• การใชแ้ นวทางการพฒั นาประเทศไปสู่ความทนั สมยั ไดก้ ่อใหเ้ กิดการ เปลี่ยนแปลงแก่สงั คมไทยอยา่ งมากในทุกดา้ น ไม่วา่ จะเป็นดา้ นเศรษฐกิจ การเมือง วฒั นธรรม สังคมและสิ่งแวดลอ้ ม อีกท้งั กระบวนการของความเปลี่ยนแปลงมี ความสลบั ซบั ซอ้ นจนยากท่ีจะอธิบายใน เชิงสาเหตุและผลลพั ธ์ได้ เพราะการ เปลี่ยนแปลงท้งั หมดตา่ งเป็นปัจจยั เช่ือมโยงซ่ึงกนั และกนั• ผลของการพฒั นาในดา้ นบวกน้นั ไดแ้ ก่ การเพ่มิ ข้ึนของอตั ราการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจ ความเจริญทางวตั ถุ และสาธารณูปโภคตา่ งๆ ระบบสื่อสารที่ทนั สมยั หรือการขยายปริมาณและกระจายการศึกษาอยา่ งทวั่ ถึงมากข้ึน• แต่ผลดา้ นบวกเหล่าน้ีส่วนใหญ่กระจายไปถึงคนในชนบท หรือผดู้ อ้ ยโอกาสใน สังคมนอ้ ย แตว่ า่ กระบวนการเปลี่ยนแปลงของสังคมไดเ้ กิดผลลบติดตามมาดว้ ย เช่น การขยายตวั ของรัฐเขา้ ไปในชนบท ไดส้ ่งผลใหช้ นบทเกิดความออ่ นแอใน หลายดา้ น
• การพฒั นาประเทศจาเป็นตอ้ งทาตามลาดบั ข้นั ตอ้ งสร้างพ้ืนฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใชข้ อง ประชาชนส่วนใหญเ่ บ้ืองตน้ ก่อน โดยใชว้ ธิ ีการและอุปกรณ์ท่ีประหยดั แต่ถูกตอ้ งตามหลกั วชิ าการ เม่ือไดพ้ ้นื ฐานความมนั่ คงพร้อมพอสมควร และปฏิบตั ิไดแ้ ลว้ จึงค่อยสร้างค่อยเสริม ความเจริญ และฐานะทางเศรษฐกิจข้นั ที่สูงข้ึนโดยลาดบั ต่อไป.• ‘’เศรษฐกิจพอเพยี ง‛ เป็นแนวพระราชดาริในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ท่ีพระราชทานมา นานกวา่ ๓๐ ปี เป็นแนวคิดท่ีต้งั อยบู่ นรากฐานของวฒั นธรรมไทย เป็นแนวทางการพฒั นาที่ต้งั บนพ้นื ฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท คานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภมู ิคุม้ กนั ในตวั เอง ตลอดจนใชค้ วามรู้และคุณธรรม เป็นพ้นื ฐานในการดารงชีวติ ที่ สาคญั จะตอ้ งมี ‚สติ ปัญญา และความเพียร‛ ซ่ึงจะนาไปสู่ ‚ความสุข‛ ในการดาเนินชีวติ อยา่ ง แทจ้ ริง
พอประมาณมีเหตุผล มีภมู ิคุ้มกัน ในตัวท่ดี ี ความรอบรู้ คุณธรรมรอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง ซ่ือสัตย์สุจริต ขยนั อดทน สตปิ ัญญา แบ่งปัน นาไปสู่เศรษกจิ /สังคม/ส่งิ แวดล้อม/วฒั นธรรมสมดลุ /พร้อมรับต่อการเปล่ียนแปลง
๑. เง่ือนไขความรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรู้เก่ียวกบั วชิ าการต่างๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งรอบดา้ น ความรอบคอบท่ีจะนาความรู้เหล่าน้นั มาพิจารณาใหเ้ ช่ือมโยงกนั เพือ่ประกอบการวางแผนและความระมดั ระวงั ในการปฏิบตั ิ ๒. เง่ือนไขคุณธรรม ที่จะตอ้ งเสริมสร้าง ประกอบดว้ ย มีความตระหนกั ในคุณธรรม มีความซื่อสัตยส์ ุจริตและมีความอดทน มีความเพยี ร ใชส้ ติปัญญาในการดาเนินชีวิต
• เศรษฐกิจพอเพียง มุ่งเนน้ ใหผ้ ผู้ ลิต หรือผบู้ ริโภค พยายามเร่ิมตน้ ผลิต หรือบริโภคภายใตข้ อบเขต ขอ้ จากดั ของรายได้ หรือทรัพยากรท่ีมีอยไู่ ปก่อน ซ่ึงกค็ ือ หลกั ในการลดการพ่งึ พา เพมิ่ ขีด ความสามารถในการควบคุมการผลิตไดด้ ว้ ยตนเอง• เศรษฐกิจพอเพยี งมิใช่หมายความถึง การกระเบียดกระเสียรจนเกินสมควร หากแต่อาจฟ่ ุมเฟื อย ไดเ้ ป็นคร้ังคราวตามอตั ภาพ แต่คนส่วนใหญข่ องประเทศ มกั ใชจ้ ่ายเกินตวั เกินฐานะที่หามาได้• เศรษฐกิจพอเพยี ง สามารถนาไปสู่เป้ าหมายของการสร้างความมนั่ คงในทางเศรษฐกิจได้ เช่น โดยพ้ืนฐานแลว้ ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม• เศรษฐกิจพอเพยี ง สามารถประยกุ ตใ์ ชไ้ ดใ้ นทุกระดบั ทุกสาขา ทุกภาคของเศรษฐกิจ ไม่จาเป็น จะตอ้ งจากดั เฉพาะแต่ภาคการเกษตร หรือภาคชนบท แมแ้ ต่ภาคการเงิน ภาคอสงั หาริมทรัพย์ และการคา้ การลงทุนระหวา่ งประเทศ
• ทฤษฎีใหม่ คือ ตวั อยา่ งที่เป็นรูปธรรมของ การประยกุ ตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจพอเพียงท่ี เด่นชดั ท่ีสุด ซ่ึงพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานพระราชดาริน้ี เพ่อื เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรท่ีมกั ประสบปัญหาท้งั ภยั ธรรมชาติและปัจจยั ภาย นอก ที่มีผลกระทบตอ่ การทาการเกษตร ใหส้ ามารถผา่ นพน้ ช่วงเวลาวิกฤต โดยเฉพาะ การขาดแคลนน้าไดโ้ ดยไม่เดือดร้อนและยากลาบากนกั
๑. ความเสี่ยงดา้ นราคาสินคา้ เกษตร๒. ความเส่ียงในราคาและการพ่ึงพาปัจจยั การผลิตสมยั ใหม่จากต่างประเทศ๓. ความเส่ียงดา้ นน้า ฝนทิ้งช่วง ฝนแลง้๔. ภยั ธรรมชาติอื่นๆ และโรคระบาด๕. ความเสี่ยงดา้ นแบบแผนการผลิต - ความเสี่ยงดา้ นโรคและศตั รูพชื - ความเส่ียงดา้ นการขาดแคลนแรงงาน - ความเสี่ยงดา้ นหน้ีสินและการสูญเสียที่ดิน
๑. มีการบริหารและจดั แบง่ ท่ีดนิ แปลงเลก็ ออกเป็นสดั สว่ นที่ชดั เจน เพ่ือประโยชน์สงู สดุ ของเกษตรกร ซงึ่ ไมเ่ คยมีใครคิดมาก่อน ๒. มีการคานวณโดยใช้หลกั วิชาการเก่ียวกบั ปริมาณนา้ ที่จะกกั เก็บให้พอเพียงตอ่ การเพาะปลกู ได้อยา่ งเหมาะสมตลอดปี ๓. มีการวางแผนที่สมบรู ณ์แบบสาหรับเกษตรกรรายยอ่ ย โดยมีถงึ ๓ ขนั้ ตอน -ทฤษฎีใหม่ข้นั ตน้ -ทฤษฎีใหม่ข้นั ที่สอง -ทฤษฎีใหม่ข้นั ท่ีสาม
ให้แบง่ พืน้ ท่ีออกเป็น ๔ สว่ น ตามอตั ราสว่ น ๓๐:๓๐:๓๐:๑๐ ซง่ึ หมายถงึ - พืน้ ที่สว่ นที่หนป่ึ ระมาณ ๓๐% ให้ขดุ สระเกบ็ กกั นา้ เพื่อใช้เก็บกกั นา้ ฝนในฤดูฝน และใช้เสริมการปลกู พืชในฤดแู ล้ง ตลอดจนการเลยี ้ งสตั ว์และพืชนา้ ตา่ งๆ - พืน้ ท่ีสว่ นท่ีสอง ประมาณ ๓๐% ให้ปลกู ข้าวในฤดฝู นเพ่ือใช้เป็นอาหารประจาวนั สาหรับครอบครัวให้เพียงพอตลอด ปี เพอื่ ตดั คา่ ใช้จ่ายและสามารถพงึ่ ตนเองได้ - พืน้ ที่สว่ นท่ีสาม ประมาณ ๓๐% ให้ปลกู ไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผกั พืชไร่ พืชสมนุ ไพร ฯลฯ เพื่อใช้เป็นอาหารประจาวนั หากเหลอื บริโภคกน็ าไปจาหน่าย - พืน้ ท่ีสว่ นที่ส่ี ประมาณ ๑๐% เป็นที่อยอู่ าศยั เลยี ้ งสตั ว์ ถนนหนทาง และโรงเรือนอ่นื ๆ
เมอื่ เกษตรกรเข้าใจในหลกั การและได้ปฏบิ ตั ิในท่ดี นิ ของตนจนได้ผลแล้ว ก็ต้องเร่ิมขนั้ท่ีสอง คอื ให้เกษตรกรรวมพลงั กนั ในรูป กลมุ่ หรือ สหกรณ์ ร่วมแรงร่วมใจกนั ดาเนินการในด้าน (๑) การผลติ (พนั ธ์พุ ืช เตรียมดิน ชลประทาน ฯลฯ) (๒) การตลาด (ลานตากข้าว ย้งุ เคร่ืองสีข้าว การจาหน่ายผลผลิต) (๓) การเป็นอยู่ (กะปิ นา้ ปลา อาหาร เครื่องน่งุ หม่ ฯลฯ) (๔) สวสั ดกิ าร (สาธารณสขุ เงินก้)ู (๕) การศกึ ษา (โรงเรียน ทนุ การศกึ ษา) (๖) สงั คมและศาสนา - ชมุ ชนควรเป็นทรี่ วมในการพฒั นาสงั คมและจิตใจ โดยมีศาสนาเป็นที่ยดึ เหนี่ยวโดยกิจกรรมทงั้ หมดดงั กลา่ วข้างต้น จะต้องได้รับความร่วมมือจากทกุ ฝ่ ายทเ่ี กี่ยวข้อง ไมว่ า่สว่ นราชการ องค์กรเอกชน ตลอดจนสมาชิกในชมุ ชนนนั้ เป็นสาคญั
เมื่อดาเนินการผา่ นพ้นขนั้ ที่สองแล้ว เกษตรกร หรือกลมุ่ เกษตรกรกค็ วรพฒั นาก้าวหน้าไปสขู่ นั้ ท่ีสามตอ่ ไป คือติดตอ่ ประสานงาน เพ่ือจดั หาทนุ หรือแหลง่ เงิน - เกษตรกรขายข้าวได้ราคาสงู (ไมถ่ กู กดราคา) - ธนาคารหรือบริษัทเอกชนสามารถซือ้ ข้าวบริโภคในราคาต่า (ซือ้ ข้าวเปลอื กตรงจากเกษตรกรและมาสเี อง) - เกษตรกรซือ้ เคร่ืองอปุ โภคบริโภคได้ในราคาต่า เพราะรวมกนั ซือ้ เป็นจานวนมาก (เป็นร้านสหกรณ์ราคาขายสง่ ) - ธนาคารหรือบริษัทเอกชน จะสามารถกระจายบคุ ลากร เพ่ือไปดาเนินการในกิจกรรมตา่ งๆ ให้เกิดผลดียิ่งขนึ ้
๑. เป็นระบบการผลติ แบบเศรษฐกิจพอเพียงที่เกษตรกรสามารถเลีย้ งตวั เองได้ในระดบั ท่ีประหยดั ก่อน ทงั้ นี ้ชมุ ชนต้องมีความสามคั คี ร่วมมือร่วมใจในการชว่ ยเหลือซงึ่ กนั และกนั ทานองเดียวกบั การ “ลงแขก” แบบดงั้ เดิมเพ่ือลดค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานด้วย ๒. เนื่องจากข้าวเป็นปัจจยั หลกั ท่ีทกุ ครัวเรือนจะต้องบริโภค ดงั นนั้ จงึประมาณวา่ ครอบครัวหนงึ่ ทานาประมาณ ๕ ไร่ จะทาให้มีข้าวพอกนิ ตลอดปี โดยไม่ต้องซือ้ หาในราคาแพง เพื่อยดึ หลกั พง่ึ ตนเองได้อยา่ งมีอสิ รภาพ ๓. ต้องมีนา้ เพื่อการเพาะปลกู สารองไว้ใช้ในฤดแู ล้ง หรือระยะฝนทิง้ ช่วงได้อยา่ งพอเพยี ง ดงั นนั้ จงึ จาเป็นต้องกนั ท่ีดินสว่ นหนงึ่ ไว้ขดุ สระนา้ โดยมีหลกั วา่ ต้องมีนา้ เพียงพอท่ีจะเพาะปลกู ได้ตลอดปี
๔. การจดั แบง่ แปลงที่ดินเพื่อให้เกิดประโยชน์สงู สดุ นี ้พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ทรงคานวณและคานงึ จากอตั ราการถือครองที่ดนิ ถวั เฉล่ียครัวเรือนละ ๑๕ไร่ อยา่ งไรก็ตาม หากเกษตรกรมีพืน้ ที่ถือครองน้อยกว่านี ้หรือมากกว่านี ้กส็ ามารถใช้อตั ราสว่ น ๓๐:๓๐:๓๐:๑๐ เป็นเกณฑ์ปรับใช้ได้
อยา่ งไรก็ตาม อตั ราสว่ นดงั กลา่ วเป็นสตู ร หรือหลกั การโดยประมาณเทา่ นนั้สามารถปรับปรุงเปลย่ี นแปลงได้ตามความเหมาะสม โดยขนึ ้ อยกู่ บั สภาพของพืน้ ท่ีดนิ ปริมาณนา้ ฝน และสภาพแวดล้อม เชน่ ในกรณีภาคใต้ท่ีมีฝนตกชกุหรือพืน้ ท่ีที่มีแหลง่ นา้ มาเตมิ สระได้ตอ่ เน่ือง ก็อาจลดขนาดของบอ่ หรือสระเกบ็ นา้ ให้เลก็ ลง เพื่อเกบ็ พืน้ ที่ไว้ใช้ประโยชน์อื่นตอ่ ไปได้ ๕. การดาเนินการตามทฤษฎีใหม่ มีปัจจยั ประกอบหลายประการขนึ ้ อยกู่ บั สภาพภมู ิประเทศ สภาพแวดล้อมของแตล่ ะท้องถิ่น ดงั นนั้ เกษตรกรควรขอรับคาแนะนาจากเจ้าหน้าที่ด้วย และทีส่ าคญั คือ ราคาการลงทนุคอ่ นข้างสงู โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ การขดุ สระนา้ เกษตรกรจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากสว่ นราชการ มลู นิธิ และเอกชน
๖. ในระหวา่ งการขดุ สระนา้ จะมีดินที่ถกู ขดุ ขนึ ้ มาจานวนมาก หน้าดนิ ซง่ึ เป็นดินดี ควรนาไปกองไว้ตา่ งหากเพื่อนามาใช้ประโยชน์ในการปลกู พืชตา่ งๆ ในภายหลงัโดยนามาเกลี่ยคลมุ ดนิ ชนั้ ลา่ งที่เป็นดินไมด่ ี หรืออาจนามาถมทาขอบสระนา้ หรือยกร่องสาหรับปลกู ไม้ผลก็จะได้ประโยชน์อีกทางหนง่ึ
๑. ใหป้ ระชาชนพออยพู่ อกินสมควรแก่อตั ภาพในระดบั ท่ีประหยดั ไม่อดอยากและเล้ียงตนเองไดต้ ามหลกั ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพยี ง” ๒. ในหนา้ แลง้ มีน้านอ้ ย กส็ ามารถเอาน้าที่เกบ็ ไวใ้ นสระมาปลูกพืชผกั ต่างๆ ท่ีใชน้ ้านอ้ ยได้ โดยไม่ตอ้ งเบียดเบียนชลประทาน ๓. ในปี ที่ฝนตกตามฤดูกาลโดยมีน้าดีตลอดปี ทฤษฎีใหม่น้ีสามารถสร้างรายได้ใหแ้ ก่เกษตรกรไดโ้ ดยไม่เดือดร้อนในเรื่องคา่ ใชจ้ ่ายตา่ งๆ ๔. ในกรณีที่เกิดอุทกภยั เกษตรกรสามารถท่ีจะฟ้ื นตวั และช่วยตวั เองไดใ้ นระดบัหน่ึง โดยทางราชการไม่ตอ้ งช่วยเหลือมากนกั ซ่ึงเป็นการประหยดั งบประมาณดว้ ย
เศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็ นเสมือนรากฐานของชีวติ รากฐานความมน่ั คงของแผ่นดนิ เปรียบเสมอนเสาเขม็ ทต่ี อกไว้รองรับบ้านเรือนตวั อาคารไว้น่ันเอง สิ่งก่อสร้างจะมน่ั คงได้กอ็ ยู่ที่เสาเขม็ แต่ส่วนมากมองไม่เห็นเสาเขม็และลมื เสาเขม็ เสียไปด้วยซ้า
ขอบคุณครับ / ค่ะ
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: