Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์

รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์

Published by Patthanapong Ontuan, 2021-02-22 15:20:24

Description: รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์

Search

Read the Text Version

โครงงานวิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง เครื่องอัดขน้ึ รปู ภาชนะจากกาบหมาก โดย 1. นายณฐั วุฒิ งามสลัก 2. นายปวรุตม์ อินทะนพ 3. นายรชั ตก์ ร ศรีจนั ทร์ 4. นายณัฐพงศ์ แสงสูงเนิน 5. นายปรัญชัย ยนิ เสียง ระดับ (ปวส.) ปีพทุ ธศกั ราช 2562 วิทยาลยั เทคนิคจันทบรุ ี อาชวี ศึกษาจังหวดั จันทบุรี สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

โครงงานวิทยาศาสตร์ เร่อื ง เครอ่ื งอัดขึ้นรปู ภาชนะจากกาบหมาก โดย 1. นายณัฐวฒุ ิ งามสลัก 2. นายปวรุตม์ อินทะนพ 3. นายรัชต์กร ศรีจันทร์ 4. นายณฐั พงศ์ แสงสงู เนิน 5. นายปรัญชัย ยินเสียง ทป่ี รกึ ษา 1. นายพัฒนพงษ์ อ้นเถ่ือน

2. นายเมธา โยธาฤทธ์ิ ช่ือโครงงาน เครอื่ งอัดขึน้ รปู ภาชนะจากกาบหมาก ช่อื นกั ศึกษา 1. นายณัฐวฒุ ิ งามสลกั 2. นายปวรุตม์ อนิ ทะนพ ระดับชั้น 3. นายรชั ตก์ ร ศรจี ันทร สาขางานวิชา 4. นายณฐั พงศ์ แสงสงู เนนิ ปกี ารศกึ ษา 5. นายปรญั ชยั ยนิ เสยี ง ครทู ปี่ รึกษา ประกาศนยี บตั รวิชาชีพชัน้ สูง (ปวส.) ชา่ งไฟฟ้า 2562 1. นายพฒั นพงษ์ อน้ เถ่ือน 2. นายเมธา โยธาฤทธิ์ บทคัดยอ่ การจัดทาโครงงานวิทยาศาสตร์ เร่อื ง เคร่ืองอดั ข้ึนรปู ภาชนะจากกาบหมากนีม้ ี จุดมงุ่ หมายเพ่อื ผลิตเคร่ืองอัดขึ้นรูปภาชนะจากกาบหมาก รวมถึงการผลติ ภาชนะใส่อาหารท่เี ปน็ วัสดุจากธรรมชาติและทดสอบและศึกษาความทนทานของวสั ดธุ รรมชาตทิ ่นี ามาใชท้ าภาชนะใส่ อาหารการจัดทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง เคร่ืองอดั ขน้ึ รูปภาชนะจากกาบหมากนี้มีจุดมงุ่ หมายเพ่อื ผลติ เครื่องอดั ขึ้นรูปภาชนะจากกาบหมาก รวมถึงการผลติ ภาชนะใส่อาหารทเ่ี ปน็ วสั ดจุ ากธรรมชาติ และทดสอบและศึกษาความทนทานของวสั ดุธรรมชาตทิ ่นี ามาใช้ทาภาชนะใส่อาหาร ซ่งึ ดาเนินการ โดยการประยุกต์เตาปะยางขนาดเล็ก ที่สามารถให้ความร้อนไดเ้ พื่อใหว้ ัสดุ คือ กาบหมาก นน้ั สามารถ ขนึ้ รปู ได้ตามพิมพ์ทีจ่ ดั ทาไว้ ผลผลติ ท่ีได้ คอื ได้ภาชนะทจ่ี ากผลติ จากกาบหมากซ่ึงเป็นวัสดุจาก ธรรมชาติ ยอ่ ยสลายได้และไม่กอ่ ให้เกดิ มลพษิ โดยภาชนะที่ไดจ้ ากเครื่องอดั ขน้ึ รูปภาชนะจากกาบ หมากนี้ สามารถใส่อาหารได้ทงั้ อาหารประเภทแห้งและนา้ มีความทนทานไม่เสยี รปู ทรง ไมฉ่ กี ขาก หรอื บดิ งอ

กติ ตกิ รรมประกาศ การจัดทาโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง เคร่ืองอัดขึ้นรูปภาชนะจากกาบหมากนี้มีจุดมุ่งหมาย เพื่อ ผลิตเครื่องอัดขึ้นรูปภาชนะจากกาบหมาก รวมถึงการผลิตภาชนะใส่อาหารท่ีเป็นวัสดุจาก ธรรมชาติและทดสอบและศึกษาความทนทานของวัสดุธรรมชาติท่ีนามาใช้ทาภาชนะใส่อาหาร คณะ ผู้จัดทาขอขอบคุณ วิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี อาชีวศึกษาจังหวัดจันทบุรี ที่ได้สนับสนุนการจัดทา โครงงานวทิ ยาศาสตร์ในคร้ังน้ี รวมไปถึงและคณะครู ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่วิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี ทไี่ ด้ให้คาปรกึ ษาและขอ้ มลู เพื่อใช้ในการประกอบการจัดทาโครงงานวิทยาศาสตร์ การดาเนนิ จัดทาโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง เครื่องอัดขึ้นรูปภาชนะจากกาบหมากน้ี มิอาจ สาเร็จลุล่วงไปได้หากปราศจากความร่วมมือของครู-อาจารย์ ในแผนกช่างไฟฟ้า วิทยาลัยเทคนิค จันทบุรี และครูที่ปรึกษาโครงงาน ได้แก่ ครูพัฒนพงษ์ อ้นเถื่อน และครูเมธา โยธาฤทธ์ิ ครูแผนก สามัญ-สัมพันธ์ ท่ีได้ให้ความรู้ คาแนะนา รวมถึงสถานที่ในการดาเนินการจัดโครงงานวิทยาศาสตร์ จนโครงการน้ีสาเรจ็ ลลุ ว่ งไปดว้ ยดี ท้ายนี้คณะผู้จัดทาขอกราบขอบพระคุณบิดา มารดา ที่ให้การอุปการะอบรมเล้ียงดู ตลอดจนส่งเสริมการศึกษา และให้กาลังใจเป็นอย่างดี อีกทั้งขอขอบคุณเพ่ือน ๆ ที่ให้การ สนบั สนนุ และชว่ ยเหลือด้วยดีเสมอมา และขอขอบพระคุณเจ้าของเอกสารและงานวิจัยทุกท่าน ท่ีผู้ ศึกษาคน้ คว้าไดน้ ามาอ้างอิงในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์นี้ จนกระท่ังสาเร็จลลุ ่วงไปไดด้ ้วยดี คณะผู้จัดทา

สารบัญ หนา้ เรอ่ื ง ก ข บทคดั ย่อ กิตตกิ รรมประกาศ 1 บทท่ี 1 บทนา 1 1 ทมี่ าและความสาคัญของการศกึ ษาค้นคว้า 1 จุดมงุ่ หมายของการศึกษาค้นคว้า 2 สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า 2 ขอบเขตของการศึกษาคน้ ควา้ 2 ตวั แปรทศ่ี กึ ษา นิยามศัพทเ์ ฉพาะ 3 ผลท่ีคาดว่าจะได้รับ 4 6 บทที่ 2 เอกสารทเ่ี กยี่ วขอ้ ง 10 หมาก 11 ประโยชน์ของหมาก สรรพคุณของหมาก กาบหมาก จานกาบหมาก

เตาปะยาง 12 บทที่ 3 อุปกรณ์วิธกี ารดาเนินการศกึ ษาคน้ คว้า 13 14 วัสดุอุปกรณท์ ี่ใช้ในการสร้างเคร่อื งอดั ขึ้นรปู ภาชนะจากกาบหมาก 16 วสั ดุอปุ กรณท์ ี่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า 18 วธิ ดี าเนินการศกึ ษาคน้ ควา้ วิธดี าเนนิ การทดลอง 19 บทที่ 4 ผลการดาเนินการ ผลการดาเนินการ สารบญั (ตอ่ ) หน้า เรอ่ื ง 20 20 บทท่ี 5 สรุปผล อภิปรายและข้อเสนอแนะ 20 สรปุ ผล 21 อภปิ รายผล 22 ขอ้ เสนอแนะ บรรณานุกรม ภาคผนวก

บทท่ี 1 บทนา ทม่ี าและความสาคญั ของการศึกษาคน้ ควา้ เน่อื งด้วยในปจั จุบันมีค่านิยมการบรโิ ภค อปุ โภคมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ภาชนะทีบ่ รรจุ อาหารและเครือ่ งดื่ม ท่ีทาให้ผูค้ นมคี วามสะดวกสบายในการบรโิ ภคมากยง่ิ ขนึ้ ซึ่งภาชนะสว่ นใหญท่ ี่ใช้ ในปัจจบุ นั เป็นประเภท โฟม หรือ กล่องท่ที ามาจากพลาสตกิ ซง่ึ “โฟม” ท่ใี ชใ้ นการใสอ่ าหารนน้ั ผลติ มาจากพลาสติกประเภท Polystyrene ซง่ึ มีการผลิตที่ง่ายไมย่ ุ่งยาก ตน้ ทุนไม่สงู หาซื้อได้งา่ ย ทา ใหธ้ ุรกิจรา้ นอาหารส่วนใหญน่ ิยมใช้โฟมชนิดนใี้ นการบรรจุอาหาร เมอ่ื ใช้โฟมเสรจ็ กม็ กั จะทิ้งกนั โดยไม่

มกี ารนากลบั มาใช้อีกคร้งั สง่ ผลกระทบต่อสงิ่ แวดล้อม เน่อื งจากโฟมมีสาร CFC (Chloro Fluoro Carbon) เปน็ สารก่อภาวะเรือนกระจกทาลายช้ันโอโซนในบรรยากาศ และ ยงั เปน็ สาเหตุในการเกิด ภาวะโลกรอ้ นทีเ่ ป็นปัญหาหลักที่คนทั่วโลกให้ความสนใจอยู่ ณ ขณะน้ีอกี ด้วย ซง่ึ ในจังหวัดจนั ทบุรีนั้น มีแหล่งท่องเทยี่ วทม่ี ชี ื่อเสยี ง และผคู้ นนิยมมาท่องเทีย่ วเปน็ จานวน มาก ยกตัวอย่างเชน่ ชุมชนรมิ น้าจันทบรู ชุมชนขนมแปลกหนองบวั เปน็ ต้น ซ่ึงแหลง่ ท่องเทีย่ วท่ไี ด้ กลา่ วมานน้ั มกี ารค้าขายอาหารทอ้ งถิ่น อาหารแปลก มากมาย ซ่ึงแน่นอนว่าจะต้องใชภ้ าชนะในการ ใสอ่ าหารเพื่อค้าขายแกน่ ักท่องเทย่ี วเป็นจานวนมาก คณะผู้จดั ทาไดเ้ ล็งเห็นวา่ ภาชนะที่ทาจากโฟม และ พลาสติกนน้ั เปน็ วตั ถุทย่ี ่อยสลายได้ยาก ไมเ่ ปน็ มิตรต่อสิง่ แวดล้อม จงึ ได้จัดทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภทโครงงานสิ่งประดษิ ฐ์ คอื “เครอ่ื ง อัดขึ้นรปู ภาชนะจากกาบหมาก ” เพื่อสร้างภาชนะ ได้แก่ จาน จากวสั ดธุ รรมชาติ ซง่ึ สามารถใชไ้ ด้ หลากหลาย อาทเิ ช่น กาบหมาก ซ่งึ วัสดจุ ากธรรมชาตินี้ ในทอ้ งถน่ิ จังหวดั จันทบุรีหาได้ง่าย ย่อยสลาย ง่าย และเปน็ มติ รตอ่ สิง่ แวดล้อม จุดมงุ่ หมายของการศึกษาค้นคว้า 1. เพอ่ื ผลิตเครื่องอดั ข้ึนรูปภาชนะจากกาบหมาก 2. เพ่ือผลติ ภาชนะใส่อาหารท่ีเป็นวัสดจุ ากธรรมชาติ 3. เพอื่ ทดสอบและศกึ ษาความทนทานของวัสดุธรรมชาตทิ ี่นามาใช้ทาภาชนะใส่อาหาร สมมติฐานของการศึกษาคน้ คว้า ภาชนะที่ผลิตจากกาบหมาก โดยเครอ่ื งอดั ขนึ้ รูปภาชนะจากกาบหมาก มีความแขง็ แรง ทนทานและสามารถใชง้ านได้จริง ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า โครงงานนจ้ี ะศึกษาเฉพาะการหาประสทิ ธิภาพของภาชนะจากกาบหมาก โดยเคร่ืองอัดขน้ึ รูป ภาชนะจากกาบหมาก ตัวแปรท่ศี กึ ษา ตัวแปรตน้ : โดยเครือ่ งอัดขึ้นรปู ภาชนะจากกาบหมาก , ภาชนะจากกาบหมาก ตวั แปรตาม : ประสิทธิภาพของภาชนะ ตวั แปรควบคุม : ปรมิ าณและประเภทของอาหารท่ีใส่

นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ ประสิทธภิ าพของภาชนะ หมายถงึ ภาชนะสามารถบรรจุอาหารไดโ้ ดยท่ีภาชนะไมเ่ สยี หาย ภายในเวลาที่กาหนด ผลทค่ี าดว่าจะไดร้ ับ 1. ไดเ้ ครื่องอดั ข้นึ รูปภาชนะจากกาบหมากท่ีสามารถใชง้ านได้จรงิ 2. ได้ภาชนะบรรจอุ าหารจากวสั ดุธรรมชาติที่สามารถทดแทนภาชนะที่ทาจากโฟมและ ภาชนะอนื่ ๆ ที่เปน็ มลพษิ ต่อส่ิงแวดล้อม 3. วัสดุจากธรรมชาตสิ ามารถขึน้ รปู เปน็ ภาชนะตามรูปแบบที่ต้องการและมีความแขง็ แรง ทนทาน สามารถใช้งานได้

บทท่ี 2 เอกสารท่เี กย่ี วข้อง ในการจดั ทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์เรอ่ื ง “เครื่องอัดขึน้ รูปภาชนะใสอ่ าหารจากกาบหมาก” มี เอกสารและงานวิจยั ท่ีเกี่ยวข้อง ดังน้ี 2.1 หมาก ชอ่ื สามัญ Betel nut ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Areca catechu L ช่ือวงศ์ Arecaceae ชอ่ื ทีเ่ รียก ต้นหมาก ชื่ออ่นื ๆ หมาก หมวดหมทู่ รัพยากร พชื ลาตน้ หมากเป็นที่มลี าต้นเลก็ มีความสงู ปานกลาง (ประมาณ 20 เมตร) แตด่ ว้ ยขนาดลาต้นท่เี ล็ก (เสน้ ผ่าศูนย์กลาง 20-30 เซนติเมตร) ทาให้ดสู ูงมาก เปน็ ไม้ประดบั ได้ด้วย ใบ ใบยาว 1.5 - 2 เมตร ลกั ษณะเหมอื นใบมะพร้าว มใี บดก แตม่ ีความบอบบาง ก้านใบและ สว่ นใบไมน่ ยิ มใช้ประโยชน์ สว่ นของกาบใบ เรียกว่า กาบปูเล มคี วามหนา และแขง็ พอสมควร นยิ ม นามาใชห้ ่อของ ทาซองใสม่ ดี และชาวบ้านในภาคใต้ทาพบั ห่อทาเป็นภาชนะสาหรบั ตักน้า เรียกว่า

หมา หรือ หมาตักนา้ ขณะทเ่ี ดก็ ๆ ยงั นาไปรองนั่ง ผลดั กนั ลาก เป็นของใชเ้ ล่นอกี อยา่ งหนงึ่ ของ เด็กไทยสมัยก่อน ผล ผลของหมากเปน็ รปู กลมรีคล้ายลกู รักบี้ มขี นาดเสน้ ผา่ ศูนย์กลางดา้ นกว้างประมาณ 1 - 2 นิ้ว ดา้ นยาวประมาณ 1.5-2.5 น้วิ เปลอื กนอกเปน็ เสน้ ใย ผวิ ของผลเมอ่ื อ่อนสีเขยี ว เมื่อแกแ่ ล้วออกสี ส้มแดง เรียกวา่ สีหมากสุกเมื่อผลสุกจะรว่ งจากขวั้ หากปล่อยไว้ เปลอื กจะเหีย่ วแหง้ ยุ่ย สามารถดงึ ออก เหลอื แต่เมล็ดขา้ งในได้โดยงา่ ย หมากเปน็ พชื ทมี่ เี กสรตัวผแู้ ละเกสรตัวเมยี อยู่ในทะลายเดียวกนั สว่ นที่เรียกว่าหมากจริงๆ กค็ ือ สว่ นเมลด็ ขา้ งในผลมีลกั ษณะค่อนขา้ งกลม เมื่อยังอ่อนมสี ขี าว นวลจนถงึ เหลอื ง เนอ้ื นิ่ม พอแก่ลงจะหนามากขึน้ และสคี ล้า จนเปน็ สีน้าตาลเข้ม ใช้กินกับปนู แดง และพลู เปน็ ของกินเลน่ ที่สาคัญของชาวไทยและหลายชาติในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้มาช้านาน การเกบ็ หมากน้ัน ไม่สามารถใชไ้ มส้ อยไดอ้ ย่างมะพรา้ ว เพราะหมากมตี น้ สงู จึงต้องใชค้ นปนี ขนึ้ ไปเกบ็ แต่คนปีนหมากจะมเี ทคนิคการปีน เม่ือขึ้นไปถึงข้างบนต้นหนงึ่ และเก็บหมากโยนลง มาแล้ว จะไม่ไต่ลงมายังโคนต้น แต่จะโยกตน้ หมากให้เอนไปหาต้นอ่ืน แลว้ กระโดดจับต้นอ่นื เปน็ อยา่ งน้ีเร่ือยไป จนกว่าจะไม่มีตน้ หมากที่อยใู่ กล้กัน ประโยชน์ ผลหมาก ในสมยั ก่อนคนไทยนิยมกนิ หมากกนั ทั่วไปตง้ั แตค่ นรุ่นหนุ่มสาวไปจนถึงคนแก่ สว่ น ของหมากท่ีใชก้ นิ คือผลหมาก ซง่ึ มที ั้งหมากสดและหมากแห้ง เมอ่ื จะกินหมากต้องมี พลู ปนู แดง และ เครอื่ งประกอบคือ ยาจดื กานพลู สเี สยี ด พมิ เสน หากเป็นหมากสดจะต้องเจยี นหมากโดยผา่ เป็น ๔ ซกี แงะเน้อื ให้หลุดจากเบ้าเปลือก มขี ัว้ สีขาวติดเล็กน้อย เจียนเปลือกดา้ นในบางๆ ใหต้ ิดมาด้วย เพ่อื รองรบั เนอ้ื หมาก การวางหมากบนจานหรอื ภาชนะใดตอ้ งวางหมากหงายเอาหนา้ ขึ้น สว่ นใบพลนู ามา เจียนรมิ ให้ได้พอดคี า แลว้ ใช้ปูนแดงปา้ ยเลก็ น้อย ม้วนให้เรียวเล็กปลายแหลม ใช้ฝา้ ยพันรัดให้พอกัน คลายตวั เรยี กวา่ จีบพลู เม่ือจะกนิ หมากกห็ ยบิ พลมู ากดั เค้ียวตามดว้ ยหมาก แลว้ หยบิ ยาฝอยยาจืด เช็ดปากแล้วใสป่ ากเคีย้ วไปดว้ ย สาหรบั หมากแห้งนน้ั ชาวสวนจะเกบ็ หมากหน้าแก่หรือหมากสงมาผ่าออก แกะแต่ เนอื้ ในสแี ดงเขม้ แลว้ หั่นเปน็ ชิน้ บางๆ ตากแดดจนแห้งสนิท สาหรับไวก้ ินในยามหน้าแล้ง วธิ กี ารกินหมากของคนสงู อายุที่ไม่ค่อยมีฟันเค้ียว จะตอ้ งใช้ตะบนั หรือครกเป็น อุปกรณ์ช่วยตาหมากใหแ้ หลกเสยี กอ่ น ตะบนั มลี กั ษณะเป็นกระบอกทองเหลืองขนาดเสน้ ผ่าน

ศูนย์กลางราว ๑ นิว้ ยาวราว ๖ นวิ้ ก้นกลวงรองไวด้ ้วยแผ่นทองเหลืองกลม ท่ีตาหมากเป็นแกนเหล็ก มดี า้ มจบั เป็นไม้ ส่วนปลายตีแบนคอ่ นข้างคม ใส่หมากพลูลงไปให้พอดีคาแล้วตะบนั ตาจนละเอยี ด ใช้ ไม้ดันแผน่ ทองเหลืองที่กน้ กระบอกขึ้นมาดา้ นบน กจ็ ะได้หมากมาเค้ียว ตะบันมีขนาดเล็กสาหรบั พกพาไปไหนมาไหนไดส้ ะดวกโดยจบี พลเู จียนหมากใสต่ ะกร้าเตรียมไปดว้ ย ส่วนครกนนั้ โดยมากจะใช้ ครกทองเหลอื ง ขนาดเล็กมาก ตาได้พอดีคร้งั ละคา เมื่อจะตาหมากไปกินนอกบ้าน จะห่อใบตองเป็น คาๆ รปู รา่ งเหมือนหอ่ ขนมเทียน ส่วนยอดเปดิ เลก็ น้อยมียาฝอยโผลอ่ อกมา การกินหมาก หรอื ถา้ จะเรยี กให้ถกู ต้องตามลักษณะการบริโภคคอื การเค้ียวหมาก นั้น จะไม่กลนื นา้ ลายในขณะทีห่ มากอย่ใู นปาก จึงต้องมีกระโถนสาหรับบ้วนนา้ หมาก เม่ือหมากคานัน้ เรม่ิ จืดก็ต้องคายชานหมากออกท้ิง แลว้ จึงเริม่ กินหมากคาใหม่ คนท่กี นิ หมากเปน็ ประจา ถ้าไม่ได้กนิ มักจะมีอาการผิดปรกติ เชน่ ง่วงเหงาหาวนอน คลา้ ยคนทต่ี ดิ ยาเสพติดอย่างออ่ น เน่ืองจากในเมล็ดหมากมสี ารเสพตดิ ท่ีมฤี ทธ์ิกล่อมประสาท จาพวก Arecoline, Guvacoline, Arecolidine, Guvacine เป็นต้น ทาใหผ้ ูท้ ่กี ินหมากนานๆ เกิดอาการ “ ติดหมาก ” สว่ นคนที่ลองกนิ หมากเป็นคร้ังแรกกอ็ าจเกิดอาการมึนเมา คล่ืนเหียน และเวียนศีรษะได้ เรยี กกันวา่ “ ยนั หมาก ” ดอกหมาก (จ่ันหมาก) โดยจะออกตามซอกโคนกา้ นใบหรอื กาบนอก ดอกออกรวมกนั เป็นช่อขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยโคนจ่ันยึดติดอยูท่ ่ีข้อของลาต้น กา้ นช่อดอกเปน็ เสน้ ยาวแตกออกโดยรอบแกนกลาง มกี ลบี หมุ้ ช่อขนาดใหญย่ าวประมาณ 40 เซนติเมตร เปน็ มนั เงา มใี บประดบั หุ้มอยู่ ดอกเป็นแบบแยก เพศอยูบ่ นต้นเดยี วกัน กลีบดอกเป็นสขี าวแกมสเี หลืองมี 6 กลบี เรียงเป็นชั้น 2 ช้ัน สเี ขยี ว ยาว ประมาณ 5-6 มิลลิเมตร ดอกมเี กสรเพศผู้ 6 อัน มีเกสรเพศเมียเป็นเส้น 3 เสน้ บาง ๆ แผ่ออก ดอก เพศผูจ้ ะมขี นาดเล็กและอยตู่ รงสว่ นปลายของก้านชอ่ ดอก ส่วนดอกเพศเมียจะค่อนขา้ งใหญแ่ ละอยู่ที่ โคนกา้ นช่อดอก ดอกเพศผู้จะใชเ้ วลาประมาณ 21 วนั หลังจากนนั้ 5 วนั ดอกเพศเมยี จะเร่มิ บาน กาบหมาก ชาวสวนหมากใชป้ ระโยชนจ์ ากทางหมากส่วนที่ห่อหุ้มลาตน้ ซ่งึ เรยี กวา่ “ กาบ หมาก ” ไดห้ ลายวิธี เช่น นามาตัดเปน็ รูปทรงคล้ายช้อน เรยี กว่า “ เนียน ” ใช้คดนา้ พริก หรอื ชาวสวนทที่ านา้ ตาล ก็จะทาเนยี นใหม้ ขี นาดใหญ่ๆ เพื่อใช้ปาดน้าตาลในขณะทีเ่ ค่ยี วน้าตาลมะพรา้ ว และหาก นามาทาเปน็ กระทง เรียกว่า “กาบปเู ล” ใช้เปน็ ภาชนะใสข่ องต่างๆ ชาวหนองตะพาน ประยกุ ตน์ ากาบหมากมาปั๊มข้ึนรปู แบบภาชนะกาบหมากใช้รับแขก นกั ทอ่ งเทีย่ วท่มี ารบั ประทาน อาหารที่บา้ นสวนศลิ ปะบนนาข้าว เย่อื กาบหมาก

เยื่อกาบหมากได้มาจากการลอกเย่ือบางบริเวณใตท้ ้องดา้ นในของกาบหมาก มี ลกั ษณะเป็นแผ่นบางๆ ใชส้ าหรับหอ่ กาละแม และขนมกวนต่างๆ ทางหมาก ใช้ทารั้วแบบบงั ตา โดยนาทางหมากมาหอ้ ยผูกเชือกเป็นแนว นอกจากนี้ เด็ก ชาวสวนเมอ่ื ๕๐ – ๖๐ ปที แ่ี ล้วลว้ นเคยเล่นลากทางหมาก โดยนาทางหมากแห้งมาริดใบออก คนหน่งึ นงั่ บนกาบ อีกคนจับส่วนปลายอกี ดา้ น วิ่งลากเล่นเปน็ ท่สี นุกสนาน ลาต้น ลาตน้ หมากที่แกจ่ ดั หากนามาผ่าเปน็ แผน่ ตามยาว ลอกเปลอื กใหส้ วยงาม ใชเ้ ปน็ ฟากปูพนื้ แทนไม้กระดาน ปลูกร้านเปน็ ที่อยชู่ ัว่ คราว นอกจากนี้ชาวสวนยังนิยมใช้พาดเป็นสะพาน ขา้ มท้องร่องในสวน สรรพคุณของหมาก - ผลอ่อนมรี สฝาดหวาน สรรพคุณเป็นยาช่วยทาให้เจรญิ อาหาร - เปลอื กผลมสี รรพคุณเป็นยาบารงุ ธาตุ - รากมรี สฝาดเยน็ มีสรรพคณุ เปน็ ยาแก้โรคกษัย - ผลใช้เปน็ ยาแก้โรเบาหวาน ดว้ ยการใช้หมากท่ีกนิ กบั พลแู บบสด 1 ลูก นามาผ่า เปน็ 4 ซีก ต้มกบั นา้ 1 ลิตร จนเดอื ดหรือประมาณ 10 นาที ใชด้ ื่มกอ่ นอาหาร ครัง้ ละคร่งึ แกว้ เชา้ กลางวัน และเย็น เม่ือนาตาลในเลือดลดลงก็ใหน้ ามาต้ม ดม่ื แบบวนั เวน้ วนั ได้ ซึง่ หมากจะมี ฝาด จงึ ชว่ ยสมานแผลของผ้เู ป็น โรคเบาหวานใหห้ ายเร็วขนึ้ ได้อกี ดว้ ย - ใบมีสรรพคุณเปน็ ยาแกไ้ ข้ แก้หวัด - รากหมากใชผ้ สมกับรากมะพรา้ ว รากมะกอก รากมะปรางเปร้ยี ว รากมะปราง หวาน ลูกกระจบั นา้ ลูกบัวหลวง เกสรบัวหลวง และหัวแห้ว ใช้กินเปน็ ยาแก้พิษ ผิดสาแดงไข้ - รากนามาต้มกบั น้าเป็นยาแก้พษิ ร้อนภายใน แก้พษิ ไขร้ ้อน หรอื จะใชใ้ บนามา ต้มกับนา้ กนิ และอาบเป็นยาแกไ้ ข้ แกห้ วัดก็ได้ - ผลหมากมสี รรพคุณในการรกั ษาโรคมาลาเรยี

- เมลด็ ชว่ ยขบั เหง่ือ - ดอกเพศผู้ เป็นยาหอม ชว่ ยแก้กระหายน้า ชว่ ยบารงุ กระเพาะ - ผลมสี รรพคุณช่วยแก้อาการไอ ช่วยขับเสมหะ - หมากแก่ หรือ หมากสง มรี สฝาดจัด มสี รรพคณุ เป็นยาแก้เสมหะในลาไสเ้ ปน็ พษิ ช่วยปดิ ธาตุ และสมานแผล - ชว่ ยแก้เมา แก้อาเจยี น - ผลหมากสกุ เม่ือนามาต้มกบั น้ากินแลว้ จะช่วยป้องกนั อาการของโรคต้อหนิ หรอื ความดนั ภายในลกู ตา เพื่อไม่ใหส้ งู จนผดิ ปกตไิ ด้ - ตารายาไทยจะใชเ้ มลด็ เป็นยารักษาโรคในปาก ช่วยแกป้ ากเปื่อย สว่ นอกี ข้อมลู ระบใุ หใ้ ชร้ ากนามาต้มกับนา้ เดอื ดใชอ้ มในขณะยังอนุ่ แก้ปากเปอื่ ย - รากนามาต้มเอาน้าอมช่วยถอนพิษถูกสารปรอทตามฟันได้ดีมาก ช่วยทาให้ เหงอื กและฟนั แข็งแรง - เปลอื กผลมีรสเผด็ เป็นยารอ้ นเล็กน้อย ออกฤทธต์ิ ่อมา้ มและกระเพาะลาไส้ ใช้ เป็นยาขับลม แก้ท้องอืดทอ้ งเฟอ้ ชว่ ยขบั นา้ ในกระเพาะลาไส้ และช่วยในการ ย่อยอาหาร - เนอื้ ภายในผลมรี สขมฝาดเผ็ดเล็กนอ้ ย เป็นยาร้อนเลก็ น้อยออกฤทธิต์ ่อมา้ ม กระเพาะ และลาไสใ้ หญ่ มสี รรพคุณชว่ ยขบั นา้ ช้นื ขับสิง่ ค่งั คา้ ง แก้พงุ โรแนน่ ทอ้ ง ขบั ลมในกระเพาะลาไส้ - ตารบั ยาแก้กระเพาะอาหารไมย่ อ่ ย แก้ท้องอดื ท้องเฟ้อ ดว้ ยการใช้เนอ้ื ของผล หมาก, เปลือกส้มเขียว, ถงิ่ พว้ ย อยา่ งละ 12 กรัม อ่ึงแปะ, ดนิ ประสิว, โกฐ นา้ เต้า, หวั แหว้ หมู และซาเลง้ อย่างละ 6-7 กรัม นามาต้มกับนา้ หรือนามาบด เปน็ ผงป้นั เป็นยาลกู กลอนกนิ - รากมีสรรพคุณเปน็ ยาสมานลาไส้ - ชว่ ยแก้อาการท้องเดิน (ไมใ่ ช่บดิ หรอื อหิวาตกโรค) - เมล็ดมสี รรพคุณชว่ ยรกั ษาท้องเดิน ท้องเสีย ชว่ ยแกโ้ รคบิด ชว่ ยแก้บดิ ปวดเบง่ ปวดแนน่ ทอ้ ง ช่วยแก้บิดทวารหนัก - ใช้เปน็ ยาถา่ ยพยาธิ ยาขับพยาธไิ ด้หลายชนดิ ไมว่ ่าจะเปน็ พยาธิตวั กลม พยาธิ ตัวตดื พยาธิใบไม้ ดว้ ยการใช้เนอ้ื ในผลหมาก นามาบดใหเ้ ปน็ ผง โดยใช้ ประมาณ 50-60 กรัม นามาต้มกับน้ากนิ ในขณะท้องวา่ ง

- ชว่ ยขับพยาธใิ นถุงนา้ ดี ดว้ ยการใช้เน้ือในผลและเล็บมอื นาง อยา่ งละ 35 กรัม, โกฐนา้ เตา้ 6 กรมั , พริกหอม 3 กรมั , บ๊วยดา 10 กรัม นามาตม้ กับนา้ กิน ในขณะท้องวา่ ง - ยาพื้นบ้านล้านนาจะใชเ้ มลด็ หมากผสมกับกาฝากตน้ โพ เห็ดกระด้าง และราก มะเขือแจด้ อกคา นามาฝนกับน้ากินเป็นยารักษาโรคทางเดินปสั สาวะ - เมล็ดมีสรรพคุณเป็นยาขับปสั สาวะ ส่วนอีกข้อมลู ระบุวา่ รากก็มีสรรพคุณเป็นยา ขบั ปัสสาวะเชน่ กัน - เปลอื กผลมีสรรพคณุ ชว่ ยลดอาการบวมนา้ ตอนช่วงลา่ งของเอว สว่ นเนื้อผลมี สรรพคุณชว่ ยลดอาการขาบวมนา้ - ชว่ ยปอ้ งกันสารพิษทาลายตับ ช่วยล้อมตับดับพิษ ช่วยขับพิษภายในและ ภายนอก - ผลมีสรรพคณุ เป็นยาสมานแผล เมลด็ มีสรรพคุณเปน็ ยาสมานท้ังภายนอกและ ภายใน ชว่ ยสมานแผลทาให้เลือดหยดุ ไหล และแผลหายเรว็ ดว้ ยการใชเ้ มล็ด หรือเนอื้ หมากนามาปดิ บรเิ วณบาดแผล - รากมสี รรพคุณชว่ ยถอนพษิ บาดแผล - เมลด็ ใช้เป็นยายับยงั้ การไหลของหนองเวลาเป็นแผล - เมล็ดใชฝ้ นทารักษาแผลเนา่ เปื่อย แผลเปน็ ชว่ ยฆา่ พยาธิบาดแผล ขจดั รอย แผลเป็น - เมลด็ ใชภ้ ายนอกเป็นยาทาแก้คัน บางข้อมูลระบวุ า่ ใบนามาตม้ กบั น้าอาบจะ ช่วยแก้เม็ดผดผ่นื คนั ตามตวั ได้ ชว่ ยแกเ้ กล้ือน - ใชร้ กั ษาหูด ด้วยการใชผ้ ลดิบ 1 ผล (ผลหมากทีส่ ุกแก่แต่ยบั ดิบอยู่) นามาฝาน เอาเนอ้ื ในออกมาเปน็ ช้นิ ๆ เหมือนการเตรียมหมากเพ่ือกิน หลังจากนั้นนาไป ยา่ งไฟให้รอ้ น แล้วรบี นามาพอกทับปดิ ท่ีหัวหดู ทันที จะช่วยทาให้หวั หดู หลุด ลอกออกมาได้ - ชว่ ยรกั ษาโรคน้ากดั เท้า ด้วยการนาผลหมากมาผ่าเป็น 4 ซกั แล้วใช้ท้งั เปลอื ก และเน้ือในถูทาบริเวณทีถ่ ูกนา้ กดั เท้าจนเกดิ แผลบ่อย ๆ ทุกวัน อาการจะค่อย ๆ ดีข้นึ และหายไปในทสี่ ุด - รากนามาแช่กับเหล้ากนิ เปน็ ยาแก้ปวดเมื่อยเส้นเอ็นไดด้ มี าก ขอ้ มูลทางเภสัชวทิ ยาของตน้ หมาก

สารทพ่ี บมหี ลายชนดิ ได้แก่ Arecoline, Arecaidine, Arecolidine, Guvacoline, Guvacine, Isoguvacine, Leucocyanidin, Alkaloid 0.3-0.7%, Tanin 15% และพบนา้ มันระเหย 18% เป็นต้น เมลด็ มีสาร Procyanidins ทช่ี ่วยยบั ยัง้ การเจรญิ ของเชื้อท่ีทาให้เกิดโรคฝนั ผ[ุ 2] เมลด็ มสี าร Arecatannin B1 ซึ่งเปน็ สารที่สามารถยับย้ังเอนไซมท์ ่ีมคี วามจาเปน็ ต่อ เชื้อโรคเอดส์ ซึง่ ควรทาการวิจยั ต่อไป สารทสี่ กดั ไดจ้ ากเน้ือผลของผลหมาก เมื่อนาไปให้สตั ว์ทดลองกนิ พบวา่ มผี ลกระตุ้น ใหก้ ระเพาะและลาไสท้ ห่ี ดเกรง็ เคล่อื นไหวได้ และยังช่วยทาใหน้ า้ ยอ่ ยของกระเพาะและลาไสเ้ พิ่มมาก ขึ้นอกี ด้วย สารก Arecoline มคี ุณสมบัติกระตุน้ การทางานของหัวใจ แรงดนั โลหิต ปรมิ าณของ น้าตาลกลโู คสในสมอง เนอ้ื ผลมฤี ทธฆิ์ ่าพยาธิตวั กลมและพยาธติ ัวแบนไดด้ ี เพราะมสี าร Arecoline ซ่งึ มี ฤทธิท์ าให้พยาธิมึนชาได้ โดยเฉพาะใช้เปน็ ยาถา่ ยพยาธใิ นหมูจะมีประสิทธิภาพดีมาก เมอ่ื นาเนื้อในผลมาต้มกับนา้ แลว้ ปอ้ นให้หนทู ดลองกนิ พบว่าภายใน 20 นาที สามารถฆ่าพยาธใิ นหนูทดลองได้ สารสกดั ด้วยเอทานอลจากเน้ือของผลหมากสง มีฤทธ์ิยบั ยั้งการเจรญิ ของคะนา้ ได้ หมากมีสารอลั คาลอยด์ท่ีมีฤทธใ์ิ นการฆ่าเชือ้ ราและฆา่ เชอ้ื ไวรสั มรี ายงานความเป็นพิษพบว่าเมล็ดหมากทาใหเ้ กิดการก่อนกลายพันธุ์ เน้อื งอกและ มะเรง็ ซึ่งคาดวา่ เกิดจากสารแทนนิน โดยพบว่าคนท่ีกินหมากจะมีความเสยี่ งต่อโรคมะเรง็ ในชอ่ งปาก [2] มรี ายงานวา่ การเคยี้ วหมากอาจทาให้เกิดอาการลิ้นและเหงือกเปน็ ฝ้าขาว เกิดเสน้ ใยใตเ้ ยื่อเมือก และการเกิดมะเร็งในช่องปาก ซ่ึงน่าจะมาจากสาร Cytotoxic และ Teratogenic N- nitrosamines กาบใบนามาใชป้ ระโยชนใ์ นด้านการทาภาชนะ เครอื่ งจักสาน หรอื วัสดุหอ่ หมุ้ สงิ่ ของ ได้ ปลอกมีด ในสมยั ก่อนเด็ก ๆ จะนามาทาเปน็ ของเลน่ คือ รถลาก โดยใหเ้ ดก็ คนหน่ึงน่ังลงบนกาบ ใบ มอื จับไว้ที่โคนทาง แล้วให้เดก็ อีกคนหนง่ึ จบั ท่ปี ลายทางส่วนที่เหลือใบไว้ แลว้ วง่ิ ลากไป นอกจากนี้ ยงั สามารถนามาดดั หรอื เจยี นทาเป็นเนียนสาหรับขูดน้าพริกท่ีสากและคดน้าพริกจากครก ซงึ่ คุณสมบัติท่ีดีมากของเนียนก็คอื ความนิ่งของกาบหมากนั่นเอง และกาบหมากยงั สามารถนามาทาเป็น ทจ่ี บั กระทะเคี่ยวตาล เวลายกข้นึ ยกลงจากเตาตาลแทนการใชผ้ ้าได้อีกด้วย กาบหมากยงั สามารถนามาใช้ทาพดั สาหรับพดั คลายร้อนในหน้าร้อนได้เปน็ อย่างดี โดยนากาบใบมาเจยี นให้เปน็ รูปวงกลมหรือรูปวงรี มที ่ีสาหรับมอื จีบยนื่ ออกมา ซ่งึ กอ่ นใช้จะตอ้ งใช้กน้ ของครกตาข้าวทับให้แบนเรยี บเสียก่อน เนื้อในเมล็ดสามารถนามาใช้ในการผลติ สยี อ้ มผ้าได้

เปลอื กผลสามารถนามาใชท้ าเป็นเช้อื เพลิงได้ ลาต้นสามารถนามาใชใ้ นการก่อสรา้ งได้ เช่น ใชท้ าสะพาน เฟอร์นิเจอร์ ทาเสา ตอม่อ ฟากสบั แมบ่ ันได ลกู บันได ส่วนโคนแก่ใช้ทาช้ันพะองเพือ่ ทอดทาสะพานข้ามกระโดง ทอ้ งร่อง และเม่ือนาลาต้นมาทะลวงไสอ้ อก จะสามารถใชเ้ ป็นท่อระบายน้าได้ นอกจากนี้ยังใช้ทาไมค้ านแบก ของ ทาครา่ วสาหรบั ยดึ ฝาฟากสับ และยงั ใช้ต้นหมากนามากนั้ คนั ดินและทาเปน็ ตอม่อเพื่อป้องกันคนั ดินทกี่ ้ันนา้ เขา้ สวนพังไดอ้ ีกด้วย ปจั จบุ นั มกี ารปลูกตน้ หมากไว้เป็นไม้ประดับทวั่ ไป เน่ืองจากมีลาตน้ และทรงพุ่มทดี่ ู สวยงาม ชาวไทยนยิ มกินหมากร่วมกับพลูและปนู แดง โดยมากจะเอาใบพลทู ี่ไม่แก่หรอื อ่อนจนเกนิ ไป มาทาดว้ ยปูนแดง แล้วใชก้ ินกับหมากทีห่ ั่นเป็นช้ินเลก็ ๆ เค้ียวดว้ ยกัน ก็จะมนี ้าหมากสแี ดง ซึ่งจะต้อง บ้วนทิ้ง (การกินหมากจะทาใหฟ้ นั ดาและปากแดง เม่ือเคีย้ วติดต่อกันหลายปีฟันจะเปลยี่ นเป็นสดี า) ในสมัยกอ่ นชาวไทยทง้ั ชายและหญิงต้ังแตว่ ยั รุ่นจนถึงวัยชรากล็ ว้ นแตก่ ินหมากกันทงั้ สน้ิ และการเค้ียว หมากหลังการรับประทานอาหาร จะช่วยทาให้ลมหายใจหอมสดช่ืน ชว่ ยดับกลน่ิ ปาก แก้แมงกนิ ฟัน ช่วยทาให้เหงือกแขง็ แรง และชว่ ยกระตนุ้ การทางานของต่อมน้าลาย กระตุน้ การสร้างนา้ ย่อยใน กระเพาะอาหาร ทาให้มีการย่อยอาหารที่ดขี ึน้ และยงั ช่วยเพ่ิมความอยากอาหารได้อกี ด้วย (แตห่ มาก บางต้นเมื่อนามากินแล้วจะทาใหเ้ กิดอาการวิงเวียน ใจสนั่ และขับเหงื่อ เรยี กว่า \"หมากยัน\") ในยโุ รปมีการใช้ผลหมากเปน็ สว่ นผสมของยาสฟี นั เพราะเชอื่ ว่าจะทาให้ฟนั ขาวขึ้นได้ เมอ่ื การกนิ หมากกลายเปน็ ธรรมอย่างหน่ึง จึงทาใหเ้ กิดการพฒั นาไปสวู่ ัฒนธรรมหมากอย่างจริงจัง นน่ั ก็คือ การใชห้ มากเปน็ เคร่ืองต้อนรับแขก (แต่ในปัจจบุ นั คนไทยกนิ หมากนอ้ ยลงมาก), การนามาใช้ ในพิธที างศาสนา (เชน่ พธิ กี รานกฐินเม่ือออกพรรษา), ใช้หมากในพธิ ีไหวค้ รแู ละพิธบี ายศรีสูขวัญ หรอื นามาจดั เปน็ หมากพลูไวเ้ ปน็ ชุดขายเพ่ือนาไปเปน็ เครื่องบชู าสง่ิ ศักด์สิ ทิ ธ์ิตา่ ง ๆ ส่วนในต่างประเทศ อย่างมาเลเซยี จะมีประเพณีท่ีวา่ หากฝ่ายหญงิ เคย้ี วหมากไปพรอ้ ม ๆ กบั ฝา่ ย นั่นแสดงว่าเธอยินดีท่ี จะเป็นคคู่ รอง ส่วนคนจีนไหหลาจะเชอ่ื วา่ เจ้าสาวท่จี ะมาไหว้ว่าที่แมส่ ามจี ะต้องนาหมากพลมู ากไหว้ ส่วนคนญวนจะมีประเพณีทว่ี า่ ค่บู ่าวสาวจะต้องกินหมาก 120 คาใหห้ มด ถึงจะแตง่ งานกันได้ สว่ นคน พมา่ น้ันถือว่า สาวใดย่นื หมากใหฝ้ ่ายชาย น่ันหมายถึงเธอกาลงั ทอดสะพานใหแ้ กฝ่ ่ายชาย เปน็ ต้น คุณค่าทางโภชนาการของผลหมากสุกท่ียังสดตอ่ 100 กรมั ประกอบไปด้วยน้า 21- 30 กรมั , คาร์โบไฮเดรต 35-40 กรัม, ไขมนั 5-10 กรมั , ใยอาหาร 11-15 กรมั , โพลฟี นี อล 11-18 กรัม มสี ารประกอบอลั คาลอยด์ 0.1-0.2% ในด้านการนามาใช้ทางอตุ สาหกรรม ผลหมากเมื่อนามาสกัดจะได้ไขมัน เมือก ยาง และสาร Arecoline ซงึ่ มีสารแทนนินสงู จึงสามารถนามาใช้ในทางอุตสาหกรรมไดห้ ลายชนิด เช่น การใช้ทาสีตา่ ง ๆ ใช้ย้อมแห อวน ทาใหแ้ หหรืออวนนิ่มออ่ นตวั เสน้ ดา้ ยไม่เป่อื ยเรว็ ชว่ ยยืดอายุการ ใช้งานได้นานขึ้น และยงั ใชส้ กัดเป็นน้ายาฟอกหนัง ทาให้หนงั นม่ิ มีสสี วย หรอื ใช้สกดั ทาเปน็ ยารกั ษา

โรค เช่น ยาขับพยาธิในสัตว์ ยาแก้ท้องเสีย ท้องเดิน ยาขบั ปสั สาวะ ยาสมานแผล ยาขับพิษ ยาทาแก้ คนั นา้ มันนวด และยาแก้ปากเปื่อย เปน็ ต้น หมากเป็นพชื ที่มีความเกี่ยวข้องกบั วัฒนธรรมประเพณีพืน้ บา้ นความเป็นอยขู่ องคน ไทยในอดีต เพราะคนไทยนิยมกินหมากต้งั แต่เจ้านายถงึ ชาวบ้านคนธรรมดา แตใ่ นปจั จุบันคนนิยมกนิ หมากลดนอ้ ยลงมาก หมากจงึ มบี ทบาทในแง่ทางอตุ สาหกรรมมากกวา่ เพราะมกี ารส่งออกเพื่อ จาหน่ายตา่ งประเทศคิดเป็นมูลคา่ หลายรอ้ ยลา้ นบาทต่อปี หมากจึงเป็นพชื เศรษฐกิจทนี่ ่าสนใจอยา่ ง หนง่ึ เนอื่ งจากเป็นพชื ที่เพาะปลูกงา่ ย ดูแลรกั ษาไมย่ าก โรคและแมลงรบกวนน้อย การลงทุนไมส่ งู นัก สามารถทารายได้อย่างสม่าเสมอเปน็ เวลานานนับสิบปี หมากกบั มะเร็งปาก คนทวั่ โลกนับร้อยลา้ นคนกินหมาก (โดยเฉพาะทางเอเชียใต้) หลายคนติดหมากถึงขนาดถ้า ไมไ่ ดเ้ คยี้ วหมาก รา่ งกายจะไมม่ ีแรง ระทดระทวย และปากหาวบอ่ ย เพราะเวลากนิ หมากเขา้ ไปแลว้ คนกินจะรสู้ ึกมคี วามสุข เนื่องจากชพี จรเตน้ เร็วและแรง ร่างกายมีอณุ หภมู สิ ูงข้นึ ในอดีตนน้ั หมากเป็น สัญลกั ษณ์ของความนับถือและมติ รภาพ อกี ทง้ั การเคีย้ วหมากในสมยั ก่อนกถ็ ือเปน็ แฟช่นั อยา่ งหนงึ่ ที่ ไดร้ ับความนิยมมาก แตภ่ ายหลงั ประเพณกี ารกนิ หมากในไทยไดถ้ ูกหา้ มในสมัยของรัฐบาลจอมพล ป. พบิ ูลสงคราม ท้ังนกี้ ็เพ่ือให้คนไทยกา้ วสู่ความเปน็ อารยชน แมจ้ นถงึ วันนี้การกนิ หมากยังมใี ห้เหน็ กัน อย่กู ต็ าม และการปลกู หมากก็ยังเปน็ การปลูกเพ่ือเปน็ พชื ส่งออก ในปัจจบุ ันแพทยไ์ ด้พบหลกั ฐานว่า การกินหมากมากเป็นประจาจะทาใหค้ นกนิ เป็นโรคมะเร็ง ปาก เพราะหมากมสี ารก่อมะเรง็ ที่เหมือนกับบุหรหี่ ลายตัว และจากการสารวจยงั พบว่า การกนิ หมาก จะเพิ่มโอกาสการเป็นโรคหวั ใจ โรคหืด และโรคเบาหวานได้ โดยเฉพาะ 90% ของคนที่กินหมาก มักจะเปน็ มะเร็งปาก เนื่องจากพิษหมากไปทาให้เยื่อเมอื กในเซลล์ปากเปลี่ยนแปลง จนในทส่ี ดุ แกม้ จะ แข็ง ทาใหผ้ ูป้ ่วยอา้ ปากไม่ได้ เมอื่ เปน็ เชน่ นร้ี ฐั บาลในหลาย ๆ ประเทศจึงได้มกี ารรณรงคใ์ ห้คนลดการ กนิ หมาก ซ่ึงการดาเนินการเช่นน้ีมีผลทาใหส้ ถติ กิ ารเปน็ โรคมะเรง็ ปากในบางประเทศลดลง 2.2 กาบหมาก กาบใบนามาใช้ประโยชน์ในด้านการทาภาชนะ เครื่องจักสาน หรอื วสั ดุหอ่ หุ้มสิ่งของได้ ปลอกมดี ในสมัยก่อนเดก็ ๆ จะนามาทาเปน็ ของเลน่ คือ รถลาก โดยใหเ้ ดก็ คนหนึ่งน่งั ลงบนกาบใบ มอื จับไวท้ ่โี คนทาง แล้วใหเ้ ด็กอีกคนหน่ึงจบั ท่ีปลายทางส่วนทเ่ี หลือใบไว้ แลว้ วิง่ ลากไป นอกจากนี้ยัง สามารถนามาดัดหรือเจยี นทาเปน็ เนียนสาหรับขดู นา้ พริกท่ีสากและคดนา้ พริกจากครก ซ่ึงคณุ สมบตั ิท่ี ดีมากของเนยี นกค็ ือ ความนิ่งของกาบหมากน่ันเอง และกาบหมากยังสามารถนามาทาเป็นทีจ่ ับ กระทะเคีย่ วตาล เวลายกข้ึนยกลงจากเตาตาลแทนการใชผ้ า้ ได้อีกด้วย

กาบหมากยังสามารถนามาใช้ทาพัดสาหรบั พดั คลายร้อนในหนา้ ร้อนได้เปน็ อยา่ งดี โดยนา กาบใบมาเจยี นใหเ้ ปน็ รปู วงกลมหรือรูปวงรี มที ส่ี าหรบั มือจบี ยื่นออกมา 2.3 จานกาบหมาก หมาก สามารถปลูกได้ทั่วไปทางภาคใตจ้ ะปลกู กนั มาก คนแก่มักนาผลมาทาน เค้ียวกนิ กับ ปนู และพลู อกี หนง่ึ ส่วนของหมาก คือ กาบหมาก นยิ มนากาบหมากมาทาเป็นของเล่นให้เดก็ ๆ คือ รถ ลาก โดยเด็กคนหน่งึ จะน่ังลงบนกาบมือจับทโี่ คนทางเด็กอีกคนจบั ปลายทางที่เหลือใบไว้ แลว้ เดนิ หรอื วง่ิ ลากไป นามาตัดหรือเจยี นทาเป็นเนยี นสาหรับขูดน้าพริกทส่ี าก หรือคดน้าพริกจากครก ทาเปน็ ที่ จบั กะทะเคยี่ วตาล เวลายกขึ้นลงจากเตาตาล แทนการใชผ้ ้า ทาพัด กาบหมากเมอ่ื มีจานวนมาก ชาวสวนมกั จะเผาทิ้ง ซ่ึงสร้างมลพษิ ในอากาศ ไดม้ ีโอกาสไปยังสวนหมากของญาติ เหน็ กาบหมากล่วง หล่นและถูกเผาโดยไมไ่ ด้นามาใช้ประโยชน์ จงึ อยากนากาบหมากกลบั มาใชป้ ระโยชน์ จึงได้ ทาการศึกษาและทาการวจิ ยั กาบหมาก สรา้ งมูลคา่ ใหก้ ับกาบหมากเหลอื ใช้ กาบหมาก คือ ส่วนของทางหมากท่ีห่อห้มุ ลาต้น เราสามารถนากาบหมากทห่ี ลุดรว่ งจากต้น มาใชป้ ระโยชน์ได้ เชน่ - รถลาก การละเลน่ ในวยั เด็ก ที่จะนั่งทบั บนใบคนหน่ึง แล้วใหอ้ ีกคนลากไปมา - นาไปห่อกาละแม โดยเจียนกาบหมากใหเ้ ป็นสี่เหล่ยี ม นาไปใส่กาละแมขณะรอ้ นๆ ม้วนให้เป็น วงกลม - เปน็ ภาชนะตักน้าแทนขนั หรือถงั นา้ ท่ีเรียกวา่ หมาตักน้า - พดั กาบหมาก นากาบหมากมาตดั เปน็ รูปพัด - ทาเปน็ ภาชนะใสอ่ าหาร เพราะมีความเหนียว คงทน และมกี ลนิ่ หอมเฉพาะตวั สามารถย่อย สลายตามธรรมชาติ ในปัจจบุ ันมกี ารพฒั นาโดยวิธีขนึ้ รูปดว้ ยความร้อน เปน็ ภาชนะใส่อาหารรูปทรง ต่างๆ

ซึง่ จากการศกึ ษาลกั ษณะของกาบหมากมลี กั ษณะเฉพาะตวั ในเรอื่ งของ สีดว้ ยการไลส่ ีของ กาบหมาก กาบหมากของตน้ หมากอยู่ในลักษณะของการห่อหุ้มกาบหมากที่อยู่นอกสุดจะมีสีน้าตาล เขม้ ไล่เป็นสอี ่อน รวมไปจนถึงกลิ่นของกาบหมาก จงึ ได้ทาการวจิ ัยกาบหมาก โดยกระบวนการ “การ ตกแต่งนุ่ม” เนื่องจากกาบหมากจะมีลักษณะแข็ง ไม่เหมาะสาหรับงานจกั สานดังน้ันเม่ือต้องการจะ จกั สานจงึ ตอ้ งมีการผา่ นกระบวนการตกแตง่ สาเรจ็ นุ่มกาบหมากก่อนนามาสานก็จะมีความอ่อนตัว สามารถนามาสานไดด้ ี สารที่นามาใชค้ ือสาร เท็กซ์มินา ซึง่ เป็นสารท่ีทาให้เกดิ ความนุ่มในเสน้ ใยตา่ งๆ โดยใชอ้ ัตราสว่ น 1:10 และแชน่ าน 1 วนั จากนั้นนาขึ้นมาผงึ่ ลมใหแ้ หง้ เกบ็ ไว้ ถา้ จะนามาใช้กช็ ุบนา้ ใหน้ ุ่มแล้วนามาสานเป็นผลิตภณั ฑก์ ระเป๋า นาวัสดุ เช่น ผา้ หนงั มา ผสมผสาน เพอ่ื ความทนั สมยั และน่าหยิบจบั ใช้ ซงึ่ กระเปา๋ จากกาบหมากมนี ้าหนักค่อนข้างเบา อายุใน การใช้งานขึ้นอย่กู บั การรักษา ซงึ่ 1 ใบ สามารถใชไ้ ด้ประมาณ 2 – 3 ปี นอกจากกาบหมากยัง สามารถนามาพัฒนาเปน็ ผลติ ภณั ฑ์อ่นื ไดอ้ ีกมากมาย กาบหมากเป็นวัสดุธรรมชาติอีกทางเลอื กหนงึ่ ที่ นามาแทนวัสดุอนื่ ๆ เช่น หวาย ซง่ึ ปจั จบุ ันหายาก และจะหมดไปต้องนาเขา้ มาจากประเทศเพื่อนบา้ น ดงั นัน้ การหาวสั ดุอ่ืนมาทดแทน ซง่ึ เปน็ วสั ดุจากการเหลอื ใช้ นามาพฒั นาผลติ ภัณฑ์ในอนาคต 2.4 เตาปะยาง

คือเครื่องมือซ่อมแผลยางนอกและยางในรถยนตท์ ีม่ ีประสทิ ธิภาพสูง ใช้งานง่าย ทนทานงาน หนัก และใหค้ วามปลอดภยั สูง ตวั เครอื่ งทาดว้ ยเหลก็ แขง็ แกร่ง อุปกรณท์ ุกชนิ้ ได้มาตรฐาน ประกอบด้วยเทอร์โมแสตท ซ่ึงต้ังความร้อนไดห้ ลายระดบั เพื่อใหเ้ หมาะสมกับงานซ่อม และยัง สามารถตั้งเวลาหยุดได้โดยอัตโนมัติ ใชร้ ะบบลม (Pneumatic) ในการควบคุมแทนอดั ท้ังนี้ยังมา พร้อมกับชุดอปุ กรณ์ เพ่อื ปรับใช้งานไดห้ ลายประเภทตามความต้องการเช่น ปะแผลยางหนา้ ปะแผล ข้างยาง ปะรู จุ๊บเลส ปะยางในทว่ั ไป เป็นต้น บทที่ 3 อปุ กรณ์และวธิ ีดาเนินการศึกษาค้นคว้า 3.1 วัสด/ุ อุปกรณ์ 3.1.1 วสั ด/ุ อุปกรณ์ที่ใชใ้ นการสรา้ งเครอ่ื งอัดขึ้นรปู ภาชนะจากกาบหมาก 1. โครงเตาปะยาง 1 ชิ้น 2. อะลูมเิ นียมแผน่ หนา 1 นิ้ว 2 แผน่ 3. ฮีตเตอร์ 1 ช้ิน

1. โครงเตาปะยาง 2. อะลูมเิ นียมแผ่น หนา 1 น้ิว 3. ฮตี เตอร์ 3.1.1 วสั ดุ/อุปกรณท์ ีใ่ ชใ้ นการศกึ ษาค้นคว้า 1. ภาชนะรูปจานทผ่ี ลติ จากเคร่ืองอัดขน้ึ รูปภาชนะจากกาบหมาก 2. เทอรโ์ มมเิ ตอร์แบบอนิ ฟาเรด 3. อาหารชนิดต่างๆ ที่ใชใ้ นการทดลอง ได้แก่ ลกู ชิ้นทอด

ขา้ วสวย ไขเ่ จยี ว สุกแ้ี หง้ สกุ ีน้ า้ บะหม่ีกึ่งสาเรจ็ รปู 1. ภาชนะรูปจานท่ผี ลติ จากเครื่องอดั ขึ้นรปู ภาชนะจากกาบหมาก

2. เทอรโ์ มมเิ ตอร์แบบอินฟาเรด 3. อาหารชนดิ ตา่ งๆ ทใ่ี ชใ้ นการทดลอง ได้แก่ ลูกชนิ้ ทอด ข้าวสวย ไขเ่ จยี ว สกุ แ้ี หง้ สุกี้นา้ และบะหมี่ก่ึงสาเร็จรปู 3.2 วิธีการดาเนนิ การศึกษา คน้ ควา้

3.2.1 ข้ันตอนการดาเนนิ การสรา้ งเครือ่ งอัดขน้ึ รูปภาชนะจากกาบหมาก 1. นาแผน่ อลมู ิเนียมหนา 1 นิ้ว กลึงให้เป็นรูปจานขนาดเสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง 11 เซนติเมตร 2. ประกอบแผ่นอะลมู ิเนียมทีท่ าการกลงึ เป็นรปู พิมพ์เรียบรอ้ ยแล้ว เขา้ กับโครงของเตาปะยาง

3. ติดต้ังฮีตเตอรท์ ใี่ ห้ความร้อนเขา้ กบั พมิ พ์รปู จาน 4. ทดลองตัดแผน่ กาบหมากให้พอดกี ับพิมพ์ เพอ่ื พรอ้ มอัดขึ้นรปู

3.2.2 วิธกี ารดาเนนิ การทดลอง 1. นาอาหาร ที่ต้องการ ทดลองใส่ ในภาชนะ แล้ว ทดลองวัด อณุ หภูมิ

2. จบั เวลาแลว้ สังเกตการเปลยี่ นแปลงของภาชนะ บทที่ 4 ผลการดาเนินการ จากการทดสอบประสทิ ธภิ าพของภาชนะท่ผี ลติ จากกาบหมาก โดยเครื่องอดั ขนึ้ รูปภาชนะ จากกาบหมาก แสดงผลไดด้ ังนี้ ตารางท่ี 1 ตารางแสดงผลการทดลองการใส่อาหารลงในภาชนะที่ผลติ จากกาบหมาก ประเภทอาหาร อุณหภมู ิ 1 นาที 3 นาที เวลาที่ใช้ 10 นาที 15 นาที ปกติ ปกติ 5 นาที ปกติ ปกติ ลูกชิ้นทอด ( OF ) ปกติ ปกติ ปกติ ปกติ ข้าวสวย ปกติ ปกติ ปกติ ปกติ ปกติ ไข่เจียว 189.7 ปกติ ปกติ ปกติ ปกติ เริ่มโค้งงอ สุกี้แหง้ 158 ปกติ 200 ปกติ 122.9

สุกน้ี า้ 122.9 ปกติ ปกติ ปกติ เร่ิมโคง้ งอ โค้งงอข้ึน บะหมก่ี ่ึงสาเร็จรูป 99.1 ปกติ ปกติ ปกติ เรมิ่ โค้งงอ โคง้ งอขึ้น จากตารางบนั ทึกผลการทดลองการ การใส่อาหารประเภทต่างๆ ลงในภาชนะท่ีผลติ จากกาบ หมาก และจับเวลาเพอื่ หาประสิทธิภาพของภาชนะจากกาบหมาก พบวา่ จากการใส่อาหารประเภท ตา่ ง ๆ แบ่งออกเปน็ อาหารประเภทแห้ง ไดแ้ ก่ ลูกช้ินทอด ที่อุณหภูมิ 189.7 OF ข้าวสวย ท่ีอณุ หภมู ิ 158 OF ไขเ่ จยี ว ทอ่ี ุณหภมู ิ 200 OF และสุกแี้ ห้ง ที่อุณหภูมิ 122.9 OF ในระยะเวลา 15 นาที ภาชนะจากกาบหมาก ไมเ่ กิดการเปลยี่ นแปลง ยกเว้นสกุ แี้ ห้ง ทข่ี อบด้านข้างเร่ิมโค้งขน้ึ เล็กนอ้ ย แต่ ยงั คงรปู และใช้งานได้ตามปกติ ส่วนอาหารประเภทนา้ ไดแ้ ก่ สุกี้นา้ อณุ หภมู ิ 122.9 OF และบะหม่กี ่งึ สาเรจ็ รูป อุณหภมู ิ 99.1 OF เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที ขอบด้านข้างของภาชนะ เริม่ โค้งงอข้ึนเล็กนอ้ ย และที่ เวลา 15 นาที ภาชนะเริ่มโคง้ งอมากขึ้น แต่ยังสามารถใชง้ านได้ ไม่ฉีกขาด หรือรั่วซมึ บทที่ 5 สรุปผล อภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ 5.1 สรุปผล จากการจัดทาโครงงานวิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง เครื่องอดั ขนึ้ รูปภาชนะจากกาบหมาก ทส่ี ามารถ ผลิตภาชนะจากกาบหมาก เพ่ือใช้ในการใสอ่ าหารและได้นาไปทาการทดลองใสอ่ าหารจรงิ ทงั้ อาหาร ประเภทแห้ง และอาหารประเภทนา้ ท่มี อี ุณหภูมแิ ตกตา่ งกันไป พบว่า ภาชนะจากกาบหมาก ท่ีผลิต โดยเครอ่ื งอัดขึน้ รปู ภาชนะจากกาบหมากน้ัน สามารถใส่อาหารทีท่ นความร้อนได้ถึงอุณหภมู ิ 200 0F โดย ไมเ่ สยี หาย แตอ่ าหารประเภทท่มี ีนา้ อาจจะส่งผลใหจ้ านกาบหมากน้ัน มคี วามโค้งงอ แต่ไม่เกดิ การรว่ั ซึม ภายในระยะเวลาท่ีทาการทดลอง คือ 15 นาที จากการทดลอง จงึ สามารถสรุปไดว้ า่ ภาชนะจากกาบหมาก ท่ผี ลิตโดยเครือ่ งอัดขึ้นรปู ภาชนะจากกาบหมาก สามารถใช้งานไดจ้ ริง มีประสิทธิภาพทด่ี ี ทนทาน ทนความร้อนไดส้ งู แต่

อาหารที่เป็นของเหลว อาจสง่ ผลต่อรูปทรงของภาชนะหากทง้ิ ไว้เป็นเวลานาน เปน็ ไปตามจดุ มุ่งหมาย ของการศึกษาค้นควา้ 5.2 อภปิ รายผล 1. เครอ่ื งอัดข้ึนรปู ภาชนะจากกาบหมาก สามารถทางานได้จริง แม่พิมพท์ ั้ง 2 ด้านสามารถ ประกบกนั และสรา้ งภาชนะรูปจานได้ 2. เครอื่ งอัดขน้ึ รปู ภาชนะจากกาบหมากสามารถผลิตภาชนะรูปจาน ท่มี ีขนาดเส้นผ่าน ศูนยก์ ลางขนาด 3. ภาชนะรูปจาน ที่ผลติ จากกาบหมาก สามารถใส่อาหารได้ทั้งอาหารประเภทแห้ง และ อาหารประเภทน้า ทอ่ี ุณหภมู ิสงู 5.3 ข้อเสนอแนะ 1. อาจปรบั ให้เปน็ ระบบอตั โนมัติ เพ่ือจะได้ไมต่ อ้ งใช้แรงในการผลติ ชิน้ งาน 2. ควรเพมิ่ รปู แบบของพิมพ์ท่ีใช้อดั ข้ึนรูป เพือ่ ให้สามารถผลติ ภาชนะไดห้ ลากหลายรปู แบบ หลากหลายขนาด 3. ทดลองใชว้ ัสดธุ รรมชาตอิ ื่นๆ เพอื่ ความหลากหลายและสามารถหาไดง้ า่ ย ในแต่ละพ้ืนท่ี 4. ออกแบบการใชง้ านให้งา่ ยข้นึ เพ่ือสามารถเขา้ ถึงบคุ คลใน ทุกเพศ ทกุ วยั บรรณานกุ รม การประชุมทางวิชาการของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ คร้ังท่ี 48 วันที่ 3-5 ก.พ. 2553. (ศานติ สวสั ดิกาญจน์, สวุ ทิ ย์ เฑียรทอง, เนาวรตั น์ ประดบั เพ็ชร์, สริ ิวรรณ สมิทธิอาภรณ์, วรสิ รา ปล้มื ฤด)ี . “ผลของสารสกดั จากพืชบางชนดิ ต่อการยับยั้งการเจรญิ เติบโตของคะน้า”. หน้า 412-421. โครงการรวบรวมและอนุรกั ษ์พนั ธุกรรมผกั พนื้ บ้านและไมผ้ ลพ้นื เมอื งภาคใต้พรอ้ มเผยแพร่

ประชาสัมพันธส์ ่ปู ระชาชนทั่วไป, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์. “หมาก”. อ้างองิ ใน: หนังสือพฤกษาพัน (เอื้อมพรวีสมหมาย และคณะ). [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ไดจ้ าก: www.natres.psu.ac.th. [19 ก.ค. 2014]. จฬุ าวทิ ยานุกรม. “ต้นหมาก”. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ได้จาก: www.chulapedia.chula.ac.th. [19 ก.ค. 2014]. ฐานข้อมลู พนั ธุกรรมพชื กรมวิชาการเกษตร. “หมาก”. [ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก: th.apoc12.com. [19 ก.ค. 2014]. ไทยรัฐออนไลน.์ (นายเกษตร). “หมาก แกน้ า้ กดั มือเท้า”. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ได้จาก: ฐานขอ้ มลู เครือ่ งยาสมนุ ไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธาน.ี “หมาก”. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก: www.thaicrudedrug.com. [19 ก.ค. 2014]. ไทยรฐั ออนไลน.์ (นายเกษตร). “หมาก แกเ้ บาหวานแผลหายเร็ว”. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก: www.thairath.co.th. [19 ก.ค. 2014]. บ้านจอมยทุ ธ.์ “หมาก ( areca palm ) Areca catechu L.”. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก: www.baanjomyut.com. [19 ก.ค. 2014]. ผ้จู ัดการออนไลน์. (นายเกษตร). “หมากกับมะเร็งปาก”. [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงได้จาก: www.manager.co.th. [19 ก.ค. 2014]. รกั บา้ นเกดิ . “การใช้หมากรักษาหดู ”. อ้างอิงใน: กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rakbankerd.com. [19 ก.ค. 2014]. ศูนยร์ วมขอ้ มูลส่ิงมชี วี ิตในประเทศไทย, สานักงานพฒั นาเศรษฐกิจจากฐานชวี ภาพ (องค์การมหาชน). “หมาก”. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: www.thaibiodiversity.org. [19 ก.ค. 2014]. สานักงานเกษตรจังหวดั ฉะเชิงเทรา. “หมาก (Betel Nuts)”. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: www.chachoengsao.doae.go.th. [19 ก.ค. 2014]. www.thairath.co.th. [19 ก.ค. 2014]. หนังสือสมนุ ไพรพนื้ บ้านลา้ นนา. (ภาควชิ าเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล). “หมาก Areca Plam, Betelnut Palm”. หน้า 41.

ภาคผนวก






Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook