แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 เร่อื ง ประเภทของขอ้ มลู เวลาเรยี น 1 ชว่ั โมง หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การจัดการขอ้ มลู สารสนเทศ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 รายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ) กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ญั หาทพ่ี บในชีวติ จรงิ อยา่ งเปน็ ข้นั ตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปญั หา ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ รเู้ ท่าทัน และมจี ริยธรรม 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การประมวลผล (Processing) หมายถงึ กระบวนการคิด หรอื การจัดระเบยี บแบบแผนของข้อมูล เพ่ือให้ ได้ผลลพั ธ์ตามทตี่ ้องการ ซ่ึงทาไดโ้ ดยการคานวณ เคลอื่ นยา้ ยข้อมูล การจัดเรียง การเปรียบเทยี บ และการ วิเคราะหข์ ้อมูล หรอื อาจใช้สูตร ทางคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และนาขอ้ มลู ที่ได้จากการประมวลผลมาสร้างเปน็ ทางเลอื กในการตัดสนิ ใจ 3. ตวั ช้ีวัด/จุดประสงค์การเรยี นรู้ ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.1/3 รวบรวมข้อมลู ปฐมภูมปิ ระมวลผล ประเมินผลนาเสนอข้อมลู และสารสนเทศตาม วตั ถุประสงคโ์ ดยใชซ้ อฟตแ์ วร์ หรอื บริการบนอนิ เทอรเ์ น็ตทหี่ ลากหลาย จดุ ประสงค์ 1. ยกตัวอย่างขอ้ มลู แต่ละประเภทได้ (K) 2. เลอื กใช้ขอ้ มลู ได้อย่างเหมาะสม (P) 3. ใหค้ วามรว่ มมอื ในการทากิจกรรม (A) 4. สาระการเรียนรู้ 1.การรวบรวมขอ้ มลู จากแหล่งขอ้ มูลปฐมภูมปิ ระมวลผล สร้างทางเลอื ก ประเมินผล 2. การประมวลผลเป็นการกระทากับข้อมูล เพือ่ ใหไ้ ด้ผลลัพธ์ท่ีมีความหมายและมปี ระโยชนต์ อ่ การนาไปใช้ งาน 3. การใชซ้ อฟตแ์ วร์หรอื บรกิ ารบนอินเทอร์เนต็ ท่ีหลากหลายในการรวบรวม ประมวลผลสร้างทางเลอื ก ประเมนิ ผล นาเสนอ จะชว่ ยใหแ้ กป้ ญั หาได้อยา่ งรวดเรว็ ถกู ต้อง และแม่นยา
5. สมรรถนะสาคญั 1. ความสามารถในการส่อื สาร ทกั ษะการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด ทักษะความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการคดิ อยา่ งเป็นระบบ ทักษะการคิดวิเคราะห์ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา ทกั ษะการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มงุ่ มัน่ ในการทางาน 7. ภาระงาน 1. ใบงานท่ี 2.1 ประเภทของขอ้ มลู 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) โดย เน้นผเู้ รยี นเปน็ สาคญั ดาเนนิ การเรียนการสอนดงั ต่อไปน้ี 1) ขน้ั สร้างความสนใจ (engagement) 1. ผสู้ อนเกริน่ นาเพอื่ เข้าสู่บทเรียน และเพอื่ เป็นการกระตุ้นความสนใจของผู้เรียน คอื มนษุ ยใ์ ห้ความ สนใจกับข้อมูลและสารสนเทศมาต้งั แต่อดีต มกี ารเผยแพรข่ อ้ มูลและสารสนเทศหลากหลายรูปแบบตงั้ แต่ หนังสือพิมพ์ วทิ ยุ โทรทศั น์ ซึ่งในปัจจุบนั ก็คืออินเทอร์เน็ต 2. ผู้สอนถามผูเ้ รยี นเพื่อเปน็ การกระตุน้ ให้เกดิ การเรยี นรู้ เช่น “ในชีวติ ประจาวันนกั เรียนใข้งาน อินเทอรเ์ นต็ เพอื่ ประโยชนอ์ ะไรบา้ ง” แนวคาตอบ : - แลกเปลี่ยนข้อมลู ขา่ วสารไดส้ ะดวกและรวดเรว็ - สบื ค้นขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมูลต่างๆ ทัว่ โลกได้ - แลกเปล่ยี นข้อมูลกบั เครื่องคอมพวิ เตอรต์ ่างระบบได้ - สง่ ข้อมลู ไดห้ ลายรูปแบบ - เพอื่ ความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ ฟังเพลง เลน่ เกม - สอื่ สารดว้ ยเสียงและด้วยข้อความและภาพเคล่ือนไหว
- ใช้สง่ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) - ซือ้ ขายสนิ ค้าและบริการ 2) ข้นั สํารวจและค้นหา (exploration) 3. ผ้สู อนอธิบายว่า อนิ เทอร์เน็ตเปน็ เครอื ข่ายของการสอ่ื สารที่ครอบคลุมทั่วโลก มกี ารแลกเปลี่ยนข้อมลู สารสนเทศท่ีสะดวก รวดเรว็ เป็นแหล่งขอ้ มูลท่ที กุ คนเขา้ ถงึ ได้ตลอดเวลา สามารถตอบสนองความต้องการของ มนษุ ย์ในการใช้ขอ้ มลู สารสนเทศเพอื่ การตดั สินใจทัง้ เรอ่ื งเลก็ และเร่ืองใหญ่ 4. ผ้สู อนอธิบายเพมิ่ เติมว่า ข้อมลู (DATA) คอื ข้อเทจ็ จรงิ หรอื เหตกุ ารณท์ ่เี กยี่ วข้องกบั ส่งิ ตา่ งๆ ซ่ึงเกดิ จากการสงั เกต การจดบนั ทกึ การสัมภาษณ์ แบบสอบถาม และมกี ารเก็บรวบรวมไว้ ขอ้ มลู ที่เราได้พบเจอใน ชีวิตประจาวันนัน้ มีมากมาย มีท้งั ท่ีเราสามารถนามาใชป้ ระโยชน์ได้ และไมไ่ ด้ ซง่ึ สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ 1. แบ่งตามแหล่งที่มาของข้อมูล 2. แบง่ ตามรปู แบบการแทนขอ้ มลู 3) ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (explanation) 5. ผู้สอนแจกใบความร้ทู ี่ 6 ประเภทของข้อมูล พร้อมอธิบายใบความรู้ ชนดิ ขอ้ มลู แบง่ ตามแหลง่ ท่มี า มี 2 ชนดิ คอื 1. ข้อมูลปฐมภมู ิ (Primary data) คอื ข้อมูลท่ีเก็บรวบรวมมาจากแหล่งขอ้ มูลข้นั ต้นหรือได้มาจากแหล่งขอ้ มลู โดยตรง เช่น ข้อมลู นกั เรยี นท่ีไดม้ าจากการตอบแบบสอบถาม การสารวจ การสัมภาษณ์ การวดั การสังเกต การทดลอง เปน็ ตน้ ซ่งึ ขอ้ มลู ทไ่ี ด้จะมีความถกู ตอ้ ง ทันสมยั และเป็นปัจจบุ ัน 2. ข้อมลู ทตุ ยิ ภมู ิ (Secondary data) คือ ข้อมูลท่ไี ด้จากแหล่งทีร่ วบรวมข้อมลู ไวแ้ ล้ว โดยผู้หน่ึงผใู้ ด หรอื หนว่ ยงานได้ทาการ เก็บรวบรวมหรอื เรยี บเรียงไว้ ซง่ึ ข้อมลู สามารถนามาใชอ้ ้างอิงได้เลย เชน่ ข้อมลู สามะโน ประชากร จากสานักงาน สถิตแิ หง่ ชาติ ข้อมูลปริมาณน้าฝน จากกรมชลประทาน เป็นต้น ชนิดข้อมูลแบ่งตามรูปแบบการแทนข้อมลู มี 4 ชนิด คือ 1. ขอ้ มูลชนิดตวั เลข (Numeric data) ข้อมูลท่ีสามารถนาไปคานวณได้ อาจอย่ใู นรปู ของจานวนเต็ม ทศนยิ ม เศษสว่ น 2. ข้อมูลชนดิ ตวั อกั ษร/อกั ขระ (Character data) ข้อมลู ที่ไม่สามารถนาไปคานวณได้ แต่อาจนาไปเรียงลาดบั ได้ เชน่ ช่อื ที่อยู่ เบอร์ โทรศัพท์ เลขประจาตัวประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ 3. ขอ้ มูลชนดิ ตัวอักษรเลข (Alphanumeric data) ข้อมลู ที่มที ้ังตัวอกั ษร (อักษรภาษาอังกฤษ) ตวั เลข และตวั สัญลักษณะพเิ ศษ 4. ข้อมูลชนิดมัลติมีเดยี (Multimedia data) ข้อมูลทมี่ ที งั้ ภาพ เสยี ง ข้อความปนกัน
6.ผสู้ อนยกตวั อย่าง รปู แบบของขอ้ มลู เกีย่ วกับการมาโรงเรยี นสายของนักเรยี น - ข้อมูลการมาโรงเรียนสายของนกั เรยี น ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ซงึ่ ไดจ้ ากการจดบนั ทกึ ในรอบ 1 เดือนท่ผี ่านมา คือ ขอ้ มลู ปฐมภมู ิ (Primary Data) คือ - สถิตกิ ารมาโรงเรยี นสายของนักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ในรอบ 1 เดอื นท่ีผา่ นมา คอื ขอ้ มลู ทตุ ยิ ภูมิ (Secondary Data) 4) ข้ันขยายความรู้ (elaboration) 7.ผ้สู อนแจกใบงานที่ 2.1 ประเภทของข้อมลู ให้นกั เรียนยกตวั อยา่ งประเภทของขอ้ มลู ขอ้ มูลปฐมภูมิ (Primary data) และขอ้ มลู ทุติยภูมิ (Secondary data) ให้ได้มากที่สุด 8.ผสู้ อนให้ไปหาขอ้ มูลเพม่ิ เติมจากอินเทอรเ์ นต็ หรอื แหล่งเรียนรอู้ น่ื ๆและนาใบงานมาส่งคืนผ้สู อนใน ชว่ั โมงถัดไป 5) ขนั้ ประเมิน (evaluation) 9.ผู้สอนสรปุ ให้ผู้เรียนเขา้ ใจวา่ การรวบรวมข้อมูลเปน็ จุดเริ่มต้นของการดาเนินงาน การรวบรวมขอ้ มูลทด่ี ี จะไดข้ อ้ มูลทร่ี วดเร็ว ถูกต้อง แม่นยา ครบถ้วน ดังนนั้ ความรวดเรว็ ของขอ้ มูลจงึ ผูกพันกับเทคโนโลยีซ่งึ มีหลายวิธี เชน่ การใช้ไปรษณีย์อเิ ทคทรอนิกส์ การเชื่อมตอ่ กับระบบปลายทางเพอื่ รบั ขอ้ มลู การใชโ้ ทรสาร การใช้ระบบอา่ น ขอ้ มลู อัตโนมัติ เช่น เครอื่ งกราดตรวจ (scanner) อา่ นขอ้ มูลท่ีเป็นรหสั แท่ง (bar code) 10.ผู้สอนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสอบถามเพ่มิ เตมิ 9. สอื่ การเรียนรู้ 1. ใบความรทู้ ี่ 6 ประเภทของขอ้ มูล 2. ใบงานท่ี 2.1 ประเภทของข้อมูล 0 3. 10. การวัดและประเมนิ ผล วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจ ใบงานท่ี 2.1 ประเภท แบบประเมิน คณุ ภาพอยใู่ นระดับ ดี ผา่ น ของขอ้ มลู เกณฑ์ แบบประเมนิ พฤติกรรม ประเมินพฤติกรรมจากการทา รายบคุ คล คณุ ภาพอยใู่ นระดับ ดี ผา่ น กจิ กรรม จดจาทาตาม เกณฑ์
11. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารโรงเรียนหรือผูท้ ี่ได้รบั มอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… ลงชือ่ ........................................................... (นายอนิ ทร มัน่ อา่ ว) ผู้อานวยการโรงเรยี นบา้ นแม่แลบ 12. บันทักหลังสอน วนั ท่ี……………….…. เดือน……………………………………….……พ.ศ ………….. ผลการสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหา/อุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… .……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ ………………………..…………………… ผู้สอน ( นายอรรถพล เกษมจิตร)
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 7 เรื่อง การรวบรวมขอ้ มลู เวลาเรียน 2 ช่วั โมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การจดั การข้อมูลสารสนเทศ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 รายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วทิ ยาการคํานวณ) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ัญหาท่ีพบในชวี ิตจรงิ อยา่ งเปน็ ข้นั ตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหา ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ รูเ้ ทา่ ทัน และมจี ริยธรรม 2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด การประมวลผล (Processing) หมายถึง กระบวนการคิด หรือ การจัดระเบียบแบบแผนของขอ้ มลู เพอ่ื ให้ ไดผ้ ลลพั ธต์ ามท่ตี อ้ งการ ซึง่ ทาได้โดยการคานวณ เคลอื่ นยา้ ยข้อมูล การจัดเรียง การเปรยี บเทียบ และการ วิเคราะห์ข้อมลู หรืออาจใช้สูตร ทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และนาข้อมูลทีไ่ ด้จากการประมวลผลมาสร้างเปน็ ทางเลือกในการตัดสินใจ 3. ตวั ชว้ี ัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ ตวั ชว้ี ัด ว 4.2 ม.1/3 รวบรวมขอ้ มูลปฐมภมู ิประมวลผล ประเมนิ ผลนาเสนอขอ้ มูล และสารสนเทศตาม วัตถุประสงค์โดยใช้ซอฟตแ์ วร์ หรอื บริการบนอินเทอรเ์ น็ตท่หี ลากหลาย จดุ ประสงค์ 1. อธบิ ายวธิ ีการรวบรวมข้อมูลเพ่อื ใหไ้ ด้ข้อมลู ทม่ี ีประสิทธภิ าพได้ (K) 2. เลอื กใช้วิธกี ารรวบรวมขอ้ มูลไดอ้ ย่างเหมาะสม (P) 3. เห็นประโยชน์ของการเกบ็ รวบรวมข้อมลู (A) 4. สาระการเรียนรู้ 1. การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิประมวลผล สรา้ งทางเลือก ประเมินผล 2. การประมวลผลเป็นการกระทากบั ข้อมูล เพื่อใหไ้ ด้ผลลพั ธท์ มี่ ีความหมายและมปี ระโยชน์ตอ่ การนาไปใช้ งาน 3. การใช้ซอฟตแ์ วรห์ รอื บรกิ ารบนอินเทอร์เน็ต ที่หลากหลายในการรวบรวม ประมวลผลสร้างทางเลือก ประเมนิ ผล นาเสนอ จะชว่ ยให้แก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ถกู ตอ้ ง และแม่นยา
5. สมรรถนะสาคัญ 5. ความสามารถในการส่ือสาร ทักษะการสอื่ สาร 6. ความสามารถในการคิด ทักษะความคดิ สร้างสรรค์ ทักษะการคดิ อยา่ งเปน็ ระบบ ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 7. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ทักษะการแก้ปัญหา 8. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี 6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งม่ันในการทางาน 7. ภาระงาน 1. ใบงานท่ี 2.2 รวบรวมข้อมลู 8. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) โดย เนน้ ผ้เู รยี นเปน็ สาคญั ดาเนินการเรียนการสอนดงั ตอ่ ไปน้ี ชัว่ โมงที่ 1 1) ข้ันสร้างความสนใจ (engagement) 1. ผู้สอนถามผ้เู รยี นเพอื่ เป็นการทบทวนความร้เู ดิม และเพอื่ เป็นการกระตุ้นความสนใจของผเู้ รยี น เช่น “ถา้ นักเรยี นตอ้ งการทราบเกีย่ วกบั เรื่องใดสกั เรอ่ื งหนงึ่ นักเรยี นมวี ิธีการรวบรวมข้อมูลอยา่ งไรบ้าง?” แนวคาตอบ : วิธีการสังเกต วิธีการสัมภาษณ์ วิธกี ารทดลอง การสบื คน้ ข้อมลู บนอนิ เทอรเ์ นต็
2) ข้ันสํารวจและค้นหา (exploration) 2. ผสู้ อนอธบิ ายให้ผเู้ รยี นเข้าใจว่า การรวบรวมขอ้ มลู (Data Compilation) เป็นการนาเอาขอ้ มูลจาก แหลง่ ตา่ งๆ มารวมกนั ไว้ในรปู แบบท่เี หมาะสม ด้วยวธิ ีต่างๆ เปน็ กระบวนการรวบรวมและการวดั ขอ้ มลู เกี่ยวกับตัว แปรทเ่ี ราสนใจให้เป็นระบบท่ีทาให้ไดข้ ้อมลู นาไปใช้ต่อได้ แม้ว่าจะมีวธิ ีในการเก็บรวบรวมข้อมลู ทแ่ี ตกต่างกนั ไป ตามหลักเกณฑ์ แตก่ ย็ งั คงให้ความสาคัญกับการเก็บรวบรวมขอ้ มูลทีถ่ กู ตอ้ งและเทยี่ งตรง 3. ผู้สอนแจกใบความรู้ท่ี 7 การรวบรวมขอ้ มูล พรอ้ มอธิบายใบความรู้ คอื วธิ ีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ปฐมภมู ิ 1. การสงั เกตการณ์ (Observation) เปน็ วธิ ีการเกบ็ ขอ้ มูลการสงั เกตโดยตรงจากปฏิกิริยา ทา่ ทาง เหตุการณ์ หรอื ปรากฏการณ์ทเี่ กดิ ข้ึน ในขณะใดขณะหน่ึง และจดบนั ทึกไว้โดยไมม่ กี ารสัมภาษณ์ 2. การสมั ภาษณ์ (Interview) เปน็ วธิ ีการสมั ภาษณผ์ ู้ให้คาตอบ และบนั ทกึ คาตอบลงในแบบสอบถาม ผสู้ ัมภาษณส์ ามารถช้แี จงอธบิ ายใหผ้ ู้ตอบเข้าใจในคาถามได้ ทาให้ไดร้ ับคาตอบตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ 3. การทดลอง (Experiment) การเก็บรวบรวมข้อมลู จากการทดลอง เปน็ การเก็บรวบรวมข้อมลู ที่ต้องมกี าร ทดลอง หรือปฏบิ ัตเิ พ่ือให้ไดข้ อ้ มูลที่ตอ้ งการ วิธีการเก็บรวบรวมขอ้ มูลทุติยภมู ิ สว่ นใหญ่มักจะอยูใ่ นรปู หนงั สอื รายงาน บทความ หรอื เอกสารต่างๆ ควรจะ ดาเนินการ ดงั นี้ 1. พิจารณาตัวบุคคลผูเ้ ขยี นรายงาน บทความหรือเอกสาร เปน็ ผู้มีความรู้และมีความ เชยี่ วชาญในเรื่องท่เี ขยี นพอทีจ่ ะเช่อื ถอื ไดห้ รือไม่ 2. ควรเกบ็ รวบรวมมาจากหลาย ๆ แหล่งเพอื่ ใชใ้ นการเปรยี บเทียบว่าขอ้ มูลที่ต้องการมี ความผดิ พลาดบ้างหรือไม่ 3. พิจารณาจากลกั ษณะของขอ้ มลู ทต่ี ้องการเกบ็ รวบรวมวา่ เป็นข้อมลู ท่ถี ูกตอ้ ง ครบถ้วน และสมบูรณ์ 3) ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรุป (explanation) 4. ถา้ ขอ้ มูลทจี่ ะเก็บรวบรวมได้มาจากการสารวจจากกลุ่มตัวอย่าง หรอื ตอ้ งผา่ นขนั้ ตอน การวิเคราะห์โดยใช้วธิ ีการทางสถิตมิ าก่อน ควรต้องตรวจสอบวธิ กี ารทีใ่ ช้ในการเลือกกลุ่มตวั อยา่ งขนาดกลุม่ ตวั อย่าง และวิธีการวเิ คราะห์วา่ เหมาะสมที่จะใช้หรอื ไม่ วิธีการสืบคน้ ข้อมลู บนเวบ็ ไซต์ (Search Engine) เสริ ช์ เอนจนิ (search engine) หรอื โปรแกรมค้นหาข้อมลู คือ โปรแกรมท่ีชว่ ยในการ สบื คน้ หาขอ้ มูล โดยครอบคลมุ ทง้ั ขอ้ ความ รูปภาพ ภาพเคลอ่ื นไหว เพลง ซอฟตแ์ วร์ แผนที่ ข้อมลู บุคคล กลุ่มข่าว
และอ่ืน ๆ ซึ่งแตกต่างกนั ไปแลว้ แต่โปรแกรมหรือผู้ให้บรกิ ารแต่ละราย เสิร์ชเอนจินสว่ นใหญจ่ ะคน้ หาข้อมลู จากคา สาคญั (Keyword) ท่ผี ู้ใช้ปอ้ นเข้าไป จากนัน้ กจ็ ะแสดงรายการผลลัพธท์ ่มี นั คิดว่าผู้ใชน้ า่ จะต้องการขน้ึ มา ตัวอยา่ ง Web Search Engine 1. http://www.google.co.th/ 2. http://www.youtube.com/ 3. http://dict.longdo.com 4. ผู้สอนสุ่มถามผู้เรยี น เพ่ือประเมนิ ความเข้าใจของผ้เู รียน เชน่ “การเก็บรวบรวมขอ้ มลู แบบการ สมั ภาษณ์ส่วนใหญ่ใชเ้ ครอื่ งมืออะไร?” แนวคาตอบ : แบบสอบถาม ชว่ั โมงท่ี 2 1) ขัน้ สร้างความสนใจ (engagement) 1. ผู้สอนถามผเู้ รยี นเพอื่ เป็นการกระตนุ้ ความสนใจของผเู้ รยี น เชน่ “นกั เรยี นคิดว่า นักเรียนส่วนใหญใ่ น โรงเรยี นของเราชอบรับประทานรา้ นอาหารรา้ นไหนในโรงเรียนมากทีส่ ุด และเราจะมวี ิธกี ารอยา่ งไรเพื่อให้ได้ คาตอบ” แนวคาตอบ : วิธกี ารสังเกต วธิ ีการสัมภาษณ์ 2) ข้ันสํารวจและคน้ หา (exploration) 2. ผูส้ อนแจกใบงานที่ 2.2 รวบรวมข้อมูล พรอ้ มอธิบายวิธีการทาใบงาน คือ 1. ให้ผเู้ รยี นคดิ หัวข้อทอี่ ยากรเู้ กีย่ วกบั พฤตกิ รรมของนกั เรียนในห้องเรียน ในระดบั ชนั้ หรือใน โรงเรยี น เชน่ พฤติกรรมการมาสายของนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 พฤตกิ รรมการเลอื กซ้ือสินค้าภายในสหกรณ์ ของโรงเรียน นกั เรียนในโรงเรียนมสี ว่ นสูงเฉล่ยี อยทู่ ่ีเท่าไหร่ หรอื งานกฬี าสที ่ีจะจัดขน้ึ ในปีนี้ มี Concept เกี่ยวกับ อะไรดี 2. ให้ผเู้ รียนระบวุ ธิ กี ารรวบรวมข้อมูล เชน่ การสังเกต การสมั ภาษณ์ การทดลอง การค้นหา ขอ้ มูลจากแหลง่ ข้อมูลต่างๆ 3) ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรุป (explanation) 3. ให้ผู้เรียนคดิ เครอื่ งมือท่จี ะใช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เพ่อื ให้ไดข้ อ้ มูลทค่ี รบถ้วนตามที่ ตอ้ งการ เชน่ แบบสอบถาม แบบสงั เกตพฤติกรรม แบบทดสอบ 3. ผสู้ อนให้ผู้เรยี นเปิดคอมพิวเตอรเ์ พ่อื ทากิจกรรม ออกแบบเครอื่ งมอื เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ด้วย Google Form ผู้สอนอธิบายขนั้ ตอนการออกแบบเครอื่ งมอื เกบ็ รวบรวมข้อมูล ด้วย Google Form คอื 1. เปิด Google Form หรือไปท่ี https://docs.google.com/forms/u/0/
2. ให้ผเู้ รียนนาเครอ่ื งมอื ท่ีได้ออกแบบไว้ จากใบงานที่ 2.2 มาสร้างเป็นแบบฟอรม์ เกบ็ ขอ้ มูลใน Google Form 3. สร้างแบบฟอร์มเกบ็ ข้อมลู โดยผู้เรยี นสามารถศึกษาเพม่ิ เติมวธิ ีการ เทคนคิ ต่างๆไดจ้ าก อินเทอรเ์ นต็ 4) ขัน้ ขยายความรู้ (elaboration) 4. เม่อื เสรจ็ แลว้ ให้ผูเ้ รียนส่งลงิ คใ์ ห้ผสู้ อนตรวจสอบก่อนนาไปใช้งาน โดยไปที่คาวา่ ส่ง จะขน้ึ หนา้ ต่าง ตามภาพ ใหผ้ ู้เรยี นคดั ลอกลงิ ค์ส่งใหผ้ ู้สอนเพ่อื ตรวจสอบ 5. เมอ่ื ผู้สอนตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้วใหผ้ ู้เรียนนาแบบฟอรม์ ไปเกบ็ ขอ้ มูล โดยผู้เรยี น สามารถส่งเปน็ ลงิ คใ์ ห้กับกลมุ่ เปา้ หมาย หรือ ผเู้ รียนเปน็ ผบู้ ันทกึ ขอ้ มลู ลงในแบบฟอร์มเองกไ็ ด้ 5) ขนั้ ประเมนิ (evaluation) 4. ผู้สอนสรปุ ให้ผู้เรยี นเข้าใจว่า การเกบ็ รวบรวมข้อมูล เปน็ ข้นั ตอนหนึ่งของกระบวนการ ทางสถิติ ทมี่ ี ความสาคญั เพอื่ ให้ได้มาซึง่ ขอ้ มูลท่ีตอบสนองวตั ถุประสงค์ และสอดคล้องกับกรอบแนวความคิด สมมตุ ฐิ าน การ วเิ คราะหข์ ้อมลู การรวบรวมข้อมลู สามารถทาไดห้ ลายวธิ ี ไม่วา่ จะเปน็ การเก็บข้อมูลขนึ้ มาใหม่ หรอื การนาขอ้ มลู ที่ มีผเู้ คยศกึ ษาไว้อยูแ่ ล้ว ซ่งึ หมายถงึ การนาเอาข้อมูลตา่ งๆทผ่ี ู้อ่ืนได้เกบ็ ไว้แลว้ หรอื รายงานไว้ในเอกสารตา่ งๆ มา ทาการศึกษาวเิ คราะห์ตอ่ 5. ผู้สอนให้ผู้เรียนชว่ ยกันบอกประโยชน์ของข้อมลู แนวคาตอบ : 1. ทาให้เกิดการเรียนรู้ 2. นามาใช้ในการส่ือสาร 3. ชว่ ยในการตัดสนิ ใจ 6.ผู้สอนเปิดโอกาสให้ผู้เรยี นสอบถามเพ่มิ เตมิ 9. สอ่ื การเรียนรู้ 1. ใบความรู้ท่ี 7 การรวบรวมข้อมลู 2. ใบงานท่ี 2.2 รวบรวมข้อมูล 3. กิจกรรม ออกแบบเครอื่ งมอื เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ดว้ ย Google Form 0 3.
10. การวดั และประเมนิ ผล เครื่องมอื เกณฑ์ วิธีการ แบบประเมิน คณุ ภาพอยู่ในระดบั ดี ผ่าน เกณฑ์ ตรวจ ใบงานท่ี 2.2 รวบรวม แบบประเมนิ พฤตกิ รรม ข้อมูล รายบุคคล คณุ ภาพอยู่ในระดบั ดี ผ่าน เกณฑ์ ประเมินพฤตกิ รรมจากการทา กจิ กรรม ออกแบบเครอ่ื งมอื เก็บรวบรวมข้อมลู ดว้ ย Google Form
11. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผูบ้ รหิ ารโรงเรยี นหรอื ผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… ลงชอ่ื ........................................................... (นายอนิ ทร มนั่ อา่ ว) ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านแม่แลบ 12. บันทักหลังสอน วนั ที่……………….…. เดอื น……………………………………….……พ.ศ ………….. ผลการสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหา/อุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… .……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ ………………………..…………………… ผู้สอน ( นายอรรถพล เกษมจิตร )
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 8 เร่ือง สารสนเทศ เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การจดั การขอ้ มูลสารสนเทศ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 รายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ) กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คานวณในการแก้ปญั หาทพี่ บในชวี ิตจรงิ อยา่ งเป็นขัน้ ตอน และเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปญั หา ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ รู้เทา่ ทนั และมจี รยิ ธรรม 2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด การประมวลผล (Processing) หมายถึง กระบวนการคดิ หรอื การจัดระเบียบแบบแผนของข้อมลู เพ่ือให้ ได้ผลลัพธต์ ามท่ีต้องการ ซ่งึ ทาได้โดยการคานวณ เคล่อื นยา้ ยข้อมูล การจัดเรียง การเปรียบเทียบ และการ วิเคราะห์ขอ้ มลู หรืออาจใช้สตู ร ทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และนาขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากการประมวลผลมาสร้างเป็น ทางเลอื กในการตดั สินใจ 3. ตวั ชว้ี ัด/จุดประสงค์การเรยี นรู้ ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.1/3 รวบรวมขอ้ มลู ปฐมภมู ิประมวลผล ประเมนิ ผลนาเสนอขอ้ มลู และสารสนเทศตาม วตั ถุประสงค์โดยใช้ซอฟตแ์ วร์ หรอื บรกิ ารบนอนิ เทอรเ์ นต็ ทีห่ ลากหลาย จุดประสงค์ 1. อธิบายไดว้ า่ สารสนเทศคอื อะไร (K) 2. ใชว้ ธิ กี ารรวบรวมขอ้ มลู ตามองค์ประกอบของระบบสารสนเทศ (P) 3. เห็นประโยชน์ทไี่ ดจ้ ากการเก็บรวบรวมข้อมลู (A) 4. สาระการเรยี นรู้ 1. การรวบรวมข้อมูลจากแหลง่ ข้อมูลปฐมภูมิประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมนิ ผล 2. การประมวลผลเปน็ การกระทากบั ข้อมูล เพ่อื ใหไ้ ด้ผลลพั ธ์ท่มี ีความหมายและมปี ระโยชนต์ ่อการนาไปใช้ งาน 3. การใชซ้ อฟตแ์ วรห์ รอื บริการบนอินเทอรเ์ น็ต ที่หลากหลายในการรวบรวม ประมวลผลสรา้ งทางเลือก ประเมินผล นาเสนอ จะชว่ ยใหแ้ กป้ ญั หาได้อยา่ งรวดเร็ว ถูกตอ้ ง และแมน่ ยา
5. สมรรถนะสาคญั 9. ความสามารถในการสือ่ สาร ทกั ษะการสอื่ สาร 10. ความสามารถในการคดิ ทกั ษะความคิดสรา้ งสรรค์ ทกั ษะการคิดอย่างเป็นระบบ ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 11.ความสามารถในการแกป้ ัญหา ทกั ษะการแกป้ ญั หา 12.ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี 6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งมนั่ ในการทางาน 7. ภาระงาน 1. ใบงานที่ 2.3 สารสนเทศ 2. ใบงานที่ 2.4 องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ 8. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) โดย เนน้ ผู้เรียนเป็นสาคญั ดาเนนิ การเรยี นการสอนดังต่อไปน้ี ชั่วโมงท่ี 1 1) ข้ันสร้างความสนใจ (engagement) 1. ผสู้ อนถามผเู้ รยี นเพ่ือเปน็ การทบทวนความรเู้ ดิม และเพือ่ เปน็ การกระตุ้นความสนใจของผเู้ รยี น เช่น “นักเรียนรหู้ รอื ไมว่ า่ สารสนเทศคืออะไร?” แนวคาตอบ : สารสนเทศ คือ ข้อมลู ต่างๆ ทีไ่ ด้ผ่านการเปลีย่ นแปลงหรอื มีการประมวลผล หรือวเิ คราะหส์ รปุ ผลดว้ ยวธิ กี ารตา่ ง ๆแล้วเก็บรวบรวมไว้ 2) ข้ันสาํ รวจและคน้ หา (exploration) 2. ผสู้ อนแจกใบความรทู้ ่ี 8 สารสนเทศ พร้อมอธิบายใบความรู้
สารสนเทศ (Information) คอื การทาข้อมลู มาผ่านระบบการประมวลผล วเิ คราะหส์ รปุ ผล ด้วยวธิ กี ารตา่ ง ๆ แลว้ เกบ็ รวบรวมไว้ เพอื่ นามาใช้ประโยชน์ตามต้องการ ระบบสารสนเทศ (Information System หรือ IS) คอื ระบบของการจัดเก็บ ประมวลผล ขอ้ มลู โดยอาศัยบุคคลและเทคโนโลยสี ารสนเทศในการดาเนินการ เพ่อื ให้ไดส้ ารสนเทศทีเ่ หมาะสมกบั งาน องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ มี ดังน้ี 1. ฮาร์ดแวร์ 2. ซอฟตแ์ วร์ 3. ขอ้ มูลและสารสนเทศ 4. บคุ ลากร 5. กระบวนการทางาน 3. ผสู้ อนแจก ใบงานที่ 2.3 สารสนเทศ พร้อมอธบิ ายวธิ ีการทาใบงาน คอื ให้ผ้เู รยี นหาขอ้ มูลเกยี่ วกบั องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ 3) ขนั้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (explanation) 4. เม่ือหมดเวลา ผู้สอนสมุ่ ผู้เรียนออกมานาเสนอ อธิบายองคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ โดยให้ ผู้เรยี นคนอ่นื ๆ เสนอแนะ แลกเปลยี่ นเพอ่ื ให้เกดิ การเรียนรทู้ หี่ ลากหลาย โดยผู้สอนคอยให้คาแนะนาเพม่ิ เติม ช่ัวโมงที่ 2 2) ขั้นสํารวจและค้นหา (exploration) 1. ผ้สู อนแจกใบงานท่ี 2.4 องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ โดยให้ผเู้ รยี นเปรียบเทียบ องค์ประกอบ ของระบบสารสนเทศ กับ ขอ้ มูลท่ีผู้เรียนไดเ้ ลอื กทาจากใบงานที่ 2.2 รวบรวมขอ้ มูล ยกตวั อยา่ งเช่น จากใบงานท่ี 2.2 ผูเ้ รยี นเลอื กทาเกี่ยวกับพฤติกรรมการมาสายของนักเรยี นระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ฮาร์ดแวร์ : คอมพวิ เตอร์ เคร่อื งคิดเลข ซอฟตแ์ วร์ : Google form, Microsoft Excel ข้อมูลและสารสนเทศ : ขอ้ มูลที่ผู้เรียนเกบ็ รวบรวมได้ เช่น จานวนการมาสาย ช่วงเวลาทนี่ ักเรียน ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 มาถึงโรงเรียน บุคลากร : ผูเ้ ก็บรวบรวมข้อมูล กระบวนการทางาน : 1. เก็บรวบรวมขอ้ มูลโดยการสงั เกต 2. ขอขอ้ มูลเวลาการมาถึงของนกั เรียนระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 จากงานทะเบียน นักเรยี น 3. นาข้อมลู มาประมวลผลผ่านซอฟต์แวร์
3) ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (explanation) 2. ผูส้ อนให้เวลาผู้เรยี นในการทาใบงาน โดยผู้สอนคอยดแู ลความเรยี บรอ้ ยและให้คาแนะนาเพิม่ เติม 3. เม่อื ครบกาหนดเวลา ผู้สอนสุม่ ถามผเู้ รยี นและให้ผูเ้ รียนคนอ่ืนๆชว่ ยกันแลกเปลีย่ นความรู้ 4) ขน้ั ขยายความรู้ (elaboration) 4. ผู้สอนแนะนาเพ่มิ เตมิ ว่า ในการทางานดว้ ยเคร่ืองคอมพวิ เตอรถ์ งึ แมจ้ ะมีเครือ่ งคอมพิวเตอร์ทม่ี ี ประสิทธิภาพดีแล้วยงั ตอ้ งมีชดุ คาส่ัง (Software) ทีจ่ ะควบคมุ การทางานของเคร่อื งทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพอกี ด้วย และ ในการรวบรวมขอ้ มลู เพ่ือนามาใช้งานตอ่ ไป อาจมขี อ้ มูลมากมาย วธิ ีการ ผ้เู รียนจะตอ้ งมีวิธกี ารจัดเก็บเพื่อให้ สามารถเรยี กไฟล์งานนามาใช้งานได้งา่ ยและสะดวก เชน่ 1. เกบ็ ทุกอยา่ งไว้ใน My Documents 2. ไม่วางขอ้ มลู ไว้บน Desktop 3. สร้าง Folder เพือ่ เกบ็ ข้อมลู 4. ชอ่ื ไฟล์ และ Folder ให้สามารถจางา่ ยและเกี่ยวข้องกบั งาน 5) ข้ันประเมนิ (evaluation) 5. ผู้สอนสรุปใหผ้ ู้เรยี นเข้าใจว่า สารสนเทศทด่ี ี จะตอ้ งมีคณุ ลกั ษณะ ดังตอ่ ไปน้ี 1. มคี วามถกู ตอ้ ง แม่นยา (Accuracy) 2. ทนั ต่อเวลา (Timeliness) 3. มีความสมบรู ณ์ครบถว้ น (Completeness) 4. ตรงตามความต้องการของผ้ใู ช้ (Relevance) 5. ตรวจสอบพิสูจนไ์ ด้ (Verifiability) 6. ผสู้ อนเปดิ โอกาสให้ผ้เู รยี นสอบถามเพม่ิ เติม 9. สื่อการเรยี นรู้ 1. ใบความรู้ที่ 8 สารสนเทศ 2. ใบงานที่ 2.3 สารสนเทศ 3. ใบงานที่ 2.4 องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ 0 3. 10. การวัดและประเมนิ ผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ แบบประเมนิ ตรวจ ใบงานที่ 2.3 คุณภาพอยู่ในระดบั ดี ผา่ น สารสนเทศ แบบประเมิน เกณฑ์ ตรวจ ใบงานท่ี 2.4 คณุ ภาพอยู่ในระดบั ดี ผ่าน องคป์ ระกอบของระบบ เกณฑ์ สารสนเทศ
11. ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารโรงเรยี นหรือผูท้ ไี่ ดร้ บั มอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… ลงช่ือ........................................................... (นายอินทร ม่ันอ่าว) ผู้อานวยการโรงเรยี นบ้านแม่แลบ 12. บันทักหลังสอน วันท่ี……………….…. เดอื น……………………………………….……พ.ศ ………….. ผลการสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหา/อุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… .……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื ………………………..…………………… ผู้สอน ( นายอรรถพล เกษมจิตร )
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 9 เรื่อง การจดั การข้อมลู สารสนเทศ เวลาเรยี น 2 ช่วั โมง หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การจดั การข้อมลู สารสนเทศ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ญั หาทพี่ บในชีวิตจริงอย่างเป็นข้นั ตอน และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปญั หา ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ รูเ้ ทา่ ทัน และมีจรยิ ธรรม 2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด การประมวลผล (Processing) หมายถึง กระบวนการคดิ หรอื การจัดระเบยี บแบบแผนของข้อมูล เพ่ือให้ ได้ผลลัพธต์ ามท่ตี อ้ งการ ซ่ึงทาได้โดยการคานวณ เคล่อื นยา้ ยข้อมูล การจัดเรียง การเปรยี บเทียบ และการ วิเคราะหข์ อ้ มลู หรืออาจใช้สตู ร ทางคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และนาขอ้ มลู ท่ไี ด้จากการประมวลผลมาสร้างเปน็ ทางเลือกในการตัดสินใจ 3. ตัวชว้ี ัด/จุดประสงค์การเรยี นรู้ ตัวชว้ี ัด ว 4.2 ม.1/3 รวบรวมข้อมูลปฐมภมู ิประมวลผล ประเมินผลนาเสนอขอ้ มูล และสารสนเทศตาม วัตถุประสงค์โดยใช้ซอฟต์แวร์ หรอื บรกิ ารบนอินเทอรเ์ นต็ ท่ีหลากหลาย จดุ ประสงค์ 1. อธิบายได้ว่าองคป์ ระกอบของการจัดการขอ้ มูลสารสนเทศมีอะไรบ้าง (K) 2. เลือกวิธีการประมวลผลข้อมูลท่เี หมาะสมได้ (P) 3. เห็นประโยชน์ของการใช้บรกิ าร Google Form ในการจัดการขอ้ มลู (A) 4. สาระการเรียนรู้ 2. การรวบรวมขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมูลปฐมภมู ิประมวลผล สร้างทางเลอื ก ประเมินผล 3. การประมวลผลเปน็ การกระทากบั ขอ้ มลู เพ่อื ให้ไดผ้ ลลัพธท์ ี่มคี วามหมายและมปี ระโยชนต์ ่อการนาไปใช้ งาน 4. การใชซ้ อฟตแ์ วร์หรือบริการบนอนิ เทอรเ์ นต็ ทีห่ ลากหลายในการรวบรวม ประมวลผลสร้างทางเลอื ก ประเมนิ ผล นาเสนอ จะช่วยใหแ้ กป้ ญั หาได้อยา่ งรวดเร็ว ถกู ต้อง และแม่นยา
5. สมรรถนะสาคัญ 13.ความสามารถในการสื่อสาร ทกั ษะการสื่อสาร 14. ความสามารถในการคิด ทกั ษะความคิดสรา้ งสรรค์ ทักษะการคดิ อยา่ งเป็นระบบ ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ 15.ความสามารถในการแก้ปัญหา ทักษะการแกป้ ญั หา 16.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 7. ภาระงาน 1. กจิ กรรมจัดการขอ้ มูลสารสนเทศดว้ ย Google Form 8. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) โดย เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคัญ ดาเนินการเรยี นการสอนดงั ตอ่ ไปนี้ ชวั่ โมงท่ี 1 1) ขัน้ สรา้ งความสนใจ (engagement) 1. ผสู้ อนถามผ้เู รยี นเพอื่ เปน็ การทบทวนความร้เู ดิม และเพ่ือเปน็ การกระตุ้นความสนใจของผ้เู รยี น เช่น “นักเรยี นรูห้ รือไม่ว่า องคป์ ระกอบของระบบการทางานของคอมพวิ เตอร์มอี ะไรบา้ ง?” แนวคาตอบ : รบั ข้อมูล (Input) ประมวลผลข้อมูล (Process) แสดงผลข้อมูล (Output) จดั เก็บข้อมูล (Storage) 2) ขัน้ สาํ รวจและคน้ หา (exploration) 2. ผสู้ อนอธิบายวา่ การจัดการข้อมลู และสารสนเทศ มอี งค์ประกอบหลกั การทางาน คล้ายกับระบบการ ทางานระบบการทางานของคอมพวิ เตอร์ คือ ประกอบไปด้วย
รับข้อมูล (Input) ประมวลผลขอ้ มูล (Process) จัดเก็บขอ้ มลู แสดงผลข้อมลู (Output) 1. การนาเข้าข้อมูล การนาเขา้ ข้อมูลประกอบไปดว้ ยขั้นตอนการรวบรวมข้อมลู การตรวจสอบขอ้ มลู และ การเตรียมขอ้ มูล การรวบรวมข้อมูล การตรวจสอบขอ้ มูล การเตรียมขอ้ มูล การรวบรวมขอ้ มูลจาก ตรวจสอบขอ้ มูลเพอ่ื ความ เตรยี มขอ้ มลู ใหอ้ ยู่ใน แหลง่ กาเนดิ ข้อมลู โดยใช้ ถูกตอ้ ง ข้อมูลทเ่ี ก็บเข้า รปู แบบเดียวกนั เพ่ือความ วิธีการต่างๆ เช่น สังเกต ระบบตอ้ งมคี วามนา่ เช่อื ถอื สะดวกในการประมวลผล 2 สอบถาม ทดสอบ และใหไ้ ดผ้ ลลพั ธท์ ถ่ี ูกต้อง . การประมวลผลขอ้ มูล ประมวลผล (Data Processing) เป็นการประมวลผลทางขอ้ มลู เป็นการนาข้อมูล ที่เก็บ รวบรวมได้มาผ่านกระบวนการต่าง ๆ เพอื่ แปรสภาพข้อมลู ให้อยู่ในรูปแบบที่ต้องการ เรียกวา่ ขอ้ มูลสนเทศหรือ สารสนเทศ (Information) ซง่ึ มวี ธิ กี ารประมวลผลไดห้ ลายวิธี เช่น การรวบรวมเป็นแฟ้มขอ้ มลู การคานวณ การเปรยี บเทียบ การเรียงลาดับ การจดั กลมุ่ ขอ้ มูล การจดั ทารายงาน 3. การเก็บรักษาขอ้ มลู การเกบ็ บันทกึ ผลลัพธบ์ างส่วนท่ียงั ไมไ่ ด้ตอ้ งการนาไปใช้งานในขณะนนั้ ลงส่สู ื่อบันทึก ข้อมลู ตลอดจนปรับปรงุ ขอ้ มลู ใหม้ ีความทันสมัยอยเู่ สมอ การจดั เก็บขอ้ มลู การสาเนาขอ้ มลู การปรับปรงุ ข้อมูล การนาข้อมูลมาบันทกึ เก็บไว้ การทาสาเนาเพอ่ื ทจ่ี ะนา ข้อมูลท่จี ัดเกบ็ ไว้มี จดุ ประสงคท์ ่จี ะเรยี กใช้งาน ในส่ือบนั ทกึ ตา่ ง ๆ รวมถึง ขอ้ มูลเก็บรักษาไว้ หรือ
การดูแล และทาสาเนา นาไปแจกจา่ ยในภายหลัง ไดต้ ่อไป ดงั นั้นขอ้ มูลจงึ ต้อง มกี ารปรับปรงุ ใหท้ ันสมยั อยู่ ขอ้ มูล เพอื่ ให้ใช้งานตอ่ ไปใน จงึ ควรคานึงถงึ ความจุและ ตลอดเวลา และจัดเกบ็ อย่าง อนาคตได้ ความทนทานของสื่อบนั ทึก เปน็ ระบบเพอ่ื การคน้ หาได้ อยา่ งรวดเร็ว ข้อมลู 4. การแสดงผล การจดั รูปแบบของสารสนเทศท่ีเป็นผลลัพธจ์ ากการประมวลผลใหอ้ ยู่ในรปู แบบของ รายงาน ตาราง แบบฟอรม์ แผนภูมิ หรือ อน่ื ๆ เพ่ือใหส้ ะดวกในการศกึ ษา งา่ ยตอ่ การทาความเข้าใจ และ สอดคล้องกับวตั ถปุ ระสงค์ 3) ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (explanation) 3. ผ้สู อนสุม่ ถามผูเ้ รียน จากขอ้ มลู ทผ่ี ูเ้ รยี นได้มาจากการรวบรวมขอ้ มลู จากใบงานท่ี 2.2 ใบงานท่ี 2.4 และจากกิจกรรม ออกแบบเครื่องมอื เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ดว้ ย Google Form ผู้เรยี นจะมวี ธิ กี ารจัดรูปแบบของ สารสนเทศเพื่อแสดงผลลัพธอ์ ยา่ งไรได้บา้ ง? แนวคาตอบ : รายงาน ตาราง กราฟ ชวั่ โมงที่ 2 1) ขั้นสร้างความสนใจ (engagement) 1. ผูส้ อนถามผ้เู รียนเพอ่ื เปน็ การทบทวนความรูเ้ ดิม และเพ่อื กระตุน้ ความสนใจของผู้เรียน เช่น “จาก กิจกรรม ออกแบบเครือ่ งมอื เก็บรวบรวมข้อมลู ด้วย Google Form ผูเ้ รยี นไดใ้ ช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู และ นกั เรียนจะมีวธิ อี ย่างไรในการนาขอ้ มูลออกมาเพอ่ื ประมวลผล” แนวคาตอบ : Google Forms จะสรุปภาพรวมของขอ้ มลู ในรปู แบบแผนภูมไิ ว้ให้ หากเรา ต้องการนาขอ้ มูลไปใช้งานตอ่ เราสามารถนาข้อมลู ใน form เก็บลง Google Sheets เพื่อความสะดวกในการ ประมวลผลขอ้ มลู หรอื วิเคราะห์ขอ้ มูลต่อไป
2) ข้ันสาํ รวจและคน้ หา (exploration) 1. ผสู้ อนแนะนาวธิ ีการนาขอ้ มลู ทีไ่ ด้จาก Google Form เพ่อื ไปใช้งานต่อไป คือ 1. ไปที่แบบฟอร์มทไ่ี ดส้ รา้ งไว้ 2. ไปที่ responses หรือการตอบกลบั 3. เลอื ก Summary responses จะถูกเก็บอยใู่ น Forms พรอ้ มแสดงแผนภมู ิ และเราสามารถเกบ็ response ลงspreadsheet ไดด้ ว้ ย 3 1 2 หมายเลข 1 Summary คือ การประมวลผลแบบสอบถามทท่ี าง Google Forms สรุปให หมายเลข 2 INDIVIDUAL คือ การดูรายละเอียดของแบบสอบถามแตละใบ หมายเลข 3 การดขู อมูลในรปู แบบตาราง ซงึ่ จะสามารถบันทึกไปแกไขใน Microsoft Excel 3) ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (explanation) 2. ผสู้ อนให้ผ้เู รียนเปดิ คอมพิวเตอร์เพอื่ ทากิจกรรมจัดการข้อมลู สารสนเทศด้วย Google Form และไปท่ี แบบฟอรม์ ของตวั เองที่ไดเ้ คยสรา้ งไวเ้ พ่ือเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากนน้ั ใหผ้ ู้เรียนนาขอ้ มูลที่ได้ไปทาการวเิ คราะหต์ อ่ ไป 4) ขั้นขยายความรู้ (elaboration) 3.ผสู้ อนอธิบายเพิ่มเตมิ ว่า ให้ผ้เู รียนพจิ ารณาวา่ ขอ้ มูลท่ไี ดจ้ ากการท่ี Google Forms สามารถนาไปใช้ ประโยชน์ไดเ้ ลยหรือไม่ หรอื ตอ้ งนาไปประกอบการวิเคราะห์ต่อไป และผู้เรยี นจะมีวธิ กี ารวเิ คราะหข์ อ้ มูลอยา่ งไร
5) ขน้ั ประเมิน (evaluation) 4. ผ้สู อนให้ผเู้ รยี นชว่ ยกัน บอกประโยชน์และขอ้ จากดั จากการใชบ้ รกิ าร Google Form ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูลและการจัดการขอ้ มูล แนวคาตอบ : ประโยชนของการใชงาน ประหยัดงบประมาณในการพมิ พแบบสอบถาม สะดวกรวดเรว็ สามารถตอบแบบสอบถามไดจากทง้ั มือถอื หรอื คอมพิวเตอร งายตอการเก็บรวมรวมและประมวลผล ไมเสียคาใชจายในการ สามารถดูขอมลู ไดแบบ Real Time ขอ้ จากดั ตอ้ งใช้งานอนิ เทอร์เน็ต 5. ผสู้ อนเปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรียนสอบถามเพิ่มเติม 9. สอื่ การเรยี นรู้ 1. Google Form 2. กจิ กรรมจดั การข้อมลู สารสนเทศดว้ ย Google Form 0 3. 10. การวัดและประเมินผล วธิ กี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรม จาก แบบประเมินพฤตกิ รรม คุณภาพอย่ใู นระดับ ดี ผ่าน กิจกรรมจัดการข้อมูล รายบุคคล เกณฑ์ สารสนเทศด้วย Google Form
11. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารโรงเรยี นหรอื ผทู้ ไี่ ด้รับมอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… ลงชอื่ ........................................................... (นายอินทร ม่ันอ่าว) ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านแมแ่ ลบ 12. บันทักหลังสอน วนั ที่……………….…. เดือน……………………………………….……พ.ศ ………….. ผลการสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหา/อุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… .……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ………………………..…………………… ผู้สอน ( นายอรรถพล เกษมจิตร )
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 10 เรื่อง การจดั การข้อมลู สารสนเทศ เวลาเรยี น 3 ชว่ั โมง หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การจัดการขอ้ มูลสารสนเทศ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 รายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ) กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คานวณในการแก้ปญั หาทพ่ี บในชวี ิตจริงอย่างเปน็ ขัน้ ตอน และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปญั หา ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เทา่ ทนั และมีจริยธรรม 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การประมวลผล (Processing) หมายถึง กระบวนการคดิ หรือ การจัดระเบยี บแบบแผนของข้อมูล เพ่อื ให้ ไดผ้ ลลพั ธ์ตามที่ตอ้ งการ ซ่งึ ทาไดโ้ ดยการคานวณ เคลอ่ื นยา้ ยข้อมูล การจัดเรียง การเปรียบเทียบ และการ วเิ คราะห์ขอ้ มลู หรอื อาจใช้สูตร ทางคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และนาข้อมูลท่ไี ดจ้ ากการประมวลผลมาสรา้ งเปน็ ทางเลอื กในการตัดสินใจ 3. ตวั ช้ีวดั /จุดประสงค์การเรยี นรู้ ตัวชว้ี ัด ว 4.2 ม.1/3 รวบรวมข้อมลู ปฐมภูมิประมวลผล ประเมินผลนาเสนอขอ้ มูล และสารสนเทศตาม วัตถปุ ระสงคโ์ ดยใช้ซอฟตแ์ วร์ หรอื บรกิ ารบนอินเทอรเ์ น็ตที่หลากหลาย จดุ ประสงค์ 1. บอกได้ว่าประเภทของซอฟต์แวรม์ ีอะไรบ้าง (K) 2. เลอื กใชซ้ อฟต์แวร์ท่ีเหมาะสมกับการทางาน (P) 3. เห็นประโยชน์จากการใช้งานซอฟต์แวร์ (A) 4. สาระการเรยี นรู้ 5. การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิประมวลผล สรา้ งทางเลอื ก ประเมนิ ผล 6. การประมวลผลเปน็ การกระทากับข้อมลู เพอ่ื ใหไ้ ด้ผลลัพธท์ มี่ ีความหมายและมปี ระโยชน์ต่อการนาไปใช้ งาน 7. การใช้ซอฟตแ์ วร์หรอื บริการบนอินเทอรเ์ นต็ ทหี่ ลากหลายในการรวบรวม ประมวลผลสรา้ งทางเลอื ก ประเมินผล นาเสนอ จะชว่ ยใหแ้ กป้ ญั หาได้อย่างรวดเรว็ ถกู ต้อง และแม่นยา
5. สมรรถนะสาคญั 17.ความสามารถในการส่ือสาร ทกั ษะการส่ือสาร 18. ความสามารถในการคดิ ทกั ษะความคิดสรา้ งสรรค์ ทกั ษะการคิดอยา่ งเปน็ ระบบ ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ 19.ความสามารถในการแก้ปัญหา ทกั ษะการแก้ปัญหา 20.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุง่ ม่ันในการทางาน 7. ภาระงาน 1. ใบงานที่ 2.5 ซอฟต์แวร์ 2. กจิ กรรม นาเสนอ 8. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) โดย เน้นผูเ้ รยี นเป็นสาคัญ ดาเนนิ การเรียนการสอนดงั ตอ่ ไปนี้ ช่ัวโมงที่ 1 1) ขน้ั สรา้ งความสนใจ (engagement) 1. ผู้สอนถามผเู้ รียนเพื่อเปน็ การทบทวนความรเู้ ดิม และเพ่อื เปน็ การกระตุ้นความสนใจของผเู้ รยี น เชน่ “ซอฟต์แวร์คอื อะไร นกั เรียนใช้ประโยชนอ์ ะไรจากซอฟต์แวรใ์ นชีวิตประจาวันบา้ ง?” แนวคาตอบ : ซอฟต์แวร์ หมายถึง ชุดคาสง่ั หรือโปรแกรม (program) ท่เี ขยี นขนึ้ เพ่อื ให้ คอมพวิ เตอร์ทางาน 2) ขั้นสาํ รวจและค้นหา (exploration) 2. ผู้สอนเปดิ คลิป ซอฟต์แวร์ คืออะไร (Software) จากลิงค์ (ความยาวประมาณ 20 นาที) https://www.youtube.com/watch?v=ZMecamshW7M
3) ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรุป (explanation) 3. เมอื่ จบคลิป ผสู้ อนแจกใบงานท่ี 2.5 ซอฟต์แวร์ พรอ้ มอธิบายการทาใบงาน คอื ให้ผู้เรยี นสรุปความรู้ที่ ไดจ้ ากคลิป 4. ผสู้ อนใหเ้ วลาผู้เรียนในการทาใบงาน โดยผู้สอนคอยดแู ลความเรยี บร้อยและคอยให้คาแนะนาเพ่ิมเตมิ 5. เมือ่ ครบกาหนดเวลา ผู้สอนสุม่ ผเู้ รียนออกมาสรปุ ความร้ทู ไ่ี ด้จากคลปิ หนา้ ชั้นเรียน โดยให้เพ่อื นๆคน อืน่ ๆ แลกเปล่ียนความรู้ 4) ขั้นขยายความรู้ (elaboration) 6. ผู้สอนอธิบายเพิม่ เตมิ วา่ ซอฟต์แวร์ คอื ชดุ คาสัง่ หรอื โปรแกรมทใ่ี ชส้ ั่งเคร่ืองคอมพิวเตอร์ให้ทางานได้ ตรงตามความต้องการและถกู ต้อง สามารถแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คือ 1. ซอฟต์แวรร์ ะบบ (System Software) 2. ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกต์ (Application Software) 7. ผูส้ อนให้ผเู้ รียนช่วยกันยกตวั อยา่ ง ซอฟต์แวรท์ ้งั สองประเภท แนวคาตอบ : ตวั อย่างซอฟตแ์ วรร์ ะบบ ระบบปฏบิ ตั กิ ารไมโครซอฟท์วนิ โดวส์ ตวั อย่างซอฟต์แวร์ประยกุ ต์ 1. ประมวลคา (word processing software) 2. ตารางทางาน (spreadsheet software) 3. จดั การฐานข้อมูล (database management software) 4. นาเสนอ (presentation software) ชวั่ โมงที่ 2 2) ขั้นสาํ รวจและคน้ หา (exploration) 1. ผสู้ อนให้ผูเ้ รยี นเปิดคอมพิวเตอร์ เพอื่ ทากจิ กรรม นาเสนอ โดยให้ผู้เรยี นเปดิ โปรแกรม Microsoft PowerPoint ซึง่ คือซอฟต์แวรน์ าเสนอ (Presentation Software) เปน็ ซอฟตแ์ วรท์ ใ่ี ช้สาหรบั การนาเสนอข้อมลู การแสดงผลทต่ี ้องการดึงดูดความสนใจ ซง่ึ สามารถสร้างแผนภมู ิ กราฟ และอ่ืนๆได้ 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนนาขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากการเกบ็ รวบรวมด้วย Google Form หรอื ขอ้ มลู ทผ่ี ่านการวเิ คราะห์ เรยี บร้อยแล้ว นามาสรุปใหเ้ ข้าใจง่าย ลงในซอฟต์แวร์ Microsoft PowerPoint 3) ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรปุ (explanation) 3. ผสู้ อนใหเ้ วลาผู้เรียนในการสรุปขอ้ มลู และเตรียมเนื้อหาเพ่ือการนาเสนอ โดยผู้สอนคอยดูแลความ เรียบร้อยและคอยให้คาแนะนาเพิม่ เตมิ 4) ข้นั ขยายความรู้ (elaboration)
4. ผูส้ อนแนะนาผเู้ รียนเพม่ิ เติมวา่ หากผุ้สอนตอ้ งการสรปุ ขอ้ มลู แบบกราฟ หรอื แผนภูมิ โดยใชโ้ ปรแกรม Microsoft PowerPoint ให้ผเู้ รยี นทาตามขน้ั ตอน คือ 1. คลกิ แทรก > แผนภูมิ 2. คลกิ ชนิดของแผนภูมิ แลว้ ดบั เบลิ คลกิ แผนภมู ิท่ีต้องการ 3. ในเวิร์กชตี ท่ปี รากฏขึน้ ใส่ข้อมูลทีร่ วบรวมได้ลงไป 5. ผสู้ อนให้เวลาผู้เรียนในการสรุปข้อมูลให้เรยี บร้อย โดยผูส้ อนคอยดูแลความเรียบร้อยและคอยให้ คาแนะนาเพม่ิ เตมิ ชั่วโมงท่ี 3 3) ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (explanation) 1. ผูส้ อนให้ผเู้ รียนแต่ละคนออกมานาเสนอข้อมูล โดยใหเ้ วลาคนละ 3 - 5 นาที และให้ผเู้ รยี นคนอืน่ ๆ ชว่ ยกนั บอกประโยชน์จากข้อมลู ท่ีผู้เรยี นไดส้ รุปออกมาเป็นสารสนเทศ
แนวคาตอบ : เพอื่ นาไปพัฒนาปรับปรงุ พฤติกรรมของนกั เรียนทมี่ าสาย เพอ่ื นาไปประกอบการตัดสนิ ใจ เพอื่ เปน็ ความรู้ 4) ขน้ั ขยายความรู้ (elaboration) 2. เม่ือผ้เู รียนนาเสนอจนครบทุกคนแล้ว ผสู้ อนถามผู้เรียนว่า จากกจิ กรรมท่ีได้ทามาทง้ั หมด ในหนว่ ยการ เรียนรู้ที่ 2 ตัง้ แต่ กิจกรรม ออกแบบเครือ่ งมอื เก็บรวบรวมขอ้ มลู ดว้ ย Google Form กิจกรรมจดั การข้อมลู สารสนเทศดว้ ย Google Form จนมาถงึ กจิ กรรมนาเสนอ ผู้เรียนใชซ้ อฟตแ์ วร์อะไรบ้าง และผ้เู รยี นคิดว่ามีส่วน ชว่ ยอย่างไรบ้าง? 5) ขน้ั ประเมนิ (evaluation) 3. ผสู้ อนสรปุ ใหผ้ ูเ้ รียนเข้าใจว่า ซอฟตแ์ วรม์ ีสว่ นชว่ ยในการทางานให้มปี ระสทิ ธิภาพมากขึ้น สามารถใช้ ซอฟตแ์ วร์เพือ่ ช่วยในการทางาน อานวยความสะดวกในชวี ิตประจาวัน ได้มากมาย หลากหลาย ผสู้ อนแนะนาเพ่ิมเติมว่า ชุดซอฟตแ์ วรก์ ารประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ หรือ ชดุ ซอฟต์แวรอ์ อนไลน์ (online suites) คือ บรกิ ารท่ี ผใู้ ชส้ ามารถเข้าถงึ และใชง้ านชุดซอฟต์แวรผ์ า่ นทางอินเทอรเ์ นต็ โดยผ้ใู ชง้ านไม่ จาเปน็ ต้องติดตั้งซอฟต์แวรป์ ระยกุ ตไ์ ว้บนเครื่องคอมพวิ เตอรห์ รืออุปกรณส์ ่ือสารของตวั เอง เพียงแคใ่ ห้เคร่ือง คอมพิวเตอรห์ รืออุปกรณ์ ส่ือสารนนั้ เชือ่ มต่ออนิ เทอร์เน็ตไดก้ ส็ ามารถเข้าใชง้ านชุดซอฟต์แวร์ประเภทนไ้ี ด้ ตลอดเวลา อีกทง้ั สามารถ จัดเก็บข้อมูลไวบ้ นระบบ และแบ่งปันเอกสารให้กบั ผู้อน่ื ได้ ด้วยการกาหนดสทิ ธ์กิ าร เข้าถงึ เอกสารไดต้ ามความตอ้ งการโดยผ่านแอปพลิเคชัน่ ซอฟต์แวร์ประยกุ ตล์ ักษณะนี้เรียกอกี อย่างหนึ่งว่า เว็บ เบสแอพพลิเคชัน (web based application) ได้แก่ Google Docs และ Microsoft Office Web Apps 4. ผู้สอนเปดิ โอกาสให้ผเู้ รียนสอบถามเพ่ิมเตมิ 9. ส่อื การเรยี นรู้ 1. ใบงานท่ี 2.5 ซอฟต์แวร์ 2. กิจกรรม นาเสนอ 0 3. 10. การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรม จาก แบบประเมนิ พฤตกิ รรม คณุ ภาพอยใู่ นระดับ ดี ผ่าน กจิ กรรมนาเสนอ รายบุคคล เกณฑ์ ตรวจผลงาน จากกิจกรรม แบบประเมินผลงาน คณุ ภาพอยใู่ นระดับ ดี ผา่ น นาเสนอ เกณฑ์
11. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารโรงเรียนหรือผ้ทู ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… ลงชือ่ ........................................................... (นายอินทร มน่ั อา่ ว) ผอู้ านวยการโรงเรียนบ้านแม่แลบ 12. บันทักหลังสอน วันที่……………….…. เดือน……………………………………….……พ.ศ ………….. ผลการสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหา/อุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… .……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… …….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ ………………………..…………………… ผู้สอน ( นายอรรถพล เกษมจิตร )
ภาคผนวก
แนวขอ้ สอบวิทยาการคานวณ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ****************************************************** 1.ข้อใดคอื รปู แบบของการระบขุ ้อมลู ออก ก. การพจิ ารณาขอ้ มูลและเงือ่ นไขทีก่ าหนดมาในปัญหา ข. การพิจารณาเปา้ หมายหรือสิ่งท่ีต้องการหาคาตอบ ค. การพจิ ารณาขัน้ ตอนวิธีการได้มาซ่งึ คาตอบหรอื ข้อมูลออก ง. ไมม่ ขี อ้ ใดถกู 2. อัลกอริทึม (Algorithm) หมายถึงอะไร ก. การจาลองความคดิ เพื่อวางแผนข้ันตอนในการแกป้ ญั หาทางคอมพวิ เตอร์ ข. กระบวนการใชภ้ าษาคอมพิวเตอรเ์ พือ่ กาหนดโครงสรา้ งของข้อมลู ค. ลกั ษณะของปัญหา ความถนัดของผเู้ ขียนโปรแกรม ง. โครงสร้างแสดงขั้นตอนการทางานท่เี ป็นไปตามลาดับกอ่ นหลงั 3. ขอ้ ใดคอื ข้ันตอนของการวางแผน ก.นกั เรียนทาการบ้านเสร็จแลว้ ข.นักเรยี นลงมือทาการบา้ นทีโ่ รงเรยี น ค.นกั เรยี นโดนครทู าโทษ ง.นักเรยี นจะไปทาการบ้านทโี่ รงเรยี น 4. ข้อใดอธบิ ายความหมายของผังงานไดถ้ กู ตอ้ ง ก. แผนภูมแิ สดงการเปรยี บเทยี บการทางานโปรแกรม ข. แผนภาพแสดงการทางานของระบบหรอื โปรแกรม ค. แผนงานแสดงลาดับขัน้ ตอนของระบบงานคอมพวิ เตอร์ ง. แผนผงั แสดงการทางานภายในระบบคอมพิวเตอร์ 5. ขอ้ ใดไม่ใชร่ ปู แบบของผังงาน ก. รูปแบบเรยี งลาดับ ข รูปแบบเง่อื นไข ค. รปู แบบวนรอบ ง. รปู แบบข้นั บนั ได 6. อาชญากรรมคอมพิวเตอรท์ ีเ่ ป็นการขโมยข้อมูลมีลกั ษณะอย่างไร ก. ขโมยขอ้ มูลจากร้านสะดวกซ้อื ข. ขโมยข้อมลู จากห้างสรรพสินค้า ค. ขโมยข้อมลู จากธนาคาร ง. ขโมยขอ้ มูลจากผู้ใช้งานอินเทอร์เนต็
7. นักเรยี นมีบทบาทอย่างไรในการมีสว่ นร่วมทีจ่ ะส่งเสริมใหค้ นท่วั ไปใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ อย่างมีมารยาท ก. ใช้คอมพิวเตอรท์ าร้าย หรอื ละเมิดผู้อน่ื ข. ปฏบิ ัติตนเปน็ ตวั อย่างท่ดี ี เคารพกฎระเบยี บ ค. สอดแนม แก้ไข หรอื เปดิ ดูแฟม้ ข้อมลู ของผอู้ นื่ ง. ใชค้ อมพวิ เตอรร์ บกวนการทางานของผอู้ น่ื 8. ภาษาซใี ชต้ ัวแปลภาษาชนดิ ใดในการแปลคาส่ัง ก. แสดงผลหน้าจอ ข. การประมวลผล ค. การเปรียบเทียบ ง. รบั ขอ้ มูลนาเขา้ จากคียบ์ อร์ด 9. ถ้าตอ้ งการนาเครือ่ งคอมพวิ เตอรม์ าช่วยในการคานวณหาค่าของพนื้ ทีส่ ามเหลย่ี ม ข้อมลู ทีต่ ้องส่งเพอื่ เปน็ ขอ้ มูลเข้าเคร่ืองคอมพวิ เตอร์เพอื่ ใชแ้ กไ้ ขปญั หา คือขอ้ มูลในขอ้ ใด ก. ความยาวฐานและความสงู ข. พน้ื ที่สามเหลีย่ มและความสงู ค. พืน้ ที่สามเหลี่ยมและความยาวฐาน ง. พน้ื ทสี่ ามเหล่ียมความยาวฐานและความสูง 10. ข้อใดเรยี งลาดับข้นั ตอนการเขียนโปรแกรมได้ถกู ตอ้ ง ก. เขียนโปรแกรม > เขียนผังงานและซโู ดโคด้ > ทดสอบโปรแกรม > วเิ คราะหป์ ัญหา ข. เขียนโปรแกรม > ทดสอบโปรแกรม > วเิ คราะห์ปัญหา > เขียนผังงานและซูโดโคด้ ค. วเิ คราะหป์ ญั หา > เขยี นผังงานและซโู ดโคด้ > เขยี นโปรแกรม > ทดสอบโปรแกรม ง. วิเคราะห์ปัญหา > เขียนโปรแกรม > เขยี นผงั งานและซโู ดโคด้ > ทดสอบโปรแกรม
เฉลย แนวขอ้ สอบวิทยาการคานวณ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ****************************************************** ขอ้ เฉลย 1ข 2ก 3ง 4ข 5ง 6ง 7ข 8ง 9ก 10 ก
ใบงานท่ี 1.1 เทคโนโลยีสารสนเทศ คาํ ชี้แจง : ให้นกั เรยี นตอบคาํ ถามที่กําหนดให้ถกู ต้อง 1.เทคโนโลยสี ารสนเทศหมายถงึ อะไร .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 2.เทคโนโลยสี ารสนเทศใช้จัดการสารสนเทศได้อย่างไร .................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 3.เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์มีประโยชน์ตอ่ การจัดการสารสนเทศอย่างไร .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 4.เทคโนโลยีส่อื สารโทรคมนาคมมปี ระโยชนอ์ ยา่ งไร .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 5.นักเรยี นคิดวา่ เทคโนโลยีสารสนเทศท่ีไม่สอดคลอ้ งกับความต้องการของผ้ใู ช้จะเป็น อย่างไร จงอธิบาย .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ...
ใบงานท่ี 1.2 เทคโนโลยีในฝนั คาชี้แจง : ให้นกั เรยี นออกแบบเทคโนโลยีทช่ี ว่ ยแกป้ ัญหาในชีวิตประจาวนั ชือ่ ผลงาน…………………………………………………………………………………………………………………………………………….…... วธิ กี ารใชง้ าน…………………………………………………………………………………………………….……………………………………… ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. แนวคดิ …………………………………………………………………………….………………………………………………………………………. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ชว่ ยแก้ปัญหาในชวี ิตประจาวนั อย่างไร……………………………………………………………………..……………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………..
ใบงานที่ 1.3 รปู แบบของภยั คุกคาม คาช้แี จง : ใหน้ กั เรียนสรุปเกีย่ วกับภัยคุกคามรูปแบบต่างๆ ภยั คกุ คามแกร่ ะบบ ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ภัยคุกคามความเปน็ สว่ นตวั ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ภัยคุกคามตอ่ ผ้ใู ช้และระบบ ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ภัยคกุ คามที่ไม่มเี ป้าหมาย ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ภยั คกุ คามทส่ี รา้ งความราคาญ ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………..
ใบงานที่ 1.4 เรอื่ งประโยชนส์ ญั ญาอนุญาต คาช้ีแจง : เขียนประโยชน์ เก่ียวกบั การใช้ Creative Common ใหไ้ ดม้ ากท่สี ดุ ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………..
ใบงานท่ี 2.1 ประเภทของข้อมลู คาชี้แจง : ให้นักเรยี นยกตัวอย่างขอ้ มูลปฐมภูมิ และขอ้ มลู ทุติยภูมิ ตัวอยา่ งข้อมูลปฐมภูมิ ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ตัวอย่างข้อมูลทุติยภมู ิ ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………..……………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………..
ใบงานที่ 2.2 รวบรวมขอ้ มลู คาชแ้ี จง : ให้นักเรยี นคิดหวั ข้อที่อยากรูเ้ กี่ยวกบั พฤติกรรมของนักเรยี นในห้องเรยี น ในระดบั ชนั้ หรือใน โรงเรียน หัวขอ้ พฤติกรรมของนักเรียนท่ตี อ้ งการจะศกึ ษา ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. วิธีการรวบรวมข้อมูล ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. เครือ่ งมอื ทจี่ ะใชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมูล ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………..
ใบงานท่ี 2.3 สารสนเทศ คาช้ีแจง : ให้นกั เรียนหาข้อมลู เก่ยี วกบั องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ ฮาร์ดแวร์ ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ซอฟต์แวร์ ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ขอ้ มลู และสารสนเทศ ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ขอ้ มลู และสารสนเทศ ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. กระบวนการทางาน ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………..
ใบงานท่ี 2.4 องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ คาชี้แจง : ให้ผู้เรียนเปรียบเทียบ องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ กับขอ้ มลู ทผ่ี ู้เรียนได้เลือกทาจากใบงานท่ี 2.2 องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ ข้อมลู ท่ผี ู้เรียนได้เลอื กทาจากใบงานที่ 2.2 ฮารด์ แวร์ ซอฟตแ์ วร์ ข้อมลู และสารสนเทศ บคุ ลากร กระบวนการทางาน
ใบงานท่ี 2.5 ซอฟตแ์ วร์ คาชี้แจง : ให้นักเรยี นเปดิ คลปิ จากลงิ ค์ และสรปุ ความรู้ท่ไี ด้จากการดูคลิป ซอฟต์แวร์ คืออะไร (Software) ลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=ZMecamshW7M ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………..
ใบงานที่ 3.1 แนวคิดเชงิ คานวณ คาช้แี จง : ให้นักเรียนยกตัวอยา่ งปญั หาทเ่ี จอในชีวติ ประจาวนั และนามาเขียนแสดง วธิ ีการแกป้ ัญหา ตาม ขั้นตอนการแกป้ ัญหาแบบแนวคดิ เชงิ นามธรรม แนวคดิ เชิงคานวณ ปญั หาท่เี จอในชีวิตประจาวนั 1. พจิ ารณาข้อมูลทัง้ หมดท่ีได้ 2. คัดเลอื กขอ้ มูลท่ีจาเป็นต่อการแก้ปญั หาออกจาก ขอ้ มูลทีไ่ ม่จาเปน็ 3. นาข้อมูลทจ่ี าเป็น ไปแกไ้ ขปัญหา
ใบงานท่ี 3.2 อัลกอริทมึ คาช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นวาดภาพแสดงข้นั ตอนการปลกู ต้นไม้ ข้ันตอนการปลกู ต้นไม้
ใบงานที่ 3.3 การเขยี นอลั กอรทิ ึมด้วยภาษาธรรมชาติ คาชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นเขยี นอลั กอริทมึ ด้วยภาษาธรรมชาติ อธิบายขัน้ ตอนการเขยี นคาสง่ั เกม Crossy Road ตามความเข้าใจของนกั เรยี น เขา้ เลน่ เกมจากลิงค์ https://poki.com/th/g/crossy-road วธิ กี ารเลน่ คือ การพาตัวละครข้ามถนนไปใหไ้ ดไ้ กลที่สุด อธิบายขน้ั ตอนการเขยี นคาส่งั เกม Crossy Road
ใบงานท่ี 3.4 การเขยี นอลั กอรทิ ึมดว้ ยรหสั จาลอง คาชี้แจง : ให้นักเรียนนา ใบงานที่ 3.3 การเขียนอัลกอริทึมด้วยภาษาธรรมชาติ มาเขยี นเปน็ อลั กอริทึมดว้ ย รหสั จาลอง ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………..
ใบงานที่ 3.5 การเขยี นอลั กอริทึมด้วยผังงาน คาชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นอธบิ ายเก่ียวกบั โครงสรา้ งของผังงานท้ัง 3 รปู แบบ 1. โครงสร้างแบบเปน็ ลาดับ (sequence structure) ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. 2. โครงสรา้ งแบบมกี ารเลือก (selection structure ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. 3.โครงสรา้ งแบบทาซา้ (iteration structure) ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………..
4.1 กาหนดปญั หา/วเิ คราะหป์ ญั หา คาช้ีแจง : ให้นักเรยี นหาขอ้ มลู เกยี่ วกบั Body Mass Index (BMI) แล้วนามาวเิ คราะห์ปัญหา เพือ่ นามาใช้ เขียนโปรแกรมสาหรับคานวณหาดัชนมี วลกาย ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………..
Search