กฎหมายอาญาลกั ษณะ ความผิดเกย่ี วกับความสงบสุขของประชาชน
คํานํา หนังสือเลมนี้จัดทําขึ้นเพื่อเปนสวนหนึ่งของวิชา 0801221 กฎหมายอาญา 2 ภาคความผิด เพื่อใหไ ดศ ึกษาหาความรูในเรื่องกฎหมายอาญาลักษณะความผิดเกี่ยวกับ ความสงบสขุ ของประชาชนและไดศึกษาอยางเขาใจเพ่ือเปนประโยชนก บั การเรยี น ผูจัดทําหวังวา หนังสือเลมนี้จะเปนประโยชนกับผูอาน ที่กําลังหาขอมูลเรื่องน้ี อยู หากมีขอแนะนําหรือขอผิดพลาดประการใด ผูจัดทําขอนอมรับไวและขออภัยมา ณ ทน่ี ีด้ วย นางสาวศริ ลิ ักษณ ทองพนงั ผจู ัดทํา
สารบัญ 1 6 ความผิดเก่ยี วกับความสงบสขุ ของประชาชน 12 บทท่ี 1 ความผดิ ฐานเปน อ้งั ยี่ 14 บทที่ 2 ความผดิ ฐานเปน ซอ งโจร 17 บทที่ 3 การรวมประชุมกบั องั้ ย่หี รอื ซอ งโจร 19 บทที่ 4 ความผิดฐานชวยเหลือพวกอง้ั ย่หี รอื ซองโจร 20 บทท่ี 5 ความรับผิดในการกระทําของสมาชิกอัง้ ยี่ หรอื พรรคพวกซองโจร 23 บทท่ี 6 ความผิดฐานชวยเหลือผกู ระทาํ ความผิด 25 บทที่ 7 ความผดิ ฐานกอความวุนวาย บทท่ี 8 ความผิดฐานไมยอมเลิกม่ัวสุมเมอื่ เจาพนกั งานสง่ั ใหเ ลิก บรรณานกุ รม
ความผดิ เก่ยี วกับความสงบสุขของประชาชน 1. ความผิดฐานเปน อั้งย่ี มาตรา ๒๐๙ “ ผูใดเปนสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปดวิธีดําเนินการและมี ความมุงหมายเพื่อการอันมิชอบดวยกฎหมาย ผูนั้นกระทําความผิดฐานเปนอั้งยี่ ตอง ระวางโทษจาํ คุกไมเกนิ เจด็ ป และปรบั ไมเ กนิ หนงึ่ แสนส่หี มื่นบาท ” องคประกอบภายนอก (1) เปน สมาชิกของคณะบคุ คล (2) ปกปดวิธกี ารดาํ เนนิ การ (4) มคี วามมุง หมายเพ่ือการอนั มิชอบดว ยกฎหมาย องคป ระกอบภายใน เจตนาธรรมดา วรรคสอง เปนเหตุเพิ่มโทษ ถาผูกระทําความผิดเปนหัวหนา ผูจัดการหรือผูมี ตําแหนงหนาท่ใี นคณะบคุ คลนน้ั การเปนอั้งยี่ หมายถึง การเขาเปนสมาชิกของคณะบุคคล ซึ่งปกปดวิธีดําเนินการ และมีความมุงหมายเพื่อการอันมิชอบดวยกฎหมาย เชน รวมกลุมกันเพื่อใหพรรคพวกเที่ยว เรี่ยไรเก็บเงิน \"คําคุมครอง\" หรือ \"รับจางทวงหนี้\" ใครไมจายก็ทํารายหรือทําลายทรัพยสิน พรรดพวกในคณะบุคคลเที่ยววิวาททํารายผูอื่น แสดงวามีความมุงหมายที่ผิดกฎหมายเปน อั้งยีไ่ ด รว มกันเปด บอ นการพนันโดยเอาชื่อบรษิ ทั สาํ นกั งานทนายความมาบังหนา ยอมถือได วาจําเลยกับพวกเปนสมาชิกคณะบุดคลซึ่งปกปองวิธีดําเนินการเปนอั้งยี่ เรียกเก็บเงินคาวิน จกั รยานยนตร บั จา งเปนรายเดือน ถา ใครไมใหระวังตัวใหดี หามบอกเจาหนาที่เปนการขูเข็ญ เอาประโยชน โดยทําใหกลัววาจะเกิดอันตรายตอชีวิตรางกาย เปนกรรโซกนาจะเปนอั้งยี่ได เพราะเรียกเก็บเปนรายเดือนตองมีลักษณะเปนองคการ โดยอาจมีการกําหนดตําแหนง หนาที่ หัวหนา ผูจัดการ เลขาฯ ฝายหาเงินหรือฝายทะเบียน เชน เปนสมาชิกกองกําลังติด อาวุธกอการรายขบวนการพี อาร เอ็น เรียกคาคุมครอง โจมตีเจาหนาที่ของรัฐ เขาเปน สมาชิกขบวนการกชู าตริ ัฐปตตานี ซ่ึงมพี ฤตกิ ารณกระทาํ ความผดิ
เกี่ยวกับการแบงแยกดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใตโดยสรางสถานการณกอเหตุลอบวาง ระเบิด ซุมโจมตีเจาหนาที่ของรัฐอันเปนคณะบุคคลซึ่งปกปดวิธีดําเนินการและมีความมุง หมายเพือ่ การอนั มชิ อบดว ยกฎหมาย จาํ เลยทั้งสี่จึงมีความผิดฐานรวมกันเปนอั้งยี่ ตาม ป.อ. มาตรา ๒๐๙ วรรดหนึ่ง ประกอบมาตรา 83' เป็นตนั ซ่ึงผูท้ ่ีมีตาํ แหน่งหนา้ ท่ีดงั กล่าว จะตอ้ งรบั โทษหนกั กวา่ ผทู้ ่ีเป็นเพียงสมาชิกธรรมดา ๆ ความผิดฐานนีเ้ ป็นกรรมเดียวและ ความผิดตลอดเวลาท่ีเป็นสมาชิกหรอื มีตาํ แหน่งหนา้ ท่ีอยู่ ผเู้ ขา้ รว่ มจะตอ้ งมีเจตนาและรูข้ อ้ เท็จจรงิ ว่าคณะบคุ คลดงั กล่าวมีความม่งุ หมาย เพ่ือการอันมิชอบดวยกฎหมายความผิดฐานเปนอั้งยี่หรือชองโจรนี้เปนหนึ่งในการกระทําที่ แสดงถึงการเริ่มดันความผิดทํานองเดียวกับการพยายามหรือการตระเตรียมการ ผูใช ผูสนับสนุน เมื่อกฎหมายประสงคจะปองกันความผิดที่จะเกิดตามมา จึงไดบัญญัติเปน ความผิด ความผิดเหลานี้จึงมีพยายามไมไดเพราะมีขึ้นกอนการตระเตรียมหรือการพยายาม เสียอีก ความผิดสําเร็จทันทีเมื่อไดเขามาเปนสมาชิกของคณะบุคคลที่ปกปตวิธีดําเนินการ และมีความมุงหมายเพื่อการอันมิชอบตัวยกฎหมาย โดยไมตองไปทําผิดตามความมุงหมาย น้นั เสยี กอนความผิดฐานน้เี ปน ความผดิ กรรมเดยี วตลอดเวลาท่เี ปน สมาชกิ อยู คําพิพากษาศาลฎกี าท่ี 784/2557 ความผิดฐานเปนอั้งยี่ตาม ป.อ. มาตรา 209 เปนความผิดทันทีเมื่อผูนั้นไดเขาเปน สมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปดวิธีดําเนินการและมีความมุงหมายเพื่อการอันมิชอบดวย กฎหมาย ความผิดฐานเปนซองโจรตาม ป.อ. มาตรา 210 เปนขั้นตอนการกระทําความผิดท่ี ยกระดับถึงขั้นคบคิดกันหรือตกลงกันหรือประชุมหารือกันเพื่อจะกระทําความผิด สภาพ ความผิดฐานเปนอั้งยี่และฐานเปนซองโจรจึงสามารถแยกการกระทําแตละความผิดได จึง เปน ความผดิ หลายกรรม คําพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 1176/2543 จําเลยเขา เปนสมาชิกกองกําลังติดอาวุธโจรกอการรายขบวนการ บีอารเอ็นกลุมนาย อ. มีพฤตกิ ารณก ระทาํ ความผดิ กฎหมายเกยี่ วกบั การแบงแยกดนิ แดนจงั หวดั ชายแดนภาคใต โดยเรยี กคา คุมครอง ซุมโจมตีเจาหนาที่ของรัฐอันเปนคณะบุคคลซึ่งปกปดวิธีการดําเนินการ และมีความมงุ
หมายเพื่อการอันมิชอบดวยกฎหมายจึงมีความผิดฐานอั้งยี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 วรรคหนึง่ คําพิพากษาศาลฎกี าที่ 301-303/2470 จําเลยจัดการชักชวนใหร าษฎรหลายตาํ บลสาบานตวั เขา เปนสมาชิกในสมาคมซึ่งมิได จดทะเบยี นและมีวัตถุประสงคจะปองกันการโจรกรรมในระหวางสมาชิก และคอยชวยเหลือ หาพยานเท็จ และออกเงินชวยเหลือเมื่อสมาชิกตองหาในคดีอาญา มีเครื่องหมายสมาคมรู กนั อยใู นระหวางสมาชิกเทานั้น ดังนี้ วัตถุประสงคของสมาคมไมชอบดวยกฎหมาย และการ ที่เครื่องหมายของสมาคมรูกันไดเฉพาะระหวางสมาชิกนั้น ยอมแสดงวาสมาคมนี้ปกปด วิธีดาํ เนนิ การ จาํ เลยจึงมคี วามผิดฐานเปนอั้งยี่ คาํ พิพากษาศาลฎกี าท่ี 5682/2559 การกระทาํ ความผิดฐานเปนอั้งยี่ ตาม ป.อ. มาตรา 209 เปนความผดิ สาํ เรจ็ ทนั ทีเมื่อ ผูนั้นไดเ ขา เปน สมาชกิ ของคณะบุคคลซง่ึ ปกปดวิธีดําเนินการและมีความมุงหมายเพื่อการอัน มชิ อบ ทั้งยงั เปน ความผิดตอ เน่ืองตดิ ตอกันตลอดมา ตราบใดท่ีผกู ระทําความผิดฐานเปนอั้งยี่ ยังคงเปนสมาชิกของคณะบุคคลดังกลาว เมื่อคณะบุคคลที่จําเลยทั้งเจ็ดเขารวมเปนสมาชิก ตามที่โจทกบรรยายฟองในคดีนี้ กับคณะบุคคลที่จําเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 เขารวมเปน สมาชิกตามที่โจทกบรรยายฟองในคดีกอนเปนคณะบุคคลเดียวกัน และชวงระยะเวลาที่ จําเลยทั้งเจ็ดสมัครเปนสมาชิกของคณะบุคคลดังกลาวอยูในชวงระยะเวลาเดียวกันกับ ระยะเวลาที่จําเลยที่ 1 และจําเลยที่ 3 ถึงที่ 5 สมัครเปนสมาชิกของคณะบุคคลในคดี ดังกลาว ความผิดฐานเปนอั้งยี่ที่โจทกฟองจําเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 ในคดีนี้จึงเปนฟองซํ้า หรือเปนฟองซอนกับคดีดังกลาว หากคดีดังกลาวถึงที่สุด สิทธินําคดีอาญาในความผิดฐาน เปนอั้งยี่มาฟองจําเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 เปนอันระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (4) หรือ หากคดีดังกลาวอยูระหวางพิจารณาของศาลอุทธรณภาค 9 หรือศาลฎีกา หามมิใหโจทก ฟองจําเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 ในความผิดเปนอั้งยี่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1) ประกอบ ป.ว.ิ อ. มาตรา 15 ความผิดฐานเปนซองโจรตาม ป.อ. มาตรา 210 เปนความผิดสําเร็จเมื่อมีการสมคบ กันต้ังแตห าคนขึ้นไป เพือ่ กระทําความผดิ อยา งหนง่ึ อยา งใดตามทบ่ี ทบญั ญัตไิ วใ นภาค 2 ของ ประมวล
กฎหมายอาญา ความผิดฐานเปนซองโจรจึงเปนขั้นตอนการกระทําความผิดที่ยกระดับจาก ความผิดฐานเปนอั้งยี่ โดยมีการกระทําถึงขั้นคบคิดหรือตกลงกันหรือประชุมหรือตกลงกัน เพื่อกระทําความผิด สวนความผิดฐานรวมกันกอการรายตาม ป.อ. มาตรา 135/2 (2) จะ เปนความผิดตอเมื่อผกู ระทาํ ไดสะสมกาํ ลงั พลหรอื อาวธุ จัดหาหรอื รวบรวมทรัพยสิน ใหหรือ รับการฝกการกอการราย หรือการกระทําอื่นใดตามที่บทบัญญัติไวในมาตรา 135/2 (2) อัน เปนการยกระดับจากความผิดฐานเปนอั้งยี่เชนกัน แมความผิดฐานเปนซองโจรและความผิด ฐานรวมกันกอการรายอาจเปนความผิดกรรมเดียวกันไดหากเปนการสมคบกันตั้งแตหาคน ขึ้นไป เพื่อกอการรายซึ่งเปนความผิดตามที่บัญญัติไวในภาค 2 ของประมวลกฎหมายอาญา แตว นั เวลาและสถานท่ีเกิดเหตุซง่ึ โจทกบรรยายฟองเกย่ี วกบั การกระทําความผดิ ฐานเปนซอง โจรและฐานรวมกันกอการรายในคดีนี้ตางจากวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุที่โจทกบรรยาย ฟองเกี่ยวกับการกระทําความผิดฐานเปนซองโจรและฐานรวมกันกอการรายในคดีกอน และ เจตนาในการกระทาํ ความผิดคดนี ้ีตางกับเจตนาในการกระทาํ ความผิดที่โจทกฟองในคดีกอน ฟองโจทกในความผิดฐานเปนซองโจรและฐานรวมกันกอการรายคดีนี้เปนการกระทํา ความผิดตางกรรมกันกับความผิดฐานเปนซองโจรและฐานรวมกันกอการรายในคดีกอน จึง ไมเ ปนฟอ งซอ นหรอื ฟอ งซา้ํ กบั ฟอ งในความผิดฐานเปนซองโจรและฐานรวมกันกอการรายใน คดีดงั กลา ว เมื่อการกระทําความผิดฐานเปนซองโจรในคดีนี้โจทกบรรยายฟองและนําสืบวา จาํ เลยท่ี 1 ที่ 3 ถึงท่ี 5 และท่ี 7 สมคบกนั ตั้งแตหา คนขึ้นไป เพื่อกระทําการกอการราย และ ลงมือกระทําความผิดฐานกอการรายโดยรวมกันมีวัตถุระเบิด ดังนี้ การกระทําความผิดฐาน เปนซองโจรและความผิดฐานรวมกันกอการรายในคดีนี้จึงเปนกระทําความผิดโดยมีเจตนา เดียวกันในการกระทําความผิดทั้งสองฐานดังกลาวอันถือเปนความผิดกรรมเดียวตาม ป.อ. มาตรา 90 สวนการกระทําความผิดฐานเปนอั้งยี่ และฐานเปนซองโจรเปนการกระทํา ความผิดที่ยกระดับถึงขั้นมีการสมคบกันเพื่อกระทําความผิดไมวาโดยรวมกันคบคิดหรือ วางแผนเพื่อกระทําความผิดตามที่บัญญัติไวในภาค 2 ของประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้น การกระทําความผิดฐานเปนอั้งยี่ และฐานเปนซองโจรจึงเปนการกระทําความผิดที่ผูกระทํา ความผิดมเี จตนาตา งกัน อันเปน ความผดิ หลายกรรมตา งกนั
คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าที่ 1622/2558 ความผดิ ฐานเปนอง้ั ย่ี จําเลยกระทาํ ความผิดโดยเปนสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปด วิธีดําเนินการ และมีความมุงหมายเพื่อการอันมิชอบดวยกฎหมาย สวนความผิดฐานกอการ รายนั้น จําเลยรวมกระทําความผิดดวยการสะสมกําลังพลและอาวุธ จัดหาหรือรวบรวม ทรัพยสิน ใหหรือรับการฝกการกอการราย ตระเตรียมการอื่นใดหรือสมคบกันเพื่อกอการ ราย การกระทําความผิดทั้งสองฐานดังกลาว แมจําเลยจะไดกระทําในชวงเวลาเดียวกัน แต การกระทําความผิดนั้นเปนการกระทําคนละอยางแตกตางกันและตางกรรมตางวาระกัน ทั้ง เจตนาและความมุงหมายในการเปนอั้งยี่และการกอการรายก็เปนคนละอยางตางกัน การ กระทําความผิดของจําเลยในความผิดฐานเปนอั้งยี่และกอการรายจึงเปนความผิดตา งกรรม ตางวาระกัน มใิ ชเปน การกระทาํ กรรมเดยี วเปน ความผดิ ตอกฎหมายหลายบท คําพิพากษาศาลฎกี าที่ 3447/2530 ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน มิใชกระทําโดยเฉพาะเจาะจงแกบุคคล ใดเปน สวนตัว รฐั เทานัน้ เปน ผเู สยี หายโดยตรง พระราชกําหนดการกูยืมเงินที่เปนการฉอโกงประชาชน เปนบทบัญญัติที่มีลักษณะ พิเศษแตกตางไปจากความผิดฐานฉอโกง ตามประมวลกฎหมายอาญาดังจะเห็นไดวา บทบัญญัติและเจตนารมณของพระราชกําหนดนี้ ตาม มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 7 และ มาตรา 8 บัญญัติถึงวิธีการและลักษณะของการกูยืมในกรณีเชนนี้ไว และบัญญัติถึงการที่จะ ปราบปรามการกระทําที่เปนการฉอโกงประชาชนกับวางมาตรการเพื่อคุมครองประโยชน ของประชาชนที่ไดรับความเสียหายจากการถูกหลอกลวง และรักษาความมั่นคงทาง เศรษฐกิจของประเทศ โดยไดกําหนดมาตรการตาง ๆ ไว เพื่อคุมครองประชาชนเปน สวนรวม และใหพนักงานเจาหนาที่ของรัฐเทานั้นมีอํานาจใชมาตรการดังกลาวนั้นได ทั้งน้ี เพื่อใหกรณีเสร็จเด็ดขาดไปทันทีดังนั้น ความผิดตามพระราชกําหนดนี้ รัฐเทานั้นเปนผูมี อาํ นาจฟอ งคดีได (วรรคสองวนิ ิจฉยั โดยทีป่ ระชุมใหญค รง้ั ท่ี 5/2530)
2. ความผดิ ฐานเปนซองโจร มาตรา ๒๑๐ “ ผูใดสมคบกันตั้งแตหาคนขึ้นไป เพื่อกระทําความผิดอยางหนึ่ง อยางใดตามที่บัญญัติไวในภาค ๒ นี้ และความผิดนั้นมีกําหนดโทษจําคุกอยางสูงตั้งแต หน่ึงปขน้ึ ไป ผูนั้นกระทําความผิดฐานเปนซองโจร ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหาป หรือปรับ ไมเกนิ หนงึ่ แสนบาท หรือท้ังจาํ ทั้งปรบั ถาเปนการสมคบเพื่อกระทําความผิด ที่มีระวางโทษถึงประหารชีวิต จําคุกตลอด ชีวิต หรือจําคุกอยางสูงตั้งแตสิบปขึ้นไป ผูกระทําตองระวางโทษจําคุกตั้งแตสองปถึงสิบ ป และปรบั ตั้งแตสี่หม่นื บาทถงึ สองแสนบาท “ องคประกอบภายนอก (1) สมคบกัน เพอ่ื กระทําความผิด (2)ความผิดนั้นเปนดวามผิดอยางหนึ่งอยางใดตามที่บัญญัติไวในภาค 2 นี้และ กําหนดโทษจําคกุ อยา งสูงตงั้ แตหนึ่งปขึ้นไป (3) ตงั้ แตห าคนขึน้ ไป องคป ระกอบภายใน เจตนาธรรมดา วรรคสอง เปนเหตเุ พิ่มโทษ ถา เปนการสมคบกนั เพอ่ื กระทาํ ความผิดท่ีมรี ะวางโทษถึง ประหารชีวิต จําดกุ ตลอดชวี ิต หรอื จาํ คกุ อยา งสูงต้งั แตส ิบหาปขน้ึ ไป การเปนซองโจร ไดแก การสมคบกันตั้งแต 5 คนขึ้นไป เพื่อกระทําความผิดอยาง หนึง่ อยางใดตามทีบ่ ญั ญัติไวในภาค 2 น้ี และความผดิ นน้ั มีกาํ หนดโทษอยางสูงตั้งแต 1 ปขึ้น ไปถาสมคบกันเพื่อกระทําความผิดที่มีกําหนดโทษสูงถึงประหารชีวิต จําคุกดลอดชีวิต หรือ จําคุกอยางสูงตั้งแต 10 ปขึ้นไป ตองมีโทษหนักขึ้น การรวมตัวนี้ไมตองเปนองคการเหมือน องั้ ยี่ คําวา สมคบ หมายความวา \"บุคคลตั้งแตสองคนขึ้นไป รูเห็นเปนใจหรือตกลงกันไม วาโดยชัดแจงหรือโดยปริยายเพื่อใหเกิดการกระทําอันมิชอบดวยกฎหมายใด ๆ หรือกระทํา การอันชอบดวยกฎหมายโดยใชวิธีการอันมิชอบดวยกฎหมาย\"การสมคบ จึงไดแก กรตกลง กันไปกระทํา
ความผิด เชน ประชุมวางแผนหรือทําพิธีจะไปปลน\" ชาย 6 คนปรึกษากันจะไปขมขูหรือฆา คนในหองพักตรงกันขามหรือปรึกษากันจะงัดรถยนต\"หรือคน 10 คน วางแผนเลนการพนัน ตมคนในรถดยสารประจําทาง' เปนตัน แตถายังไมทันไดตกลงกันวาจะไปกระทําความผิด\" เพียงแตรูวามีกลุมคนจะไปชิงทรัพย หรือรวมกันฉอโกง แตไมไดความวามีการคบคิดกันท่ี ไหน ปรกึ ษาหารอื กนั ทใ่ี ด เมอ่ื ใด และตกลงกันวาจะทําอะไร อันเปน องคประกอบสําคัญของ ความผดิ ฐานซองโจร จะลงโทษจาํ เลยฐานนไี้ มไ ด\" หรือหากสมคบกนั แตไ มถ ึง 5 คน ก็ไมเปน ชองโจร ยงั ไมเ ปน ความผิด ความผดิ ทีส่ มคบกันจะไปกระทํานตี้ องเปน ความผิดที่บัญญตั ไิ วใน ภาค 2 ของประมวลกฎหมายอาญาทม่ี ีโทษอยางสูงตง้ั แต 1 ปขึ้นไป เชน พฤติการณที่จําเลย ทั้งสองกับพวกไดรวมปรึกษาหารือกันมากอนเปนลําดับโดยใหจําเลยทั้งสองทําทีเปนเขาไป ขอเชา ท่ีดนิ จากผเู สยี หายท้งั สองเพือ่ สรา งความสนทิ สนมไวเบ้อื งตันกอน ซึ่งจะเปนชองทางท่ี จะชักนําผูเสียหายทั้งสองเดินไปสูหลุมพรางอันจําเลยทั้งสองกับพวกรวม 5 คน ไดทํากับดัก เอาไวหลังจากนั้นจึงไดชักนําผูเสียหายทั้งสองไปที่บานหลังหนึ่งและใหดื่มนํ้าซึ่งผสมสารมึน เมา แลวนําพาผูเสียหายทั้งสองไปถอนเงินที่ธนาคาร และขอยืมเงินไปเลนการพนันกําถั่ว จนกระทง่ั แพการพนันหมดเงินจํานวนดงั กลา ว โดยจําเลยทั้งสองกับพวกไมเคยปริปากพูดถึง เรอ่ื งการเชา ที่ดินดังกลาวในตอนแรกอีกเลย ซึ่งวิธีการเชนนี้หากไมมีการนัดแนะและรวมกัน วางแผนหาหนทางกันมากอน ผลก็ยอมจะเกิดขึ้นเปนลําดับสอดคลองเชนนั้นไมได กรรมจึง เปนเครื่องซี้เจตนาอันถือไดวาจําเลยทั้งสองไดสมคบกับพวกตั้งแตหาคนขึ้นไปเพื่อกระทํา ความผิดฐานฉอโกงตาม ป.อ. มาตรา 341 ซึ่งมีกําหนดโทษจําคุกไมเกินสามป จึงถือวา จําเลยทั้งสองสมคบกับพวกตั้งแตหาคนขึ้นไปเพื่อกระทําผิดอยางหนึ่งอยางใดตามที่บัญญัติ ไวใน ป.อ. ภาค 2 จําเลยทั้งสองจึงตองมีความผิดฐานเปนซองโจร ถาตกลงกันไปกระทํา ความผิดอาญาตามกฎหมายอื่น เชน พ.ร.ก. การกูยืมเงินที่เปนการฉอโกงของประชาชน พ.ศ. 2527 ไมเ ปน ความผดิ ฐานน้ี ความผิดสําเร็จทันทีที่สมคบกันเพื่อกระทําความผิด โดยไมจําเปนตองไปกระทํา ความผดิ ทต่ี กลงกันเสียกอนจึงจะเปนความผิดตามมาตรานี้ แตหากไปกระทําความผิดตามที่ แลว เชน วางแผนไปปลันทรัพย เปนชองโจร เมื่อไปปลันแลว ลงโทษฐานปลันทรัพยกรรม เดียวเพราะซองโจรเปนความผิดลักษณะที่เปนการเริ่มตนทํานองเดียวกับการตระเตรียม หรือการพยายามกระทําความผิดนั่นเอง เมื่อไดลงมือแลว ความผิดฐานซองโจรจึงเกลื่อน กลืนไปเปน กรรมเดยี วกับความผดิ
ไดกระทําลงการกระทําความผิดโดยอางอํานาจอั้งยี่หรือชองโจร มีบัญญัติไวในมาตรา 140 วรรดสองและมาตรา 309 วรรคทาย คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าที่ 1341/2521 คน 6 คนปรึกษากันจะใชไขควงงัดประตูรถยนตเพื่อลักวิทยุติดรถยนตเกงที่จอดอยู ขางถนน ตํารวจเขาจบั เปน เปน ความผดิ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210 คาํ พิพากษาศาลฎีกาท่ี 2429/2528 จําเลยที่ 5 กับพวกรวม 10 คนจับกลุมกันวางแผนเพื่อจะใชตลับยาหมองครอบ เหรียญพนันบนรถยนตโดยสารประจําทางโดยจําเลย ที่ 1 จะเปนคนใชตลับยาหมองครอบ เหรียญ แลวใหจําเลย อื่นเปนหนามาแทงจําเลยที่ 1 แจกเงินใหจําเลยอื่น ทุกคนเพื่อนําไป แทงใครไดเสียเทาใดใหจําไว เมื่อเลิก เลนแลวจะคืนใหหมดจําเลยอื่นขึ้นไปบน รถยนต โดยสารประจําทางสวนจําเลยที่ 5 รออยูที่สถานีขนสง และจะขับรถมารับจําเลยอื่นระหวาง ทางหลังจากเลนการพนัน เสร็จแลว เมื่อรถยนตโดยสารออกจากสถานีขนสง จําเลยที่ 1 กับ พวกลงมือเลนการพนันทายเหรียญแลวชักชวนใหผูโดยสารมาแทงอันเปนการสมคบกันเพื่อ หลอกลวงเอาทรัพยสินของผู ที่โดยสารไปกับรถยนตโดยสารโดยทุจริตอันเปนความผิดฐาน ฉอโกง ดังนี้ แมจําเลยที่ 5 จะไมไดขึ้นไปบนรถยนตโดยสารพรอมกับจําเลยอื่น แตก็รออยูที่ สถานีขนสงและจะขับรถตาม มารับจําเลยอื่นเมื่อเลิกเลนกันแลวอันเปนการแสดงถึง การ แบง หนา ท่ีกันทาํ โดยจําเลยท่ี 5 ไดเ ขา รวมปรึกษา วางแผนกับจําเลยอื่นแลวการกระทําของ จาํ เลยท่ี 5 จึงเปน ความผดิ ฐานเปนซองโจร คําพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2539 จําเลยที่ 12 ใหเงินจําเลยที่ 11 เพื่อใหนําไปใหจําเลยที่ 7 และที่ 8 เชาสถานที่และ ซ้ือไมม าสรา งโรงรถเพื่อถอดแยกชิ้นสวนรถยนต โดยไมไดสมคบกันเพื่อลักทรัพยหรือรับของ โจร และเมื่อนับรวมกันแลวก็มีเพียง 4 คนเทานั้น สวนคนรายที่ทําการถอดแยกชิ้นสวน รถยนตก็ไมปรากฏวาจําเลยที่ 12 ไดรวมสมคบในการลักทรัพยดวย ขอเท็จจริงจึงไมพอฟง วาจําเลยที่ 12 สมคบกับคนอื่นตั้งแตหาคนขึ้นไปเพื่อกระทําความผิดฐานลักทรัพยหรือรับ ของโจร อนั จะเปนความผดิ ฐานเปน ซองโจร
ความผิดทส่ี มคบกันเพ่ือกระทาํ น้ี ตองเปนความผิดอยางหนึ่งอยางใดตามที่บัญญัติไวในภาค 2 แหงประมวลกฎหมายอาญาและมีกําหนดอตั ราโทษอยา งสงู ต้ังแต 1 ปข้ึนไป คําพพิ ากษาฎีกาท่ี 1103/2496 คบคิดกัน 5 คนคิดวางแผนการปลนทองคํา การปลนครั้งแรก ไมสําเร็จจึงลมเลิก รุง ขึ้นประชุมใหมและทําการปลนสําเร็จ ดังนี้การปลนครั้งตอมาเปนการคบคิดกัน คนละคราว คนละวาระ ผูที่สมคบเฉพาะคราวแรก ไมไดไปดวยในคราวหลัง จึงตองรับผิดเพียงเทาที่ทํา ไปในครง้ั แรก คือฐานซองโจร ไมม ีความผิดในการปลน ครัง้ หลัง (ขส เน 2526/ 7) นายจี้คังกับพวก สมคบกัน ตั้งแต 5 คน เพื่อกระทําความผิดฐานลักทรัพย ในเวลา กลางคืน ตามมาตรา 335 กาํ หนดโทษจําคุกอยางสูงเกิน 1 ป นายจี้คังกับพวก จึงมีความผิด ฐานเปนซองโจร ตาม มาตรา 210 วรรคแรก แมจะยังไมไดลงมือกระทําความผิดตามท่ี สมคบกนั กต็ าม ฎ 1341/2521 (ขส พ 2516/ 6) หกคนรวมวางแผนปลน แตฤกษไมดี จึงไมไดปลน ตอมาวางแผนใหม ทิดและจัน ไอ ยากปลน แตเกรงใจพวก จึงรวมมอื ดวย กอ นถึงบา นปลน นายทิดแยกตัวกลับ นายจันชี้บาน แลวรออยูหางบาน 3 เสน โดยไมไดชวยเหลือใด ๆ อีก นายคานดูลาดเลาแลว ออกมาระวัง เหตุการณภายนอก พุด หัด และสุก เขาปลน นายเสารรูตัวกอนจึงนําทรัพยไปไวที่อื่น พวก ปลนไมไดทรัพยไป / การประชุมปลนทั้งสอง ครั้ง ผิด ม 210 พุด หัด และสุก ทําผิดตามท่ี สมคบ ทิด จัน และคาน ตองรับโทษเชนกัน ตาม ม 213 ไมตองพิจารณาเรื่องตัวการ ผูสนับสนนุ เม่อื ไมไดท รัพยจ ึงผิดฐานพยายามปลนทรพั ย ม 340,80 ฎ 1103-4/2496 คาํ พิพากษาศาลฎกี าท่ี 7562/2556 จําเลยทั้งสองกับพวก 5 คน รวมกันปรึกษาวางแผนลักทรัพยของชาวตางชาติบนรถ โดยสารสองแถว โดยขึ้นรถโดยสารสองแถวมาพรอมกันซึ่งจะทําใหมีผูโดยสารมากพอที่จะ ทาํ ใหพวกของจาํ เลยท่ี 1 สามารถเขาไปนัง่ ชดิ กบั ผูเ สียหายทางดา นขวาที่มีกระเปาสตางคอยู ในประเปา
กางเกง พวกของจําเลยทั้งสองจึงมีโอกาสลวงกระเปาสตางคของผูเสียหาย และมีการแบง หนาที่กันทําตามที่จําเลยที่ 1 กับพวกรวม 5 คน สมคบกัน จําเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐาน รวมกับพวกลักทรัพยในยวดยานสาธารณะและเปนซองโจร ซึ่งความผิดฐานเปนซองโจรกับ ฐานรวมกันลักทรัพยในยวดยานสาธารณะเกี่ยวเนื่องกันจึงเปนกรรมเดียวเปนความผิดตอ กฎหมายหลายบท ปญหานี้เปนปญหาขอกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบรอย ศาลฎีกามี อํานาจยกขน้ึ วนิ จิ ฉัยเองได คําพิพากษาศาลฎีกาที่ 17705/2555 จาํ เลยท่ี 1 และที่ 3 ถงึ ท่ี 5 รว มกบั จําเลยท่ี 2 และพวกอกี หลายคนที่ยังหลบหนีแบง หนาทกี่ ันทําโดยใหจ ําเลยที่ 1 ท่ี 2 และ ท. หลอกลวงสํานักงานสลากกินแบงรัฐบาลดวยการ แสดงขอความอันเปนเท็จวา เปนผูมีชื่อตามหางบัตรที่ไดรับเลือกใหเปนกรรมการรวมออก รางวัล ซึ่งจะตักตลับลูกบอลในภาชนะที่ตนอยูประจําหลักดวยวิธีเสี่ยงทาย ความจริงแลว จําเลยที่ 1 ที่ 2 และ ท. มิไดเปน ผูมีชอ่ื ตามหางบตั รทีแ่ ทจ รงิ และจาํ เลยที่ 1 ท่ี 2 และ ท. ได ทําเครื่องหมายที่ตลับลูกบอลดวยสารเคมีตามวิธีการที่วางแผนซักซอมกันมา แลวจะเลือก ตักเอาลกู บอลทีม่ ีเคร่ืองหมายดงั กลาวซ่งึ เปนลูกบอลหมายเลข 1 โดยการหลอกลวงดังวานั้น ไดไปซึ่งทรัพยสินจากบุคคลที่สาม จึงเปนความผิดฐานรวมกันฉอโกงตามฟอง นอกจากนั้น การที่จําเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 รวมประชุมวางแผนแบงหนาที่กันกับจําเลยที่ 2 และพวกอีก หลายคนที่ยังหลบหนีเพื่อจะกระทําความผิดดังกลาว ยอมเปนการสมคบกันตั้งแตหาคนขึ้น ไปเพื่อตระเตรียมกระทําความผิดฐานฉอโกง ซึ่งมีอัตราโทษจําคุกอยางสูงตั้งแตหนึ่งปขึ้นไป การกระทาํ ของจาํ เลยท่ี 1 ท่ี 3 และที่ 4 จงึ เปน ความผดิ ฐานซอ งโจรดว ย ความผิดฐานซองโจรกฎหมายเอาโทษไวก็เพราะการที่บุคคลตั้งแตหาคนขึ้นไป เพียง ที่ตกลงกันจะกระทําความผิดตามที่บัญญัติไวในประมวลกฎหมายอาญาภาค 2 ซึ่งแมยังไม ทันไดกระทําความผิด ก็เปนอันตรายแกสังคมแลว กรณีนี้กรรมในเรื่องการสมคบกันกระทํา ความผิดฐานฉอโกงอันเปนความผิดฐานซองโจรไดกระทําสําเร็จไปแลว เมื่อจําเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ไดกระทํากรรมใหมขึ้นอีก ดวยการรวมกับจําเลยอื่นที่เหลือหลอกลวงสํานักงาน สลากกินแบงรัฐบาลดวยการแสดงขอความอันเปนเท็จ เปนเหตุใหไดรับทรัพยสินจากบุคคล ที่สาม การกระทําของจําเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 กับพวกดังกลาวจึงเปนความผิดหลายกรรม ตา งกนั
ขอสงั เกต 1. ความผดิ ฐานซองโจร ตองเปน การตกลงจะไปกระทําความผิดในประมวลกฎหมาย อาญา ภาค 2 (ภาคความผดิ ) และตอ งมีโทษจาํ คกุ อยา งสูงต้ังแตห นงึ่ ปข ้นึ ไป 2. ความผดิ ฐานซองโจร เปน ความผิดสาํ เร็จทนั ทีทสี่ มคบกันเพื่อกระทําความผิด โดย ไมจําเปน จะตองไปกระทาํ ความผิด
3. การรวมประชมุ กบั อ้ังยห่ี รอื ซองโจร มาตรา ๒๑๑ “ ผูใดประชุมในที่ประชมุ อ้ังยหี่ รอื ซอ งโจร ผนู ้นั กระทาํ ความผิด ฐานเปนอัง้ ยหี่ รอื ซองโจร เวน แตผูน้ันจะแสดงไดว า ไดป ระชมุ โดยไมร วู า เปน การประชุม ขององั้ ย่ีหรอื ซองโจร “ องคประกอบภายนอก (1) ประชมุ ในท่ีประชมุ อัง้ ยห่ี รอื ชอ งโจร (2) เวนั แตผ ูนัน้ จะแสดงไดวา ไดป ระชมุ โดยไมร วู า เปน การประชมุ อง้ั ยีห่ รอื ซอ งโจร องคป ระกอบภายใน เจตนาธรรมดา สําหรับผทู ่อี ยูในทป่ี ระชุมอง้ั ย่ีหรอื ซองโจร กฎหมายถือวากระทําความผิดฐานเปน อัง้ ย่ีหรอื ซอ งโจร เพราะการประชมุ ดงั กลาวเปน องคความผิดเวนแตวา ผูกระทํานําสืบไดวา ตนเองไมร ูวาเปน การประชุมขององั้ ยห่ี รอื ชองโจร เชน เขา รว มอยใู นทป่ี ระชมุ อง้ั ยี่ซง่ึ พดู กัน ดวยภาษาตางประเทศตนเองไมเ ขา ใจความหมายวาเขากาํ ลงั ปรกึ ษากนั จะไปกระทํา ความผิด เปนตน คําพพิ ากษาฎกี าที่ ๓๒๐๑/๒๕๒๗ ศาลฎกี าวินจิ ฉัยขอกฎหมายวา จากบทบญั ญัติแหงประมวลกฎหมายอาญามาตรา 210 มาตรา 211 และมาตรา 212 แสดงใหเหน็ สาระสาํ คัญของความผิดฐานเปนซอ งโจรวา จะตอ งมีบคุ คลตั้งแตห าคนขนึ้ ไปไดค บคิดประชุมหารือรวมกนั และตกลงกันท่จี ะกระทํา ความผดิ อยางหน่ึงอยา งใดตามท่บี ญั ญัติไวใ นภาค 2 และความผดิ นัน้ มีกําหนดโทษจําคุก อยา งสูงตง้ั แตห น่งึ ปขึ้นไป เมอื่ ไดประชมุ ตกลงกนั ดงั กลาวแลว แมจ ะยังมิไดไปกระทํา ความผดิ ตามท่ีตกลงไวผ ทู ีเ่ ขา รว มประชมุ ก็มคี วามผดิ ฐานเปน ซอ งโจรแลว หากมีผทู ่ีเขา รวม ประชุมคนใดคนหนง่ึ ไปกระทาํ ความผิดตามที่ตกลงกนั ไว กเ็ ปน ความผิดขน้ึ อกี กระทงหน่งึ ซง่ึ ผทู ่ีเขา รวมประชุมแมจ ะไมไดไปรว มกระทําผดิ ก็ตองมีความผดิ ดว ยดงั ที่บญั ญัตไิ วใน มาตรา 213 แตถา ประชมุ ปรกึ ษาหารือกนั แลว ไมเ ปน ที่ตกลงกนั วาจะกระทําความผดิ อยา งหนง่ึ อยางใด ผูทีเ่ ขา รวมประชุมกห็ ามคี วามผิดฐานเปนซอ งโจรไม จงึ เปนท่เี หน็ ไดวา การประชุม หรอื รวมกัน
และตกลงกนั วา จะกระทําความผดิ อะไร เปนขอสาระสําคัญทีจ่ ะแสดงใหเ หน็ วา มีการกระทํา ความผดิ ฐานเปน ซองโจรหรอื ไม ขอเท็จจริงที่โจทกนําสืบปรากฏตามคําเบิกความของตํารวจแตเพียงวามีกลุมคนราย วัยรุนจะเขามาชิงหรือปลนทรัพยรถจักรยานยนตในเขตเทศบาลเมืองกําแพงเพชรเทานั้น โจทกไมมีพยานยืนยันไดวาจําเลยทั้งสามกับพวกไดคบคิดรวมกันประชุมปรึกษาหารือกันที่ ไหน เมื่อใด และไดตกลงกันจะกระทําความผิดอยางใดหรือไมพยานหลักฐานที่โจทกนําสืบ จึงไมมีนํ้าหนักใหฟงไดวาจําเลยทั้งสามไดรวมกับพวกกระทําการเปนซองโจรแตอยางใด จึง ลงโทษจาํ เลยท้งั สามฐานนีไ้ มได
4. ความผดิ ฐานชวยเหลอื พวกองั้ ยีห่ รือซองโจร มาตรา ๒๑๒ “ ผูใด (๑) จัดหาทีป่ ระชมุ หรอื ที่พํานกั ใหแ กอัง้ ยห่ี รือซอ งโจร (๒) ชกั ชวนบคุ คลใหเขาเปน สมาชิกอ้ังยีห่ รือพรรคพวกซอ งโจร (๓) อปุ การะอัง้ ยห่ี รือซองโจรโดยใหท รัพยห รอื โดยประการอืน่ หรือ (๔) ชวยจําหนายทรัพยทอ่ี ้ังยหี่ รอื ซอ งโจรไดมาโดยการกระทําความผิด ตองระวางโทษเชนเดยี วกับผูกระทาํ ความผดิ ฐานเปนอัง้ ยห่ี รือซองโจรแลว “ ความผิดฐานนี้กําหนดเพื่อลงโทษผูที่แมไมไดเปนสมาชิกอั้งยี่หรือพรรคพวกซองโจร แตตอ งรบั โทษเชนเดยี วกนั ถา มกี ารกระทาํ อยา งหนึ่งอยา งใดดังตอ ไปนี้ (1) จัดหาที่ประชุมหรือทีพ่ ํานักใหแกอง้ั ยี่หรอื ซอ งโจร (2) ชักชวนบุคคลใหเขาเปน สมาชิกอัง้ ย่ีหรอื พรรคพวกชอ งโจร (3) ชออุปการะอั้งยี่หรือซองโจรโดยใหทรัพยหรือโดยประการอื่น หมายถึง การใหการอุปการะโดยสมัครใจ ถาใหเพราะถูกขมขูคงตองอางเหตุจําเปนตามมาตรา 67 เพ่อื ยกเวนโทษ (4) ชวยจําหนายทรัพยที่อั้งยี่หรือซองโจรไดมาโดยการกระทําความผิด ผกู ระทาํ จะตอ งกระทาํ โดยเจตนา โดยรขู อเทจ็ จริงวา เปนการอุปการะชวยเหลือกิจกรรมของ อ้งั ย่ีหรือซองโจร คําพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 3447/2530 ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน มิใชกระทําโดยเฉพาะเจาะจงแกบุคคล ใดเปนสว นตวั รฐั เทา นนั้ เปนผูเสียหายโดยตรง พระราชกําหนดการกูยืมเงินที่เปนการฉอโกงประชาชน เปนบทบัญญัติที่มีลักษณะ พิเศษแตกตางไปจากความผิดฐานฉอโกง ตามประมวลกฎหมายอาญาดังจะเห็นไดวา บทบัญญัติและเจตนารมณของพระราชกําหนดนี้ ตาม มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 7 และ มาตรา 8 บัญญัติถึงวิธีการและลักษณะของการกูยืมในกรณีเชนนี้ไว และบัญญัติถึงการที่จะ ปราบปรามการกระทําทีเ่ ปน การ
ฉอโกงประชาชนกับวางมาตรการเพื่อคุมครองประโยชนของประชาชนที่ไดรับความเสียหาย จากการถูกหลอกลวง และรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยไดกําหนด มาตรการตาง ๆ ไว เพื่อคุมครองประชาชนเปนสวนรวม และใหพนักงานเจาหนาที่ของรัฐ เทานั้นมีอํานาจใชมาตรการดังกลาวนั้นได ทั้งนี้เพื่อใหกรณีเสร็จเด็ดขาดไปทันทีดังนั้น ความผิดตามพระราชกําหนดนี้ รัฐเทานั้นเปนผูมีอํานาจฟองคดีได (วรรคสองวินิจฉัยโดยท่ี ประชมุ ใหญค ร้ังท่ี 5/2530) คาํ พิพากษาศาลฎกี าที่ 1913/2546 ความผิดฐานซองโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210 นั้น ผูกระทําตอง สมคบกันเพื่อกระทําความผิด โดยรวมคบคิดกันหรือแสดงออกซึ่งความตกลงจะทําความผิด รวมกัน เชน ประชุมหรือหารือวางแผนที่จะกระทําความผิด และตามมาตรา 212บัญญัติให เอาความผิดแกผูจัดหาที่ประชุมหรือที่พํานักใหแกซองโจร ซึ่งเปนขอสนับสนุนใหเห็นถึง องคประกอบของความผิดฐานเปนซองโจรใหเห็นเดนชัดวาจะตองมีการคบคิดประชุม ปรกึ ษาหารอื กนั เพ่อื กระทาํ ความผดิ ซ่งึ มสี ภาพเปนการกระทาํ ระหวางผูรวมกระทําความผิด ดวยกัน เมื่อพยานหลักฐานโจทกไมสามารถนําสืบใหเห็นวา มีการคบคิดกันจะกระทํา ความผิดฐานฉอโกง ขอ เทจ็ จรงิ จึงไมพอฟงวาจาํ เลยทงั้ สองกระทาํ ความผิดฐานฉอโกง ผเู สียหายสมัครใจทนี่ าํ เงินมาเพ่อื รวมกับจาํ เลยทั้งสองและ ว. เลน การพนนั กําถั่วเพื่อ โกง ท. ตามที่บุคคลทั้งสามชักชวนผูเสียหาย เพราะ ว. ไดแสดงการโกงพนันกําถั่วให ผเู สียหายดู ตลอดจนจําเลยที่ 2 ก็สอนวิธีการโกงพนันกําถั่วใหผูเสียหายดูจนผูเสียหายแนใจ วาสามารถเลนพนันกําถั่วโกง ท. ได ทั้งผูเสียหายก็อยูในหองเกิดเหตุตลอดเวลาที่เลนการ พนนั กนั การท่ีผูเสยี หายนาํ เงนิ มามอบใหจําเลยทั้งสองกับพวกเลนการพนันกําถั่วเพื่อโกง ท. จึงเชื่อไดวาผูเสียหายสมัครใจเขารวมเลนการพนันโดยไมไดรับอนุญาตดวยเปนการรวมกับ จําเลยทง้ั สองกระทาํ ความผิด ผเู สยี หายจึงไมใชผ เู สยี หายโดยนิตินัยที่จะมีสิทธิรองทุกขขอให เจา พนกั งานนาํ คดีขึ้นวากลาวในความผดิ ฐานฉอ โกงซงึ่ เปน ความผิดอันยอมความได โจทกไม มอี าํ นาจฟอ ง คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 5669/2531 ศาลชั้นตนพิพากษาวาจําเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบดวยมาตรา 69 จําคุก 2 ป และริบมีดของกลางศาลอทุ ธรณพ พิ ากษาแกเ ฉพาะบท
กฎหมายที่ลงโทษเปนวา จําเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 สว่ น โทษจาํ คกุ ยงั คงเทา่ กบั ท่ีศาลชนั้ ตน้ กาํ หนด เป็นการแกไ้ ขเลก็ นอ้ ย เม่ือศาลอทุ ธรณล์ งโทษ จาํ คกุ ไมเ่ กินหา้ ปี จึงตอ้ งหา้ มฎีกาในปัญหาขอ้ เท็จจรงิ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 218 ฎีกาขอใหร้ อการลงโทษเป็นเร่อื งโตแ้ ยง้ ดลุ พินิจในการกาํ หนด โทษของศาลอทุ ธรณ์ เป็นปัญหาขอ้ เท็จจรงิ ศาลชนั้ ตน้ พิพากษาวา่ จาํ เลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบดว้ ยมาตรา 69 ใหจ้ าํ คกุ จาํ เลยมีกาํ หนด 2 ปี โจทกม์ ิไดอ้ ทุ ธรณ์ จาํ เลยอทุ ธรณว์ ่าการกระทาํ ของจาํ เลยเป็นการป้องกันจาํ เลยไม่มี ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 แมศ้ าลอทุ ธรณฟ์ ังว่าการกระทาํ ของ จาํ เลยเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อ่ืน มิใช่เป็นการป้องกันสิทธิของจําเลย ศาลอุทธรณ์ พิพากษาลงโทษจาํ เลยหนักกว่าท่ีศาลชั้นตน้ กาํ หนดไวม้ ิไดต้ ามประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความอาญามาตรา 212 ศาลอทุ ธรณค์ งมีอาํ นาจวางบทลงโทษจาํ เลยใหถ้ กู ตอ้ ง เทา่ นนั้ คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าที่ 2651/2517 ศาลชั้นตนพิพากษาลงโทษจําคุกจําเลย 5 วนั ปรบั 200บาทโทษจาํ คกุ เปล่ียนเป็น กักขัง จาํ เลยฝ่ ายเดียวอุทธรณ์ การท่ีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้รอการลงโทษไว้มี กาํ หนด 1ปี โดยไม่ลงโทษกกั ขงั แทนจาํ คกุ นอกจากท่ีแกใ้ หเ้ ป็นไปตามคาํ พิพากษาศาล ชนั้ ตน้ นนั้ เป็นการกาํ หนดโทษจาํ คกุ โดยมีเง่ือนไขใหเ้ ป็นคณุ แก่จาํ เลย เพ่ือใหจ้ าํ เลยไม่ ตอ้ งรบั โทษกกั ขงั ไม่เป็นการเพ่ิมเติมโทษอนั ตอ้ งหา้ มตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 212 ฎีกาโจทกที่ขอใหลงโทษจําเลยตามคําพิพากษาศาลชั้นตนดังกลาวเปนฎีกาคัดคาน ดุลพินิจในการวางโทษของศาลอุทธรณ เปนฎีกาในปญหาขอเท็จจริง ตองหามตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 (ปัญหาขอ้ แรกตดั สินโดยมติท่ีประชมุ ใหญ่ ครงั้ ท่ี 13/2517)
5. ความรบั ผดิ ในการกระทาํ ของสมาชิกอ้ังยี่ หรอื พรรคพวกซอ งโจร มาตรา ๒๑๓ “ ถาสมาชิกอั้งยี่หรือพรรคพวกซองโจรคนหนึ่งคนใดไดกระทํา ความผิดตามความมุงหมายของอ้ังย่ีหรอื ซองโจรน้นั สมาชกิ อ้ังยห่ี รอื พรรคพวกซองโจรท่ี อยูดวยในขณะกระทําความผิด หรืออยูดวยในที่ประชุมแตไมไดคัดคานในการตกลงให กระทําความผิดนั้น และบรรดาหัวหนา ผูจัดการ หรือผูมีตําแหนงหนาที่ในอั้งยี่หรือซอง โจรน้ัน ตองระวางโทษตามทบ่ี ัญญัติไวสําหรบั ความผดิ นั้นทุกคน “ องคประกอบภายนอก (1) ถาสมาชิกอั้งยี่หรือพรรคพวกซองโจรคนหนึ่งคนใดกระทําความผิดตามความมุง หมายของอ้ังยหี่ รือซองโจรนั้น (2) สมาชิกอั้งยี่หรือพรรดพวกซองโจรดังตอไปนี้ตองระวางโทษตามที่บัญญัติไว สําหรับความผดิ น้นั ดวย คือ (ก) ท่ีอยูดว ยในขณะกระทําความผดิ นนั้ (ข) ที่อยูดวยในท่ปี ระชุมแตไ มไ ดด ดั ดานในการตกลงใหก ระทาํ ความผิดนั้น (ค) ท่เี ปน หัวหนา ผูจดั การหรือผูมีตาํ แหนง หนา ท่ีในอง้ั ย่หี รอื ชอ งโจรนัน้ ถาสมาชิกอั้งยี่หรือพรรคพวกซองโจรคนหนึ่งคนใด ไดกระทําความผิดตามความมุง หมายของอั้งยี่หรือชองโจรนั้น สมาชิกอั้งยี่หรือพรรดพวกชองโจรที่อยูดวยในขณะกระทํา ความผิดหรืออยูดวยในที่ประชุมแตไมไดคัดดานในการตกลงใหกระทําความผิดนั้น ตองรับ โทษสําหรับความผิดที่สมาชิกนั้นไดกระทําลงทุกคน แมวาตนเองไมไดรวมลงมือกระทํา ความผิดน้นั เลย ซง่ึ เปน เร่ืองความรบั ผดิ ในการกระทาํ ของบุคคลอื่นเชน ที่ประชุมตกลงจะไป ชิงทรัพยตามที่ตกลงนั้นผูที่อยูในที่ประชุมและเห็นชอบดวย แมไมไดไปชิงทรัพยกับเขาดวย ตอ งรับโทษฐานชิงทรัพยด วย ถาสมคบกนั ไปปลนทอง แตยงั ไมทันไดก ระทาํ กล็ ัมเลกิ เสยี กอน และไดนัดประชุมกันใหม ครั้งนี้ไปปลันสําเร็จ ผูที่รวมประชุมครั้งแรก แตไมไดเขารวม ประชมุ ในคร้งั หลังไมมีความผดิ ฐานปลนดวย (3) ผูที่เปนหัวหนา ผูจัดการ หรือผูมีตําแหนงหนาที่ในอั้งยี่หรือชองโจร ตองรับโทษ สําหรับความผิดที่สมาชิกอั้งยี่หรือชองโจรไดกระทําไปตามความมุงหมายของอั้งยี่หรือชอง โจรนัน้ ไมว า ตน
จะไดเขารวมประชุมหรือไมหรือไดคัดดานแลวหรือไมก็ตาม เปนความรับผิดในการกระทํา ของบคุ คลอน่ื เชนกัน คําพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 4548/2540 จําเลยที่ 1 ถึงที่ 3 กับพวกรวม 6 คน รวมกันวางแผนไปกระทําการปลนทรัพยของ ผูเสียหายที่ 2 อันเปนความผิดตามที่บัญญัติไวในภาค 2 แหง ป.อ.จึงมีความผิดฐานเปนซอง โจร และเมื่อจําเลยที่ 4 กับพวกไปปลนรานทองของผูเสียหายที่ 2 ตามแผนที่รวมกันวางไว จาํ เลยที่ 1 ถงึ ท่ี 3 ผูรวมวางแผนยอมมีความผิดฐานเปนตัวการปลนรานทองรวมกับจําเลยท่ี 4 กับพวกดวย ตาม ป.อ.มาตรา 213 และความผิดฐานเปนซองโจรกับความผิดฐานปลน ทรัพยเกี่ยวเนื่องกันเพราะพวกจําเลยกระทําผิดฐานเปนซองโจรเพื่อจะไปปลนทรัพยของ ผูเสียหายทั้งสองจึงเปนกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ตองลงโทษฐานปลนทรัพยอันเปน บทที่มีโทษหนักที่สุด ศาลชั้นตนปรับบทลงโทษจําเลยทั้งสี่ฐานเปนซองโจรดวย จึงไมถูกตอง ศาลฎีกาเห็นสมควรแกไขเสียใหถูกตอง ปญหานี้เปนปญหาขอกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบ เรียบรอย แมจําเลยทั้งสามจะไมฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอํานาจยกขึ้นวินิจฉัยเองไดและเปน เหตุในลกั ษณะคดี จึงตอ งวนิ ิจฉัยใหมผี ลถงึ จาํ เลยที่ 4 ดวย คําพิพากษาศาลฎกี าท่ี 1103/2496 การที่จะฟงวาพนักงานสอบสวนมีอํานาจสอบสวนหรือไมนั้นเปนขอเท็จจริง ฉะนั้น ถา จําเลยมไิ ดยกขึ้นเปนขอตอสูหรือใหการปฏิเสธวาพนักงานสอบสวนนั้นไมมีอํานาจเชนนั้น แลว จนเมื่อสืบพยานโจทกเสร็จแลวจําเลยจึงกลาวอางขึ้นมา และจําเลย ก็มิไดนําสืบวา พนักงานสอบสวนมชิ อบดวยอํานาจหนาที่อยางไรนั้น ก็ยอมเปนคํากลาวอางอันหาสาระมิได เพราะการกระทําทงั้ หลายยอมสันนษิ ฐานวาเปน การชอบ เวนแตจ ะไดค วามวา ไมชอบ คดีอาญาที่อัยการฟองขอใหลงโทษจําเลยฐานปลนทรัพยและขอใหจําเลยคืนหรือใช ราคาทรัพยดวยนั้น แมผูเสียหายจะขอเขาไปเปนโจทกรวมกับอัยการ ผูเสียหายก็มิตองเสีย คาธรรมเนยี มสําหรบั ทนุ ทรัพยท ข่ี อใหจ ําเลยคนื
6. ความผิดฐานชว ยเหลอื ผกู ระทําความผดิ มาตรา ๒๑๔ “ ผใู ดประพฤติตนเปนปกติธุระเปนผูจัดหาที่พํานัก ที่ซอนเรนหรือ ทป่ี ระชุมใหบ ุคคลซง่ึ ตนรวู าเปน ผกู ระทาํ ความผิดทบี่ ญั ญัตไิ วใ นภาค ๒ นี้ ตอ งระวางโทษ จําคกุ ไมเกนิ สามป หรอื ปรบั ไมเกินหกหมน่ื บาท หรือท้ังจําทง้ั ปรบั ถาการกระทําความผิดนั้น เปนการกระทําเพื่อชวยบิดา มารดา บุตร สามีหรือ ภริยาของผกู ระทํา ศาลจะไมลงโทษก็ได “ องคประกอบภายนอก (1) ประพฤตติ นเปนปกติระเปน ผจู ดั หาท่พี าํ นกั ท่ซี อนเรน หรือทีป่ ระชุม (2) ใหบ คุ คลซ่ึงตนรวู า เปน ผกู ระทาํ ความผิดทีบ่ ญั ญัติไวใ นภาค 2 น้ี องคประกอบภายใน เจตนาธรรมดา วรรคสอง เปนเหตุใหศาลใชดุลพินิจที่จะไมลงโทษไดในเมื่อการกระทําความผิดเปน การกระทําโดยมีมูลเหตุชักจูงใจเพื่อชวยบิดา มารดา บุตร สามี หรือภริยาของผูกระทําการ กระทําโดยเปนปกติธุระหมายถึงการกระทําเรื่อยๆ ไปการกระทําความผิดฐานนี้ศาลอาจไม ลงโทษก็ได ถาเปนการกระทําเพ่อื ชว ยบดิ า มารดาบุตร สามี หรือภริยาของผกู ระทาํ เอง
7. ความผิดฐานกอ ความวุนวาย มาตรา ๒๑๕ “ ผใู ดมั่วสมุ กนั ตง้ั แตสบิ คนขึน้ ไป ใชก าํ ลังประทุษราย ขูเข็ญวาจะ ใชกําลังประทุษราย หรือกระทําการอยางหนึ่งอยางใดใหเกิดการวุนวายขึ้นในบานเมือง ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหกเดือน หรือปรบั ไมเกนิ หนึ่งหม่นื บาท หรอื ทงั้ จาํ ท้งั ปรับ ถาผูกระทําความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ บรรดาผูที่กระทําความผิด ตองระวาง โทษจาํ คกุ ไมเกนิ สองป หรอื ปรบั ไมเกนิ ส่ีหมนื่ บาท หรือทั้งจาํ ทง้ั ปรบั ถาผูกระทําความผิดเปนหัวหนา หรือเปนผูมีหนาที่สั่งการในการกระทําความผิด น้ัน ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเกินหา ป หรือปรบั ไมเกินหนง่ึ แสนบาท หรือท้ังจําทั้งปรับ “ องคประกอบภายนอก (1) มั่วสุมกนั ต้งั แตสิบคนขน้ึ ไป (2) ใชกําลังประทุษราย ขูเข็ญวาจะใชกําลังประทุษราย หรือกระทําอยางหนึ่งอยาง ใดใหเกิดการวนุ วายในบานเมือง องคประกอบภายใน เจตนาธรรมดา วรรคสอง เปนเหตเุ พมิ่ โทษ ในกรณที ผ่ี ูกระทาํ ความผิดคนหน่ึงคนใดมีอาวุธ วรรคสาม เปนเหตุเพิ่มโทษสูงขึ้นอีก ถาผูกระทําความผิดเปนหัวหนาหรือเปนผูที่มี หนา ทีส่ ั่งการในการกระทาํ ความผิดนน้ั ความผิดฐานนี้ ไดแก การมั่วสุมกัน คือรวมตัวกันตั้งแต 10 คนขึ้นไปมีการใชกําลัง ประทุษราย ขูเข็ญวาจะใชกําลังประทุษราย หรือกระทําการอยางหนึ่งอยางใดใหเกิดการ วุนวายขึ้นในบานเมือง การรวมตัวกันนี้ไมจําตองนัดหมายมากอน แตเมื่อมีการรวมตัวกัน ตั้งแต 10 คนแลวมีความประสงครวมกันที่จะใชกําลังประทุษราย หรือขูเข็ญ สวนการทําให เกิดความ \"วุนวาย\" ในบานเมืองนั้น หมายถึง ทําใหเสียความสงบสุขของประชาชนไม หมายความเฉพาะในหมูบานหรือตัวเมืองเทานั้น อาจเปนที่ชุมชนนอกเมือง เชน ในงานวัดก็ ได\" นัดชุมชนกลาวโจมตีผูวาราชการจังหวัด มีการรวมตัวกันหลายพันคน ขวางปา และเผา จวนผูวา ราชการจงั หวดั มคี วามผดิ ตาม
มาตรา 116 และมาตรา 215 นีห้ รือนัดหยดุ งานโดยมไิ ดเปน ไปตามขัน้ ตอนของกฎหมายเพื่อ บีบบังดับนายจาง มีการปะทะกันระหวางลูกจางที่นัดหยุดงานกับลูกจางฝายที่ประสงคจะ เขา ทํางาน เหตุเกิดรมิ ถนนสาธารณะ มีความผดิ ตามมาตราน้ี ในการมั่วสุมกอความวุนวายนี้ ถาผูกระทําความผิดคนใดมีอาวุธตองรับโทษหนักขึ้น และถาผูกระทําความผิดเปนหัวหนาหรือเปนผูมีหนาที่สั่งการในการกระทําความผิดนั้น ตอง รับโทษหนกั ขึ้นอีกยงั ขนื ทาํ คําพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 1903/2532 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216 มุงประสงคลงโทษผูที่ขัดคําสั่งของเจาพนักงาน ที่ไมยอมเลิกการมั่วสุมกันเพื่อกระทําความผิดตามมาตรา 215 ซึ่งเปนการกระทําที่ยังไมถึง ขั้นที่ผูกระทําไดลงมือใชกําลังประทุษราย ขูเข็ญ หรือทําใหเกิดความวุนวายอันเปนความผิด สําเร็จตามมาตรา 215 ดังนั้น มาตรา 216 จึงเปนความผิดตางหากอีกบทหนึ่งหากเจา พนกั งานไดม ีคาํ สงั่ ใหเลกิ แลว แตผ ูก ระทําไมเ ลกิ ตามคาํ ส่ังของเจาพนกั งานและไดกระทําการ ตอไปเปนความผิดสําเร็จตามมาตรา 215 ผูกระทําก็ยอมมีความผิดทั้งตามมาตรา 215 และ มาตรา 216 อันเปนกรรมเดียวกัน ฟองโจทกบรรยายวา ขอ (1) เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2529เวลากลางวนั จําเลยทั้งสี่กับพวกรวมกันมั่วสุมตั้งแตสิบคนขึ้นไปกอใหเกิดความวุนวาย ในบา นเมืองและรว มกนั ใชกอนอฐิ กอ นหินและวตั ถขุ องแข็งเปนอาวธุ ขวางปาประทุษรายเจา พนักงานตํารวจและเจาพนักงานฝายปกครองจังหวัดภูเก็ต ในขณะที่ทําการหามปรามมิใหมี การขวางปาทําลายศาลาประชาคมกับขวางปาเผาทําลายโรงแรมภูเก็ตเมอรลินและโรงงาน ไทยแลนดแทนทาลั่มอินดัสตรี จํากัดขอ (2) เมื่อเจาพนักงานตํารวจและเจาพนักงานฝาย ปกครองจังหวัดภูเกต็ สงั่ ใหจาํ เลยทั้งสก่ี บั พวกท่มี ่วั สมุ เพ่ือกระทําผิดตามฟองขอ (1) ใหเ ลกิ ไป แตจําเลยกับพวกดังกลาวไมยอมเลิก ดังนี้ ตามคําฟองขอ (1) เปนการบรรยายฟองในการ กระทําความผิดของจําเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 สวนฟองขอ (2) เปน การบรรยายฟอ งขอใหล งโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216 ซ่ึงตามฟอง (2)น้ี มีความหมายเพียงวา เจา พนกั งานไดมีคาํ สั่งใหเ ลิกในขณะทจ่ี ําเลยกบั พวกกาํ ลังมั่วสุมกันเพื่อ กระทําความผิดตามมาตรา 215 เทานั้นขอความตามฟองขอ (2) มิไดมีความหมายวาใน ขณะที่เจาพนักงานไดมีคําสั่งใหเลิกนั้น จําเลยกับพวกไดลงมือกระทําการครบถวนตามฟอง ขอ (1) อันเปนความผิดสําเร็จตามมาตรา 215 แลว ดังนั้น การที่จําเลยไดกระทําการตอไป ตามฟองขอ
(1) โดยไมเลิกตามคําสั่งของเจาพนักงาน จําเลยยอมมีความผิดตามมาตรา 215 อีกบทหนึ่ง อันเปนกรรมเดียวกับความผิดตามมาตรา 216 ตามฟองขอ (2) และตองลงโทษตามมาตรา 216 อันเปนบทท่มี ีโทษหนกั ท่สี ดุ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 คําพิพากษาฎีกาที่ 305/2547 จําเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 กับพวกรวม 10 คน ชุมนุมปราศรัยดวยความสงบ ไมมี พฤติการณวาจะใชกําลังประทุษราย ขูเข็ญวาจะใชกําลังประทุษราย หรือกระทําการอยาง หน่งึ อยางใดใหเกดิ การวนุ วายขึ้นในบานเมือง ตามที่บัญญัติไวในมาตรา 215 แสดงวาจําเลย ที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 กับพวกมิไดมั่วสุมโดยมีเจตนาพิเศษเพื่อกระทําความผิดตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 215 การกระทําของจําเลยจึงไมครบองคประกอบความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216 แมเจาพนักงานสั่งใหเลิกการมั่วสุมแลวไมเลิก จําเลยที่ 1 ท่ี 3 และท่ี 4 ก็ไมมคี วามผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216
8. ความผดิ ฐานไมยอมเลิกม่ัวสุมเม่ือเจาพนักงานส่ังใหเ ลิก มาตรา ๒๑๖ “ เมื่อเจาพนักงานสั่งผูที่มั่วสุมเพื่อกระทําความผิดตามมาตรา ๒๑๕ ใหเลิกไป ผูใดไมเลิก ตองระวางโทษจําคุกไมเกินสามป หรือปรับไมเกินหกหมื่น บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ” องคประกอบภายนอก (1) เมือ่ เจาพนกั งานส่งั ผูท ี่มวั่ สุมเพื่อกระทําความผิดตามมาดรา 215 ใหเลิกไป (2) ผกู ระทาํ ไมเ ลิก องคประกอบกายใน เจตนาธรรมดา มูลเหตุชักจูงใจ เพื่อกระทําความผิดตามมาตรา 215ความผิดฐานนี้เปนความผิด ตางหากจากความผดิ ฐานกอความวุน วายตามมาตรา 215กลาวคือ เมื่อเจาพนักงานสั่งใหผูท่ี มว่ั สมุ เพือ่ การกระทําความผดิ ตามมาตรา 215 ใหเลกิ ผูใดไมเ ลิกเปนดวามผิด แสดงวามีการ มั่วสุมแตยังไมมีการใชกําลังประทุษรายหรือการขูเข็ญ เพราะถามีแลวก็เปนความผิดตาม มาตรา 215 ไปเลย เมอ่ื เจา พนกั งานสง่ั ใหเ ลิกม่ัวสุม ถาเลิกก็ไมเปนความผิดตามมาตรา 216 นี้ ถาไมยอมเลิก แตยังไมทันไดมีการขูเข็ญหรือใชกําลังประทุษรายถูกตํารวจจับเสียกอน ก็ เปนความผดิ ฐานนี้ได การมั่วสุมนี้ตองมี \"มูลเหตุชักจูงใจ\" เพื่อกระทําความผิดตามมาตรา 215 ถาเจา พนักงานสั่งใหเลิกแลวไมเลิก กลับกระทําการชูเข็ญหรือประทุษรายตอไปเปนความผิดตาม มาตรา 215 ไปเลย เปนกรรมเดียวไมผิดตามมาตรา 216 อีก\" มาตรานี้โทษหนักกวามาตรา 215 เพราะหามแลว คาํ พพิ ากษาฎีกาท่ี 346/2535 ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216 มุงประสงคลงโทษผูที่ขัดขืนคําสั่ง ของเจาพนักงานที่ไมยอมเลิกการมั่วสุมกันเพื่อกระทําความผิดตามมาตรา 215 อันเปนการ กระทําที่ยังไมถึงขั้นที่ผูกระทําไดลงมือใชกําลังประทุษราย ขูเข็ญ หรือทําใหเกิดการวุนวาย อนั เปน ความผดิ สาํ เร็จตามมาตรา 215 เมอื่ เจา พนักงานไดสงั่ ใหจาํ เลยกับพวกเลิกการมั่วสุม ภายหลังทม่ี ีการกระทําผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 แลว แมจําเลยทุกคนไม เลิก การกระทาํ ของ
จําเลยทุกคนก็คงเปนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 เทานั้น ไมเปน ความผดิ ตามมาตรา 216 ดวย คาํ พพิ ากษาฎีกาที่ 5889/2554 จําเลยที่ 1 รวมอยูในกลุมผูชุมนุมประทวงตั้งแตสิบคนขึ้นไป และเปนผูจุดไฟเผา ทรัพยสินของผูอื่น อันเปนการเขารวมมั่วสุมกันตั้งแตสิบคนขึ้นไป และกระทําการอยางหนึ่ง อยางใดใหเกิดการวุนวายขึ้นในบานเมือง โดยมีอาวุธ การกระทําของจําเลยที่ 1 จึงเปน ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรคสอง, 217 และ 358 ตอมาเจา พนักงานตํารวจไดประกาศผานเครื่องกระจายเสียงวาไมใหกลุมผูชุมนุมประทวงกระทําผิด กฎหมาย ซึ่งเปนการสั่งใหเลิกมั่วสุมในการกอเหตุวุนวายขึ้นในบานเมือง ภายหลังจากที่ จําเลยที่ 1 ไดมั่วสุมและกระทําการกอความวุนวายขึ้นในบานเมืองแลว จําเลยที่ 1 จึงไมมี ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216 ที่มุงประสงคลงโทษผูที่ขัดขืนคําสัง่ ของ เจาพนักงานอันเปนการกระทําที่ยังไมถึงขั้นความผิดสําเร็จตามมาตรา 215 การวางเพลิง เผาทรัพยและทําใหเสียทรัพย เปนสวนหนึ่งของการกระทําความผิดฐานรวมกันมัว่ สุมตั้งแต สิบคนขึ้นไปกระทําการอยางหนึ่งอยางใดใหเกิดความวุนวายขึ้นในบานเมือง จึงเปนกรรม เดียวเปนความผิดตอกฎหมายหลายบท คําพพิ ากษาฎีกาที่ 5553-5554/2556 จําเลยที่ 2 กับพวกไดรวมกลุมคัดคานดวยความสงบโดยปราศจากอาวุธและมิไดใช กําลังประทุษรายใด ๆ ไดพยายามที่จะขจัดความเดือนรอนดวยการยื่นขอเรียกรองในทาง รัฐบาลและผูเสียหายลงไปแกปญหาแลว โดยขอเรียกรองดังกลาวก็สมเหตุสมผลและเปนท่ี ประจักษชัดวามีอยูจริง แตไมเปนผลและไมเคยไดรับคําตอบจากรัฐบาล จําเลยและ ผูเสียหาย ทั้งตามพฤติการณในขณะนั้นก็ไมมีวิธีการอื่นใดเลยที่จําเลยทั้งสองกับพวกจะพึง กระทําไดโดยชอบ เพราะการสรางเขื่อนขวางกั้นแมนํ้าและระเบิดหินซึ่งเปนสาธารณสมบัติ ของแผนดิน อันเปนการทําลายระบบนิเวศนที่จะสงผลกระทบตอประชาชนในพื้นที่โดยตรง กําลังดําเนินอยูอยางชัดแจง หากกระทําไปแลวยอมยากแกการแกไขใหกลับสูสภาพเดิมได จึงถือเปนภยันตรายที่ใกลจะถึง การกระทําของจําเลยที่ 2 และพวกแมเปนการมั่วสุมตั้งแต สิบคนขึ้นไปใหเกิดการวุนวายขึ้นในบานเมือง เมื่อเจาพนักงานบอกใหเลิก ไมยอมเลิก ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215, 216 และรวมกันบุกรุกในเวลากลางคืนตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 362, 365 ก็เปนการกระทําดวยความจําเปนที่ตองรวมกลุมกันและ เขายึดพื้นที่ที่มีการสรางเขื่อน จึงจะสามารถระงับยับยั้งภยันตรายดังกลาวได และการ กระทําของจําเลยที่ 2 กับพวกปราศจากอาวุธและมิไดใชความรุนแรงใด ๆ ก็เปนการ พอสมควรแกเหตุ จําเลยที่ 2 จงึ ไมตองรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67
บรรณานุกรม ทวเี กียรติ มีนะกนษิ ฐ. คําอธิบายกฎหมายอาญา ภาคความผดิ และลหโุ ทษ. พมิ พครง้ั ท่ี 18 . กรุงเทพฯ : สํานักพมิ พว ญิ ูชน, 2564. ฝายวิชาการ สาํ นกั พมิ พว ญิ ชู น. ประมวลกฎหมายอาญา. พมิ พค ร้งั ที่ 1 . กรงุ เทพฯ : สํานกั พิมพวิญชู น, 2562. สํานกั กฎหมาย นติ ริ ฐั ทนายความเชียงใหม. (2557). [ออนไลน] . เขา ถงึ ไดจ าก :https://www.facebook.com/nitiratinterlawcm/posts/492735017513829/ (วันที่คน ขอ มลู : 28 สิงหาคม 2564). สถาบันนติ ธิ รรมาลยั . (2557). [ออนไลน]. เขา ถงึ ไดจ าก :https://www.drthawip.com/criminalcode/1-60 (วนั ทค่ี น ขอมลู : 28 สงิ หาคม 2564). สาํ นักงานกฎหมาย นพนภสั ทนายความเชยี งใหม. (ไมไ ดระบุ). [ออนไลน]. เขาถงึ ไดจ าก :https://www.xn--42cgi4cjab1btnchd1exbza5gvad6dvnqc6f.com/index.html (วันที่คน ขอมลู : 28 สิงหาคม 2564). เนติบณั ฑิต๕๓. (ไมไ ดร ะบุ). [ออนไลน] . เขาถงึ ไดจาก :https://www.members.tripod.com/thaibar53/arya209-1.htm (วันทีค่ นขอมูล : 28 สงิ หาคม 2564). คนหาคาํ พพิ ากษาศาลฎกี า. (ไมไ ดร ะบุ). [ออนไลน]. เขาถึงไดจ าก :https://deka.in.th/ (วนั ที่คนขอ มลู : 28 สงิ หาคม 2564). สาํ นักกฎหมาย woody law. (ไมไดระบุ). [ออนไลน]. เขาถงึ ไดจาก :https://sites.google.com/view/chalermwut/%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E 0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8D%E0%B8 %B2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E 0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%94/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8 %A1%E0%B8%9C%E0%B8%94%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%8B%E 0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3 (วันทีค่ นขอ มูล : 28 สงิ หาคม 2564).
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: