของคอมพวิ เตอร์ ผลงาน การนาเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 2) การแก้ปญั หาคอมพวิ เตอร์ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ 3) การนาเสนอผลงาน การทางานรายบคุ คล การทางานรายบุคคล ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 4) พฤตกิ รรมการทางาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 รายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์ การทางานกล่มุ การทางานกลุ่ม 5) พฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ - สังเกตความมวี ินยั - แบบประเมนิ 6) คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ความรบั ผิดชอบ คุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ 2 ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น อนั พึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ 7.2 การประเมินหลงั เรยี น ในการทางาน 1) แบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรียน เรอื่ ง ระบบคอมพวิ เตอร์ หลงั เรยี น 2) การประเมินช้ินงาน /ภาระงาน (รวบยอด) - ตรวจชิน้ งาน/ภาระ - แบบประเมินช้นิ งาน เรือ่ ง ระบบคอมพวิ เตอร์ งาน (รวบยอด) /ภาระงาน (รวบยอด)

บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 4 เรอ่ื ง การประยกุ ตใ์ ชง้ านและการแกป้ ญั หาเบอ้ื งตน้ ผลการจัดการเรียนร้ตู ามแบบประเมิน จานวนนกั เรียน.................................คน ดา้ นความรู้ ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน คน คิดเปน็ ร้อยละ ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมนิ % ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ผ่านเกณฑ์การประเมิน คน คดิ เปน็ ร้อยละ ไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมิน % ด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ คน คิดเปน็ ร้อยละ ไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ % ผลการประเมินบรรยากาศในการจดั การเรยี นรโู้ ดยภาพรวม ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ปัญหาและอุปกรณ์ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ขนั้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ลงชือ่ ................................................................................. (..............................................................................) ตาแหนง่ ................................................................... วนั ท.ี่ ............ เดือน .................................พ.ศ..........

ความคดิ เหน็ ของหัวหนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้ ......................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ ลงชอ่ื ................................................................................. (..............................................................................) ตาแหน่ง................................................................... วันท่.ี ............ เดอื น .................................พ.ศ.......... ความคิดเห็นของรองผู้อานวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ/ผ้ทู ร่ี บั มอบหมาย ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ลงช่ือ................................................................................. (..............................................................................) ตาแหน่ง................................................................... วนั ท.่ี ............ เดือน .................................พ.ศ.......... ความคดิ เห็นของผอู้ านวยการ / ผ้ทู ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ......................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................. ลงชื่อ................................................................................. (..............................................................................) ตาแหนง่ ................................................................... วนั ที่............. เดือน .................................พ.ศ..........

ใบงานท่ี 1.4.1 เรือ่ ง ประเภทของคอมพิวเตอร์ คาชแี้ จง : ใหน้ กั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปน้ีใหถ้ ูกตอ้ ง 1. คอมพิวเตอร์ทถ่ี กู นาไปใช้ในองคก์ รขนาดใหญ่ คอื 2. คอมพวิ เตอร์ทม่ี ีขนาดใหญ่ มีน้าหนกั มาก และมรี าคาแพง คอื 3. คอมพวิ เตอร์ทีเ่ หมาะสาหรับงานดา้ นกราฟกิ สถาปตั ยกรรม วศิ วกรรม คอื 4. คอมพิวเตอร์ท่ที างานเก่ียวขอ้ งกบั ตวั จับการเคล่ือนไหว การหาตาแหน่ง คอื 5. คอมพิวเตอรช์ นดิ ทน่ี ยิ มใช้ในสานักงานมากทสี่ ดุ คือ

ใบงานท่ี 1.4.1 เฉลย เรอ่ื ง ประเภทของคอมพิวเตอร์ คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรียนตอบคาถามต่อไปนใี้ หถ้ ูกต้อง 1. คอมพวิ เตอร์ท่ีถูกนาไปใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ คือ Mainframe Computer 2. คอมพวิ เตอร์ที่มีขนาดใหญ่ มนี ้าหนกั มาก และมรี าคาแพง คอื Super Computer 3. คอมพิวเตอร์ที่เหมาะสาหรับงานดา้ นกราฟกิ สถาปตั ยกรรม วศิ วกรรม คือ Workstation Computer 4. คอมพวิ เตอรท์ ่ที างานเกย่ี วข้องกับตวั จับการเคลื่อนไหว การหาตาแหน่ง คอื Wearable Computer 5. คอมพิวเตอรช์ นดิ ทน่ี ยิ มใช้ในสานักงานมากท่สี ดุ คอื Personal Computer

ใบงานที่ 1.4.2 เรอ่ื ง การแกป้ ัญหาคอมพวิ เตอร์ คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปนี้ใหถ้ ูกต้อง 1. ถ้านกั เรยี นเปิดเคร่ืองคอมพวิ เตอร์แลว้ มไี ฟเขา้ เครื่อง แตห่ นา้ จอไมต่ ดิ นักเรียนคดิ วา่ เป็นเพราะสาเหตใุ ด และมวี ธิ กี ารแก้ไขอยา่ งไร สาเหตุ วธิ ีการแก้ไข 2. ถา้ นักเรยี นเปิดเครอ่ื งแล้วหน้าจอไมต่ ดิ และมีเสียงรอ้ ง (Beep) หลายๆ ครั้ง นักเรยี นคิดวา่ เปน็ เพราะ สาเหตใุ ด และมีวธิ กี ารแก้ไขอยา่ งไร สาเหตุ วิธีการแกไ้ ข 3. ถ้าเคร่ืองคอมพิวเตอร์ของนักเรียนมีอาการดังน้ี คือ ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกโปรแกรมขึ้นมา ทางาน ขนาดของโปรแกรมใหญ่ขึน้ เกดิ อกั ษรหรอื ข้อความประหลาดบนหนา้ จอ ไฟล์ขอ้ มลู หรอื โปรแกรมที่ เคยใช้อย่หู ายไป เครือ่ งทางานชา้ ลง เคร่ืองรสี ตารท์ เองโดยไม่ได้สั่ง หรือระบบหยุดทางานโดยไ ม่ ท ร า บ ส า เ ห ตุ นกั เรียนคดิ วา่ เป็นเพราะสาเหตุใด และมวี ิธกี ารแก้ไขอยา่ งไร สาเหตุ วิธีการแก้ไข

ใบงานท่ี 1.4.2 เฉลย เรอ่ื ง การแกป้ ญั หาคอมพิวเตอร์ คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปนใ้ี ห้ถกู ต้อง 1. ถ้านกั เรยี นเปดิ เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์แล้วมไี ฟเขา้ เคร่อื ง แต่หนา้ จอไม่ตดิ นักเรียนคิดวา่ เป็นเพราะสาเหตุใด และมีวิธีการแกไ้ ขอย่างไร สาเหตุ วิธกี ารแกไ้ ข ไม่ได้ต่อสายไฟระหว่างจอภาพกับตัวเคร่ือง ตรวจสอบการต่อสายไฟระหว่างจอภาพกับตัวเครื่อง หรือ หรือสายไฟของจอภาพหลวม ตรวจสอบสายไฟของจอภาพกบั เต้าเสยี บว่าหลวมหรอื ไม่ 2. ถ้านักเรียนเปิดเคร่อื งแลว้ หนา้ จอไมต่ ดิ และมีเสียงร้อง (Beep) หลายๆ ครัง้ นักเรียนคิดวา่ เป็นเพราะ สาเหตใุ ด และมวี ิธีการแก้ไขอย่างไร สาเหตุ วธิ กี ารแกไ้ ข - การ์ดจอภาพเสียบไมแ่ นน่ สกปรก หรอื เสยี 1. เปดิ ตัวเคร่ืองคอมพวิ เตอรด์ งึ การด์ จอหรือ RAM ออกมา - RAM เสียบไมแ่ นน่ สกปรก หรือเสยี ทาความสะอาดโดยใช้ยางลบถูคราบสกปรกบริเวณขา ทองแดงแลว้ ใส่กลับเข้าไปใหม่ 2. ในกรณีท่ีแก้ไขตามข้อ 1 แล้วยังใช้ไม่ได้ ควรติดต่อช่าง หรอื ผทู้ ี่สามารถแก้ไขปญั หาได้ 3. ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของนักเรียนมีอาการดังน้ี คือ ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกโปรแกรมข้ึนมา ทางาน ขนาดของโปรแกรมใหญ่ข้นึ เกดิ อกั ษรหรอื ขอ้ ความประหลาดบนหน้าจอ ไฟลข์ อ้ มูลหรอื โปรแกรมท่ี เคยใชอ้ ยู่หายไป เครอื่ งทางานช้าลง เคร่ืองรีสตาร์ทเองโดยไมไ่ ด้ส่งั หรือระบบหยุดทางานโดยไ ม่ ท ร า บ ส า เ ห ตุ นกั เรียนคดิ ว่าเปน็ เพราะสาเหตใุ ด และมวี ธิ กี ารแกไ้ ขอย่างไร สาเหตุ วธิ ีการแก้ไข เครอื่ งตดิ ไวรสั เรียกใช้โปรแกรมตรวจสอบไวรัส หรือถ้ายังไม่มีโปรแกรม ตรวจสอบไวรัส ควรติดต้ังโปรแกรมตรวจสอบไวรัสใน เครอื่ ง และทาการตรวจสอบไวรัสอยู่เสมอ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook