Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 3 อิเหนา

บทที่ 3 อิเหนา

Published by piyatida89mor, 2020-10-06 05:06:29

Description: บทที่ 3 อิเหนา

Search

Read the Text Version

บทท่ี ๓ เรื่องอเิ หนา

ความเปน็ มา อิเหนา เปน็ วรรณคดีทม่ี ีมาตงั้ แตส่ มยั โบราณ ซง่ึ ชาวชวาได้แต่งขึ้นเอเฉลมิ พระเกยี รติ แดพ่ ระมหากษัตรยิ ์ ชวาพระองคน์ ี้ทรงนำความเจรญิ ใหแ้ ก่ชาวชวา ซ่งึ พระองค์เป็นท้งั นกั รบ นกั ปกครอง และพระองค์ทรงมี พระราชธดิ า ๑ พระองค์ และพระราชโอรส ๒ พระองค์ เมือ่ พระราชธดิ าของพระองค์ไดท้ รงเสด็จออกผนวช จงึ ได้แบ่งราชอาณาจกั รเป็น ๒ สว่ น คือ กเุ รปนั และ ดาหา ตอ่ มาทา้ วกุเรปนั ได้ทรงมพี ระราชโอรสพระองค์หนง่ึ และท้าวดาหาทรงมพี ระราชธิดา พระองค์หน่ึง ซึ่งท้งั สองพระองคม์ พี ระนามว่า อเิ หนาและบุษบา เม่ือเจริญพระชนั ษา อดีตพระ ราชธดิ าของกษัตริย์พระองคเ์ ดมิ ทเ่ี สด็จออกผนวช จึงมพี ระดำริใหอ้ ิเหนาและบษุ บาอภิเษกกนั เพือ่ ใหก้ เุ รปันและดาหากลับมารวมกันเปน็ ราชอาณาจักรเดียวกันดั่งเดิม เนื่องจากนิทาน อิเหนาเปน็ เรื่องราวทไ่ี ด้รับความนิยมจากชาวชวาเป็นอย่างมาก เนือ้ เรื่องจึงปรากฏเป็นหลาย สำนวน และเมือ่ ได้เข้ามาสปู่ ระเทศไทย มีคำกล่าวสบื เนื่องกนั มาว่าพระราชดิ าในสมเด็จพระ เจา้ อยหู่ ัวบรมโกศกับเจ้าฟา้ สงั วาล คอื เจา้ ฟา้ กณุ ฑลและเจา้ ฟา้ มงกฎุ ได้ฟงั นิทานอิเหนาจาก นางกำนลั ชาวมลายูที่ไดม้ าจากเมืองปตั ตานี พระราชธดิ าทง้ั สองพระองคจ์ งึ มีพระราชธิดาจึง มีพระราชนพิ นธ์ขนึ้ นิทานเร่ืองนขี้ ้ึน เจา้ ฟา้ กณุ ฑลทรงนิพนธบ์ ทละครเร่อื งของดาหลัง ส่วนเจ้า ฟา้ มงกฎุ ทรงนพิ นธ์เป็นละครเรอ่ื ง อเิ หนา แต่คนท่ัวไปมกั เรยี กบทพระราชนิพนธข์ องท้ังสอง พระองคน์ ้ีว่า อเิ หนาใหญ่ และอเิ หนาเล็ก นิทานปนั หยขี องไทยจึงมี ๒ สำนวนแต่น้ันมา สมัยรัตนโกสนิ ทร์ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราชก็ทรงพระราช นิพนธบ์ ทละคร อิเหนา ขึ้น โดยยงั คงเคา้ โครงเร่อื งเดมิ ตอ่ มาพระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลัยได้พระราชนิพนธ์ขนึ้ มาใหมท่ ้ังหมด เน่ืองจาก เนอ้ื ความเขา้ กันไมส่ นทิ กับบทเมือ่ ครง้ั กรุงเก่าและนำมาเลน่ ละครได้ไม่เหมิจงึ ทรงพระราชนพิ นธใ์ หม่ใหส้ น้ั และสอดคล้องกับท่ารำ โดยรักษากระบวนการเดิม แลว้ พระราชทานให้สมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวง พทิ กั ษ์มนตรีซึ่งเชี่ยวชาญในการละคร ได้นำไปประกอบทา่ รำและฝึกซ้อมจนเห็นสมควรว่าดี แลว้ จึงรำถวายใหท้ อดพระเนตรเพอ่ื ให้มีพระบรมราชวนิ ิจฉัยอีครัง้ เปน็ อันเสร็จ

ประวตั ผิ ูแ้ ต่ง อิเหนาเป็นบทละครรำพระราชนิพนธใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลัย มหาราช รัชกาลที่ ๒ แห่งพระบรมราชวงศ์จกั รี ตลอดระยะเวลาท่พี ระองคท์ รงครองราชย์ เปน็ สมัยท่วี รรณคดเี จรญิ ท่ีสดุ ในสมยั นหี้ ลาย เร่ืองไดร้ ับการยกย่องวา่ เป็นยอดของวรรณคดี และ ทรงไดร้ ับการเทิดพระเกยี รติจากองค์การการศกึ ษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแหง่ สหประชาชาติ (UNESCO) ในฐานะบุคคลสำคัญของโลก ลักษณะคำประพนั ธ์ บทละครรำ เร่ือง อิเหนา มรี ูปแบบการแต่งกลอนบทละครซึ่งมลี กั ษณะบังคบั เหมอื น กลอนสสี่ ุภาพ แต่ละวรรคมกั จะขน้ึ ตน้ ดว้ ยคำว่า “เมอ่ื นั้น” “บัดนั้น” และ “มาจะกลา่ วบท ไป” เรื่องยอ่ เน้อื เรื่อง อเิ หนา ตอน ศึกกะหมังกุหนงิ มีดังนี้ ทา้ วกะหมังกุหนิงส่งทูตไปสูข่ อบษุ บา แตไ่ ด้รบั การปฏิเสธจากท้าวดาหาจึงเตรียมจัด ยกทพั ไปตเี มืองดาหาโดยให้พระอนุชา ยกทัพมาชว่ ย ทา้ วกะหมังกุหนงิ ให้วิหยาสะกำเปน็ ทพั หน้า พระอนชุ าทง้ั สองเป็นทัพหลัง ฝ่ายทา้ วดาหาไดข้ อความช่วยเหลือไปยงั ทา้ วกุเรปนั และทา้ วกาหลงั และท้าวสงิ หา สา่ หรี ทา้ วกเุ รปันส่งราชสารฉบับหน่ึงส่งให้อิเหนายกทพั มาช่วยท้าดาหาทำศกึ อีกฉบับส่งไป ให้ระตหู มนั หยาโดยตำหนนิ างจินตหราว่าเป็นต้นเหตุท่ีทำให้เกดิ ศึกครั้งนี้ ระตหู มนั หยารสู้ กึ ผดิ จงึ เรง่ ให้อเิ หนายกทพั ไปเมอื งดาหา ส่วนท้าวกาหลงั ให้ตำมะหงงกับดะหมงั คุมทพั มาชว่ ย ท้าวสงิ หัดส่าหรสี ่งสุหรานากงผเู้ ปน็ โอรสมาช่วยรบ เมืองทีช่ ่วยเมืองดาหารบมาครบกนั แลว้ อเิ หนามีบัญชาให้จัดทัพรบกับท้าวกะหมงั กหุ นงิ

คร้นั ทั้งสองฝา่ ยเผชิญหนา้ กัน สังคามาระตาเป็นคู่ต่อสูก้ ับวิหยาสะกำและสงั หารวหิ ยา สะกำได้ ท้ากะหมงั กหุ นงิ เหน็ โอรสถูกสงั หารตกจากม้าก็โกรธ ขบั มา้ ไลล่ า่ สงั คามาระตา อเิ หนา จงึ เขา้ สกัดและต่อสู้ ทง้ั สองฝา่ ยฝมี อื เท่าเทียมกนั จนในท่สี ุดอเิ หนาจงึ ใช้กริชสงั หารท้าวกะห มังกหุ นิงได้ ทัพฝา่ ยท้าวกะหมังกหุ นงิ จึงเปน็ ฝ่ายพ่ายแพ้ไป บทวิเคราะห์ บทละครเรอ่ื ง อิเหนา ตอนศกึ กะหมังกุหนิง สามารถนำมาวเิ คราะห์และประเมนิ คณุ ค่าใน ดา้ นตา่ งๆได้ดงั นี้ คุณค่าทางด้านเนื้อหา ๑) โครงเร่ือง ๑.๑) แนวคิดของเร่ือง เร่อื งอิเหนา ตอนศึกกะหมงั กหุ นิงเปน็ เรื่องทีแ่ สดงใหเ้ หน็ ถึง ความรักที่พอ่ มใี ห้ตอ่ ลกู รกั และตามใจลกู ทกุ อยา่ ง แม้กระท่งั ตวั ตายกย็ อม ๑.๒) ฉาก เนื้อเร่อื งเป็นเรือ่ งของชวา แตก่ ารบรรยายฉากในเรือ่ งเปน็ ฉากของไทย บ้านเมืองท่กี ลา่ วพรรณนาไวค้ ือกรงุ รตั นโกสินทร์ วัฒนธรรมประเพณที ี่ปรากฏในเร่อื งคอื เรอื่ ง ของไทยทส่ี อดแทรกไว้อย่างมศี ิลปะ อาทิ พระราชพธิ ีสมโภชลกู หลวง(เมอื่ อิเหนาประสูต)ิ พระ ราชพิธกี ารพระเมรุท่เี มอื งหมนั หยา พระราชพธิ ีรับแขกเมอื ง (เม่อื เมอื งดาหารบั ทตู จรกา) พระ ราชพิธโี สกันต์ (สียะตรา) ซึ่งลว้ นแตเ่ ป็นพรราชพิธีของไทยแต่โบราณ ๑.๓) ปมขัดแยง้ ตอนศึกกะหมงั กหุ นงิ มีหลายข้อขัดแยง้ แตล่ ะปมปัญหาเปน็ เร่อื งที่ อาจเกดิ ไดใ้ นชีวติ จริง ละสมเหตสุ มผล เช่น ท้าวกเุ รปันจะให้อเิ หนาอภเิ ษกกับบุษบา แต่ อเิ หนาหลงรกั จินตะหรา ไม่ยอมอภเิ ษกกบั บุษบา ๒) ตัวละคร ในเรื่องอเิ หนาตอนศึกกะหมังกหุ นงิ มตี ัวละครท่มี บี ทบาทสำคัญปรากฏ อยมู่ าก ตัวละครมบี ุคลิกนสิ ยั ท่โี ดดเดน่ และแตกต่างกัน เชน่ ๒.๑) ท้าวกเุ รปนั เป็น กษัตริยเ์ ทวาผยู้ ง่ิ ใหญ่ มีอนชุ า ๓ องค์ ครองเมืองดาหา กากลัง สิงหัดสา่ หรี ลักษณะนสิ ัย เปน็ คนถอื ยศศักด์ิ ไม่ไว้หนา้ ใคร เปน็ คนรกั เกยี รตริ ักวงศ์ตระกลู

๒.๒) ท้าวดาหา เป็นอนุชาองคร์ องของท้าวกุเรปนั มีลักษณะนิสยั เป็นผรู้ ักษาคำสัตย์ เป็นผทู้ ีม่ ีขัตตยิ ะมานะ เปน็ ผมู้ คี วามรอบคอบในการศึก ๒.๓) อเิ หนา เปน็ โฮรสทา้ วกเุ รปนั กบั ประไหมสุหรี อเิ หนาเป็นหนมุ่ รปู งาม เขม้ แขง็ ใจเด็ด เอาแตใ่ จตนเอง เจ้าชู้ ๒.๔) จินตะหรา ราชธิดาของระตูหมันหยากับประไหมสุหรี มีลักษณะนิสยั เป็นคน แสงงอนใจน้อย เปน็ คนมเี หตมุ ีผล ไม่ดอื้ ดึง เป็นคนท่ีมคี วามร้สู กึ ไว รับรู้ไว ๒.๕) ทา้ วกะหมังกุหนงิ เปน็ กษัตริยเ์ มืองกะหมงั กุหนงิ มีลกั ษณะนสิ ัย ปน็ คนรักลูกยง่ิ ชวี ิต เปน็ คนใจเดด็ ขาด เป็นคนประมาท คณุ คา่ ด้านกลวิธกี ารแต่ง ๑. จนิ ตภาพ กวีใช้คำบรรยายไดช้ ัดเจน สามารถทำให้ผู้อา่ นสามารถคดิ ภาพตามและ ได้รบั อรรถรสในการอ่านมากข้ึน ๒.ภาพพจน์ ภาพพจน์ท่กี วีใชม้ หี ลายลกั ษณะ ดังน้ี ๒.๑) การเปรียบเทียบแบบอปุ มา หรอื อุปมาโวหาร เปน็ การใชโ้ วหาร เปรียบเทียบโดยใชค้ ำเปรียบเทยี บสงิ่ หนึง่ เหมอื นส่งิ หนง่ึ ทำให้เห็นภาพไดช้ ดั เจนยงิ่ ขึ้น ๒.๒)การเปรยี บเทียบการเกินจรงิ หรอื การใช้โวหารอธิพจน์เปน็ การใชค้ ำ เปรียบเทียบท่ีเกินจริง เพ่ือเนน้ ความรสู้ กึ ใหผ้ ู้อา่ นเห็นภาพและเกิดความลึกซึง้ ได้งา่ ย ๓.การเล่นคำ โดยการซ้ำคำ มีการใชภ้ าษาสละสลวยงดงาม การเลน่ คำพอ้ งเสียง เลน่ สัมผัสพยัญชนะเพ่ือใหเ้ กดิ ความไพเราะ

คณุ คา่ ด้านความรู้และความคดิ ๑)แสดงให้เหน็ ความเชื่อ ประเพณี และพธิ กี รรมโบราณ ๒) แสดงใหเ้ หน็ ถงึ สภาพการศกึ สงครามเมื่อครงั้ อดตี ข้อคิดเตือนใจ ที่ว่าลูกของใครใครก็รัก แต่การทรี่ ักและตามใจลกู จนเกินไปบางครงั้ ความรกั ของพอ่ แม่ก็อาจจะฆา่ ลกู และฆ่าตนเองดว้ ย อเิ หนา เป็นบทละครท่มี ีเนื้อหาเป็นทนี่ ยิ ม เนอื่ งด้วยสำนวนกลอนมคี วามไพเราะและ เหมาะท่ีจะนำไปเลน่ ละคร แมจ้ ะมเี คา้ เรอื่ งมาจากนทิ านพ้ืนเมอื งชวา แต่พระบาทสมเด็จพระ พุทธเลิศหล้านภาลยั ทรงดัดแปลงแก้ไขใหเ้ ข้ากบั ธรรมเนียมและรสนยิ มของคนไทยไดโ้ ดยไมข่ ดั กบั เร่ืองเดมิ นอกจากน้ีผู้อา่ นยังอาจแสวงหาความรู้เรื่องประเพณีไทยได้ ดว้ ยเหตุนี้บทละคร เร่ืองอิเหนาจึงเป็นวรรณคดที ี่มคี วามโดเด่นและควรค่าแกก่ ารอ่านเป็นอย่างยิ่ง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook