Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชาจิตวิทยา case study

วิชาจิตวิทยา case study

Published by jrw slr, 2021-10-04 16:06:04

Description: วิชาจิตวิทยา case study

Search

Read the Text Version

คำนำ การศึกษารายกรณี เป็นกระบวนการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลโดยใช้เครื่องมือ เทคนิคหรือ วธิ กี ารต่าง ๆ เพือ่ ให้ไดม้ าซ่งึ รายละเอียดของข้อมูล แลว้ นําข้อมูลเหลา่ น้นั มาวเิ คราะห์เพ่ือทำความเขาใจสภาพ ผู้ถกู ศึกษาและหาสาเหตุ ทำใหรจู กั และเขาใจในดานต่าง ๆ ของบุคคลได้อย่างแท้จริง เพอ่ื เป็นแนวทางนําไปสู่ การใหความช่วยเหลอื ได้อย่างเหมาะสม การศกึ ษารายกรณีเปน็ ประโยชน์อย่างมากในการเขาใจพฤตกิ รรมของ บุคคล และหาแนวทางเพื่อช่วยแกไข ปองกัน และพัฒนาผู้เรียนโดยเฉพาะในชวงวัยเด็กและวัยรุน เนื่องจาก ทำใหเขาใจสาเหตุของการเกิดพฤติกรรม และหาแนวทาง เพอ่ื ช่วยแกไข ปองกนั และพฒั นานักเรียน ทำใหเข าใจชวงวัยเริ่มตนของพัฒนาการ ท้ังทางชีวภาพกายภาพ และสังคม ซึ่งมีความแตกตางจากวัยผู้ใหญ่ ซึ่ง การศึกษาเดก็ และวยั รุนจะช่วยใหเขาใจธรรมชาตขิ องเด็กแต่ละวยั และเด็กแต่ละคน ซง่ึ มีความแตกต่างกนั ไป รายงานฉบบั นี้เปน็ สว่ นหน่งึ ของวิชาจติ วทิ ยาสำหรบั ครู (ED 5301) เป็นกรณีศึกษา เก็บขอ้ มลู และนำ ความรู้ทางดา้ นจิตวิทยาสำหรับครูไปใช้ในการเรยี นรู้พฤติกรรมของนักเรียนทแ่ี ละนำทฤษฎที างจิตวิทยาต่าง ๆ ไปประยกุ ตใ์ ช้ เพื่อช่วยใหน้ ักเรียน มพี ฒั นาการท่ดี ขี นึ้ ในทกุ ดา้ น นางสาวจารุวรรณ สิงห์ลอ นักศึกษาหลักสตู รประกาศนียบัตรบณั ฑิตวชิ าชีพครู 1/2564

1. ขอ้ มลู ส่วนตวั ของกรณศี กึ ษา ชือ่ : เดก็ หญิงลภัสรดา ไชยเจรญิ ชื่อภาษาอังกฤษ : Lapatrada Chaicharoen ชอื่ เลน่ : เอย เลขบตั รประชาชน : 1509966844132 วนั เกิด : 04/06/2554 (10 ปี) สัญชาติ : ไทย เชื้อชาติ : ไทย ศาสนา : คริสต์ สถานท่ีเกิด : โรงพยาบาลแม่และเดก็ จังหวัดเชยี งใหม่ ภมู ลิ ำเนา : อ.เมืองเชยี งใหม่ จ.เชยี งใหม่ ทีอ่ ยู่ : 71 หมู่.6 ถนน หมบู่ ้าน ซอย.เมืองเชียงใหม่ ตำบลสันผเี สอ้ื อำเภอเมอื งเชยี งใหม่ จงั หวดั เชยี งใหม่

โทรศพั ท์ : 0982296648 อาศัยอยู่กบั : มารดา จำนวนพน่ี ้อง : 2 บุตรคนที่ : 1 พนี่ อ้ งที่เรยี นโรงเรียนน้ี : 1 สถานภาพครอบครวั : บิดา-มารดาหยา่ รา้ ง

2. ข้อมลู พฒั นาการ ลกั ษณะพฒั นาการในแตล่ ะด้าน พัฒนาการของมนษุ ยม์ ลี กั ษณะพฒั นาการท่ีเห็นได้ชดั เจนจากการเปลี่ยนแปลงในดา้ นตา่ ง ๆ มีดังน้ี 1. การเปล่ียนแปลงทางขนาด (Change in size) การเปล่ียนแปลงชนิดน้ีจะสังเกตได้จาก ทางร่างกายและสติปัญญา เช่น ตอนแรกท่ีทารกเกิดใหม่ๆ จะมีรูปร่างเล็ก เต้ีย และน้ำหนักน้อย ต่อมาทารกจะโตข้ึนเรื่อย ๆ ส่วนสูงเพ่ิมข้ึน น้ำหนักเพิ่มขึ้น นอกจากน้ีอวัยวะภายในอื่นๆ เช่น ปอด ลําไส้ หัวใจ และกระเพาะอาหาร จะขยายใหญ่ขึ้นเช่นกัน สำหรับทางด้านสติปัญญาก็จะมีการ เปล่ียนแปลงเชน่ กนั เชน่ จากพดู ไมไ่ ด้เปน็ พูดได้ รูค้ ำศพั ทเ์ พิ่มมากข้ึน ค่อยมีเหตผุ ลข้ึนทีละน้อย เป็น ต้น พอถึงวัยชรา ลักษณะดังกล่าวมาแล้วจะเปลี่ยนไปในทางลบหรือทางลดลง เช่น จำคำศัพท์ได้ น้อยลง เปน็ ตน้ 2. การเปลี่ยนแปลงทางสดั ส่วน (Change in proportion) ในขณะทเ่ี ด็กมีพฒั นาการจากวัย เด็กเข้าสู่วัยรุ่นน้ันสัดส่วนของร่างกายของเด็กจะเปลี่ยนแปลงไป ในวัยเด็ก ส่วนอก เอว และสะโพก เกือบเท่า ๆ กัน แต่พอเข้าสู่วัยรุ่น เด็กจะมีสัดส่วนเปล่ียนแปลงไป ส่วนอกขยาย สะโพกขยาย และ เอวคอด สดั ส่วนสวยงาม สดั ส่วนของเดก็ แตกตา่ งกับสดั สว่ นของผู้ใหญแ่ ละเด็กก็ไมใ่ ชผ่ ู้ใหญ่ ตัวเลก็ ๆ ทยี่ ่อส่วนลงมา เช่นเดยี วกันพอเด็กเข้าส่วู ัยผู้ใหญแ่ ละวยั ชรา สัดสว่ นเหล่าน้ันก็จะเปลี่ยนแปลงไปดว้ ย 3. ลกั ษณะเกา่ หายไป (Disappearance of old features) การเปลี่ยนแปลงทางพฒั นาการ เป็นการเปลี่ยนแปลงท่ีทำให้ ลักษณะเก่าหายไป เช่น เมื่อเด็กมีพัฒนาการไปเรื่อย ๆ น้ัน ทางด้าน ร่างกาย ฟันน้ำนมจะหายไป พอเข้าสู่วัยชราผมสีดำก็จะหายไป เป็นต้น ส่วนทางด้าน สติปัญญา จะ เห็นวา่ ตอนที่ยังเด็กเดก็ จะพูดไม่ชดั พอโตขึ้นจะพูดชดั เจนข้ึน เปน็ ตน้ 4. ลักษณะใหม่เกิดข้ึน (Acquisition of new features) ในระหว่างที่ร่างกายของมนุษย์มี พัฒนาการไปนนั้ จะมีลักษณะใหม่ ๆ เพิ่มข้ึน ซึ่งแลเห็นได้ชัดเจน เช่น การคว่า คบื คลาน เปน็ ต้น พอ อายุ 6-7 เดือน ฟันน้ำนมซ่ีแรกก็จะขึ้น จนอายุประมาณ 3 ขวบ เด็กจะมีฟันน้ำนมครบ 20 ซ่ี รู้จัก

ไหวผ้ ้ใู หญ่ พดู ได้ ซกั ถามเปน็ เปน็ ต้น พอเข้าสวู้ ัยชรา เสน้ ผมจะหงอกมีสขี าวฟนั แทจ้ ะหลุดไป ผวิ หนัง เห่ียวย่น สายตาฝ้าฟาง กเ็ ปน็ ลักษณะใหมท่ ่ีเกิดข้ึนเช่นกนั พัฒนาการของมนษุ ยแ์ บ่งออกเป็น 7 ดา้ นใหญๆ่ คือ 1. พัฒนาการทางร่างกาย หมายถึง กระบวนการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับร่างกายทั้งหมด เช่น น้ำหนกั สว่ นสูง สายตา กลา้ มเน้ือ กระดูก ฟนั ฯลฯ 2. พัฒนาการทางสติปัญญา หมายถึง กระบวนการเปล่ียนแปลงต่าง ๆ ท่ีเป็นผลจากการทำงานของ สมอง ในแง่มุมของความสามารถในการคิด การจำ การมีเหตุผล ความสามารถในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ เกิดข้ึน ตลอดจน ความสามารถในการเข้าใจสิ่งทเ่ี ป็นรูปธรรมและส่ิงทเี่ ป็นนามธรรม 3. พฒั นาการทางอารมณห์ มายถึง กระบวนการเปล่ียนแปลงท่ีเป็นผลมาจากความรสู้ กึ ทางใจเม่ือมีส่ิง เรา้ และ ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ หรือ ความสามารถในการควบคุมพฤติกรรมขณะเกิดอารมณ์ให้ อยู่ในภาวะท่ีสังคมยอมรับ 4. พัฒนาการทางสังคม หมายถึง กระบวนการเปล่ียนแปลงที่เก่ียวกับความสามารถในการปรับตวั ให้ เข้ากับสังคมท่ีตนอาศัยอยู่เป็นอย่างดี และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ในสังคมที่ตนเป็น สมาชกิ อยู่ด้วย พฒั นาการของมนษุ ย์ เปน็ สิ่งทเ่ี กยี่ วกับวุฒิภาวะ (Maturation) และการเรยี นรู้ (Learning) ของบคุ คล วุฒิภาวะ (Maturation) หมายถึงการบรรลุถึงขั้นการเจริญงอกงามเต็มท่ีในระยะใดระยะหนึ่ง และ พร้อมที่จะประกอบกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งได้เหมาะสมกับวัย เช่น เด็กจะยืนได้ เดินได้ เมื่อร่างกายมีความ พร้อม เป็นต้น วุฒิภาวะของมนุษย์จะเจริญงอกงามตามข้ันตอน ซึ่งเป็นไปตามลำดับวัยของธรรมชาติ และมี กาํ หนดเวลาเป็นของตนเอง เช่น อวยั วะท่ีเกย่ี วข้องกบั การยืนและการเดนิ จะต้องเจรญิ งอกงามเสยี ก่อน เดก็ จึง จะยนื ได้และเดนิ ได้ เปน็ ตน้ การเรียนรู้ (Learning) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างค่อนข้างถาวร ซ่ึงเกิดขึ้นเน่ืองจาก บุคคลได้รับประสบการณ์หรือได้รับการฝึกหัด การเปล่ียนแปลงพฤติกรรมท่ีเกิดข้ึนชั่วคราว ไม่จัดว่าเป็นการ

เรียนรู้ เชน่ การเปล่ียนแปลงที่ผลมาจากความเมอ่ื ยล้า จากฤทธิของยา เปน็ ต้น และการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ถึงแม้ว่าจะชัดเจนและถาวรก็ไม่จัดว่าเป็นการเรียนรู้ เพราะไม่ได้เกิดจากการฝึกหัด เช่น ขาหัก สมองถูก ทำลาย ไม้แทงลกู ตาทำใหต้ าบอด เป็นต้น ขอ้ มลู การวิเคราะห์พฒั นาการ กรณศี ึกษาอยูในเด็กตอนปลาย (Late childhood) เพราะเด็กหญิงลภสั รดา ไชยเจริญ มอี ายุระหว่าง 6-13 ปี พฒั นาการทางรา่ งกาย ส่วนสูงและน้ำหนัก จะมีอัตราเจรญิ เติบโตลดน้อยลง แตจ่ ะมกี ารเปลี่ยนแปลงในด้านสัดส่วน ความแข็งแรง คล่องแคล่วว่องไวมากกว่า ร่างกายจะมีขนาด 2 ใน 5 เมื่อตอนเป็นผู้ใหญ่ อายุ 6 ขวบ จะสูง 2 ใน 3 ของเม่ือเป็นผ้ใู หญ่ กระดูกและฟัน อายุ 6 ขวบ ฟันน้ำนมจะเร่ิมหัก ฟันแท้ซี่แรกจะเริ่มขึ้น ซ่ึงเป็นฟันกรามซ่ี นอกกล้ามเน้ือ เด็กวัยน้ีสามารถใช้กล้ามเนื้อเล็กๆ ได้ แต่ไม่ควรทำงานท่ีประณีตหรือหักโหมเกินไป สายตากบั มือประสานกันได้ดี สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเอง พยายามฝกึ ฝนปรบั ปรุงทักษะใน การใชก้ ลา้ มเนอ้ื พัฒนาการทางสตปิ ญั ญา เด็กวัยน้ีสามารถเข้าใจเหตุการณ์ หรอื สถานการณ์ตา่ ง ๆ ทพี่ บเห็นได้มากขึ้นมีความถูกต้อง และสอดคล้องกบั ความเปน็ จริง สามารถแยกแยะและมองเหน็ ความแตกต่างของส่ิงต่างๆ ได้ สามารถ เข้าใจสิ่งท่ีเป็นรูปธรรมและนามธรรม รู้ศพั ทม์ ากข้ึน มคี วามคล่องแคล่วในการอ่าน เขยี น พูด คิดเลข บวกเลขได้ รู้จักใช้เหตุผล สามารถแก้ปัญหาง่าย ๆ ที่พบเห็นได้จดจําคําบอกเล่าหรือเล่าเหตุการณ์ที่ ผ่านมาได้ และจะแสดงความคิดรเิ ร่ิมในรปู ของการวาดภาพและเลา่ นทิ าน พฒั นาการทางอารมณ์

อารมณ์โกรธ เด็กวัยนี้จะแสดงออกมามากกว่าวัยเด็กตอนต้น เนื่องจากเด็กต้องการอิสระ มากข้ึน ถูกขัดใจ ถูกเยาะเย้ย ดูถูก เหยียดหยาม ประจานให้อาย ไม่ได้รับความยุติธรรมเด็กมัก แสดงออกด้วยการก้าวร้าว ทะเลาะ หรอื หาเรื่องไม่พูดดว้ ย อารมณก์ ลัว เด็กวัยน้ีจะกลวั น้อยกว่าวยั เดก็ ตอนต้น เพราะเดก็ มเี หตุผลและรู้ข้อเท็จจริงมาก ขึ้น แต่จะมีความกลัวแบบใหม่เกิดข้ึน คือคิดไปแล้วกลัว เช่น กลัวเพ่ือนไม่ยอมรับ กลัวไม่เหมือนคน อื่น เป็นต้น อารมณ์วิตกกังวล เด็กวัยนี้มักวิตกกังวลเก่ียวกับบทเรียน การบ้านมากเกินไป ไม่เข้าใจการ สอนของครู ไปโรงเรียนไม่ทัน การสอบตก กังวลเก่ียวกับรูปร่างของตนเอง อยากใหแ้ ข็งแรง อยากให้ สวยงาม อารมณ์อิจฉาริษยา เด็กวัยน้ี บางคนจะมีความอิจฉาน้องมากข้ึน แต่บางคนก็จะหันไปอิจฉา เพ่ือนๆ แทน โดยเฉพาะเพ่ือนท่ีเรียนเก่งกว่า เล่นกีฬาเก่งกว่าตน อารมณ์อยากรู้อยากเห็น จะมีน้อย กวา่ วัยเด็กตอนต้น ถ้าเด็กอยากรอู้ ยากเห็นอะไร ก็มกั จะคน้ ควา้ จากหนงั สือ หรอื ถามผู้ใหญ่ อารมณ์สนุกสนานพอใจ เด็กวัยน้ีจะรู้สึกสนุกสนานและพอใจมากเมื่อได้รับความสนใจเป็น พิเศษ ได้รับรางวัล ได้รับของขวัญ ได้เล่นได้คุยกับเพ่ือน ได้ไปเท่ียวพักผ่อนหย่อนใจกับบิดามารดา พัฒนาการทางสังคม การรวมกลุ่มเพ่ือนร่วมวัย (Peer Group) เด็กวัยนี้จะมีการรวมกลุ่มเพ่ือทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิง “การเล่น” เพื่อนของเด็กในวัยนี้จะเป็นลักษณะเพ่ือนเล่นมากกว่าและมักจะเป็น เพศเดียวกัน ซ่ึงจะมีอิทธิพลต่ออารมณ์ ความนึกคิด ทัศนคติ ความมุ่งหวัง ความปรารถนา ค่านิยม ของเดก็ กลมุ่ ของเดก็ วยั นี้จะมีแนวคิด ทศั นคติ คา่ นิยม ภาษา กฎระเบยี บ ฯลฯ เปน็ คุณสมบัติเฉพาะ กลุ่ม ซงึ่ เรียกว่า “วฒั นธรรมกลุ่ม” (Peer Culture) การเลียนแบบบทบาททางเพศ เด็กวัยน้ี นอกจากจะเลียนแบบจากบิดามารดา หรือผู้อยู่ ใกล้ชดิ แล้ว เด็กยังเลียนแบบเพื่อนร่วมกลมุ่ หวั หนา้ กลุ่ม ครทู ่ีเด็กรัก บคุ คลท่ีเด็กชอบ และจากการได้

ฟัง ได้อ่าน ได้ดูภาพยนตร์ ได้ดูโทรทัศน์ ฯลฯ เด็กชายมักจะปฏิเสธไม่ยอมรับเพื่อนชายท่ีมีนิสัยเป็น ผู้หญิง เชน่ เดียวกัน เดก็ หญงิ ก็ไม่ชอบเพื่อนหญิงท่ีมีนิสัยเปน็ ชาย เด็กวยั นี้จะเชื่อครูมากกว่าบิดามารดา พฤตกิ รรมตามพฒั นาการของกรณีศึกษา พฒั นาการด้านร่างกาย เด็กหญิงลภัสรดา ไชยเจริญ น้ำหนักสมส่วน ส่วนสูงตามเกณฑ์ การมองเห็นปกติ การได้ยิน ปกติ สุขภาพในช่องปากมฟี นั ครบจำนวน มีความสะอาดของชอ่ งปาก สามารถทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ด้วย ตนเองได้ พฒั นาการดา้ นอารมณ์ เด็กหญิงลภัสรดา ไชยเจริญ เป็นคนอารมณ์ไม่ค่อยนิ่ง แต่ไม่มีภาวะอารมณ์รุนแรง ไม่ค่อย แสดงอารมณโ์ กรธ มีอารมณ์กลวั กลัวเพื่อนไมย่ อมรับเข้ากลุ่ม กงั วลเกย่ี วกบั การบ้านและบทเรียน ไม่ เขา้ ใจการสอนของครู พัฒนาการดา้ นสังคม เด็กหญิงลภัสรดา ไชยเจริญ อัธยาศัยดี เป็นมิตรกับทุกคน พูดมาก ร่าเริงแจ่มใสเหมอื นเดก็ ในวยั เดียวกัน พฒั นาการดา้ นสติปญั ญา เด็กหญงิ ลภสั รดา ไชยเจริญ อย่ใู นเกณฑร์ ะดับค่อนข้างอ่อนมาก อ่านไม่คล่อง เขียนคล่องแต่ เขยี นคำไม่ค่อยถกู ตอ้ งและตัวใหญก่ ว่าปกติ ไม่ค่อยมีความรบั ผดิ ชอบในงานทีไ่ ด้รับมอบหมาย มีความ กังวลในการทำงานกลุ่ม เข้าใจเนื้อหาที่ครูสอนได้ค่อนข้างยาก ครูต้องยกตัวอย่างและอธิบายจึงคอ่ ย ๆ เขา้ ใจมากขึ้น

พฤติกรรมของกรณีศึกษาสอดคล้องกับทฤษฎีพัฒนาการพัฒนาการทางบุคลิกภาพของอิริคสัน (Erik Homburger Erikson) พฤติกรรมของกรณีศึกษาสอดคล้องกับทฤษฎีพัฒนาการทางบุ คลิกภาพของอิริคสัน (Erik Homburger Erikson) เป็นการเปล่ียนแปลงทางจิตวิทยา เพ่ือการปรับตัวให้เข้ากับสังคมขั้นที่ 4 เอาการเอา งานหรือมีปมดอ้ ย (Industry Versus Inferiority) จากอายุ 6-11 ปี เด็กเรียนรู้ท่ีจะสรา้ งสรรค์ จัดทำกิจกรรม ด้วยตนเอง ซึ่งถ้าได้รับการสนับสนุนก็ย่อมทำให้เด็กพัฒนาบุคลิกภาพของคนที่มีความมานะอุตสาหะเพียร พยายามท่ีจะแสวงหาส่ิงที่ท้าทายความสามารถทางสติปัญญา แต่ถ้าการณ์เป็นไปในทางตรงกันข้ามจะทำให้ เด็กมคี วามรสู้ กึ ตำ่ ตอ้ ยดอ้ ยค่า การส่งเสริมพฒั นาการของกรณศี ึกษา การสง่ เสริมพัฒนาการการเรียนและความรับผิดชอบ โดยได้ดำเนนิ การตามขั้นตอนตอ่ ไปน้ี ขั้นตอนที่ 1 เริ่มต้นให้คำปรึกษา โดยสร้างสัมพันธภาพ กับนักเรียนให้นักเรียนรู้สึกเป็นกันเอง ไว้วางใจและกลา้ ท่จี ะระบายปญั หาให้ผูศ้ กึ ษาทราบ ขนั้ ตอนที่ 2 ดำเนนิ การใหค้ ำปรกึ ษาแก่นักเรียนเพื่อสรา้ งแรงจูงใจในการเรยี น ขนั้ ตอนท่ี 3 พูดคยุ กับผปู้ กครอง เพอื่ ทำความเขา้ ใจในการดูแลกับนักเรยี นขณะอยู่บา้ นและเสรมิ สร้าง กำลงั ใจให้แกน่ กั เรียน ขน้ั ตอนที่ 4 ขั้นยุติการใหค้ ำปรึกษา ใหแ้ นวทางในการเขา้ เรยี นอย่างสม่ำเสมอ

3. ขอ้ มลู เกี่ยวกบั การเรียนรู้และพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ พฤติกรรม ความสามารถ และความสนใจในการเรยี น เด็กหญิงลภัสรดา ไชยเจริญ มีพฤติกรรมไม่สนใจเรียน เมื่อครูเรียกให้ตอบมักแสดงท่าทีตกใจและไม่ ตอบ ทำงานชา้ มักจะไม่เสรจ็ ในชัว่ โมง มีพฤตกิ รรมแยกตวั เมอื่ ให้ทำกิจกรรมกลุ่ม ปญั หา หรือลักษณะพฤติกรรมทโ่ี ดดเดน่ การเรยี นรู้ พฤติกรรมที่เป็นปัญหาเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงทำให้ โรงเรียนจัดการเรียนการสอนแบบเรียนออนไลน์ เด็กหญิงลภัสรดา ไชยเจริญ มีพฤติกรรมไม่ค่อยสนใจการ เรียน ไม่เข้าเรียน หรือบางครั้งเข้าเรียนแต่ไม่ร่วมกิจกรรมการเรียน ไม่เตรียมหนังสอื และอปุ กรณ์การเรียนมา ให้พร้อมกอ่ นเรียน ไม่ส่งงานและมกั ปดิ กล้องในช่วั โมงเรยี น วิธกี ารสง่ เสริม / ช่วยเหลือ / พฒั นาให้เกิดการเรียนรู้ท่ดี ขี ึน้ ใช้ทฤษฎีทฤษฎีสัมพันธ์เชื่อมโยงของธอร์นไดค์กับกระบวนการจัดการเรียนรู้ เป็นการเน้นสัมพันธ์ ระหว่างสงิ่ เร้ากบั การตอบสนองทงั้ นเี้ พราะการเรียนรู้เป็นการแก้ปัญหา เมอ่ื ผ้เู รยี นพบปญั หาเขาจะมีปฏิกิริยา แบบเดาสุ่มซึ่งเป็นการลองผิดลองถูกผู้เรียนจะลองทำหลายวิธี จนกระทั่งประสบความสำเร็จในที่สุด โดยท่ี ผูเ้ รยี นสามารถเชอ่ื มโยงสง่ิ เร้าหรือปัญหาด้วยการตอบสนองที่เหมาะสมได้ ขั้นตอนที่ 1 เริ่มต้นให้คำปรึกษา โดยสร้างสัมพันธภาพ กับนักเรียนให้นักเรียนรู้สึกเป็นกันเอง ไว้วางใจและกล้าทจี่ ะระบายปัญหาให้ผูศ้ กึ ษาทราบ ข้ันตอนท่ี 2 ดำเนินการใหค้ ำปรึกษาแกน่ ักเรียนเพือ่ สรา้ งแรงจูงใจในการเรียน

1. ให้คำปรึกษาแก่ เด็กหญิงลภัสรดา ไชยเจริญ ให้พยายามพัฒนาตนเอง เห็นความสำคัญ ของการเรียน รู้จักตั้งเป้าหมายชีวิตและขณะที่ให้คำปรึกษา ผู้ศึกษาได้ให้ข้อมูลต่าง ๆ เก่ียวกบั การศกึ ษาและอาชีพ เพื่อให้เด็กหญิงลภสั รดา ไชยเจริญ ได้เหน็ คุณคา่ ของการศึกษา และอาชพี เพื่อพัฒนาแรงจูงใจอนั จะมีผลถึงความพยายามพฒั นาตนเองไปสู่เปา้ หมายทวี่ างไว้ 2. แนะนำวิธีการเรียนท่ีถูกต้อง การสร้างสมาธิในการเรียน ทักษะวิธีการอ่านหนังสือให้มี ประสิทธภิ าพ รวมท้งั ให้ความรู้เพ่ิมเติมในบทเรียนที่เดก็ หญิงลภัสรดา ไชยเจริญ ไมเ่ ขา้ ใจ 3. เพิ่มแรงจูงใจในการเรียน โดยการให้ข้อมูลการศึกษาและอาชีพ เพื่อให้เด็กหญิงลภัสรดา ไชยเจริญ มีเป้าหมายในการเรียน มีความพยายามกระตือรือร้นในการเรียน มีความมุ่งม่ัน และมจี ดุ มุ่งหมายในชวี ิตท่ถี ูกตอ้ ง 4. ให้ความสนใจและเอาใจใส่ เด็กหญิงลภัสรดา ไชยเจริญ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยเหลือ และให้กำลังใจ ซึ่งจะทำให้ เด็กหญิงลภัสรดา ไชยเจริญ เกิดความรู้สึกมั่นใจเกิดแรงจูงใจท่ี จะพัฒนาตนเองไปสเู่ ป้าหมายทีต่ งั้ ไว้ 5. ปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นกับครูที่ปรึกษา ครูแนะแนวและครูผู้สอนเพื่อขอความช่วยเหลือ เอาใจใส่ ให้กำลังใจและเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นช่วยกันแก้ไขปัญหา เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ เด็กหญิง ลภัสรดา ไชยเจริญ มีความรับผิดชอบมากขึ้นในการเขา้ เรยี นและมีพฤติกรรมตัง้ ใจ เรยี นมากขน้ึ ขน้ั ตอนที่ 3 พดู คยุ กับผปู้ กครอง เพอื่ ทำความเขา้ ใจในการดแู ลกับนักเรยี นขณะอยู่บ้านและเสริมสร้าง กำลังใจให้แกน่ ักเรียน

1. ปรึกษาปัญหากับผู้ปกครอง เพื่อให้เข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เด็กหญิงลภัสรดา ไชยเจริญ มี พฤติกรรมไม่เข้าเรียน และขอความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาของ เด็กหญิงลภัสรดา ไชย เจริญ ข้ันตอนท่ี 4 ขั้นยุติการให้คำปรึกษา ให้แนวทางในการเขา้ เรยี นอยา่ งสม่ำเสมอ

4. แนวทางการชว่ ยเหลอื สง่ เสรมิ และพฒั นา พฤติกรรมของกรณศี ึกษาท่คี วรปรบั เปล่ยี น พฤติกรรมของที่เด็กหญิง ลภัสรดา ไชยเจริญ ควรปรับเปลี่ยนคือ มีความรับผิดชอบในงานที่ครู มอบหมาย วิธกี ารในการให้การแนะแนว ชว่ ยเหลือ และให้คำปรึกษา ขั้นตอนที่ 1 เริ่มต้นให้คำปรึกษา โดยสร้างสัมพันธภาพ กับนักเรียนให้นักเรียนรู้สึกเป็นกันเอง ไว้วางใจและกล้าที่จะระบายปัญหาใหผ้ ู้ศึกษาทราบ ข้ันตอนท่ี 2 ดำเนินการให้คำปรึกษาแกน่ กั เรียนเพ่ือสร้างแรงจูงใจในการเรียน ขนั้ ตอนที่ 3 พูดคยุ กบั ผูป้ กครอง เพ่ือทำความเขา้ ใจในการดูแลกบั นักเรียนขณะอยู่บา้ นและเสรมิ สร้าง กำลังใจใหแ้ กน่ ักเรยี น ข้ันตอนที่ 4 ขน้ั ยุตกิ ารให้คำปรึกษา ให้แนวทางในการเข้าเรยี นอย่างสม่ำเสมอ กจิ กรรมทจ่ี ะชว่ ยในพัฒนาศักยภาพของกรณศี กึ ษา การจัดกิจกรรมโฮมรมู (Homeroom) เพอื่ ให้นกั เรียนพดู คยุ และสร้างความไวว้ างใจครู บคุ คลท่ีต้องประสานขอความร่วมมือ 1. ครูประจำช้นั ขอ้ มูลสว่ นบคุ คล 2. ครูแนะแนว ปรึกษากรณีศึกษา และแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ประสานงานเอกสารการในเย่ยี ม บ้าน 3. ครปู ระจำวชิ าตา่ ง ๆ สอบถามบรรยากาศการเรียนการสอน ปฏิกิรยิ าการเรียนของเด็กหญิง ลภัสร ดา ไชยเจรญิ

5. ผู้ปกครอง สอบถามสภาพความเป็นอยู่และกิจกรรมหลังเลิกเรียนจากผู้ปกครอง จากการเยี่ยม บา้ น ผลการชว่ ยเหลอื ส่งเสริม และพฒั นากรณีศกึ ษา เด็กหญิง ลภัสรดา ไชยเจริญ มีพฤติกรรมในการเรียนนิสัยทางการเรียนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึน้ เช่น มี สมาธใิ นการเรยี นมคี วามสนใจเรียนมากข้ึนและมีความรับผิดชอบทำงานส่งครูมากข้ึน

ภาคผนวก

นน.301 แบบบนั ทึกการให้คำปรึกษาเบ้ืองต้น โดยครปู ระจำชั้น 1. ประวัตสิ ว่ นตัวของนักเรียน ชอื่ – นามสกุล ......................................................... ช่ือเล่น ...................... ชนั้ .................. เลข ท่ี .................. วัน เดือน ปี เกิด วันที่ ............ เดือน .......................... พ.ศ. ................... อายุ ..................... ปี ศาสนา........... นักเรียนอาศัยอยู่ ในเขตอำเภอเมอื ง นอกเมือง อำเภอ ...................... จงั หวัด .............................. มีพ่ีนอ้ งจำนวน ................ คน นักเรียนเปน็ บุตรคนที่ ............. นกั เรยี นสนทิ กบั ใครมากท่สี ดุ ในบา้ น ................ ผลการเรยี นเทอมทผี่ า่ นมา………………………… กรณีเรียนอ่อน (ตำ่ กว่า 2.00 ) นักเรียนจะแกไ้ ขปรบั ปรุงตนเองอย่างไร…………………………………………..……… 2. ข้อมูลทวั่ ไป นักเรยี นได้รบั คา่ อาหาร / ขนม มาโรงเรียนวนั ละ ...................................บาท/วนั งานอดิเรก.................................................................................................................... ....................................... นักเรียนมีเพื่อนสนทิ ร่วมห้องเรียนจำนวน ไมม่ ี มเี พอ่ื นท่สี นิททีส่ ุดในห้องเรยี น ชือ่ – นามสกลุ ....................................................................................ชัน้ .......................เลขท่ี ........................ ถ้ามเี ร่ืองไมส่ บายใจ นกั เรยี นมกั จะปรึกษาใคร....................................................................................................

เรอ่ื งทน่ี ักเรยี นมคี วามกงั วล/ไมส่ บายใจในตอนน้มี ากท่ีสุด คือ ............................................................................................................................................................................. โตขึ้นหนูอยากเปน็ /เปา้ หมายในอนาคต ....................................................................................................... ...................................................................... บนั ทึกเพิม่ เติม (ขอ้ เสนอแนะในการพัฒนา/การดูแลอย่างต่อเนอ่ื ง) ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................. . ............................................................................................................................................................. ................ . ............................................................................................................................................................................ ลงชื่อ .................................................... ลงช่อื .................................................... (....................................................) (....................................................) นักเรยี น ครูประจำชน้ั วันท่ี ........ เดอื น ......................... พ.ศ. ...............

นน.102 แบบบันทึกการเยี่ยมบา้ นนกั เรยี น โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย อำเภอเมอื ง จังหวดั เชยี งใหม่ วันทีอ่ อกเย่ยี มบา้ น......... 10............เดือน.........กนั ยายน.......พ.ศ..... 2564...........เวลา....... 17.30- 18.30....น. ช่ือ-สกุล.......เดก็ หญิงลภัสรดา…ไชยเจริญ.......ช่อื เล่น.....เอย.......ชั้น....ประถมศึกษาปีที่ 4/4......เลขท.่ี ......25.. บ้านเลขท.ี่ ........ 71............หม.ู่ ..... 6..............ถนน................................................ตำบล........สนั ผเี สือ้ ....... อำเภอ.............เมือง......................จังหวัด............เชียงใหม่.......................โทรศพั ท์............. 098-2296648..... เกิดวนั ที่.......... 4..........เดือน...............มถิ นุ ายน.........................พ.ศ.................... 2554...................................... ชอื่ -สกุลบดิ า.........นาย อานน….ไชยเจริญ..................ชือ่ -สกุลมารดา........น.ส. วีรนิ ทร์พิมณ ประชากรณ์..... อาชีพบดิ า...........พนักงานสง่ อาหาร(ไรเดอร์)................. อาชีพมารดา.........ธรุ กจิ ส่วนตวั (รา้ นทำผม)............. 1. ดา้ นท่อี ยู่อาศัยและปัจจัยทางกายภาพ  อยู่อาศัยกบั บิดามารดา  อย่กู ับบุคคลอ่นื ชื่อ-สกลุ ...................................................................... เกยี่ วข้องเป็น............................................  อยูห่ อพักชอื่ .......................................................................... สถานภาพของครอบครัว  พอ่ แม่อยรู่ ่วมกัน  พ่อแม่หย่าร้าง  พอ่ แม่แยกกันอยู่ จำนวนบุคคลทอี่ าศัยในบ้าน...............3.................คน นกั เรียนเป็นบุตรคนที่.................1.............................. ลกั ษณะสภาพบ้าน  แข็งแรงปลอดภยั  ไมแ่ ข็งแรง

ความเปน็ สดั สว่ นในการนอนของนักเรียน  มหี ้องนอนของตนเอง  นอนรวมกนั กบั พ่อแม่ สภาพแวดล้อมรอบบา้ นหรือในชมุ ชน  ปลอดภัย  ไมค่ อ่ ยปลอดภยั สภาพความเป็นอยู่  ลำบาก  สุขสบาย 2. ด้านเศรษฐกจิ และรายได้ของครอบครวั  มีรายไดร้ ะดับทดี่ -ี ดีมาก  มรี ายได้ท่เี พยี งพอต่อการใช้จา่ ย  คอ่ นขา้ งขดั สน 3. ด้านการใช้ชีวติ และกจิ กรรมทีบ่ า้ น ก. กจิ กรรมที่นกั เรียนทำหลงั เลกิ เรียน …………ทำการบา้ น ช่วยงานบา้ น เช่น กวาดบา้ น ถูบ้าน ลา้ งจาน ดูแลนอ้ ง…………………………………………… ข. กิจกรรมที่นกั เรยี นทำในวันหยุด …………อาจจะมีญาติผู้ใหญ่ฝง่ั คุณแม่พาไปเท่ียว หรือว่ายน้ำบ้าง และในวนั อาทิตยจ์ ะไปโบสถ์ ซึ่งมีหน้าทรี่ ้อง เพลงในโบสถ์ และช่วยดูแลเด็ก ๆ ท่โี บสถ์ดว้ ย ………………….........................................................................… 4. วิธีการอบรมลูกของพอ่ แม่ เป็นอย่างไร (เช่น เข้มงวด/ใชค้ วามรุนแรง/แบบมเี หตุผล/ปลอ่ ยปละ ละเลย) …………อบรมอย่างมีเหตุผล ไม่ไดเ้ คร่งครดั จนเกนิ ไป ให้อสิ ระ……………………………………………….………………… 5. ดา้ นบรรยากาศและความสัมพนั ธ์ในครอบครัว …………คณุ พ่อกบั คุณแม่เลกิ กัน ตอนนนี้ ักเรยี นอยูก่ ับคุณแม่ คณุ แมเ่ ป็นผปู้ กครอง นักเรียนเข้าใจและรบั รู้ว่า พอ่ กบั แม่ได้แยกทางกนั แตใ่ นชว่ งนท้ี ่ีนักเรยี นต้องเรียนออนไลน์คณุ พ่อชว่ ยดแู ลให้วันจันทร์-วนั ศกุ ร์ นักเรียนมี น้องสาวต่างพ่อ 1 คน นักเรียนก็รักและช่วยดแู ลน้องเป็นอย่างดี ............................…………………………........…

6. การเดินทางไปโรงเรียน ระยะทางจากบ้านไปโรงเรยี นประมาณ......................กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ.............ช่วั โมง............นาที ปกติเดินทางมาโรงเรียนโดย  ผู้ปกครองขับรถยนต์มาสง่  ผูป้ กครองขับรถจกั รยานมาส่ง  ขีร่ ถจักรยานมาเอง  มารถรบั จา้ ง  อ่นื ๆ คือ................. 7. นกั เรยี นมเี พ่ือนสนิทคือ 1..........-................................................................................................................ 2............................................................................................................................ 3............................................................................................................................ 8. พ่อแม/่ ผปู้ กครอง คิดว่านักเรยี นมีลกั ษณะ นสิ ัยอย่างไร/เป็นคนอย่างไร …………เปน็ คนพูดเยอะ บางทีคิดอะไรก็จะพูดออกมา ชอบท่จี ะเล่าเรื่องตัวเองอยากมสี ว่ นร่วมในการคยุ กับ เพือ่ นๆ ชอบทกั ทายผูอ้ น่ื ก่อนเสมอ ร่าเริง ……………………………………………………………………………………………… 9. ผปู้ กครองตอ้ งการใหโ้ รงเรยี นดแู ลชว่ ยเหลือดา้ นใด …………ด้านการเรียน เนื่องจากนักเรยี นชว่ ยเหลืองานทีบ่ ้าน และระยะทางระหวา่ งทบี่ า้ นกบั โรงเรยี นห่างกนั ใช้ เวลาเดินทางค่อนข้างนาน บางครั้งมีการบ้านจากท่โี รงเรียนจงึ ไมส่ ามารถทำให้เสรจ็ ตามกำหนดได้ บางคร้ังไม่ มีคนสอนการบา้ น จงึ อยากให้ครผู ู้สอนปรับลดการบ้านหรือมอบหมายให้ทำทโ่ี รงเรียนให้เสรจ็ …………….......…. 10. ลักษณะของนักเรียนที่อยใู่ นโรงเรยี นทีด่ ีคอื ........อัธยาศยั ดี พูดเยอะ พดู เรว็ บุคลิกค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ ไม่ เหมือนกบั เพ่ือนในวยั เดียวกนั ท่ีต้องการใหป้ รบั ปรุงคอื การพูด ตอ้ งพูดอยา่ งมจี ังหวะ มีกาลเทศะ ไม่พูดแทรก ขน้ึ มา รับผดิ ชอบงานทไ่ี ด้รับมอบหมายและการสง่ งานตรงตามทค่ี รผู ู้สอนกำหนด..............................................

ข้อเสนอแนะหรือความคดิ เห็นของครูทต่ี ้องการใหพ้ ่อแม่/ผู้ปกครอง ชว่ ยดูแลนักเรียน คอื …………การรับผิดชอบหนา้ ทภี่ าระงานของตนเอง รวมไปถึงการชว่ ยงานบ้านคณุ แม่งา่ ย ๆ เบ้ืองตน้ เพื่อให้ สามารถชว่ ยงานบา้ นคุณแม่ได้หลากหลายมากขนึ้ การพฒั นาตวั เองและการดแู ลรบั ผิดชอบตนเองทีบ่ า้ น การ พดู ให้ถูกกาลเทศะ …………………………………………......................……………………………………………………………… บันทึกเพิม่ เติม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………….…………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………….……………………………………………………………………………………………………………………… แผนผงั บ้านหรอื ติดภาพถา่ ยบา้ น / ภาพการเยยี่ มบ้านนกั เรียน N

ลงชอื่ ...........................................................นักเรียน ลงช่ือ...................................................ผปู้ กครอง ลงชอ่ื ........................................................นักเรียน ลงชอื่ ...............................................ผปู้ กครอง (.......................................................) (.....................................................) ............/............/............ ............/............/............ ลงชอื่ ........................................................ครูผู้เย่ียมบา้ น ลงชอื่ .....................................................ครผู ู้ เย่ียมบ้าน (นางสาวจารุวรรณ สิงห์ลอ) (นางสาวนงนภา ศริ เิ จรญิ ไชย) ............/............/............ ............/............/............ ลงช่อื .....................................................หวั หน้างานแนะแนว (....................................................) ............/............/............


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook