สรปุ องคค์ วามรู้
เน้ือหา การเขียนบทความวิชาการและ บทความวิจัย เพื่อตีพิมพ์ในวารสาร ระดบั ชาติและระดบั นานาชาติ สาหรับ นิสิตระดบั บณั ฑิตศึกษา ทฤษฎี ความหมาย ขอบเขต แ น ว คิ ด ค ว า ม ส า คัญ ท า ง น ว ัต ก ร ร ม เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา
การเขียนบทความวิชาการและบทความวิจยั เพ่ือตีพิมพใ์ นวารสารระดบั ชาติและระดบั นานาชาติ สาหรบั นิสิตระดบั บณั ฑิตศึกษา
11 Steps to organizing your manuscript 1. Prepare the figures and tables. 2. Write the Methods. 3. Write up the Results. 4. Write the Discussion. 5. Write a clear Conclusion. 6. Write a compellingintroduction. 7. Write the Abstract. 8. Compose a concise and descriptive Title. 9. Select Keywords for indexing. 10. Write the Acknowledgements. 11. Write up the References.
Step 1: Prepare the figures and tables ขนั้ ตอนท่ี 1: เตรียมตวั เลขและตาราง ภาพประกอบรวมถึงตวั เลขและตารางเป็นวธิ ที ่มี ปี ระสิทธิภาพท่สี ุดในการ นาเสนอผลลพั ธข์ อ้ มูล ดงั น้ันภาพประกอบจึงมคี วามสาคญั การตดั สินใจเลือก ระหวา่ งการนาเสนอขอ้ มูลเป็นตารางหรือตวั เลขโดยทว่ั ไปตารางจะใหผ้ ลลพั ธก์ าร ทดลองจริง และตวั เลขมกั จะใชส้ าหรับการเปรียบเทยี บผลการทดลองกบั ผลงานกอ่ น หนา้ หรือกบั การคานวณ / คา่ ทางทฤษฎี Step 2: Write the Methods ขนั้ ตอนท่ี 2: การเขยี นวธิ กี ารศึกษาปัญหา การนาเสนอวธิ กี ารใหมจ่ ะตอ้ งรวมขอ้ มูลโดยละเอยี ดเพ่ือใหผ้ ูอ้ า่ นท่มี ี ความรูส้ ามารถท่จี ะทาซา้ การทดสอบได้ และควรใชก้ ารอา้ งองิ เพ่ือระบุขนั้ ตอนท่ี เผยแพร่ Step 3: Write up the Results ขนั้ ตอนท่ี 3: \"คุณพบอะไร\" ควรนาเสนอผลลพั ธท์ ่เี ป็นตวั แทนจากการวจิ ยั ของคุณเทา่ น้ัน ผลลพั ธ์ ควรมคี วามสาคญั สาหรบั การอภิปรายเพ่ือเสริมขอ้ สรุป กาหนดหมายเลขสว่ นยอ่ ย เพ่ือความสะดวกในการอา้ งองิ โยงภายใน แตต่ อ้ งคานึงถึงคาแนะนาของผูจ้ ดั พมิ พ์ สาหรบั ผูเ้ ผยแพร่เสมอ สาหรบั ขอ้ มูลใหเ้ ลือกคาส่งั เชงิ ตรรกะท่บี อกเลา่ เร่ืองราวท่ี ชดั เจนและทาใหเ้ ขา้ ใจงา่ ย โดยทว่ั ไปจะอยูใ่ นลาดบั เดยี วกบั ท่แี สดงในสว่ นวธิ กี าร และในสว่ นน้ีไมค่ วรมกี ารอา้ งองิ
Step 4: Write the Discussion ขนั้ ตอนท่ี 4: การเขยี นความหมายของผลลพั ธ์ เป็นสว่ นท่งี า่ ยท่สี ุดในการเขยี น แตส่ ว่ นท่ยี ากท่สี ุดคือความถูกตอ้ ง เพราะ เป็นสว่ นท่สี าคญั ท่สี ุดของบทความ เพ่ือจะไดร้ บั โอกาสในการเผยแพร่ขอ้ มูลของคุณ ตอ้ งทาใหส้ อดคลอ้ งกบั ผลลพั ธ์ แตไ่ มต่ อ้ งยา้ ผลลพั ธ์ จะตอ้ งเปรียบเทยี บผลลพั ธท์ ่ี เผยแพร่ (ใชข้ อ้ มูลอา้ งองิ บางสว่ นท่อี ยูใ่ นบทนา) Step 5: Write a clear Conclusion ขน้ั ตอนท่ี 5: เขยี นบทสรุป ตอ้ งมสี รุปท่ชี ดั เจน ขอ้ ผดิ พลาดทว่ั ไปในสว่ นน้ีคือการทาซา้ บทคดั ยอ่ หรือ เพยี งแคแ่ สดงรายการผลการทดลอง ควรใหเ้ หตุผลท่ชี ดั เจนและระบุการใชแ้ ละสว่ น ขยายตามความเหมาะสม สามารถเสนอขอ้ สรุปและขอ้ เสนอท่เี ฉพาะเจาะจงท่เี ป็น ปัจจุบนั ท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั วตั ถุประสงค์ Step 6: Write a compellingintroduction ขนั้ ตอนท่ี 6: เขยี นคานา การเขยี นคานาใหน้ ่าสนใจ ตอ้ งโนม้ นา้ วผูอ้ า่ นใหร้ ูว้ า่ ทาไมงานของคุณถึง มปี ระโยชน์ ควรพูดถึงดงั น้ี : ปัญหาท่ตี อ้ งแกไ้ ขคืออะไร มวี ธิ แี กป้ ัญหาใดบา้ ง อนั ไหนดที ่สี ุด? ขอ้ จากดั หลกั คืออะไร? คุณหวงั วา่ จะบรรลุส่ิงใด
Step 7: Write the Abstract ขนั้ ตอนท่ี 7: เขยี นบทคดั ยอ่ บทคดั ยอ่ จะบอกผูอ้ า่ น วา่ คุณทาอะไร ส่ิงท่คี น้ พบท่สี าคญั ในการวจิ ยั ของ คุณคืออะไร เป็นคาอธิบายสน้ั ๆ เก่ยี วกบั มุมมองและวตั ถุประสงคข์ องบทความ ให้ ผลลพั ธท์ ่สี าคญั แตล่ ดรายละเอยี ดการทดลองใหน้ อ้ ยท่สี ุด Step 8: Compose a concise and descriptive Title ขนั้ ตอนท่ี 8: เขยี นช่ือ ช่ือเร่ืองใหก้ ระชบั และมคี วามหมาย จะตอ้ งอธิบายส่ิงท่เี ก่ยี วกบั วงกวา้ ง เป็นโอกาสแรกท่คี ุณจะไดร้ ับความสนใจจากผูอ้ า่ น ตอ้ งหลกี เล่ยี งศพั ทท์ างเทคนิคและ ตวั ยอ่ หากเป็นไปได้ เน่ืองจากคุณตอ้ งดึงดูดผูอ้ า่ นใหม้ ากท่สี ุด อุทศิ เวลาคดิ เก่ยี วกบั ช่ือเร่ืองและหารือกบั ผูเ้ ขยี นร่วมของคุณ Step 9: Select Keywords for indexing ขน้ั ตอนท่ี 9: เลือกคาหลกั สาหรบั การจดั ทาดชั นี คาหลกั ใชส้ าหรบั การจดั ทาดชั นี ควรตรวจสอบคาแนะนาสาหรบั ผูแ้ ตง่ และดูจานวนคาหลกั ท่ยี อมรับ คาจากดั ความพจนานุกรม ชว่ งและคาขอพเิ ศษอ่ืน ๆ
Step 10: Write the Acknowledgements ขนั้ ตอนท่ี 10: เขยี นขอ้ ความขอบคุณ (กติ กิ รรมประกาศ) คุณสามารถขอบคุณคนท่มี สี ว่ นร่วมในตน้ ฉบบั ขอบคุณหน่วยงานระดม ทุนของคุณหรือหน่วยงานท่ใี หท้ ุน Step 11: Write up the References ขน้ั ตอนท่ี 11: เขยี นการอา้ งองิ โดยปกตแิ ลว้ มขี อ้ ผดิ พลาดในการอา้ งองิ มากกวา่ ในสว่ นอ่ืน ๆ ในขอ้ ความ คุณตอ้ งอา้ งองิ ส่ิงพมิ พท์ งั้ หมดท่มี ใี นงานของคุณ แตอ่ ยา่ ทาใหเ้ กนิ จริงจากตน้ ฉบบั ท่มี ี การอา้ งองิ มากเกนิ ไป หลกี เล่ยี งการอา้ งองิ ตนเองมากเกนิ ไปและการอา้ งองิ ส่ิงพิมพ์ มากเกนิ ไปจากภูมิภาคเดยี วกนั
ทฤษฎี ความหมาย ขอบเขต แนวคิด ความสาคญั ทางนวตั กรรม เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา
นวตั กรรมทางการศึกษา - ทฤษฎีการสอน เทคโนโลยี IT NON IT - วิธีการสอน - เครื่องมือ - อุปกรณ์ ดดั แปลงจากของเดิม สิ่งประดิษฐใ์ หม่ แนวความคิดใหม่ นวตั กรรม วิธีการปฏิบตั ิใหม่ ช่วยใหก้ ารทางานมี ประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลสงู กว่าเดิม และยงั ช่วย ประหยดั เวลาและ แรงงาน
นวตั กรรมทางการศึกษา computer Future Projector Social นวตั กรรมทาง LCD CAI media for Learning เทคโนโลยี สารสนเทศ E-Learning Learning WBI Object Education คานึงถึงความ Facilities Tools เหมาะสม Budget people
นวตั กรรมทางการศึกษา ยุคสมยั ของการใชน้ วตั กรรม Smart Electronic board Projector Devices White Black board Flipped Classroom board Activity-Based Learning สถาน รูปแบบการสอนใหม่ Problem-Based Learning ศึกษาท่ี วธิ กี ารปฏบิ ตั ใิ หม่ Small Group Learning ขาดความ แนวความคดิ ใหม่ Collaborative Learning พรอ้ มดา้ น สง่ิ ประดิษฐใ์ หม่ เทคโนโลยี Color Paper Tag ดดั แปลงจากของเดิม
นวตั กรรมทางการศึกษา Innovator 2.5% กลุ่มที่ตอ้ งการใช้ นวตั กรรม สนใจ ที่จะเรียนรู้ Early adopter 13.5% กลุ่มที่พรอ้ ม จะเปล่ียนแปลง เม่ือเห็นคนอื่นใช้ Early majority 34% กลุ่มที่ พรอ้ มจะเปล่ียนแปลง แต่จะ ระมดั ระวงั และใชเ้ หตุผลเพ่ือ ตอ้ งการความมดั ใจในการใช้ Late majority 34% กลุ่มท่ีจะ เปลี่ยนแปลงตนเองชา้ ท่ีสดุ จะเปลี่ยนแปลงเม่ือโดนสงั่ ใหท้ า Laggard 16% กลุ่มที่ล่าหลงั กลุ่มท่ีมีอายุ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง การยอมรบั นวตั กรรม (Everret M. Roger)
Thank You ณฐั กานต์ วงศใ์ หญ่ รหสั 61170195 นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา บริหารการศึกษา วิทยาลยั การศึกษา มหาวิทยาลยั พะเยา
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: