๔๔ ๒.๗ การลงพ้ืนท่ีพบประชาชน ณ จังหวัดอุดรธานี ระหว่างวันพฤหัสบดีท่ี ๒๓ – วันศุกร์ท่ี ๒๔ มกราคม ๒๕๖๓ ณ อำเภอหนองหาน จงั หวัดอุดรธานี วันพฤหัสบดีท่ี ๒๓ – วันศุกร์ที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๓ ณ อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี คณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน นำโดย พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หน่ึง นำคณะสมาชิกวุฒิสภา ลงพื้นท่ีพบประชาชน โดยมีรายละเอียด และรปู แบบของกจิ กรรม ดังน้ี วันพฤหสั บดที ี่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๕.๓๐ นาฬกิ า พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง เป็นประธานในพิธีเปิดถนนสายบุญ “ประชารว่ มใจอทุ ศิ ” ณ สวนปา่ นาบุญศรี ซงึ่ เปน็ ถนนทีร่ าษฎรในพ้ืนท่ีตำบลหนองดนิ จี่ บรเิ วณสวนป่านา บุญศรีได้ร่วมบริจาคที่ดินเพื่อขยายถนนให้เป็นทางสัญจรสาธารณะ โดยการนำของพระครูสุธีธรรมธร เจา้ อาวาสวัดศรที รงธรรม) ซึ่งนำแนวทางการสรา้ งความเข้มแข็งของชมุ ชนในการพึ่งพาตนเอง ด้วยหลกั การ “บวร” บ้าน + วัด + ราษฎรหรือราชการ มาปรับใช้ จากนั้น พลเอก สิงห์ศกึ สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ได้นำคณะสมาชิกวุฒิสภาศึกษาดูงานโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน สำหรับแก้ปัญหาน้ำแล้ง และ แบบจำลองการจัดการพ้ืนที่ตามศาสตร์พระราชา โดยแบ่งพ้ืนที่เป็น ๕ ส่วน คือ ๑) ส่วนโคก (ท่ีสูง) ปลูกป่า ๓ อยา่ ง ประโยชน์ ๔ อยา่ ง ๒) นา ทำรอ่ งรอบคนั นา ๓) หนองนำ้ กระจายทว่ั พื้นทเี่ พือ่ สรา้ งความชมุ่ ชื้น ๔) คลองไส้ไก่ กระจายความชุ่มชืน้ ๕) คันนาทองคำ ปลกู พ้ืนขนาดใหญบ่ นคนั นา เพ่อื เก็บกกั นำ้ ทั้งน้ี มีการจัดการปลูกไม้ไผ่ และไม้ยางบริเวณด้านท่ีมีลมพัดเข้ามายังพ้ืนท่ีเพื่อเป็นแนวกันลม และสารเคมที พี่ ัดมาจากพืน้ ทข่ี า้ งเคียง ภาพกิจกรรม
๔๕ เวลา ๑๗.๐๐ นาฬกิ า ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้เป็นประธานเปิดโครงการสมาชิก วุฒิสภาพบประชาชน ณ วัดศรีทรงธรรม โดยกล่าวถึงบทบาทหน้าที่ของวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญ และ ความเป็นมาของโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน จากน้ัน พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนท่ีหน่ึง ได้แสดงความยินดีต่อชาว อำเภอหนองหานว่า เป็นประวัติศาสตร์คร้ังสำคัญที่ ประธานวุฒิสภา รองประธานวุฒิสภา คนที่หน่ึง และ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ได้ลงพื้นที่พร้อมกัน ซ่ึงเป็นครั้งแรก ไม่เคยเกิดข้ึนในพื้นที่ใดมาก่อน โดย วัตถุประสงค์ของโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน คือ การมาเย่ียมเยือน สร้างขวัญกำลังใจ และมา อย่างเปน็ กัลยาณมิตร ตลอดจนแนะนำเร่ืองราวของสมาชิกวฒุ ิสภาและบทบาทหน้าท่ีตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ และเร่ืองการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางการปฏิรูป ประเทศ ตลอดจนเร่ืองรับฟังความคิดเห็นและทำความเข้าใจด้านรัฐธรรมนูญและกฎหมายรวมทั้งการ ประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย มาสนทนาและเปิดโอกาสให้ประชาชนชนได้มีสว่ นรว่ มในการเสนอข้อมูล และข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์ ให้แก่ท่านสมาชิกวุฒิสภา เพ่ือจะได้นำไปสู่การพิจารณา การกล่ันกรอง และการพัฒนากฎหมาย ได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพมากย่ิงขึน้ ภาพกจิ กรรม หลังจากนั้นได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้สนทนากับสมาชิกวุฒิสภาในลักษณะถาม-ตอบ ซึ่งได้มี ประชาชนนำเสนอคำถาม ความคิดเห็น และบอกเล่าแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง ให้แก่สมาชิกวฒุ ิสภา ดงั นี้ ๑. ดร.ยงยุทธ สิมสีพิมพ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการวิชาชีพครูและนักบริหารการศึกษา อำเภอหนองหาน นำเสนอประเด็น การปฏิรูปกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้มุ่งเน้นไปท่ีการพัฒนา สถานศึกษาให้เป็นนิติบุคล เพ่ือความคล่องตัวรวดเร็วในการดำเนินงาน รวมถึงการกระจายอำนาจด้าน งบประมาณและการบริหารบุคลากร การจัดสรรงบประมาณให้กับโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล เกี่ยวกับอาคารสถานท่ี รวมถึงจำนวนครูและบุคลากรให้เพียงพอ และโรงเรียนขนาดเล็กไม่มีผู้บริหาร เน่ืองจากถูกตัดตำแหน่งไป ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านการบริหารจัดการภายในสถานศึกษา โรงเรียนและ ชุมชนขาดแคลนน้ำ เพ่ือใช้ในการอุปโภคและบริโภค จึงขอให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือโดยการขุดเจาะ บ่อนำ้ บาดาล และขุดลอกหนองนำ้ สาธารณะให้สามารถกักเก็บนำ้ ใชไ้ ด้ตลอดทัง้ ปี
๔๖ โดยรองศาสตราจารย์ศักด์ิไทย สุรกิจบวร สมาชิกวุฒิสภา ได้ตอบคำถามประเด็นดังกล่าว ว่าประเด็นการปฏิรูปกระทรวงศึกษาธิการ สมาชกิ วุฒิสภาได้ตั้งคณะทำงานประสานกับรฐั มนตรวี ่าการ กระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับการปฏิรูปด้านการศึกษา ซึ่งจะมีคำตอบในเร็วๆ น้ี โดยเชื่อว่าจะทำให้ ทุกท่านพึงพอใจ ส่วนในประเด็นโรงเรียนขนาดเล็กน้ัน หากไม่จำเป็นก็จะไม่มีการยุบ โดยจะมีการ หลอมรวมเป็นกลุ่มโรงเรียนให้มีพลังสามารถดำเนินการทำกิจกรรมการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ ซ่ึงคณะทำงานได้นำเสนอแนวทางต่อกระทรวงศึกษาเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ รองประธานวุฒิสภา คนท่ีหนง่ึ ไดแ้ จง้ ว่า หากมคี วามคืบหนา้ ในประเดน็ ดงั กลา่ วจะไดแ้ จง้ ให้ทราบอีกครง้ั หนึ่ง ๒. นายอฤเดช แพงอะมะ ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มวนเกษตรอำเภอทุ่งฝน ได้นำเสนอ โครงการป่าประชารัฐ ๑ ไร่ ๑ ล้านบาท โดยรัฐให้ทุน และชุมชนเป็นผู้รักษา ซึ่งให้ประชาชนในชุมชน ปลูกป่าครัวเรือนละ ๑ ไร่ โดยใน ๑ ไร่ มีพืชหลายหลายท่ีเป็นอาหารได้ และผลิตภัณฑ์ ต่าง ๆ รัฐจะ ลงทุนใหเ้ พยี ง ๓ ปี และชาวบ้านจะดำเนนิ การดแู ลรกั ษาต่อไป ทง้ั น้ี สมาชิกวุฒสิ ภา ได้รบั วา่ จะนำไปเผยแพรต่ อ่ ไป ๓. นายเกียรติศักด์ิ ดวงพรหม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพนงาม ขอความอนุเคราะห์ สนับสนุนงบประมาณโครงการขุดลอกหนองทุ่งยั้ง บ้านทุ่งย้ัง หมู่ท่ี๔ ตำบลโพนงาม อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี เน่ืองจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการท่ีเกินศักยภาพขององค์การบริหารส่วนตำบล โพนงาม ทง้ั นเ้ี พื่อใชใ้ นการอุปโภค และเป็นแหลง่ น้ำเพอื่ การเกษตร โดยประธานวุฒสิ ภา ได้แจ้งว่าข้อเสนอดังกลา่ วจะได้รบั ไปนำเสนอตอ่ รฐั บาลต่อไป ๔. นายบุญแถน ยอดแก้ว ประธานกลุ่มไม้ดอกบ้านห้วยสำราญ ขอการสนับสนุนศักยภาพ ความสามารถในการรองรับนักท่องเท่ียวท่ีมีจำนวนเพ่ิมมากข้ึน และขอการสนับสนุนอุปกรณ์ในการ ดงึ น้ำจากแหลง่ น้ำใกล้เคียงได้แก่ ท่อส่งน้ำและระบบไฟฟ้าในการสูบน้ำมาใช้การเกษตร (การเพาะปลูก ไมด้ อก) โดย รองประธานวุฒิสภา คนท่ีหนึ่ง ได้ช้แี จงว่า ปญั หาดงั กลา่ วสามารถดำเนนิ การแก้ไขได้ใน ๓ ระดับ ระดับแรก คือในระดบั จงั หวัด ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดจะมีงบประมาณในการแก้ไขปญั หาส่วนหนึ่ง โดยสามารถจัดลำดับความสำคัญจัดทำโครงการแก้ไขปัญหาได้ ระดับท่ี ๒ วุฒิสภาจะนำไปนำเสนอยัง กระทรวง กรมที่เก่ยี วข้อง ระดับที่ ๓ กรณี มีมติคณะรัฐมนตรีหรอื กฎหมายท่ีเกี่ยวข้อง จะสง่ เรื่องไปยัง นายกรัฐมนตรโี ดยตรง โดยจะนำไปพจิ ารณาวา่ อยูใ่ นระดบั ใด และจะไดด้ ำเนินการตามระดับทเี่ กย่ี วข้อง ๕. นายปณพล ภมู ิวัตร นายกเทศมนตรตี ำบลหนองเม็ก ได้นำเสนอเร่ืองการเพ่ิมคา่ ตอบแทน ผู้บรหิ ารทอ้ งถิ่น ซ่งึ เมอ่ื เทยี บกับหนา้ ทีอ่ ำนาจและความรบั ผิดชอบ รวมท้ังข้อจำกดั ในการประกอบอาชพี ส่วนตัวตามกฎหมายว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ทำให้ไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ และค่าครองชีพ และเรื่องการขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ ของผู้บริหารท้องถิ่น โดยใช้หลักเกณฑ์ของข้าราชการการเมือง ซ่ึงจะเป็นเกียรติแก่ผู้บริหารท้องถ่ิน ในการร่วมงาน พระราชพิธี หรือรฐั พิธี
๔๗ ทงั้ น้ี นายสุชยั บุตรสาระ สมาชกิ วุฒิสภา วา่ ในคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น วฒุ ิสภา ได้มีการพูดคุยเรื่องค่าตอบแทนอยู่ ทั้งนี้จะได้นำข้อเสนอในวันนี้ไปเป็นข้อมูลให้การนำเสนอต่อรัฐบาล ไม่ใช่เพียงผู้บริหารท้องถ่ิน แต่ยังรวมไปถึงแพทย์ตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กรณีเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ เป็นเรื่องที่มีกฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งอาจต้องมีการแก้ไขกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ จะนำไปเป็นข้อมูลในการ นำเสนอตอ่ ไป ๖. นายบรรหาร นิจคำหาญ กำนันตำบลโพนงาม นำเสนอขอให้ปรับเพิ่มค่าตอบแทนของ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เนื่องจากภาระหน้าที่ และค่าครองชีพท่ีสูงข้ึน ดังน้ี กำนัน ๑๕,๐๐๐ บาท/เดือน ผู้ใหญ่บ้าน ๑๓,๐๐๐ บาท/เดือน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ๘,๐๐๐ บาท/เดือน และคณะกรรมการหมู่บ้าน ควรได้รับค่าตอบแทนจากการทำงาน รวมถึงการออกเอกสารสิทธิท่ีดิน ใน เขต ๗. นายสบุ รรณ บุตรวงศ์ ได้สอบถามวา่ การเลอื กตง้ั ทอ้ งถ่นิ จะเกดิ ข้ึนหรอื ไม่ ถ้าเกิดขึน้ ต้องใช้ ระยะเวลานานเทา่ ใด ๘. นางมิ่งเมือง บุรินทร์นิตย์ ขอรับการสนับสนุนการท่องเที่ยวในท้องถิ่น อาทิ บ้านเชียง รวมทั้งการรณรงค์ให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวสวมใส่เส้ือผ้าพ้ืนเมือง และสนับสนุน OTOP นวัตวิถี ของจังหวดั อดุ รธานี ๙. นายธีระพงษ์ พลม่ัน และนางนิตยา องอาจ ได้นำเสนอโครงการโคกหนองนาโมเดล และ ขอให้ภาครัฐสนบั สนุนให้ขยายโครงการโคกหนองนาโมเดล ในพน้ื ทีจ่ ังหวดั อดุ รธานี ๑๐. นายรงุ่ เรือง ปัณณราช สาธารณสุขอำเภอหนองหาน ประธานสาธารณสุขแห่งประเทศ ไทย สาขาอดุ รธานี ไดก้ ล่าวขอบคณุ รฐั บาลในการประกาศห้ามใชส้ ารเคมี ๓ ชนิด ในการทำการเกษตร รวมทั้งนำเสนอขอให้มีการเพิ่มเบ้ียยังชีพผู้สูงอายุ และขอให้สนับสนุนเรื่องความก้าวหน้าในอาชีพของ ขา้ ราชการโรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพตำบล (รพสต.) ๑๑. นางปิยธิดา ชีชวาลย์ นำเสนอความคิดเห็นเก่ียวกับนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล เช่น นโยบายเร่ืองสมุนไพร นโยบายบ่อน้ำ ให้ครบทุกตำบล นโยบายการจัดการฝุ่นมลพิษ เช่น การตัดอ้อย โดยไม่เผา ท้ังนี้ต้นเหตุของปัญหา คือการขาดแคลนแรงงาน เครื่องจักรในการตัดสด จึงมีการเผาทำให้ เกิดฝุ่นและควัน หากสามารถจัดหาแรงงานได้จะแก้ปญั หาได้จากต้นเหตุ นอกจากนข้ี อรับการสนับสนุน ระบบน้ำเพ่อื การเกษตร และขอความสนบั สนุนการขยายตลาดสนิ ค้าเกษตร ๑๒. นางประนอม ภกั ดีศรี กำนันตำบลหนองไผ่ เสนอให้มีการแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน โดยเสนอแนะให้แก้ไขกฎหมายเก่ียวกับยาเสพติดให้มีประสิทธิภาพมากข้ึน มีความเด็ดขาด และบทลงโทษที่หนกั ขึน้ รวมทั้ง การข้ึนคา่ ตอบแทนให้ผูน้ ำทอ้ งท่ี ๑๓. กลุ่มอุดรเฮ็ดนำแน่ แลนา กาแฟสด ๑๐ บาท ซ่ึงเป็นกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ ได้นำเสนอ แนวคิดให้ทุกภาคส่วนร่วมกันสนับสนุนการรวมกลุ่มกันทำธุรกิจกาแฟท้องถิ่น และงานฝีมือพื้นถ่ิน เพื่อสร้างอาชีพให้คนในชุมชน โดยสื่อสารทางโซเซียลมีเดีย ให้ชาวต่างชาติได้รับรู้ และสนใจเข้ามา
๔๘ ท่องเท่ียวในพ้ืนที่ ทั้งน้ี ทางกลุ่มได้จัดโครงการอุดรเฮ็ดนำแน่ เพื่อให้ชาวบ้านนำผลิตภัณฑ์มาวางขาย และนำเสนอไปสู่ชาวตา่ งชาติ ทั้งนี้ รองประธานวุฒิสภา คนที่หน่ึง ได้กล่าวในภาพรวม ตั้งแต่ ผู้นำเสนอคนที่ ๖ ถงึ ผู้นำเสนอคนท่ี ๑๓ ชื่นชมชาวหนองหาน ที่มีความตง้ั ใจในการพึ่งพาตนเอง โดยไม่พยายามรอ้ งขอจาก ภาครัฐ โดย เร่ืองต่าง ๆ ที่ได้นำเสนอวุฒิสภาจะติดตามทุกประเด็นและแจ้งกลับมาให้ทราบ ซงึ่ วฒุ ิสภาได้แต่งตั้ง คณะกรรมการโครงการสมาชกิ วุฒสิ ภาพบประชาชน ครบท้งั ๗ ภาค ซ่ึงตลอดอายุ ของวฒุ สิ ภาชดุ นี้ สมาชิกวุฒิสภาที่ประจำแตล่ ะภาคจะแวะเวยี นลงพ้นื ทม่ี าพบปะพ่ีน้องประชาชน โดยไม่ เปล่ียนหน้า มาแบบเป็นกัลยาณมิตร หากมีอะไรจะเสนอแนะ แสดงความคิดเห็นสามารถนำเสนอต่อ สมาชกิ วฒุ ิสภาได้ และจะนำไปดำเนินการประสานต่อใหต้ ามทไี่ ด้แจ้งไวแ้ ลว้ ท้ัง ๓ ระดับ ภาพกจิ กรรม จากนั้น ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้กล่าวกราบขอบพระคุณ พระครสู ุธีธรรมธร เจ้าอาวาสวัดศรีทรงธรรม และขอบคณุ ส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนในการ เข้าร่วมโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ณ วัดศรีทรงธรรม พร้อมท้ังเชิญชวนประชาชนร่วม รบั ประทานอาหารกับสมาชกิ วฒุ ิสภา เพ่ือเสริมสร้างความเป็นกนั เอง และแลกเปลย่ี นประเด็นความเห็น ซง่ึ กันและกันต่อไป โดยสมาชิกวุฒสิ ภา ไดร้ ่วมรบั ประทานอาหารกับประชาชนอย่างเปน็ กนั เอง แตล่ ะทา่ นไดแ้ ยกไป ตามโตะ๊ อาหารต่าง ๆ เพ่ือใหส้ ามารถพบประประชาชนได้อยา่ งทวั่ ถึง
๔๙ ทั้งน้ี นางจินตนา ชัยยวรรณาการ สมาชิกวุฒิสภา ได้รับเชิญจากชาวบา้ นใหร้ ่วมพิธบี ูชาพระแม่ โพสพ อันเป็นประเพณีพ้ืนถิ่นของชาวนาซึ่งมีความเชื่อว่า พระแม่โพสพเป็นเทวีแห่งข้าว เมื่อเก็บเกี่ยว ผลผลิตแล้วชาวนาจึงจัดพิธีบูชาพระแม่โพสพ เพ่ือแสดงความเคารพ สร้างขวัญ กำลงั ใจ และความเป็น สิริมงคลแก่พชื พนั ธ์ุธัญญาหาร และตนเอง ตอ่ ไป ภาพกจิ กรรม จากนั้น ชาวบ้านหนองดินจี่ ได้กราบเรียนเชิญ ประธานวุฒิสภา และเรียนเชิญ รองประธาน วุฒิสภา คนท่ีหน่ึง รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง พร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภา ร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ อนั เป็นประเพณีวัฒนธรรมอันดงี ามของถิ่นอีสานในการตอ้ นรบั แขกท่มี าเยย่ี มเยอื น ภาพกจิ กรรม วันศกุ รท์ ่ี ๒๔ มกราคม ๒๕๖๓ เวลา ๐๘.๓๐ นาฬิกา
๕๐ พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง นำคณะสมาชิกวุฒิสภาร่วมเคารพ ธงชาติและทำกิจกรรมหน้าเสาธง กบั ผ้บู รหิ าร คณาจารย์ และนักศกึ ษาวทิ ยาลัยการอาชีพหนองหาน ภาพกิจกรรม โดยนกั ศึกษาได้ทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ หนา้ เสาธง นอกจากการเคารพเพลงชาติ และเชญิ ธงชาติขน้ึ สู่ ยอดเสาแล้ว ยังมีการ สวดมนต์ แผ่เมตตา ปฏิญาณตนด้วยศีลห้า ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และกล่าวทบทวนปรัชญา วิสยั ทศั น์ และอัตลักษณ์ ของวทิ ยาลัยการอาชีพหนองหานดว้ ย ในการนี้ พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนท่ีหนึ่ง ได้กล่าวทักทาย ผู้บริหาร คณาจารย์ และนักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพหนองหาน พร้อมท้ังชื่นชมในการแสดงออกถึง ความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ผ่านกิจกรรมหน้าเสาธงของวิทยาลัยการอาชีพ หนองหาน ซ่ึงจะเป็นการปลกู ฝังให้เยาวชนมคี วามเคารพ เทิดทนู สถาบันหลักของชาติ พรอ้ มทั้งได้แสดง ความยินดีต่อผู้บริหาร คณาจารย์ และนักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพหนองหาน ว่าเป็นประวัติศาสตร์ ครั้งสำคัญท่ี ประธานวุฒิสภา รองประธานวุฒิสภา คนท่ีหนึ่ง และรองประธานวุฒิสภา คนท่ีสอง ไดล้ งพน้ื ที่เยย่ี มเยียนวิทยาลยั การอาชีพหนองหานพรอ้ มกนั ทงั้ ๓ ทา่ น ซงึ่ ไม่เคยเกดิ ขึน้ ทีไ่ หนมาก่อน นอกจากนี้ พลเอก สิงหศ์ ึก สิงหไ์ พร รองประธานวุฒิสภาคนท่ีหนึ่ง ยงั ได้แนะนำรองประธาน วฒุ ิสภา คนทสี่ อง และสมาชกิ วุฒิสภาแตล่ ะท่าน พรอ้ มประวัตแิ ละตำแหน่งในคณะกรรมาธิการ ประจำ วฒุ ิสภาของแต่ละท่าน ต่อผู้บริหาร คณาจารย์ และนกั ศกึ ษาดว้ ย จากน้ัน พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ได้เชิญรองศาสตราจารย์ ประเสริฐ ป่ินปฐมรัฐ สมาชิกวุฒิสภา บอกเล่าประสบการณ์ในการเป็นนักศึกษาสายอาชีวะศึกษา ตลอดจนเปน็ ครอู าชวี ะ จนเป็นอธิการบดมี หาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธญั บรุ ี โดยรองศาสตราจารย์ ประเสริฐ ป่ินปฐมรัฐ สมาชิกวุฒิสภา ได้กล่าวว่ามีความภาคภูมิใจในการเป็นนักศึกษาอาชีวะ ซ่ึงสามารถหาเงินได้เองตั้งแต่จบระดับชั้น ปวช.สามารถเรียนต่อ ระดับ ปวส. โดยไม่รบกวนเงินพ่อแม่ และเรียนต่อระดับปริญญาตรีได้เช่นกัน จากน้ัน ท่านได้เป็นครูอาชีวะ ได้สอนนักศึกษาอาชีวะ เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย จึงภาคภูมิใจท่ีได้สร้างทรัพยากรบุคคลออกสู่ตลาดแรงงาน พร้อมทั้ง ได้เน้นย้ำวา่ นักศึกษาทุกคนเป็นทุนมนษุ ย์ท่ีประเมินค่าไม่ได้ในระบบเศรษฐกิจ และในฐานะเด็กอาชีวะ ศกึ ษาเช่นกนั จึงขอให้ทุกคนภาคภูมิใจและตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เนื่องจากเด็กอาชวี ะจะเป็นผู้สรา้ งสรรค์ นวัตกรรม และความเจริญของประเทศดว้ ยเช่นกัน
๕๑ ภาพกจิ กรรม ลำดับต่อมา ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้กล่าวเปิดโครงการ สมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน : กิจกรรมสมาชิกวุฒิสภาพบเยาวชน ณ วิทยาลัยการอาชีพหนองหาน โดยสรุปว่า การศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการพัฒนาคนและพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า หากไดร้ บั การพัฒนาใหเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพย่อมเปน็ ประโยชนต์ อ่ การพฒั นาประเทศในอนาคต ทุกคนในทน่ี ้ี จึงถือว่าเป็นทรัพยากรมนุษย์ท่ีมีความสามารถมีความสำคัญอย่างย่ิงต่อตลาดแรงงานอุตสาหกรรม ในอนาคตของไทย เพื่อท่ีจะสามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้ นอกจากความรู้ที่จำเป็นต่อการ ประกอบอาชีพแล้ว ความเป็นนักประชาธิปไตยก็เป็นเรื่องสำคัญในการเตรียมความพร้อมของเยาวชน ท่ีจะเติบโตเป็นผใู้ หญ่ท่ีดีในอนาคต โดยการสรา้ งนิสัยให้ร้จู กั ระเบียบ ข้อบงั คบั กฎเกณฑ์และกติกา รจู้ ัก รบั ผิดชอบตอ่ หน้าท่ีของตนพรอ้ มรบั ฟังความคิดเห็นจากผู้อ่นื ซึ่งถอื เป็นส่ิงสำคัญท้งั ในสังคมการทำงาน และประเทศชาติ จากน้ัน พลเอก สิงหศ์ ึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ไดก้ ล่าวถงึ วัตถุประสงค์ของ โครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน : กิจกรรมสมาชิกวุฒิสภาพบเยาวชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ทจ่ี ะมาทำความรู้จัก และสร้างความคุ้นเคย กับเยาวชนและวิทยาลัยการอาชีพหนองหาน ตลอดจนแนะนำ เรื่องราวของสมาชิกวุฒิสภาและบทบาทหน้าท่ีตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ว่าเรื่องสำคัญที่สุดของสมาชิกวุฒิสภาชุดน้ี คือ การปฏิรูปประเทศให้ได้ภายใน ๕ ปี ถือเป็นงานหลักที่ รัฐธรรมนญู ได้กำหนดไวใ้ นบทเฉพาะกาล รวมท้ังส่งเสรมิ เรื่องการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อนั มพี ระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ การนอ้ มนำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางการปฏิรูป ประเทศ ภาพกิจกรรม
๕๒ จากน้นั ไดม้ ีการแบ่งกลุม่ ย่อยเพื่อรว่ มกนั ทำกิจกรรมร่วมกับเยาวชนนกั ศกึ ษาวทิ ยาลยั การอาชีพ หนองหาน จำนวน ๔ กลุ่ม เพื่อรับฟังข้อมูลข้อเสนอแนะจากเยาวชนเก่ียวกับการปฏิรูปประเทศ ประกอบด้วย โดยมรี ายละเอียด ดังนี้ กลุ่มท่ี ๑ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ ทีมวิทยากรกลุ่ม ประกอบด้วย นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนท่ีสอง พลเอก ประสาท สุขเกษตร สมาชิกวุฒิสภา นายสุชัย บุตรสาระ สมาชิกวุฒิสภา นายวีระศักดิ์ ภูครองหนิ สมาชิกวุฒสิ ภา นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนท่ีสอง ได้นำวิทยากรกลุ่ม แนะนำตัวกับ นักศึกษา และนำนักศึกษาร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีประเด็นจำนวน ๑๒ ประเด็น โดยไดเ้ ปิดโอกาสเยาวชนได้ร่วมกัน แสดงความคดิ เหน็ ดังน้ี ๑. หน้าที่ของพลเมือง ได้แก่อะไร เยาวชนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นโดยสรุปได้ว่า หน้าท่ี ของพลเมือง ไดแ้ ก่ ชายไทยมีหน้าที่ต้องเกณฑ์ทหาร การต้องไปใช้สิทธิเลือกต้ังการเสียภาษี การเคารพ กฎหมาย การปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ การไม่ร่วมมือกับการทุจริต การรักษา มรดกและวัฒนธรรม การรักษาสิง่ แวดล้อมและป่าไมข้ องประเทศ ๒. การพัฒนาการเมืองโดยระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้ดีได้ อย่างไร เยาวชนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นโดยสรุปได้ว่า การปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และ พระมหากษตั ริย์ การเคารพกฎหมายการไมล่ ะเมดิ สทิ ธผิ ูอ้ น่ื ๓. กรณพี บการดหู ม่ิน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์จะดำเนนิ การอย่างไร เยาวชนได้ร่วมกัน แสดงความคดิ เห็นโดยสรปุ ได้วา่ ทำหนา้ ทีป่ กปอ้ ง โดยการชี้แจง และอธิบาย ๔. ทำอย่างไรให้การเมืองดีข้ึน เยาวชนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นโดยสรุปได้ว่า สามารถ ทำได้โดยการเพิ่มงบประมาณด้านการศึกษาหรือส่งเสริมการศึกษา (ทุนการศึกษาไปไม่ถึงตัวเด็ก) การดแู ลสวสั ดกิ ารของประเทศ (เคร่ืองมอื ทางการแพทย์ไมเ่ พียงพอ) ๕. หลักในการปกครองระบอบประชาธิปไตยมีอย่างไร เยาวชนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยสรุปได้ว่า ได้แก่ หลักการอำนาจอธิปไตยเป้นของปวงชน หลักเสรีภาพ มีสิทธิท่ีจะพูด คิด โดยไม่ละเมิดผู้อ่ืน หลักความเสมอภาค หลักนิติธรรม สิทธิข้ันพื้นฐานของประชาชน และการเลือกต้ัง โดยใชเ้ สียงข้างมาก และรบั ฟังเสยี งข้างน้อย ๖. ประวัตศิ าสตรด์ า้ นรปู แบบปกครองของพระมหากษัตรยิ ์ไทยเป็นอยา่ งไร เยาวชนได้รว่ มกัน แสดงความคิดเหน็ โดยสรุปไดว้ า่ สมยั สโุ ขทยั ใชก้ ารปกครองแบบพอ่ ปกครองลูก รชั กาลท่ี ๕ วางรากฐาน ระบอบประชาธิปไตย รัชกาลท่ี ๖ ทรงสร้างดุสิตธานี ทดสอบรูปแบบประชาธิปไตย รัชกาลที่ ๗ เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย รัชกาลที่ ๙ ยึดหลักการครองแผ่นดินโดยธรรม รชั กาลที่ ๑๐ สืบสาน รักษาการปกครองแผน่ ดินโดยธรรม
๕๓ ๗. กรณีพบเห็นการทุจริต จะดำเนินการอย่างไร เยาวชนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นโดยสรุป ได้ว่า สามารถดำเนินการได้โดยการแจ้งหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องเพ่ือตรวจสอบ ไม่ให้ความร่วมมือและ สนับสนุนในการทุจรติ และใหข้ ้อมูลกับผู้มีอำนาจตรวจสอบ ๘. กรณีมีการละเมิดสิทธิสาธารณะ สามารถดำเนินการได้อย่างไร เยาวชนได้ร่วมกันแสดง ความคดิ เหน็ โดยสรุปไดว้ า่ สามารถดำเนนิ การไดโ้ ดยรอ้ งเรยี นตอ่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ๙. หน้าทข่ี องเยาวชนในระบอบประชาธิปไตยในการใชส้ ิทธเิ ลอื กตัง้ ตอ้ งทำอย่างไร เยาวชน ได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นโดยสรุปได้ว่า สามารถทำได้โดยการเลือกคนดี มีจริยธรรม มีคุณธรรม การพิจารณานโยบายของพรรคการเมือง การไม่ซ้ือสิทธิซ้ือเสียง การไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งทำให้ไม่ สามารถสมคั รเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ๑๐. สิทธิเสรีภาพ มีหลักการอย่างไร เยาวชนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นโดยสรุปได้ว่า การมีสิทธเิ สรภี าพควรมีกฎหมายคมุ้ ครองความเป็นส่วนตัว ควรตรวจสอบความจริงก่อนการสง่ ตอ่ หรือ เผยแพร่ และการไมล่ ะเมดิ สทิ ธเิ สรภี าพของผู้อน่ื ๑๑. หน้าที่ในการเสียภาษี มีอย่างไร เยาวชนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นโดยสรุปได้ว่า ควรมีการลดหยอ่ นภาษี เนอ่ื งจากเศรษฐกิจไม่ดี ควรลดหยอ่ นการเกบ็ ภาษีนำเข้า ๑๒. รายได้ของรฐั บาลมีท่ีมาอยา่ งไร เยาวชนไดร้ ว่ มกนั แสดงความคิดเห็นโดยสรปุ ได้ว่า มีทีม่ า จากการเกบ็ ภาษี การสง่ ออกสินค้า ภาพกิจกรรมกล่มุ ที่ ๑ กลุ่มที่ ๒
๕๔ การน้อมนำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสกู่ ารพฒั นาคุณภาพชีวติ ทมี วิทยากรกลุม่ ประกอบด้วย พลโท จเรศักณิ์ อานุภาพ สมาชิกวุฒิสภา นายสมเดช นลิ พันธ์ุ สมาชิกวฒุ สิ ภา นายออน กาจกระโทก สมาชิกวุฒิสภา พลโท จเรศักณิ์ อานุภาพ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวแนะนำทีมวิทยากรกลุ่ม ๒ พร้อมกับสร้าง ความคุ้นเคยกับน้อง ๆ เยาวชนที่เข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่มในวันน้ี โดยได้บรรยายเบื้องต้นให้น้องเยาวชนได้ ทราบในเร่ืองของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ก่อนท่ีจะนำเยาวชนร่วมแสดงความคิดเห็นในการ นำหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใชเ้ พื่อพัฒนาคุณภาพชีวติ พรอ้ มทั้งมแี นวข้อเสนอแนะ ซึ่ง บรรยากาศในวงเสวนากลุ่มเป็นไปด้วยความเรียบร้อย น้อง ๆ เยาวชนสนุกสนานและได้แสดงความ คดิ เห็นกันหลากหลาย ภายหลังจากการรับฟังความคิดเห็นและทำความเข้าใจเก่ียวกับการน้อมนำหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงสูก่ ารพัฒนาคุณภาพชวี ิต จากเยาวชนนักศึกษาภายในกลุ่มได้แสดงความคิดเหน็ อย่าง เต็มทแี่ ละได้ส่งตัวแทนกล่มุ ที่ ๒ ไปนำเสนอข้อความคดิ เกี่ยวกบั กฎหมายในมุมมองของเยาวชนนักศกึ ษา จากการเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและน้อมนำมาปรับใช้สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต สรุปความได้ ดงั นี้ หลกั ๓ หว่ ง ๒ เงื่อนไข หลกั ๓ หว่ ง ประกอบไปดว้ ย ความพอเพยี ง ความมีเหตผุ ล ความมีภูมคิ มุ้ กันตนเองทีด่ ี หลัก ๒ เง่ือนไข ประกอบไปด้วย ความรู้ คือ การมีความรอบรู้ ความรอบครอบ และความ ระมดั ระวงั คุณธรรม คอื ความซ่ือสตั ยส์ ุจรติ ความขยันอดทน ความมสี ติปญั ญา และ การรจู้ กั แบ่งปนั โดยในมมุ มองของเยาวชนและนักศึกษากลุ่มท่ี ๒ เหน็ ว่า การนอ้ มนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งสูก่ ารพฒั นาคณุ ภาพชวี ิต จะสามารถดำเนินการได้ ดังน้ี หลัก ๓ หว่ ง แนวทางหลกั ความพอเพยี ง เช่น ปลูกผกั ทานเอง ไมต่ ามแฟช่นั ประหยดั อดออม ออมเงนิ ไวใ้ ช้ ในวันขา้ งหน้า ซอื้ ของเทา่ ทจ่ี ำเป็น เปน็ ต้น แนวทางหลักความมีเหตุผล เช่น ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สร้างมูลค่าสินค้า หารายได้ ซื้อของเท่าที่ จำเปน็ เป็นตน้ แนวทางหลักความมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตนเอง เช่น คิดก่อนท่ีจะกระทำส่ิงต่าง ๆ มีความ รับผดิ ชอบต่อหนา้ ท่ี ออมเงินไว้ใชใ้ นวนั ขา้ งหนา้ เป็นต้น ท้ังนี้จะพบว่า น้องเยาวชนนำเสนอเรื่องออมเงินไว้ใช้ในวันข้างหน้า อยู่ในหลักความพอเพียง และหลักความมีภูมิคุ้มกันตนเองที่ดี และ เรื่องซื้อของเท่าที่จำเป็น อยู่ในหลักความพอเพียง และหลัก ความมเี หตผุ ล หลัก ๒ เง่ือนไข แนวทางตามเงื่อนไขความรู้ (รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง) เช่น วางแผนการใช้ชีวิตในอนาคต ตรวจสอบข้อมูลกอ่ นท่ีจะซื้อสินค้า สวมหมวกกนั น๊อคทุกคร้ังที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อความปลอดภัย จากอุบัตเิ หตุ เป็นตน้
๕๕ แนวทางตามเงื่อนไขคุณธรรม เช่น ประกอบอาชีพสุจริต แบ่งปันผลผลิตที่ได้ให้กับเพ่ือนบ้าน เป็นตน้ ท้ังน้ี น้อง ๆ เยาวชนได้นำเสนอสรุปว่าหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะเป็นส่ิงท่ีทำให้ การดำเนินชีวิตมีความสุข มุ่งเน้นการป้องกันมากกว่าการแก้ไข และสามารถปรับตัวให้พร้อมสำหรับ ความเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ภาพกิจกรรมกลมุ่ ที่ ๒ กลุ่มท่ี ๓ อาชีวะก้าวไกลส่ยู คุ ดิจทิ ลั Thailand ๔.๐ ทีมวทิ ยากรกลมุ่ ประกอบดว้ ย นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวฒุ สิ ภา รองศาสตราจารย์ ประเสริฐ ปนิ่ ปฐมรฐั สมาชกิ วุฒสิ ภา รองศาสตราจารยศ์ กั ดไ์ิ ทย สรุ กิจบวร สมาชกิ วฒุ สิ ภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้กล่าวแนะนำทีมวิทยากรกลุ่ม ๓ พร้อม กับสร้าง ความคุ้นเคยกับน้อง ๆ เยาวชนท่ีเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มในวันนี้พร้อมกับนำเสนอหัวข้อสนทนาของกลุ่ม ท่ี ๓ ในประเดน็ เร่อื ง อาชีวะก้าวไกลสู่ยคุ ดจิ ิทลั Thailand ๔.๐ โดยได้อธิบายให้น้อง ๆ เยาวชน กลมุ่ ท่ี ๓ ซง่ึ เปน็ นักศึกษาแผนกชา่ งยนต์ ได้รบั ฟังเรอ่ื งราวการพฒั นาเศรษฐกิจของไทย ในยคุ ตา่ ง ๆ ตั้งแต่ ยุค Thailand ๑.๐ ที่เน้นการเกษตรกรรม ใช้แรงงานมนุษย์ยุค Thailand ๒.๐ เน้นอุตสาหกรรมเบา ใช้ แรงงานมนุษย์ ร่วมกับเครื่องจักร เช่น การผลิตเครื่องนุ่งห่ม เคร่ืองประดับ ยุค Thailand ๓.๐ เน้นอุตสาหกรรมหนัก เช่น ช้ินสว่ นยานยนต์ แผงวงจรไฟฟ้า โดยอาศยั เทคโนโลยีขั้นสูง และในยุค Thailand ๔.๐ จะเป็นการมุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมมาช่วยในการผลิต ทั้งนี้ จะมีลักษณะท่ีจะเพ่ิม
๕๖ มูลค่าของสินค้า ให้ได้ค่าตอบแทนที่มากข้ึน และนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในพัฒนาผลิตภัณฑ์ หลังการรับฟังความเป็นมาไดใ้ ห้ เยาวชนได้นำเสนอความคิดว่าจากการศกึ ษาดา้ นอาชีวะศกึ ษาของ นอ้ ง ๆ แผนกชา่ งยนต์ จะนำเสนออะไรให้สอดรับกบั ยคุ Thailand ๔.๐ ท้ังน้ี น้อง ๆ แผนกช่างยนต์ได้นำเสนอส่ิงที่อยากสร้างสรรค์ และทำในยุค Thailand ๔.๐ ได้แก่ ผลิตรถยนต์ไร้คนขับ โดยใช้ระบบ GPS เป็นตัวนำทาง และมีระบบ AI ในการหลบหลีก ส่ิงกีดขวางด้วยตัวเอง ผลิตรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่ผลิตโดยเด็กอาชีวะศึกษาไทย ผลิตรถยนต์บินได้ ท่ีพัฒนาโดยเด็กอาชีวะศึกษาไทย ผลิตโดรน (อากาศยานไร้คนขับ) สำหรับส่งอาหาร เพ่ือตอบสนองธุรกิจการส่งอาหารในปัจจุบัน ผลิตเรือรบท่ีควบคุมด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ผลิตรถไถ รถเก่ียวข้าวไร้คนขับ รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน ตาเทพ หรอื กล้องตรวจสอบอัตลักษณ์ ส่วนบุคคล เครื่องเปล่ียนขยะเป็นดิน เพื่อลดปริมาณขยะ และเร่งการย่อยสลาย และหุ่นยนต์ สำหรับปฏิบตั งิ านบรกิ าร นอกจาก นี้ น้อง ๆ เยาวชนกล่มุ ๓ ได้แสดงความเห็น ภายใต้แนวคิดวา่ “เราจะเป็นช่าง” โดยกำหนดเป็นแนวทางปฏิบัติ ได้แก่ จะต้ังใจเรียน และตั้งใจปฏิบัติ กล้าลองผิดลองถูก พยายาม ทำส่ิงที่คิดให้สำเร็จ วางแผนก่อนการปฏิบัติ ใช้หลัก ๕ ส. มีความคิดสร้างสรรค์ ทำงานเป็นทีม เริม่ จากผสู้ อน (ครู/อาจารย)์ เป็นลำดบั ๑ ทั้งน้ี การนำเสนอของเยาวชนกลุ่มที่ ๓ มุ่งเน้นการนำนวัตกรรม และปัญญาประดิษฐ์มา แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประเทศ รวมท้ังยกระดับการพัฒนาสินค้าและบริการให้มีความ สะดวกสบาย ปลอดภัยมากยิง่ ข้ึน อน่ึง เยาวชนกลุ่ม ๓ ได้นำเสนอ ส่ิงท่ีสถาบันอาชีวะศึกษาควรได้รับการสนับสนุน เพ่ือให้ พัฒนาสู่ยุคดิจิทัล Thailand ๔.๐ ได้แก่ โครงการนักศึกษาระหว่างประเทศ ได้รับการสนับสนุน อปุ กรณ์ที่ทันสมัยในสถานศึกษา เพือ่ การศึกษา ให้มีการศึกษานอกสถานท่ี สนับสนุนที่พักระหว่าง เรยี น โครงการโรงเรียนโรงงาน จบแล้วมีงานรองรับ โดยได้รับการสนับสนนุ จากภาครฐั ภาพกจิ กรรมกลมุ่ ท่ี ๓
๕๗ กลมุ่ ที่ ๔ อาชีวะกับตลาดอาเซยี น และเขตพัฒนาพเิ ศษภาคตะวันออก (EEC) ทีมวิทยากรกลุ่ม ประกอบด้วย พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หน่ึง และนางจินตนา ชัยยวรรณาการ สมาชกิ วุฒสิ ภา พลเอก สิงห์ศึก สงิ ห์ไพร รองประธานวฒุ ิสภา คนที่หน่ึง ได้กลา่ วแนะนำทีมวทิ ยากรกลุ่ม ๔ และได้อธิบายความเป็นมาของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor (EEC) ว่าเป็นการพัฒนาเชิงพ้ืนที่ที่ต่อยอดความสำเร็จมาจากโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝ่ังทะเล ตะวันออกหรอื Eastern Seaboard ภายใต้แผนยทุ ธศาสตร์ Thailand ๔.๐ ครอบคลมุ พืน้ ท่ี ๓ จังหวดั ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ซึง่ เป็นพื้นทเี่ ช่ือมต่อการคา้ การลงทนุ กบั ประเทศในภมู ิภาคอาเซียน ในพื้นที่ดังกลา่ วจะมกี ารส่งเสรมิ ใหม้ ีอตุ สาหกรรมใหม่ ๆ เชน่ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมการบิน อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพ และอุตสาหกรรมดิจิทัล โดย อุตสาหกรรมเหล่าน้ี ล้วนต้องการแรงงานวิชาชพี ท่มี ีทักษะ ความชำนาญ โดยน้อง ๆ อาชีวะจะได้เปรยี บ จากการศึกษาวิชาชีพโดยตรง ทั้งน้ี เมื่อน้อง ๆ เยาวชนศึกษาจบแล้ว หากต้องการไปทำงานในเขต เศรษฐกจิ พิเศษภาคตะวนั ออก จำเปน็ ต้องพัฒนาตนเองอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เป็นต้น จากนั้น นักศึกษาซึ่งเป็นแผนกช่างไฟฟ้าได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับการอาชีวะกับ ตลาดอาเซียน และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยหากต้องการไปทำงานในพื้นที่ดังกล่าว จะต้องทำอย่างไร กล่าวคือ รู้จักภาษาต่างประเทศเป็นภาษาที่ ๓ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญ่ีปุ่น เป็นต้น การพัฒนาความสามารถด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะด้าน หุ่นยนต์ การใช้เงินตรา ต่างประเทศ การเตรยี มเอกสาร การรู้กฎหมายเกี่ยวกับ EEC และทเี่ กี่ยวข้อง ภาพกจิ กรรมกลุ่มท่ี ๔ จากนั้น พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หน่ึง ได้กล่าวปิดกิจกรรมสมาชิก วุฒิสภาเยาวชน ณ วิทยาลัยการอาชีพหนองหาน และขอขอบคุณนักศึกษาทุกคนท่ีได้ให้ความร่วมมือ เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งน้ี พร้อมท้ัง เชิญชวนเยาวชนร่วมรับประทานอาหารกลางกันกับสมาชิกวุฒิสภา โดย กลุ่มเยาวชนทุกคนได้ร่วมกันเดินเข้าแถวเพ่ือแสดงความขอบคุณ รองประธานวุฒิสภา คนที่หน่ึง รองประธานวฒุ สิ ภา คนท่ีสอง และคณะสมาชกิ วุฒิสภา กอ่ นไปรบั ประทานอาหารรว่ มกัน
๕๘ ภาพบรรยากาศนกั ศึกษาวทิ ยาลยั การอาชพี หนองหานแสดงความขอบคุณ คณะสมาชกิ วฒุ สิ ภา จากน้นั เวลา ๑๓.๐๐ นาฬิกา นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ได้ทำหน้าท่ีผู้ดำเนินรายการ ในการแลกเปล่ียนความคดิ เห็นระหวา่ งสมาชกิ วฒุ สิ ภากบั ผู้บริหาร และคณาจารย์ของวทิ ยาลยั การอาชพี หนองหาน ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาจะได้นำไปเป็น ข้อมูลประกอบการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งในส่วนของ การพิจารณากล่ันกรองกฎหมาย การพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการท่ีเกี่ยวข้อง รวมท้ังการให้ ข้อเสนอแนะไปยงั รัฐบาล ตามหนา้ ทแ่ี ละอำนาจของวุฒิสภา โดยมสี าระสำคัญเกี่ยวกบั การจดั การศึกษา ด้านอาชีวะศึกษา ดังน้ี ๑. การทำวิทยาฐานะของข้าราชการครู ซึ่งทำให้ประสบความลำบากมาก จากกฎเกณฑ์ การประเมินที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด โดย นายออน กาจกระโทก สมาชิกวุฒิสภา ได้ช้ีแจงว่า เกณฑ์การประเมินดังกล่าว วัตถุประสงค์ครั้งแรกมิใช่แบบนี้ แต่เม่ือนำไปใช้กลับมีการตีความจนเกิด ปญั หาและอปุ สรรค ทั้งนี้ ปัจจบุ นั คณะกรรมาธิการการศึกษาได้พิจารณาเรื่องนี้ และได้จัดทำข้อเสนอไป ยังกระทรวงศึกษาธิการและประสานเพ่ือให้มีการปรับเกณฑ์ดังกล่าว โดยอยู่ระหว่างการจัดทำ หลักเกณฑใ์ หม่ ๒. ด้านบุคลากร เนื่องจากบุคลากรของวิทยาลัยการอาชีพหนองหาน ส่วนใหญ่ไม่ได้รับ การบรรจุเป็นขา้ ราชการ แตเ่ ป็นครอู ตั ราจ้างพเิ ศษ จากเงินอดุ หนนุ ของวทิ ยาลยั การอาชีพหนองหาน ทำ ใหป้ ระสบปญั หาต่าง ๆ ดงั นี้ ๒.๑ รายได้ของครูไม่เพียงพอต่ออัตราค่าครองชีพ เน่ืองจากครูอัตราจ้างพิเศษได้รับ เงนิ เดือนเพียงเดือนละ ๘,๐๐๐ บาท ซึ่งเมือ่ เทียบกับค่าครองชพี ในสภาพเศรษฐกิจปัจจบุ ันถือไดว้ ่านอ้ ยมาก ๒.๒ สืบเน่ืองจากรายได้ที่ไม่เพียงพอ ทำให้มีครูซ่ึงสอบบรรจุกับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน หรือหน่วยงานอื่นได้ ลาออกจากการเป็นครูอัตราจ้างพิเศษระหว่างเทอม เป็นปัญหาและอุปสรรคในการ จัดการเรียนการสอน ๒.๓ จากการทีต่ ้องนำเงนิ อุดหนนุ ของวิทยาลัยการอาชีพหนองหานมาจดั จ้างครอู ัตราจา้ งพิเศษ ทำให้ งบประมาณสำหรับการจัดหาวัสดุ อุปกรณ์สำหรับการเรียน การสอนไม่เพียงพอ โดยเฉพาะการเรียน ด้านวิชาชีพที่ต้องมุ่งเน้นการลงมือปฏิบัติ ทำให้การพัฒนาทักษะความชำนาญของนักศึกษามีข้อจำกัด ไมท่ ่ัวถงึ
๕๙ ๒.๔ กรณีการขาดแคลนบุคลากรครู ท้ังจากกรณีครูลาออกกลางเทอม หรือไม่มีงบประมาณใน การจ้างครูให้เพียงพอ ทำให้ต้องบริหารจดั การโดยให้ครูดูแลช้ันเรียนสลับหลายช้ัน ซึ่งหากเป็นการเรียนการ สอนในสายสามญั ศึกษา อาจมีปัญหาน้อย แต่ในสายอาชีวะศึกษาซ่ึงเน้นการฝึกปฏิบัติ ตอ้ งมีครูคอยควบคุม ดา้ นความปลอดภยั ในการใช้เคร่ืองมอื ดงั นัน้ การให้ครดู แู ลสลบั หลายช้ันเรียน จงึ ทำให้มีปัญหาในการที่จะให้ นักศกึ ษาไดล้ งมือปฏบิ ัติ ๓. ปัญหาด้านอาคารสถานที่และครุภัณฑ์ ซ่ึงมีไม่เพียงพอต่อจำนวนนักศึกษาท่ีเพ่ิมขึ้น การจัด กิจกรรมต่าง ๆ ใหน้ กั ศกึ ษาไม่สามารถดำเนินการได้ จงึ อยากขอการสนบั สนุนในดา้ นดงั กลา่ ว ท้งั น้ี พลเอก สิงหศ์ กึ สงิ หไ์ พร รองประธานวุฒสิ ภา คนที่หนง่ึ ไดร้ บั ที่จะนำประเดน็ ดงั กล่าวไป ดำเนนิ การหาแนวทางนำเสนอต่อผู้รบั ผิดชอบตอ่ ไป นอกจากน้ีพระครูสุธีธรรมธร เจ้าอาวาสวัดศรีทรงธรรม ในฐานะกรรมการบริหารสถานศึกษา วทิ ยาลัยการอาชีพหนองหาน ได้เสนอความเห็นเก่ียวกับการปฏิรูปด้านการศึกษาเพ่ือให้เกิดความเสมอ ภาคเท่าเทยี ม พัฒนาคนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดย พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนท่ีหนึ่ง ได้กล่าวเพ่ิมเติมเก่ียวกับการปฏิรูปด้านการศึกษา และบทบาทหน้าที่ของวุฒิสภาชุดปัจจุบัน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ท่ีต้องติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการ ปฏิรูปประเทศ และการจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ให้ประสบผลสำเร็จตามแผนการ ปฏิรูปประเทศและเป้าหมายของรัฐธรรมนูญ ซ่ึงได้มีการต้ังคณะกรรมาธิการติดตาม เสนอแนะ และ เรง่ รดั การปฏริ ปู ประเทศ และการจดั ทำและดำเนนิ การตามยทุ ธศาสตรช์ าติ ของวฒุ สิ ภา ซง่ึ พลเอก สงิ ห์ ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หน่ึง ดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าว ดังน้ัน ข้อเสนอต่าง ๆ ท่ีได้รับจะถูกนำไปพิจารณาศึกษา และจัดทำเป็นข้อเสนอแนะให้กับผู้รับผิดชอบ ต่อไป ภาพบรรยากาศการแลกเปลีย่ นความคดิ เห็นระหวา่ งสมาชกิ วฒุ สิ ภา กับผู้บรหิ าร และคณาจารย์ของวิทยาลัยการอาชีพหนองหาน
๖๐ เม่ือได้เวลาสมควร พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หน่ึง ได้กล่าวขอบคุณ ผู้บริหาร คณาจารย์ วิทยาลยั การอาชีพหนองหานท่ไี ดอ้ ำนวยความสะดวกใหโ้ ครงการสมาชกิ วุฒิสภาพบ ประชาชนดำเนินการได้อย่างลุล่วง จากน้ันพลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หน่ึง พร้อมด้วยนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง และคณะสมาชิกวุฒิสภา ได้อำลา ผบู้ ริหาร คณาจารย์ วิทยาลัยการอาชพี หนองหาน และเดนิ ทางกลบั ๒.๘ การลงพ้ืนที่พบประชาชน ณ จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดนครปฐม ระหว่างวันพุธ ที่ ๒๖ – วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี จังหวัด เพชรบรุ ี และมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏนครปฐม จงั หวดั นครปฐม วันพุธที่ ๒๖ – วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี จังหวัด เพชรบุรี และมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครปฐม จังหวัดนครปฐม คณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชิก วุฒิสภาพบประชาชน นำโดย พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนท่ีหน่ึง นำคณะสมาชิก วุฒิสภา ลงพน้ื ทพ่ี บประชาชน โดยมีรายละเอยี ดและรูปแบบของกิจกรรม ดงั น้ี วนั พุธท่ี ๒๖ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๓ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนท่ีหนึ่ง นำคณะสมาชิกวุฒิสภา พบปะผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ภายใต้กิจกรรมแลกเปล่ียนความคิดเห็นในการขับเคล่ือน การปฏิรูปประเทศ โดย พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร กล่าวถึงความเป็นมาของการปฏิรูปประเทศและ เป้าหมายในการปฏิรูปประเทศ จากนั้น ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้บริหารมหาวิทยาลัย และ สมาชิกวุฒิสภา โดยผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้นำเสนอผลการดำเนินการของมหาวิทยาลัยเก่ียวกับการ ให้ความรู้ และสนับสนุนชุมชนในพ้ืนที่รับผิดชอบของมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี เพ่ือเสริมสร้าง เศรษฐกิจของชุมชน มีการให้ความรู้การจัดทำบัญชีครัวเรือน เพ่ือลดรายจ่ายท่ีไม่จำเป็น ส่งเสริมการ พัฒนาอาชีพ รวมท้ังนำเสนอเก่ียวกับแนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเท่ียวของจังหวัดเพชรบุรีอย่างยั่งยืน โดยนำเสนอการพัฒนาพื้นที่ซ่ึงมีการกัดเซาะชายฝั่งให้มีภูมิทัศน์ในการป้องกันแนวคล่ืนที่สวยงาม สามารถเปน็ จุดชมววิ ใหแ้ กน่ ักท่องเท่ยี ว นอกจากนี้ ยงั นำเสนอเกย่ี วกบั วฒั นธรรมดา้ นอาหารของจงั หวัด เพชรบุรีท่ีมีเอกลักษณ์ โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ได้จัดหลักสูตรการศึกษาเกี่ยวกับอาหาร เพือ่ พัฒนาทรัพยากรบคุ คลในการสร้างสรรอาหารประจำถิ่นเมืองเพชรให้มีความโดดเด่น ภายใต้แนวคิด
๖๑ “เมืองเพชรเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศไทย” ท้ังยังเสนอแนะให้มีการจัดต้ังสถาบันเกลือแห่งชาติ เพื่อบรหิ ารจัดการเกลือสมทุ รที่เปน็ สนิ ค้าเศรษฐกจิ ของพน้ื ท่ีชายฝ่ังทะเล ภาพกจิ กรรม เวลา ๑๓.๓๐ นาฬกิ า กิจกรรมสมาชิกวุฒิสภาพบเยาวชน : นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี โดย พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนท่ีหน่ึง ได้ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ยุทธศาสตร์ชาติและ การปฏิรูปประเทศกับบทบาทหน้าที่ของวุฒิสภา” และรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ สนทนาถาม - ตอบ ระหว่างนักศึกษากับสมาชิกวุฒิสภา โดยนักศึกษาได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการปาฐกถา และ สอบถามเกย่ี วกบั ความสำคญั ของการปฏริ ูปประเทศ นอกจากนี้ ยงั มีเยาวชนซึ่งเป็นเด็กพิเศษได้สอบถาม เกี่ยวกับโอกาสของการมีส่วนร่วมทางการเมืองของบุคคลพิเศษ ท้ังการมีช่องทางในการให้โอกาสบุคคล พิเศษได้เสนอความเห็นการร่างรัฐธรรมนูญ การมีโอกาสเข้าไปมีบทบาทในฐานะเป็นองค์ประกอบของ คณะกรรมการทางการเมืองคณะต่าง ๆ ซึ่งทางสมาชิกวุฒิสภาได้ใหค้ วามสนใจต่อข้อเสนอดงั กล่าว และ จะไดน้ ำไปเป็นแนวทางในการปฏบิ ตั หิ น้าท่ีท่เี กย่ี วขอ้ งต่อไป
๖๒ ภาพกิจกรรม วันพฤหัสบดที ี่ ๒๗ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๓ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนท่ีหน่ึง นำคณะสมาชิกวุฒิสภา พบปะผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ภายใต้กิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการขับเคล่ือน การปฏิรูปประเทศ โดย พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร กล่าวถึงความเป็นมาของการปฏิรูปประเทศและ เป้าหมายในการปฏิรูปประเทศ จากน้ัน ได้แลกเปล่ียนความคิดเห็นระหว่างผู้บริหารมหาวิทยาลัย และ สมาชิกวุฒิสภา โดยผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้นำเสนอผลการดำเนินการของมหาวิทยาลัยเก่ียวกับการ ดำเนนิ งานของมหาวิทยาลัยในการพฒั นาคณุ ภาพการจัดการเรียนการสอน การยกระดับคุณภาพบัณฑิต ของมหาวิทยาลัย การบริการทางวิชาการต่อสังคม และชุมชนเป้าหมายที่รับผิดชอบ รวมทั้งการให้ ความรู้เก่ียวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และทฤษฏีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
๖๓ ภาพกิจกรรม เวลา ๑๓.๓๐ นาฬกิ า กิจกรรมสมาชิกวุฒิสภาพบเยาวชน : นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม โดย พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนท่ีหน่ึง ได้ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ยุทธศาสตร์ชาติและ การปฏิรูปประเทศกับบทบาทหน้าท่ีของวุฒิสภา” และรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ สนทนาถาม - ตอบ ระหว่างนักศึกษากับสมาชิกวุฒิสภา โดยนักศึกษาได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการปาฐกถา โดยได้ สอบถามเกี่ยวกับความสำคัญของการปฏิรูปประเทศ และสถานการณ์ทางการเมืองเกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ของวุฒสิ ภาตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งสมาชิกวุฒสิ ภาได้รว่ มตอบข้อซกั ถามดังกลา่ ว ภาพกิจกรรม
๖๔ ภาพกิจกรรม เวลา ๑๖.๐๐ นาฬิกา พลเอก สงิ ห์ศึก สงิ ห์ไพร รองประธานวุฒสิ ภาคนที่หน่งึ นำคณะสมาชกิ วฒุ สิ ภาเย่ยี ม ชมพื้นทีแ่ ปลงทดลองเกษตรพอเพยี ง ของมหาวทิ ยาลัยราชภัฏนครปฐม ภาพกจิ กรรม
๖๕ ๒.๙ การลงพนื้ ที่พบประชาชน ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ในวันพุธที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓ โดยจดั กิจกรรมสมาชิกวฒุ สิ ภาพบนกั เรียน ณ โรงเรยี นพรหมานุเคราะห์ อำเภอบางปะกง และกิจกรรม สมาชกิ วฒุ ิสภาพบประชาชน ณ สถานคมุ้ ครองและพฒั นาคนพกิ ารบางปะกง (บา้ นบางปะกง) วันท่ี ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓ เวลา ๐๘.๐๐ นาฬิกา ณ โรงเรียนพรหมานเุ คราะห์ จังหวดั ฉะเชงิ เทรา คณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชกิ วุฒิสภาพบประชาชนนำโดย พลเอก สงิ หศ์ กึ สงิ ห์ ไพร รองประธานวุฒสิ ภา คนท่หี น่ึง ในฐานะประธานกรรมการ มอบอปุ กรณป์ ้องกนั การตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโร นา ๒๐๑๙ ไดแ้ ก่ เครอ่ื งวดั อณุ หภมู ิ หนา้ กากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และอา่ งล้างมือ ใหแ้ ก่ นายไววทิ ย์ นาถ้ำพลอย ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นพรหมานเุ คราะห์ โดยสิ่งของดงั กล่าวไดม้ าจากเงนิ บริจาคในการ แกป้ ญั หา Covid-๑๙ ของสมาชกิ วุฒสิ ภา จากนนั้ คณะไดเ้ ขา้ เยย่ี มชมการจดั การเรียนการสอนภายใต้มาตรการเวน้ ระยะหา่ งทางสังคม ของโรงเรยี นพรหมานเุ คราะห์ ตอ่ มาเวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา เดนิ ทางไปยงั บา้ นบางปะกง สถานคมุ้ ครองและพฒั นาคนพิการบาง ปะกง เพือ่ รบั ฟงั ปญั หา ขอ้ เสนอแนะ และให้กำลงั ใจแกผ่ ู้พิการและเจา้ หน้าที่ รวมทง้ั ไดม้ อบของใชท่ี จำเป็นในการดำรงชวี ติ ให้แกผ่ ู้พกิ ารดว้ ย
๖๖ ๒.๑๐การลงพ้ืนที่พบประชาชน ณ จังหวัดลำพูน และจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันพุธ ท่ี ๑๙ – วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๓ ณ โรงเรียนวชิรป่าซาง อำเภอป่าซาง จังหวัด ลำพนู และโรงเรียนศกึ ษาสงเคราะห์เชยี งดาว อำเภอเชียงดาว จงั หวัดเชยี งใหม่ วันพุธที่ ๑๙ – วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๓ ณ โรงเรียนวชิรป่าซาง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน และโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ คณะกรรมการ อำนวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน นำโดย พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวฒุ ิสภา คนทหี่ น่ึง นำคณะสมาชิกวฒุ สิ ภา ลงพืน้ ท่ีพบประชาชน โดยมีรายละเอียดและรูปแบบของกิจกรรม ดังน้ี วันพุธท่ี ๑๙ สงิ หาคม ๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๓๐ นาฬกิ า พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง นำคณะสมาชิกวุฒิสภา พบปะเยาวชน นกั เรยี น โรงเรียนวชิรป่าซาง โดย สมาชิกวุฒิสภาได้รับฟังการนำเสนอผลการดำเนินการ เกี่ยวกับการส่งเสริมประชาธิปไตยในโรงเรียน ได้แก่ การเลือกต้ังสภานักเรียน โดยมีธรรมนูญ และ รูปแบบการเลือกตั้งท่ีเป็นระบบ และการจัดทำโครงการที่เป็นการรับผิดชอบต่อสังคม ของสภานักเรียน โรงเรียนวชิรป่าซาง เก่ียวกับการกำจัดขยะ โดยสมาชิกวุฒิสภาได้กล่าวชื่นชม และมีความประทับใจ เกยี่ วกบั การดำเนินการของสภานกั เรียน หลังจากน้ัน สมาชิกวุฒิสภาได้มอบอุปกรณ์ป้องกันการติดเช้ือไวรัส Covid-๑๙ และ อาหารวา่ งให้แก่ สภานกั เรียน เพ่อื นำไปแจกจ่ายแก่นกั เรยี นโรงเรียนวชิรป่าซางต่อไป จากน้ัน คณะสมาชิกวฒุ ิสภา ได้เปดิ โอกาสใหส้ ภานกั เรยี นได้พดู คุยซักถามประโนต่าง ๆ จากสมาชิกวุฒิสภา ซ่ึงสภานักเรียนได้ซักถามอย่างสร้างสรรค์ เช่น การเข้าถึงสิทธิข องกองทุนทาง การศึกษา โดย พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ สมาชิกวุฒิสภา ได้ตอบว่า ปัจจุบันรัฐบาลมี กองทุนเพื่อ ความเสมอภาคทางการศึกษา ซ่ึงนักเรียนสามารถขอรับความชว่ ยเหลอื ได้ ทั้งนี้ ศึกษาธิการจังหวัดควร เร่งประชาสัมพนั ธ์ชอ่ งทางการขอรับทนุ การศึกษาให้นักเรยี น ผ้ปู กครองทราบ เพอ่ื ให้สามารถเข้าถงึ สิทธิ ต่าง ๆ ท่ีรฐั บาลไดจ้ ดั ไว้ให้ นอกจากนี้ ทางสภานักเรียนได้นำสมาชิกวุฒิสภาเย่ียมชมกิจกรรมประชาธิปไตย ในโรงเรียน ซ่ึงประกอบไปด้วยฐานขยะรไี ซเคิล ฐานการแยกขยะ ฐานกรงขยะและถังขยะ และฐานการ ทำปุ๋ยหมัก ภาพกจิ กรรม
๖๗ วนั พธุ ที่ ๑๙ สงิ หาคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๖.๓๐ นาฬิกา คณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนนำโดย พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนท่ีหน่ึง ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ พร้อมด้วยคณะสมาชิก วุฒิสภา เดินทางไปยังโรงแรมเชียงดาวกู๊ดวิว รีสอร์ท อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเข้าร่วม กิจกรรมสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ชาวอำเภอเชียงดาว และได้กล่าวเปิดงานพร้อมวัตถุประสงค์ของ โครงการฯ จากนั้น คณะฯ ไดร้ ่วมพบปะพูดคุย รับฟังข้อเสนอแนะในประเด็นตา่ งๆ อาทิ ประเดน็ ที่ดิน ทำกิน ประเด็นราคาพืชผลทางการเกษตร ปัญหาการบุกรุกป่า และปัญหาไฟป่าในพ้ืนท่ี เป็นต้น ทั้งนี้ ประชาชนไดน้ ำเสนอประเด็นและสาเหตุของปัญหาให้สมาชิกวุฒิสภารับทราบ เช่น การทำไร่หมุนเวียน ของชาวพื้นทีร่ าบสูงกับการบุกรุกป่า การเผาป่าโดยมสี าเหตจุ ากฝีมือมนุษย์ ทง้ั น้ี ขอ้ มลู ข้อคิดเหน็ และ ข้อเสนอแนะท่ีได้รับจากการลงพ้ืนที่ คณะกรรมการฯ จะนำไปดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของ วุฒิสภาต่อไป นอกจากน้ีสมาชิกวุฒิสภาได้ร่วมรับประทานอาหารกับข้าราชการ และประชาชนชาว อำเภอเชยี งดาว ดว้ ยบรรยากาศอยา่ งเป็นกันเอง รวมท้งั ยงั ไดม้ อบปากกาท่รี ะลกึ เจลแอลกอฮอล์สำหรบั ลา้ งมอื ผา้ ขนหนู และเมล็ดพนั ธุผ์ กั สวนครัวให้กับประชาชนผูเ้ ข้าร่วมโครงการ
๖๘ ภาพกจิ กรรม วนั พฤหัสบดที ่ี ๒๐ สงิ หาคม ๒๕๖๓ เวลา ๐๘.๐๐ นาฬกิ า คณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชน นำโดย พลเอก สงิ หศ์ ึก สิงห์ไพร รองประธานวฒุ สิ ภา คนทหี่ นง่ึ ในฐานะประธานคณะกรรมการ เข้าร่วมกจิ กรรมสมาชิกวุฒสิ ภา พบเยาวชน ณ โรงเรียนศกึ ษาสงเคราะหเ์ ชยี งดาว อำเภอเชียงดาว จังหวดั เชียงใหม่ โดยได้ร่วมกจิ กรรม เคารพธงชาติ สวดมนต์ และกล่าวปฏิญาณตนร่วมกับนักเรียน จากน้ัน พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวฒุ ิสภา คนที่หน่ึง ได้กล่าวเปิดงานและวตั ถุประสงค์ของโครงการฯ โอกาสน้ี คณะสมาชิกวุฒิสภา ยังได้ร่วมมอบสิ่งของเครื่องใช้ ได้แก่ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ มอบเคร่ืองสูบน้ำสำหรับสูบน้ำเข้าพ้ืนที่การเกษตรของโรงเรียน พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร มอบอุปกรณ์ทางการเกษตร พลเอก ประสาท สุขเกษตร มอบหน้ากากอนามัย นางเบญจรัตน์ จรยิ ธาราสิทธ์ิ มอบไก่พื้นเมือง จำนวน ๒ ชุด โดยมี ผู้อำนวยการโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงดาว เป็นผู้รับมอบ นอกจากนี้ ได้มอบรองเท้าผ้าใบ ถุงเท้า และอาหารว่าง ให้แก่นักเรียน จำนวน ๕๐๐ คน และโรงเรียน อนบุ าลเมอื งใหม่ จังหวัดชลบรุ ี ได้ร่วมมอบอปุ กรณเ์ ครอ่ื งเขียน ตามลำดบั นอกจากนี้ ได้ร่วมพบปะกับผู้บริหาร คณะครูและคณะกรรมการสภานักเรียน ณ ห้อง ประชมุ จิตอาสา อาคารจิตอาสา ชั้น ๒ เพ่ือรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ แลกเปลี่ยนเรยี นรกู้ ับกลุ่ม เยาวชน และเยี่ยมชมกิจกรรมของนักเรยี น ดงั นี้ กลมุ่ ที่ ๑ กจิ กรรมสภานกั เรยี น เย่ยี มชมหอพัก และความเปน็ อย่ขู องนกั เรยี น
๖๙ กลมุ่ ที่ ๒ กจิ กรรมการเรียนรเู้ ศรษฐกจิ พอเพียงตามหลักศาสตร์พระราชา กลมุ่ ท่ี ๓ กจิ กรรมกีฬาวู๊ดบอลของโรงเรยี น ทงั้ ๓ กลุ่ม ยงั ได้เย่ียมชมกจิ กรรมยวุ ชนทหารอกี ดว้ ย ภายหลงั เสร็จสน้ิ กจิ กรรม คณะสมาชกิ วฒุ ิสภาได้เลยี้ งอาหารกลางวนั ใหแ้ กน่ กั เรยี น โรงเรยี นศกึ ษาสงเคราะหเ์ ชยี งดาว ภาพกจิ กรรม
บทที่ ๓ การประเมนิ ผลการดำเนินงาน การลงพื้นท่ี ของคณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน เพ่ือรับฟัง ความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะของประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนน้ัน ไดม้ ีการประเมินผลการดำเนินงาน เพื่อที่จะทำให้ทราบถึงผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ รวมท้ังเพ่ือเป็นข้อมูลในการพัฒนา รูปแบบและรายละเอียดในการลงพ้นื ทใ่ี นโอกาสต่อไป โดยมีรายละเอยี ด ดังตอ่ ไปนี้ ๑. ผลการประเมินจากการลงพื้นที่พบเยาวชน ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สงิ หาคม ๒๕๖๒ ณ โรงเรยี นเบญจมราชรังสฤษฎ์ิ จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวนผเู้ ข้าร่วม ๑๐๐ คน
๗๑ ๒. ผลการประเมินจากการลงพ้ืนท่ีพบเยาวชน ณ จังหวดั เชียงราย ในวนั พุธท่ี ๑๑ สงิ หาคม ๒๕๖๒ ณ โรงเรียนสหศาสตรศ์ กึ ษา จังหวดั เชียงราย จำนวนผู้เขา้ ร่วม ๑๗๐ คน ๓. ผลการประเมินจากการลงพื้นที่พบเยาวชน ณ จังหวัดนราธิวาส ในวันพฤหัสบดีท่ี ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๖๒ ณ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครนิ ทร์ จำนวนผเู้ ข้าร่วม ๔๘ คน
๗๒ ๔. ผลการประเมินจากการลงพื้นท่ีพบเยาวชน ณ จังหวัดขอนแก่น ในวันพฤหัสบดีท่ี ๒๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๒ ณ วิทยาลยั อาชวี ศึกษาขอนแกน่ จงั หวดั ขอนแกน่ จำนวนผู้เข้ารว่ ม ๑๕๕ คน ๕. ผลการประเมนิ จากการลงพนื้ ที่พบเยาวชน ณ จงั หวดั อุดรธานี ในวนั ศกุ รท์ ่ี ๒๔ มกราคม ๒๕๖๓ ณ วทิ ยาลยั การอาชพี หนองหาน จังหวัดอดุ รธานี จำนวนผ้เู ขา้ ร่วม ๑๖๐ คน การประเมินความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ียวกบั สมาชกิ วฒุ สิ ภา ข้อคำถาม : ก่อนที่ท่านจะได้พบกับสมาชิกวุฒิสภาท่านได้รับความรู้เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของ สมาชิกวฒุ สิ ภาในระดับใด
๗๓ ข้อคำถาม : หลังจากท่านได้พบกับสมาชิกวุฒิสภาท่านได้รับความรู้เกี่ยวกับหน้าท่ีและอำนาจของ สมาชิกวฒุ ิสภาในระดับใด การประเมินความพงึ พอใจที่มตี อ่ สมาชกิ วฒุ ิสภา ขอ้ คำถาม : สมาชิกวฒุ ิสภามคี วามเปน็ กันเอง มีมิตรไมตรี และมคี วามเปน็ กลั ยาณมติ ร ขอ้ คำถาม : ท่านมีความพงึ พอใจในการพบปะสมาชกิ วุฒิสภา
๗๔ ข้อคำถาม : อยากให้มกี ารจดั โครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชนอีก ๖. ผลการประเมินจากการลงพื้นท่ีพบเยาวชน ณ จังหวัดเพชรบุรี ในวันพุธท่ี ๒๖ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๓ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบรุ ี จงั หวัดเพชรบรุ ี จำนวนผู้เข้าร่วม ๒๓๑ คน การประเมินความรคู้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั สมาชกิ วฒุ สิ ภา ข้อคำถาม : ก่อนท่ีท่านจะได้พบกับสมาชิกวุฒิสภาท่านได้รับความรู้เก่ียวกับหน้าท่ีและอำนาจของ สมาชิกวฒุ ิสภาในระดับใด
๗๕ ข้อคำถาม : หลังจากท่านได้พบกับสมาชิกวุฒิสภาท่านได้รับความรู้เก่ียวกับหน้าที่และอำนาจของ สมาชกิ วฒุ ิสภาในระดับใด การประเมินความพึงพอใจทีม่ ตี ่อสมาชิกวุฒิสภา ข้อคำถาม : สมาชกิ วุฒิสภาใหค้ วามร้ใู นเรือ่ งบทบาทหนา้ ท่ีส.ว. ได้ชดั เจน ข้อคำถาม : สมาชกิ วฒุ ิสภาให้ความร้ใู นเรอ่ื งยุทธศาสตรช์ าตไิ ดช้ ดั เจน
๗๖ ขอ้ คำถาม : สมาชกิ วฒุ สิ ภามมี ติ รไมตรี และมีความเป็นกัลยาณมิตร ข้อคำถาม : ท่านมีความพงึ พอใจทส่ี มาชกิ วุฒสิ ภามาพบ ขอ้ คำถาม : อยากให้มีการจัดโครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชนอกี
๗๗ ๗. ผลการประเมินจากการลงพ้ืนท่ีพบเยาวชน ณ จังหวัดนครปฐม ในวันพฤหัสบดีท่ี ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ณ มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครปฐม จังหวัดนครปฐมจำนวนผู้เขา้ รว่ ม ๔๓๕ คน การประเมินความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั สมาชกิ วฒุ ิสภา ข้อคำถาม : ก่อนท่ีท่านจะได้พบกับสมาชิกวุฒิสภาท่านได้รับความรู้เก่ียวกับหน้าท่ีและอำนาจของ สมาชิกวฒุ ิสภาในระดับใด ข้อคำถาม : หลังจากท่านได้พบกับสมาชิกวุฒิสภาท่านได้รับความรู้เกี่ยวกับหน้าท่ีและอำนาจของ สมาชกิ วฒุ ิสภาในระดบั ใด
๗๘ การประเมนิ ความพงึ พอใจทีม่ ตี อ่ สมาชิกวฒุ ิสภา ขอ้ คำถาม : สมาชิกวุฒิสภาใหค้ วามรูใ้ นเรื่องบทบาทหนา้ ที่ ส.ว. ได้ชดั เจน ข้อคำถาม : สมาชิกวฒุ สิ ภาใหค้ วามรใู้ นเรอ่ื งยทุ ธศาสตรช์ าตไิ ด้ชดั เจน ขอ้ คำถาม : สมาชิกวฒุ ิสภาใหค้ วามรใู้ นเร่อื งอน่ื ๆ เพมิ่ เตมิ มากนอ้ ยเพยี งใด
๗๙ ขอ้ คำถาม : สมาชกิ วฒุ สิ ภามมี ติ รไมตรี และมีความเป็นกัลยาณมิตร ขอ้ คำถาม : ท่านมีความพงึ พอใจทส่ี มาชกิ วุฒสิ ภามาพบ ขอ้ คำถาม : อยากให้มีการจัดโครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชนอกี
บทท่ี ๔ บทสรุปและข้อเสนอแนะ ๔.๑ ประเด็นปญั หาและข้อเสนอแนะที่ไดร้ ับและแนวทางการดำเนินการ จากการดำเนินงานของคณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชกิ วุฒิสภาพบประชาชนในฐานะ สมาชกิ วุฒสิ ภาซ่ึงเปน็ ผแู้ ทนของปวงชนชาวไทย ที่มีหน้าท่แี ละอำนาจในการพิจารณาและการกลน่ั กรอง กฎหมาย การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูป ประเทศ โดยเฉพาะการปฏิรปู ประเทศดา้ นการศึกษา ประกอบกบั หนา้ ทแี่ ละอำนาจของคณะกรรมการฯ จึงมีการรับฟังสภาพปัญหาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการศึกษาจากนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา รวมท้ังสภาพปัญหาและข้อเสนอแนะของประชาชนในประเด็นต่าง ๆ เพอ่ื นำมาเปน็ ขอ้ มลู ประกอบการดำเนนิ การตามหน้าที่และอำนาจ ดงั นี้ ๔.๑.๑ ประเด็นขอ้ เสนอแนะเกย่ี วกับการศึกษา จากการลงพื้นที่พบปะเยาวชน ครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ของคณะกรรมการ อำนวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ทำให้ทราบถึงสภาพปัญหา รวมท้ังความคิดเห็น และขอ้ เสนอแนะเกี่ยวกบั การศกึ ษาในภาพรวม ดงั นี้ ความคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะของนักเรียน นกั ศกึ ษา ๑. ประเด็นความเหลอ่ื มลำ้ ทางการศึกษา ๑) นักเรียนในต่างจังหวัดหรือจังหวัดท่ีมีพ้ืนท่ีห่างไกลมีความรู้สึกว่า การเรียน การสอนของโรงเรียนในต่างจังหวัดมีคุณภาพด้อยกว่าโรงเรียนในกรุงเทพฯ การเข้าถึงแหล่งความรู้ หรือการเรียนเสริมเพิ่มเติมยังไม่เท่าเทียมกับนักเรียนในกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ ๆ ซ่ึงมีผลต่อการ แขง่ ขนั เพ่อื เข้าศกึ ษาในระดบั มหาวิทยาลยั ๒) นักเรียนสายศิลปศาสตร์ – สังคม มีความรู้สึกว่า โรงเรียนให้ความสำคัญ กับการเรียนในสายดังกล่าวน้อยเกินไป แต่ไปมุ่งเน้นให้ความสำคัญเฉพาะสายวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ ในการสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัยนักเรียนสายศิลป์ มีความเสียเปรียบนักเรียน สายวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ นักเรียนต้องการให้การจัดการศึกษาของรัฐบาลควรเปิดพ้ืนที่ให้กับ คนเรยี นไมเ่ ก่ง ไดม้ ีกิจกรรมตามความถนัดหรือตามที่นกั เรยี นอยากรู้อยากจะทำ ๓) การจัดการศึกษาบางอย่างในปัจจุบันยังไม่ตอบโจทก์ เน่ืองจากยังมีความ เหล่ือมล่ำท้ังในด้านฐานะ และภาษาท่ีใช้ในการเรียนการสอน อุปกรณ์การเรียนการสอนมีความ แตกต่างกนั ๒. ประเดน็ การจดั หลกั สูตรการเรยี น การสอน ๑) สภาวการณ์ของนักเรียนมีความเครียด มีหลายคนท่ีมีอาการซึมเศร้า โดยครู ไม่สามารถช่วยเหลือได้ท้ังหมด เพื่อน ๆ ช่วยได้เพียงการปลอบใจ บางคนต้องพบแพทย์รับประทานยา สาเหตุน่าจะมาจากสภาพปัญหาทางครอบครัว และปัญหาเกี่ยวกับการเรียน เนื่องจากโรงเรียนจัดการ เรียนที่เป็นวิชาการมากเกินไป (เพ่ือสอบแข่งขัน นักเรียนมัธยมศึกษาปีท่ี ๕ – ๖) ทำให้นักเรียน
๘๑ มคี วามเครียด ไม่ได้จัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกบั ความถนัดและทักษะของนักเรยี น โดยควรเน้น การเรยี นการสอบแบบ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ๒) เยาวชนตอ้ งการใหม้ หาวิทยาลัยอำนวยความสะดวกเกย่ี วกบั อปุ กรณก์ ารเรียน การสอน เช่น อุปกรณ์การแพทย์ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ เป็นต้น พร้อมทั้ง การพัฒนาหลักสูตรที่ ตอบสนองความต้องการของนักศึกษา และเสนอแนะให้มหาวิทยาลัยมีการจัดการเรื่องการสื่อสารและ ภาษาถ่นิ อยา่ งเหมาะสม ๓) ในเรื่องการสนับสนุนด้านกีฬา เยาวชนมองว่ารัฐบาลควรสนับสนุนโครงการ ดา้ นกฬี าและบุคลากรดา้ นกฬี าอยา่ งตอ่ เน่อื ง - ๔) ควรให้ความสำคญั กับการศึกษาภาคบังคับอย่างจริงจงั ๓. ประเด็นคุณภาพในการเรียน การสอน ๑) ครมู ีภาระมาก ไมค่ ่อยอยู่ในหอ้ งสอน มงี านอ่ืนทำมาก ครูไม่สอนตามศกั ยภาพ ของนักเรียน เพราะนักเรียนแต่ละคนมีการรับรู้และความต้องการแตกต่าง จึงมีความประสงค์ที่จะให้ รฐั บาลส่งเสรมิ “โครงการคืนครสู หู่ ้องเรยี น” ๒) ควรให้ครูมีเวลาในการสอนนักเรียนมากกว่าการทำผลงานเอกสาร หรือการ ประเมินโรงเรียน ๓) ครูควรให้คำแนะนำหรือให้ข้อมูลในการตัดสินใจเลือกอาชีพให้สอดรับกับ การปฏิวัติอุตสาหกรรม ๔.๐ ซึ่ง Internet of Things และ Artificial Intelligence เข้ามามีบทบาท สำคญั เพื่อใหส้ อดคล้องกับการท่ีนักเรียนมีความใฝ่ฝัน และแรงบันดาลใจตอ่ การเลอื กอาชพี ในอนาคต ๔. ประเด็นเก่ยี วกับการสรา้ งงานหรอื อาชีพท่ีรองรับภายหลงั จากจบการศึกษา ๑) เยาวชนเสนอให้รัฐบาลเข้ามาดูแลเร่ืองการสร้างงาน สร้างอาชีพ เน้นวชิ าชีพ โดยมีสถาบันฝึกสอนโดยตรง เน้นให้ความรู้ด้านการศึกษา เพ่ิมช่องทางในการค้าขาย และการแปรรูป ผลิตภัณฑ์ เพือ่ สร้างอาชพี ให้กับเยาวชนและประชาชน ซ่ึงจะช่วยลดปัญหาการว่างงาน และการย้ายถ่ิน ฐานไปทำงานทกี่ รงุ เทพมหานคร ๒) เยาวชนต้องการให้มีการส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการประกอบอาชีพ การเพ่ิม มูลค่าสินค้าเกษตร และการยกระดับวิถีชีวิตในชุมชน/สินค้าเกษตรภายในชุมชนให้เป็นสินค้าส่งออก ทีส่ รา้ งรายได้ใหก้ ับชมุ ชนได้ ๓) เมอื่ จบการศกึ ษาแลว้ ควรมีงานรองรบั โดยได้รบั การสนบั สนนุ จากภาครฐั ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะของครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ๑. ประเดน็ นโยบายของรฐั บาลเกย่ี วกับการศึกษา ๑) นโยบายทางศึกษามีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากสถานการณ์ ทางการเมืองทม่ี ีการเปล่ียนแปลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ทำให้การดำเนนิ การตามแผนงาน เดิมที่กำหนดไม่ทันแล้วเสร็จ ก็มีแนวนโยบายใหม่ออกมาใหป้ ฏิบตั ิต่อ ทำใหค้ รูไม่มเี วลาในการที่จะสอน นกั เรียนได้อยา่ งแท้จรงิ แตต่ ้องคอยศึกษาเกย่ี วกบั แนวนโยบายและแผนงานเพื่อใหส้ อดคลอ้ งกับนโยบาย ทางการศกึ ษาทถ่ี กู กำหนดใหม่
๘๒ ๒) การปรับเปลี่ยนโครงสร้างการกำกับดูแลโรงเรียน ซ่ึงที่ผ่านมาได้มีการ กำหนดใหม้ ีสำนักงานเขตมธั ยมศกึ ษาเป็นหนว่ ยทีท่ ำหน้าทก่ี ำกับดแู ลโรงเรยี นมัธยม แต่ปจั จุบันไดม้ ีการ แต่งตั้งศึกษาธิการจังหวัดข้ึนมา ทำให้ทั้ง ๒ หน่วยงานมีหน้าท่ีและอำนาจที่ซ้ำซ้อนกัน การรับแนว ทางการดำเนินงานของโรงเรียนก็เป็นไปอย่างสับสน รวมท้ังอำนาจของศึกษาธิการจังหวัดมีบทบาท เข้ามาในการกำหนดการประเมินเพ่ือพิจารณาเงินเดือนของครู ทำให้โรงเรียนขาดเอกภาพในการ ดำเนนิ งาน ๓) การควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก ซ่ึงในปัจจุบันมีกระแสข่าวเกี่ยวกับการ ให้ควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก โดยในประเด็นดังกล่าวนี้อาจจะมองได้ว่าเม่ือมีการประเมินผลการศึกษา ด้วยระบบ O - NET ทำให้นักเรียนตามพ้ืนที่ต่าง ๆ มุ่งที่จะเข้าสู่โรงเรียนที่มีช่ือเสียงโดยหวังว่า จะสามารถเข้าถึงระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ ทำให้โรงเรียนในชุมชนและท้องถิ่นไม่ได้รับความสนใจ ซ่ึงปัญหาดงั กล่าวย่อมที่จะกระทบต่อครูและนักเรียนโดยตรง โดยเฉพาะในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดนิ ทาง โดยแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว นอกจากการท่ีจะต้องเพ่ิมศักยภาพและความเท่าเทียม ทางการศึกษา อาจจะต้องมีการปรับหลักเกณฑ์เพื่อกำหนดให้แต่ละโรงเรียนให้มีจำนวนข้ันต่ำและข้ัน สูงสุดของจำนวนนักเรียนที่พึงมีแต่ละโรงเรียน เพ่ือให้เกิดการกระจายนักเรียนไปยังโรงเรียนชุมชน และทอ้ งถนิ่ ๔) ปัญหาการประเมินครูและหลักสูตรมีจำนวนมากเกินไป ตลอดจนควรมีการ เพิ่มอัตราภารโรงและลูกจ้างประจำให้แก่โรงเรียน เพ่ือเป็นการแบ่งเบาภารกิจของครูให้สามารถมีเวลา จดั การเรยี นการสอนใหแ้ ก่นักเรียนไดอ้ ย่างจริงจงั ๕) ปัญหาเกี่ยวกับการอนุญาตให้บุคคลที่ไม่ได้จบการศึกษาด้านวิชาชีพครู โดยเฉพาะมีสิทธิในการสอบเข้ามาเป็นครู แล้วค่อยไปศกึ ษาต่อให้ได้มาซ่ึงใบประกอบวิชาชีพครู อาจจะ ทำให้บุคคลดังกล่าวขาดจิตวิญญาณความเป็นครูที่แท้จริง มุ่งแต่ผลสัมฤทธิ์ของตนเอง โดยไม่คำนึงถึง ภาพรวม ๖) การทำวิทยาฐานะของข้าราชการครู ซ่ึงทำให้ประสบความลำบากมาก จากกฎเกณฑก์ ารประเมนิ ที่กระทรวงศึกษาธกิ ารกำหนด ๒. ประเดน็ การจดั สรรงบประมาณและบุคลากรให้กับสถานศกึ ษา ๑) งบประมาณของโรงเรียนท่ีได้รับจัดสรรแบบรายหัว ไม่สอดคล้องกับสภาพ เศรษฐกจิ ในปจั จุบัน ๒) ขาดแคลนครูที่มีความเช่ียวชาญด้านภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะในพื้นท่ีเขต เศรษฐกิจพเิ ศษภาคตะวันออก (EEC) ซงึ่ ภาษาดงั กลา่ วมีความสำคญั มาก ๓) การปฏิรูปกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้มุ่งเน้นไปท่ีการพัฒนาสถานศึกษา ให้เป็นนิติบุคล เพ่ือความคล่องตัวรวดเร็วในการดำเนินงาน รวมถึงการกระจายอำนาจด้านงบประมาณ และการบริหารบุคลากร การจัดสรรงบประมาณให้กับโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล เกี่ยวกับอาคาร สถานที่ รวมถึงจำนวนครูและบุคลากรให้เพียงพอ และโรงเรียนขนาดเล็กไม่มีผู้บริหาร เนื่องจากถูกตัด ตำแหน่งไป ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านการบริหารจัดการภายในสถานศึกษา โรงเรียนและชุมชน ขาดแคลนน้ำเพ่ือใช้ในการอุปโภคและบริโภค จึงขอให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือโดยการขุดเจาะบ่อน้ำ บาดาล และขุดลอกหนองน้ำสาธารณะให้สามารถกกั เก็บนำ้ ใชไ้ ดต้ ลอดทง้ั ปี
๘๓ ๔) การที่สถาบนั อาชีวศึกษาตอ้ งนำเงนิ อุดหนุนมาจัดจ้างครูอัตราจ้างพิเศษ ทำให้ งบประมาณสำหรับการจัดหาวัสดุ อุปกรณ์สำหรับการเรียน การสอนไม่เพียงพอ โดยเฉพาะการเรียน ด้านวิชาชีพที่ต้องมุ่งเน้นการลงมือปฏิบัติ ทำให้การพัฒนาทักษะความชำนาญของนักศึกษามีข้อจำกัด ไมท่ ว่ั ถึง ๕) กรณีสถาบันอาชีวศึกษาขาดแคลนบุคลากรครู โดยมีสาเหตุมาจากการที่ ครูลาออกกลางเทอม หรือไม่มีงบประมาณในการจ้างครูให้เพียงพอ ทำให้ต้องบริหารจัดการโดยให้ครู ดูแลชน้ั เรยี นสลบั หลายชั้น ซ่ึงหากเปน็ การเรียนการสอนในสายสามัญศกึ ษา อาจมปี ัญหาน้อย แตใ่ นสาย อาชีวะศึกษาซ่ึงเน้นการฝึกปฏิบัติ ต้องมีครูคอยควบคุมด้านความปลอดภัยในการใช้เคร่ืองมือ ดังนั้น การให้ครูดแู ลสลบั หลายชนั้ เรียน จึงทำใหม้ ีปัญหาในการทีจ่ ะใหน้ กั ศกึ ษาได้ลงมือปฏิบตั ิ ๖) ปัญหาด้านอาคารสถานที่และครุภัณฑ์ ซึ่งมีไม่เพียงพอต่อจำนวนนักศึกษา ท่ีเพ่ิมข้ึน การจัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้นักศึกษาไม่สามารถดำเนินการได้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องขอรับ การสนับสนนุ ในด้านดงั กลา่ ว ๓. ประเดน็ คณุ ภาพชวี ติ ของครูและความเจริญกา้ วหน้าของครู ๑) การที่บุคลกรในสถาบันอาชีวศึกษาส่วนใหญ่ไม่ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ แต่เปน็ ครอู ัตราจ้างพิเศษ จากเงนิ อุดหนนุ ของสถานศึกษา ทำให้ประสบปญั หาในดา้ นตา่ ง ๆ ๒) รายได้ของครูไม่เพียงพอต่ออัตราค่าครองชีพ เน่ืองจากครูอัตราจ้างพิเศษ ได้รับเงินเดอื นเพยี งเดอื นละ ๘,๐๐๐ บาท ซ่งึ เม่ือเทยี บกับคา่ ครองชีพในสภาพเศรษฐกิจปจั จบุ ันถือได้ว่า น้อยมาก ๓) สืบเนื่องจากรายได้ท่ีไม่เพียงพอ ทำให้มีครูอัตราจ้างพิเศษซ่ึงสอบบรรจุ กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นได้ ลาออกจากการเป็นครูระหว่างเทอม เป็นปัญหา และอปุ สรรคในการจดั การเรียนการสอน ๔.๑.๒ ประเด็นขอ้ เสนอแนะของประชาชนในประเดน็ อนื่ ๆ ๑. ประเด็นปญั หาท่ดี ิน ๑) ประเด็นท่ีดินทำกินของประชาชนคาบเกี่ยวและประเด็นการเข้าใช้ประโยชน์ ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตอุทยานแห่งชาติ จึงมีความประสงค์ที่จะให้ภาครัฐช่วยส่งเสรมิ ให้มี ป่าชุมชนในพื้นท่ีเพ่ือให้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมรักษาพ้ืนท่ีป่าของตนเอง รวมทั้งสามารถ ใชป้ ระโยชนใ์ นพืน้ ทป่ี า่ ในพนื้ ทีข่ องตนเองไดด้ ว้ ย ๒) ประเด็นท่ีดินทำกินของประชาชนในพื้นท่ี โดยประชาชนในพื้นท่ีได้ทำกิน และใช้ประโยชน์ในพื้นท่ีดังกล่าวมาเป็นระยะเวลานาน ซ่ึงบางส่วนได้ให้ข้อมูลว่าในระหว่างท่ีภาครัฐ ไดด้ ำเนินการจัดทำแนวเขตปา่ สงวนแหง่ ชาติ ไม่ไดเ้ ปิดโอกาสให้ประชาชนในพน้ื ท่ีได้มสี ่วนรว่ มตลอดจน ประชาชนบางส่วนยังขาดความรู้ ความเข้าใจที่ดี เก่ียวกับการกำหนดแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติทำให้ พื้นที่ท่ีประชาชนเคยทำกินและใช้ประโยชน์ถูกผนวกเข้ากับเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นทห่ี ลายด้าน อาทิ ปญั หาการเขา้ ไปใชป้ ระโยชนเ์ พือ่ ทำกนิ ในพืน้ ท่ีปญั หา ความขดั แย้งระหวา่ งเจา้ หน้าท่ีรัฐและประชาชน
๘๔ ๓) ประเด็นการพิสูจน์สิทธ์ิการครอบครองที่ดินของประชาชนก่อนประกาศ เขตปา่ สงวนแหง่ ชาติ ซ่งึ เมอ่ื ไดพ้ ิสจู นส์ ิทธิ์การครอบครองที่ดนิ ของประชาชนในพ้ืนท่แี ลว้ โดยปรากฏวา่ ประชาชนได้อยู่อาศัยและทำกินมาก่อนการประกาศแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ ควรมีการออกเอกสาร สิทธิให้แก่ประชาชน และในส่วนท่ีมาหลังประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติ อาจจะมีการจัดสรรท่ีดิน ในลักษณะของพน้ื ทป่ี ฏริ ูปทด่ี ินเพือ่ การเกษตร เพือ่ ให้ประชาชนไดม้ ที ่ดี ินในการทำกิน ๔) ประเด็นการจัดสรรที่ดินของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ไม่เปิดโอกาสใหป้ ระชาชนเข้ามามีส่วนรว่ มเทา่ ทคี่ วร ๒. ประเดน็ เกีย่ วกับสัญชาติ ประเด็นการได้มาซ่ึงสัญชาติไทยของประชาชนและเยาวชนในพ้ืนท่ี ห่างไกล โดยประชาชนและเยาวชนบางส่วนไม่มีบัตรประชาชน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ รวมท้งั ระบบสาธารณสุข และระบบการศึกษา ๓. ประเดน็ เก่ยี วกับองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิน่ ๑) ประเด็นเกี่ยวกับค่าตอบแทนของบุคลากรท้องท่ี (กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ ประจำตำบล ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)) ที่มีความรับผิดชอบในพ้ืนท่ีค่อนข้างกว้าง การเดินทางไม่ค่อยสะดวก แต่ค่าตอบแทนของบุคลากรไม่สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงและเศรษฐกิจ ในปัจจบุ นั ๒) การเพ่ิมค่าตอบแทนผู้บริหารท้องถิ่น ซ่ึงเมื่อเทียบกับหน้าท่ีอำนาจและความ รบั ผิดชอบ รวมทัง้ ข้อจำกดั ในการประกอบอาชีพส่วนตวั ตามกฎหมายวา่ ด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ทำให้ไม่สอดคลอ้ งกับสภาพเศรษฐกจิ และคา่ ครองชพี ๓) การขอให้ปรับเพ่ิมค่าตอบแทนของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เน่ืองจากภาระหน้าท่ี และค่าครองชีพท่ีสูงข้ึน ดังนี้ กำนัน ๑๕,๐๐๐ บาท/เดือน ผู้ใหญ่บ้าน ๑๓,๐๐๐ บาท/เดือน ผ้ชู ่วยผู้ใหญ่บ้าน ๘,๐๐๐ บาท/เดอื น และคณะกรรมการหมู่บา้ น ควรไดร้ ับค่าตอบแทนจาก การทำงาน ๔. ประเด็นเกีย่ วกบั การเกษตร ๑) ประเดน็ การเขา้ ถึงขอ้ มูลอันเป็นประโยชน์ตอ่ การประกอบอาชพี เกษตรกรรม ซึง่ ประชาชนไดม้ ีการรับรูด้ ้านข้อมลู สารสนเทศคอ่ นขา้ งนอ้ ย ทำใหข้ าดโอกาสในการเขา้ ถงึ ข้อมูลสำคัญ ๒) ประเด็นการเข้าถึงกฎหมายและข้อมูลด้านวิชาการด้านการเกษตร ของประชาชนในพ้ืนที่ ซ่ึงประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และมีทีอยู่อาศัยค่อนข้าง หา่ งไกล ทำให้มีการรบั รขู้ ้อมลู ทางกฎหมายและวิชาการเกษตรน้อย ทำให้ขาดความร้คู วามเข้าใจในด้าน ดงั กลา่ ว รวมทง้ั ยังไมค่ ่อยไดร้ ับการสง่ เสรมิ ในประเด็นดังกล่าวจากภาครัฐ ๓) ขอความอนุเคราะห์สนับสนุนงบประมาณโครงการขุดลอกหนองทุ่งยั้ง บ้านทุ่งยั้ง หมู่ท่ี ๔ ตำบลโพนงาม อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี เนื่องจากโครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่เกินศักยภาพขององค์การบริหารส่วนตำบลโพนงาม ท้ังน้ีเพื่อใช้ในการอุปโภค และเปน็ แหล่งนำ้ เพือ่ การเกษตร
๘๕ ๔) การขอรับการสนับสนุนอุปกรณ์ในการดึงน้ำจากแหล่งน้ำใกล้เคียงได้แก่ ทอ่ ส่งน้ำและระบบไฟฟา้ ในการสูบน้ำมาใชก้ ารเกษตร (การเพาะปลูกไมด้ อก) ๕) การขอให้ภาครฐั สนับสนุนให้ขยายโครงการโคกหนองนาโมเดล ๖) การขอรับการสนับสนุนระบบน้ำเพ่ือการเกษตร และขอความสนับสนุน การขยายตลาดสนิ คา้ เกษตร ๔.๑.๓ แนวทางการดำเนินการของคณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภา พบประชาชน ๑) การอธิบายเพ่ือทำความเข้าใจและให้ความรู้แก่นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา รวมท้ังประชาชนท่ีมีการนำเสนอถึงสภาพปัญหาและแสดงความคิดเห็น ในประเด็นตา่ ง ๆ ๒) การนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสภาพปัญหารวมท้ังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ที่ได้รับจากการลงพ้ืนที่ให้คณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภาที่เกี่ยวข้อง เพ่ือดำเนินการตามหน้าที่ และอำนาจ รวมท้ังเป็นข้อมูลให้กับคณะกรรมาธิการติดตามเสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และการจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ในการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูป ประเทศ โดยเฉพาะการปฏิรูปประเทศดา้ นการศึกษา ๔.๒ สรปุ ภาพรวมและข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนารปู แบบการดำเนนิ โครงการ การลงพื้นท่ีของคณะกรรมการฯ ในช่วงแรก โดยเฉพาะการลงพ้ืนที่ในจังหวัดแพร่ ณ โรงเรียน นารีรตั น์ โรงเรียนพิริยาลยั และโรงเรียนเทศบาล วัดเหมืองแดง มีวตั ถุประสงคเ์ พื่อพิจารณาหาแนวทาง และวิธีการในการลงพืน้ ที่ของสมาชกิ วุฒิสภาในการพบปะกลุ่มเป้าหมายนักเรยี นและเยาวชน ซง่ึ การลง พ้ืนที่ในครั้งดังกล่าวพบวา่ รูปแบบการรับรู้ปัญหาและความคิดเห็นของเด็กนักเรียนผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ให้เด็กมีส่วนร่วมและกล้าแสดงออก เช่น การแข่งขันถาม – ตอบ เป็นแนวทางที่ถูกต้อง แต่ต้องใช้ วิทยากร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะท่ีเข้าใจจิตวิทยาของเด็ก ด้วยวัยท่ีต่างกันระหว่างสมาชิกวุฒิสภาและเด็ก รวมทั้งการลงพ้ืนท่ีควรมีการประชาสัมพันธ์ก่อนลงพ้ืนท่ี และระหว่างการลงพื้นท่ี เพื่อให้ประชาชน ในพน้ื ที่ได้รับทราบถึงการลงพน้ื ทขี่ องสมาชกิ วฒุ ิสภา การเตรียมการ ควรมกี ารประชมุ วางแผนและเตรียมการลว่ งหน้า ประเดน็ ปัญหาท่ีตอ้ งการทราบ กำหนดกลุ่มเป้าหมาย วิธีการเข้าหากลุ่มเป้าหมาย จัดวิทยากร ทีมงา นสนับสนุนวางแผน การประชาสัมพันธ์ ก่อน ระหว่าง และหลังการลงพ้ืนที่ โดยรูปแบบการดำเนินการ ควรแบ่งกิจกรรม ออกเป็น ๓ ส่วน คือ ๑) การจัดกิจกรรม เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างประชาชน เยาวชน นักเรียน กับสมาชิกวุฒิสภา ๒) การรับฟังปัญหาและตอบข้อซักถามหรือข้อสงสัย เพื่อสร้างการรับรู้และสร้าง ความเข้าใจ ๓) กิจกรรมเย่ียมชมสถานที่หรือกิจกรรมที่นักเรียนได้ทำผลงาน เช่น เย่ียมชมสภาเด็ก และเยาวชน เป็นต้น ควรพบกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ครูและผู้บริหารการศึกษาของจังหวัดและโรงเรียน และนกั เรยี น ควรเลอื กโรงเรยี นท่ีมีความหลากหลาย เช่น ในเมือง ในชนบท ในถิน่ ทุรกนั ดาร ซงึ่ จะทำให้ ไดร้ ับข้อมลู ที่หลากหลาย
๘๖ ตอ่ มาในการลงพ้ืนที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ณ โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ พบว่าการรวมนักเรียน และใช้วิธีการตอบ ยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะนักเรยี นยังไม่คุ้นเคยและไม่กล้าแสดงออก การแยกกลุ่ม นักเรียนในช่วงท้าย ๑ ชั่วโมง พบว่า นักเรียนมีการแสดงออกมากข้ึน ส่วนการสนทนาแลกเปล่ียน กับบุคลากรด้านการศึกษาในช่วงบ่ายได้ผลเป็นท่ีน่าพอใจ ซ่ึงทำให้รับทราบถึงสภาพปัญหาเก่ียวกับ การศึกษา ส่วนการประชาสัมพันธ์โครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน โดยส่ือท้องถิ่น นับว่าได้ผลดี ขา่ วสารแพรก่ ระจายในจังหวัด และมีส่อื สว่ นกลางนำข่าวไปเสนอต่อ ดังนนั้ การลงพืน้ ท่ใี นครัง้ นท้ี ำใหไ้ ด้ ข้อสรุปว่า วิธีการเข้าหาเด็กนักเรียน ใช้วิธีแยกกลุ่มดีท่ีสุด และให้พูดคุยโดยตรงกับสมาชิกวุฒิสภา สว่ นการพบผ้บู ริหาร บุคลากรด้านการศกึ ษา ใชว้ ิธปี ระชมุ สนทนา นบั วา่ มีความเหมาะสม ทั้งนี้ การลงพ้ืนท่ีนับตั้งแต่การลงพื้นท่ีจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีการประเมินผลเก่ียวกับ ความพึงพอใจต่อกิจกรรมกรรม รวมทัง้ ความรทู้ ี่นักเรียน นักศกึ ษา ไดร้ ับจากการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ดังนั้น การลงพื้นที่เพ่ือพบปะเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และบุคลากรท างการศึกษา ในครั้งต่อ ๆ มา จึงมีการปรับรูปแบบของกิจกรรมโดยนำประสบการณ์จากการลงพ้ืนที่ดังท่ีกล่าวมา ประกอบกับข้อมูลจากการประเมินผลมาปรับปรุงพัฒนา เพื่อให้การลงพ้ืนท่ีเป็นไปอย่างมีคุณภาพ และเกดิ ผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการอยา่ งแทจ้ ริง ๔.๓ นวัตกรรมและ Best Practice ที่คน้ พบ จากการลงพื้นท่ีของคณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนทั่วทุกภาค ของประเทศไทย นำมาซ่ึงการค้นพบโครงการต้นแบบ ตัวอย่างท่ีถือเป็น Best Practice ได้แก่โครงการ ดงั ต่อไปนี้ ๔.๓.๑ โครงการบวรทม่ี กี ิจกรรมทเ่ี กดิ จาก “บา้ น วัด โรงเรียน” รว่ มมือดำเนนิ โครงการจติ อาสา กิจกรรมดแู ลพฒั นาคนทุกช่วงวัย และการมีสว่ นรว่ มสืบสานฟน้ื ฟูวัฒนธรรมประเพณีท้องถนิ่ การทำฝาย การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การกำจัดขยะ ณ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ณ วัดศรีทรงธรรม อำเภอ หนองหาร จงั หวดั อุดรธานี เปน็ ต้น ๔.๓.๒ โครงการสภานกั เรยี นเพื่อส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ประชาธิปไตยในโรงเรียนและสร้าง แกนนำให้เยาวชนมีความรอบรู้ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข ณ โรงเรยี นวชิรป่าซาง อำเภอปา่ ซาง จังหวดั ลำพนู ๔.๓.๓ โครงการยุวชนทหารเพื่อฝึกระเบียบวินัย ความอดทนให้แก่นักเรียนต้ังแต่ชั้นระดับ ประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ณ โรงเรียนศึกษาสงเคราะหเ์ ชยี งดาว จังหวดั เชียงใหม่ ๔.๓.๔ โครงการส่งเสริมการเรียนรู้วิถีชีวิตพอเพียงตามศาสตร์พระราชา ทุกหมู่บ้าน ชุมชน และสถานศกึ ษา ไดม้ กี ารดำเนินการอย่างตอ่ เนือ่ งย่ังยืน
๘๗ ๔.๔ ประโยชน์ทีไ่ ดร้ ับจากโครงการ ๔.๔.๑ ทำให้ได้รับข้อมูลความคิดเห็นของประชาชนในพ้ืนท่ีและหน่วยงานที่เก่ียวข้อง เพอื่ นำมาใชเ้ ป็นข้อมลู ประกอบการพิจารณากลัน่ กรองในการตรากฎหมาย ๔.๔.๒ ทำให้ได้รับข้อมูลความคิดเห็นของประชาชนในพ้ืนที่และหน่วยงานที่เก่ียวข้อง เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการประเมินผลสัมฤทธ์ิของกฎหมายเม่ือกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว และพัฒนากฎหมายทุกฉบับใหส้ อดคล้องและเหมาะสมกบั บริบทตา่ ง ๆ ท่ีเปลี่ยนแปลงไป ๔.๔.๓ ทำให้ได้รับข้อมูลความคิดเห็นของประชาชนในพ้ืนท่ีและหน่วยงานที่เก่ียวข้อง เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ก่อนวันประกาศใช้ รฐั ธรรมนญู นี้ ใหส้ อดคลอ้ งกบั หลักการตามรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๗๗ และพฒั นาให้ สอดคลอ้ งกบั หลักสากล ๔.๔.๔ ทำให้ได้รับข้อมูลความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของประชาชนในพ้ืนที่และสะท้อน ข้อคิดเห็น ขอ้ เสนอแนะไปสกู่ ารแก้ไข โดยอาศัยกลไกของวฒุ ิสภา ๔.๔.๕ ทำให้สามารถปฏิบัติตามภารกิจด้านการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๗๐ ที่บัญญัติให้วุฒิสภามีหน้าท่ีและอำนาจในการ ติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานท่ีมีภารกิจเก่ียวข้องกับการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนเสนอแนะ และเร่งรัดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๑๖ การปฏริ ูปประเทศและตามท่กี ำหนดในยุทธศาสตร์ชาติ
Search