นางสาว เจนจิรา จันทร์ช่วย คณะนิติศาสตร์ รหัสนิสิต 631081400 กฎหมายอาญา ภาคความผิด ลักษณะ ๑๐ ความผิดเกี่ยวกับชีวิตเเละร่างกาย หมวด ๒ ความผิดต่อร่างกาย
กฎหมายอาญา ภาคความผิดก คำนำ รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชากฎหมายอาญา เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่อง ราวของความผิดต่อร่างกายในวิชากฎหมายอาญาภาคความผิด โดยได้ศึกษาผ่านแหล่งความรู้ต่างๆ อาทิเช่น หนังสือ และแหล่งความรู้จากเว็บไซต์ต่างๆ ผู้จัดทำคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดทำเอกสารฉบับนี้จะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ ศึกษาวิชากฎหมายอาญาภาคความผิด หากมีสิ่งใดในรายงานฉบับนี้จะต้องปรับปรุง ข้าพเจ้าขอน้อม รับในข้อชี้แนะและจะนำไปแก้ไขหรือพัฒนาให้ถูกต้องสมบูรณ์ต่อไป นางสาว เจนจิรา จันทร์ช่วย
ความผิดต่อร่างกายข สารบัญ หน้า เรื่อง ก ข คำนำ 2 สารบัญ 6 11 การทำร้ายร่างกาย 15 - คำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้อง 20 การทำร้ายร่างกายสาหัส 23 - คำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้อง 26 การเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้ 29 - คำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้อง ต การทำาให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสโดยประมาท - คำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้อง บรรณานุกรม
1 ความผิดต่อร่างกาย 1. 2. 3. ความปลอดภัยในร่างการและจิตใจของ การเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้กัน ถือว่าเป็น การกระทำาโดยประมาทบางกรณี บุคคล ย่อมได้รับความคุ้มครองโดย ภัยสังคม ดังนั้น ถ้ามีการเข้าร่วมชุลมุน มีผลกระทบต่อความปลอดภัยใน กฎหมาย การทำร้ายร่างกาย ผู้อื่นจน ต่อสู้กันตั้งแต่สามคนขึ้นไป เป็นเหตุให้ ร่างกายของบุคคล ดังนั้น การที่ เป็นเหตุให้เขาได้รับอันตรายแก่กายหรือ บุคคลหนึ่งบุคคลใดได้รับอันตรายสาหัส บุคคลใดกระทำโดยประมาทเป็น จิตใจเป็นความผิดและถ้าผลแห่งการ กฎหมายก็เอาโทษแก่ผู้เข้าร่วมในการ เหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ชุลมุนต่อสู้ นั้นทุกคน เว้นแต่เข้าข้อยกเว้น กระทำานั้นเป็น เหตุให้ได้รับ กฎหมายจึงเอาโทษด้วย อันตราสาหัส กฎหมายเอาโทษหนักขึ้น ที่กฎหมายไม่เอาโทษ
2 1.1 การทำร้ายร่างกาย
3 การทำร้ายร่างกาย 1 2 ความผิดฐานทำร้ายร่างกายคือ การทำร้ายผู้อื่นในบางกรณีผู้กระทำต้องรับ การทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยเจตนา โทษหนักขึ้น เช่น ทำร้ายบุพการี ทำร้ายเจ้า เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย พนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ ทำร้าย หรือจิตใจ ผู้อื่นโดยไตรตองไว้ก่อน 11
มาตรา 290 ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี มาตรา 295 ถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใด ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 289 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ องค์ประกอบของความผิด มีดังนี้ กาหขรอากยง1รผเ)ูปะ้อ็ททืน่นำำภตรอ้่ยจัาอิันตนยรเ่ตใปาจห็รงนขมากกอายาางยแยรเถกขหทึ่งารำกือใาหจ้ยิเตสหีใยรจือ ถทูกำ2รท้)าำยรผคู้้ืตาออืย่นนยนัเังอ้หนมงมีตแ้ชาอลียวงิะตคมหีอวสมายภาู่มยาวพค่าวบตุา้คอมคงวลม่าิใผชู้่ 3)ขเจกอกินดงากเผผทยูป้็ามอำลหนืี่ยนรอขรเึ้ืห้หาานนอั้รยกตนคจืุิือาใตออหเจัรม้ิในืเเตส่จกปอติ็ตใมดนกิจรีฟกัเอลา่หัต่นยนาา้ตอเรวแตุฟใงทืคกรเหอื่เป้ำอจปา็ผนิ็ูนรยต้น้อกาืเจแ่ใวนิายผจกตลร่ไผลูกใดคาไ้้จือโดาืนรอด่้ัหนยรบาจยัวิแบหนอตตัาลอรน้ใืัดรวจอนตงผกจผต็รจิิตวตดรา้าาอใายปกจงยหแกกแกมตา่ิกดรไ่ปสติ องค์ประกอบภายนอก 4
5 1.) เจตนา หมายความว่าผู้กระทำได้ ลงมือกระทำโดยประสงค์ต่อผลหรือเล็ง องค์ประกอบภายใน เห็นผลว่าการกระทำของ ตนจะเป็นเหตุ ให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของ ผู้อื่นแต่ถ้าไม่เกิดผลก็เป็นพยายาม กระทำความผิด เท่านั้น มาตรา 391 ผู้ใดใช้กำาลังทำร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิด อันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวาง โทษจำาคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
6 คำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง
7 คำพิพากษาฎีกาที่ 10065/2558 โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธมีดแทงผู้ตาย ถูกบริเวณหน้าอกด้านซ้าย โดยเจตนา ฆ่าและผู้ตายถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 288 นั้น ความผิดตามฟ้องของ โจทก์ย่อมรวมถึงการทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 290 ด้วย ถือได้ว่าความผิดตามฟ้องรวมการกระทำหลายอย่าง แต่ละอย่างอาจเป็น ความผิดได้อยู่ในตัวเอง เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความ ตายตาม ป.อ. มาตรา 290 ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยในข้อหาดังกล่าว ซึ่งมีอัตราโทษ เบากว่าตามที่พิจารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย ในการพิจารณาว่า ผู้กระทำมีเจตนาทำร้ายร่างกายหรือเจตนาฆ่านั้น จะต้องพิจารณาจาก ความร้ายแรงของอาวุธ อวัยวะที่ถูกกระทำ ลักษณะบาดแผลที่ได้รับและพฤติการณ์แห่งการก ระทำอื่น ๆ ประกอบกัน ซึ่งพฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลย จะมีความสำคัญในการ วินิจฉัยถึงเจตนาของจำเลยยิ่งกว่าหลักเกณฑ์อื่น ๆ มิใช่พิจารณาแต่เพียงอาวุธ ลักษณะ อาการในการจ้วงแทง และบาดแผลที่ได้รับเท่านั้น
8 คำพิพากษาฎีกาที่ 053/2555 จำเลยที่ 1 มาขอไม่ให้ผู้เสียหายยื่นซองสอบราคาโดยจำเลยที่ 2 ก็อยู่ในบริเวณนั้น แต่ผู้เสียหายคงยืนยันจะยื่นซองสอบราคา จากนั้นจำเลยที่ 1 เดินมาพูดกับผู้เสียหายว่า \"ไอ้น้อยมึงแน่หรือ\" และตบหน้าผู้เสียหายที่บริเวณเบ้าตาขวาเป็นเหตุให้ผู้เสียหายตกจาก เก้าอี้ล้มลงที่พื้น แล้วจำเลยที่ 2 กับพวกเข้าสมทบกับจำเลยที่ 1 รุมทำร้ายผู้เสียหา ย โดยระหว่างนั้นจำเลยที่ 1 พูดในเชิงข่มขู่ผู้เสียหายว่า \"ไอ้น้อยมึงเก่งจริงมึงยื่นเลย\" พฤติการณ์แห่งคดีบ่งชี้โดยแจ้งชัดว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับพวกรุมทำร้ายผู้เสียหายเพื่อเป็น การข่มขู่มิให้ผู้เสียหายยื่นซองสอบราคาจ้างเหมางานที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นพี่ชายต่างบิดา ของจำเลยที่ 2 ขอไม่ให้ผู้เสียหายยื่นในวันเกิดเหตุ ดังนี้ จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 295, 309 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 แม้จำเลยที่ 2 ไม่ได้ยื่นซองสอบราคา ในวันเกิดเหตุตามที่จำเลยที่ 2 อ้างก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 2 ร่วมใช้กำลังประทุษร้ายต่อ ผู้เสียหายเพื่อให้จำยอมไม่เข้าร่วมในการเสนอราคาตามประกาศสอบราคาจ้างเหมาในเหตุ คดีนี้จนผู้เสียหายต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลจากแพทย์ที่โรงพยาบาลและไม่กล้ายื่นซอง สอบราคาภายในกำหนด ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิด เกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 6 อีกฐานหนึ่งด้วย
9 จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายทั้งหกและขู่ผู้เสียหายทั้งหกจนผู้เสียหายทั้งหกหาเงินมาให้ คำพิพากษาฎีกาที่ จำเลยคนละ 1,000 บาท แม้จำเลยจะปักใจเชื่อโดยสุจริตว่า ผู้เสียหายทั้งหกลักเงินจำเลย 11466/2554 ไป จำเลยก็ชอบที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายโดยไปแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่ผู้เสียหาย ทั้งหกได้ในทันที จำเลยหามีสิทธิตามกฎหมายที่จะดำเนินการได้ด้วยตนเองไม่ ทั้งวิธีการ ที่จำเลยทำเป็นสิ่งที่ผิดต่อกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกาย และกรรโชกอันเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
10 จำเลยกับผู้เสียหายอยู่กินด้วยกันฉัน สามีภริยาและทำงานอยู่ที่เดียวกัน จำเลยเป็นผู้ซื้อ คำพิพากษาฎีกาที่ สร้อยคอทองคำให้ผู้เสียหาย บางครั้งจำเลยก็นำไปใช้เอง วันเกิดเหตุจำเลยทราบว่าผู้เสียหาย 4441/2530 จะไปเที่ยวจึงได้ไปพูดห้ามปราม ผู้เสียหายไม่ยอมเชื่อ จึงเกิดการโต้เถียง กัน จำเลยโมโหจึงดึง สร้อยคอที่ผู้เสียหายใส่อยู่ขาดและเอาสร้อยนั้นไป แสดงว่าจำเลยเอาสร้อยไปเพื่อต้องการมิให้ ผู้เสียหายนำสร้อยติดตัวไปด้วยเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตอันจะเป็นความผิดฐาน ลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์ จำเลยดึง สร้อยที่ผู้เสียหายใส่อยู่ขาดแล้วผลักผู้เสียหายเซ ไปผู้เสีย หายมีบาดแผลเพราะโดน เล็บ ที่หน้าอกแต่โลหิตไม่ไหลเป็นความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึง กับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ ตาม ป.อ. มาตรา 391 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษ จำเลยฐานชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งรวมการกระทำผิดฐานทำร้ายร่างกายอยู่ในตัว ศาลย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำร้ายร่างกายดังกล่าวได้.
11 1.2 การทำร้ายร่างกายสาหัส
12 01 ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ถ้าทำให้ผู้ถูกทำร้ายเป็น อันตรายสาหัสผู้กระทำต้องรับโทษหนักขึ้น 02 ในบางกรณีหากอันตรายสาหัสเกิดแก่บุคคลบางประเภท หรือเป็นผลมาจากการกระทำภายใต้ พฤติการณ์พิเศษ กฎหมายก็ลงโทษหนักขึ้น
13 มผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ถ้าความผิดนั้น มีลักษณะประการหนึ่งประการใดดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา ๒๘๙ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 296 ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส มาตรา 297 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสองแสนบาท (1) ตาบอด หูหนวก ลิ้นขาด หรือเสียฆานประสาท อันตรายสาหัสนั้น คือ (7) ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บเรื้อรัง ซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต (2) เสียอวัยวะสืบพันธุ์ หรือความสามารถสืบพันธุ์ (4) หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว (8) ทุพพลภาพหรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเ (3) เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้วหรืออวัยวะอื่นใด (5) แท้งลูก กินกว่ายี่สิบวัน (6) จิตพิการอย่างติดตัว หรือจนประกอบกรณียกิจ ตามปกติไม่ได้ เกินกว่ายี่สิบวัน
14 มาตรา 298 ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา ๒๙๗ ถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใดดังที่ บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๘๙ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึง สองแสนบาท
15 คำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง
16 คำพิพากษาฎีกาที่ 6020/2259 พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ร่วมเดินทางไปกับพวกไปที่เกิดเหตุโดยทราบมาก่อนแล้วว่าพวก ของจำเลยที่ 1 จะไปทำร้ายผู้เสียหาย และหลังเกิดเหตุก็หลบหนีไปด้วยกัน ย่อมแสดงให้เห็นว่า จำเลยที่ 1 มีเจตนาที่จะร่วมทำร้ายผู้เสียหายกับพวกซึ่งมีการคิดไตร่ตรองไว้ก่อนแล้ว จึงฟังได้ ว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาเพียงต้องการทำร้ายผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเท่านั้น แต่เมื่อผล การกระทำของพวกจำเลยที่ 1 ไม่ทำให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ แต่พลาดไปถูกผู้ตายจนเป็น เหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผลแห่งการกระทำนั้น จำเลยที่ 1 จึงมีความ ผิดฐานร่วมกันพยายามทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตาม ป.อ. มาตรา 296 ประกอบมาตรา 80 และฐานทำร้ายผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและไม่มีเจตนาฆ่า แต่เป็นเหตุให้ ผู้นั้นถึงแก่ความตายโดยพลาด ตาม ป.อ. มาตรา 290 วรรคสอง ประกอบมาตรา 60 อัน เป็นความผิดหลายอย่างซึ่งรวมอยู่ในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยพลาดตามที่โจทก์ฟ้อง และเป็นความผิดได้ในตัว ศาลฎีกา สามารถลงโทษในความผิดดังกล่าวตามที่ได้ความได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 215 และ 225
117 การที่จำเลยใช้ไม้ตีแล้วกอดปล้ำผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจและแต่งเครื่องแบบ คำพิพากษาฎีกาที่ ตำรวจออกตรวจท้องที่ ในขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในงานวัด ไม่ว่าการ 2741/2550 ทำร้ายร่างกายดังกล่าวจะมีมูลเหตุมาโดยประการใด ก็เป็นกรณีที่ถือได้ว่าจำเลยได้ทำร้าย ร่างกายเจ้าพนักงานตำรวจผู้กระทำการตามหน้าที่ เพราะการที่ผู้เสียหายกำลังปฏิบัติหน้าที่ ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในงานวัด เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย การกระทำ ของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตาม ป.อ. มาตรา 296
18 ความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมาย คำพิพากษาฎีกาที่ อาญามาตรา297เป็นเหตุที่ทำให้ผู้กระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา295ต้อง 313/2529 รับโทษหนักขึ้นเพราะผลที่เกิดจากการกระทำโดยที่ผู้กระทำไม่จำต้องมีเจตนาต่อผลที่ทำให้ ต้องรับโทษหนักขึ้นตัวการที่ร่วมทำร้ายผู้อื่นแม้จะไม่มีเจตนาให้ผู้นั้นได้รับอันตรายสาหัสหรือ มิได้เป็นผู้ลงมือกระทำให้เกิดผลขึ้นก็ต้องรับผิดในผลนั้นด้วยในระหว่างที่จำเลยทั้งสามรุมชก ต่อยผู้เสียหายจำเลยที่1ใช้มีดคัดเตอร์กรีดใบหน้าผู้เสียหายเป็นแผลเสียโฉมติดตัวจำเลย ที่2และที่3ต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมทำร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตราย สาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา297(4)ด้วยแต่ศาลลงโทษน้อยกว่าจำเลยที่1ผู้ เป็นต้นเหตุ. (ประชุมใหญ่ครั้งที่12/2
19 จำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่ได้เข้าไปร่วมทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วมตามที่วางแผนกันไว้ โดยอยู่ที่ รถจักรยานยนต์ซึ่งจอดอยู่ด้านหลังรถยนต์ของโจทก์ร่วมซึ่งเป็นระยะที่ใกล้ชิดกับสถานที่เกิด เหตุ อยู่ในลักษณะที่อาจเข้าไปช่วยเหลือให้การกระทำความผิดสำเร็จ มีลักษณะแบ่งหน้าที่กัน คำพิพากษาฎีกาที่ ทำ แต่การที่พวกของจำเลยใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วม เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าอย่าง 2494/2562 กะทันหันโดยจำเลยที่ 1 และที่ 3 มิได้คบคิดนัดหมายมาก่อน จึงถือไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าโจทก์ร่วมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ต้องรับผลแห่งการกระทำของพวกด้วย จำเลยที่ 1 และที่ 3 จึงเป็นตัวการกระทำความ ผิดฐานทำร้ายจนเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมรับอันตรายสาหัสโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตาม ป.อ. มาตรา 298 อันเป็นความผิดหลายอย่างซึ่งรวมอยู่ในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดย ไตร่ตรองไว้ก่อน และเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ศาลฎีกาลงโทษในความผิดดังกล่าวตามที่ พิจารณาได้ความได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225 แม้โจทก์ไม่ได้ฎีกาขอให้ลงโทษก็ตาม เพราะการปรับบทลงโทษเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 แต่เมื่อโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษ จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฐานร่วมกันทำร้ายจนเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมรับอันตรายสาหัสตามคำ พิพากษาศาลชั้นต้นเท่านั้น จึงไม่อาจกำหนดโทษให้สูงขึ้นในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายจนเป็น เหตุให้โจทก์ร่วมรับอันตรายสาหัสโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตาม ป.อ. มาตรา 298 เพราะจะ เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มา
20 1.3 การเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้
21 1. การชุลมุนต่อสู้กัน เป็นการยากที่จะพิสูจน์ว่าใครทำร้ายใครอย่างไร กฎหมายจึงเอาโทษผู้เข้าร่วม ชุลมุนต่อสู้ทุกคนไม่ว่าอันตรายสาหัสนั้น จะเกิดจากการกระทำของผู้ใด 2. การเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้แม้กฎหมายเอาโทษ แต่ถ้าผู้เข้าร่วมชุลมุนต่อสู้พิสูจน์ ได้ว่าการกระทำของ ตนเข้าข้อยกเว้นของกฎหมายแล้ว ย่อมไม่ต้องรับโทษ
22 มาตรา 299 ผู้ใดเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลแต่สามคนขึ้นไป และบุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการ นั้นหรือไม่รับอันตรายสาหัส โดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสอง หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ วรรคสอง ถ้าผู้ที่เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้นั้นแสดงได้ว่า ได้กระทำไปเพื่อห้ามการชุลมุนต่อสู้นั้น หรือเพื่อป้องกัน โดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ องค์ประกอบภายนอก องค์ประกอบภายใน 1) เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ เจตนา องค์ประกอบของความผิดมีดังนี้ 2) ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป 3) บุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ว่าจะเป็นผู้ เข้าร่วมในการนั้นหรือไม่ รับอันตราย สาหัสโดยการกระทำใน การชุลมุน ต่อสู้นั้น
23 คำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง
24 ความผิดฐานเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปและบุคคลหนึ่ง คำพิพากษาฎีกาที่ บุคคลใดไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้นหรือไม่รับอันตรายสาหัส เป็นกรณีที่กฎหมายมุ่ง 3610/2562 ประสงค์จะลงโทษผู้ที่เข้าร่วมในการต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป ท่ามกลางความ ชุลมุนหรือสับสนวุ่นวายโดยไม่ทราบว่าผู้ใดหรือฝ่ายใดเป็นผู้ทำร้าย การที่จำเลยที่ 1 กับพวก ฝ่ายหนึ่ง กับจำเลยที่ 2 กับพวกอีกฝ่ายหนึ่ง สมัครใจวิวาทต่อสู้กัน ไม่ว่าจะเกิดการชุลมุนหรือ ไม่ การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมไม่เป็นความผิดฐานด
25 ความผิดฐานเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และบุคคลหนึ่ง คำพิพากษาฎีกาที่ บุคคลใดไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้นหรือไม่รับอันตรายสาหัส โดยการกระทำในการ 8737/2553 ชุลมุนต่อสู้นั้น เป็นกรณีที่กฎหมายมุ่งประสงค์จะลงโทษผู้ที่เข้าร่วมในการต่อสู้ระหว่างบุคคล ตั้งแต่สามคนขึ้นไป ท่ามกลางความชุลมุนหรือสับสนวุ่นวาย โดยไม่ทราบว่าผู้ใดหรือฝ่ายใด เป็นผู้ทำร้าย คดีนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ฝ่ายหนึ่ง กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 อีกฝ่ายหนึ่ง สมัครใจวิวาทต่อสู้กัน ไม่ว่าจะเกิดการชุลมุนหรือไม่ จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ย่อมมีความผิดฐาน ร่วมกันทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ส่วนจำเลยที่ 1 มีความผิด ฐานทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 2 เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่าจำเลย ทั้งห้ามีความผิดฐานเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
26 1.4 การทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส โดยประมาท
1. การกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตราสาหัส กฎหมายเอาโทษทางอาญาด้วยแม้ว่ามิได้ กระทำโดยเจตนา ก็ตาม 2. ความไม่รู้ข้อเท็จจริงหรือความสำคัญผิดโดยประมาท เมื่อได้กระทำไปจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับ อันตรายสาหัส ผู้ กระทำย่อมต้องรับโทษตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย 27
28 มาตรา 300 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่ เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ องค์ประกอบของความผิดมีดังนี้ องค์งค์ประกอบภายนอก 1) กระทำาด้วยประการใดๆ 2) เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส องค์ประกอบภายใน ประมาท
29 คำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง
30 คำพิพากษาฎีกาที่ 7147/2562 แม้โจทก์จะยื่นฟ้องจำเลยเฉพาะความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตาม ป.อ. มาตรา 291 แต่โจทก์ก็บรรยายฟ้องว่า การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้ผู้ร้องได้รับ อันตรายสาหัส ผู้ร้องจึงเป็นผู้เสียหายมีสิทธิเรียกร้องทางแพ่งฐานมูลละเมิดเรียกร้องให้จำเลย ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุได้รับอันตรายแก่ร่างกายโดยอาศัยมูลคดีอาญาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 44/1 และแม้คดีส่วนแพ่งของผู้ร้องจะขาดอายุความเนื่องจากไม่มีการฟ้องร้องดำเนิน คดีอาญาแก่จำเลยในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสตาม ป.อ. มาตรา 300 ภายในอายุความสิบปีตาม ป.วิ.อ. มาตรา 51 ประกอบ ป.พ.พ. มาตรา 448 วรรคสอง ตามที่จำเลยฎีกาก็ตาม แต่ ป.วิ.อ. มาตรา 40 ก็บัญญัติว่า คำพิพากษาส่วนแพ่งต้องเป็นไป ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ดังนั้น เมื่อจำเลยไม่ได้ยกปัญหา เรื่องอายุความขึ้นต่อสู้ในคำให้การ คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความ การที่ศาลชั้นต้นหยิบยก เอาอายุความมาเป็นเหตุยกคำร้องของผู้ร้องจึงไม่ชอบ ต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/29 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) และถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาโดยชอบในศาลชั้นต้น ทั้งไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยที่จำเลยสามารถหยิบยกขึ้นในชั้น ฎีกาได้
ความผิดต่อร่างกายค บรรณานุกรม สำนักงานกฎหมาย นพนภัส ทนายความเชียงใหม่ (ไม่ระบุปีที่พิมพ์).[ออนไลน์] สืบค้น 18 กันยายน https://www.นพนภัสทนายความเชียงใหม่.com/ประมวลกฎหมายอาญา%20มาตรา%20295.html https://www.นพนภัสทนายความเชียงใหม่.com/ประมวลกฎหมายอาญา%20มาตรา%20299.html https://www.นพนภัสทนายความเชียงใหม่.com/ประมวลกฎหมายอาญา%20มาตรา%20298.html https://www.นพนภัสทนายความเชียงใหม่.com/ประมวลกฎหมายอาญา%20มาตรา%20299.html https://www.นพนภัสทนายความเชียงใหม่.com/ประมวลกฎหมายอาญา%20มาตรา%20299.html สถาบันนิติธรรมาลัย (ไม่ระบุปีที่พิมพ์).[ออนไลน์] สืบค้นเมื่อวันที่ 10 กันยายน https://www.drthawip.com/criminalcode/1-43 กฎหมายอาญา 2 (ชมรมนศ.มสธ.ราชบุรี) (2560).[ออนไลน์] สืบต้นเมื่อวันที่ 12 กันยายน https://kupdf.net/download/-2-_597b0a8fdc0d602d242bb181_pdf#
Search
Read the Text Version
- 1 - 34
Pages: