Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พันธะเคมี

พันธะเคมี

Published by watcharin.rassamee, 2019-09-18 03:44:52

Description: พันธะเคมี

Search

Read the Text Version

คาชแ้ี จงเกยี่ วกับชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง พนั ธะเคมี โดยใชว้ ธิ ีการเรียนรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ 5E ข้ันรว่ มกบั กลวธิ ีการสอนตา่ ง ๆ สาหรบั นกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ประกอบด้วย 11 ชุด ดงั นี้ ชุดที่ 1 เรื่อง การเกิดและชนดิ ของพันธะโคเวเลนต์ ชดุ ท่ี 2 เรอ่ื ง การเขยี นสูตรและเรยี กชอ่ื สารโคเวเลนต์ ชดุ ที่ 3 เรอ่ื ง ความยาวพนั ธะและพลังงานพนั ธะ ชุดท่ี 4 เรอื่ ง รูปรา่ งของโมเลกุลโคเวเลนต์ ชดุ ท่ี 5 เรื่อง สภาพข้ัวของโมเลกุลโคเวเลนต์ ชุดท่ี 6 เรื่อง แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ ชดุ ที่ 7 เร่ือง การเกิด การเขียนสูตรและเรียกช่ือสารประกอบไอออนิก ชุดท่ี 8 เรือ่ ง พลังงานกบั การเกดิ สารประกอบไอออนกิ ชุดท่ี 9 เรอื่ ง สมบตั กิ ารละลายน้าของสารประกอบไอออนิก ชดุ ที่ 10 เร่ือง การเกิดปฏกิ ิริยาของสารประกอบไอออนกิ ชดุ ที่ 11 เรือ่ ง พนั ธะโลหะ 2. ชุดกิจกรรมการเรียนรนู้ ้เี ป็นชดุ ที่ 1 เรื่อง การเกดิ และชนิดของพันธะโคเวเลนต์ ใช้ประกอบกับ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 เรือ่ ง การเกดิ และชนดิ ของพันธะโคเวเลนต์ 3. ส่วนประกอบของชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้น้ี ประกอบดว้ ย 3.1 คาชแ้ี จงเกีย่ วกบั ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ 3.2 ขน้ั ตอนการเรยี นโดยใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้ 3.3 คาแนะนาการใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนร้สู าหรบั ครู 3.4 คาแนะนาการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนร้สู าหรับนกั เรยี น 3.5 มาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.6 ผงั มโนทัศนก์ ารเกิดและชนิดของพันธะโคเวเลนต์ 3.7 กจิ กรรมการเรียนรู้ ขนั้ ท่ี 1 สรา้ งความสนใจ 3.8 กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นที่ 2 สารวจและค้นควา้ 3.9 กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรุป 3.10 กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั ท่ี 4 ขยายความรู้ 3.11 กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี 5 ประเมินผล 3.12 บรรณานุกรม 3.13 ภาคผนวก 4. ผ้ใู ช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรนู้ ้ี ควรศกึ ษาคาแนะนาในคมู่ ือการใช้ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ก่อนใช้ ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรื่อง พนั ธะเคมี ชดุ ท่ี 1 1

ขนั้ ตอนการเรียนโดยใชช้ ดุ กิจกรรมการเรียนรู้ 1. อ่านคาชแ้ี จง คาแนะนาการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ไม่ผ่านเกณฑ์ 2. ศึกษาชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ โดยปฏิบตั ิ การประเมินผล - ทากจิ กรรมที่ 1 - ทากจิ กรรมที่ 2 - ทากจิ กรรมที่ 3 - ทากจิ กรรมที่ 4 - ทากิจกรรมที่ 5 3. ตรวจสอบคาตอบในเฉลยใบกิจกรรม และเฉลยแบบทดสอบระหวา่ งเรียน 4. ศกึ ษาชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ ชุดตอ่ ไป ผ่านเกณฑ์ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง พนั ธะเคมี ชุดท่ี 1 2

คาแนะนาการใชช้ ุดกจิ กรรมการเรยี นรสู้ าหรับครู การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี โดยใช้วิธีการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ขั้นร่วมกับกลวิธีการสอนต่าง ๆ สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 ชุดที่ 1 เร่ือง การเกิดและชนิดพันธะโคเวเลนต์ มีจุดมุ่งหมายเพ่ือช่วยให้การดาเนินกิจกรรม การเรียนรู้ บรรลุวตั ถปุ ระสงคก์ ารเรียนรู้และมีประสทิ ธิภาพ ผู้สอนควรเตรียมความพร้อม และปฏิบัติ ตามคาแนะนา ดังต่อไปนี้ 1. ศกึ ษารายละเอียดเก่ยี วกับคมู่ ือการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เนื้อหาที่สอน กิจกรรมในชุด กจิ กรรมการเรยี นรู้ และคาชแ้ี จงต่าง ๆ ให้เข้าใจก่อนดาเนนิ กิจกรรมการเรียนรู้ 2. เตรียมสื่ออุปกรณ์ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้พร้อม และครบจานวนนักเรียน ในช้ัน เรียนแตล่ ะกลุ่ม 3. เม่ือมีกิจกรรมกลุ่ม ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4 คน โดยคละนักเรียน เก่ง ปานกลาง และ อ่อน ใหม้ กี ารแบ่งหนา้ ท่ีความรบั ผิดชอบแกส่ มาชิกในกลมุ่ ดงั นี้ - ผู้ติดตามผลงาน มีหน้าที่ ช่วยติดตามความก้าวหน้าของงาน บันทึกข้อมูลสาหรับกลุ่ม และร่วมงานกบั ผปู้ ระสานความร่วมมือในกจิ กรรม - ผู้ตรวจสอบ มีหน้าที่ ช่วยคนในกลุ่มให้เข้าใจกิจกรรม เอ้ือให้เกิดการอภิปรายเกี่ยวกับ กจิ กรรม และไมใ่ ชผ่ ู้นาแตเ่ ป็นผ้เู ออ้ื ให้เกิดการเรียนรรู้ ่วมกัน - ผู้ประสานความร่วมมือ มีหน้าที่ ช่วยแก้ปัญหา และสามารถออกจากกลุ่มไปประสาน ความร่วมมือ และสง่ งาน - ผู้จัดการด้านวัสดุอุปกรณ์ มีหน้าท่ี จัดเตรียม/คืน วัสดุอุปกรณ์ ช่วยดูแลการจัดเก็บ อุปกรณ์ และตรวจสอบวา่ อปุ กรณ์อยูใ่ นสภาพท่ใี ช้งานได้ 4. ก่อนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ครูควรชี้แจงให้นักเรียนเข้าใจบทบาทของตนเอง แนะนา ขั้นตอนการใชช้ ุดกิจกรรมการเรยี นรู้ แนวปฏิบัติในระหว่างการดาเนินกจิ กรรมการเรยี นรู้ แล้วจึงให้ทา กิจกรรมการเรยี นรู้ 5. ขณะท่ีนักเรียนทากิจกรรม ครูคอยให้ความช่วยเหลือ แนะนา กระตุ้น ให้นักเรียนทา กิจกรรมอย่างกระตือรือร้นและตอบข้อสงสัยต่าง ๆ ระหว่างเรียน พร้อมท้ังสังเกตและประเมิน พฤติกรรมการทางานของนักเรยี น 6. เมอื่ นักเรียนปฏบิ ตั ิกิจกรรมครบถว้ น แจ้งใหน้ ักเรียนทราบความก้าวหนา้ ทางการเรียน 7. วดั และประเมินผลจากแบบทดสอบระหว่างเรียน ใบกจิ กรรมและสังเกตพฤตกิ รรม 8. เม่ือสิ้นสุดการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ ครูให้นักเรียนเก็บชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วัสดุ สงิ่ ของ และอุปกรณ์ให้เรยี บรอ้ ย เพื่อสะดวกในการใชค้ รงั้ ต่อไป ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เร่อื ง พนั ธะเคมี ชุดท่ี 1 3

คาแนะนาการใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรยี นรสู้ าหรบั นักเรยี น การเรียนรูโ้ ดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง พนั ธะเคมี โดยใช้วิธกี ารเรียนรแู้ บบสืบเสาะหาความรู้ 5E ร่วม กบั กลวธิ ีการสอนตา่ ง ๆ สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 ชุดที่ 1 เร่ืองการเกิดและชนิดของ พนั ธะโคเวเลนต์ ใหน้ กั เรียนปฏิบัตติ ามข้นั ตอนดว้ ยความซอื่ สัตยแ์ ละตัง้ ใจ ดงั น้ี 1. ชดุ ที่ 1 เรอ่ื ง การเกิดและชนิดของพันธะโคเวเลนต์ ใช้เวลา 2 ชัว่ โมง 2. แบ่งกลุ่ม ๆ ละ 5 คน โดยคละความสามารถนักเรียนในกลุ่ม เป็นเก่ง ปานกลาง และอ่อนแล้วให้ สมาชิกในกล่มุ เลอื ก เพื่อทาหน้าทดี่ ังน้ี - ผู้ตดิ ตามผลงาน มหี นา้ ท่ี ช่วยติดตามความก้าวหน้าของงาน บันทึกข้อมูลสาหรับกลุ่ม และ ร่วมงานกบั ผู้ประสานความรว่ มมอื ในกิจกรรม - ผู้ตรวจสอบ มีหน้าที่ ช่วยคนในกลุ่มให้เข้าใจกิจกรรม เอ้ือให้เกิดการอภิปรายเกี่ยวกับ กจิ กรรม และไมใ่ ชผ่ ู้นาแตเ่ ป็นผเู้ อื้อใหเ้ กิดการเรยี นรรู้ ว่ มกนั - ผู้จดั การดา้ นวสั ดอุ ปุ กรณ์ มหี นา้ ท่ี จดั เตรียม/คืน วัสดุอุปกรณ์ ช่วยดูแลการจัดเก็บอุปกรณ์ และตรวจสอบวา่ อปุ กรณอ์ ยใู่ นสภาพใช้งานได้ - ผู้ประสานความร่วมมือ มีหน้าที่ ช่วยแก้ปัญหา และสามารถออกจากกลุ่มไปประสาน ความรว่ มมอื และสง่ งาน - ผปู้ ระสานงานทั่วไป มีหน้าที่ ดูแลช่วยเหลือ ให้กิจกรรมบรรลุเป้าหมาย และทบทวนการทา กิจกรรมภายในกลุ่ม การเขยี นรายงาน 3. อา่ นคาช้ีแจง คาแนะนา ข้ันตอนการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เข้าใจ ก่อนลงมือศึกษา ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4. ศึกษาสาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ และจดุ ประสงค์การเรียนรู้ 5. ปฏิบตั กิ จิ กรรมตามขั้นตอนในชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ 6. เมื่อปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ตามใบกิจกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ตรวจคาตอบได้จากเฉลยใบ กจิ กรรม 7. ทาแบบทดสอบระหว่างเรียน ตรวจคาตอบจากเฉลยแบบทดสอบระหว่างเรียน พร้อมบันทึกผล คะแนนที่ได้ เพื่อตรวจสอบความก้าวหน้าทางการเรียน ซึ่งนักเรียนต้องทาแบบทดสอบระหว่างเรียนได้ ร้อยละ 80 ข้ึนไปจึงจะผ่านเกณฑ์ ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ตามที่กาหนดให้ทบทวนเน้ือหา แล้วทาแบบทดสอบ ระหว่างเรียนอีกคร้งั หากผา่ นเกณฑใ์ ห้ศึกษาชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ชดุ ท่ี 2 ตอ่ ไป ข้อควรปฏบิ ตั ิ 1. หากมขี ้อสงสยั ให้ขอคาอธิบายหรือถามครู เพ่อื ร่วมกนั สรปุ ข้อสงสัยนนั้ ๆ 2. เพอื่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์สงู สุด นกั เรียนตอ้ งมคี วามซ่ือสตั ย์ต่อตนเอง ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง พนั ธะเคมี ชุดท่ี 1 4

มาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ และจุดประสงค์การเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจสมบัติของสารความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนย่ี วระหวา่ งอนภุ าคมีกระบวนการสบื เสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้นาความรู้ ไปใช้ประโยชน์ สาระการเรียนรู้ การเกดิ พนั ธะโคเวเลนตแ์ ละชนิดของพนั ธะโคเวเลนต์ ผลการเรยี นรู้ สืบคน้ ขอ้ มลู อภิปรายเกยี่ วกบั การเกิดพนั ธะโคเวเลนตท์ าใหเ้ กดิ โมเลกุลโคเวเลนต์ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เมื่อนกั เรียนศกึ ษาชดุ ท่ี 1 เรอื่ งการเกิดและชนดิ ของพันธะโคเวเลนต์แล้ว นกั เรยี นสามารถ 1. ด้านความรู้ (Knowledge : K) 1.1 อธิบายความหมายของพนั ธะโคเวเลนต์ได้ 1.2 อธบิ ายการเกดิ พันธะโคเวเลนตไ์ ด้ 1.3 อธบิ ายชนดิ ของพนั ธะโคเวเลนต์ได้ 1.4 อธิบายความหมายของอเิ ล็กตรอนคู่รว่ มพันธะและอิเลก็ ตรอนคู่โดดเด่ยี วได้ 2. ทกั ษะกระบวนการ (Process : P) 2.1 เกดิ ทักษะกระบวนการกลมุ่ 2.2 เกดิ ทักษะกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ 2.3 เกดิ ทกั ษะกระบวนการแก้ปญั หา 3. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (Attitude : A) 3.1 มีความซอื่ สัตย์ 3.2 มีการใฝ่เรยี นรู้ ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่ือง พันธะเคมี ชดุ ท่ี 1 5

ผงั มโนทศั น์ การเกิดและชนดิ ของพนั ธะโคเวเลนต์ พันธะเคมี ความหมายของ พันธะเคมี พนั ธะโคเวเลนต์ พันธะไอออนิก พนั ธะโลหะ ความหมายของ พนั ธะโคเวเลนต์ ชนดิ พนั ธะโคเวเลนต์ ชนดิ ของอเิ ล็กตรอน การเกดิ ในสารโคเวเลนต์ พันธะโคเวเลนต์ ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง พันธะเคมี ชดุ ท่ี 1 6

กิจกรรมการเรยี นรขู้ ้ันที่ 1 สรา้ งความสนใจ บตั รกิจกรรมท่ี 1.1 คาช้ีแจง  นกั เรยี นในกลุม่ รว่ มกนั วิเคราะห์ แสดงความคิดเห็น และตอบคาถามตอ่ ไปนี้ 1. การจะยดึ ของสองสิง่ เข้าไว้ด้วยกนั จะตอ้ งมสี ิ่งใดส่งิ หนง่ึ มาชว่ ยยดึ การยึดอฐิ ให้ตดั กัน ต้องใช้ การยดึ ซองจดหมาย ตอ้ งใช้ การมัดข้าวตม้ ตอ้ งใช้ การเยบ็ ผา้ ให้ตดิ กัน ต้องใช้ 2. ธาตุโซเดียม (Na) มักไม่ค่อยเจอเป็นธาตุอิสระในธรรมชาติ แต่มักจะอยู่ร่วมกับธาตุอื่นๆ เกิดเป็น สารประกอบต่างๆ เช่น เกลือ NaCl ,โซดาไฟ NaOH, ผงฟู NaHCO3 นักเรียนคิดว่าเหตุใดจึงเป็น เชน่ นั้น ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง พนั ธะเคมี ชุดท่ี 1 7

3. จากภาพโมเลกุลของสารทก่ี าหนดให้ต่อไปน้ีเป็นโมเลกลุ ของสารท่ีพบในธรรมชาติ โมเลกลุ ใดเกดิ พันธะเคมี โมเลกุลใดไม่เกดิ พนั ธะเคมี 3.1 ไฮโดรเจนคลอไรด์ (HCl) 3.2 ฮเี ลียม (He) 3.3 แอมโมเนยี ม (NH3) 3.4 นีออน (Ne) 3.5 นา้ (H2O) 3.6 มีเทน (CH4) http://www.siam1.net/article-22316.html https://th.wikipedia.org/wiki ตอบ โมเลกุลท่ีเกดิ พันธะเคมี คอื ..................................................................................................................... โมเลกลุ ทไ่ี มเ่ กิดพันธะเคมี คือ ............................................................................................................... อะตอมส่วนใหญไ่ ม่เสถยี ร อะตอมที่เสถียรอยเู่ ดย่ี ว ๆ ใน จงึ ต้องเกดิ พันธะเคมี ธรรมชาติได้ คอื ธาตุในหมู่ 8A ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เร่อื ง พนั ธะเคมี ชดุ ท่ี 1 8

กิจกรรมการเรยี นรู้ข้นั ท่ี 2 สารวจและค้นคว้า คาชแ้ี จง  นกั เรยี นศกึ ษาบตั รความร้ทู ี่ 1 ความหมายของพันธะเคมี รว่ มกันอภปิ รายและสรปุ สาระสาคัญในกลมุ่ บตั รความรทู้ ่ี 1 ความหมายของพันธะเคมี ปจั จบุ ันนักวิทยาศาสตร์ ได้พบธาตุจานวน 117 ธาตุ ซ่งึ มีทง้ั ธาตทุ พ่ี บในธรรมชาติและธาตุที่สังเคราะห์ ขึ้น ธาตุท่ีพบในธรรมชาติมีประมาณ 90 ธาตุ และมีเพียงธาตุในหมู่ VIIIA หรือแก๊สเฉ่ือยเท่าน้ันที่พบในรูป อะตอมเด่ียว เนือ่ งจากมเี สถียรภาพสูง เพราะมีการจดั อิเล็กตรอนเตม็ ตามจานวนท่ีควรมีในแต่ละระดบั พลังงาน ธาตุในหมู่อื่นส่วนใหญ่ไม่เสถียร ดังน้ันจึงรวมตัวกันอยู่ในรูปโมเลกุลหรือสารประกอบที่มีเสถียรภาพมากขึ้น เช่น แกส๊ ไฮโดรเจน ประกอบดว้ ยไฮโดรเจน 2 อะตอม ยึดเหน่ียวกันเป็นโมเลกุล น้าเป็นส่วนประกอบท่ีแต่ละ โมเลกุลประกอบด้วยไฮโดรเจน 2 อะตอม ยึดเหนี่ยวกับออกซิเจน 1 อะตอม เกลือแกงหรือโซเดียมคลอไรด์ เป็นสารประกอบท่ีประกอบด้วยไอออนบวกของโซเดียม และไอออนลบของคลอรีน แท่งเหล็กประกอบด้วย อะตอมของเหลก็ ที่เรยี งกันอย่างเปน็ ระเบยี บ ยึดเหนยี่ วซง่ึ กันและกันไว้ เป็นต้น แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอะตอม กบั อะตอมหรือไอออนกบั ไอออนในโมเลกลุ หรอื สารประกอบดงั กล่าว เรียกวา่ พนั ธะเคมี แก๊สคลอรีน (Cl2) นา้ (H2O) เกลอื แกง (NaCl) ภาพที่ 1-1 แบบจาลองโมเลกุลของ แกส๊ คลอรนี (Cl2) น้า (H2O) และเกลือแกง (NaCl) ทมี่ า : http://at-elements-compounds.blogspot.com (สบื คน้ 25 พฤษภาคม 2557) แรงยดึ เหน่ยี วทางเคมี มี 2 ชนดิ 1. แรงยดึ เหน่ยี วภายในโมเลกุลไดแ้ ก่ พนั ธะโคเวเลนต์, พันธะไอออนิก, พนั ธะโลหะ 2. แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกลุ ได้แก่ แรงแวนเดอรว์ าลส์, พนั ธะไฮโดรเจน, แรงดึงดูดระหว่างขวั้ ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง พันธะเคมี ชดุ ท่ี 1 9

พันธะเคมี (Chemical Bond) หมายถงึ แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอะตอมกับอะตอม หรือไอออนเข้าไว้ ด้วยกันเป็นโมเลกุลหรือเป็นกลุ่มของอะตอม ทั้งน้ี แรงยึดเหน่ียวจะข้ึนอยู่กับอิเล็กตรอนวงนอกของอะตอม (Valence Electron) เท่านั้น มีการถ่ายโอนหรือการใช้อิเล็กตรอนร่วมกันทาให้เกิดพันธะเคมีท่ีมีการจัดเรียง อเิ ลก็ ตรอนใหเ้ กิดอิเลก็ ตรอนครู่ ว่ มพันธะข้นึ มา ทาใหโ้ มเลกลุ ทเ่ี กิดขึน้ มีความเสถียรขึ้น กฎออกเตต การท่ีอะตอมของธาตุต่าง ๆ รวมตัวกันด้วยสัดส่วนที่ทาให้มีเวเลนต์อิเล็กตรอนเท่ากับ 8 นี้ นักวทิ ยาศาสตร์ได้ตงั้ เปน็ กฎเรียกว่า กฎออกเตต (ยกเว้น He และ H ครบ มีเวเลนต์อิเล็กตรอนเท่ากบั 2) ดงั นนั้ ธาตตุ ่าง ๆ จงึ พยายามรวมตัวกัน เพ่ือให้เป็นไปตามกฎออกเตต ซ่ึงจะทาให้ได้สารประกอบหรือ โมเลกุลทีอ่ ยู่ในสภาพท่เี สถียร ตารางที่ 1 การจดั เรียงอเิ ลก็ ตรอนของธาตบุ างชนิด อิเลก็ ตรอน หมู่ เสถียรหรอื ไม่ ธาตุ เลขอะตอม การจัดเรียงอิเลก็ ตรอน วงนอก 2 8 เสถียร He 2 2 2 2 ไมเ่ สถยี ร C 4 22 4 4 ไม่เสถียร O 6 24 8 8 เสถียร Ne 10 2 8 1 1 ไม่เสถียร Na 11 2 8 1 2 2 ไม่เสถยี ร Mg 12 2 8 2 7 7 ไมเ่ สถียร Cl 17 2 8 7 ธาตหุ มู่ 8A สามารถอยู่ได้อย่างอิสระในธรรมชาติ หรอื อย่ไู ดอ้ ยา่ งเสถียร เน่ืองจากมีการจดั เรยี ง อเิ ลก็ ตรอนแล้วจานวนอิเล็กตรอนวงนอกครบแปด เป็นไปตามกฎออกเตต ธาตุทมี่ กี ารจัดเรียงอิเลก็ ตรอนไม่ ครบกฎออกเตต ทาอยา่ งไรจงึ จะอยู่ ได้อย่างเสถยี ร ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง พันธะเคมี ชดุ ท่ี 1 10

ดังนั้นอะตอมของธาตุหมู่อื่นจึงต้องมีการพฤติกรรมท่ีธาตุจะทาเพื่อให้ เวเลนต์อิเล็กตรอนครบ กฎออกเตต ดงั ตารางที่ 2 ตารางท่ี 2 วเิ คราะห์การจัดเรยี งอเิ ล็กตรอนของธาตบุ างชนดิ เพ่อื ให้ครบออกเตต ธาตุ 11Na 12Mg 13Al 14Si 15P 16S 17Cl 18Ar จดั อเิ ลก็ ตรอน 281 282 283 284 285 286 287 288 หมู่ 1 2 3 4 5 6 7 8 จานวนอเิ ล็กตรอน 7 6 5 4 3 2 1 ครบออกเตต ทีต่ อ้ งได้รบั เพิ่ม เพ่ือให้ครบออกเตต จานวนอิเล็กตรอน 1 2 3 4 5 6 7 ครบออกเตต ที่ต้องเสยี ออกไป เพอื่ ใหค้ รบออกเตต ใหอ้ เิ ลก็ ตรอน รบั อเิ ลก็ ตรอน พฤติกรรมทธ่ี าตุจะทาเพ่ือใหอ้ เิ ล็กตรอนวงนอกครบกฎออกเตต คือ การให้หรอื รับอิเล็กตรอนข้นึ อยกู่ ับ ว่าเสน้ ทางใดเกิดข้นึ ได้ง่ายกว่ากัน เชน่ - ธาตุในกลุ่มโลหะ Na Mg Al ถ้าจะรับอิเล็กตรอนให้ครบออกเตตต้องรับถึง 7 6 และ 5 อิเล็กตรอน ตามลาดบั แต่ถ้าให้อเิ ลก็ ตรอนออกไปจะให้แค่ 1 2 และ 3 ตามลาดับ ซึ่งจะเห็นว่าการให้อิเล็กตรอนจะเกิดข้ึน ได้ง่ายกว่าการรบั สาหรบั โลหะ จึงเป็นเหตุผลวา่ ทาไมโลหะจงึ ชอบใหอ้ เิ ลก็ ตรอน - ธาตุในกลุ่มอโลหะ เช่น P S Cl ถ้ารับอิเล็กตรอนให้ครบออกเตตจะรับเพียง 3 2 และ 1 ตามลาดับ ขณะทีถ่ า้ ให้อิเล็กตรอนจะต้องให้ถงึ 5 6 และ 7 ตามลาดบั ดงั นนั้ การรับอิเลก็ ตรอนของอโลหะจงึ เกิดข้ึนได้ง่าย กว่าอโลหะจึงชอบรับอิเลก็ ตรอน ธาตทุ ี่จดั เรยี งอิเลก็ ตรอนไม่ครบกฎออกเตต ต้องมีการให้หรอื รับอิเล็กตรอน หรือจะมกี ารใชอ้ เิ ลก็ ตรอนรว่ มกนั เพ่อื ทาให้ เวเลนต์อเิ ล็กตรอนวงนอกครบ 8 ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง พนั ธะเคมี ชดุ ท่ี 1 11

ลักษณะการเกิดพันธะเคมี 1. การให้และรบั อเิ ลก็ ตรอนกนั นี้จะเกดิ เปน็ พนั ธะไอออนิก ธาตุทเ่ี กิดพันธะไอออนกิ จะเปน็ ธาตุทม่ี ีค่า EN ต่าคอื โลหะ รวมตัวกบั ธาตุท่ีมคี า่ EN สงู คอื อโลหะ โดยโลหะจะเปน็ ผใู้ ห้หรอื เสยี อเิ ล็กตรอนเกิดเปน็ ไอออนบวก ส่วนอโลหะจะเป็นผรู้ ับหรือได้อิเล็กตรอนเกดิ เปน็ ไอออนลบ จากนน้ั จึงเกดิ แรงดึงดดู กนั ระหว่างไอออนบวกและไอออนลบเป็นพนั ธะไอออนิก ดังตวั อย่าง การเกดิ พันธะไอออนกิ ของธาตุ Na กับ ธาตุ Cl 11Na : 2 8 1 17Cl : 2 8 7 11Na+ : 2 8 17Cl- : 2 8 8 ภาพที่ 1-2 การให้อเิ ลก็ ตรอนของ Na และรับอเิ ล็กตรอนของ Cl เกดิ เป็นพนั ธะไอออนิก ท่มี า : http://www.satriwit3.ac.th (สืบคน้ 25 พฤษภาคม 2557) 2. การใชอ้ เิ ลก็ ตรอนรว่ มกันเกดิ เป็นพันธะโคเวเลนต์ ธาตุท่ีเกิดพันธะโคเวเลนต์เป็นธาตุที่มีค่า IE หรือ EN สูง ไม่ชอบให้อิเล็กตรอนกับธาตุใด เม่ือมาอยู่ รว่ มกนั จึงมีการใช้อเิ ล็กตรอนรว่ มกันเกิดเป็นพันธะโคเวเลนต์ข้ึน ดังตัวอย่างการเกิดพันธะโคเวเลนต์ของธาตุ H กบั ธาตุ Cl 1H : 1 17Cl : 2 8 7 ภาพที่ 1-3 การใช้อิเล็กตรอนรว่ มกันของ H กับ Cl เกดิ เป็นพันธะโคเวเลนต์ ท่มี า : http://www.physchem.co.za/OB11-mat/bonding.htm (สบื คน้ 25 พฤษภาคม 2557) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง พนั ธะเคมี ชุดท่ี 1 12

3. แรงยึดเหนี่ยวท่เี กิดจากอะตอมในกอ้ นโลหะเกิดเปน็ พันธะโลหะ ธาตุโลหะเกิดแรงดึงดูดระหว่างไออนบวกซึ่งเรียงชิดกันกับอิเล็กตรอนท่ีอยู่โดยรอบหรือเป็นแรงยึด เหน่ียวที่เกิดจากอะตอมในก้อนโลหะใช้เวเลนส์อิเล็กตรอนทั้งหมดร่วมกัน อิเล็กตรอนอิสระเกิดข้ึนได้ เพราะ โลหะมวี าเลนส์อเิ ลก็ ตรอนนอ้ ยและมพี ลังงานไอออไนเซชันต่า จึงทาให้เกดิ กลมุ่ ของอเิ ล็กตรอนและไอออนบวก ได้ง่าย พันธะโลหะเกดิ ไดเ้ พราะโลหะมคี า่ IE ต่าจงึ เสียเวเลนต์อิเล็กตรอนได้งา่ ย ซึง่ กลายเปน็ ไอออนบวด ไอออนบวกจงึ แรง ยดึ เหนี่ยวกับเวเลนซ์อเิ ล็กตรอนทัง้ หมด ภาพที่ 1-4 แรงยดึ เหน่ยี วจากอะตอมโลหะเกิดเปน็ พนั ธะโลหะ ท่มี า : https://krukoongchemistry.wordpress.com/ (สบื คน้ 25 พฤษภาคม 2557) ชนิดของพนั ธะเคมี พนั ธะเคมแี บง่ ตามลักษณะการเกิดพันธะไดเ้ ปน็ 3 ชนิด คือ 1. พนั ธะโคเวเลนต์ เปน็ พนั ธะในสารประกอบของธาตอุ โลหะกบั อโลหะ ซ่ึงอาจเปน็ อโลหะชนดิ เดยี วกนั หรอื คนละชนิดกนั โดยมีการใช้อเิ ลก็ ตรอนร่วมกนั เช่น Cl2, HCl, CH4 เป็นตน้ 2. พันธะไอออนิก เปน็ พันธะในสารประกอบของธาตทุ ี่เป็นธาตุโลหะกับอโลหะ โดยอะตอมของโลหะให้ อเิ ลก็ ตรอน สว่ นอะตอมของอโลหะจะรับอเิ ลก็ ตรอน เช่น NaCl, CaCl2, KBr เปน็ ตน้ 3. พันธะโลหะ เป็นพันธะท่ยี ึดเหนยี่ วระหวา่ งอะตอมของโลหะชนิดเดียวกันเขา้ ดว้ ยกนั เชน่ เหล็ก (Fe), ทองแดง (Cu), สังกะสี (Zn), ทอง (Au) เปน็ ต้น เมื่อนกั นักเรียนเข้าใจแล้วทา กิจกรรมที่ 1.2 คะ ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรื่อง พนั ธะเคมี ชดุ ท่ี 1 13

บัตรกิจกรรมท่ี 1.2 คาชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นในกลุ่มรว่ มกันวเิ คราะหธ์ าตทุ กี่ าหนดให้ และตอบตอ่ ไปนี้ 1. กาหนดสัญลกั ษณ์ของธาตุในตาราง ให้นกั เรยี นเติมข้อความให้สมบูรณ์ ธาตุ จดั เรยี งอเิ ลก็ ตรอน เวเลนต์ หมู่ ชนิดของธาตุ อเิ ล็กตรอน 11Na 2 8 1 11 โลหะ 1.1 8O 1.2 6C 1.3 12Mg 1.4 19K 1.5 16S 1.6 3Li 1.7 9F 1.8 20Ca 1.9 35Br 1.10 7N 2. ธาตตุ ามตารางในขอ้ 1 เมอื่ เกดิ สารประกอบจะเกิดพันธะเคมชี นิดใด ตวั อยา่ ง Na กับ O เกิดพันธะ……พ…นั …ธะ…โ…คเ…ว…เล…น…ต์………. 2.1 Na กับ O เกดิ พันธะ…………………………………. 2.2 Mg กับ Br เกดิ พันธะ…………………………………. 2.3 Na กับ F เกดิ พันธะ…………………………………. 2.4 K กบั Br เกดิ พนั ธะ…………………………………. 2.5 O กับ F เกิดพันธะ…………………………………. 2.6 Na กบั O เกดิ พันธะ…………………………………. 2.7 C กับ F เกดิ พันธะ…………………………………. 2.8 Na กับ O เกิดพันธะ…………………………………. 2.9 Ca กับ S เกิดพันธะ…………………………………. 2.10 F กบั F เกิดพันธะ…………………………………. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี ชุดท่ี 1 14

กิจกรรมการเรยี นรู้ข้นั ที่ 3 อธิบายและลงข้อสรปุ คาชี้แจง  นักเรยี นศึกษาบัตรความรทู้ ่ี 1.2 การเกดิ พันธะโคเวเลนต์ ร่วมกนั อภิปรายและสรปุ สาระสาคัญในกลุ่ม บตั รความร้ทู ่ี 1.2 การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ ความหมายของพนั ธะโคเวเลนต์ พันธะโคเวเลนต์ (Covalent bond) มาจาก Co + valence eletron คือ พันธะเคมีที่เกิดจาก อะตอม 2 อะตอม ท่ีใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน การใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน 1 คู่ เกิด 1 พันธะ อะตอมที่ใช้ อิเล็กตรอนรว่ มกันอาจเป็นอะตอมชนิดเดียวกัน หรือต่างชนิดกันแต่มีค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตี (EN) ใกล้เคียงกัน และมคี ่าพลังงานไอออไนเซชัน (IE) สูงท้งั คู่ ส่วนใหญเ่ ป็นพันธะเคมีทยี่ ึดระหว่างธาตุอโลหะกับธาตุอโลหะ เช่น โมเลกุลของแก๊สออกซิเจน ประกอบด้วยออกซิเจน 2 อะตอม ยึดกันด้วยพันธะโคเวเลนต์ โมเลกุลของน้า ประกอบด้วยไฮโดรเจน 2 อะตอม แต่ละอะตอมยึดกบั ออกซิเจนดว้ ยพันธะโคเวเลนต์ เปน็ ต้น สญั ลักษณ์โมเลกุลของนา้ อะตอมไฮโดรเจน อะตอมออกซิเจน โมเลกลุ ของนา้ H2O จานวนอะตอมของ O 1 อะตอม จานวนอะตอมของ H 2 อะตอม ภาพที่ 1-5 แบบจาลองโมเลกลุ ของนา้ ประกอบด้วยออกซเิ จน 1 อะตอมและไฮโดรเจน 2 อะตอม ท่ีมา : http://www. suwannaramwittayakom.com (สืบค้น 25 พฤษภาคม 2557) ชนดิ ของสารโคเวเลนต์ ชนดิ ของสารโคเวเลนต์ ประกอบด้วย โมเลกลุ ของธาตุและโมเลกุลของสารประกอบ  ธาตุเกดิ จากอะตอมเหมือนกนั มารวมกนั เชน่ Cl2 , O2 , N2 ,F2 เปน็ ต้น  สารประกอบเกิดจากอะตอมตา่ งกันมากรวมกัน เช่น HCl, H2O, CH4 , CH3OH เป็นต้น หน่วยโมเลกลุ เปน็ หนว่ ยของ สารท่ีเล็กที่สุดท่ีสามารถอยู่ได้ อยา่ งเสถยี รในธรรมชาติ ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เร่ือง พันธะเคมี ชุดท่ี 1 15

การเกิดพนั ธะโคเวเลนต์ เม่ือธาตุที่มคี า่ IE สูงจงึ เสยี อิเลก็ ตรอนไดย้ าก 2 อะตอมอยู่ใกล้กันจะเกิดแรงดึงดูดระหว่างอิเล็กตรอน กับโปรตอนในนิวเคลียสของทั้งสองอะตอม จึงมีแนวโน้มสูงที่จะพบอิเล็กตรอนทั้งสองอยู่ในบริเวณระหว่าง นิวเคลียสของท้ังสองอะตอม และดึงดูดให้นิวเคลียสเข้ามาใกล้กันมากข้ึน ในขณะเดียวกันก็จะมีแรงผลัก ระหว่างโปรตอนกบั โปรตอนและระหวา่ งอเิ ลก็ ตรอนกับอิเลก็ ตรอนของแตล่ ะอะตอมด้วย เมอ่ื อะตอมทั้งสองเข้ามาใกล้กันในระยะทีเ่ หมาะสม อะตอมทัง้ สองจะมพี ลงั งานต่าสุดและอยู่รวมกันเป็นโมเลกุล โดยใชอ้ เิ ล็กตรอนร่วมกันแรงดึงดดู ท่ที าใหอ้ ะตอมอยู่รวมกนั ไดใ้ นลักษณะนเ้ี รยี กวา่ พันธะโคเวแลนต์ โมเลกุลของสาร ท่อี ะตอมยึดเหนยี่ วกนั ดว้ ยพนั ธะโคเวเลนต์ เรียกวา่ ภาพท่ี 1-6 แรงดึงดูดและแรงผลักในโมเลกลุ H2 โมเลกลุ โคเวเลนต์ และสารทป่ี ระกอบดว้ ยอะตอมทสี่ ร้าง ทมี่ า http://www.vcharkarn.com/ พันธะโคเวเลนต์ เรยี กวา่ สารโคเวเลนต์ (สืบคน้ 25 พฤษภาคม 2557) โดยท่วั ไปการเกิดพันธะโคเวเลนต์ จะเกิดกับอะตอมของธาตุอโลหะกับอโลหะ แต่มีกึ่งโลหะ และธาตุ โลหะบางชนดิ ที่มขี อ้ ยกเว้นในการเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ ได้แก่ ธาตุโบรอน (B) และธาตุเบริลเลียม (Be) อโลหะ +อโลหะ = สารโคเวเลนต์ เชน่ O2, NH3 อโลหะ + B = สารโคเวเลนต์ เช่น BCl3 อโลหะ + Be = สารโคเวเลนต์ เช่น BeCl2 ลักษณะการเกิดพนั ธะโคเวเลนต์ อะตอมเมอ่ื เคลอ่ื นเขา้ มาใกลก้ นั จะมแี รงกระทาเกิดขึ้นใน 3 ลกั ษณะ คอื 1. แรงผลักกันระหวา่ งประจบุ วกในนิวเคลียสของอะตอมท้ังสอง 2. แรงผลักกันระหวา่ งประจลุ บของอิเลก็ ตรอนของอะตอมทัง้ สอง 3. แรงดึงดูดกนั ระหว่างนิวเคลยี สของอะตอมหน่งึ กบั อิเลก็ ตรอนของอกี อะตอมหนง่ึ ประจชุ นิดเดยี วกันเกดิ แรงผลักกัน ประจชุ นิดต่างชนิดกนั เกิดแรงดึงดูดกนั ภาพที่ 1-7 โครงสรา้ งอะตอมและการดงึ ดูดกันระหวา่ งประจุ ทม่ี า : http://www.vcharkarn.com/varticle/42674 (สืบค้น 25 พฤษภาคม 2557) ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่ือง พันธะเคมี ชุดท่ี 1 16

โดยทีร่ ะยะต่าง ๆ ของการเคลอื่ นท่ีของทั้งสองอะตอมกจ็ ะมีผลต่อแรงดึงดดู และแรงผลักไมเ่ ท่ากนั ซึง่ จะ กลา่ วในรายละเอียดไดด้ งั นี้ พลงั งานศักย์ (kJ/mol) ระยะระหวา่ งนิวเคลียสของไฮโดรเจน (pm) ภาพท่ี 1-8 กราฟแสดงการเปล่ยี นแปลงพลงั งานในการเกิดโมเลกลุ ไฮโดรเจน ทีม่ า : http://www.vcharkarn.com/lesson (สืบค้น 25 พฤษภาคม 2557) ช่วงที่ 1 อะตอมอยหู่ า่ งกันจงึ ยงั ไม่มีแรงกระทาระหวา่ งกัน ระดับพลังงานศกั ย์ของทงั้ สองอะตอมจงึ ยังสงู อยแู่ ละไมเ่ สถียร ช่วงท่ี 2 เม่อื อะตอมเคลอื่ นที่เข้ามาใกลก้ นั เร่อื ยๆ จะมแี รงดงึ ดูดและแรงผลักเกิดขนึ้ ซึ่งชว่ งน้ีแรงดึงดดู มาก มากว่าแรงผลกั จึงเหนี่ยวนาใหอ้ ะตอมท้งั สองเคลื่อนที่เข้าใกล้กนั มากขึ้นเรอื่ ยๆ ระดบั พลังงานของอะตอมกจ็ ะ ลดลงเร่ือยๆเช่นกนั ชว่ งที่ 3 เมื่ออะตอมเคลอ่ื นที่เข้ามาใกลก้ ันในระยะท่ีเหมาะสมจะทาใหเ้ กิดความสมดุลระหวา่ งแรงดงึ ดดู กบั แรงผลัก และเกิดเปน็ พนั ธะโคเวเลนต์ข้ึน ท่รี ะยะน้เี ราจะเรยี กว่าความพันธะเคมี สว่ นพลังงานทร่ี ะยะนจ้ี ะมคี ่า ต่าสุดเนือ่ งจากเกิดเป็นโมเลกุลของสารที่มีความเสถยี ร ช่วงที่ 4 หากอะตอมเคลอ่ื นที่เข้ามาใกล้กันเกินไปจะทาใหแ้ รงผลกั มีคา่ มากกว่าแรงดึงดูดทาให้โมเลกุลของ สารทีเ่ กดิ ข้นึ ไมเ่ สถยี ร พลงั งานจึงสงู ขึ้นและไม่สามารถอยู่เป็นโมเลกลุ ต่อไปได้ ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง พันธะเคมี ชดุ ท่ี 1 17

บัตรกิจกรรมท่ี 1.3 คาช้แี จง  ใหน้ ักเรยี นในกลุ่มรว่ มกันวเิ คราะหธ์ าตุทกี่ าหนดให้ และตอบต่อไปน้ี 1. เหตุใดออกซเิ จน 2 อะตอมในโมเลกุลของแก๊สออกซิเจนและไฮโดรเจนกบั ออกซเิ จนในโมเลกุลของน้า จึงยดึ กนั ดว้ ยพนั ธะโคเวเลนต์ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. นักเรยี นคิดว่าการรวมตวั ของไฮโดรเจนสองอะตอมเป็นโมเลกลุ จะมีการเปล่ยี นแปลงพลงั งานอย่างไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. จงวาดภาพแสดงแรงดึงดดู ท่ีเกิดขน้ึ ระหว่างอเิ ลก็ ตรอนและนวิ เคลยี สของสองไฮโดรเจนอะตอม ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี ชุดท่ี 1 18

4. ใหน้ กั เรียนยกตวั อยา่ งของโมเลกลุ ทเี่ กดิ พันธะโคเวเลนต์ 5 โมเลกุล …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. จงอธิบายปรากฏการณ์ที่ตาแหน่งตา่ ง ๆ ของการเกิดพนั ธะโคเวเลนตต์ ามแผนภาพ ดงั ต่อไปน้ี ช่วงท่ี 1 ………………………………………………………………………………………………..……………………..……..……………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ช่วงที่ 2 ………………………………………………………………………………………………..………………..………..………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ช่วงท่ี 3 ………………………………………………………………………………………………….………………………..………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชว่ งที่ 4 ………………………………………………………………………………………………..……………………..……..……………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง พนั ธะเคมี ชดุ ท่ี 1 19

กจิ กรรมการเรยี นรู้ข้ันท่ี 4 ขยายความรู้ คาชแ้ี จง  นกั เรยี นศกึ ษาบัตรความรู้ที่ 1.3 ชนิดของพนั ธะโคเวเลนต์ รว่ มกันอภิปรายและสรปุ สาระสาคัญในกลมุ่ บัตรความรทู้ ี่ 1.3 ชนิดของพันธะโคเวเลนต์ กฎออกเตต โดยทว่ั ไปธาตุ มักจะสรา้ งพันธะตอ่ กันเพอ่ื ใหม้ ีความเสถยี ร เหมือนกับแกส๊ เฉ่ือย ซง่ึ กิลเบริ ต์ นิวตัน ลิวอีส กล่าวไว้ว่า อะตอมของธาตุต่างๆ ที่มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนไม่เท่ากับ 8 มีแนวโน้ม ท่ีจะปรับตัวให้มี เสถียรภาพมากข้ึน โดยรวมตัวกันเองหรือรวมตัวกับอะตอม ของธาตุอ่ืน ในสัดส่วนที่ทาให้แต่ละอะตอมมี เวเลนซอ์ ิเลก็ ตรอนเท่ากบั 8 หรือมีจานวนเวเลนซ์อิเลก็ ตรอนเทา่ กับแก็สเฉื่อย โครงสรา้ งลิวอสี ร้ไู ดโ้ ดยการเขียนเปน็ โครงสรา้ งลวิ อีส ซงึ่ ลิวอสี ไดเ้ สนอการเขยี นสญั ลกั ษณท์ ี่แสดงเวเลนซ์อิเล็กตรอนท่ี เก่ยี วขอ้ งกับการเกิดพนั ธะด้วยจุด เรียกว่า สัญลักษณ์แบบจุดของลิวอีส โดยเขียนจุดเด่ียวตามจานวนเวเลนซ์ อิเล็กตรอนรอบส่ีด้านของสัญลักษณ์ธาตุน้ันๆ ก่อนแล้วจึงเขียนเติมให้เป็นคู่ ยกเว้นกรณีของฮีเลียม ซ่ึงมี 2 อเิ ล็กตรอน จะเขยี นเป็นจดุ คอู่ ยู่ด้านเดียว ดงั ตาราง ตารางท่ี1 การเขยี นสญั ลกั ษณแ์ บบจุดของลวิ อสิ ที่มา http://www.vcharkarn.com/lesson/1171 (สบื ค้น 25 พฤษภาคม 2557) ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรื่อง พนั ธะเคมี ชดุ ท่ี 1 20

เมื่อเกดิ พันธะโคเวเลนตร์ ะหว่างอะตอมของไฮโดรเจนและอะตอมของฟลูออรนี สามารถเขียนไดด้ ังนี้ ภาพที่ 5 สูตรแบบจุดพันธะโคเวเลนต์ระหวา่ งอะตอมของไฮโดรเจนกับฟลอู อรนี และระหว่างอะตอมของคลอรนี และกบั คลอรนี http://www.slideshare.net/Songsak1/ss-52565964 จากตวั อยา่ งจะเห็นว่าพันธะโคเวเลนต์ทเี่ กดิ จากอเิ ลก็ ตรอนคูร่ ว่ มพันธะ 1 คจู่ ะเขียนแทนด้วยจุด 2 จดุ ตรง กลางระหว่างอะตอมคูส่ ร้างพันธะนน้ั หรืออาจเขียนแทนดว้ ยเส้น 1 เสน้ แทนกไ็ ด้ เรยี กวา่ โครงสรา้ งแบบลิว อีส ส่วนอเิ ล็กตรอนทไี่ มไ่ ดเ้ กิดพันธะเรยี กว่าอเิ ลก็ ตรอน โดดเด่ยี ว ซง่ึ สว่ นใหญ่จะอยเู่ ปน็ คู่ จงึ เรียกวา่ อเิ ล็กตรอนค่โู ดดเดย่ี ว ชนดิ ของพนั ธะโคเวเลนต์ อธิบายถงึ ชนดิ ของพันธะโคเวเลนต์ซงึ่ จะมสี ามแบบข้ึนอยู่กบั จานวนคู่อเิ ล็กตรอนทใี่ ช้รว่ มกัน 1. พนั ธะเดีย่ ว มอี ิเล็กตรอนทใี่ ชร้ ว่ มกนั 1 คู่ แทนด้วย เส้นตรงหนงึ่ ขดี ( ) 2. พนั ธะคู่ มอี เิ ลก็ ตรอนทีใ่ ช้รว่ มกัน 2 คู่ แทนดว้ ย เสน้ ตรงสองขีด ( ) 3. พนั ธะสาม มอี เิ ลก็ ตรอนท่ใี ช้รว่ มกัน 3 คู่ แทนด้วย เสน้ ตรงสามขีด ( ) II พันธะเด่ียว e ค่รู ่วมพนั ธะ 1 คู่ (single bond) OO พันธะคู่ e คู่ร่วมพันธะ 2 คู่ (Double bond) NN พนั ธะสาม e คู่ร่วมพันธะ 3 คู่ (Triple bond) ภาพท่ี 1-9 ชนิดของพนั ธะโคเวเลนต์ ทม่ี า : http://www.slideshare.net/Songsak1 (สืบค้น 25 พฤษภาคม 2557) ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง พันธะเคมี ชดุ ท่ี 1 21

ตารางท่ี 2 โครงสร้างลวิ อิสของโมเลกุลโคเวเลนต์บางชนิด ที่มา : http://www.vcharkarn.com/lesson/1171 (สบื ค้น 25 พฤษภาคม 2557) จากการทีอ่ ะตอมใช้อิเลก็ ตรอนร่วมกนั เพอื่ ทาใหอ้ ะตอมมเี วเลนซ์อิเลก็ ตรอนครบ 8 ตามกฎออกเตต จงึ สามารถใชก้ ฎออกเตตทานายจานวนพนั ธะโคเวเลนตข์ องแต่ละอะตอมได้ ตัวอยา่ งเช่น ธาตคุ ารบ์ อนมี เวเลนซอ์ เิ ล็กตรอน 4 จงึ ต้องการอกี 4 อเิ ล็กตรอนเพือ่ ใหค้ รบ 8 น่ัน คอื คารบ์ อนจะเกดิ พันธะได้ 4 พันธะ ซ่งึ อาจเปน็ พันธะเดี่ยวท้ังหมดหรืออาจมพี นั ธะคู่หรอื พันธะสามร่วมดว้ ยก็ได้ เชน่ พันธะของคาร์บอนในโมเลกุล อีเทน (C2H6) เอทิลีน (C2H4) และอะเซทลิ ีน (C2H2) ตามลาดับ ความยาวของขีด หรอื อเี ทน (C2H6) ความยาวพนั ธะของ ท้ังสามแบบยาวไม่ เท่ากนั โดยพันธะ เอทลิ ีน (C2H4) เดยี่ วจะยาวทส่ี ดุ รองลงมาคือพันธะคู่ และสามตามลาดบั อะเซทิลีน (C2H2) ภาพที่ 1-10 พนั ธะของคารบ์ อนในโมเลกุลอเี ทน เอทลิ นี และอะเซทลิ นี ทีม่ า : http://www.slideshare.net/Songsak1 (สืบคน้ 25 พฤษภาคม 2557) ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เร่อื ง พนั ธะเคมี ชดุ ท่ี 1 22

พันธะโคออร์ดเิ นตโคเวเลนต์ สารโคเวเลนตบ์ างชนิดประกอบดว้ ยพนั ธะโคเวเลนตท์ อี่ เิ ลก็ ตรอนคู่รว่ มพนั ธะมาจากอะตอมใดอะตอมหนงึ่ เท่าน้ัน พนั ธะทีเ่ กดิ ข้นึ ในลกั ษณะเช่นนี้เรียกวา่ พนั ธะโคออร์ดิเนตโคเวเลนต์ ตวั อย่าง พนั ธะโคออรด์ ิเนตโคเวเลนตใ์ นโมเลกุลโอโซน (O3) สัญลกั ษณล์ กู ศรสแี ดงที่ พนั ธะโคออร์ดเิ นตโคเวเลนต์ พันธะโคเวเลนต์ แทนพนั ธะโคออร์ดิเนต โคเวเลนต์ ในบางครง้ั อาจ ใชเ้ ปน็ เส้นตรงขีดเดียว แทนได้ ภาพที่ 1-11 พันธะโคออรด์ ิเนตโคเวเลนต์ในโอโซน O3 ทมี่ า : http://www.slideshare.net/Songsak1/ (สบื ค้น 25 พฤษภาคม 2557) ตัวอย่าง พันธะโคออร์ดิเนตโคเวเลนตใ์ นแอมโมเนยี มไอออน (NH4+) ภาพที่ 1-12 พนั ธะโคออร์ดิเนตโคเวเลนตใ์ นแอมโมเนียม ทีม่ า : http://www.vcharkarn.com/lesson/1171 (สืบคน้ 25 พฤษภาคม 2557) ในกรณี NH3 มีอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว 1 คู่ ส่วน H+ เป็นไอออนที่ไม่มีอิเล็กตรอน NH3 จึงให้ อเิ ล็กตรอนคูโ่ ดดเดย่ี วแก่ H+ เกิดพันธะใหมร่ ะหวา่ ง NH3 กบั H+ ซ่ึงเป็นพันธะโคออร์ดิเนตโคเวเลนต์ อย่างไร ก็ตามเม่ือศึกษาเพ่ิมเติมต่อไปจะพบว่าพันธะระหว่าง N กับ H ท้ัง 4 พันธะในไอออน NH4+ นี้มีลักษณะไม่ แตกตา่ งกนั ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง พันธะเคมี ชุดท่ี 1 23

ชนดิ ของอเิ ล็กตรอนในสารโคเวเลนต์ อิเล็กตรอนในสารโคเวเลนตม์ ีสองประเภท คอื 1. อิเลก็ ตรอนนคูร่ ่วมพันธะ หมายถึง อเิ ล็กตรอนตรงพนั ธะโคเวเลนต์ 2. อิเล็กตรอนค่โู ดดเดี่ยว หมายถงึ อเิ ล็กตรอนทไ่ี มม่ ีส่วนรว่ มในการเกิดพนั ธะโคเวเลนต์ ตัวอยา่ ง อเิ ลก็ ตรอนในพันธะโคเวเลนตข์ องไฮโดรเจนคลอไรด์ (HCl) และ นา้ (H2O) อเิ ลก็ ตรอนนคู่ร่วมพนั ธะ อิเล็กตรอนคโู่ ดดเดย่ี ว อเิ ลก็ ตรอนนครู่ ว่ มพนั ธะ อิเลก็ ตรอนค่โู ดดเดยี่ ว ภาพท่ี 1-13 อิเลก็ ตรอนในพันธะโคเวเลนต์ ที่มา : http://vichakarn.triamudom.ac.th/comtec (สบื คน้ 25 พฤษภาคม 2557) ต่อไปนักเรียนทาบัตรกจิ กรรมท่ี 1.4 เพ่อื ทดสอบความร้คู วามเข้าใจ เร่อื งชนิดของพนั ธะโคเวเลนต์ นกั เรียนทุกคนตั้งใจทานะคะ ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง พนั ธะเคมี ชุดท่ี 1 24

บตั รกิจกรรมที่ 1.4 จานวนพนั ธะ คาช้แี จง  ใหน้ ักเรยี นในกลมุ่ ร่วมกนั วิเคราะหธ์ าตุทกี่ าหนดให้ และตอบตอ่ ไปนี้ 1. จากสูตรโครงสร้างต่อไปน้ีจงเติมขอ้ มูล ในตารางใหถ้ ูกตอ้ ง โมเลกลุ อเิ ลก็ ตรอนคูร่ ่วมพันธะ อเิ ล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว 2. นักเรียนคิดวา่ H3O+ มพี ันธะโคออรด์ ิเนตโคเวเลนตใ์ นโมเลกุลหรือไม่ เขียนสมการแสดงการเกดิ พันธะได้ อย่างไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. เมอ่ื อะตอมคลอรนี 2 อะตอมเคลอื่ นที่เขา้ ใกลก้ ันและรวมตวั กนั เป็นโมเลกลุ คลอรีน จะมีการเปลยี่ นแปลง พลงั งานศกั ดอ์ิ ย่างไร จงอธบิ าย …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง พันธะเคมี ชุดท่ี 1 25

4. จงอธบิ ายความหมายของคาตอ่ ไปนี่ สารโคเวเลนต์ : ........................................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… โมเลกุลโคเวเลนต์ : ……………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… อิเล็กตรอนครู่ ่วมพันธะ : ……………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… อะตอมคู่รว่ มพันธะ : …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. จงยกตวั อย่างสารโมเลกุลโคเวเลนต์ ชนิดพนั ธะค่แู ละพนั ธะสาม อยา่ งละ 2 ชนิด พรอ้ มท้ังเขียนโครงสร้าง ลิวอสิ ประกอบ ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง พันธะเคมี ชดุ ท่ี 1 26

กจิ กรรมการเรยี นรู้ข้ันท่ี 5 ประเมนิ ผล บตั รกจิ กรรมท่ี 1.5 คาชี้แจง  ใหน้ ักเรียนในกลมุ่ ร่วมกนั วเิ คราะห์ อภปิ รายและตอบคาถามต่อไปนี้ 1. พันธะเคมี หมายถงึ อะไร ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... 2. พนั ธะโคเวเลนต์ หมายถงึ อะไร ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... 3. พนั ธะโคเวเลนต์ มกี ่ีชนิด อะไรบ้าง ยกตัวอย่างประกอบ ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... 4. จงตอบคาถามจากโครงสร้างสารโคเวเลนต์ทกี่ าหนดใหด้ งั น้ี 4.1 พนั ธะที่เกิดขึน้ ของสาร Cl-Cl, H-Cl คอื ……………………………………………………………..………..…………… 4.2 จานวนอิเลก็ ตรอนคู่ร่วมพนั ธะ H-H คอื ………………………………………………………..…………………………… 4.3 จงเรียงลาดับสารทม่ี ีจานวนอเิ ลก็ ตรอนคู่โดดเด่ยี วจากมากไปน้อย………………………………………………… 5. จงเขียนโครงสรา้ งลวิ อิสของเอทานอล (CH3OH) ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง พันธะเคมี ชุดท่ี 1 27

แบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรียนรู้ เรอื่ ง พนั ธะเคมี ชุดที่ 1 เรอ่ื ง การเกดิ และชนดิ ของพนั ธะโคเวเลนต์ กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 คาช้ีแจง 1. แบบทดสอบชุดนม้ี จี านวน 10 ขอ้ เปน็ แบบปรนัยชนิดเลือกตอบมี 4 ตวั เลือก 2. ใหน้ กั เรียนเลอื กคาตอบทีถ่ กู ที่สดุ ลงในกระดาษคาตอบ 1. พันธะเคมีหมายถงึ อะไร ก. การอยู่รวมกนั ของโมเลกุล ข. การอยรู่ วมกนั ของอะตอม ค. แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างอะตอม ง. พลงั งานท่ีทาใหอ้ ะตอมสลายตัว 2. ขอ้ ใดจัดว่าเปน็ แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล ก. พันธะโลหะ ข. พันธะไฮโดรเจน ค. พันธะไอออนิก ง. พันธะโคเวเลนต์ 3. จงพิจารณาข้อความในข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง ก. เม่อื อะตอมรวมกันเปน็ โมเลกลุ จะมกี ารคายพลงั งาน จึงทาให้ระบบมีพลังงานสูงข้ึน ข. ลักษณะสาคัญของพันธะโคเวเลนต์ คอื เกดิ แรงดึงดดู ระหวา่ งนิวเคลยี สของอะตอมคู่สรา้ งพนั ธะ ค. ในการเกดิ สารประกอบอะตอมของธาตุทุกอะตอมจะรวมกัน เพื่อปรับให้มเี วเลนซ์อิเล็กตรอนครบ 8 ง. อเิ ล็กตรอนคู่รว่ มพันธะโคเวเลนต์ ได้มาจากอะตอมคูท่ ส่ี รา้ งพันธะตอ่ กนั หรืออาจมาจากอะตอมใด อะตอมหนึ่งกไ็ ด 4. ขอ้ ใดไม่เกีย่ วขอ้ งกบั พนั ธะเคมี ก. ใชอ้ เิ ลก็ ตรอนรว่ มกัน ข. ให้อิเล็กตรอนกับอะตอมอื่น ค. แยง่ อิเล็กตรอนกับอะตอมอน่ื ง. รบั อิเล็กตรอนจากอะตอมอ่ืน ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง พนั ธะเคมี ชดุ ท่ี 1 28

5. จากโครงสร้างสารทก่ี าหนดให้ จงพิจารณาว่าข้อใดไมถ่ ูกต้อง ก. สารนม้ี อี เิ ลก็ ตรอนคูร่ ่วมพนั ธะเท่ากับ 12 คู่ ข. สารนม้ี ีพนั ธะเดยี่ วทัง้ หมด 9 พนั ธะ ค. สารน้ไี ม่มอี ิเลก็ ตรอนคโู่ ดดเดย่ี ว ง. สารนม้ี พี ันธะคู่ทงั้ หมด 3 พันธะ 6. ขอ้ ใดเรยี งลาดับจานวนอเิ ลก็ ตรอนไดถ้ ูกตอ้ ง เม่ือกาหนดสารต่อไปน้ี NH3 , H2O และ HCl ก. อเิ ลก็ ตรอนคู่โดดเดย่ี ว HCl > NH3 > H2O ข. อเิ ลก็ ตรอนคู่โดดเดี่ยว NH3 > H2O > HCl ค. อิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะ HCl > NH3 > H2O ง. อเิ ลก็ ตรอนค่รู ่วมพันธะ NH3 > H2O > HCl 7. จากแผนภาพพลังงานศักยก์ บั การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์ ขอ้ ใดไม่ถูกต้อง ก. พลังงานพนั ธะมคี ่าเท่ากบั 436 KJ/mol ข. ความยาวพนั ธะมคี า่ เท่ากับ 74 pm ค. ทร่ี ะยะมากกวา่ 74 pm แรงผลักเทา่ กบั ดงึ ดดู ง. ทร่ี ะยะมากกว่า 74 pm แรงดงึ ดดู จะมีค่าน้อยกวา่ แรงผลัก 8. โมเลกลุ สารใดทีเ่ กดิ พนั ธะโคเวเลนต์ เปน็ ชนิดพนั ธะสาม ก. C2H2 ข. CH4 ค. O3 ง. CO2 ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เร่ือง พันธะเคมี ชดุ ท่ี 1 29

9. การรวมตวั ของธาตไุ ฮโดรเจนกบั ธาตุคลอรีนเกิดเปน็ ไฮโดรเจนคลอไรด์ เกิดเป็นพันธะโคเวเลนต์ชนิดใด ก. พนั ธะคู่ ข. พันธะสาม ค. พันธะเด่ยี ว ง. พนั ธะเดยี่ วและพนั ธะคู่ 10. ขอ้ ใดต่อไปน้ีมีแต่พันธะโคเวเลนต์ทั้งหมด ก. NO3- HCl Na2SO4 ข. SO42- H2O BeCl2 ค. CCl4 KBr HF ง. BaF2 Cl2 CO2 **************************************************************** ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง พนั ธะเคมี ชดุ ท่ี 1 30

บรรณานุกรม กระทรวงศกึ ษาธิการ. คู่มือครูสาระการเรยี นรู้พน้ื ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 สสวท. ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพช์ มุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากดั , 2551. ______. ตัวชีว้ ดั และสาระการเรียนรแู้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศ ไทย จากดั , 2551. ________. หนังสือเรียน รายวชิ าเพมิ่ เติม เคมี ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4-6 กลุ่มสารระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว, 2553. สมพงศ์ จันทรโ์ พธิศ์ ณี. High School Chemistry เคมี ม.4-6 เลม่ 1 (รายวชิ าเพิ่มเตมิ ) กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ : ไฮเอ็ดพบั ลชิ ชง่ิ , 2554. สทุ ธพิ ร พงษ์รัตนกลู . กญุ แจ เคมี ม.4-6 เล่ม 1 (รายวชิ าเพม่ิ เติม) กล่มุ สารระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรงุ เทพฯ : เจ้าพระยาระบบการพิมพ์ จากดั , 2554. ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง พันธะเคมี ชุดท่ี 1 31

ภาคผนวก ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง พันธะเคมี ชุดท่ี 1 32

เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียนหน่วยการเรียนรู้ เรือ่ ง พันธะเคมี ชดุ ท่ี 1 เรอ่ื ง การเกดิ และชนดิ ของพนั ธะโคเวเลนต์ วิชาเคมี รหัสวิชา ว 30221 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 คะแนนเตม็ 10 คะแนน 1ค 2ข 3ก 4ค 5ก 6ง 7ง 8ก 9ค 10 ข ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง พนั ธะเคมี ชดุ ท่ี 1 33

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E) เรื่อง พนั ธะเคมี รายวชิ าเคมี รหสั วชิ า ว 30221 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ชดุ ท่ี 1 เรือ่ ง การเกิดและชนิดของพันธะโคเวเลนต์ โดย นางสาวประภาศรี สิว่ ไธสง ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะครชู านาญการ กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนกู่สวนแตงพิทยาคม อาเภอบา้ นใหมไ่ ชยพจน์ จังหวดั บรุ ีรัมย์ สานกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 32 กระทรวงศึกษาธกิ าร ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง พันธะเคมี ชดุ ท่ี 1 34

คานา ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) จัดทาขึ้นเพื่อใช้ ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ในรายวิชาเคมี รหัสวิชา ว 30221 เรื่อง พันธะเคมี ซึ่งมี วัตถุประสงค์เพ่ือมุ่งพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ผู้จัดทาได้รวบรวมและ เรียบเรียง เน้ือหาความรู้โดยยึดตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เพ่ือให้ นักเรียนได้ใช้ประกอบการเรียนในหอ้ งเรยี นและศึกษาค้นควา้ เพ่ิมเตมิ ด้วยตนเอง ซึ่งชุดกิจกรรมนี้มีทั้งหมด 11 ชุด ดงั นี้ ชดุ ที่ 1 เรื่อง การเกดิ และชนิดของพันธะโคเวเลนต์ ชดุ ที่ 2 เรอ่ื ง การเขยี นสตู รและเรยี กชอ่ื สารโคเวเลนต์ ชุดที่ 3 เรือ่ ง ความยาวพนั ธะและพลงั งานพันธะ ชุดที่ 4 เรื่อง รูปร่างของโมเลกุลโคเวเลนต์ ชุดท่ี 5 เรอ่ื ง สภาพขัว้ ของโมเลกุลโคเวเลนต์ ชดุ ที่ 6 เรอ่ื ง แรงยึดเหนย่ี วระหวา่ งโมเลกุลโคเวเลนต์ ชุดท่ี 7 เรือ่ ง การเกดิ การเขยี นสตู รและเรียกชื่อสารประกอบไอออนกิ ชดุ ที่ 8 เรื่อง พลังงานกบั การเกิดสารประกอบไอออนกิ ชดุ ที่ 9 เร่ือง สมบตั กิ ารละลายน้าของสารประกอบไอออนิก ชดุ ที่ 10 เรือ่ ง การเกดิ ปฏิกิรยิ าของสารประกอบไอออนิก ชุดท่ี 11 เรอื่ ง พันธะโลหะ ในชุดกิจกรรมน้ี เป็นชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่อง พันธะเคมี ชุดท่ี 1 เร่ือง การเกิดและชนิดของพันธะโคเวเลนต์ ประกอบด้วยกิจกรรมตาม กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซ่งึ มีข้นั ตอนการเรยี นรู้ 5 ขั้น เพอ่ื ใหน้ กั เรียนได้เรยี นรู้ ได้ฝกึ ปฏิบัติและสามารถ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่าชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดนี้จะเป็น ประโยชน์ตอ่ การพฒั นาผู้เรยี น และชว่ ยใหค้ รผู สู้ อนสามารถใชพ้ ฒั นาการเรียนการสอน ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ ประภาศรี สิ่วไธสง ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง พันธะเคมี ชุดท่ี 1 35

สารบัญ 1 2 คาช้ีแจงเกย่ี วกับชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 3 ขัน้ ตอนการเรยี นโดยใช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4 คาแนะนาการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้สาหรับครู 5 คาแนะนาการใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนรสู้ าหรับนกั เรยี น 6 มาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 7 ผงั มโนทัศน์การเกิดและชนิดของพันธะโคเวเลนต์ 9 กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ 15 กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ ที่ 2 สารวจและคน้ ควา้ 19 กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป 27 กจิ กรรมการเรียนรู้ ขัน้ ที่ 4 ขยายความรู้ 28 กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นท่ี 5 ประเมินผล 31 แบบทดสอบหลงั เรียน 32 บรรณานกุ รม ภาคผนวก ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง พนั ธะเคมี ชุดท่ี 1 36


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook