ระบบหายใจ (Respiratory System) มหี นา้ ทแ่ี ลกเปลย่ี นก๊าซใหก้ บั สิ่งมชี ีวิต ในมนษุ ยแ์ ละสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมระบบทางเดนิ หายใจประกอบไปดว้ ย จมกู หลอดลม ปอด และกลา้ มเนือ้ ระบบทางเดินหายใจ องคป์ ระกอบของระบบหายใจ • จมกู รูจมกู ทาหนา้ ทีเ่ ป็นทางผา่ นของอากาศ กรองอากาศทีห่ ายใจเขา้ ไปยงั ชอ่ งจมกู และกรองฝ่นุ ละ อองดว้ ย • หลอดลม มีหนา้ ท่ีหลกั คือ การนาสง่ อากาศจากภายนอกรา่ งกายเขา้ สปู่ อดเพื่อทาหนา้ ทีใ่ นการแลกเปลี่ยนก๊าซ • ปอด หนา้ ทีก่ ็คอื การแลกเปล่ยี นก๊าซออกซิเจนจากสงิ่ แวดลอ้ มเขา้ สรู่ ะบบเลอื ดในรา่ งกาย และแลกเปล่ียนเอาก๊าซ คารบ์ อนไดออกไซดอ์ อกจากระบบเลือดออกสสู่ ิ่งแวดลอ้ ม • หลอดคอ หรอื คอหอย เป็นหลอดตงั้ ตรงยาวประมาณยาวประมาณ 5 นิว้ มีลกั ษณะคลา้ ยกรวย หลอดคอ • หลอดเสียง หรอื กลอ่ งเสียง เป็นอวยั วะพิเศษลกั ษณะเป็นหลอดยาวประมาณ 4.5 cm ในผชู้ าย และ 3.5 cm ใน ผหู้ ญิง หลอดเสยี งเจรญิ เติบโตขนึ้ มาเรอื่ ยๆตามอายใุ นวยั เรมิ่ เป็นหน่มุ สาว
กระบวนการในการหายใจ มีโครงกระดกู สว่ นอกแกลา้ มเนือ้ บรเิ วณอกเป็นตวั ชว่ ยขณะหายใจเขา้ กลา้ มเนือ้ หลายมดั หดตวั ทาใหท้ รวงอกขยาย ออกไปขา้ งหนา้ และยกขนึ้ บนในเวลาเดียวกนั กะบงั ลมจะลดตา่ ลง ทาใหโ้ พรงของทรวงอกขยายใหญ่มากขนึ้ เมื่อกลา้ มเนึ้ อหยดุ ทางานกแาละรหแยลอ่ นกตเวั ปลงลยี่ นกา๊ ซและการใช้ออกซเิ จน เมอื่ หายใจเขา้ อากาศภายนอกเขา้ สอู่ วยั วะของระบบหายใจไปยงั ถงุ ลมในปอด ทผี่ นงั ของถงุ ลมมีหลอดเลือด แดงฝอยติดอยดู่ งั นนั้ อากาศจงึ มีโอกาสใกลช้ ดิ กบั เม็ดเลือดแดงมากออกชิเจนก็จะผา่ นผนงั นีเ้ ขา้ สเู่ ม็ดเลอื ดแดงและ คารบ์ อนไดออกไชดก์ ็จะออกจากเม็ดเลอื ดผา่ นผนงั ออกมาสถู่ งุ ลม การหายใจเข้าและหายใจออก -การหายใจเขา้ กะบงั ลมหดตวั และยดึ กระดกู ซโ่ี ครงดงึ กระดกู ซี่โครงใหย้ กตวั ขนึ้ ปรมิ าตรของช่องอกท่ีเพิ่มขนึ้ ทาใหค้ วามดนั ในชอ่ งอกลดลง อากาศจากภายนอกเคลอ่ื นทเี่ ขา้ สปู่ อด -การหายใจออก กะบงั ลมคลายตวั จะยกตวั สงู ขนึ้ จงั หวะเดยี วกบั กระดกู ซโี่ ครงลดตา่ ลง ทาใหป้ รมิ าตรในชอ่ ง อกลดลงความดนั เพิ่มขนึ้ อากาศจงึ เคลื่อนท่อี อกจากปอด
ความจุอากาศของปอด ความจอุ ากาศของปอดในแตล่ ะคนจะแตกตา่ งกนั ขนึ้ อยกู่ บั 1. เพศ เพศชายจะมีความจปุ อดมากกวา่ เพศหญิง 2. สภาพรา่ งกาย นกั กีฬามีความจขุ องปอดมากกวา่ คนปกติ 3. อายุ ผสู้ งู อายจุ ะมคี วามจปุ อดลดลง 4. โรคที่เกิดกบั ปอด โรคบางชนิด เชน่ ถงุ ลมโป่ งพอง โรคมะเรง็ จะทาใหม้ คี วามจุปอด ลดลง - หวั ใจหอ้ งบนขวา (Right atrium) คอยรบั เลอื ดจากรา่ งกายสว่ นบนและสว่ นลา่ ง ผา่ นหลอด เลอื ดดาใหญ่ 2 เสน้ คอื หลอดเลือดดาบนและหลอดเลอื ดดาลา่ ง - หวั ใจหอ้ งลา่ งขวา (Right ventricle) ทาหนา้ ทีส่ ง่ เลอื ดตอ่ ไปยงั ปอดเพือ่ ทาการฟอก โดยผา่ น ลนิ้ หวั ใจพลั โมนารี และหลอดเลอื ดแดงพลั โมนารี -หวั ใจหอ้ งบนซา้ ย (Left atrium) ไดร้ บั การฟอกจากปอดแลว้ จะเป็นเลือดที่มีออกซิเจนอยสู่ งู โดย ผ่านหลอดเลอื ดดาจากปอด -หวั ใจหอ้ งลา่ งซา้ ย (Left ventricle) เลอื ดจะถกู สบู ฉีดไปยงั สว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกายดงั นนั้ หวั ใจ สว่ นนีจ้ งึ จาเป็นจะตอ้ งมีผนงั หวั ใจทห่ี นาและแข็งแรงทสี่ ดุ
ระบบไหลเวยี นโลหติ (Circulatory System) ในระบบหมนุ เวยี นเลือดประกอบดว้ ย เลือด หลอดเลอื ดและหวั ใจ หวั ใจของมนษุ ยม์ ีขนาด เทา่ กบั กาปั้นที่กาแนน่ ของผทู้ ี่เป็นเจา้ ของ อวยั วะทส่ี าคญั ในระบบหมนุ เวียนโลหติ 1 .โลหิตหรอื เลือด ทาหนา้ ที่ ลาเลียงสารอาหารตา่ งๆ ในรา่ งกาย ซง่ึ ประกอบดว้ ย นา้ เเลือด ท่ีมลี กั ษณะเป็นของ เหลวใส ไมม่ สี ี สามารถแบง่ ออกเป็น 3 ชนิด คือ เมด็ เลอื ดขาว เม็ดเลือดขาวและเกลด็ เลอื ด 2. เสน้ เลือดและหลอดเลือด 2.1 เสน้ เลอื ดแดง ทาหนา้ ทนี่ าเลือดออกจากหวั ใจไปยงั เสน้ เลือดฝอย เพื่อนาไปเลีย้ งสว่ น ตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย 2.2 เสน้ เลอื ดดา เป็นเสน้ เลอื ดรูปทรงกระบอก ทาหนา้ ที่นาเลอื ดกลบั สหู่ วั ใจ 2.3 เสน้ เลือดฝอย มหี นา้ ทน่ี าเลือดจากหลอดเลอื ดแดงไปตามสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย และนา เลือดดาจากรา่ งกายไปยงั หลอดเลอื ดดา
3.หวั ใจ เป็นอวยั วะทส่ี าคญั ท่ีสดุ ในระบบไหลเวยี นโลหิต ทาหนา้ ทีส่ บู ฉีดโลหิตไปเลยี้ งรา่ งกาย สว่ นของหวั ใจจะอยดู่ า้ นซา้ ยของรา่ งกาย รอบ ๆ หวั ใจมีเยื่อบาง ๆ หมุ้ อยู่ เรยี กวา่ เยือ่ หมุ้ หวั ใจ ภายในหวั ใจแบง่ ออกเป็น 4 หอ้ ง ไดแ้ ก่ 1. หวั ใจหอ้ งบนขวา 2. หวั ใจหอ้ งลา่ งขวา 3. หวั ใจหอ้ งบนซา้ ย 4. หวั ใจหอ้ งลา่ งซา้ ย 4.เลือด(Blood) ประกอบดว้ ยนา้ เลือด และเมด็ เลือด เมด็ เลอื ดแดงสว่ นใหญ่เป็นโปรตีนและเหลก็ เมด็ เลือดขาวทาหนา้ ที่ตอ่ สกู้ บั เชอื้ โรคท่จี ะเขา้ สรู่ า่ งกาย สว่ นเกลด็ เลือดจะเป็นตวั ชว่ ยใหเ้ ลือดแข็งตวั เมื่อเกิดบาดแผล 5. เสน้ เลอื ด(Blood Vessel) คอื ทอ่ ท่เี ป็นทางใหเ้ ลอื ดไหลเวยี นในรา่ งกายซงึ่ มี 3 ระบบ คอื เสน้ เลอื ดแดง เสน้ เลอื ดดา และเสน้ เลอื ดฝอย
การปฏบิ ตั ติ นเพอื่ ดแู ลรักษาอวัยวะภายในระบบ 1. รบั ประทานอาหารทม่ี ปี ระโยชน์ 2. อยใู่ นที่อากาศบรสิ ทุ ธิ์ 3. พกั ผ่อนใหม้ าก เพราะการพกั ผอ่ นนอนหลบั จะทาใหห้ วั ใจเตน้ ชา้ ลง 4. ออกกาลงั กายใหเ้ หมาะสมกบั เพศและวยั 5. ทาจติ ใจใหแ้ จม่ ใสรา่ เรงิ ไมเ่ ครยี ด 6. งดเวน้ จากสิง่ เสพติดทกุ ชนิด
ระบบยอ่ ยอาหาร (Digestive System) การยอ่ ยอาหาร (Digestion) หมายถงึ กระบวนการสลายอนภุ าคอาหารใหม้ ีขนาดเล็กสดุ จนสามารถดดู ซมึ เขา้ ไปในเซลลไ์ ด้ เมื่อมนษุ ยร์ บั ประทานอาหารเขา้ สรู่ า่ งกาย จะผ่านระบบต่าง ๆ ไดแ้ ก่ ปาก หลอดอาหา รกระเพาะอาหาร ลาไสเ้ ลก็ ลาไสใ้ หญ่ ของเสียออกทางทวารหนกั ขนั้ ตอนการยอ่ ยอาหาร มี 2 ขนั้ ตอน การยอ่ ยเชงิ กล (Mechanical digestion) ทาใหอ้ าหารมีขนาดเลก็ ลง เพื่อสะดวกตอ่ การ เคลอื่ นทแี่ ละการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมีตอ่ ไป การยอ่ ยทางเคมี (Chemical digestion) เป็นการยอ่ ยอาหารใหม้ ขี นาดเลก็ ท่สี ดุ โดยการ เกิดปฏิกิรยิ าเคมีระหวา่ งอาหารกบั นา้ โดยตรง องคป์ ระกอบของระบบยอ่ ยอาหาร - ชอ่ งปาก (Mouth cavity) เรม่ิ ทีช่ อ่ งปาก เคีย้ วอาหารในนา้ ลายยงั มเี อนไซมอ์ ะไมเลส ทาหนา้ ท่ยี อ่ ยอาหารจาพวกแปง้ ดว้ ย -หลอดอาหาร (Esophagus) อาหารจะเคลือ่ นผา่ นหลอดอาหารใหก้ อ้ นอาหารที่กลืนลงไปตกลงสกู่ ระเพาะอาหาหาร -กระเพาะอาหาร (Stomach) อาหารจะกระตนุ้ ใหก้ ระเพาะอาหารหรอื เกิดการบบี ตวั และคลายตวั เพอ่ื เป็นการคลกุ เคลา้ อาหารใหท้ าผสมกบั นา้ ยอ่ ยทหี่ ล่งั ออกมจากตอ่ มไรท้ อ่
-ตบั ออ่ น (Pancreas) ทาหนา้ ทใ่ี นการผลิตนา้ ยอ่ ย นา้ ยอ่ ยที่ผลิตโดยดบั ออ่ นจะลาเลยี งผ่านทอ่ มาสทู่ างเดินอาหารทีล่ าไสเ้ ล็กสว่ นตน้ -ตบั (Liver) ทาหนา้ ที่ผลิตนา้ ดี เพอ่ื ชว่ ยการยอ่ ยไขมนั และวิตามินบางชนิด -ถงุ นา้ ดี (Gallbladder) ทาหนา้ ที่เก็บนา้ ดที ่ีผลติ มาจากตบั และปลอ่ ยนา้ ดเี ขา้ สทู่ างเดินอาหารผ่านทอ่ นา้ ดี -ลาไสเ้ ลก็ (Small intestine) หนา้ ท่ีผลิตนา้ ยอ่ ย, คลกุ เคลา้ อาหารท่ีใหเ้ ขา้ กบั นา้ ยอ่ ยจากตบั ออ่ น, และดดู ซมึ สารอาหาร ทยี่ อ่ ยแลว้ จะถกู ยอ่ ยอยา่ งสมบรู ณภ์ ายในลาไสเ้ ล็ก -ลาไสใ้ หญ่ (Large intestine) นา้ และเกลอื แรร่ วมถึงวติ ามิน จะถกู ดดู ซมึ เขา้ สรู่ ะบบไหลเวียนโลหิตผ่านทางผนงั ลาไส้ และไม่พบกระบวนการยอ่ ย อาหารเกิดขนึ้ ในลาไสใ่ หญ่ กากอาหารตา่ งๆ ทเ่ี หลือจากการยอ่ ยจะถกู ขบั ออกจากรา่ งกายทางทวารหนกั หน้าทข่ี องระบบย่อยอาหาร เปล่ียนแปลงอาหารให้อยใู่ นรูปแบบสารอาหารท่ีร่างกายสามารถดูดซึมไดเ้ พือ่ ใชเ้ ป็นพลงั งานในร่างกาย เม่ือ เสร็จสิ้นกระบวนการกากใยที่ไม่สามารถยอ่ ยสลายไดจ้ ะกลายเป็นอุจจาระ เพ่ือกาจดั ออกจากร่างกาย
โรคเกยี่ วกับระบบยอ่ ยอาหารทพ่ี บบอ่ ย • กรดไหลยอ้ น • โรคถงุ ผนงั ลาไส้ • แผลในกระเพาะอาหาร • รดิ สีดวงทวาร • ทอ้ งผกู • ทอ้ งเสยี • นิ่วถุงน้าดี • โรคลาไส้แปรปรวน • แพแ้ ลคโตส • โรคซิลิแอค การดแู ลระบบย่อยอาหาร • รบั ประทานอาหารท่ีมไี ฟเบอรส์ งู • รบั ประทานอาหารใหห้ ลากหลาย • รบั ประทานอาหารท่ีมีโปรไบโอตกิ โปรไบโอตกิ เป็นแบคทเี รยี ท่ีดี • เคีย้ วอาหารชา้ ๆ • ดม่ื นา้ มาก ๆ • จดั การความเครยี ด • หลีกเลย่ี งเครอ่ื งดืม่ แอลกอฮอลแ์ ละการสบู บหุ รี่
ระบบขับถา่ ย (Excretory System) เป็นระบบกาจดั ของเสียจากรา่ งกาย และชว่ ยควบคมุ ปรมิ าณของนา้ ในรา่ งกายใหส้ มบรู ณ์ ประกอยดว้ ย ไต ตบั และลาไส้ เป็นตน้ โครงสร้างของระบบขับถา่ ย ไตเป็นอวยั วะทีก่ รองของเสยี เพอื่ กาจดั ของเสยี ออกจากรา่ งกาย ตอ่ จากไตทงั้ สองขา้ งมที อ่ ไตทาหนา้ ที่ลาเลยี งนา้ ปัสสาวะจากไตไปเก็บไว้ ท่ีกระเพาะปัสสาวะ ก่อนจะขบั ถ่ายออกมานอกรา่ งกายทางทอ่ ปัสสาวะ การดูแลรักษาระบบขับถา่ ย เคีย้ วอาหารใหล้ ะเอยี ด และรบั ประทานอาหารท่ีชว่ ยในการขบั ถ่าย คือ อาหารทม่ี ีกากใย เชน่ ผกั ผลไม้ และควรดมื่ นา้ ใหม้ าก การกาจัดของเสยี ออกทางไต การกาจดั ของเสียออกทางผิวหนงั เหง่ือประกอบไปดว้ ยนา้ เป็นสว่ นใหญ่ จะถกู ขบั ออกจากรา่ งกายทางผิวหนัง โดยผา่ นตอ่ มเหงอ่ื ซงึ่ อยใู่ ตผ้ ิวหนงั การกาจดั ของเสยี ออกทางลาไสใ้ หญ่ โดยลาไสใ้ หญ่จะทาหนา้ ท่ีสะสมกากอาหารและจะดดู ซมึ สารอาหารทม่ี ีประโยชนท์ าใหอ้ าหารเหนียวและขน้ จน เป็นกอ้ นแข็ง จากนนั้ ลาไสจ้ ะบีบตวั เพื่อใหก้ ากอาหารเคล่อื นทไี่ ปรวมกนั ทีล่ าไสต้ รง และขบั ถ่ายสู่ภายนอกรา่ งกาย ทางทวารหนกั
การกาจัดของเสยี ทางปอด ก๊าซและนา้ ซงึ่ เกิดจากการเผาผลาญอาหารภายในเซลลจ์ ะถกู สง่ เขา้ สเู่ ลือด หวั ใจจะสบู เลือดท่ีมกี ๊าซ คารบ์ อนไดออกไซดไ์ ปไวท้ ี่ปอด จากนนั้ ปอดจะทาการกรองก๊าซคารบ์ อนไดออกไซดเ์ ก็บไว้ แลว้ ขบั ออกจาก รา่ งกายโดยการหายใจออก ประโยชนข์ องการขับถา่ ยของเสยี ตอ่ สุขภาพ การปฏิบตั ติ นในการขบั ถ่ายของเสยี ใหเ้ ป็นปกติหรอื กิจวตั รประจาวนั เป็นสิง่ จาเป็นอย่างยง่ิ ตอ่ สขุ ภาพ อนามยั ของมนษุ ย์ เราไมค่ วรใหร้ า่ งกายเกิดอาการทอ้ งผกู เป็นเวลานานเพราะจะทาใหเ้ กิดเป็นโรครดิ สดี วงทวาร หนกั ได้
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: