Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานสถานการณ์ทางสังคมจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2563

รายงานสถานการณ์ทางสังคมจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2563

Description: รายงานสถานการณ์ทางสังคมจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2563

Keywords: รายงานสถานการณ์ทางสังคมจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2563

Search

Read the Text Version

2563 4 / 2563

ก คำนำ สำนักงำนพัฒนำสังคมและควำมม่ันคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดทำรำยงำน สถำนกำรณ์ทำงด้ำนสังคมจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2563 โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้มีข้อมูลสถำนกำรณ์ทำง สังคมจังหวัดท่ีถูกต้อง ชัดเจน ครบถ้วน ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้ำหมำยที่สำมำรถใช้ประโยชน์ในกำรช่วยเหลือ จัดทำนโยบำย ยุทธศำสตร์กำรพัฒนำสังคมและควำมมั่นคงของมนุษย์ในจังหวัด แผนงำน โครงกำรและกิจกำรด้ำน กำรพัฒนำสังคมและควำมมั่นคงของมนุษย์ในจังหวัด ได้อยำ่ งเหมำะสม สอดคล้องกับสถำนกำรณ์ทำงสังคมได้ อย่ำงแท้จริง และให้หน่วยงำนระดับกระทรวงนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์วิเครำะห์สถำนกำรณ์ แนวโน้ม และกำหนดนโยบำยและแผนงำนในกำรปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหำสังคมภำพรวมตอ่ ไป โดยแยกเป็นสถำนกำรณ์ เชิงกลุ่มเป้ำหมำย ได้แก่ เด็กและเยำวชน ครอบครัว คนพิกำร ผู้สูงอำยุ คนไร้ที่พึ่ง/คนขอทำน กลุ่มชำติ พันธุ์ ผู้ประสบปัญหำทำงสังคม และผู้มีรำยได้น้อย สถำนกำรณ์เชิงประเด็น ได้แก่ ผู้เสียหำยจำกกำรค้ำ มนุษย์ และผู้ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบจำกกำรใช้มำตรกำรป้องกันกำรแพร่ระบำดของโรคเช้ือไวรัสโคโรนำ 2019 (COVID-19) สำนักงำนพัฒนำสังคมและควำมม่ันคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ หวังเป็นอย่ำงยิ่งว่ำ รำยงำนสถำนกำรณ์ทำงสังคมจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2563 ฉบับน้ี จะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงำน และผู้สนใจท่วั ไป ในกำรวิเครำะห์และเฝ้ำระวังสถำนกำรณท์ ำงสังคม ตลอดจนกำหนดนโยบำยให้สอดคล้องกับ สภำพปญั หำของกลมุ่ เปำ้ หมำย เพือ่ ปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหำทำงสงั คมทีเ่ กิดขน้ึ ต่อไป สำนักงำนพฒั นำสังคมและควำมม่นั คงของมนษุ ย์จังหวดั เชยี งใหม่ กันยำยน 2563

ข สารบญั หนา้ ก เร่อื ง ข คำนำ สำรบัญ 1 บทที่ 1 บทนำ 2 2 1.1 ควำมเปน็ มำ 3 1.2 คำนยิ ำม 3 1.3 วัตถุประสงค์ 3 บทท่ี 2 ขอ้ มูลทว่ั ไปจงั หวดั เชียงใหม่ 4 2.1 ประวตั เิ มอื งเชยี งใหม่ 4 2.2 ขนำดพืน้ ท่ีและอำณำเขตกำรปกครอง 5 2.3 คำขวัญ 7 2.4 กำรปกครอง 7 2.5 ประชำกร 10 2.6 สถำนกำรณ์ด้ำนแรงงำน 15 2.7 สภำพทำงสังคม 15 2.8 ยทุ ธศำสตร์ในกำรพฒั นำจงั หวดั เชียงใหม่ 15 บทท่ี 3 สถำนกำรณ์ทำงสังคมของจังหวัดเชยี งใหม่ 15 3.1 สถำนกำรณ์เชงิ กลุ่มเป้ำหมำย 16 3.1.1 เด็กปฐมวยั 17 3.1.2 เดก็ และเยำวชน 17 3.1.3 ครอบครัว 18 3.1.4 ผสู้ งู อำยุ 19 3.1.5 คนพกิ ำร 19 3.1.6 คนไรท้ พ่ี ึ่ง/ผทู้ ำกำรขอทำน 20 3.1.7 กลุ่มชำตพิ นั ธุ์ 20 3.1.8 ผู้ประสบปญั หำทำงสังคม 21 3.2 สถำนกำรณเ์ ชิงประเด็น 25 3.2.1 ผู้เสียหำยจำกกำรค้ำมนษุ ย์ 25 3.2.2 กำรแพร่ระบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนำ 2019 (COVID-19) 25 บทท่ี 4 บทสรุปและข้อเสนอแนะ 27 4.1 สรปุ สถำนกำรณ์สำคัญของจังหวดั 28 4.1.1 เชงิ กลมุ่ เป้ำหมำย 4.1.2 เชิงประเด็น 4.2 ขอ้ เสนอแนะ/ควำมท้ำทำยตอ่ กำรทำงำนด้ำนพัฒนำสังคมและควำมม่ันคงของมนษุ ย์

บทที่ 1 บทนำ 1.1 ควำมเปน็ มำ กระทรวงกำรพัฒนำสังคมและควำมมั่นคงของมนุษย์ มีภำรกิจในกำรขับเคลื่อนกำรพัฒนำสังคม เพื่อให้ประชำชนได้รับหลักประกันในชีวิต สำมำรถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่ำงมีศักดิ์ศรี รวมท้ังมีบทบำทในกำร ผลักดันให้เกิดกำรป้องกันและแก้ไขปัญหำสังคมและพัฒนำคุณภำพชีวิตของประชำชน เพื่อมุ่งสู่สังคมคุณภำพ บนพนื้ ฐำนควำมรบั ผิดชอบรว่ มกนั จงึ จำเป็นจะตอ้ งมีกำรพฒั นำควำมรู้ ตลอดจนกลไกต่ำง ๆ ในกำรดำเนินงำน ให้สอดคล้องกับสภำพสังคมในปัจจุบันท่ีกำลังเผชิญกับปัญหำสังคมท่ีหลำกหลำย มีควำมรุนแรงแต่ละปัญหำ ท่แี ตกต่ำงกันไปตำมสภำพสังคมในแต่ละพ้ืนที่ ดังนั้น หำกประเมินสถำนกำรณ์ทำงสงั คมได้ ก็สำมำรถวเิ ครำะห์ ปัญหำสังคมได้อย่ำงสอดคล้องกับกระแสควำมเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขึ้นได้อย่ำงชัดเจน สำมำรถนำข้อมูลไปใช้ ในกำรวิเครำะห์ทิศทำงสถำนกำรณ์ แนวโน้ม และกำหนดนโยบำยในกำรพัฒนำสังคมอันจะเป็นกลไกสำคัญ ในกำรปอ้ งกันและแก้ไขปญั หำสงั คมที่เกิดขึ้นได้อย่ำงดตี ่อไป กระทรวงกำรพัฒนำสังคมและควำมม่ันคงของมนุษย์ได้ดำเนินกำรสำรวจข้อมูลสถำนกำรณ์ทำงสังคม ของท้องถน่ิ ตัง้ แต่ปี 2552 เพอ่ื ให้ท้องถ่ินและจังหวัดไดต้ ระหนกั ถึงควำมสำคัญและควำมจำเปน็ ในกำรมีข้อมูล เชิงสังคมท่ีจัดเก็บและรวบรวมโดยท้องถิ่นเอง ซึ่งเป็นข้อมูลท่ีมีควำมถูกต้อง ชัดเจน เป็นเอกภำพสำมำรถ นำไปใช้ประกอบกำรจัดทำแผนพัฒนำท้องถ่ิน แผนยุทธศำสตร์กำรพัฒนำจังหวัด แผนปฏิบัติกำรแก้ไขปัญหำ สังคมจังหวัด แผนงำนและโครงกำรอื่นๆ ของกระทรวงกำรพัฒนำสังคมและควำมม่ันคงของมนุษย์ได้ถูกต้อง สอดคล้องกับสภำพปัญหำสังคมของแต่ละพื้นที่ โดยขอควำมร่วมมือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กรอกข้อมูลจำกแหล่งข้อมูลท่ีน่ำเชื่อถือ มีหลักฐำนอ้ำงอิง มีกระบวนกำรจัดเก็บท่ีชัดเจน เช่น ข้อมูล ควำมจำเป็นพ้ืนฐำน (จปฐ.) ข้อมูลพ้ืนฐำนระดับหมู่บ้ำน (กชช.2ค) ข้อมูลศูนย์พัฒนำครอบครัวในชุมชน แบบสำรวจของหนว่ ยงำนรำชกำรหรือจดั ทำขึน้ หรือขอ้ มลู จำกกำรจดั เวทปี ระชำสังคม กำรขับเคล่ือนกำรจัดทำรำยงำนสถำนกำรณ์ทำงสังคมจังหวัดให้มีควำมครบถ้วน สมบูรณ์ สำมำรถ สะท้อนปัญหำสังคมท่ีถูกต้อง หน่วยงำนสำมำรถนำไปใช้ในกำรวิเครำะห์ ทิศทำง สถำนกำรณ์ แนวโน้ม วำงแผน และกำหนดนโยบำย เพื่อจัดสรรงบประมำณในกำรพัฒนำได้ตรงควำมต้องกำร ลดควำมซ้ำซ้อนของ ภำรกิจงำนในกำรท่ีกระทรวงต้องกำรให้ สำนักงำนพัฒนำสังคมและควำมมั่นคงของมนุษย์จังหวัดดำเนินกำร จัดทำรำยงำนสถำนกำรณ์ทำงสังคมจังหวัด ในปี ๒๕59 ได้มีกำรพัฒนำแบบจัดเก็บข้อมูลเพื่อกำรรำยงำน สถำนกำรณ์ทำงสังคมจังหวัด จำกแบบรำยงำนสถำนกำรณท์ ำงสังคมของท้องถ่ิน (อปท.1) เดิม และเปล่ียนชื่อ เป็น “แบบจัดเก็บข้อมูลสถำนกำรณ์ทำงสังคมจังหวัด (สคจ.)” โดยดำเนินกำรจัดเก็บข้อมูลเพื่อกำรจัดทำ รำยงำนสถำนกำรณท์ ำงสงั คมจงั หวดั ในปี 2561 นำยกรัฐมนตรีได้ส่ังกำรให้ส่วนรำชกำรบูรณำกำรร่วมกันจัดทำฐำนข้อมูลกลำงภำครัฐ และให้สำนักงำนรฐั บำลอิเล็กทรอนิกส์ (สรอ.) ขับเคล่ือนในกำรจัดกำรข้อมูลขนำดใหญ่ (Big Data) ใหเ้ กิดเป็น รูปธรรม โดยประสำนหน่วยงำนภำครัฐต่ำง ๆ นำข้อมลู ท่ีพร้อมให้บริกำรดำเนินกำรโครงกำรนำร่อง ซ่งึ นำรอ่ ง Big Data ใน ๗ เร่ือง ๑) กำรช่วยเหลือผู้มีรำยได้น้อย ๒) กำรเกษตร ๓) กำรศึกษำและตลำดแรงงำน ๔) กำรท่องเทยี่ วและคมนำคม ๕) กำรสำรณสุข ๖) กำรบรหิ ำรจัดกำรน้ำ ๗) ปำ่ ไม/้ กำรจัดกำรขยะ

2 ในปี 2563 กระทรวงกำรพัฒนำสงั คมและควำมม่ันคงของมนุษย์ ได้กำหนดใหส้ ำนักงำนพฒั นำสังคม และควำมมั่นคงของมนุษย์จังหวัด จัดทำแบบรำยงำนสถำนกำรณ์ทำงสังคมจังหวัด โดยใช้ข้อมูลสถำนกำรณ์ เชิงกลุ่มเป้ำหมำย สถำนกำรณ์ทำงสังคมเชิงประเด็น และสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนำ 2019 (COVID-19) และกำหนดใหเ้ ปน็ โครงกำรสำคัญของ พม. (Flagship Projects ) ระบบฐำนข้อมูล ทำงสังคม โดยจัดทำ Big data กลุ่มเป้ำหมำย กำรเขำ้ ถึงสวสั ดิกำร เชื่อมโยงข้อมลู ไปยังหน่วยงำนภำยใน พม. และหน่วยงำนภำยนอก พม. สำมำรถนำข้อมูลมำวิเครำะห์อย่ำงแท้จริง เพ่ือนำข้อมูลไปดำเนินกำร กำรช่วยเหลือให้ครอบคลุมทุกเป้ำหมำย ทุกพ้ืนที่ และนำไปประกอบกำรจัดทำนโยบำยและยุทธศำสตร์กำรพัฒนำ สังคมและควำมม่นั คงของมนุษยใ์ นจังหวัด จดั ทำแผนงำน โครงกำรและกิจกำรด้ำนกำรพฒั นำสงั คมและ 1.2 คำนิยำม “ข้อมูลทำงสังคมทำงสังคม” หมำยถึง ข้อมูลที่บ่งชี้ลักษณะของกลุ่มเป้ำหมำยท่ีต้องให้กำรคุ้มครอง เพื่อสร้ำงควำมม่ันคงในชีวิต ที่สำมำรถใช้ประโยชน์ในกำรป้องกัน และแก้ไขควำมเส่ียงต่อกำรเกิดปัญหำสังคม รวมถึงข้อมลู สถำนกำรณข์ องประเดน็ ปัญหำทำงสงั คมสำคัญที่เกิดขนึ้ ในรอบปี “รำยงำนสถำนกำรณ์ทำงสังคมจังหวัด” หมำยถึง กำรรวบรวม วิเครำะห์ สังเครำะห์ข้อมูลด้ำนสังคม ในจังหวัด ประกอบด้วยสถิติกำรให้บริกำร เป็นปัจจุบัน ทันต่อสถำนกำรณ์ ครอบคลุมท้ังข้อมูล เชงิ กลุ่มเป้ำหมำย ข้อมูลเชงิ ประเดน็ ข้อมลู ข้อมลู จำกระบบสำรสนเทศของ พม. ข้อมลู ด้ำนสงั คมจำกหน่วยงำน แวดลอ้ มกระบวนงำน ข้อมูลบ่งช้ีถึงสถำนกำรณท์ ำงสังคมตวั ช้วี ดั ท่ีเป็นสำกล รวมท้ังสถำนกำรณท์ ำงสังคมอื่นๆ ท่ีเกยี่ วข้อง และข้อเสนอแนะในกำรปอ้ งกนั แก้ไขปัญหำทั้งในเชงิ นโยบำยและปฏิบตั ิ 1.3 วตั ถปุ ระสงค์ 1.3.1 เพ่ือใหม่ข้อมูลสถำนกำรณ์ทำงสังคมจังหวัดที่ถูกต้อง ชัดเจน ครบถ้วน ครอบคลุมทุก กลุ่มเป้ำหมำยท่ีสำมำรถใช้ประโยชน์ในกำรช่วยเหลือ จัดทำนโยบำย ยุทธศำสตร์กำรพัฒนำสังคมและควำมมั่นคง ของมนุษย์ในจังหวัด แผนงำน โครงกำรและกิจกำรด้ำนกำรพัฒนำสังคมและควำมม่ันคงของมนุษย์ในจังหวัด ได้อย่ำงเหมำะสม สอดคลอ้ งกับสถำนกำรณท์ ำงสังคมได้อยำ่ งแทจ้ ริง 1.๓.2 เพ่ือให้หน่วยงำนระดับกระทรวงนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์วิเครำะห์สถำนกำรณ์ แนวโน้ม และ กำหนดนโยบำยและแผนงำนในกำรปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหำสังคมภำพรวมต่อไป

บทท่ี 2 ข้อมลู ทัว่ ไปของจงั หวดั เชยี งใหม่ 2.1 ประวตั เิ มืองเชียงใหม่ เมืองเชียงใหม่ มีชื่อที่ปรำกฏในตำนำนว่ำ \"นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่\"เป็นรำชธำนีของอำณำจักร ลำ้ นนำไทยมำตั้งแต่พญำมังรำยไดท้ รงสร้ำงขึ้น เม่ือ พ.ศ.1839 และเมอื งเชียงใหม่ไดม้ ีวิวัฒนำกำรสบื เน่ืองกัน มำในประวตั ิศำสตร์ตลอดมำ เชียงใหมม่ ฐี ำนะเปน็ นครหลวงอิสระ ปกครองโดยกษตั รยิ ร์ ำชวงศม์ งั รำย ประมำณ 261 ปี (ระหว่ำง พ.ศ.1839 -2100) ในปีพ.ศ. 2101 เชยี งใหม่ได้เสียเอกรำชให้แก่กษัตริยพ์ มำ่ ช่อื บุเรงนอง และได้ตกอยู่ภำยใต้กำรปกครองของพม่ำนำนร่วมสองร้อยปี จนถึงสมัยสมเด็จพระเจ้ำตำกสินมหำรำช และ พระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ำจุฬำโลกมหำรำช ไดท้ รงช่วยเหลือล้ำนนำไทยภำยใต้กำรนำของพระยำกำวิละ แ ล ะ พ ร ะ ย ำ จ่ ำ บ้ ำ น ใ น ก ำ ร ท ำ ส ง ค ร ำ ม ขั บ ไ ล่ พ ม่ ำ อ อ ก ไ ป จ ำ ก เ ชี ย ง ใ ห ม่ แ ล ะ เ มื อ ง เ ชี ย ง แ ส น ไ ด้ ส ำ เ ร็ จ พระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ำจุฬำโลกมหำรำช สถำปนำพระยำกำวิละเป็นเจ้ำเมืองเชียงใหม่ ในฐำนะเมือง ประเทศรำชของไทย และมีเชื้อสำยของพระยำกำวิละ ซึ่งเรียกว่ำตระกูลเจ้ำเจ็ดตน ปกครองเมืองเชียงใหม่ เมืองลำพูนและเมืองลำปำงสืบต่อมำจนกระท่ังในรัชสมัยของพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว ได้โปรดให้ปฏิรูปกำรปกครอง หัวเมืองประเทศรำช ได้ยกเลิกกำรมีเมืองประเทศรำชในภำคเหนือ จัดต้ังกำร ปกครองแบบมณฑลเทศำภิบำล เรียกว่ำ มณฑลพำยัพ และเมื่อปีพ.ศ.2476 พระบำทสมเด็จพระปกเกล้ำ เจ้ำอยู่หัวได้ปรับปรุงกำรปกครองเป็นแบบจังหวัด เชียงใหม่จึงมีฐำนะเป็นจังหวัดจนถึงปัจจุบัน ท้ังน้ี ในกำร ประชุมคณะรัฐมนตรีคร้ังที่ 18/2554 เม่ือวันอังคำรที่ 3 พฤษภำคม 2554 คณะรัฐมนตรี ได้มีมติให้ควำม เหน็ ชอบใหจ้ ังหวดั เชียงใหม่เป็น “นครท่เี ปน็ ท่ีสุดแห่งควำมสง่ำงำมทำงวัฒนธรรม” (Chiang Mai : The Most Splendid City of Culture) และในปี พ.ศ.2559 จะถือเป็นปีครบรอบกำรสถำปนำเมืองเชียงใหม่อำยุครบ 720 ปี รวมระยะเวลำของเชียงใหมจ่ นถงึ ปจั จุบัน พ.ศ.2563 อำยุ 724 ปี 2.2 ขนำดพ้นื ที่และอำณำเขตกำรปกครอง 2.2.1 ขนำดพน้ื ท่ี - จังหวัดเชียงใหม่มีพ้ืนท่ี 20,107.057 ตำรำงกิโลเมตรหรือประมำณ 12,566,911 ไร่ มีพ้ืนที่กว้ำงใหญ่เป็นอันดับท่ี 1 ของภำคเหนือ และเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ รองจำกจังหวัดนครรำชสีมำ ลักษณะภูมิประเทศโดยท่ัวไปมีสภำพพื้นท่ีเป็นภูเขำและป่ำไม้มีที่รำบอยู่ตอนกลำงตำมสองฟำกฝั่งแม่น้ำปิง มีภูเขำท่ีสูงที่สุดในประเทศไทยคือ ดอยอินทนนท์สูงประมำณ2,565.3355 เมตร อยู่ในเขตอำเภอจอมทอง นอกจำกนี้ยังมีดอยอ่ืนท่ีมีควำมสูงรองลงมำอีก 3 หลำยแห่ง เช่น ดอยผ้ำห่มปก สูง 2,285 เมตร ดอยหลวง เชยี งดำว สงู 2,170 เมตร ดอยสเุ ทพสูง 1,601 เมตร สภำพพืน้ ที่แบง่ ออกได้เปน็ 2 ลักษณะคอื - พื้นท่ภี ูเขำ สว่ นใหญ่อยู่ทำงทิศเหนอื และทิศตะวันตกของจังหวดั คิดเปน็ พื้นท่ีประมำณร้อย ละ 80 ของพนื้ ที่จงั หวดั เป็นพ้ืนท่ีปำ่ ตน้ นำ้ ลำธำร ไมเ่ หมำะสมตอ่ กำรเพำะปลกู - พื้นท่ีรำบลุ่มและที่รำบเชิงเขำ กระจำยอยู่ทั่วไประหว่ำงหุบเขำทอดตัวในแนวเหนือ - ใต้ ไดแ้ ก่ ทรี่ ำบลมุ่ น้ำปงิ ลมุ่ นำ้ ฝำง ลุม่ น้ำแม่งดั เปน็ พ้ืนทท่ี ่มี คี วำมอุดมสมบูรณ์เหมำะสมต่อกำรเกษตร

4 2.2.2 อำณำเขตติดต่อ ทิศเหนือ รัฐฉำนของสหภำพเมียนมำร์โดยมีสันปันน้ำของดอยคำ ดอยปกเกล้ำดอยหลักแต่ง ดอยถ้ำป่อง ดอยถ้วย ดอยผำวอก และดอยอำ่ งขำงอันเปน็ ส่วนหนงึ่ ของทิวเขำแดนลำว เปน็ เส้นกัน้ อำณำเขต ทิศใต้ อำเภอสำมเงำ อำเภอแม่ระมำด และอำเภอท่ำสองยำง (จังหวัดตำก) มีร่องน้ำแม่ต่ืน และสันปนั น้ำ ดอยเรี่ยม ดอยหลวงเป็นเส้นก้นั อำณำเขต ทิศตะวันออก อำเภอแม่ฟ้ำหลวง อำเภอเมืองเชียงรำย อำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงป่ำเป้ำ (จังหวดั เชียงรำย) อำเภอเมืองปำน อำเภอเมืองลำปำง (จงั หวัดลำปำง) อำเภอบ้ำนธิ อำเภอเมืองลำพนู อำเภอ ปำ่ ซำง อำเภอเวียงหนองล่อง อำเภอบ้ำนโฮ่ง และอำเภอลี้ (จงั หวัดลำพูน) สว่ นท่ตี ิดจังหวัดเชยี งรำยและลำปำง มีร่องน้ำลึกของแม่น้ำกก สันปันน้ำดอยซำง ดอยหลุมขำ้ ว ดอยแม่วัวน้อย ดอยวังผำ และดอยแม่โตเป็นเสน้ ก้ัน อำณำเขต สว่ นท่ีตดิ จงั หวดั ลำพนู มดี อยขนุ หว้ ยหละ ดอยช้ำงสูงและร่องน้ำแมป่ งิ เปน็ เส้นก้ันอำณำเขต ทิศตะวันตก อำเภอปำย อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอขุนยวม อำเภอแม่ลำน้อย อำเภอแม่สะเรียง และอำเภอสบเมย (จังหวัดแม่ฮ่องสอน) มีสันปันน้ำดอยก่ิวแดง ดอยแปรเมือง ดอยแม่ยะ ดอยอังเกตุ ดอยแม่สรุ ินทร์ดอยขุนยวม ดอยหลวง และร่องแม่ริด แม่ออย และสันปันน้ำดอยขุนแม่ตื่นเป็นเส้น ก้ันอำณำเขต จังหวัดเชียงใหม่มีชำยแดนติดต่อกับประเทศพม่ำเพียงประเทศเดียว และมีพื้นที่ติดต่อ ใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่อำย อำเภอฝำง อำเภอเชียงดำว อำเภอเวียงแหง อำเภอไชยปรำกำร รวมระยะทำงทง้ั ส้ิน 227 กิโลเมตร พืน้ ท่ีเขตแดนส่วนใหญ่เป็นป่ำเขำ จึงไมส่ ำมำรถปกั หลักเขตแดนได้ชัดเจน และเกิดปัญหำเส้นเขตแดนระหวำ่ งประเทศ 2.3 คำขวัญ คำขวัญประจำจังหวัด : “ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่ำ บุปผำชำติล้วนงำมตำ นำมล้ำค่ำ นครพงิ ค”์ 2.4 กำรปกครอง - จงั หวัดเชยี งใหมแ่ บ่งเขตกำรปกครองออกเปน็ 25 อำเภอ 204 ตำบลและ 2,066 หมู่บ้ำน - มีหน่วยงำนท่ีตั้งอยูใ่ นพน้ื ทดี่ งั น้ี 1) หน่วยงำนบริหำรรำชกำรสว่ นกลำง จำนวน 166 หน่วยงำน 2) หนว่ ยงำนบริหำรรำชกำรส่วนภูมิภำค จำนวน 34 หน่วยงำน 3) หนว่ ยงำนบริหำรรำชกำรสว่ นทอ้ งถ่ิน จำนวน 211 แห่ง ประกอบดว้ ย - องคก์ ำรบรหิ ำรส่วนจังหวัด จำนวน 1 แห่ง - เทศบำลนคร จำนวน 1 แห่ง - เทศบำลเมอื ง จำนวน 4 แหง่ - เทศบำลตำบล จำนวน 116 แหง่ - องคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบล จำนวน 89 แหง่

5 2.5 ประชำกร จงั หวัดเชียงใหม่ มีประชำกรรวมทงั้ สิ้น 1,779,254 คน แยกเปน็ ชำย 861,692 คน หญิง 917,562 คน (ข้อมูล ณ เดือน ธันวำคม 2562) อำเภอที่มีประชำกรมำกท่ีสุด ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จำนวน 233,632 คน คดิ เป็นร้อยละ 13.13 ของประชำกรท้ังหมด รองลงมำไดแ้ ก่ อำเภอสันทรำย จำนวน 135,964 คน คิดเป็นร้อยละ 7.64 และอำเภอที่มีประชำกรน้อยที่สุด ได้แก่ อำเภอกัลยำณิวัฒนำ จำนวน 12,610 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 0.71 สถิติประชำกร หมำยถงึ จำนวนประชำกรได้เพ่ิมข้ึนเมอื่ เทียบกับปกี ่อน หมำยถึงจำนวนประชำกรได้ลดลงเม่อื เทียบกับปกี อ่ น อันดับ (ปี อำเภอ พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. ล่าสดุ ) 2562 2561 2560 2559 2558 2557 2556 1 เมืองเชียงใหม่ 233,632 234,870 234,649 234,837 235,589 234,244 235,154 2 สนั ทรำย 135,964 134,574 133,063 131,414 130,251 127,062 123,817 3 ฝำง 120,759 119,635 118,324 118,075 117,589 112,847 112,439 4 เชยี งดำว 96,494 93,128 92,588 91,829 91,457 83,399 82,534 5 แม่รมิ 94,337 94,260 93,185 91,558 90,706 88,835 87,605 6 หำงดง 90,128 88,926 87,890 86,435 85,175 83,310 81,635 7 สนั กำแพง 87,640 86,457 85,563 84,327 82,906 81,144 80,080 8 สำรภี 85,565 84,626 83,504 82,247 81,156 79,996 78,835 9 แมแ่ ตง 80,303 76,512 75,790 75,699 75,893 75,044 74,968 10 แมอ่ ำย 78,565 78,423 78,300 77,778 77,533 73,537 73,243 11 สันปำ่ ตอง 75,097 75,233 75,416 75,290 75,329 75,390 75,490 12 ดอยสะเก็ด 74,172 73,220 72,571 72,064 71,316 70,215 69,397 13 จอมทอง 66,729 66,729 66,792 66,811 66,738 66,531 66,353 14 อมกอ๋ ย 63,610 63,224 62,833 62,317 61,899 61,076 60,429 15 แมแ่ จม่ 60,179 60,180 59,728 59,515 59,145 58,698 58,321 16 ไชยปรำกำร 49,239 48,882 46,013 45,962 45,954 44,760 44,670 17 พร้ำว 48,514 51,771 49,120 49,258 49,463 49,324 49,567 18 เวียงแหง 52,030 46,517 45,149 44,563 44,305 27,527 27,283 19 ฮอด 43,756 43,930 43,849 43,803 43,809 43,809 43,890 20 แม่วำง 31,883 31,827 31,834 31,625 31,695 31,472 31,325 21 ดอยเตำ่ 27,395 27,404 27,406 27,393 27,458 27,406 27,326 22 ดอยหล่อ 25,689 25,919 26,052 25,931 26,041 26,083 26,196 23 สะเมิง 23,780 23,737 23,690 23,642 23,580 23,386 23,289 24 แมอ่ อน 21,184 21,315 21,266 21,296 21,287 21,281 21,292 25 กัลยำณิวฒั นำ 12,610 12,443 12,265 12,093 11,968 11,908 11,750 รวม 1,779,254 1,763,742 1,746,840 1,735,762 1,728,242 1,678,284 1,666,888 ท่มี ำ : ท่ีทำกำรปกครองจังหวดั เชยี งใหม่ 2562

6 จงั หวัดเชียงใหม่ มีประชำกรทงั้ สิ้น 1,779,254 คน แยกเป็นชำย 861,692 คน หญงิ 917,562 คน ประชำกรแยกช่วงอำยุ คิดจำกประชำกรที่มีสัญชำติไทยและอยู่ในทะเบียนบ้ำน จำนวน 1,617,837 คนแยก เปน็ ชำย 778,683 คน หญงิ 839,154 คน มีประชำกรชว่ งอำยุ 26 – 59 มำกทส่ี ุด จำนวน 809,345 คน คิดเป็นร้อยละ 50.03 รองลงมำได้แก่ มีประชำกรช่วงอำยุ 60 ปีข้ึนไป จำนวน 333,692 คน คิดเป็นร้อยละ 20.62 (มีผู้สูงอำยุมำกเป็นลำดับ 3 ของประเทศ) น้อยสุดได้แก่ ช่วงอำยุ 7 -12 ปี จำนวน 103,119 คน คิดเปน็ ร้อยละ 6.37 อายุ ชาย หญิง รวม คดิ เป็นร้อยละ 0-6 56,422 53,529 109,951 6.80 7-12 53,005 50,114 103,119 6.37 13-18 56,355 53,360 109,715 6.78 19-25 75,890 76,124 152,014 9.40 26-59 387,092 422,253 809,345 50.03 60 ข้นึ ไป 149,919 183,773 333,692 20.62 รวม 100 ปขี นึ้ ไป 1 10 เกิดปีจันทรคติ 778,683 839,154 1,617,837 100.00 รวม ตำรำงเปรยี บเทยี บ จำนวนประชำกรจงั หวดั เชยี งใหม่ ปี 2559 – 2562 1779254 1,763,742 1,746,840 1,735,762 2559 2560 2561 2562

7 2.6 สถำนกำรณ์ดำ้ นแรงงำน ประชำกรและกำลังแรงงำน ในปี พ.ศ. 2563 จงั หวัดเชียงใหม่ มีประชำกรอำยตุ ้ังแต่ 15 ปี ขน้ึ ไป จำนวน 1,454,313 คน ผู้อยู่ในกำลังแรงงำน จำนวน 959,065 คน ผู้มีงำนทำ จำนวน 927,515 คน ผู้ว่ำงงำน 31,550 คน ส่วนแรงงำนนอกระบบ มีจำนวน 630,602 คน เป็นเพศชำย 342,848 คน และเพศหญิง 287,754 คน กำรมงี ำนทำ ผู้มีงำนทำ ภำคเกษตรกรรม มจี ำนวน 340,092 คนหรือรอ้ ยละ 36.89 และ ทำงำนในนอกภำคเกษตรกรรม จำนวน 581,823 คน หรือร้อยละ 63.11 ของผู้มีงำนทำจังหวัดเชียงใหม่ โดยประเภทกำรทำงำนด้ำนเกษตรกรรม กำรล่ำสัตว์ และกำรประมง มีจำนวนมำกที่สุด ร้อยละ 36.79 หรือ จำนวน 339,139 คน รองลงมำคือกิจกรรมกำรขำยส่ง กำรขำยปลีกร้อยละ 31.82 จำนวน 185,107 คน และผู้มีงำนทำส่วนใหญ่มีกำรศึกษำระดับมหำวิทยำลัย จำนวน 219,602 คน หรือร้อยละ 23.68 ของ จำนวนประชำกรจงั หวัดเชียงใหม่ ที่มงี ำนทำ อำยุ 15 ปขี ึ้นไป กำรว่ำงงำน มีผู้ว่ำงงำนในไตรมำส 2 ปี 2563 จำนวน 31,550 คน หรือมีอัตรำกำร ว่ำงงำน ร้อยละ 3.29 ซึ่งขยำยตัวจำกไตรมำสที่ผ่ำนมำซึ่งมีผู้ว่ำงงำนจำนวน 11,308 คน หรือมีอัตรำกำร ว่ำงงำน ร้อยละ 1.112 สถำนกำรณ์ด้ำนเศรษฐกิจและแรงงำน เศรษฐกิจจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2563 คำดว่ำหดตัว รอ้ ยละ -6.1 (โดยมีชว่ งคำดกำรณ์รอ้ ยละ (-6.2) –(-6.0) ลดลงจำกกำรขยำยตัวรอ้ ยละ 0.3 ในปีก่อน โดย แรงขับเคลื่อนหลัก คือ กำรใช้จ่ำยภำครัฐ ด้ำนอุปทำน มีแนวโน้มหดตัวจำก ภำคบริกำร คำดว่ำหดตัว ร้อย ละ -7.8 (โดยมีช่วงคำดกำรณ์ร้อยละ (-7.9) – (-7.7) ลดลงจำกกำรขยำยตัวร้อยละ 2.2 ในปีก่อน โดยจำก วิกฤตกำรแพรร่ ะบำดของเชื้อไวรัสโคโรนำ2019 (COVID-19) สง่ ผลใหจ้ ำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ซ่ึงภำคบริกำร ถอื เป็นรำยได้หลักของจังหวดั จึงก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบเป็นอยำ่ งมำก อยำ่ งไรก็ตำมคำดวำ่ นักทอ่ งเท่ียวจะเดินทำง แบบ FIT (FreeIndividual Traveler) มำกข้ึน โดยเน้นไทยเทีย่ วไทย กำรผลิตภำคเกษตร คำดว่ำหดตวั ร้อยละ -5.7 (โดยมีช่วงคำดกำรณ์ร้อยละ (-5.8) – (-5.6) ลดลงจำกกำรขยำยตัวร้อยละ 1.5 ในปีก่อน เน่ืองจำก ปัญหำภัยแล้ง ภำวะฝนทิ้งช่วงส่งผลให้ปริมำณน้ำไม่เพียงพอต่อกำรเจริญเติบโต อย่ำงไรก็ตำมภำครัฐได้มีกำร รณรงค์ประชำสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับมือกับสถำนกำรณ์ภัยแล้งดังกล่ำว สำหรับกำรผลิตภำคอุตสำหกรรมคำด ว่ำหดตัวร้อยละ -1.7 (โดยมีช่วงคำดกำรณ์ร้อยละ (-1.8) – (-1.6) ลดลงจำกกำรขยำยตัวร้อยละ 0.7 ในปี ก่อน สืบเน่ืองจำกสภำวะภัยแล้ง ส่งผลให้วัตถุดิบทำงกำรเกษตรลดลง รวมถึงคำส่ังซื้อท่ีมีทิศทำงลดลง ตำม แนวโน้มเศรษฐกิจทั้งภำยในประเทศและต่ำงประเทศที่หดตัว ด้ำนอุปสงค์ มีแนวโน้มหดตัวตำมกำรบริโภค ภำคเอกชน คำดว่ำหดตัวร้อยละ - 8.1 (โดยมีช่วงคำดกำรณ์ร้อยละ (-8.2) –(-8.0) ลดลงจำกกำรขยำยตัว ร้อยละ 0.6 ในปีก่อน ตำมกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงอย่ำงต่อเน่ือง โดยเฉพำะสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำด ของเช้ือไวรัสโคโรนำ 2019 (COVID-19) ที่ส่งผลต่อกำรดำเนินชีวิต กำรประกอบธุรกิจ และทิศทำงภำวะ เศรษฐกิจของประเทศทำให้ผู้บริโภคต้องระมัดระวังกำรใช้จำ่ ย กำรลงทุนภำคเอกชนคำดว่ำหดตัวรอ้ ยละ -1.2 (โดยมีช่วงคำดกำรณ์ร้อยละ (-1.3) –(-1.1) ลดลงจำกกำรขยำยตัวร้อยละ 3.1 ในปีก่อน ซึ่งในส่วนของภำค อสังหำรมิ ทรัพย์ยังมปี ริมำณคงค้ำงอยู่เป็นจำนวนมำก อกี ท้ังผลกระทบจำกสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของเช้ือ ไวรัส โคโรนำ 2019 (COVID-19) ทำให้ผู้ประกอบกำรต้องพิจำรณำกำรดำเนินงำนอย่ำงถ่ีถ้วนข้ึน ส่วนสินเชื่อ เพ่ือกำรลงทุนคำดว่ำขยำยตัว เนื่องจำกมำตรกำรช่วยเหลือทำงกำรเงินท่ีมีอย่ำงต่อเนื่อง โดยสินเช่ือที่คำดว่ำ ขยำยตัว ได้แก่ สินเช่ือธุรกิจขนส่งและสถำนที่เก็บสินค้ำ สำหรับสินเช่ือที่มีแนวโน้มลดลงได้แก่ สินเชื่อธุรกิจ ท่ีเกี่ยวเนื่องกับภำคกำรท่องเท่ียว เช่น โรงแรม ร้ำนอำหำรและสินเชื่อค้ำปลีกค้ำส่ง สำหรับสินเชื่อธุรกิจ อสงั หำริมทรัพย์และกำรค้ำวัสดกุ อ่ สร้ำงคำดว่ำลดลงอยำ่ งตอ่ เนื่อง ส่วนกำรใช้

8 จ่ำยภำครัฐ คำดวำ่ ขยำยตวั รอ้ ยละ 6.1 (โดยมชี ว่ งคำดกำรณ์ร้อยละ 6.0 – 6.2) เพิ่มขึ้นจำกกำรขยำยตวั ร้อย ละ 3.5 ในปีก่อน โดยภำครัฐมีมำตรกำรเร่งรัดเพ่ือเพ่ิมประสิทธิภำพกำรใช้จ่ำยงบประมำณสภำพเศรษฐกิจ จังหวัดเชียงใหม่ ปี 2563 ซ่ึงเป็นกลไกหลัก ในกำรกระตุ้นกำรเบิกจ่ำยเงินให้เข้ำสู่ระบบ อย่ำงไรก็ดีกำร ประกำศใช้ พ.ร.บ. งบประมำณรำยจ่ำยประจำปี 2563 ท่ลี ำ่ ชำ้ ส่งผลต่อกำรใช้จ่ำยเงนิ งบประมำณของภำครฐั ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจในปี 2563 ของเศรษฐกจิ จงั หวัดเชยี งใหม่ - เศรษฐกจิ ทงั้ ภำยในประเทศและของประเทศคู่คำ้ หลักที่มีทิศทำงหดตวั - ปญั หำเชงิ โครงสรำ้ งจำกสังคมสูงวัยและแนวโน้มหนภ้ี ำคครัวเรือนยังขยำยตัวตอ่ เนือ่ ง - วกิ ฤตภัยแล้งทีม่ ีแนวโน้มรุนแรงและยำวนำนกว่ำทุกปีอย่ำงไรก็ตำมภำครัฐได้มีแนวทำง/ มำตรกำรท่จี ะบรรเทำควำมเดือดรอ้ นของประชำชน - กำรระบำดของเช้ือไวรัสโคโรนำ 2019 (COVID-19) ที่ส่งผลกระทบให้จำนวน นักทอ่ งเท่ยี วชำวต่ำงประเทศลดลงเปน็ จำนวนมำก โดยเฉพำะชำวจีน - สถำนกำรณ์ปัญหำหมอกควันท่ีเร้ือรังก่อให้เกิดผลกระทบในด้ำนสุขภำพและกำร ท่องเท่ียวโดยเฉพำะค่ำฝุ่นละออง PM 2.5 ที่สูงอยู่ในระดับ 300-400 ไมโครกรัมต่อ ลกู บำศก์เมตรในบำงช่วง - กำรประกำศใชพ้ .ร.บ. งบประมำณรำยจำ่ ยประจำปี 2563 ท่ีล่ำช้ำ ซึ่งอำจส่งผลต่อกำร ใช้จ่ำยเงนิ งบประมำณของภำครฐั 2.7 สภำพทำงสังคม จังหวัดเชียงใหม่เป็นนครแห่งวัฒนธรรมที่รุ่งเรืองและมีประวัติศำสตร์ยำวนำนกว่ำ 724 ปี มศี ิลปวัฒนธรรม ประเพณีท่มี ีเอกลักษณ์มีภูมิปัญญำท้องถ่ินท่ีถ่ำยทอดสู่งำนหัตกรรมท่ีมีคุณค่ำ รวมทั้งมีควำม หลำกหลำยของชำติพันธ์ุชนเผ่ำที่มีวัฒนธรรมโดดเด่นและหลำกหลำยถึง 13 ชนเผ่ำ เป็นชำวเขำ 7 เผ่ำ และ เปน็ ชนกลุ่มนอ้ ย 5 กลมุ่ 2.๗.1 ภำษำ ภำษำรำชกำรที่ใช้ในจังหวัดเชียงใหม่ ใช้ภำษำไทยเป็นหลัก และมีภำษำท้องถ่ิน ซ่ึงเรียกว่ำ “ภำษำคำเมือง” ซึ่งแต่ละท้องถิ่นของภำคเหนือมีลักษณะของภำษำที่คล้ำยๆกัน จะแตกต่ำงกันเฉพำะสำเนียง และศัพทบ์ ำงคำ 2.๗.2 ศำสนำ ประชำกรจังหวัดเชียงใหม่มีผู้นับถือ ศำสนำพุทธ จำนวน 1,633,355 คน (คิดเป็นร้อยละ 91.80 ของประชำกรจังหวัดเชียงใหม่) มีผู้นับถือ ศำสนำคริสต์ จำนวน 99,637 คน (คิดเป็นร้อยละ 5.60 ของประชำกรจังหวัดเชียงใหม่) มีผู้นับถือ อิสลำม จำนวน 20,817 คน (คิดเป็นร้อยละ 1.17 ของประชำกรจงั หวัดเชยี งใหม่) 2.7.3 เกษตรกรรม จงั หวัดเชียงใหม่มีพื้นท่ีกำรเกษตร 1,835,425 ไร่ (14.61% ของพื้นที่จังหวัด) ส่วนใหญ่เป็น พ้ืนที่ปลูกข้ำว 716,454 ไร่ และพืชสวน 459,254 ไร่ พ้ืนท่ีกำรเกษตรน้ีอยู่ในเขตชลประทำน 642,979 ไร่ (35% ของพ้ืนท่ีกำรเกษตร) มีครัวเรือนกำรเกษตร 134,426 ครัวเรือนพืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัด เชยี งใหม่ ไดแ้ ก่ ขำ้ ว ลำไย ล้ินจ่ี กระเทยี ม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และสม้ เขยี วหวำน

9 2.7.4 อตุ สำหกรรม จังหวัดเชียงใหม่มีโรงงำน 1,395 แห่ง เงินลงทุน 32,180 ล้ำนบำท แรงงำน 43,306 คน อตุ สำหกรรมสำคัญ ได้แก่ อตุ สำหกรรมอำหำร เกษตร ขนส่ง อโลหะ และเคร่ืองด่ืม ซงึ่ อตุ สำหกรรมทีไ่ ด้รับกำร ส่งเสริมกำรลงทุน (BOI) พ.ศ. 2554 มี 34 โครงกำร ประเทศท่ีมีกำรลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ สหรัฐอเมรกิ ำ จนี เนเธอรแ์ ลนด์ เยอรมนี สิงคโปร์ มำเลเซยี เดนมำร์ก ออสเตรเลีย สหรฐั อำหรับเอมเิ รตส์ 2.7.5 กำรทอ่ งเทย่ี ว กำรสำรวจ World Best Award-Top 10 Cities จำกผู้อ่ำน Travel and Leisure นิตยสำร ท่องเท่ียวของสหรัฐอเมริกำ ในปี พ.ศ. 2553 ผลปรำกฏว่ำ จังหวัดเชียงใหม่เป็นเมืองน่ำท่องเท่ียวอันดับ 2 ของโลก รองแต่เพยี งกรุงเทพมหำนครเท่ำน้ัน ซ่ึงใน พ.ศ. 2552 จังหวัดเชียงใหม่ถูกจัดเปน็ เมืองน่ำท่องเท่ียว อันดับ 5 ของโลก โดยพิจำรณำจำกสถำนท่ี ทัศนียภำพ ควำมสวยงำมและร่มรื่น ศลิ ปวัฒนธรรมและประเพณี อำหำรกำรกิน แหล่งท่องเท่ียว ควำมเป็นมิตรของผู้คน ควำมคุ้มค่ำ ของเงิน เป็นต้น ใน พ.ศ. 2555 จังหวัด เชียงใหม่มีจำนวนนักท่องเที่ยวรำว 6.5 ล้ำนคน เพ่ิมขึ้นจำกปี พ.ศ. 2554 รำว 9 แสนคน อยู่ในอันดับท่ี 4 ของประเทศรองจำกกรุงเทพมหำนคร จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดชลบุรี เป็นนักท่องเท่ียวชำวต่ำงชำติ 2,192,322 คน (33.4%) สร้ำงรำยได้รวม 53,507 ล้ำนบำท “สวนดุสิตโพล” มหำวิทยำลัยสวนดสุ ิต เปดิ เผยผลสำรวจเรื่อง พฤตกิ รรมท่องเท่ียวของคนไทย หลังคลำยล็อกดำวน์ โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่ำง จำนวนทั้งสิ้น 1,116 คน (สำรวจทำงออนไลน)์ ระหว่ำงวันท่ี 9- 12 มิ.ย. 2563 ถึงกรณี ที่รัฐบำลประกำศคลำยล็อกดำวน์ หลังสถำนกำรณ์ของโรค โควิด-19 เร่ิมคล่ีคลำย และมีแผนฟ้ืนฟู กำรท่องเท่ียวท่ีได้รับผลกระทบจำกกำรแพร่ระบำดของไวรัสให้กลับมำสร้ำงรำยได้ เชิญชวน คนไทยทอ่ งเทยี่ วในประเทศ หวงั กระตุน้ เศรษฐกิจใหด้ ีข้นึ โดยเรว็ สรปุ ผลได้ ดังน้ี อนั ดับ 1 เชยี งใหม่ 31.00% อันดับ 2 ประจวบครี ีขนั ธ์ 28.14% อันดบั 3 กรงุ เทพมหำนคร 19.35% อนั ดับ 4 ชลบรุ ี 18.55% อันดับ 5 กำญจนบุรี 11.92%

10 2.8 ยทุ ธศำสตร์ในกำรพัฒนำจงั หวดั จำกสภำพท่ัวไป ภำพรวมด้ำนเศรษฐกิจ สังคม ควำมม่ันคง และทรัพยำกรธรรมชำติ และส่ิงแวดล้อม และกำรวิเครำะห์ควำมได้เปรียบจำกจุดแข็ง และโอกำส รวมถึง กำรประเมินจุดอ่อน หรือข้อจำกัดและ อุปสรรค หรือภยั คุกคำมของจงั หวดั เชยี งใหม่ นำไปสู่กำรพฒั นำศักยภำพกำรพัฒนำที่มีอยู่ของจงั หวดั เชียงใหม่ และพิจำรณำถึงควำมสอดคล้องกับยุทธศำสตร์และทิศทำงกำรพัฒนำประเทศ จังหวัดเชียงใหม่ ได้กำหนด วิสัยทศั น์กำรพัฒนำ คือ “นครแห่งชีวิตและควำมมั่งค่งั ” (City of Life and Prosperity) (เมอื งทใี่ ห้ควำมสุขและชวี ติ ท่มี คี ณุ คำ่ แก่ผู้อยู่อำศัยและผมู้ ำเยอื นในฐำนะ เมอื งทีน่ ำ่ อยู่และนำ่ ท่องเท่ียวในระดบั โลก) ตวั ชีว้ ัดควำมสำเร็จตำมเปำ้ หมำยกำรพัฒนำจงั หวดั เปำ้ หมำยกำรพัฒนำ ตัวชีว้ ัด คำ่ เปำ้ หมำย พ.ศ. 2561- 1. เศรษฐกจิ สมดลุ และ 1. มลู คำ่ ผลิตภณั ฑม์ วลรวม พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. 2564 จงั หวดั (GPP) / (รอ้ ยละ) 2561 2562 2563 2564 ขยำยตวั อย่ำง 3 ต่อเนอ่ื ง 2. รำยไดจ้ ำกกำรทอ่ งเทีย่ ว 2.4 2.6 2.8 3 86,570 จังหวัดเชยี งใหม่ / (ลำ้ นบำท) 83,570 94,570 95,570 86,570 5.94 2. สังคมน่ำอยู่ 3. รำยไดเ้ ฉลี่ยของครัวเรอื น 4.74 ประชำชนมีคณุ ภำพชวี ิต ในจงั หวัด/(รอ้ ยละ) 2.94 3.94 4.94 5.94 ท่ดี ี 2.1 ร้อยละของประชำกรที่ 6.24 5.74 5.24 4.74 0.79 อยใู่ ตเ้ ส้นควำมยำกจน (รอ้ ยละ) * 0.94 0.89 0.84 0.79 1.31 2.2 อตั รำกำรว่ำงงำน / (รอ้ ยละ)* 1.01 1.11 1.21 1.31 10 40 3.ทรัพยำกรธรรมชำติและ 3.1 อัตรำกำรเปลย่ี นแปลง 18 15 13 10 287 40 40 40 40 สง่ิ แวดลอ้ มไดร้ บั กำร ของพืน้ ที่ป่ำไมใ้ นจังหวัด/ 317 307 297 287 อนรุ ักษ์และฟ้นื ฟแู ละคง (ร้อยละ) อยอู่ ย่ำงย่ังยนื 3.2 จำนวนวันที่มคี ณุ ภำพ อำกำศเกินกว่ำเกณฑ์ มำตรฐำนทลี่ ดลง/ (วัน) 3.3 สดั ส่วนขยะ มูลฝอย ทีน่ ำกลบั มำใช้ใหม่ /(รอ้ ยละ) 3.4 สดั ส่วนปรมิ ำณกำรใช้ น้ำมนั เชอื้ เพลงิ เพ่ืยำนพำหนะ ตอ่ ประชำกร/(ลติ ร/คน)*

11 ค่ำเปำ้ หมำย เปำ้ หมำยกำรพัฒนำ ตัวชวี้ ดั พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. 2561 2562 2563 2564 2561- 2564 4. กำรบรหิ ำรจดั กำร 4.1 รอ้ ยละของระดับควำม 85 87 89 91 91 ภำครฐั มคี วำมทันสมัย พงึ พอใจของผู้รับบริกำร และมีธรรมำภิบำล 4.2 ร้อยละกำรเบกิ จ่ำย 85 87 89 91 91 งบประมำณของจงั หวดั ประเด็นกำรพฒั นำจงั หวัด ประเด็นกำรพัฒนำที่ 1 ส่งเสริมและพัฒนำกำรท่องเที่ยวและบริกำรสุขภำพ เชื่อมโยงชุมชนและ ทอ้ งถน่ิ วัตถุประสงค์ 1. เพอื่ สรำ้ งมูลคำ่ เพิม่ ทำงดำ้ นกำรทอ่ งเทีย่ วและบรกิ ำรสขุ ภำพ 2. เพอ่ื สร้ำงกำรเชื่อมโยงของธุรกจิ กำรท่องเท่ียวส่ชู มุ ชนและท้องถิน่ เปำ้ หมำยและตัวช้ีวัด 1. รำยไดจ้ ำกกำรท่องเทีย่ วจงั หวัดเพ่มิ ขนึ้ 2. จำนวนสถำนบรกิ ำรสุขภำพท่ีได้กำรรบั รองคุณภำพ HA/ (แห่ง) เพมิ่ ขนึ้ 3. อตั รำกำรเปลี่ยนแปลงของรำยไดเ้ ฉล่ียของคนครวั เรอื นในจังหวัดเพิ่มขนึ้ แนวทำงกำรพัฒนำ 1. ส่งเสรมิ และพัฒนำศักยภำพบคุ ลำกรและผปู้ ระกอบกำรด้ำนกำรท่องเทยี่ วและบริกำรสขุ ภำพ 2. ส่งเสรมิ และพฒั นำศักยภำพโครงสร้ำงพ้ืนฐำนและสิ่งอำนวยควำมสะดวกทำงกำรท่องเทีย่ ว และบรกิ ำรสขุ ภำพ 3. สง่ เสรมิ และพัฒนำศักยภำพของกจิ กรรมกำรทอ่ งเทย่ี วในชมุ ชนและทอ้ งถ่นิ เช่ือมโยงสู่ระดับสำกล 4. ส่งเสรมิ และเชอื่ มโยงกำรประชำสมั พนั ธ์และกำรตลำดทำงกำรท่องเทย่ี วและบรกิ ำรสุขภำพ ประเดน็ กำรพัฒนำที่ 2 : กำรส่งเสริมกำรเกษตร กำรผลิตสนิ คำ้ ชมุ ชน กำรค้ำ กำรลงทุน ส่สู ำกล วตั ถุประสงค์ 1. ยกระดับกำรผลิตสินคำ้ และบรกิ ำรให้มมี ลู คำ่ เพม่ิ สูงขึ้น 2. สร้ำงรำยได้จำกกำรจำหน่ำยสินค้ำและบริกำรในตลำดท่ีเหมำะสม

12 เปำ้ หมำยและตัวชี้วดั 1. อัตรำกำรขยำยตัวของมูลค่ำผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวดั (GPP) เพิ่มข้นึ 2. รำยไดจ้ ำกกำรจำหนำ่ ยสินคำ้ เกษตรและสนิ ค้ำชุมชน 3. รำยได้จำกกำรจำนำยสินค้ำผลติ ภณั ฑ์ชุมชน OTOP เพิ่มขึ้น แนวทำงกำรพฒั นำ 1. สง่ เสริมและพฒั นำศักยภำพเกษตรกร ผู้ประกอบกำรในกำรประกอบธรุ กจิ 2. ส่งเสริมและพัฒนำกำรใชเ้ ทคโนโลยแี ละนวตั กรรมในกำรยกระดบั กำรผลติ และกำรประกอบธรุ กจิ 3. ส่งเสริมและพัฒนำศักยภำพโครงสร้ำงพ้ืนฐำน และสิ่งอำนวยควำมสะดวกในกำรผลิต และกำร ประกอบธุรกิจ 4. สง่ เสริมและพัฒนำกำรเชอื่ มโยงกำรผลติ และกำรประกอบธุรกจิ สู่ระดับสำกล ประเดน็ กำรพัฒนำที่ 3 : กำรเสริมสร้ำงสังคมใหม้ ีคณุ ภำพ คงอตั ลกั ษณท์ ำงวัฒนธรรม วัตถุประสงค์ 1. พฒั นำคุณภำพชีวติ ของคนทกุ กลุ่มวัย 2. กำรสรำ้ งควำมเปน็ ธรรมลดควำมเหล่ือมลำ้ ทำงสงั คม เปำ้ หมำยและตัวช้ีวดั 1. รอ้ ยละของประชำกรทอ่ี ยใู่ ต้เส้นควำมยำกจนลดลง 2. คำ่ สมั ประสิทธก์ิ ำรกระจำยรำยได้ลดลง 3. คนอำยุ 15 – 60 ปี เตม็ มีอำชพี และมีรำยได้เพ่มิ ขนึ้ 4. อัตรำกำรวำ่ งงำนลดลง แนวทำงกำรพฒั นำ 1. พฒั นำสู่ศนู ยก์ ลำงกำรศกึ ษำของภูมภิ ำคด้วยควำมเปน็ เลิศดำ้ นกำรศึกษำ และกำรเรยี นรตู้ ลอดชีวิต 2. สง่ เสริมวัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญำทม่ี ีศกั ยภำพ ร่วมกบั เครือข่ำยด้ำนวฒั นธรรมทุกระดับ 3. ส่งเสริมคุณธรรม จติ สำธำรณะ และประชำรัฐ 4. เสรมิ สร้ำงควำมพรอ้ มกำรเข้ำสสู่ ังคมผสู้ งู อำยุอย่ำงมคี ุณภำพ 5. พฒั นำคุณภำพคนและสุขภำวะให้เหมำะสมตำมชว่ งวัย และควำมหลำกหลำยของประชำกร 6. ลดควำมเหลอื่ มล้ำของสังคม ตำมแนวทำงเศรษฐกิจพอเพียง ประเด็นกำรพัฒนำท่ี 4 : กำรส่งเสริมและพัฒนำทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม ให้สมบูรณ์ โดยใชเ้ ทคโนโลยีและนวตั กรรม วัตถปุ ระสงค์ 1. ป้องกันและฟื้นฟูทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมและสร้ำงระบบกำรอนุรักษ์ ทรพั ยำกรธรรมชำตอิ ย่ำงมสี ่วนร่วมในรูปแบบของเครอื ขำ่ ย 2. เพอื่ ใหป้ ระชำชนมีส่วนร่วมในกำรใชป้ ระโยชนแ์ ละแก้ไขปญั หำทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละส่ิงแวดล้อม 3. กำรสรำ้ งจติ สำนึกสำธำรณะ เพม่ิ พ้นื ที่สีเขยี ว 4. พฒั นำเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิม่ ประสิทธิภำพกำรจดั กำรของเสียและพลังงำน

13 เป้ำหมำยและตัวช้ีวดั 1. ปริมำณกำรใชพ้ ลงั งำนไฟฟ้ำลดลง 2. พ้ืนทปี่ ่ำอนุรักษเ์ พ่มิ ขนึ้ 3. จำนวนวันท่ีมคี ณุ ภำพอำกำศเกินกว่ำเกณฑม์ ำตรฐำนท่ลี ดลง 4. อัตรำกำรเปล่ยี นแปลงของพื้นทีป่ ่ำไม้ในจงั หวัดเพมิ่ ข้ึน 5. สดั สว่ นขยะมูลฝอยทน่ี ำกลบั มำใชใ้ หม่เพิ่มขึ้น แนวทำงกำรพัฒนำ 1. ป้องกนั ทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละฟ้ืนฟใู หอ้ ยใู่ นสภำพสมบูรณ์ สำมำรถอำนวยประโยชนไ์ ดท้ ้ังทำงตรง และทำงอ้อม 2. บริหำรจัดกำรส่ิงแวดล้อมที่เกิดมลพิษทำงน้ำ ดิน อำกำศ ขยะและของเสียอันตรำยให้มีคุณภำพดี ขึน้ และพร้อมในกำรรบั มอื กำรเปลีย่ นแปลงสภำพภูมิ อำกำศและภัยธรรมชำติ 3. ส่งเสรมิ ควำมเข้ำใจและจิตสำนกึ ของชุมชนในกำรอนุรักษ์ หวงแหน ลดข้อขัดแย้ง และใช้ประโยชน์ จำกทรัพยำกรอยำ่ งคมุ้ คำ่ ในรปู แบบเครือข่ำย 4. พัฒนำเทคโนโลยีนวัตกรรมและกำรเพ่ิมประสิทธิภำพกำรอนุรักษ์พลังงำน และกำรใช้พลังงำน ทดแทนให้เหมำะสมและยั่งยืน ประเด็นกำรพัฒนำที่ 5 : กำรเสริมสร้ำงควำมมั่นคง ควำมปลอดภัย และควำมสงบสุขของ ประชำชน วัตถปุ ระสงค์ 1. ชมุ ชนเข้มแข็ง สังคมเมืองปลอดภัยและสงบสขุ 2. พน้ื ทีช่ ำยแดนมีควำมม่ันคง สงบสขุ เปำ้ หมำยและตัวช้ีวดั 1. สดั ส่วนคดีอำชญำกรรม (ฐำนควำมผดิ เก่ยี วกบั ชวี ติ รำ่ งกำย และเพศ) ลดลง 2. สดั ส่วนคดอี ำชญำกรรม (ควำมผดิ เกย่ี วกับทรัพย์) ลดลง 3. อัตรำผ้เู สยี ชีวติ จำกอุบัตเิ หตุกำรจรำจรทำงบกลดลง 4. ร้อยละของคดียำเสพติดรำยสำคัญ (ฐำนข้อหำผลิตจำหน่ำย และครอบครองเพื่อจำหน่ำย) เปรยี บเทียบกับคดที ีจ่ บั กุมท้งั หมดลดลง 5. ร้อยละที่เพิ่มขึ้นของคดีกำรจับกุมกำรกระทำควำมผิดเก่ียวกับกำรค้ำมนุษย์และควำมผิด ที่เกีย่ วเน่ืองตำม พ.ร.บ.ปอ้ งกนั ปรำบปรำมกำรค้ำมนษุ ยพ์ .ศ.๒๕๕๑ แนวทำงกำรพฒั นำ 1. เพิ่มประสิทธิภำพด้ำนควำมมั่นคงภำยใน มุ่งเน้นกำรบูรณำกำรควำมร่วมมือของทุกภำคส่วน เพือ่ รับมือกบั ปัญหำภยั คกุ คำมดำ้ นควำมมนั่ คงทกุ รูปแบบ 2. เพิม่ ประสิทธิภำพและควำมพร้อมดำ้ นควำมมน่ั คงตำมแนวชำยแดน 3. ปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหำยำเสพตดิ โดยใชก้ ลไกประชำรฐั 4. เพ่ิมประสิทธิภำพและเตรียมควำมพร้อมเพื่อป้องกันและบรรเทำสำธำรณภัย โดยกำรมีส่วนร่วม ของชมุ ชน

14 ประเด็นกำรพัฒนำที่ 6 : กำรพัฒนำระบบบริหำรจัดกำรภำครัฐและกำรให้บริกำรประชำชนตำม หลกั ธรรมำภิบำล วัตถุประสงค์ 1. ประชำชนมคี วำมพงึ พอใจในกำรให้บรกิ ำรภำครฐั 2. กำรบริหำรภำครฐั ใหม้ ีประสทิ ธิภำพ เป้ำหมำยและตัวชี้วัด 1. ร้อยละควำมพึงพอใจของผูร้ บั บรกิ ำรเพ่ิมข้นึ 2. รอ้ ยละของกำรแกไ้ ขปัญหำควำมเดือดร้อนของประชำชนเพ่ิมขน้ึ 3. รอ้ ยละกำรเบกิ จำ่ ยงบประมำณของจังหวดั เพ่ิมข้นึ 4. ระดบั คุณธรรมและควำมโปรง่ ใสกำรดำเนนิ งำนของหนว่ ยงำน แนวทำงกำรพัฒนำ 1. สง่ เสรมิ และพัฒนำคุณภำพกำรให้บริกำรภำครัฐ 2. ส่งเสริมและพฒั นำกำรบริหำรงำนภำครฐั ใหม้ ีประสิทธภิ ำพ โปร่งใส ตรวจสอบได้

บทที่ 3 สถำนกำรณท์ ำงสงั คมจังหวดั เชยี งใหม่ สถำนกำรณ์ทำงสังคมจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี ๒๕๖๓ แยกเป็นสถำนกำรณ์เชิงกลุ่มเป้ำหมำย ได้แก่ เด็กและเยำวชน ครอบครัว คนพิกำร ผู้สูงอำยุ คนไร้ที่พึ่ง/คนขอทำน กลุ่มชำติพันธุ์ ผู้ประสบ ปัญหำทำงสังคม และผู้มีรำยได้น้อย สถำนกำรณ์เชิงประเด็น ได้แก่ ผู้เสียหำยจำกกำรค้ำมนุษย์ และ ผู้ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบจำกกำรใช้มำตรกำรป้องกันกำรแพร่ระบำดของโรคเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (COVID-19) ซึ่งมีรำยละเอียด ดังน้ี 3.1 สถำนกำรณเ์ ชงิ กลมุ่ เปำ้ หมำย 3.1.1 เดก็ ปฐมวัย จังหวัดเชียงใหม่มีเด็กปฐมวัย (0 – 5 ปี) จำนวน 94,804 คน คิดเป็นร้อยละ 5.85 ของ ประชำกรท้ังหมด ข้อมลู ของสำนกั งำนสำธำรณสุขจงั หวัดเชียงใหม่ ปี 2562 พบวำ่ มพี ัฒนำกำรล่ำช้ำ 28.5% เด็กแรกเกิดไดร้ ับสทิ ธิ์เงนิ อดุ หนุนเพอ่ื กำรเลยี้ งดเู ด็กแรกเกิด จำนวน 42,486 คน อำเภอที่มผี ู้ใช้สิทธิมำกทีส่ ุด 5 อำเภอ ดังน้ี (1) อมก๋อย จำนวน ๔,๑๒๓ คน (2) แม่แจ่ม จำนวน ๒,๖๗๖ คน (3) แมอ่ ำย จำนวน ๓,๑๙๕ คน (4) ฝำง จำนวน 2,๙๗๓ คน (5) เชียงดำว จำนวน 2,๖๗๖ คน ช่วงอำยขุ องแมเ่ ดก็ ทีล่ งทะเบียน คือ (๑) น้อยกว่ำ 20 ปี จำนวน 4,041 คน (๒) 20 – 25 ปี จำนวน 8,136 คน (3) 26 – 30 ปี จำนวน 6,898 คน (๔) 31 – 39 ปี จำนวน 7,133 คน (๕) มำกกว่ำ 40 ปี จำนวน 1,097 คน 3.1.2 เดก็ และเยำวชน 1) สถำนกำรณ์ทำงสังคมจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2562 พบว่ำ สถำนกำรณ์เด็ก (อำยุ 0 - 18 ปี) เป็นชำย จำนวน 166,038 คน หญิงจำนวน 157,541 คน รวม 323,579 คน และจำกกำรสำรวจปัญหำเด็กพบวำ่ เด็กมีพฤติกรรมไม่เหมำะสม จำนวน 26 คน เด็กที่ถกู กระทำควำมรุนแรง ในครอบครัว/ทำรุณกรรมทำงร่ำงกำย จิตใจ เพศ ท่ีมีกำรแจ้งเหตุ จำนวน 16 คน เด็กท่ีเป็นผู้กระทำควำม รุนแรงต่อผู้อื่น (เช่น ทำร้ำยบุคคลในครอบครัว เพ่ือน ผู้อื่น) และสถำนกำรณ์เยำวชน (อำยุ 19 - 25 ปี) เป็นชำย จำนวน 78,622 คน หญงิ 78,476 คน รวม 157,098 จำกกำรสำรวจ พบวำ่ พฤตกิ รรม ไมเ่ หมำะสม ของ เยำวชนมำกท่ีสุด ท้ังหมดจำนวน 92,069 โดยแยกเปน็ กำรสูบหร่ี จำนวน 82,631 คน และดื่มแอลกอฮอล์ จำนวน 9,438 คน ท่ีมำ : www.chiangmai.m-society.go.th สำนักงำนพัฒนำสังคมและควำมม่ันคงของ มนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ สภำเด็กและเยำวชน เป็นกลไกสำคัญ ในกำรเข้ำถึง เข้ำใจและพัฒนำกลุ่มปัญหำของ เด็กและเยำวชน โดยสภำเด็กและเยำวชนระดับตำบล/เทศบำล 210 แห่ง สภำเด็กและเยำวชนระดับอำเภอ 25 แหง่ สภำเด็กและเยำวชนจงั หวดั 1 แห่ง ครอบคลุมทุกพ้ืนทีใ่ นจงั หวดั เชยี งใหม่ ๒) ปัญหำกำรต้งั ครรภ์ในวัยรุ่น ข้อมูลของสำนักงำนสำธำรณสุขจังหวดั เชียงใหม่ ข้อมูลระบบ กำรเฝำ้ ระวงั อัตรำกำรคลอด มีชพี ในหญิง (สสจ.ชม.) ปี 2562 – 2563 พบวำ่ มีแมว่ ัยใส 1,122 คน แยก เปน็ 10 -14 ปี 49 คน อำยุ 15 – 19 ปี 1,073 คน อำเภออมกอ๋ ยมีแม่วยั ใสมำกสดุ โดยพนื้ ท่ี อำเภออม กอ๋ ย มีแม่วยั รุ่นมำกท่ีสุด จำนวน 58 คน รองลงมำเป็นอำเภอแม่แจ่ม จำนวน 27 คน อำเภอแม่อำย 26 คน อำเภอเชียงดำว 23 คน อำเภอฝำง 21 คน อำเภอแมร่ ิม 12 คน ตำมลำดบั อำเภอท่ีไม่มแี ม่วยั รุ่น คือ อำเภอ สันป่ำตองและอำเภอดอยหล่อ สำเหตุปัญหำกำรตั้งครรภ์ในวัยรุ่นเน่ืองจำกเด็กและเยำวชนขำดควำมรู้ ขำด กำรยับย้ังช่ังใจและไม่มีขอบเขตของกำรคบหำระหว่ำงเพศชำยและเพศหญิง กำรมีเพศสัมพันธ์คร้ังแรก ของ เด็กวัยรุ่นส่วนมำกไม่ได้ใช้เคร่ืองป้องกันทำงเพศ ครอบครัวที่ไม่มีเวลำในกำรดูแลบุตรหลำนขำดควำมอบอุ่น ขำดทักษะกำรดูแลบตุ รหลำนให้เหมำะสมตำมวยั

16 3.๑.๓ สถำนกำรณ์ครอบครัว ๑) ข้อมูลครอบครัว จังหวดั เชียงใหมม่ รี ูปแบบครอบครัวเดีย่ ว ครอบครวั เล้ียงเดยี่ ว ครอบครัว ข้ำมรุ่น ครอบครัวเพศเดียวกัน เพิ่มมำกข้ึน นอกจำกนี้สมำชิกในครอบครัวอำศัยอยู่ตำมลำพังคนเดียวมี แนวโน้มมำกขึ้น มีกำรแต่งงำนช้ำลง ถึงแตง่ งำนแลว้ ก็ไม่มีบตุ ร ครอบครวั ขยำยลดลง บำงครอบครวั สถำนะ พ่อ แม่แยกกันอยู่แต่ยังอำศัยอยูร่ ่วมกันเป็นครอบครวั ครอบครัวมุ่งประกอบอำชีพเป็นหลัก เน่ืองจำกมีรำยได้น้อย ยำกจน มีภำระหนี้สินมำก บำงครอบครัวเข้ำไปทำงำนในเมืองท้ิงให้ผู้สูงอำยุอยู่ตำมลำพัง และบำงครอบครัว ต้องทิ้งลูกหลำนให้ผู้สูงอำยุดูแล ทำให้เด็กมีพฤติกรรมไม่เหมำะสม ติดเกมส์ ติดโซเซียล มีพฤติกรรมก้ำวร้ำว ทำงคำพูด ครอบครัวไมอ่ ยู่พร้อมหน้ำพรอ้ มตำกัน ไม่มเี วลำสรำ้ งสัมพนั ธ์ระหว่ำงบุคคลในครอบครัว จึงสง่ ผลให้ มีปัญหำครอบครัวตำมมำหลำยประกำร จำกข้อมูลสถำนกำรณ์ทำงสังคมจังหวัดเชียงใหม่ ปี ๒๕๖๐ พบว่ำ ครอบครวั ทีม่ ีปัญหำ จำนวน 5,156 ครอบครัว โดยสำมำรถแบง่ สภำพปัญหำตำมระดับควำมรุนแรงของปัญหำ ไดด้ ังตอ่ ไปนี้ (๑) ครอบครวั หย่ำรำ้ งและตอ้ งเล้ียงลกู เพยี งลำพงั พ่อหรือแม่ (ร้อยละ 72.84) (๒) ครอบครัวท่ีหัวหนำ้ ครอบครัวมีพฤตกิ รรมไม่เหมำะสม (ร้อยละ 9.92) (๓) ครอบครัวทไี่ ม่เลี้ยงดหู รือทอดท้ิงบุพกำรี (รอ้ ยละ 9.75) (๔) ครอบครัวที่กระทำควำมรุนแรงหรือก่อควำมรุนแรงต่อสมำชิกในครอบครัว (รอ้ ยละ 7.48) ๒) ควำมรุนแรงในครอบครัว มีแนวโน้มสูงขึ้น (ข้อมูลศูนย์ปฏิบัติกำรเพื่อป้องกันกำรกระทำ ควำมรุนแรงในครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่) สถิติในปี 2560 จำนวน 25 เหตุกำรณ์ ปี 2561 จำนวน 41 เหตุกำรณ์ ปี 2562 จำนวน 43 เหตุกำรณ์ และช่วงเดือนมกรำคม 2563 - มิถุนำยน 2563 จำนวน 33 เหตุกำรณ์ แจ้งควำมร้องทุกข์ดำเนินคดี 9 รำย และไกล่เกล่ยี ไมป่ ระสงค์ดำเนินคดี 24 รำย เป็นควำมสมั พันธ์ ระหว่ำงสำมี-ภรรยำ จำนวน 18 เหตุกำรณ์ รองลงมำเป็นควำมสัมพันธ์ระหว่ำง พ่อแม่-บุตร จำนวน 9 เหตุกำรณ์ ลักษณะเป็นกำรทำร้ำยร่ำงกำย จำนวน 27 เหตุกำรณ์ สำเหตุส่วนใหญ่มำจำกกำรใช้สุรำ-สำรเสพ ติด นอกใจ-หึงหวง สุขภำพจิต เศรษฐกิจ และอ่ืน ๆ ตำมลำดับ กระบวนกำรทำงำน คือ รับเรื่องรำวร้องทุกข์ ลงพ้ืนเยี่ยมบ้ำนและสอบข้อเท็จจริง ประชุมทีมสหวิชำทีมเพื่อหำแนวทำง กำรช่วยเหลือ แจ้งควำมร้องทุกข์ ดำเนินคด/ี ไกล่เกล่ีย ส่งตัวเข้ำรับกำรตรวจรักษำร่ำงกำย/จิตใจ และนำเข้ำคุ้มครองสวัสดิภำพ และดำเนินกำร ขบั เคล่อื นเครอื ขำ่ ยผปู้ ฏิบัติงำนเพอื่ สนบั สนุนกำรดำเนินงำนด้ำนควำมรุนแรงในพ้ืนท่ี มีกลไกในระดับพน้ื ที่เพื่อ สนับสนุนกำรทำงำนด้ำนควำมรุนแรงในครอบครัว ช่วยเหลือเบ้ืองต้นและเป็นกลไกในกำรติดตำมกำรให้ควำม ชว่ ยเหลือ โดยมีพื้นที่นำร่องจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติกำรเพื่อป้องกันกำรกระทำควำมรุนแรงในครอบครัวระดับตำบล (ศปก.ต.) จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ ศปก.ต. ป่ำตมุ้ ศปก.ต. จอมทอง ศปก.ต. บ้ำนแหวน ศปก.ต. หนองผึง้ ศปก.ต. ศรี ดงเย็น ในปี ๒๕๖๓ เปิดรับสมัคร ศพค. ที่มีควำมพร้อมจัดตั้งศูนย์ ศปก.ต. เพิ่ม อีก 11 แห่ง และได้มีกำร ขับเคล่ือนกิจกรรมพัฒนำศักยภำพคณะทำงำน สำรวจข้อมูลชุมชน กิจกรรมเก่ียวกับกำรป้องกันควำมรุนแรง ตอ่ เด็ก สตรี และบุคคลในครอบครวั อย่ำงต่อเน่ือง ๓.๑.๔ สถำนกำรณ์สงู อำยุ จังหวัดเชียงใหม่มีประชำกรผู้สูงอำยุ จำนวน 333,692 คน ชำย 149,919 คน หญิง 183,773 คน คิดเป็นร้อยละ 20.62 ของประชำกรท้ังหมด เป็นลำดับ ๓ ของประเทศ รองจำก กรุงเทพมหำนคร และจังหวัดนครรำชสีมำ มีผู้สงู อำยุพิกำร จำนวน 27,717 คน ผู้สูงอำยุท่ีมอี ำยุ 100 ปีขึ้น ไป จำนวน 803 คน ท้ังน้ียังพบว่ำ ผู้สูงอำยุมีรำยได้ต่ำกว่ำเส้นควำมยำกจน จำนวน 91,373 คน อยู่ตำม ลำพังเพิ่มมำกขึ้น เป็นผู้สูงอำยุป่วยเรื้อรัง และติดเตียง จำนวน 7,381 คน และประสบปัญหำทำงสังคม 15,736 คน ข้อมูลจำกสำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้คัดกรองกลุ่มผู้สูงอำยุ จำนวน 122 ,829

17 คน แบ่งเป็นผู้สูงอำยุกลุ่มติดเตียง จำนวน 865 คน คิดเป็น 0.70 % ผู้สูงอำยุกลุ่มติดบ้ำน จำนวน 2,877 คน คิดเป็น 2.34 % และผู้สูงอำยุกลุ่มติดสังคม จำนวน 119,087 คน คิดเป็น 96.95 % และข้อมูลจำก ตรวจคนเข้ำเมืองจังหวัดเชียงใหม่ พบว่ำมีผู้สูงอำยุชำวต่ำงประเทศขออยู่ต่อประเภทใช้ชีวิตบ้ันปลำย จำนวน 6,020 คน 5 สญั ชำติอนั ดับสูงสดุ ไดแ้ ก่ อเมริกัน 1,288 คน ญีป่ นุ่ 828 คน บริติช 671 คน จีน 556 คน และฝรั่งเศส 386 คน 3.1.5 สถำนกำรณ์คนพกิ ำร จงั หวัดเชียงใหม่มีคนพิกำร จำนวน ๕1,342 คน คิดเป็นร้อยละ 3.17 ของประชำกรท้ังหมด (คิดจำกประชำกรสัญชำติไทยและอยู่ในทะเบียนบ้ำน 1,617,837 คน) แยกเป็นชำย จำนวน 27,485 คน หญิง จำนวน 23,857 คน (ข้อมูลวันที่ 31 สิงหำคม 2563) มำกท่ีสุดเป็นอันดับหนึ่งของภำคเหนือ รำยละเอยี ดข้อมลู ดงั นี้ ๑) ประเภทควำมพิกำร ๓ ลำดับแรก คือ (๑) กำรเคลื่อนไหวหรือร่ำงกำย 24,107 คน (๒) กำรไดย้ ินหรือสื่อควำมหมำย 13,723 คน (๓) จิตใจหรอื พฤติกรรม 3,413 คน ๒) สำเหตคุ วำมพกิ ำร ๓ ลำดับแรก คอื (๑) ไม่ระบุ 34,329 คน (๒) ภำวะเจบ็ ปว่ ย 5,813 คน (๓) โรคอน่ื ๆ 4,62 คน ๓) กำรศึกษำ ๓ ลำดับ คอื (๑) ประถมศึกษำ 18,512 คน (๒) มธั ยมศึกษำ 4,314 คน (๓) อำยุถึงเกณฑ์แตไ่ มไ่ ดเ้ รยี น 1,210 คน ๔) ด้ำนอำชีพ ๓ ลำดับ คือ (๑) รับจำ้ งท่ัวไป 3,526 คน (๒) เกษตรกรรม 2,170 คน (๓) ไมไ่ ด้ ประกอบอำชพี 1,880 คน ๕) สำเหตคุ วำมพกิ ำร ๓ ลำดับ คือ (๑) ภำวะเจบ็ ป่วย 6,235 คน (๒) โรคอน่ื ๆ 5,454 คน (๓) อุบัตเิ หตุ 2,099 คน ๖) คนพิกำรจำแนกรำยอำเภอ 3 ลำดับ คือ (๑) เมืองเชียงใหม่ 4,591 คน (๒) สันป่ำตอง 3,307 คน (๓) สันทรำย 3,210 คน อำเภอกลั ป์ยำณวิ ฒั นำน้อยสดุ 213 คน นอกจำกน้ขี ้อมลู คนพิกำร พบว่ำ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอำยุ มีจำนวน 30,506 คน ซึ่งไม่มอี ำชีพ ไม่มีรำยได้ และบำงส่วนไมม่ ีผู้ดูแล คนพิกำรบำงส่วนมีขอ้ จำกดั ในกำรเข้ำถงึ สิทธิสวัสดิกำรคนพิกำรโดยเฉพำะ คนพิกำรที่อยู่บนพ้ืนที่สูง เช่น กำรกู้ยืมเงินเพ่ือประกอบอำชีพของคนพิกำร กำรส่งเสริมกำรรวมกลุ่มเพ่ือ ประกอบอำชีพคนพิกำรและไมม่ บี ัตรสวสั ดิกำรแห่งรัฐ 24,708 คน

18 3.1.6 สถำนกำรณ์คนไรท้ ่ีพึ่ง/ผู้ทำกำรขอทำน ขอ้ มลู คนไร้ท่ี/ผู้ทำกำรขอทำนในจงั หวัดเชียงใหม่ ในปี 2563 มีจำนวนทัง้ สิน้ 182 คน แยก เป็น คนไรท้ ่ีพง่ึ 181 คน เป็น ชำย 139 คน หญงิ 42 คน ผู้ทำกำรขอทำนเป็นชำย จำนวน 1 คน สถิติคนไร้ทีพ่ ่งึ /ผทู้ ำกำรขอทำน ปี พ.ศ. 2558 – 2563 ปี คนไร้ท่ีพ่งึ ผู้ทำกำรขอทำน รวม รวมทั้งส้นิ ชำย หญงิ ชำย หญิง ชำย หญงิ 2558 34 14 16 16 50 30 80 2559 133 39 9 10 142 49 191 2560 135 65 20 28 155 93 248 2561 121 55 13 22 134 77 211 2562 101 38 8 8 109 46 155 2563 139 42 1 0 140 42 182 สถติ ิคนไร้ทพ่ี ่ึง/ผู้ทำกำรขอทำน ปี พ.ศ. 2558 – 2563 142 155 134 109 140 49 93 77 46 42 40 30 2558 2559 2560 2561 2562 2563 ชำย หญงิ ในปี พ.ศ. 2563 คนไร้ที่/ผู้ทำกำรขอทำน ในจังหวดั เชียงใหม่ มที ้งั สน้ิ 182 คน ศูนย์คมุ้ ครองคนไร้ท่ี พึ่งจังหวัดเชียงใหม่ ได้ให้ควำมรู้และคำแนะนำ จำนวน 182 คน ส่งกลับคืนสู่ครอบครัวจำนวน 112 คน ส่งสมัครเข้ำรับกำรทำงำน/ฝึกอำชีพ จำนวน 22 คน ส่งต่อเข้ำรับกำรรักษำพยำบำล จำนวน 39 คน ส่งเข้ำ หน่วยงำน พม. (สถำนคมุ้ ครองคนไรท้ ่พี ่งึ สนั มหำพนจงั หวดั เชียงใหม)่ จำนวน 9 คน

19 3.1.7 สถำนกำรณ์กลมุ่ ชำติพนั ธ์ุ ๑) ข้อมูลกลุ่มชำติพันธุ์ในจังหวัดเชียงใหม่ ประชำกรกลุ่มชำติพันธ์ุ จำนวน 349,118 คน เป็นชำย 174,557 คน หญงิ 174561 คน คิดเป็นร้อยละ 21.58 ของประชำกรทั้งหมด โดยแยกเปน็ กลมุ่ ชำตพิ นั ธุ์ดังน้ี จำนวนประชำกรมำกสดุ กะเหรี่ยง จำนวน 146,435 คน รองลงมำ ลำหู่ จำนวน 46,390 คน และ ม้ง จำนวน 26,964 คน ลซี ู จำนวน 20,178 คน อำข่ำ จำนวน 9,875 คน ลวั ะ จำนวน 2,253 คน และจำนวนทีม่ ปี ระชำกรน้อยสุด เมย่ี น จำนวน 1,149 คน (ไมร่ ะบุชำตพิ นั ธ์ุ จำนวน 95,590 คน) ๒) สภำพปัญหำ และศักยภำพของชุมชน กลุ่มชำติพันธ์ุ อำศัยอยู่ใน 14 อำเภอ 70 ตำบล 495 หมู่บ้ำนหลัก 11,89 กลุ่มบ้ำน จำนวนครัวเรือน 78,120 ครัวเรือน จำนวนครอบครัว 84,872 ครอบครัว ประชำกรกลุ่มชำติพันธ์ุ จำนวน 349,118 คน มีสัญชำติไทย 318,715 คน ไม่มีสัญชำติ จำนวน 30,403 คน เป็นคนพิกำร 1,733 คน เป็นผู้สูงอำยุ 6,184 คน เป็นผู้อยู่ในภำวะยำกลำบำก จำนวน 14,062 คน ส่วนใหญ่จบกำรศึกษำระดับ ประถมศึกษำตอนปลำย (ป.6) อำชีพหลักเป็นเกษตรกรรม รำยได้ เฉลี่ย 18,000/ปี มีคณุ ภำพชวี ติ ท่ีตำกวำ่ มำตรฐำนตง้ั ถิน่ ฐำนอยใู่ นเขตป่ำสงวนแห่งชำต/ิ อทุ ยำนแห่งชำติ ขำด ควำมรู้ในกำรดำรงชวี ิตทีเ่ หมำะสม ข้อมูล กะเหรี่ยง ลาหู่ ม้ง ลซี ู อาข่า ลวั ะ เมี่ยง อ่ืนๆ รวม พื้นฐาน จานวน 146,435 46,390 26,964 20,178 9,875 2,537 1,149 95,590 349,118 (คน) ๓.๑.๘ สถำนกำรณ์ผ้ปู ระสบปญั หำทำงสงั คม ๑) ระบบแผนท่ีทำงสังคม (Social Map) 2561 มีผู้ประสบปัญหำในครัวเรือน จำนวน 26,498 ครัวเรือน ผู้ประสบปัญหำทำงสังคม จำนวน 35,128 คน เป็น ผู้สงู อำยุ จำนวน 15,736 คน เด็ก และเยำวชน จำนวน 3,783 คน คนพิกำร จำนวน 782 คน ควำมต้องกำร (1) เงินสงเครำะห์ จำนวน 25,156 คน (2) เงินทุนประกอบอำชีพ จำนวน 10,171 คน (3) ฝึกอำชีพ จำนวน 2,252 คน มีผู้ประสบ ปญั หำทำงสังคมดำ้ นท่ีอยอู่ ำศัย 2,009 คน แยกเป็น เด็ก (1 – 18 ปี) จำนวน 7 รำย วยั แรงงำน (19 – 59 ปี) จำนวน 657 รำย ผู้พิกำร จำนวน 434 รำย (เคลื่อนไหว 226 รำย สติปัญญำ 82 รำย กำรได้ยิน 72 รำย) ผู้สูงอำยุ (60 – 101 ปี) จำนวน 911 รำย อำเภอที่มีผู้ประสบปัญหำด้ำนท่ีอยู่อำศัยมำกที่สุด คือ (๑) สำรภี (๒) ดอยสะเก็ด (๓) จอมทอง ตำมลำดับ ๒) ขอ้ มูลกำรให้ควำมช่วยเหลือผปู้ ระสบปัญหำทำงสังคม (เงนิ อุดหนุน) ปงี บประมำณ 2563 (๑) ระบบฐำนข้อมูลผู้ประสบปัญหำทำงสังคมกรณีฉุกเฉิน ได้แก่ (๑) เงินช่วยเหลือ ผู้ประสบปัญหำทำงสังคมกรณีฉุกเฉิน สป. (๒) เงินสงเครำะห์และฟ้ืนฟูสมรรถภำพคนพิกำร พก. จำนวน 1,163 รำย (๒) ระบบเงินสงเครำะหผ์ ู้สูงอำยใุ นภำวะยำกลำบำก จำนวน 284 รำย (๓) ระบบเงนิ สงเครำะหจ์ ัดกำรศพผสู้ ูงอำยุตำมประเพณี จำนวน 103 รำย (๔) ระบบผู้ประสบปัญหำทำงสังคม พส. ได้แก่ (๑) เงนิ สงเครำะหผ์ ้มู รี ำยไดน้ ้อยและ ผู้ไรท้ ี่พงึ่ จำนวน 1,532 รำย (๒) เงนิ สงเครำะห์คนไทยตกทกุ ข์ไดย้ ำกในประเทศ กลับภมู ลิ ำเนำเดิม จำนวน 34 รำย

20 (๕) ระบบบรกิ ำรทำงสงั คม ดย. ได้แก่ (๑) เงนิ ช่วยเหลือค่ำเล้ยี งดูในครอบครวั อุปถมั ภ์ จำนวน 73 รำย (๒) เงนิ สงเครำะหเ์ ด็กในครอบครวั ยำกจน จำนวน 2,686 รำย (๖) สงเครำะห์ครอบครัวเพ่ือชว่ ยเหลือผไู้ ด้รับผลกระทบจำกสถำนกำรณ์ Covid – 19 จำนวน 1,000 รำย (๗) ชว่ ยเหลอื เยียวยำและชดเชยให้ประชำชน (กลุ่มเปรำะบำง) ผู้สูงอำยุ 321 รำย เด็กแรกเกดิ จำนวน 9 รำย (๘) เงนิ ชว่ ยเหลอื คนพิกำรจำกสถำนกำรณ์ Covid-19 จำนวน 360 รำย ๓.๑.๙ สถำนกำรณ์ผู้มรี ำยไดน้ ้อย (๑) บัตรสวัสดิกำรแห่งรฐั ในปี 2561 จำนวน 433,242 คน เพิ่มขึ้นจำกปี 2559 - 2560 จำนวน 80,009 คน พื้นที่ท่ีมีบัตรมำกที่สุด (1) อำเภอแมแ่ จ่ม จำนวน 28,583 คน (2) อำเภอฝำง จำนวน 26,041 คน (3) อำเภอจอมทอง จำนวน 25,784 คน (๒) ข้อมูลควำมจำเป็นพื้นฐำน (จปฐ.) ปี 2562 ท่ีตกเกณฑ์ หมวดที่ 4 กำรมีงำนทำและ รำยได้ คือ อำยุ 15 – 59 ปี มีอำชีพและรำยได้ จำนวน 4,316 คน อำยุ 60 ปีข้ึนไป มีอำชีพและรำยได้ จำนวน 14,955 คน รำยได้เฉล่ียของคนในครัวเรือนต่อปี จำนวน 412 ครัวเรือน ครัวเรือนมีกำรเก็บ ออม เงิน จำนวน 12,331 ครัวเรือน หมวดที่ 5 ค่ำนิยม คนในครัวเรือนไม่ดื่มสุรำ จำนวน 73,773 คน คนใน ครัวเรือนไม่สบู บหุ รี่ จำนวน 43,887 คน ครอบครวั มีควำมอบอุ่น จำนวน 807 ครวั เรือน 3.2 สถำนกำรณ์เชิงประเดน็ 3.2.1 สถำนกำรณ์ผเู้ สยี หำยจำกกำรคำ้ มนุษย์ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดต้นทำง ทำงผ่ำน และปลำยทำงของกำรค้ำมนุษย์ มีรูปแบบ กำรคำ้ มนุษย์ ได้แก่ (๑) กำรค้ำประเวณี อำยุต่ำกว่ำ 18 ปี นำยหน้ำเป็นรุ่นพี่ และเพื่อนชักชวนผ่ำนช่องทำงส่ือ ออนไลน์ บำงกรณีเปิดเป็นร้ำนคำรำโอเกะ/ร้ำนนวดบังหน้ำ แอบแฝงบังคับให้เด็กสำวร่วมประเวณีกับลูกค้ำท่ีใช้ บริกำร มีกำรโฆษณำผำ่ นสื่อออนไลน์ พบในพน้ื ทีอ่ ำเภอเมืองเชยี งใหม่ และอำเภอ สนั กำแพง (๒) ด้ำนแรงงำน มีกำรลักลอบขนแรงงำนต่ำงด้ำวจำกประเทศเมียนมำร์ กักขัง บังคับใช้ แรงงำนในภำคเกษตรกรรม (ไร่สตรอเบอร)ี่ ไม่ไดค้ ำ่ จ้ำงตำมท่ีตกลงกนั จ่ำยค่ำจำ้ งเปน็ รำยปี เกิดในพืน้ ทีอ่ ำเภอ กลั ยำณวิ ัฒนำ (๓) กำรนำคนมำขอทำน มีกลุ่มคนต่ำงด้ำวได้นำเด็ก/เช่ำเด็ก อำยุ 8 เดือน ถึง 7 ปี มำน่ัง ขอทำนตำมตลำดนัด และสถำนท่ีท่องเที่ยวต่ำง ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ มีลักษณะกำรเวียนเด็กมำน่ังขอทำน ทำใหผ้ ูอ้ ืน่ เกดิ ควำมสงสำรและส่งมอบเงินหรอื ทรัพยส์ นิ ให้

21 สถติ ิคดีกำรค้ำมนษุ ย์ ปี 2559 - 2563 ประเภทคดี (จำนวนคด)ี ปี พ.ศ. คำ้ แรง ขอ รปู แบ ผลิต/ กำรขูดรดี รวม ประเวณี งำน ทำน บอน่ื เผยแพร่สอื่ บคุ คล 21 ลำมก - 28 - 20 2559 15 3 - 2 1 1 13 - 16 2560 26 1 - 1 - - 98 1 2561 16 2 - 1 - 2562 2 7 22 - 2563 5 7 22 - รวม 64 20 4 8 1 ผเู้ สียหำยจำกกำรค้ำมนษุ ย์ ปี 2559 – 2563 ประเภทคดี (จำนวนคน) ปี พ.ศ. ค้ำ แรง ขอ รปู แบ ผลติ / กำรขดู รีด ประเวณี งำน ทำน บอน่ื เผยแพรส่ อ่ื บคุ คล รวม ลำมก 2559 13 3 - 4 9 - 29 2560 9 1 - 1 - - 11 2 29 2561 15 7 - 5 - - 89 - 94 2562 5 75 5 4 - 2 252 2563 10 75 5 4 - รวม 52 161 10 18 9 3.2.2 สถำนกำรณณ์กำรแพรร่ ะบำดของโรคตดิ เชือ้ ไวรัสโคโรนำ 2019 (COVID-19) จำกกำรแพร่ระบำดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังส่งผลกระทบไปทั่วโลกเป็นวงกว้ำง ส่งผลให้ เกิดผู้ป่วยและเสียชีวิตเป็นจำนวนมำก ยังรวมไปถึงกำรชะงักของอุตสำหกรรมท่องเที่ยวและอุตสำหกรรม ทีเ่ ก่ียวเนื่อง ทัง้ ด้ำนกำรค้ำและกำรลงทุนทัง้ ภำยในประเทศและระหวำ่ งประเทศ กำรปดิ ประเทศ ทำใหเ้ กิดกำร ถดถอยทำงเศรษฐกิจอย่ำงรุนแรทำให้เข้ำสู่วิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งมีท่ีมำจำกวิกฤตสุขภำพ จำกกำรคำดกำร เศรษฐกิจไทย คำดว่ำ ปี 2563 GOP จะติดลบและขยำยตวั ต่ำที่สุดในช่วงไตรมำส 2 ของปี โดยเฉพำะท่ีต้อง พึ่งพำกำรนำเข้ำจำกประเทศจีน เพระประเทศกำลังพัฒนำอย่ำงไทยท่ีระบบเศรษฐกิจจำต้องพึ่งพำกำรค้ำ ระหว่ำงประเทศเป็นสำคัญ ทำให้เกิดกำรถดถอย สูญเสียขีดควำมสำมำรถในกำรแข่งขันและกำรเจริญเติบโต ทำงเศรษฐกิจในระยะยำวซึง่ ส่งผลกระทบไปสู่ทกุ ภำคส่วน

22 รวมไปถึงกำรท่ีประชำชนจะต้องเสียค่ำใช้จ่ำยกับกำรป้องกันกำรติดเชื้อหรือกำรมีผู้เจ็บป่วย จำกกำรติดเชื้อจำนวนมำก มำสู่ค่ำใช้จ่ำยในกำรรักษำและเสียชีวิต กระทบไปถึงข้อจำกัดในกำรจัดสรร ทรัพยำกรด้ำนสำธำรณสุขของประเทศ ทั้งทำงต้ำนกำลังคน งบประมำณ สถำนที่ และอุปกรณ์ทำงกำรแพทย์ ขอ้ จำกัดน้สี ่งผลทำให้เกิดควำมเหลอื มล้ำในกำรเขำ้ ถึงระบบสำธำรณสุข โดยเฉพำะผู้มรี ำยได้น้อย ท่ีไม่สำมำรถ เข้ำถงึ บริกำรต้ำนสำธำรณสุข กำรตรวจโรค ซึ่งอำจจะส่งผลต่อกำรเสียชีวิตตำมมำได้ ผลจำกกำรกักตัวอยู่บ้ำน กำรว่ำงงำนตกงำน ทำให้ขำดรำยได้ มีหน้ีสินเพ่ิมข้ึน โดยเฉพำะครอบครัวท่ีมีควำมไม่มั่นคงทำงเศรษฐกิจเป็น แรงงำนนอกระบบ ทำงำนหำเช้ำกินคำ่ ส่งผลต่อเนื่องไปสู่ระดับควำมยำกจนและควำมเหล่ือมล้ำที่จะเพิ่มสูงขึ้น ได้ ทำใหเ้ กดิ ควำมเครียด/ปญั หำสุขภำพจติ กล่มุ เปำ้ หมำยที่ไดร้ บั ผลกระทบ 1. แรงงำนในระบบ หยุดงำนโดยไม่ได้รับเงินเดือน/ถูกเลิกจ้ำง/ปรบั อัตรำเงินเดือน ต้องหยุด ประกอบอำชพี อสิ ระเพ่อื กักตวั มีรำยไดล้ ดลงไมส่ ำมำรถชำระหน้ีได้ และมีหน้สี นิ เพมิ่ ข้นึ 2. แรงงำนนอกระบบ รวมถึงกำรทำงำนอิสระและกำรทำงำนไม่เต็มเวลำ ถูกเลิกจ้ำงหรือพัก งำน หยุดงำน หยุดประกอบอำชีพอิสระโดยไม่มีหลักประกันเพ่ือชดเชยรำยได้ยำมว่ำงงำน/เจ็บป่วย จึงต้อง เคล่ือนย้ำยไปต่ำงจังหวัด ไม่มีรำยได้ในแต่ละวันมีหนี้สินเพ่ิมขึ้นโดยเฉพำะหนี้นอกระบบ ผู้ว่ำงงำนในชนบท/ กลับเข้ำสู่ตลำดงำนยำก เนื่องจำกทักษะท่ีไม่สอดคล้องกับควำมต้องกำร และเป็นกลุ่มท่ีมีระดับกำรศึกษำ คอ่ นข้ำงต่ำ ธรุ กจิ บำงชนดิ ล่มสลำยจำกพฤตกิ รรมกำรใช้ชีวติ และกำรทำงำนทเี่ ปลยี่ นแปลงไป 3. คนจนเมือง มีควำมเสี่ยงต่อกำรติดและแพร่กระจำยโรคให้แก่คนในครอบครัวและผู้อื่น เน่ืองจำกจำเป็นต้องออกไปข้ำงนอกท่ีพักเพื่อหำรำยได้ แต่เข้ำไม่ถึงอุปกรณ์กำรป้องกันท่ีมีคุณภำพ และท่ีพัก อำศัยไม่เหมำะกับกำรกักตัวสำเหตุหลักจำกควำมยำกจน มีท่ีพักอำศัยไม่เป็นสัดส่วน สภำพแวดล้อมไม่เอื้อต่อ กำรเวน้ ระยะหำ่ งทำงกำยภำพ (Physical distancing) หรอื กักตัวเพ่อื สงั เกตอำกำร 4. เกษตรกร ท่ีมีสัดส่วนคนจนสูงท่ีสุดส่วนใหญ่เป็นแรงงำนนอกระบบ จะมีรำยได้และ ควำมสำมำรถในกำรใช้จ่ำยลดลงกว่ำเดิม อำจส่งผลต่อสัดส่วนคนจน/ควำมเหล่ือมล้ำของไทยให้สูงข้ึน นอกจำกน้ันเกษตรกรยังต้องเผชิญกับปัญหำภัยแล้งท่ีจะยำวนำนถึงเดือน มิถุนำยน 2563 ทำให้ผลผลิต กำรเกษตรลดน้อยลง มีรำคำสูงและจำหน่ำยได้ยำกเนื่องจำกประชำชนมีกำลังซ้ือลดลง จำกกำรไม่สำมำรถ ส่งออกสินค้ำได้ ทง้ั ควำมตอ้ งกำรบริโภคภำยนอก/ภำยในประเทศลดลง 5. บัณฑิตจบใหม่ อัตรำว่ำงงำนแฝงจะเพิ่มข้ึนต่อเนื่อง รวมถึงอำจเกิดปัญหำกำรแย่งงำน ระหว่ำงแรงงำนที่ได้รับผลกระทบจำกกำรจ้ำงงำนอยู่เดิม จำกสถำนประกอบกำร/ธุรกิจที่ปิดตัว ตำแหน่งงำน ลดลง 6. ผู้สูงอำยุ ที่ไม่สำมำรถใช้จ่ำยเงินท่ีจำเป็นต่อกำรดูแลสุขภำพและกำรดูแลบุตรหลำน โดยเฉพำะในครอบครัวข้ำมรุ่น ส่งผลต่อควำมยำกจน และคุณภำพชีวิตของผู้สูงอำยุและระดับพัฒนำกำรของ เด็ก ทำให้เกิดปัญหำสุขภำพจิต/กำยซึ่งเป็นผลจำกกำรต้องอยู่แต่ในท่ีพัก และอำจทำให้ผู้สูงอำยุอยู่ในภำวะ พ่ึงพิงมำกขึ้น มีอุปสรรคในกำรเข้ำถึงบริกำรสุขภำพทรี่ วดเร็วและมีควำมเสี่ยงในกำรติดโรค หำกขำดเครื่องมือ ปอ้ งกนั ท่ีเหมำะสม 7. เด็ก มีผลต่อทุพโภชนำกำร/กำรหยุดเรียนกลำงคัน (School dropout) ส่งผลต่อกำร พัฒนำศักยภำพของเด็กและกำรพัฒนำคนในช่วงวัยต่อไปอำจเกิดควำมรุนแรงในครอบครัว อำชญำกรรมกำร ฆ่ำตัวตำย ซ่ึงสำเหตุหลักมำจำกครอบครัวขำดรำยได้/รำยได้ลดลง เกิดข้อจำกัดในกำรใช้จ่ำยเพื่อเล้ียงดู เด็ก รวมถงึ ควำมเครยี ดในครอบครัวศนู ย์ดูแลเด็กพน้ื ท่ีสำหรับกำรเรียนรู้ถกู ปิดบริกำร

23 8. คนไร้บ้ำน ส่งผลถงึ เรื่องกำรป้องกนั สอบสวนและควบคมุ โรคในกลุ่มเป็นไปไดย้ ำกเนื่องจำก กำรให้บรกิ ำรจำกดั อยใู่ นโรงพยำบำลทำใหเ้ สี่ยงตอ่ กำรจะเป็นผู้ป่วยและแพรก่ ระจำยโรคไปยังผู้อืน่ เน่อื งจำกไม่ มที อี่ ยอู่ ำศัยเป็นหลกั แหลง่ ขำดสุขอนำมัยและควำมรู้ในกำรดแู ลตนเองใช้ชีวิตอยู่บนควำมเสี่ยงเป็นทนุ เดิมจึงไม่ ตระหนักในกำรป้องกนั โรค ไม่มสี ิทธิหลกั ประกันสขุ ภำพถว้ นหน้ำและเข้ำไม่ถึงบริกำรสขุ ภำพเนื่องจำกไม่มีบตั ร ประชำชน 9. คนพิกำร สถำนที่ท่ีปิดให้บริกำรส่วนใหญ่เป็นสถำนที่ท่ีคนพิกำรประกอบอำชีพทำให้คน พิกำรขำดรำยได้ กำรเว้นระยะห่ำงทำงกำยภำพ/กำรแยกตัว ยงั เป็นอุปสรรคกับคนพิกำรโดยเฉพำะกลุ่มที่ต้อง พ่งึ พิงผู้อนื่ ในกำรดแู ลชวี ิตประจำวัน ไม่สำมำรถขำ้ ถึงบรกิ ำรด้ำนสำธำรณสขุ เวชภัณฑ์ และบรกิ ำรตำ่ งๆ รวมถึง ข้อมูลกำรป้องกันโรคโควิด-19 ท่ีมีควำมเหมำะสมกับประเภทควำมพิกำร เนื่องจำกข้อจำกัดทำงร่ำงกำยและ สุขภำพและ พรก.กำรบรหิ ำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉกุ เฉินทำให้คนพิกำรต้องทำงำนทีบ่ ำ้ น 10. คนต่ำงด้ำว ที่ไม่สำมำรถเดินทำงกลับไปยังประเทศบ้ำนเกิดได้ แต่ไม่มีงำนทำจึงขำด รำยได้ ไม่มีเงินชดเชย ในกำรใช้จ่ำย/ค่ำที่พัก/บริกำรทำงกำรแพทย์ และท่ีพักอำศัยไม่เหมำะสมกับกำรกักตัว จำกกำรเข้ำไม่ถึงบริกำรสำธำรณสุขท้ังในเชิงกำรให้ควำมรู้ ป้องกันและรักษำ โดยเฉพำะผู้ที่ไม่อยู่ในระบบ ประกนั สงั คม/ไม่มีบตั รประกนั สุขภำพ โดยเงินชดเชยวำ่ งงำนไมค่ รอบคลมุ แรงงำนตำ่ งดำ้ ว 11. ผู้ป่วย/ผู้เสียชีวิต/ผู้สงสัยว่ำติดโรคโควิด-19 ถูกตีตรำทำงสังคม (Social stigma) ส่งผล ให้ประชำชนปกปิดอำกำรเจ็บป่วยเพ่ือหลีกเล่ียงกำรเลือกปฏิบัติ กำรถูกขัดขวำงกำรเข้ำรับกำรรักษำ หรือ อำศัยอยรู่ ่วมกันในชุมชนและกิจกรรมท่ีเกี่ยวข้องกบั ผู้ปว่ ย จำกกำรท่ีมีข้อมูลควำมรู้ท่ีไม่เพยี งพอ เน่ืองจำกเป็น โรคอบุ ัติใหมท่ ำให้เกิดควำมสบั สน ไม่เชือ่ ม่นั และหวำดระแวงและกำรไมป่ ฏิบตั ติ ัวทีเ่ หมำะสมตำมคำแนะนำ ข้อมลู ผไู้ ดร้ บั ผลกระทบจำกกำรใชม้ ำตรกำรป้องกนั กำรแพร่ระบำดของโรคเชื้อไวรสั โคโรนำ 2019 (COVID-19)

24 จังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินกำรจัดมีผู้ได้รับผลกระทบจำกกำรใช้มำตรกำรป้องกันกำรแพร่ ระบำดของโรคเชื้อไวรัส โคโรนำ 2019 (COVID-19) โดยมอบให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้ำน / กรรมกำรหมู่บ้ำน ดำเนินกำรสำรวจ ทุกหมู่บำ้ น โดยมปี ลดั อำเภอ และปลัดอบต./เทศบำลเป็นผู้รบั รองข้อมูล ซึ่งบันทึกเขำ้ ระบบ รำยงำนผไู้ ด้รับผลกระทบจำกมำตรกำรปอ้ งกันแก้ไขปญั หำเช้ือไวรัส COVID-19 พบว่ำ มผี ู้ได้รบั ผลกระทบจำก มำตรกำรแกไ้ ข COVID-19 จำนวน 245,645 คน แยก ดงั นี้ ๑) ไดร้ บั ผลกระทบจำกประกำศจงั หวดั หรือมำตรกำรของรัฐ (1) ถูกเลิกจำ้ ง (ม. 33) 771 คน (2) ถูกเลิกจ้ำง (เป็นพนักงำนรำยวัน/ลกู จำ้ ง ไม่มี ม. 33) 6,375 คน (3) ถูกนำยจ้ำงลดจำนวนวนั ทำงำน ลดเวลำทำงำน 3,060 คน (4) ธรุ กจิ สว่ นตวั ถูกปิด เช่น รำนอำหำร/ร้ำนที่อยู่ในห้ำง 3,224 คน (5) รำยไดล้ ดลง ขำยของไดน้ ้อยลง ลูกคำ้ ลดลง 59,276 คน ๒) ตอ้ งกำรควำมช่วยเหลือ (1) เงินสนับสนนุ ยงั ชีพระยะส้ัน 72,704 คน (2) เครื่องอุปโภคบรโิ ภค/ถงุ ยังชีพ 64,194 คน (3) ลดค่ำอุปโภคตำ่ ง ๆ 57,942 คน

บทที่ 4 บทสรุปและขอ้ เสนอแนะ 4.1 สรปุ สถำนกำรณ์สำคญั ของจังหวัด ๔.๑.๑ เชงิ กลมุ่ เปำ้ หมำย ๑) สถำนกำรณ์เด็กและเยำวชน (๑) มีเด็กปฐมวัย (0 – 5 ปี) จำนวน 94,804 คน คิดเป็นร้อยละ 5.85 ของประชำกร ท้ังหมด เด็กปฐมวัยมีพัฒนำกำรล่ำช้ำ 28.5% เด็กแรกเกิดได้รับสิทธิ์เงินอุดหนุนเพ่ือกำรเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เดือนละ 600 บำท จำนวน 42,486 คน (๒) สถำนกำรณ์เด็กและเยำวชน มีพฤติกรรมไม่เหมำะสม 92,095คน เด็กที่ถูกกระทำ ควำมรนุ แรง ในครอบครัว/ทำรุณกรรมทำงร่ำงกำย จติ ใจ เพศ ท่ีมีกำรแจ้งเหตุ 16 คน เดก็ ที่เปน็ ผู้กระทำควำม รุนแรงต่อผู้อื่น (เช่น ทำร้ำยบุคคลในครอบครัว เพ่ือน ผู้อ่ืน) มีสภำเด็กและเยำวชนเป็นกลไกสำคัญ ในกำร ขับเคลื่อนป้องกันและแก้ไขปัญหำของเด็กและเยำวชนในระดับตำบล อำเภอ และจงั หวดั มีปัญหำกำรตง้ั ครรภ์ ในวัยรุ่น มีแม่วัยใส 1,122 คน อำเภออมก๋อยมีแม่วัยใสมำกสุด โดยพื้นท่ีอำเภอที่มีแม่วัยใสมำกสุด ๓ ลำดับ คือ อมก๋อย แม่แจ่ม และแม่อำย สำเหตุปัญหำกำรต้ังครรภ์ในวัยรุ่นเน่ืองจำกเด็กและเยำวชนขำดควำมรู้ ขำดกำรยับยง้ั ช่ังใจและไม่มีขอบเขตของกำรคบหำระหว่ำงเพศชำยและเพศหญิง กำรมีเพศสัมพนั ธค์ ร้งั แรกของ เด็กวัยรุ่นส่วนมำกไม่ได้ใช้เคร่ืองป้องกันทำงเพศ ครอบครัวที่ไม่มีเวลำในกำรดูแลบุตรหลำนขำดควำมอบอุ่น ขำดทกั ษะกำรดแู ลบุตรหลำนใหเ้ หมำะสมตำมวัย ๒) สถำนกำรณ์ครอบครวั (๑) รูปแบบครอบครัว มีครอบครวั เดย่ี ว ครอบครัวเลีย้ งเดีย่ ว ครอบครวั ขำ้ มรนุ่ ครอบครัว เพศเดียวกัน เพิ่มมำกข้ึน นอกจำกน้ีสมำชิกในครอบครัวอำศัยอยู่ตำมลำพังคนเดียวมีแนวโน้มมำกขึ้น กำรแต่งงำนช้ำลง ถึงแต่งงำนแล้วก็ไม่มีบุตร ครอบครัวขยำยลดลง บำงครอบครัวสถำนะ พ่อแม่แยกกันอยู่ แต่ยังอำศัยอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว ครอบครัวมุ่งประกอบอำชีพเป็นหลัก เนื่องจำกมีรำยได้น้อย ยำกจน มีภำระหน้ีสินมำก บำงครอบครัวเข้ำไปทำงำนในเมืองทิ้งให้ผู้สูงอำยุอยู่ตำมลำพัง และบำงครอบครัว ต้องทิ้ง ลูกหลำนให้ผู้สงู อำยดุ ูแล ทำใหเ้ ด็กมีพฤติกรรมไม่เหมำะสม ตดิ เกมส์ ติดโซเซยี ล มีพฤติกรรมกำ้ วร้ำวทำงคำพูด ครอบครัวไม่อยู่พร้อมหน้ำพร้อมตำกัน ไม่มีเวลำสร้ำงสัมพันธ์ระหว่ำงบุคคลในครอบครัว จึงส่งผลให้มีปัญหำ ครอบครัวตำมมำหลำยประกำร (๒) ควำมรุนแรงในครอบครัว มีแนวโน้มสูงข้ึน (ข้อมูลศูนย์ปฏิบัติกำรเพื่อป้องกันกำร กระทำควำมรุนแรงในครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่) สถิติในปี 2560 จำนวน 25 เหตุกำรณ์ ปี 2561 จำนวน 41 เหตุกำรณ์ ปี 2562 จำนวน 43 เหตุกำรณ์ ปี 2563 จำนวน ๔๖ เหตุกำรณ์ ส่วนใหญ่เป็นเร่ือง ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสำมี-ภรรยำ รองลงมำเป็นควำมสัมพันธ์ระหว่ำง พ่อแม่-บุตร ลักษณะเป็นกำรทำร้ำย ร่ำงกำย สำเหตุส่วนใหญ่มำจำกกำรใช้สุรำ-สำรเสพติด นอกใจ-หึงหวง สุขภำพจิต เศรษฐกิจ และอื่น ๆ ตำมลำดับ ๓) สถำนกำรณ์ผู้สงู อำยุ มีประชำกรผู้สูงอำยุ จำนวน 333,692 คน ชำย 149,919 คน หญิง 183,773 คน คดิ เป็นร้อยละ 20.62 ของประชำกรท้ังหมด เป็นลำดับ ๓ ของประเทศ ส่วนใหญ่เป็นผ้สู ูงอำยุมีรำยได้ต่ำกว่ำ เส้นควำมยำกจน อยู่ตำมลำพังเพ่ิมมำกข้ึน เป็นผู้สูงอำยุป่วยเร้ือรัง และติดเตียง และประสบปัญหำทำงสังคม จงั หวดั เชยี งใหม่ มผี สู้ ูงอำยชุ ำวต่ำงประเทศขออยู่ต่อประเภทใช้ชวี ิตบน้ั ปลำย 6,020 คน

26 ๔) สถำนกำรณ์คนพิกำร มีคนพิกำร จำนวน ๕1,342 คน คิดเป็นร้อยละ 3.17 ของประชำกรท้ังหมด (คิดจำก ประชำกรสัญชำติไทยและอยู่ในทะเบียนบ้ำน 1,617,837 คน) มำกที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของภำคเหนือ ส่วนใหญ่พิกำรกำรเคลื่อนไหวหรือร่ำงกำย กำรได้ยินหรือส่ือควำมหมำย จิตใจหรือพฤติกรรม ตำมลำดับ สำเหตุควำมพิกำรจำกภำวะเจ็บป่วย โรคอ่ืน ๆ อุบัติเหตุ คนพิกำร พบว่ำ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอำยุ มีจำนวน 30,506 คน ซ่ึงไม่มีอำชีพ ไม่มีรำยได้ และบำงส่วนไม่มีผู้ดูแล คนพิกำรบำงส่วนมีข้อจำกัดในกำรเข้ำถึงสิทธิ สวัสดิกำรคนพกิ ำรโดยเฉพำะคนพิกำรทีอ่ ยู่บนพ้นื ทส่ี งู ๕) สถำนกำรณ์คนไร้ทพ่ี ึง่ /ผู้ทำกำรขอทำน คนไร้ท่ีพ่ึง/ผู้ทำกำรขอทำนในจังหวัดเชียงใหม่ 182 คน แยกเป็นคนไร้ที่พ่ึง 181 คน ชำย 139 คน หญิง 42 คน ผู้ทำกำรขอทำนเป็นชำย 1 คน หน่วยงำน พม. และหน่วยงำนที่เกี่ยวข้อง ดำเนินกำรให้ควำมรู้และคำแนะนำ ส่งกลับคืนสู่ครอบครัว ส่งสมัครเข้ำรับกำรทำงำน/ฝึกอำชีพ ส่งต่อเข้ำรับ กำรรักษำพยำบำล สง่ เข้ำหน่วยงำน พม. (สถำนคุม้ ครองคนไรท้ พี่ ึ่งสนั มหำพนจังหวัดเชียงใหม่) ๖) สถำนกำรณ์กลุม่ ชำตพิ นั ธ์ุ กลุ่มชำติพันธ์ุในจังหวัดเชียงใหม่ ประชำกรกลุ่มชำติพันธุ์ จำนวน 349,118 คน เป็นชำย 174,557 คน หญงิ 174561 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 21.58 ของประชำกรทั้งหมด สภำพปญั หำไม่มี สัญชำติ 30,403 คน เป็นคนพิกำร 1,733 คน เป็นผู้สูงอำยุ 6,184 คน เป็นผู้อยู่ในภำวะยำกลำบำก 14,062 คน ส่วนใหญ่จบกำรศึกษำระดับประถมศึกษำตอนปลำย (ป.6) อำชีพหลักเป็นเกษตรกรรม รำยได้เฉล่ีย 18,000/ปี มีคุณภำพชีวิตท่ีตำกว่ำมำตรฐำนตั้งถ่ินฐำนอยู่ในเขตป่ำสงวนแห่งชำติ/อุทยำน แหง่ ชำติ ขำดควำมรใู้ นกำรดำรงชีวิตทเี่ หมำะสม ๗) สถำนกำรณ์ผู้ประสบปญั หำทำงสังคม ๑) ระบบแผนที่ทำงสงั คม (Social Map) มีผู้ประสบปัญหำในครัวเรือนในระบบแผนท่ที ำง สังคม (Social Map) 26,498 ครัวเรือน ผู้ประสบปัญหำทำงสังคม 35,128 คน ต้องกำรเงินสงเครำะห์ มำกท่ีสุด มีผู้ประสบปัญหำทำงสังคมด้ำนที่อยอู่ ำศัย 2,009 คน อำเภอท่ีมีผู้ประสบปัญหำดำ้ นท่ีอยู่อำศัยมำก ที่สดุ คือ (๑) สำรภี (๒) ดอยสะเก็ด (๓) จอมทอง ตำมลำดับ ๒) ข้อมูลช่วยเหลือผู้ประสบปัญหำทำงสังคม ปีงบประมำณ ๒๕๖๓ จำนวน 7,565 ครอบครัว/รำย ดังน้ี ได้แก่ ผู้ประสบปัญหำทำงสังคมกรณีฉุกเฉิน 1,163 ครอบครัว ผู้สูงอำยุในภำวะ ยำกลำบำก 284 รำย จัดกำรศพผู้สูงอำยุตำมประเพณี 103 รำย มีรำยได้น้อยและผู้ไร้ท่ีพึ่ง 1,532 ครอบครัว คนไทยตกทุกข์ได้ยำกในประเทศกลับภูมิลำเนำเดิม 34 รำย ค่ำเลี้ยงดูในครอบครัวอุปถัมภ์ 73 รำย เงินสงเครำะห์เด็กในครอบครัวยำกจน 2,686 รำย ผู้ได้รับผลกระทบจำกสถำนกำรณ์ Covid – 19 จำนวน 1,000 ครอบครัว ช่วยเหลือเยียวยำและชดเชยให้ประชำชน (กลุ่มเปรำะบำง) ผู้สูงอำยุ 321 รำย เด็กแรกเกดิ 9 รำย คนพกิ ำร 360 รำย ๘) ผ้มู ีรำยได้นอ้ ย มีผู้ได้รับบัตรสวัสดิกำรแห่งรัฐ 433,242 คน ข้อมูลควำมจำเป็นพื้นฐำน (จปฐ.) ปี 2562 ที่ตกเกณฑ์ หมวดท่ี 4 กำรมงี ำนทำและรำยได้ คือ อำยุ 15 – 59 ปี มอี ำชพี และรำยได้ 4,316 คน อำยุ 60 ปีขึ้นไป มีอำชีพและรำยได้ 14,955 คน รำยได้เฉลี่ยของคนในครัวเรือนต่อปี 412 ครัวเรือน ครัวเรือนมีกำรเก็บออมเงิน 12,331 ครัวเรือน คนในครัวเรือนไม่ดื่มสุรำ 73,773 คน คนในครัวเรือนไม่สูบ บุหรี่ 43,887 คน ครอบครวั มีควำมอบอุน่ 807 ครัวเรอื น

27 ๔.๑.๒ เชงิ ประเดน็ ๑) สถำนกำรณ์ผู้เสยี หำยจำกกำรคำ้ มนษุ ย์ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดต้นทำง ทำงผ่ำน และปลำยทำงของกำรค้ำมนุษย์ มีรูปแบบ กำรค้ำมนุษย์ ได้แก่ (๑) กำรค้ำประเวณี อำยุต่ำกว่ำ 18 ปี นำยหน้ำเป็นรุ่นพ่ี และเพ่ือนชักชวนผ่ำนช่องทำงสื่อ ออนไลน์ บำงกรณีเปิดเป็นร้ำนคำรำโอเกะ/ร้ำนนวดบังหน้ำ แอบแฝงบังคับให้เด็กสำวร่วมประเวณีกับลูกค้ำที่ใช้ บริกำร มีกำรโฆษณำผ่ำนส่ือออนไลน์ พบในพื้นท่ีอำเภอเมืองเชียงใหม่ และอำเภอ สันกำแพง (๒) ด้ำนแรงงำน มีกำรลักลอบขนแรงงำนต่ำงด้ำวจำกประเทศเมียนมำร์ กักขัง บังคับใช้แรงงำนในภำคเกษตรกรรม (ไร่สตรอ เบอรี่) ไม่ได้ค่ำจ้ำงตำมที่ตกลงกัน จ่ำยค่ำจ้ำงเป็นรำยปี เกิดในพ้ืนที่อำเภอกัลยำณิวัฒนำ (๓) กำรนำคนมำ ขอทำน มีกลุ่มคนต่ำงด้ำวได้นำเด็ก/เช่ำเด็ก อำยุ 8 เดือน ถึง 7 ปี มำน่ังขอทำนตำมตลำดนัด และสถำนที่ ท่องเท่ียวต่ำง ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ มีลักษณะกำรเวียนเด็กมำน่ังขอทำน ทำให้ผู้อ่ืนเกิดควำมสงสำรและส่ง มอบเงนิ หรือทรัพย์สินให้ สถติ ิคดีกำรคำ้ มนษุ ย์ ปี 2559 - 2562 ๒) สถำนกำรณ์กำรแพรร่ ะบำดของโรคติดเช้อื ไวรสั โคโรนำ 2019 (COVID-19) กำรแพร่ระบำดของเชื้อไวรัสโควดิ -19 มีผู้ได้รับผลกระทบ คอื แรงงำนในระบบ แรงงำนนอก ระบบ คนจนเมอื ง เกษตรกร บัณฑติ จบใหม่ ผูส้ งู อำยุ เด็ก คนไร้บำ้ น คนพกิ ำร คนต่ำงดำ้ ว ท่ี ผู้ป่วย/ผ้เู สยี ชวี ิต/ ผู้สงสัยว่ำติดโรคโควิด-19 ถูกตีตรำทำงสังคม (Social stigma) ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบจำกกำรใช้มำตรกำร ป้องกันกำรแพร่ระบำดของโรคเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (COVID-19) สถำนกำรณ์ในจังหวัดเชียงใหม่ มีผู้ป่วย ตดิ เชอ้ื 41 รำย รักษำหำย 40 รำย เสยี ชวี ติ 1 รำย ผปู้ ่วยเข้ำเกณฑเฝำ้ ระวังโรค 4,992 รำย ตรวจไมพ่ บเช้ือ 4,989 รำย ข้อมลู จังหวัดเชียงใหม่มีผู้ได้รับผลกระทบจำกมำตรกำรแก้ไข COVID-19 จำนวน 245,645 คน ซง่ึ ได้รับผลกระทบจำกประกำศจังหวัดหรือมำตรกำรของรฐั 72,706 คนต้องกำรควำมช่วยเหลือ 3 ลำดับคือ (๑) เงินสนับสนุนยังชีพระยะสั้น 72,704 (๒) คนเคร่ืองอุปโภคบริโภค/ถุงยังชีพ 64,194 คน (3) ลดค่ำ อปุ โภคต่ำง ๆ 57,942 คน สรุป สถำนกำรณ์ทำงสังคมจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี ๒๕๖๓ แยกเป็นสถำนกำรณ์ เชิงกลุ่มเป้ำหมำย ได้แก่ เด็กและเยำวชน ครอบครัว คนพิกำร ผู้สูงอำยุ คนไร้ที่พึ่ง/คนขอทำน กลุ่มชำติพันธุ์ ผู้ประสบปัญหำทำงสังคม และผู้มีรำยได้น้อย สถำนกำรณ์เชิงประเด็น ได้แก่ ผู้เสียหำยจำก กำรค้ำมนุษย์ และผู้ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบจำกกำรใช้มำตรกำรป้องกันกำรแพร่ระบำดของโรคเชื้อไวรัส โคโรนำ 2019 (COVID-19) ซึ่งข้อมูลดังกล่ำวบำงส่วนไม่ครบถ้วน ยังไม่เป็นปัจจุบัน ไม่มีกำรเช่ือมโยงกับ หน่วยงำนต่ำง เช่น ข้อมูลควำมจำเป็นขั้นพื้นฐำน (จปฐ.) ข้อมูลพื้นฐำนระดับหมู่บ้ำน (กชช. ๒ค) ของ กรมกำรพัฒนำชุมชน ข้อมูลประชำกรของกรมกำรปกครอง ข้อมูลจำกสำนักงำนสถิติจังหวัด ข้อมูลผู้ป่วย เรื้อรัง ป่วยติดเตียงของสำนักงำนสำธำรณสุขจังหวัด เป็นต้น เพื่อใช้ประโยชน์จำก Big Data วิเครำะห์ อธิบำยพยำกรณ์สถำนกำรทำงสังคม โดยจัดทำโครงกำรของบประมำณจำกแผนพัฒนำจังหวัด

28 4.2 ข้อเสนอแนะ/ควำมท้ำทำยต่อกำรทำงำนด้ำนพัฒนำสังคมและควำมม่ันคงของมนุษย์ ๔.๒.๑ ข้อเสนอแนะ 1. ควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในกำรจัดทำข้อมูลสถำนกำรณ์ทำงสังคม โดยกำหนดให้มีระบบบันทึกตำมแบบฟอร์มผู้ประสบปัญหำทำงสังคม โดยสำนักงำนพัฒนำสังคมและ ควำมมั่นคงของมนษุ ยจ์ ังหวัด เป็นผจู้ ดั ทำแบบ Google Form งำ่ ย ๆ รำยงำนไดจ้ ริง 2.ควรมีระบบเดียวและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้ำหมำย สำมำรถปรับเปล่ียนแก้ไขตัวระบบได้ เพ่ือให้ทนั สมัยและทันเหตกุ ำรณเ์ ป็นปจั จุบัน 3.ระบบควรปรับปรุงให้ เจ้ำหน้ำท่ีระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงำนต่ำงๆ สำมำรถบันทึก ข้อมูลขอ้ มลู ผู้ประสบปัญหำได้ ในแตล่ ะกลุ่มเปำ้ หมำย และเปน็ ปจั จุบนั 4. กำรแสดงผล ในหัวข้อแต่ละประเด็น สำมำรถแยกกลุ่มเป้ำหมำย เด็ก ผู้สูงอำยุ ผู้พิกำร ไดช้ ัดเจนและลงลึกถึงระดับหมบู่ ำ้ น เพ่ือสำมำรถวำงแผนและนำข้อมูลจำกระบบไปแก้ไขปัญหำในพ้นื ท่ีได้ 5. ควรมีระบบติดตำมและประเมินผลกำรดำเนินงำนท่ีช่วยเหลือแล้ว โดยคิดจำกฐำนข้อมูล ในระบบ เพอื่ ให้ทันเวลำในกำรใชป้ ระโยชน์ของข้อมูลได้ ๔.๒.๒ ควำมท้ำทำยต่อกำรทำงำนด้ำนพัฒนำสังคมและควำมม่ันคงของมนุษย์ ๑) กำรพัฒนำระบบกำรคุ้มครองทำงสังคม จำกกำรระบำดของ COVID-19 ส่งผล กระทบต่อแรงงำนและประชำชนทั่วไป จนทำให้ภำครัฐต้องมีมำตรกำรกำรช่วยเหลือระยะสั้นเพื่ออุด ช่องโหว่ของกำรคุ้มครองทำงสังคม จึงเป็นโจทย์ที่ภำครัฐจะต้องหำแนวทำงกำรพัฒนำระบบตำข่ำย คุ้มครองทำงสังคมให้ครอบคลุม เพ่ือรับมือกับสถำนกำรณ์วิกฤติที่จะเกิดขึ้นในอนำคตได้ กำรพัฒนำระบบ คุ้มครองทำงสังคมต้องเป็นกำรบูรณำกำรกลไกทุกด้ำนที่จะเข้ำมำช่วยเสริมสร้ำงให้มีควำมเข้มแข็ง ทั้งกำรส่งส่งเสริมกำรออม สร้ำงตระหนักในกำรวำงแผนกำรเงิน เพื่อสร้ำงหลักประกันตนเองและ ครอบครัวท่ีจะรองรับในสถำนกำรณ์วิกฤติ ๒) กำรเสริมสร้ำงพลังเครือข่ำยทำงสังคมในท้องถิ่น เช่น กลุ่มสหกรณ์ กองทุนหมู่บ้ำน กองทุนสวัสดิกำรชุมชน อำสำสมัคร ชมรมผู้สูงอำยุ สภำเด็กและเยำวชน ตลอดจนระบบฐำนข้อมูลต่ำง ๆ ในพ้ืนท่ี เพื่อร่วมกันออกแบบระบบกำรคุ้มครองทำงสังคมให้ตรงกับกลุ่มเป้ำหมำยและเหมำะสม สำมำรถ ช่วยกันดูแลคุ้มครองประชำชนทั้งในยำมวิกฤติและในสภำวะปกติได้

บรรณานกุ รม สถติ ิข้อมลู ประชำกรและบำ้ น กรมกำรปกครอง กระทรวงมหำดไทย https://stat.bora.dopa.go.th/stat/statnew/statMONTH/INTERNET/#/statAge/type การคาดการณ์ทางสังคมและ มาตรการตอ่ ผลกระทบที่เกิดจกการระบาดของเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กระทรวงกำรพัฒนำสังคมและควำมมั่นคงของมนุษย์ (2563) สบื ค้นเม่อื วันที่ 15 กนั ยำยน 2563 จำก https://www.m-society.go.th ขอ้ มูลทั่วไปของจงั หวดั เชียงใหม่ สืบค้นเม่อื วนั ที่ 15 กันยำยน 2563 จำก http://www.chiangmai.go.th/managing/public/D8/8D01Feb2017150134.pdf สถานการณแ์ รงงานและดัชนชี ี้วัดภาวะแรงงานจังหวัดเชยี งใหม่ ไตรมำส 2 ปี 2563 สบื คน้ เมือ่ วันท่ี 15 กนั ยำยน 2563 จำก https://chiangmai.mol.go.th “สวนดสุ ติ โพล” มหำวทิ ยำลัยสวนดุสติ เปิดเผยผลสำรวจเร่อื ง พฤตกิ รรมท่องเท่ียวของคนไทย หลังคลำย ล็อกดำวน์ สบื คน้ เมื่อวนั ที่ 15 กนั ยำยน 2563 จำก https://siamrath.co.th/n/162608 ยทุ ธศาสตรใ์ นการพัฒนาจงั หวดั สบื ค้นเมอื่ วนั ที่ 15 กันยำยน 2563 จำก http://www.chiangmai.go.th คณุ ภาพอากาศและสถานการณห์ มอกควนั ในจงั หวดั เชียงใหม่ มหำวิทยำลัยเชียงใหม่ สืบคน้ เมอ่ื วันที่ 30 กนั ยำยน 2563 จำก https://www.cmu.ac.th/th/article/e2d66ce5-27bb-4e2f-a5fb-b16b7fb5d7a4 คนไรท้ ีพ่ ่ึง/ผ้ทู าการขอทาน (2563) เจำ้ หนำ้ ท่ีผู้รบั ผดิ ชอบ ศูนยค์ มุ้ ครองคนไร้ทพี่ ง่ึ จังหวัดเชยี งใหม่ สืบคน้ เม่ือ วันท่ี 16 กันยำยน 2563 กลมุ่ ชำตพิ ันธุ์ (2563) เจ้ำหน้ำท่ผี ูร้ บั ผิดชอบ ศนู ย์พฒั นำรำษฎรบนพื้นที่สูงจังหวดั เชียงใหม่ สืบคน้ เม่ือวนั ท่ี 16 กันยำยน 2563