Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การฟัง

Description: การฟัง

Search

Read the Text Version

การฟงั

จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. ร้แู ละเขา้ ใจความหมาย และประโยชน์ของการฟงั ๒. มีทักษะทางด้านการฟงั สามารถฟงั และคิดอย่างมีวิจารณญาณ ๓. สามารถฟังและคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ข้อ ๑ การฟงั มคี วามหมายตรงกบั ข้อใด ก. การได้ยิน ข. การรคู้ วามหมาย ค. การทาความเขา้ ใจซึ่งกันและกัน ง. การรับร้คู วามหมายจากเสยี งที่เราไดย้ นิ ข้อ ๒ ขอ้ ใดไมใ่ ชค่ ุณสมบตั ขิ องผ้ฟู งั ทด่ี ี ก. น่ังฟังเงียบๆ แสดงอาการรับรจู้ นกว่าผู้พูดจะพูดจบ ข. พิจารณาเรอ่ื งราวทก่ี าลังฟังวา่ นา่ เชื่อถอื มากน้อยเพยี งใด ค. รวบรวมความคดิ ให้ไดว้ ่าผพู้ ูดมวี ตั ถปุ ระสงค์อะไรในการพดู นัน้ ง. แยกแยะได้วา่ เรื่องทีไ่ ด้ฟงั น้ันมสี ว่ นใดเป็นข้อเท็จจริง สว่ นใดเป็นขอ้ คิดเหน็

ขอ้ ๓ เมือ่ หวั หน้าห้องของท่านประกาศใหท้ กุ คนในชัน้ เรียนทราบวา่ วันนี้อาจารย์ติด ราชการมาสอนไมไ่ ด้ ขอใหน้ ักศึกษาทาแบบฝกึ หัด......ใหเ้ สร็จ ทา่ นควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. ทาแบบฝกึ หัดตามท่ีอาจารย์มอบหมายให้ ข. น่ังคยุ กับเพื่อนกอ่ นแล้วคอยลอกเพือ่ นทีท่ าเสร็จ ค. ทาแบบฝกึ หดั วชิ าอ่ืนที่คา้ งอยกู่ อ่ น ง. ออกจากหอ้ งและเตรยี มการเรียนวชิ าใหม่ ข้อ ๔ ขอ้ ใด ไมใ่ ช่การใชว้ จิ ารณญาณในการฟงั ก. ฟังแลว้ ยอมรับทัศนะของผู้อ่นื ข. ฟงั แลว้ คิดตามว่าน่าเช่ือถือเพยี งใด ค. ฟงั แลว้ พิจารณาว่าผูพ้ ดู ใช้วธิ กี ารถา่ ยทอดความร้สู กึ นึกคดิ อย่างไร ง. ฟังแล้วพิจารณาวา่ เรือ่ งนน้ั เปน็ ขอ้ เท็จจริงหรอื เป็นความคิดเห็นของผู้พูด

ขอ้ ๕ เม่อื ผู้อืน่ มาพดู ถงึ ความไม่ดีของบคุ คลที่ ๓ ทา่ นควรทาอยา่ งไร ก. ห้ามปรามว่าไม่ควรพูดให้ผูอ้ ืน่ เสียหาย ข. พจิ ารณาว่าถ้าเป็นความจรงิ ตามทไ่ี ดฟ้ ังกค็ วรบอกใหผ้ ้นู ้นั แกไ้ ข ค. ไมแ่ สดงความคิดเห็น และพยายามเปลยี่ นหวั ขอ้ สนทนา ง. พยายามซกั ไซใ้ ห้ผพู้ ดู ขยายความมากข้นึ ขอ้ ๖ การฟงั การอภิปรายเปน็ การฟังเพ่อื จดุ ประสงค์ใด ก. ฟังเพื่อความรู้ ข. ฟังเพื่อคิด ค. ฟงั เพ่อื ให้เกดิ ความเพลิดเพลิน ง. ฟงั เพอื่ ความร้แู ละเพอื่ คดิ

ขอ้ ๗ ขอ้ ใดไม่ใชอ่ ุปสรรคของการฟงั ก. คาดหมายไวก้ อ่ นว่าผ้พู ดู เปน็ คนพูดเกง่ ข. ความคิดเหน็ ของผู้พดู ถกู ตอ้ งเสมอ ค. เด็ก ๆ ข้างนอกหอ้ งประชุมวิ่งเล่นอึกทกึ ง. ภายในหอ้ งค่อนขา้ งร้อนเพราะไมม่ ีแอรม์ ีแตพ่ ัดลม ขอ้ ๘ ข้อใดเป็นการให้เกยี รติผพู้ ูด ก. ไม่สง่ เสียงดงั พูดเพียงกระซบิ กระซาบเบา ๆ พอได้ยนิ กันสองคน ข. ปรบมอื และส่งเสียงร้องใหก้ าลงั ใจแก่ผพู้ ดู ค. เม่อื พอใจคาพูดตอนใดให้ปรบมือแสดงความพอใจ ง. แสดงความสนใจดว้ ยการลกุ ขึ้นถามคาถามทนั ทีที่เกดิ ความสงสัย

ขอ้ ๙ พฤติกรรมใดที่เหมาะสมในการฟังในท่ปี ระชมุ ชน ก. น่ังฟังอย่างสบาย ๆ ข. นาอาหารเขา้ มารบั ประทาน ค. ปรบมือต้อนรับ ง. นง่ั หลบั ตาทาสมาธขิ ณะฟงั ข้อ ๑๐ ขอ้ ใดไม่ใชม่ ารยาทในการฟงั ก. กระต้นุ ใหผ้ ู้พดู ไดพ้ ูดในเรือ่ งทเ่ี ขาสนใจ ข. แสดงความไมเ่ หน็ ด้วยทางสหี น้า อย่าใช้คาพดู ค. แทรกคาถามในขณะฟงั เมื่อผพู้ ดู พูดจบกระแสความ ง. ไมท่ ากิจกรรมอย่างอืน่ ไปดว้ ยในขณะฟัง

ความหมายของการฟัง การฟัง หมายถึง ๑. การได้ยิน ๒. การคิดตามเรือ่ งราวที่ได้ยินไปด้วย ๓. จับใจความตา่ งๆ ท่ีควรคลอ้ ยตามหรือโตแ้ ย้ง “การฟงั ”กับ “การได้ยิน” “การได้ยนิ ” เป็นความสามารถในการรับของโสตประสาทหเู ท่านน้ั “การฟงั ” เปน็ การรบั และการตคี วามหมายในส่งิ ที่ไดย้ นิ ดว้ ย

ความสาคญั ของการฟงั • ทาให้เปน็ ผูร้ อบรู้กว้างขวาง • ทาใหผ้ ู้ฟังรู้สกึ เปน็ สุข • การฟงั เป็นเคร่ืองสอื่ ความหมาย สือ่ ความเข้าใจ ความรสู้ ึกนกึ คดิ • การฟงั เป็นทักษะทส่ี าคัญในการดาเนินชีวิต • การฟังสัมพันธก์ ับการพดู จิตวิทยาหมู่

วตั ถุประสงค์ของการฟงั • ๑. ฟงั เพือ่ ความสนุกสนานเพลิดเพลิน เชน่ บทกวนี พิ นธ์ เรื่องสัน้ นิยาย นทิ าน ดนตรี การอา่ นทานองเสนาะ ฯลฯ • ๒. ฟังเพ่อื ความรู้ เช่น การฟังบรรยายทางวชิ าการ ฟังอาจารย์บรรยายในช้ัน ฯลฯ ควรมี การสรุป ใคร ทาอะไร ทไี่ หน เมื่อไหร่ อยา่ งไร • ๓. ฟังเพือ่ ประเมินผลและวเิ คราะห์ เช่น การฟงั ขา่ ว ฟงั โฆษณา การอภิปราย ปาฐกถา โตว้ าที ฟังส่งิ เหลา่ น้ีต้องวางใจเป็นกลาง ใชเ้ หตุผลในการตดั สินใจวา่ ควรเชื่อได้ หรอื ไม่ ทัง้ นี้ขนึ้ อยกู่ ับ วัย ความรู้ วุฒภิ าวะ และประสบการณ์ของผฟู้ งั

หลกั เกณฑ์ในการฟงั • ๑. ฟงั ในสิง่ ทค่ี วรฟงั • ๒. ฟงั โดยไมต่ กเป็นทาสของอารมณ์ • ๓. ใชว้ จิ ารณญาณในการฟัง • ๔. ใชศ้ ิลปะของการฟงั • ๕. มมี ารยาทในการฟัง

ประเภทของสารท่ฟี งั • ๑. การฟงั สารประเภทความรู้ • ๒. การฟงั สารประเภทโน้มน้าวใจ • ๓. การฟังสารประเภทจรรโลงใจ

๑. การฟงั สารประเภทความรู้ • สารท่ใี ห้ความรู้ ไดแ้ ก่ เรือ่ งเกยี่ วกบั วิชาการขา่ วสารตา่ งๆ การฟังประเภทนี้ควรฟังอยา่ งต้ังใจเพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจเนื้อหาสาร สามารถจบั ประเด็นสาคญั ของเรื่องได้ - การวเิ คราะหข์ ้อความ - การจับใจความ และการตีความ และต้องบันทกึ ประเด็นสาคญั เพื่อเตือนความทรงจา หรอื นาไปใช้ ประโยชนต์ ่อไป

๒. การฟังประเภทโนม้ นา้ วใจ • มกั จะฟงั ในชวี ิตประจาวัน ลักษณะการโฆษณา เชน่ การโฆษณาส้ินคา้ การโฆษณาหาเสียง • การพดู ขอรอ้ งวิงวอน • การพูดดงั กล่าวล้วนมอี ทิ ธติ อ่ ความรู้สกึ นึกคดิ ของผู้ฟงั • จะตอ้ งแยกแยะวา่ ส่งิ ที่ฟงั ดหี รอื ไมด่ ี แลว้ ใชว้ ิจารณญาณในการฟงั • เพอ่ื เกดิ ความเข้าใจและตดั สินใจว่าควรเชอ่ื ถอื เรอื่ งท่ีฟังหรือไม่

๓. การฟงั สารประเภทจรรโลงใจ • สารจรรโลงใจ คือประเภทคลายทกุ ข์ เพิม่ สุขและให้คตขิ อ้ คิดแกผู้ฟงั ก่อให้เกดิ ความร้สู ึกผอ่ น คลาย เกดิ สติปัญญาท่ีจะต่อสู้อปุ สรรคหรอื ปญั หาตา่ งๆ • ผฟู้ ังเกดิ ความเพลิดเพลินใจ ไดร้ บั จนิ ตนาการ ซาบซ้งึ เปน็ สิง่ ทส่ี ามารถยกระดับจติ ใจใหส้ งู ขน้ึ เกดิ ความรู้สึกดงี าม

ลกั ษณะของการฟงั ทด่ี ี ๑. กาหนดจุดม่งุ หมายในการฟงั ๒. มสี มาธใิ นการฟงั ๓. วางใจเป็นกลาง ๔. มคี ณุ ธรรมและจรรยามารยาท ๕. ฟงั อยา่ งเข้าใจ ๖. จับใจความสาคัญของเรอื่ งได้ ๗. ฟังอยา่ งมวี จิ ารณญาณ ๘. จดบันทกึ ส่ิงที่ไดฟ้ งั ให้ถูกวิธี

ลักษณะของผูฟ้ งั ที่ดี • มีมารยาทในการฟงั • ตงั้ ปณธิ านว่าจะมาฟงั จริงๆ • ฟงั อยา่ งต้ังใจและใชค้ วามคดิ • ถามเร่อื งทไ่ี มเ่ ข้าใจแจ่มแจ้งหรือเกรงวา่ อาจจะเขา้ ใจผดิ • หลังการฟงั ควรมเี วลาสาหรบั ตดิ ตามทบทวนวา่ เร่ืองทไ่ี ด้ฟังน้นั เทจ็ จรงิ อยา่ งไร

มารยาทในการฟัง • ไม่คยุ ไมซ่ บุ ซบิ ส่งเสยี งหรอื แสดงกริ ยิ าไมส่ นใจ • ไม่พูดสอดในเวลาที่ผพู้ ดู ควรพูดเมอ่ื ผพู้ ดู เปดิ โอกาสให้พดู • สารวมในการนงั่ • แสดงความต้งั ใจฟัง หรือสนใจผูพ้ ดู • ควรยนื แสดงความใหเ้ กยี รติผพู้ ดู ทั้งเดนิ เข้ามาและเดินออกจากห้องประชมุ

มารยาทในการฟัง(ตอ่ ) • หากฟังเทศนาควรพนมมอื • หากฟงั แล้วขบขนั หรอื พอใจ กค็ วรปรบมอื พอสมควร ไมป่ รบมอื ฮาป่าโดยไม่มี เหตุผล • ไมท่ าเสยี งรบกวน ทางานอน่ื ไมส่ บู บุรี่ • ไม่เขา้ ห้องชา้ กวา่ กาหนด ไม่ออกหอประชมุ ก่อนเวลาเลิก หากจาเป็นต้อง กอ่ นเวลากาหนดควรทาความเคารพผพู้ ูดกอ่ น • ไมต่ กเป็นทาสอารมณ์จากเรื่องที่ได้ฟัง

ลักษณะของผู้ฟงั ทมี่ ีประสทิ ธิภาพ • ๑. ผฟู้ ังมีประสาทหูไว จบั เสยี งได้เรว็ และถูกตอ้ ง • ๒. ผู้ฟงั มีสมาธแิ น่วแน่ไมใ่ จลอย • ๓. มีพ้นื ความรใู้ นเรอื่ งทฟ่ี งั พอสมควร • ๔. มีความรูท้ างภาษาพอสมควร เช่น รจู้ ักสานวน ราชาศพั ท์ โวหาร.. • ๕. มีใจกวา้ งพอท่จี ะรบั ฟงั ความเห็นทแ่ี ตกต่าง • ๖. มีเจตคติท่ีเปน็ ธรรมตอ่ ผู้พูด • ๗. มคี วามสังเกตรอบคอบ • ๘ สามารถจับใจความได้ จดบันทึกนาไปถ่ายทอดได้

ประเภทของการฟัง • ๑. ฟังนทิ าน • ๒. ฟังคาอธิบายหรอื บรรยาย • ๓. ฟงั ปาฐกถา • ๔. ฟังการเล่าประสบการณ์ • ๕. ฟังโฆษณา • ๖. ฟังอภิปราย • ๗. ฟังการโต้วาที ฯลฯ

การฟงั นทิ าน • จดุ มุ่งหมายในการฟังนิทาน เพือ่ ความบนั เทงิ เพอ่ื ใช้เวลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ เพอื่ เปน็ คติเตอื นใจ • วธิ กี ารฟังนทิ าน ปล่อยอารมณแ์ ละทาใจใหค้ ลายเครยี ด ไม่ควรมีความคิดโตแ้ ย้ง พิจารณาข้อคิดหรอื คตจิ ากเรื่อง

การฟงั โฆษณา • จุดมุ่งหมายในการฟงั โฆษณา 1. เพ่ือศึกษาถึงประโยชน์ของสิง่ ทีโ่ ฆษณา 2. เพอ่ื ศกึ ษาการใชถ้ อ้ ยคา 3. เพ่อื เกดิ ความคิดเป็นตวั ของตัวเองวา่ เห็นด้วยหรือโตแ้ ยง้ อย่างมีเหตผุ ล • วธิ กี ารฟงั โฆษณา 1. ฟังแลว้ คดิ พจิ ารณาหาเหตุผลว่า ควรเช่ือหรอื ไม่เพยี งใด 2. ควรศึกษาการใช้คา และภาษาวา่ กล่าวเกินจริงหรือไม่ อยา่ งไร 3. ควรทราบว่าของดมี ีคุณภาพ ไม่จาเป็นต้องโฆษณาดเี สมอไป ในการฟังควรมีความ คิดถึงเรื่องน้ีไวบ้ า้ ง

การฟังอธิบายและฟังบรรยาย • จดุ มุ่งหมายฟังคาอธบิ ายและฟังบรรยาย 1. เพ่ือให้ผฟู้ งั มีความเข้าใจเนื้อหา 2. เพอ่ื ใหผ้ ฟู้ งั สามารถนาความรูไ้ ปใช้อย่างถกู ต้อง 3. เพอ่ื ใหผ้ ้ฟู งั มคี วามซาบซึง้ และเหน็ ภาพไดช้ ัดเจนขนึ้ • วธิ ีการฟังคาอธิบายและฟังบรรยาย 1. มีความต้งั ใจ ไม่คดิ ถงึ เร่ืองอื่น ๆ 2. มคี วามคดตามผู้อธบิ ายหรอื ผ้บู รรยายอยู่ทกุ เวลา 3. มกี ารจัดบนั ทึกยอ่ ในขณะฟงั เพ่อื เตอื นความทรงจา 4. มีการซกั ถามเมื่อสงสยั และควรซกั ถามในขณะทีผ่ ู้อธบิ ายหรือผ้บู รรยาย เปดิ โอกาสใหถ้ าม

การฟังอธิบายและบรรยาย • จดุ ม่งุ หมาย เพ่อื ใหผ้ ู้ฟังมคี วามเขา้ ใจเน้ือหา เพื่อให้ผฟู้ ังสามารถนาความรไู้ ปใช้ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง เพ่ือใหผ้ ู้ฟงั มีความซาบซ้ึง และเหน็ ภาพไดช้ ดั เจนข้ึน • วธิ ีการฟังคาอธบิ ายและฟงั บรรยาย มีความตงั้ ใจ ไม่คิดถึงเรื่องอน่ื ๆ มคี วามคิดตามผู้อธบิ ายหรือผ้บู รรยายอยู่ทกุ เวลา มีการจดบันทกึ ยอ่ ในขณะฟงั เพอื่ เตือนความทรงจา มกี ารซกั ถามเม่อื สงสัย

การฟงั ปาฐกถา • หมายถงึ ปาฐกถาเปน็ การบรรยายอย่างหนึง่ ส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางวชิ าการ ปาฐกถา น. ถอ้ ยคา หรือเร่ืองราวท่ีบรรยายในท่ชี ุมชน • จดุ มุ่งหมาย เพื่อรูน้ อกเหนอื ไปจากบทเรยี น เพือ่ ศึกษาลีลาการพูดและการยกตัวอย่างเชงิ วิชาการ เพือ่ นาความรู้ไปใชใ้ นทางทีเ่ กยี่ วกบั วิชาการ • วิธีการฟัง มคี วามตง้ั ใจไมค่ ิดสบั สน จบั หรอื สรปุ ประเด็นสาคญั ใหไ้ ด้ มีความเชื่อมั่นและนับถือในตัวผ้ปู าฐกถา (เรียกว่า องคป์ าฐก) จดบันทึกย่อในสว่ นทีเ่ ห็นสมควร

การฟังสุนทรพจน์ • หมายถึง คาพดู ท่ีดี ไพเราะและลกึ ซึ้งกนิ ใจ • สนุ ทรพจน์ น.คาพดู ท่ปี ระธาน หรือบคุ คลสาคญั กลา่ วในพธิ กี ารหรอื โอกาสสาคัญ ต่าง ๆ มกั ฟงั ตอนท่มี ีการจดั งานทเ่ี ปน็ พธิ กี าร และต้องเป็นโอกาสทีเ่ หมาะสม • จดุ มงุ่ หมาย เพ่ือฟงั การเรยี บเรยี งภาษาท่ไี พเราะสละสลวย เพือ่ ให้ทราบสาระสาคญั ในเรอ่ื งทฟ่ี งั • วิธกี ารฟงั มีความตั้งใจและรับฟงั ด้วยความชื่นชมยนิ ดี มคี วามเข้าใจในเร่อื งที่พดู และเขา้ ใจลักษณะสาคญั นนั้ ๆ และไม่คดิ โตแ้ ยง้

การฟงั อภปิ ราย • หมายถึง การพูดจากัน การปรกึ ษาหารือกัน หรือการถกเถยี งกนั ดว้ ยเหตผุ ลในเรอ่ื ง ใดเร่ืองหนึ่งซง่ึ ผู้อภปิ รายจะแสดงความคดิ เห็นของตนเองในทานองคัดค้านหรอื คลอ้ ยตามกไ็ ด้ • จุดมุงหมายของการฟงั อภิปราย เพือ่ ไดร้ บั ความรูเ้ ชิงวชิ าการ เพอ่ื รบั ฟงั แนวคดิ จากผู้อภริ าย เพอื่ เกดิ ความคดิ สร้างสรรค์ • วิธกี ารฟังอภิปราย ทาใจใหเ้ ป็นกลาง ไมโ่ น้มเถยี งไปกับผู้อภปิ ราย ควรมคี วามรู้เรอ่ื งทฟี่ ังอยู่บ้าง จะไดเ้ ขา้ ใจชดั เจนขน้ึ อาจเห็นด้วยหรือไม่เห็นดว้ ยกับผ้อู ภปิ รายกไ็ ด้ 4. ควรมีสมุดจดบนั ทกึ สาระสาคัญ

วิธีการฝกึ ฟัง ๑. ฝึกความสามารถในการได้ยิน โดยฝกึ ประสาทหใู หจ้ บั เสียงไดเ้ รว็ และถกู ต้อง ๒. ฝึกจติ ให้มั่นคง มีสมาธไิ ม่วอกแวก ๓. ฝกึ เพิ่มพนู ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องทฟ่ี งั ๔. ฝึกตนเองให้เป็นคนใจกวา้ ง ยอมรับฟังความคดิ เห็นของผอู้ ่ืน ๕. ขณะฟังควรฝกึ ฟังตามลาดับดังนี้

วิธกี ารฝึกฟัง(ตอ่ ) ๕.๑ ฝกึ ฟังเพ่ือใหเ้ ขา้ ใจเรอ่ื งทีฟ่ งั ๕.๒ จับใจความสาคญั ของเร่ืองที่ฟัง ๕.๓ วเิ คราะหจ์ ดุ ม่งุ หมาย หรือเจตนาของผฟู้ งั ๕.๔ ฝึกวนิ ิจสาร ตีความสาร โดยพิจารณาจากถ้อยคาและน้าเสียง ๕.๕ ฝึกประเมินคา่ สารนั้นวา่ มีขอ้ ดี ข้อบกพรอ่ ง นาไปใช้ประโยชน์อยา่ งไร การฟังมากและฟังเปน็ ทาให้ทา่ นเป็น “พหสู ูต”ได้

สาเหตทุ ท่ี าให้การฟงั ไม่มปี ระสทิ ธิภาพ • เกดิ จากสภาพแวดล้อม ทาใหบ้ รรยากาศในการฟังไมด่ พี อ • ผ้ฟู ังไมส่ นใจในการฟัง ไม่มีสมาธิ หวิ เบอื่ หน่าย • ผู้พดู พดู เรว็ เกินไป วกวน สบั สนมาก

วธิ แี กไ้ ขขอ้ บกพรอ่ งเพอื่ ให้การฟัง มปี ระสิทธภิ าพ • หากเกดิ จากตัวผ้ฟู ังเอง เช่น บกพรอ่ งที่หกู ็ควรไปตรวจรกั ษา หากกังวลกพ็ ยายามขมใจ ตนเอง ทาใจให้สบายกอ่ นฟงั • ถ้าฟงั แล้วจบั ใจความไมไ่ ด้ ต้องฝกึ ฟังเทปหรอื วิทยเุ พอ่ื จับใจความ • ถ้ามพี ้นื ฐานความรู้ไม่พอก็ควรทีจ่ ะศกึ ษาคน้ คว้าให้มากขนึ้ • หากจดั ให้มีการพูดตอ้ งเลือกสถานท่ใี หเ้ หมาะสม • ฝกึ ตนใหเ้ ป็นผู้มมี ารยาท ทาใจเปน็ กลาง ยอมรบั ความคดิ เหน็ คนอน่ื • วดั ผลและประเมินผลในโอกาสท่เี หมาะสม

การฟงั จากสือ่ อเิ ล็กทรอนิกส์ • ฟังพ๊อดคาสท์ (podcast) คือ การฟงั รายการทีฟ่ งั ผา่ นอินเทอร์เนต็ ซึง่ เปน็ รายการทแ่ี บ่งตอน ๆ สว่ นใหญจ่ ะเปน็ ส่อื ประเภทเสียง ท่เี ราสามารถดาวโหลดมาเกบ็ ไวใ้ นเครอ่ื งฟงั แบบออฟไลน์ ตอนไหนก็ได้

สานวน สภุ าษิต คาพังเพย คาประพนั ธ์ทเ่ี กยี่ วกับการฟงั • ฟงั หูไวห้ ู • สซี อให้ควายฟงั • ฟงั ไม่ศพั ท์ จับไปกระเดยี ด • ฟงั ความข้างเดยี ว อนั เสาหินแปดศอกตอกเปน็ หลกั ไปมาผลักบ่อยเขา้ เสายังไหว จงฟงั หูไวห้ ูคอ่ ยดูไป เชอื่ น้าใจดีกวา่ อย่าเช่อื ยุ (อศิ รญาณภาษติ )

การประเมินผลการฟงั • ประเมินผลด้วยตนเอง • ประเมินผลโดยคนอ่ืน

แบบทดสอบหลงั เรยี น ข้อ ๑ การฟงั มคี วามหมายตรงกับข้อใด ก. การได้ยิน ข. การรคู้ วามหมาย ค. การทาความเขา้ ใจซงึ่ กันและกนั ง. การรับร้คู วามหมายจากเสียงที่เราไดย้ นิ ข้อ ๒ ขอ้ ใดไมใ่ ชค่ ุณสมบตั ิของผ้ฟู งั ทด่ี ี ก. น่ังฟังเงียบๆ แสดงอาการรับร้จู นกว่าผู้พูดจะพดู จบ ข. พิจารณาเรอ่ื งราวทีก่ าลังฟงั ว่านา่ เชื่อถอื มากน้อยเพยี งใด ค. รวบรวมความคดิ ให้ได้ว่าผู้พดู มวี ตั ถปุ ระสงค์อะไรในการพดู นัน้ ง. แยกแยะได้วา่ เรื่องทไ่ี ด้ฟงั น้ันมสี ว่ นใดเป็นข้อเทจ็ จริง สว่ นใดเป็นขอ้ คิดเหน็

ขอ้ ๓ เมือ่ หวั หน้าห้องของท่านประกาศใหท้ กุ คนในชัน้ เรียนทราบวา่ วันนี้อาจารย์ติด ราชการมาสอนไมไ่ ด้ ขอใหน้ ักศึกษาทาแบบฝกึ หัด......ใหเ้ สร็จ ทา่ นควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. ทาแบบฝกึ หัดตามท่ีอาจารย์มอบหมายให้ ข. น่ังคยุ กับเพื่อนกอ่ นแล้วคอยลอกเพือ่ นทีท่ าเสร็จ ค. ทาแบบฝกึ หดั วชิ าอ่ืนที่คา้ งอยกู่ อ่ น ง. ออกจากหอ้ งและเตรยี มการเรียนวชิ าใหม่ ข้อ ๔ ขอ้ ใด ไมใ่ ช่การใชว้ จิ ารณญาณในการฟงั ก. ฟังแลว้ ยอมรับทัศนะของผู้อ่นื ข. ฟงั แลว้ คิดตามว่าน่าเช่ือถือเพยี งใด ค. ฟงั แลว้ พิจารณาว่าผูพ้ ดู ใช้วธิ กี ารถา่ ยทอดความร้สู กึ นึกคดิ อย่างไร ง. ฟังแล้วพิจารณาวา่ เรือ่ งนน้ั เปน็ ขอ้ เท็จจริงหรอื เป็นความคิดเห็นของผู้พูด

ขอ้ ๕ เม่อื ผู้อืน่ มาพดู ถงึ ความไม่ดีของบคุ คลที่ ๓ ทา่ นควรทาอยา่ งไร ก. ห้ามปรามว่าไม่ควรพูดให้ผูอ้ ืน่ เสียหาย ข. พจิ ารณาว่าถ้าเป็นความจรงิ ตามทไ่ี ดฟ้ ังกค็ วรบอกใหผ้ ้นู ้นั แกไ้ ข ค. ไมแ่ สดงความคิดเห็น และพยายามเปลยี่ นหวั ขอ้ สนทนา ง. พยายามซกั ไซใ้ ห้ผพู้ ดู ขยายความมากข้นึ ขอ้ ๖ การฟงั การอภิปรายเปน็ การฟังเพ่อื จดุ ประสงค์ใด ก. ฟังเพื่อความรู้ ข. ฟังเพื่อคิด ค. ฟงั เพ่อื ให้เกดิ ความเพลิดเพลิน ง. ฟงั เพอื่ ความร้แู ละเพอื่ คดิ

ขอ้ ๗ ขอ้ ใดไม่ใชอ่ ุปสรรคของการฟงั ก. คาดหมายไวก้ อ่ นว่าผ้พู ดู เปน็ คนพูดเกง่ ข. ความคิดเหน็ ของผู้พดู ถกู ตอ้ งเสมอ ค. เด็ก ๆ ข้างนอกหอ้ งประชุมวิ่งเล่นอึกทกึ ง. ภายในหอ้ งค่อนขา้ งร้อนเพราะไมม่ ีแอรม์ ีแตพ่ ัดลม ขอ้ ๘ ข้อใดเป็นการให้เกยี รติผพู้ ูด ก. ไม่สง่ เสียงดงั พูดเพียงกระซบิ กระซาบเบา ๆ พอได้ยนิ กันสองคน ข. ปรบมอื และส่งเสียงร้องใหก้ าลงั ใจแก่ผพู้ ดู ค. เม่อื พอใจคาพูดตอนใดให้ปรบมือแสดงความพอใจ ง. แสดงความสนใจดว้ ยการลกุ ขึ้นถามคาถามทนั ทีที่เกดิ ความสงสัย

ขอ้ ๙ พฤติกรรมใดที่เหมาะสมในการฟังในท่ปี ระชมุ ชน ก. น่ังฟังอย่างสบาย ๆ ข. นาอาหารเขา้ มารบั ประทาน ค. ปรบมือต้อนรับ ง. นง่ั หลบั ตาทาสมาธขิ ณะฟงั ข้อ ๑๐ ขอ้ ใดไม่ใชม่ ารยาทในการฟงั ก. กระต้นุ ใหผ้ ู้พดู ไดพ้ ูดในเรือ่ งทเ่ี ขาสนใจ ข. แสดงความไมเ่ หน็ ด้วยทางสหี น้า อย่าใช้คาพดู ค. แทรกคาถามในขณะฟงั เมื่อผพู้ ดู พูดจบกระแสความ ง. ไมท่ ากิจกรรมอย่างอืน่ ไปดว้ ยในขณะฟัง

เฉลยแบบทดสอบ 1. ง 2. ข 3. ก 4. ก 5. ก 6. ง 7. ก 8. ค 9. ค 10. ก