วิชานันทนาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต รหัสวิชา 30000-1610 หน่วยที่ 7 การวางแผนดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ครูตะวัน ชัยรัต วิทยาลัยสารพัดช่างเชียงใหม่
หน่วยที่ 7 การวางแผนดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง “เศรษฐกิจพอเพีย ง” เป็นปรัชญาของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่คนไทย เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ เป้าหมายของ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพัฒนา ที่สมดุลและยั่งยืน รับการเปลี่ยนแปลง ทั้งภายนอกและภายในได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะ เป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และ วัฒนธรรม โดยยึดหลักทางสายกลาง ปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงมีองค์ประกอบ คือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมี ภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี โดยมีเงื่อนไขพื้นฐาน คือ ความรู้และคุณธรรม
ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง SUFFICIENCY ECONOMY หมายถึง เศรษฐกิจ ที่สามารถอุ้มชูตนเองให้มีความพอเพียงกับ ตนเอง อยู่ได้โดยไม่ต้องเดือดร้อน โดยต้องสร้าง พื้นฐานทางเศรษฐกิจของตนเองให้ดีเสียก่อน คือ ตั้งตัวให้มีความพอกินพอใช้ ไม่ใช่มุ่งหวังแต่ จะทุ่มเทสร้างความเจริญ ยกเศรษฐกิจให้ รวดเร็วแต่เพียงอย่างเดียว เพราะผู้มีอาชีพและ ฐานะเพียงพอที่จะพึ่งตนเอง ย่อมสามารถสร้าง ความเจริญก้าวหน้าและฐานะทางเศรษฐกิจขั้น ที่สูงขึ้นไปตามลำดับต่อไปได้
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาท สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลย- เดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราช ดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกร ชาวไทยมานับตั้งแต่ปี พ.ศ.2517 เป็นต้นมา โดยพระองค์ทรงห่วงใยต่อสถานการณ์และ ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น และส่งผลกระทบต่อการ ดำรงชีวิตอยู่ของคนไทย และสังคมไทยในยุค โลกาภิวัตน์ จนกระทั่งเข้าสู่ห้วงเวลา ที่ประเทศ ประสบวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ในปี พ.ศ. 2540
ความเป็นมาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ปี พ.ศ. 2540 ประเทศไทยต้องประสบ ภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจและการเงินอย่าง รุนแรงเป็นประวัติศาสตร์ เรียกว่า ส่งผลกระทบ ต่อเศรษฐกิจของประเทศ และวิถีชีวิตความเป็น อยู่ของประชาชน มีการกู้ยืมเงินจากต่าง ประเทศเป็นจำนวนเงินมากกว่า 90,000 ล้าน เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ มีการปิดกิจการของ บริษัทหลักทรัพย์ถึง 58 บริษัท และในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 รัฐบาลได้ปล่อยให้ค่าเงิน บาทลอยตัว และค่าเงินบาทได้ลดต่ำลงเรื่อยๆ จากเหรียญสหรัฐฯละ 25 บาท เป็น 41 บาท รัฐบาลต้องกู้เงินจากกองทุนระหว่างประเทศ (IMF) ในวงเงิน 17,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และต้องปฏิบัติตามพันธกรณีกับ IMF อย่าง เคร่งครัด
จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิด ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ธุรกิจซบเซา โรงงาน อุตสาหกรรมและบริษัทร้านค้าหลายแห่งต้อง ลดคนงานลง ลดเงินเดือน ลดค่าจ้างพนักงาน และคนงาน บางแห่งต้องปิดกิจการ ผู้บริหาร หลายคนเป็นโรคเครียด โรคซึมเศร้า หลายคน ถึงกับฆ่าตัวตาย จำนวนคนว่างงานได้เพิ่มขึ้นถึง 2 ล้านคน
ในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงมีพระราชดำรัสแก่ผู้เข้าเฝ้า ถวายพระพร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาเกี่ยวกับ เศรษฐกิจพอเพียง มีข้อความบางตอน “...เศรษฐกิจพอเพียงนี้ให้ปฏิบัติเพียง ครึ่งเดียว คือ ไม่ต้องทั้งหมด หรือแม้จะเศษหนึ่ง ส่วนสี่ก็พอ ได้ปฏิบัติเกี่ยวกับการพัฒนามาช้า นานแล้ว มาบอกว่าเศรษฐกิจพอเพียงนี้ดีมาก แล้วก็เข้าใจว่าปฏิบัติเพียงเศษหนึ่งส่วนสี่ ก็พอนั้น หมายความว่า ถ้าทำได้เศษหนึ่งส่วนสี่ ของประเทศก็จะพอ ความหมายของเศรษฐกิจ พอเพียง และทำได้เพียงเศษหนึ่งส่วนสี่ก็พอนั้น ไม่ได้แปลว่า เศษหนึ่งส่วนสี่ของพื้นที่ แต่เศษหนึ่งส่วนสี่ของการกระทำ
องค์ประกอบของเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ดังนี้ 1. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิต และการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ 2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจ เกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไป อย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่ เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิด ขึ้นจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ 3. มีภูมิคุ้มกันในตัว หมายถึง การเตรียม ตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลง ด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไป ได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน อนาคต
โดยมีเงื่อนไขของการตัดสินใจและดำเนิน กิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียง 2 ประการ ดังนี้ 1. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้น มาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการ วางแผนและความระมัดระวังในการปฏิบัติ 2. เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
ระดับของเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จำแนกได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้ 1. เศรษฐกิจพอเพียงระดับที่ 1 : เศรษฐกิจพอเพียงแบบพื้นฐานที่มีความเพียงพอ ในระดับบุคคลและครอบครัว คือ การที่สมาชิก ในครอบครัวมีความเป็นอยู่ในลักษณะพึ่งพา ตนเองได้ สามารถตอบสนองความต้องการพื้น ฐาน เช่น ความต้องการปัจจัยสี่ของคนใน ครอบครัว มีความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีความพอเพียงในการดำเนินชีวิตด้วยความพอ เพียง ประหยัด และลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขทั้งกาย ใจ
2. เศรษฐกิจพอเพียงระดับที่ 2 : เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า เป็นความ พอเพียงระดับกลุ่ม หรือองค์กร คือ เมื่อบุคคล หรือครอบครัว มีความเพียงพอในระดับที่หนึ่ง แล้ว ก็รวมพลังในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์ เพื่อร่วม กันดำเนินงานในด้านต่างๆ ทั้งด้านการผลิต การตลาด ความเป็นอยู่ สวัสดิการ การศึกษา สังคมและศาสนา โดยอาจได้รับความร่วมมือ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนราชการ และ เอกชน
3. เศรษฐกิจพอเพียงระดับที่ 3 : เป็นเศรษฐกิจพอเพียงระดับเครือข่าย เมื่อกลุ่ม หรือองค์กรมีความพอเพียงในระดับที่ 2 แล้ว ก็จะร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกเพื่อการสร้าง เครือข่าย มีการติดต่อร่วมมือกับธนาคาร และ บริษัทต่างๆ ด้านการลงทุน การผลิต การตลาด การจำหน่าย และการบริหารจัดการเพื่อขยาย กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หลากหลาย ตลอดจน พัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งในด้านสวัสดิการ การศึกษา สังคม และศาสนา ให้เกิดประโยชน์ กับทุกฝ่าย
การปฏิบัติตนตามปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง 1. ยึดความประหยัด : ตัดทอนค่าใช้จ่าย ในทุกด้าน ลดละความฟุ่มเฟือยในการดำรงชีพ อย่างจริงจัง ดังพระราชดำรัสที่ว่า “...ความเป็นอยู่ที่ไม่ฟุ้งเฟ้อ ต้องประหยัด ไปในทางที่ถูกต้อง...” 2. ยึดถือการประกอบอาชีพด้วย ความถูกต้องสุจริต : แม้จะตกอยู่ในภาวะ ขาดแคลนในการดำรงชีพก็ตาม ดังพระราช ดำรัสที่ว่า “...ความเจริญของคนทั้งหลาย ย่อมเกิด มาจากการประพฤติชอบ และการหาเลี้ยงชีพ ชอบเป็นสำคัญ...”
3. ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ และการแข่งขันกันในทางการค้าขายประกอบ อาชีพแบบต่อสู้อย่างรุนแรงดังอดีต : ซึ่งมีพระราชดำรัสเรื่องนี้ว่า “...ความสุข ความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหา มาได้ด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการ กระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือการ แก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น...”
4. ไม่หยุดนิ่งที่หาทางให้ชีวิตหลุดพ้น จากความทุกข์ยากครั้งนี้ : โดยต้องขวนขวาย ใฝ่หาความรู้ให้เกิด มีรายได้เพิ่มพูนขึ้นจนถึง ขั้นพอเพียงเป็นเป้าหมายสำคัญ พระราชดำรัส ตอนหนึ่งให้ความชัดเจนว่า “...การที่ต้องการให้ทุกคนพยายาม ที่จะหาความรู้ และสร้างตนเองให้มั่นคงนี้ เพื่อตนเอง เพื่อที่จะให้ตนเองมีความเป็นอยู่ที่ ก้าวหน้าที่มีความสุข พอมีพอกินเป็นขั้นหนึ่ง และขั้นต่อไปก็คือให้มีเกียรติว่ายืนได้ด้วย ตนเอง....”
5. ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดี : ลดละสิ่งชั่ว ให้หมดสิ้นไป ทั้งนี้ด้วยสังคมไทยที่ล่มสลายลง ในครั้งนี้ เพราะยังมีบุคคลจำนวนไม่น้อยที่ ดำเนินการโดยปราศจากความละอายต่อ แผ่นดิน ดังพระบรมราโชวาทตอนหนึ่งว่า “...พยายามไม่ก่อความชั่ว ให้เป็นเครื่อง ทำลายตัว ทำลายผู้อื่น พยายามลด พยายาม ละความชั่วที่ตนเองมีอยู่ พยายามก่อความดี ให้แก่ตนเองอยู่เสมอ พยายามรักษาและเพิ่มพูน ความดีที่มีอยู่นั้นให้งอกงามสมบูรณ์ขึ้น...”
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: