1 รายงานโครงงานวิทยาศาสตร ประเภททดลอง เรอ่ื ง การศึกษาประสทิ ธภิ าพของสมนุ ไพรเพ่ือใชท าํ แชมพกู าํ จดั เหา โดย 1. เด็กหญิงวาสนา แจม บุญมา 2. เด็กหญิงณัฐลิดา ไตรสุ 3. เดก็ หญงิ วรศิ รา รวดเร็ว ครูทปี่ รกึ ษา นางสาวเมตตา ชาญฉลาด นางสาวจริยา มาบญุ โรงเรยี นบานแกง สาํ นกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 รายงานฉบบั นเ้ี ปนสวนประกอบของโครงงานวทิ ยาศาสตร ประเภททดลอง ระดบั ชั้นประถมศึกษาปท ่ี 4 – 6 เนอ่ื งในงานมหกรรมความสามารถทางศลิ ปหัตถกรรม วชิ าการ และเทคโนโลยขี องนกั เรยี น ปการศึกษา 2562 วนั ท่ี 27 เดือน กนั ยายน พ.ศ.2562
2 เร่ือง การศึกษาประสิทธิภาพของสมนุ ไพรเพื่อใชท ําแชมพูกาํ จัดเหา โดย 1. เด็กหญงิ วาสนา แจม บญุ มา 2. เดก็ หญิงณฐั ลดิ า ไตรสุ 3. เดก็ หญงิ วริศรา รวดเร็ว ครูทป่ี รกึ ษา นางสาวเมตตา ชาญฉลาด นางสาวจรยิ า มาบญุ
3 ชื่อเรอื่ ง การศกึ ษาประสิทธภิ าพของสมุนไพรเพื่อใชทาํ แชมพกู าํ จดั เหา ผูจดั ทํา 1. เด็กหญิงวาสนา แจม บุญมา 2. เดก็ หญิงณัฐลิดา ไตรสุ ครทู ่ีปรึกษา 3. เด็กหญิงวริศรา รวดเร็ว โรงเรียน โรงเรยี นบา นแกง 1. นางสาวเมตตา ชาญฉลาด ปก ารศกึ ษา 2. นางสาวจรยิ า มาบุญ 2562 บทคดั ยอ โครงงานเรอ่ื ง การศึกษาประสิทธิภาพของสมุนไพรเพอื่ ใชท าํ แชมพูกําจดั เหา คณะผจู ดั ทําได เห็นความสําคัญของปญ หาเหา ซึ่งเปนปญหาทสี่ งผลกระทบตอ สุขภาพของนักเรียน จึงไดค ดิ คนหาวธิ ี ท่ีจะกําจดั เหาโดยการศึกษาประสทิ ธิภาพของสมุนไพรในทองถิน่ เชน ใบยาสบู ใบนอยหนา มะกรดู และใบยคู าลปิ ตสั เพื่อนาํ มาเปน สวนผสมในการทําแชมพสู มนุ ไพรกาํ จัดเหา ซงึ่ เปนทรพั ยากรท่มี ีอยู ในทอ งถน่ิ และมีสรรพคณุ ทส่ี ามารถกาํ จดั เหาไดท ง้ั ยงั ไมเ ปน อนั ตรายตอ สุขภาพของผูใช จากการ ทดลองพบวา ใบยาสบู มีประสทิ ธิภาพดีทีส่ ุดในการกําจัดเหา รองลงมาคอื ใบนอยหนา มะกรดู สว น ยคู าลิปตัสใหผลในการกาํ จัดเหาไดไมด ี สตู รการเตรยี มสารละลายความเขมขน ท่ีเหมาะสมในการทาํ แชมพูสมุนไพรกาํ จดั เหา คอื สมนุ ไพร 100 กรัมตอ นํา้ 500 มลิ ลิลิตร และใชเ วลาประมาณ 20 นาที เพือ่ ใหแชมพเู กิดประสิทธภิ าพ สูงสุด ทําใหเหาตายท้งั หมด จากการทดลองใชแ ชมพูสมนุ ไพรจากใบยาสบู กาํ จัดเหาอยางสมํ่าเสมอ พบวา นกั เรียนทเ่ี ปนเหามีจํานวนลดลง คณะผูจดั ทําโครงงาน
4 กติ ติกรรมประกาศ โครงงานเร่อื ง การศกึ ษาประสทิ ธภิ าพของสมนุ ไพรเพอ่ื ใชทาํ แชมพกู ําจัดเหา ผูจัดทําไดรับ ทุนสนบั สนนุ จากเงนิ งบประมาณของโรงเรียน บา นไทรงาม และไดร บั การสนับสนุนจากทาน ผูอาํ นวยการโรงเรยี น (นายวสุกฤต สุวรรณเทน ) ตลอดจนไดรบั ความอนุเคราะหจากหัวหนา กลุม สาระการเรียนรูวิทยาศาสตร (คุณครูเมตตา ชาญฉลาด ) ไดอนุญาตใหใชหองปฏิบัติการ ทาง วทิ ยาศาสตร เครอ่ื งมือและอปุ กรณตา งๆ เปนอยา งดยี ่ิง และขอ เสนอแนะในการแกป ญ หาตางๆ ระหวา งทําโครงงาน ตลอดจนแนะนาํ เอกสาร ตําราตา งๆท่ใี ชส ําหรบั ศกึ ษาคน ควา งานหองสมดุ ทไี่ ด อาํ นวยความสะดวกในการคนหาขอ มูลและเอกสารที่ใชใ นดําเนนิ การทดลองและผูปกครองของคณะ ผูจ ัดทําโครงงานใหค วามชวยเหลือสนับสนุน การทาํ งานทกุ ๆดา นคณะผูจัดทําโครงงานวิทยาศาสตร จงึ ใครขอขอบพระคณุ ทุกทาน ดังกลา ว ขา งตน ไว ณ ท่ีนี้เปนอยา งสูง คณะผูจัดทาํ โครงงาน 26 สงิ หาคม 2562
สารบัญ 5 เรอ่ื ง หนา ก บทคัดยอ ข กิตติกรรมประกาศ 1 บทที่ 1 บทนํา 1 ท่ีมาและความสําคัญ 1 จุดมงุ หมายในการศึกษา 2 สมมตฐิ าน 2 ตัวแปรท่ีศึกษา 2 ขอบเขตของการศกึ ษาคน ควา 3 บทท่ี 2 เอกสารทีเ่ ก่ียวของ 3 โรคเหา 6 สมุนไพรทใี่ ชกําจัดเหา 10 แชมพู 12 บทที่ 3 อุปกรณและวธิ กี ารดาํ เนินการ 12 15 วิธกี ารทดลอง 15 บทท่ี 4 ผลการดาํ เนินการ 18 18 ตารางบนั ทกึ ผลการทดลอง 18 บทท่ี 5 สรปุ อภิปรายผล ขอ เสนอแนะ 18 19 สรุปผลการทดลอง 20 อภิปรายผลการทดลอง 21 ประโยชนท่ีคาดวา จะไดรับ ขอ เสนอแนะ บรรณานุกรม ภาคผนวก สารบัญตาราง
6 ตารางที่ หนา ท่ี 1 ตารางการเปรยี บเทียบประสทิ ธภิ าพของสารสกดั จากสมนุ ไพรในการกําจดั เหา 15 ความเขมขนของสมนุ ไพรแตล ะชนิด 50 กรัม/ น้ํา 500 มลิ ลิลิตร 15 2 ตารางการเปรยี บเทยี บประสทิ ธภิ าพของสารสกัดจากสมนุ ไพรในการกําจัดเหา ความเขมขนของสมนุ ไพรแตล ะชนดิ 100 กรัม/ นํ้า 500 มิลลิลติ ร 16 17 3 ตารางสรุปความเขม ขนและเวลาที่เหมะสมในการทดสอบประสิทธภิ าพของสมนุ ไพร 4 ตารางการทดสอบสมบตั ิของแชมพูกาํ จัดเหาที่จัดทําขน้ึ จากการสอบถามความพึงพอใจ ของกลมุ ตวั อยา ง
สารบญั รปู ภาพ 7 ง ภาพท่ี 1 รปู มะกรูด ภาพท่ี 2 รูปใบยาสูบ หนา ภาพท่ี 3 รปู ใบนอ ยหนา ภาพที่ 4 รปู ยคู าลปิ ตสั 6 8 9 9
8 บทที่ 1 บทนาํ ทีม่ าและความสาํ คัญของโครงงาน เนอ่ื งจากเหาเปน ปญหาท่สี าํ คัญมากในกลมุ นกั เรยี นหญงิ ระดับประถมศกึ ษา ซ่งึ เหาเปน ปรสติ ทด่ี ดู เลือดคน เหาเปนแมลงขนาดเลก็ ไมม ีปก ลําตวั แบน ตวั เต็มวยั เพศผมู ขี นาด 2-3 มม. เพศ เมยี 2.4-3.6 มม. โดยจะเกาะตดิ กับเสนผมระยะไข 7-10 วนั ตวั เต็มวยั เพศผมู อี ายุ 29 วนั เพศเมีย 31 วนั ทําใหเ กิดอาการคนั นอกจาก นี้ยงั ทาํ ใหนกั เรยี นเสียสมาธิในการเรียน เสียบุคลกิ ภาพ และยังเปนพาหะนาํ ไปตดิ ผอู ่ืนได การกําจัด เหาโดยทว่ั ไปมักจะใชสารเคมที ีเ่ ปน อนั ตรายซึง่ มีผลตอ ผวิ หนัง เขาตาอาจทําใหต าอักเสบถงึ บอดได โรงเรียนบานแกง ในปก ารศกึ ษา 2562 พบปญหาโรคเหาซง่ึ เกดิ ขนึ้ กับนกั เรยี นหญงิ เปนจํานวนมาก ซง่ึ เปน ปญหาดา นสขุ ภาพทีต่ อ งไดรบั การแกป ญหาอยา งเรง ดว น ผจู ดั ทําโครงงานไดเห็นความสําคญั ของปญ หาน้จี งึ ไดค ิดคนหาวธิ ีที่จะกําจดั เหาโดยการศึกษา ประสิทธิภาพของสมุนไพรในทองถ่ิน เชน ใบยาสบู ใบนอ ยหนา มะกรูด และใบยคู าลิปตัส เพื่อนํามา เปน สว นผสมในการทําแชมพูสมนุ ไพรกําจัดเหา ซึ่งเปนทรัพยากรท่ีมอี ยใู นทองถ่ิน และมสี รรพคุณที่ สามารถกาํ จดั เหาไดท งั้ ยงั ไมเ ปนอันตรายตอสขุ ภาพของผูใช และยังชวยแกป ญหาใหกบั นักเรยี นท่ีเปน เหาและชวยปอ งกันนกั เรยี นรายใหมไ มใหเปน เหาเพม่ิ มากข้ึน อกี ทัง้ แชมพทู ่ีผลิตข้ึนมายงั สามารถใช แทนแชมพูท่วั ไปตามทองตลาดใชท าํ ความสะอาด หนังศีรษะ ใชงาย ไมเ ปนอันตราย และนาํ ภูมปิ ญญาทอ งถ่นิ มาประยุกตใชใ หเกดิ ประโยชนกบั นักเรียน จดุ มุง หมายของการศึกษา 1. เพ่อื ศึกษาสมนุ ไพรในทองถนิ่ ท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพในการกําจดั เหา 2. เพื่อเปรียบเทยี บประสทิ ธภิ าพของสมุนไพรในทองถิน่ เพือ่ ผลติ เปน แชมพูสมุนไพรกําจดั เหา 3. เพอื่ ผลิตแชมพูสมนุ ไพรกําจัดเหา 4. เพื่อลดจํานวนของนักเรียนหญิงท่เี ปนเหา 5. เพ่อื ใหนักเรยี นใชทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร สามารถนําสมนุ ไพรท่ีมใี นทอ งถน่ิ มาใชใ หเ กิดประโยชน
9 สมมตฐิ าน ขอที่ 1 สมนุ ไพรในทองถ่นิ ตางชนิดกนั ทาํ ใหป ระสิทธภิ าพในการทาํ ใหเหาตายตางกนั ตวั แปรอสิ ระ ชนิดของสมุนไพร ( มะกรูด , ใบยาสบู , ใบนอยหนา , ใบยูคาลปิ ตสั ) ตัวแปรตาม ประสทิ ธิภาพในการทาํ ใหเ หาตาย ตวั แปรควบคมุ ปริมาณของนํา้ สมนุ ไพร , ความเขมขน ของนา้ํ สมุนไพร ,จํานวนตัวเหา , ระยะเวลาในการทดลอง ขอท่ี 2 ความเขมขนของสมุนไพรตางกนั ทําใหประสิทธภิ าพในการทาํ ใหเ หาตายตา งกนั ตัวแปรอสิ ระ ความเขมขนของสมุนไพร ( สมุนไพร 50 กรัม/นา้ํ 500 มล. , สมุนไพร 100 กรมั /นํา้ 500 มิลลลิ ิตร ตัวแปรตาม ประสิทธภิ าพในการทาํ ใหเหาตาย ตวั แปรควบคมุ ปริมาณของนํา้ สมนุ ไพร , ความเขม ขน ของนํา้ สมุนไพร ,จํานวนตัวเหา , ระยะเวลาในการทดลอง ขอ ท่ี 3 ระยะเวลาตางกัน ทาํ ใหป ระสทิ ธภิ าพในการทําใหเหาตายตางกัน ตวั แปรอสิ ระ ระยะเวลาในการทดลอง ( 10 นาที , 20 นาที ) ตวั แปรตาม ประสิทธิภาพในการทาํ ใหเหาตาย ตัวแปรควบคุม ปรมิ าณของน้ําสมุนไพร , ความเขมขน ของน้ําสมนุ ไพร ,จาํ นวนตวั เหา , ระยะเวลาในการทดลอง นยิ ามศพั ทเฉพาะ ประสทิ ธิภาพในการกําจดั เหา หมายถงึ สมุนไพรมฤี ทธิท์ าํ ใหเ หาตาย ชนดิ ของสมุนไพร หมายถึง มะกรดู ใบยาสบู ใบนอยหนา และยูคาลปิ ตสั แชมพูกาํ จดั เหา หมายถึง สารปรุงแตงของสารลดแรงตงึ ผิว ใชข จัดสง่ิ สกปรกออกจากเสน ผมและหนังศีรษะ ซ่งึ อยูใ นรปู ของเหลว ครีม เจล ผงหรือเม็ด กอน หรือฟอง และมีประสทิ ธิภาพทาํ ใหเ หาตาย ขอบเขตการศึกษาคนควา การศึกษาประสทิ ธภิ าพของสมุนไพรจํานวน 4 ชนิดไดแก มะกรดู ใบยาสบู ใบนอยหนา และใบยูคาลิปตสั ทที่ าํ ใหเ หาตาย และนาํ สมนุ ไพรท่มี ปี ระสทิ ธิภาพสงู มาผลติ แชมพูสมุนไพรกาํ จดั เหา ระยะเวลาที่ดําเนนิ การทดลอง เดือน สิงหาคม – กนั ยายน สถานทีด่ ําเนนิ การทดลอง โรงเรยี นบานแกง ต.ศรวี ชิ ัย อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร
10 บทท่ี 2 เอกสารที่เก่ียวของ การปอ งกนั และกําจดั เหาในนักเรียนโรงเรียนบานแกง โดยผศู กึ ษาไดร วบรวมความรูแ ละ แนวคดิ ทีเ่ กย่ี วขอ งสาํ หรบั ใชเ ปน แนวทางในการศึกษาเพ่ือใชเปน ขอ มูลในการประกอบการทาํ โครงงาน ดงั นี้ 1. โรคเหา 2. สมนุ ไพรท่ชี ว ยในการกาํ จัดเหา 3. แชมพู 1. โรคเหา เหา เปน แมลงชนิดหนง่ึ ทเ่ี ปนปรสติ ตองอาศยั บนรางกายคน หรอื สตั ว และดํารงชีวิตโดยการ ดูดเลอื ดเปนอาหารเหามมี ากกวา 3,000 ชนิด บางชนดิ เปน ปรสิตของสตั ว แตช นิดทเ่ี ปน ปรสิตของคน มเี พยี ง 3 ชนดิ ซงึ่ มีช่อื ขนึ้ ตนคอื Pediculus spp.ในภาษาอังกฤษ จึงเรียกคนทเี่ ปนเหาวา Pediculosis เหาสามารถแพรกระจายจากคนหน่งึ ไปสูคนหน่ึงไดโดยการอยใู กลช ดิ กนั อาการหลกั คอื อาการคนั สวนปญ หาสําคญั ของผูเปน เหาคือ อาจกลายเปน ทรี่ งั เกียจของสังคม การติดเหา สามารถเกิดขึน้ ไดในคนทกุ เชอ้ื ชาติ โดยทวั่ โลกพบผูท่ีเปน เหามากกวา รอ ยลานคนตอ ป และพบอัตรา การเปน เหาทง้ั ในประเทศท่ีพฒั นาแลวและในประเทศดอยพัฒนาไมแ ตกตางกนั นัก โดยเหาที่ศีรษะพบ ไดในคนทกุ ระดบั ต้ังแตฐ านะยากจน กระทงั่ ฐานะร่าํ รวย และมกั พบในวยั เดก็ ในวัยเรียน สาเหต/ุ ปจจัยเส่ียงของการเกิดเหา เหาทศ่ี ีรษะอาศัยอยูบ นศรี ษะ เปน เหาชนิดที่พบไดบอยท่สี ุด มรี ูป รา งยาวรี ขนาดประมาณ 1-2 มิลลเิ มตร (มม.) สีขาวหรือเทา ไมม ีปก มีขา 3 คู ซง่ึ มตี ะขออยูต รงปลายเอาไวเ กย่ี วกบั เสนผมได และสามารถเคล่ือนตวั ไดในอตั รา 23 เซนตเิ มตร (ซม.) ตอนาที แตไมสามารถกระโดด หรือดีดตัวได ซง่ึ ไมเ หมอื นหมัด เหาทีศ่ รี ษะมีอายุประมาณ 30 วนั ดาํ รงชวี ติ โดยการดูดเลอื ดเปน อาหาร โดยมักดูด เลือดกนิ เวลากลางคืน เหาเพศเมยี จะวางไข (เรยี กวา Nit) วนั ละประมาณ 10 ฟอง โดยจะวางใกลๆ กับโคนผม เพราะมีอณุ หภูมทิ อี่ ุน เหมาะสมกับการเจรญิ เติบโตของไข ไขใชเวลา 8-10 วนั ในการฟก ออกเปนตวั และใชเวลา 8-10 วนั เพื่อโตเตม็ วัย สามารถวางไขต อไปได หากเหาชนดิ นีอ้ ยนู อกตัวคน จะมชี วี ิตอยูไดเพยี ง 1-2 วนั ในคนคนหน่ึงจะมีเหาชนดิ นปี้ ระมาณ 10-20 ตัว การติดเหาทีศ่ ีรษะ เกดิ ขน้ึ โดยการอาศัยอยูรวมกนั อยางใกลชดิ และการใชส ่งิ ของรว มกนั เชน หวี หมวก ทม่ี ดั ผม ผาเชด็ ตวั รวมถึงท่ีเปา ผมดวย โดยพบวาการหวผี มอาจสงเหาออกไปไดไกลถึง 1 เมตร เหาจึงมกั พบ ในวัยเด็กเพราะมกี ารอยูใกลช ดิ กนั มากกวาผูใหญ และพบในเดก็ หญิงมากกวา เดก็ ชาย เพราะเด็กหญงิ มกั ชอบอยใู กลชดิ กันมากกวา และมักแบง ของใชร ว มกัน เชน หวี หมวก ท่มี ัดผม ทั้งนคี้ วามยาวของ เสนผมไมใชปจ จัยทที่ าํ ใหตดิ เหางา ยขึน้ ผชู ายจึงสามารถเปนเหาไดเ ชน กันในทางเชอ้ื ชาตพิ บวา คนผิว
11 ดาํ มอี ัตราการเปน เหานอยกวา คนผิวขาวและคนเอเชีย อาจเปน เพราะวา เสนผมของคนผิวดาํ หยกิ และ หนา ทาํ ใหเ หาเกาะอยไู ดยาก อาการ เหาท่ีศรี ษะ อาการหลกั คือ อาการคนั ที่ศีรษะ ซึ่งเกิดจากรา งกายมปี ฏกิ ิรยิ าตอ การกัดของ เหาท่หี นังศรี ษะเวลาดูดเลือด โดยถาตรวจดูหลงั การดดู เลอื ดใหมๆ จะพบตุม นนู แดงเล็กๆ และจะคนั มากในชวงกลางคนื เพราะเหามักดูดเลือดในชวงนี้ ทาํ ใหเดก็ มปี ญหานอนหลับไมส นิท และอาจสงผล ตอการเจริญเติบโตและการเรียนรูได ในบางคนอาจไมม ีอาการก็ได การตรวจรางกายจะพบรอยเกา บนหนงั ศรี ษะ ไขเ หา และอาจเจอตวั เหาได โดยบรเิ วณท่เี หามกั ไปวางไขค อื บรเิ วณหลังหู การมองหา เหาบรเิ วณน้ีจงึ สามารถตรวจพบไดงายขึ้น การวินจิ ฉัย แพทยวินจิ ฉัยการติดเหาไดจาก อาการคนั รวมกับการตรวจพบตัวเหาหรอื ไขเ หา ซ่งึ มีหลาย เทคนิควิธี ตัง้ แตการหาดวยตาเปลา การใชแ วน ขยายชวยสองตรวจ การใชห วซี ่ีเลก็ ๆ ทเี่ รยี กวาหวี เสนียด หวผี มหรอื เสนขนขณะเปย ก จะชว ยทาํ ใหพ บตัวเหาหรอื ไขเ หาไดงายข้นึ การใชเ ทปเหนียวใส แปะลงไปบนเสน ผม ขน หรอื เสอ้ื ผา ตัวเหาและไขเ หาจะตดิ มากบั เทปเหนียว ซ่ึงสามารถตรวจดูได ดวยตาเปลา หรือนาํ ไปแปะบนสไลด ผลขา งเคียง และความรนุ แรงของการเปนเหา 1. เหาทีศ่ ีรษะ หากมีปรมิ าณมาก และท้งิ ไวไมรกั ษา เสนผมอาจจะพันกนั กลายเปน กอ น มสี ะเก็ดหนอง และมกี ลิ่นเหม็นรนุ แรง เรยี กวา Plica polonica 2. ไมว าเปนเหาที่บรเิ วณไหน หากมีปริมาณมาก หรอื เกามากจนผิวหนงั ถลอก อาจทําใหตดิ เช้ือแบคทีเรยี แทรกซอน เกดิ ผวิ หนงั อักเสบและเปนฝห นองได 3. ตวั เหาเปนพาหะนาํ โรคไดหลายโรค เชน ไขร ากสาดใหญชนิด Epi demic typhus โรคไข เทรนซ (Trench fever) และโรคไขก ลับ (Relapsing fever) เปน ตน การรักษาโรคเหา หลกั ของการรกั ษาเหา คอื การรักษาผูท เ่ี ปน เหาและผอู ยูใกลชดิ ทเ่ี ปนเหาไปพรอ มๆกนั รวมกบั การควบคุมกําจัดเหาท่อี ยใู นสงิ่ แวดลอ มเพ่ือปองกนั การแพรสผู อู นื่ และการตดิ เหาซาํ้ การรกั ษาโรคเหาที่ศีรษะ แบง ออกไดเปนการใชยาทม่ี ฤี ทธิฆ์ า ตวั เหารวมกบั วิธีทางกายภาพ ในการกาํ จัดเหายาฆา เหา มสี ารเคมีหลายชนดิ ท่นี ํามาใชเ ปน ยาฆา เหาได โดยอาจอยใู นรปู แบบแชมพู ใชสระผม เชน Pyrethrin shampoo ซ่ึงสามารถซื้อใชเ องไดตามรา นขายยา หรอื ยาบางตวั แพทย ตองเปนผูส ั่ง เชน Malthion, Lindane, Spinosad เนือ่ งจากอาจมผี ลขางเคยี งทอี่ นั ตรายได ยาทกุ ชนดิ สามารถฆา ตวั เหาได แตไ มส ามารถฆาไขเหาได ดังนัน้ เมอ่ื ใชยาไปคร้งั แรกแลว อีก 7-10 วนั ตอมา ซึ่งเปน ระยะเวลาทีไ่ ขเหาใชฟ ก ตวั ออก มา กจ็ ะตองใชยาซา้ํ อีกคร้งั หนึ่ง เพือ่ ฆา ตัวเหาใหห มด ดงั น้ัน
12 หากใชยาเพียงคร้ังเดียวจะไมไดผ ล นอกจากน้ี ยงั มยี าในรูปแบบกิน ซงึ่ ตองกนิ ซํ้าภายใน 7-10 วัน เชน กนั แตย ากนิ จะมผี ลขางเคียงเกิดขน้ึ ไดมากกวา จงึ ไมควรเลือกใชเ ปนอันดับแรก สําหรบั สมนุ ไพร ไทยท่ีมฤี ทธิใ์ นการฆาเหา ไดแก ใบนอ ยหนา ใบสะเดา ผลมะ ตูม ผลมะกรดู เปนตน วิธีการใชควร ศึกษาจากตํารา หรอื ปรึกษาผูเชี่ยวชาญ วิธีทางกายภาพที่ตอ งใชร ว มกับยาฆาเหา คือ การใชหวี เสนียดหวีผมหลัง จากทใี่ ชย าฆา เหาไปแลว เพ่อื ชวยกําจดั เหาที่อาจรอดชีวติ จากยาได รวมท้ังสามารถ ชว ยกําจดั ไขเหาได การปอ งกนั โรคเหา การปองกนั การแพรเ หาสผู ูอ่นื คอื ตองรักษาเหาของตนเองใหห าย และการกําจดั เหาท่อี าจ หลงเหลืออยใู นสง่ิ แวดลอ ม ซงึ่ จะชว ยปอ งกนั ไมใหต ัวเองกลบั เปนซ้ําดวย ไดแก 1. ของใชส วนตวั ตา งๆ เชน หวี หมวก ทม่ี ัดผม ผาคลุมผม ปลอกหมอน ผา ปูทนี่ อน ผาเชด็ ตวั รวมถงึ ของเลน เชน ตกุ ตา จะตองนาํ มาซักทาํ ความสะอาด และตอ งแชน า้ํ รอ นทอี่ ณุ หภูมิ มากกวา 55 องศาเซลเซียสเปนเวลานานกวา 5 นาที สําหรับส่งิ ของที่นาํ มาซักลางไมได ใหใ ชวิธใี ส ถุงพลาสตกิ และปดปากถุงใหมดิ ชิด ทิง้ ไวในระยะเวลาทแ่ี นใ จวาตวั เหาจะตายท้งั หมด และเผ่ือเวลา ไวส ําหรับเหาทอ่ี าจวางไขแ ละฟกออกมาเปนตัวได ซง่ึ ก็คอื ระยะเวลาอยา งนอ ย 2 สปั ดาหขน้ึ ไป แลว จงึ นําของใชดังกลาวมาใชต อได 2. ในกรณีทเี่ ปนของใชร วมกัน และมขี นาดใหญ เชน โซฟา พรม อาจใชเครือ่ ง ดูดฝุนชวย กาํ จดั ได 3. การฉดี ยาฆาแมลงทีใ่ ชก าํ จดั แมลงตามบานทว่ั ๆไป พบวาไมช ว ยในการกาํ จัดเหาทอ่ี าจอยู หลงเหลอื อยใู นสิง่ แวดลอ ม ตัวอยางการจัดการ คอื ในโรงเรยี นอาจกาํ หนดหนาที่ใหพ ยาบาลประจาํ หอ งพยาบาลมหี นา ท่ี ตรวจหาเหาเดก็ ทุกคนเดือนละครง้ั หากพบเดก็ คนใดเปน เหา ก็อาจตองหยุดเรียนชว่ั คราว จดั การให การรักษาพรอมกับเดนิ ทางไปสาํ รวจทบ่ี าน วามใี ครเปนเหาอกี บา ง พรอมท้งั ใหค ําแนะนําในการรักษา และการกําจดั เหาภายในบานตอ ไป การดแู ลตนเองเมอ่ื เปนเหา 1. การรักษาเหาสามารถกระทําเองได โดยทาํ การรกั ษาตามทไ่ี ดก ลาวแลวขา งตน ทง้ั นคี้ วร ไดร ับคําแนะนาํ ในการใชย าฆาเหาทซี่ ื้อมาจากเภสัชกร เพราะยาแตล ะชนดิ อาจมวี ิธกี ารใชไม เหมือนกัน แตไมวาจะเปนยาแบบใด ท่ีสําคญั คอื ตองใชซ ํา้ 2 คร้งั เหตผุ ลดังทก่ี ลาวแลว ขา งตนเชนกนั สําหรับเด็กทารก และหญิงตงั้ ครรภ ไมควรซอ้ื ยาใชเอง ควรพบแพทย 2. ไมค วรใชของสว นตัวตา งๆ เชน หวี หมวก ที่มัดผม ผาคลมุ ผม รว ม กบั ผูอ ่นื ๆ ซ่ึงพอแม คุณครคู วรเนนยํ้าสอนใหเด็ก ๆ ฟงเสมอ
13 2. สมุนไพรที่ใชใ นการรกั ษาเหา 2.1 ชือ่ พน้ื เมอื ง มะกรดู ช่อื สามญั Kaffir lime ชือ่ วทิ ยาศาสตร Citrus x hystrix วงศ Rutaceae ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร เปน ไมยนื ตนขนาดเลก็ เปนไมเ นื้อแข็ง ลาํ ตน และกิ่งมหี นามยาวเลก็ นอย ใบเปนใบประกอบ ชนดิ ลดรปู มีใบยอ ย 1 ใบ เรยี งสลบั รปู ไข คือมีลกั ษณะคลายกบั ใบไม 2 ใบ ตอกนั อยู คอดกว่ิ ที่กลาง ใบเปนตอนๆ มีกา นแผอ อกใหญเทา กับแผน ใบ ทาํ ใหเหน็ ใบเปน 2 ตอน กวาง 2.5-4 เซนตเิ มตร ยาว 4-7 เซนตเิ มตร ใบสีเขียวแกพื้นผิวใบเรียบเกล้ียง เปนมัน คอ นขางหนา มกี ลน่ิ หอมมากเพราะมตี อ ม น้าํ มนั อยู ซึ่งผลแบบนเี้ รียกวา (ผลแบบสม) ใบดานบนสีเขม ใตใบสีออ น ดอกออกเปน กระจุก 3 – 5 ดอก กลบี ดอกสขี าว เกสรสเี หลือง รว งงา ย มกี ลิน่ หอม มีผลสีเขียวเขม คลา ยมะนาวผิวเปลอื กนอก ขรุขระ ขั้วหวั ทายของผลเปนจกุ ผลออนมเี ปน สเี ขียวแก เม่ือผลสกุ จะเปล่ียนเปนสีเหลอื งสด พนั ธุท ่มี ี ผลเลก็ ผิวจะขรุขระนอยกวาและไมม ีจุกท่ีข้ัว ภายในมีเมลด็ จาํ นวนมากๆ ตน มะกรูดจะเปนตนเลก็ ๆทีแ่ ตกกิง่ กานไปทั่ว ใบ ใบมะกรูดสามารถนาํ มาประกอบอาหารได ดอก ดอกของมะกรดู จะไมค อยมีกลนิ่ หอม แตจ ะออกไปในทางทเ่ี ปร้ยี ว หรอื ฉนุ ผล สามารถนํามารบั ประทานได และแปรรปู เปน อยา งอน่ื ก็ได สรรพคณุ มะกรดู เปนพชื ท่ีอยคู ูครัวไทยมานานและจัดไดวาเปนพืชที่มีประโยชนมากมายมหาศาล เลย กว็ าได เมื่อเอย ชอื่ มะกรูด แทบไมมีใครเลยท่จี ะไมรจู ัก เปน ท่ีทราบกนั มาแตโบรํา่ โบราณแลว วา มะกรูด ไมเพียงแตท าํ ใหผมดําเงางามเทา นนั้ แตมะกรูดยังกําจัดรงั แค แกคนั ศรี ษะ แกผมแตกปลาย ปอ งกันผมรว ง และหงอกชา อีกดวย กรรมวิธใี นการนาํ มะกรดู มาสระผมนนั้ ก็มดี วยกนั หลายวธิ ี แตท่ี นิยมมากเห็นจะเปน การนาํ ลูกมะกรูดไปเผาไฟแลว นํานาํ้ มายีทศ่ี รษี ะแลว ลางออก แตดว ยววิ ฒั นาการ ทที่ ันสมยั มากขนึ้ ในปจจบุ ัน จึงเหน็ มะกรูดเปนสว นประกอบในแชมพูสระผม ครมี นวด หลายยี่หอ ฤทธ์ทิ างเภสชั นาํ มาทําเปนแชมพสู ระผม ครีมนวด และอกี หลายๆอยาง รูปท่ี 1 ผลมะกรูด
14 2.2 ใบยาสูบ ยาสูบ ชือ่ สามัญ Tobacco ยาสบู ชอ่ื วทิ ยาศาสตรNicotiana tabacum L. จดั อยใู นวงศมะเขือ (SOLANACEAE) สมุนไพรยาสบู มีช่ือทองถน่ิ อ่ืน ๆ วา ยาซลู ะ (กะเหรย่ี งเชียงใหม), ยาซุ (กะเหรี่ยง แมฮ อ งสอน), เกรอ ะหรา เหมาะ (กะเหร่ยี งแดง), ยาออก (ลั้วะ), สะตู (ปะหลอ ง), จะววั้ (เขมร- สุรินทร) ลักษณะของตนยาสูบ ตน ยาสบู มีถนิ่ กาํ เนดิ ในเขตรอ นของทวีปอเมรกิ า จัดเปนไมล ม ลกุ ที่มีอายุเพยี งปเดียว ลําตน ไมแ ตกก่งิ กา นสาขา ลําตน มีความสงู ประมาณ 0.6-2 เมตร ตามลาํ ตน และยอดมขี นท่ีออนนมิ่ ปกคลมุ อยู และทกุ สว นของตน มีตอ มนํ้ายางเหนียว ตน ยาสบู เปนพรรณไมกลางแจง ทีข่ ยายพนั ธโุ ดยใชเ มล็ด เจรญิ เติบโตไดดใี นดินรวนซุยทีต่ อ งการความช้ืนปานกลาง ใบยาสบู ใบเปน ใบเดยี่ ว ออกเรยี งตรงขา มกันเปน คู ๆ ไปตามขอตน ลักษณะของใบเปนรปู ไขกลับหรือรูปไขแกมขอบขนาน ปลายใบมน โคนใบแคบหรอื สิบเรยี วและแทบจะไมมีกา นใบ สว น ขอบใบเรียบและเปนคลื่นเล็กนอย ใบมขี นาดกวา งประมาณ 10-20 เซนตเิ มตร และยาวประมาณ 30- 60 เซนติเมตร แผน ใบเปนสเี ขียวมขี นาดใหญและหนา ทองใบและหลงั ใบมีขนออน ๆ ปกคลุมอยู สรรพคุณของยาสูบ 1. ใบยาสบู มีรสเผด็ รอนเมาเบือ่ ฉุน มีสรรพคุณเปน ยาระงบั ประสาท ทาํ ใหน อนหลบั ทาํ ใหผอม เพราะมสี ารสงบประสาททไ่ี ประงบั ความอยากอาหาร (ใบ) 2. ใบยาสบู ใชทําเปนยาเสนผสมกับปนู แดงและใบเนยี ม ใชปรงุ ยานัตถแุ กหวัดคัดจมกู (ใบ) 3. ชว ยแกหอบหืด (ใบ) 4. ชว ยขับเสมหะ (ใบ) 5. ทาํ ใหอ าเจียน (ใบ) 6. ชวยขับพยาธใิ นลําไส (ใบ) 7. ชว ยขบั ปส สาวะ แกน่ิว (ใบ) 8. ในการใชภายนอกจะใชใ บยาสบู เปนยาสมานบาดแผล (ใบ) 9. ชาวกะเหรยี่ งแดงจะใชเปน ยาประคบเพอ่ื ชวยหา มเลอื ด (ใบ) 10. ชวยแกพิษงู (ใบ) 11. ใชเ ปน ยาถอนพษิ รักษาแผลนาํ้ รอนลวก ดวยการใชยาเสนหรอื ยาตง้ั 1 หยบิ มือ นาํ มาคลุก กบั นํา้ มนั มะพรา วปดบรเิ วณที่ถกู นาํ้ รอนลวก จะชวยถอนพษิ ได (ยาเสน )
15 12. รากและใบใชเปน ยารักษาโรคผิวหนงั กลากเกล้อื น เร้อื นกวาง ผน่ื คนั หิด (รากและใบ) สว น อีกวธิ ใี ชใชยางสดี ํา ๆ ในกลอ งสบู ยาของจีน ใชใสแตมแผล แกหดิ ไดดมี าก หรอื นํามาใชเ ค่ียว กับนํา้ มนั ทารักษาโรคผิวหนังตาง ๆ 13. ชว ยแกล มพิษ (ใบ) 14. ใชร กั ษาเหา ใหใชใ บยาสูบแกท ตี่ ากแหง แลว 1 หยิบมือ นาํ มาผสมกับนํ้ามันกาดประมาณ 3- 4 ชอนแกง แลว ใชชโลมทง้ั น้าํ และยาเสนลงบนผมทิ้งไวป ระมาณ 1 ช่วั โมง แลวสระออกให สะอาด โดยใหท ําตดิ ตอกันประมาณ 3-4 วัน รปู ที่ 2 ใบยาสบู 2.3 ใบนอยหนา ช่ือพื้นเมือง สม เฟอง นอ ยแน(ภาคใต) มะนอแน มะแน(ภาคเหนอื ) มะออจา มะโอลา (เงี้ยว-ภาคเหนอื ) ลาหนงั (ปตตานี) หนอเกลา ะแซ(เงี้ยว-แมฮองสอน) บกั เขยี บ(ภาคอสี าน) ชื่อสามญั นอยหนา ( Castard apple) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร Annona Squamosa linn ช่ือวงศ ANNONA CEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร ตน เปนพรรณไมย นื ตน ขนาดเลก็ แตกกิ่ง กานสาขาออกเปน กา นเล็กๆ ไมใหญโตมากนกั ผิว เกลย้ี ง ใบ เปน ใบเดี่ยวเรียงสลับกันไปตามขอตน ใบเปนรูปรี ปลายและโคนใบแหลม ใบกวา ง ประมาณ 1-2.5 นวิ้ ยาว 3-6 น้ิว สีเขยี ว กานใบยาว 0.5 นวิ้ ดอก ออกดอกเดยี่ วๆ อยูครามงามใบ ลักษณะดอกจะหอยลง มีอยู 2 ช้ัน ช้นั ละ 3 กลบี ชั้นในกลีบดอกจะส้นั กวาชน้ั นอก มีสเี หลือง อมขียว กลีบเล้ียงมี 3 กลบี เกสรกลางดอกจะมีจํานวน มาก ผล ออกเปนลูกกลมๆ ปอมๆ โตประมาณ 3-4 นวิ้ มีผิวขรุขระเปน ชอ งกลมนนู ในแตละชอ ง น้นั ภายในมีเน้อื สขี าว และมเี มล็ดสดี ํา หรือนา้ํ ตาลเขม เน้ือในทานไดมรี สหวาน เปลอื กผลสเี ขยี ว ถา สกุ ตรงขอบชอ งนนู น้นั จะออกสขี าว เปลือกผลสเี ขยี ว บบี ดูจะน่มิ
16 ฤทธ์ิทางเภสัช มปี ระสทิ ธิภาพในการปองกนั กาํ จดั หนอนใยผกั ฆาเพล้ียจกั จ่ัน มวนเขยี ว แมลงวนั ต๊ักแตน มอดแปง แมลงวนั ทอง และเหา รปู ท่ี 3 ใบนอยหนา 2.4 ใบยูคาลปิ ตัส ช่ื อสามญั : Blue gum ชอ่ื วิทยาศาสตร : Eucatyptus glopulus Labill ชื่อทอ งถน่ิ : ยคู า ใบ ใบเปนใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเปน คู ใบหอยลง ลักษณะของใบเปนรูปหอก ปลายใบ แหลม ใบมขี นาดกวางประมาณ 2-7 เซนติเมตร และยาวประมาณ 12-30 เซนติเมตร แผน ใบหนา เปนสีเขียวอมสนี ้าํ เงนิ มผี งคลายแปงปกคลุม เสน ใบมองเหน็ ไดช ดั เจน กา นใบสนั้ กา นใบยาว ประมาณ 2 เซนติเมตร สรรพคุณ : - เปน ยาแกไอ ขบั เสมหะ บรรเทาอาการขอ อักเสบ - ไล หรอื ฆา ยงุ แมลง วธิ แี ละปรมิ าณท่ใี ช - ไลห รือฆา ยุง แมลง ใชใ บสด 1 กํามอื ขย้ี กลนิ่ น้าํ มนั จะออกมาชว ยไลยุงและแมลง รปู ท่ี 4 ใบยคู าลปิ ตสั
17 3. แชมพู แชมพู หรอื ยาสระผม หมายถงึ สง่ิ ปรุงแตงของสารลดแรงตึงผิว (surfactant) ใชขจดั สงิ่ สกปรกออกจากเสนผมและหนงั ศรี ษะ ซงึ่ อยูในรูปของเหลว ครมี เจล ผงหรอื เม็ด กอ น หรือฟอง สวนประกอบท่มี ักใช ไดแก สารชําระลาง หรือ สารลดแรงตึงผิว แบงออกเปนหลายกลมุ ไดแก • สารชาํ ระลา งชนิดประจุลบ • สารชาํ ระลา งชนดิ ประจุบวก • สารชาํ ระลา งชนดิ ไมมปี ระจุ • สารชาํ ระลางชนดิ มสี องประจุ สว นประกอบเสรมิ • สารปรับสภาพเสนผม • สารเพ่มิ ฟอง • สารชว ยทาํ ใหข น • สารชว ยทําใหใส • สารชว ยใหทึบแสง • สารกันการรวมตวั หรือสารซเี ควสเตอร • สารปรับความเปน กรดดา ง • สารกันเสยี • สวนประกอบอื่นๆ เชน สี นาํ้ หอม สารขจดั รงั แค สมนุ ไพร ฯลฯ แชมพจู ัดเปนเคร่ืองสาํ อางประเภทหนงึ่ ดงั นน้ั จะตองมีคณุ ลกั ษณะทว่ั ไปตามมาตรฐาน ผลติ ภณั ฑ อุตสาหกรรม เคร่ืองสาํ อาง: ขอ กําหนดทั่วไป (มอก. 152-2539) และมาตรฐาน ผลิตภณั ฑอุตสาหกรรมแชมพู (มอก. 162-2541) ดังน้ี 1. ตองไมมสี ารหรอื วตั ถุหามใชตามขอ ก. 1 (มอก. 152-2539) 2. สารทก่ี ําหนดปรมิ าณการใช ตองไมเกินเกณฑท ่ีกําหนดในภาคผนวก ข. (มอก. 152-2539) 3. สีทใ่ี ชในเคร่อื งสําอาง ตองเปน ไปตามเกณฑทก่ี ําหนดในภาคผนวก ค. (มอก. 152-2539) 4. การระคายเคอื งตอผวิ หนัง ตองไมระคายเคอื งตอผิวหนงั ดัชนีการระคายเคืองตอผิวหนัง ตอ งไมเ กิน 1 โดยเมือ่ ทดสอบตามภาคผนวก ง. (มอก. 152-2539) 5. ความคงสภาพ คืออยใู นสภาพทดี่ ี ไมแปรสภาพหรือเส่อื มคุณภาพในระยะเวลาตามที่ กําหนด (มอก. 152-2539)
18 6. ตองไมม ีส่งิ แปลกปลอมอ่นื ใดท่ีไมไ ดเ กดิ ข้นึ โดยตรงจากกรรมวธิ ีผลติ ตามปกติวสิ ัยและสง่ิ แปลกปลอมอ่ืนใดท่ไี มควรมีอยูในสารตา งๆของสวนประกอบแชมพู 7. คณุ ลกั ษณะทางจลุ ชวี วทิ ยา ตอ งอยใู นเกณฑกําหนด (มอก. 152-2539) 8. ตอ งผา นคณุ ลักษณะการใชงาน 2 ประการ 8.1 ความสามารถในการขจดั สิ่งสกปรก ฝนุ ละอองบนเสนผมและหนังศรี ษะ ท้งั ใน น้ําออ นและน้ํากระดา ง 8.2 ความสามารถทีท่ ําใหผ มนุม สลวย หวีและจัดทรงไดง าย 9. ความเปน กรด-ดา งในชวง 5.0 – 8.0 (ยกเวน แชมพสู ําหรับเดก็ คา ความเปน กรด-ดาง ในชวง 6.5 – 7.5) 10. ตอ งไมก อใหเ กดิ การระคายเคืองตอตา 11. สารขจดั รังแค (เฉพาะแชมพสู าํ หรับขจัดรังแค) ตอ งมีสารขจัดรังแคตามชนดิ และปริมาณ ทร่ี ะบไุ วท ีฉ่ ลาก ไมเ กนิ รอ ยละ 2.0
19 บทที่ 3 อุปกรณแ ละวิธีการดําเนินการ ในการจดั ทาํ โครงงาน ผูจดั ทําโครงงานมวี ิธกี ารในการดําเนินการ ดงั นี้ 1.ศึกษาคน ควาเอกสารเรอื่ งโรคเหา วธิ กี ารรักษา วธิ ีการปองกัน และศึกษาคณุ สมบัตขิ อง สมนุ ไพรแตล ะชนิดทมี่ ใี นหมูบ า นแกง 2. นกั เรียนท่ีจัดทาํ โครงงานสาํ รวจหนงั ศีรษะนักเรยี นหญิงระดบั ชน้ั อนบุ าล 1 – ช้นั มธั ยมศึกษาปท่ี 3 3. เตรียมวัสดุอุปกรณและสารเคมีท่ีใชใ นการทาํ แชมพสู มุนไพรกาํ จดั เหา วัสดุอุปกรณแ ละสารเคมี 1. N 70 1 กโิ ลกรมั 2. เกลือ 1/2 กิโลกรัม 3. KT 200 กรัม 4. KDT 200 กรมั 5. กรดมะนาว 5 กรัม 6. เนอ้ื มกุ 30 กรมั 7. PO 65 100 กรัม 8. สารกันเสีย 5 ซซี ี 9. นา้ํ สมนุ ไพร ( มะกรดู , ใบยาสูบ , ใบนอยหนา , ยคู าลปิ ตสั ) 150 มิลลลิ ิตร 10. บีกเกอร ขนาด 50 500 1000 มล. 11. ชดุ ตะเกยี งแอลกอฮอล 1 ชดุ 12. แทงแกว คนสาร 13. ผาขาวบาง 14. กระชอน 15. หมวกคลมุ ผม 16. หวซี ี่ถ่ี 17. ขวดบรรจุสาร 18. กรวยกรอง 19. หลอดหยด 20. กระดาษ A4 21. ไมเ สียบลูกชน้ิ 22. ตวั เหา
20 ขนั้ ดําเนนิ การ 1.ข้นั ตอนในการศกึ ษาประสทิ ธภิ าพของสมุนไพรท่ใี ชใ นการกาํ จัดเหา ซึ่งในการศกึ ษาจะใช สารสกัดจากสมุนไพร 4 ชนดิ คอื มะกรดู ใบยาสบู ใบนอ ยหนา และใบยูคาลปิ ตัส 1.1 การเตรยี มน้ําสมนุ ไพร 1.1.1 นาํ สมุนไพรทัง้ 4 ชนิด คือ มะกรูด ใบยาสบู ใบนอ ยหนา และใบยูคาลิปตัสมาลา ง ใหสะอาด และใชตาช่งั น้ําหนักสารแตล ะชนดิ ใหได ชนิดละ 50 กรัม และ 100 กรัม 1.1.2 นาํ สมุนไพรท่ีชั่งแลว ไปโขลกใหล ะเอยี ด จากน้ันเตมิ นํ้า 500 มิลลลิ ติ ร กรองดว ย กระชอนและผาขาวบางอีกรอบหน่ึง สวนมะกรดู ใหใ ชมีดหนั่ ผวิ มะกรดู เปน ชิ้นเล็ก ๆ นําไปตม ประมาณ 5 นาทีและกรองเอาแตนา้ํ ของมะกรูด แสดงวาในข้ันตอนน้ี เราจะไดสารสกดั จากสมนุ ไพร 4 ชนดิ คือ มะกรูด ใบยาสูบ ใบ นอยหนา และใบยคู าลปิ ตสั ซึ่งมีความเขมขน ของสารตางกัน คอื ชดุ ท่ี 1 สมนุ ไพร 50 กรมั /นํ้า 500 มิลลลิ ติ ร ชุดที่ 2 สมุนไพร 100 กรมั /นา้ํ 500 มิลลลิ ติ ร 1.2 วธิ ีการทดสอบประสิทธภิ าพของสมนุ ไพรแตละชนดิ 1.2.1 การทดลองจะแบงเปน 2 ชุดการทดลอง เพื่อตอ งการหาปรมิ าณความเขมขนของ นาํ้ สมุนไพรท่มี ปี ระสิทธทิ ําใหเหาตายไดม ากท่สี ุด โดยการทดลองจะนาํ ตัวเหาใสใ นบีกเกอรชดุ ท่ี 1 ใช บกี เกอร 4 ใบ (ความเขม ขนของสมนุ ไพร 50 กรัม/นํา้ 500 มลิ ลลิ ิตร ) ใชต วั เหาบีกเกอรล ะ 10 ตวั ชุดที่ 2 ใชบ กี เกอร 4 ใบ (ความเขม ขนของสมนุ ไพร 100 กรัม/นํา้ 500 มลิ ลิลิตร ) 1.2.2 ใชหลอดหยด หยดสารสารสกดั จากสมุนไพรทัง้ 4 ชนดิ หยดลงไปในบกี เกอรท ม่ี ี ตวั เหา ในชดุ การทดลองท่ี 1 และ 2 โดยใชจบั เวลา 10 นาที 1.2.3 ใชไมเสยี บลูกช้ินเขยี่ ตัวเหาในบีกเกอรลงในกระดาษA 4 เพอื่ นับจํานวนเหาทต่ี าย ชดุ ที่ 1 ความเขม ขน ของสมุนไพร 50 กรัม/น้าํ 500 มลิ ลิลติ ร ) และทาํ เชน เดมิ กบั ชดุ การทดลองที่ 2 ความเขมขน ของสมนุ ไพร 100 กรัม/นาํ้ 500 มลิ ลลิ ิตร ) สงั เกตและบันทึกผลลงในตารางบนั ทกึ ผล การทดลอง 1.2.4 ทําการทดลองซํา้ ขอ 2-3 แตเ พม่ิ เวลาในการทดสอบเปน 20 นาที สงั เกตและ บันทกึ ผลลงในตารางบนั ทึกผลการทดลอง 2. ข้ันการกวนแชมพูสมุนไพรกําจัดเหา 2.1 ละลายผงฟอง 30 กรัม ลงในนํ้า 1000 มิลลิลติ รกวนใหล ะลาย 2.2 เติมหัวแชมพู N 70 ครึ่งชอ นโตะใสใ นบีกเกอร ใชแทแกว คนกวนไปทางเดียวกนั จนเปน สขี าวนวล 2.3 เตมิ นํ้าเกลือทล่ี ะลายแลว 50 มลิ ลิลิตร คนไปในทางเดยี วกันจนแตกตัว
21 2.4 เติม KT , KDT , ผงมุก , PO 65 ชนิดละคร่งึ ชอนโตะ และละลายกรดมะนาว คร่งึ ชอ นเบอร 1 กบั น้าํ 10 มล. คนใหละลาย แลว เติมลงไปในบกี เกอร 2.5 เติมนาํ้ สมนุ ไพรทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพในการกาํ จดั เหาปริมาณ 150 มิลลิลิตร คนใหเ ขา กัน 2.6 จึงเตมิ สารกนั เสีย 2 หยด 2.7 วดั คา pH ในชวง 5 -7 2.8 ทิ้งไวใหฟ องยบุ แลว บรรจุขวด 3. ขัน้ ตอนในการนําแชมพทู ่ีผลิตขนึ้ ไปกําจัดเหาใหน กั เรยี นกลุม ตัวอยา ง 3.1 คณะผจู ดั ทาํ และครทู ่ปี รึกษา นาํ นกั เรยี นทีเ่ ปนเหามากาํ จดั เหา 3.2 นํานกั เรียนท่ีเปน เหามารกั ษา โดยการหมักผมดว ยแชมพทู ่ีจัดทําข้ึน 3.3 นําสเปรยท ี่ไดจ ากสารสกดั จากใบยาสูบฉีดพรมใหทวั่ ผม จากนน้ั นาํ แชมพสู มนุ ไพร กําจดั เหาทีเ่ ตรียมไวท าผมใหทั่ว เอาผา คลมุ ไวส ักครึง่ ชั่วโมง จึงลางออก แลวใชห วีถ่ี ๆ สางเอาตวั และไขเ หาออก สงั เกตวาตวั เหาตายหรอื ไม ทําเชนน้ีทกุ วันเปนเวลา 1 สปั ดาห หรือ สระผมสัปดาห ละ 2-3 คร้ัง
22 บทที่ 4 ผลการดําเนินการ ตารางที่ 1 การเปรยี บเทียบประสทิ ธภิ าพของสารสกดั จากสมนุ ไพรในการกําจัดเหา ความ เขม ขน ของสมนุ ไพรแตล ะชนดิ 50 กรมั / นา้ํ 500 มลิ ลลิ ติ ร ชนดิ ของ สังเกตและบนั ทึกผล (นบั จํานวนตัวเหาท่ตี าย) จํานวนเหาท้งั หมด 10 ตวั สมุนไพร เวลา 10 นาที เวลา 20 นาที มะกรดู ครงั้ ที่ 1 คร้งั ที่ 2 คร้ังที่ 3 เฉลี่ย คร้ังที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งท่ี 3 เฉลีย่ ใบยาสูบ 1 1 112 2 1 2 ใบนอ ยหนา 5 4 557 7 6 7 ใบยูคาลปิ ตัส 3 3 235 4 3 4 0 0 001 0 1 1 จากตารางท่ี 1 พบวา สมุนไพรทน่ี าํ มากาํ จัดเหาแตละชนดิ มีประสิทธภิ าพแตกแตงกัน โดยชั่ง สมนุ ไพรแตล ะชนดิ 50 กรัม/น้าํ 500 มลิ ลลิ ิตร เม่อื นาํ สมุนไพรไปทดลองหยดใสใ นบกี เกอรท่มี ตี วั เหา ทาํ การทดลองซาํ้ กนั 3 คร้งั จาํ นวนเหาที่ตายเฉล่ียในเวลา 10 และ 20 นาที ซงึ่ ใบยาสูบมี ประสิทธภิ าพทําใหเหาตายมากทส่ี ดุ คือ 5 ตวั คิดเปนรอยละ 50 และ 7 ตวั คดิ เปน รอ ยละ 70 สมนุ ไพรทสี่ ามารถทาํ ใหเหาตายไดม ากทสี่ ดุ เรียงลําดบั จากมากไปหานอย ไดแก ใบยาสูบ ใบนอ ยหนา มะกรูด และใบยคู าลิปตัส ตารางที่ 2 การเปรยี บเทยี บประสิทธิภาพของสารสกัดจากสมุนไพรในการกําจดั เหา ความ เขม ขน ของสมนุ ไพรแตล ะชนดิ 100 กรัม/ นํา้ 500 มลิ ลลิ ิตร สังเกตและบันทึกผล (นับจํานวนตวั เหาที่ตาย) จํานวนเหาท้ังหมด 10 ตัว ชนดิ ของ เวลา 10 นาที เวลา 20 นาที สมุนไพร คร้ังท่ี 1 คร้งั ที่ 2 ครง้ั ที่ 3 เฉล่ยี คร้งั ที่ 1 ครัง้ ท่ี 2 ครัง้ ที่ 3 เฉลี่ย มะกรดู 2 2 122 3 2 2 ใบยาสูบ 7 8 8 8 10 10 10 10 ใบนอ ยหนา 5 6 457 6 8 7 ใบยคู าลิปตัส 1 0 111 2 1 1
23 จากตารางท่ี 2 พบวา สมนุ ไพรที่นาํ มากาํ จดั เหาแตล ะชนิดมปี ระสิทธภิ าพแตกแตง กนั โดยช่งั สมนุ ไพรแตละชนิด 100 กรัม/นํา้ 500 มิลลลิ ติ ร เม่อื นําสมุนไพรไปทดลองหยดใสใ นบกี เกอรท ี่มตี ัว เหา ทาํ การทดลองซํา้ กนั 3 ครง้ั จาํ นวนเหาท่ตี ายเฉลีย่ ในเวลา 10 และ 20 นาที ซึง่ ใบยาสบู มี ประสทิ ธภิ าพทําใหเ หาตายมากท่ีสดุ คือ 8 ตวั ตวั คิดเปนรอ ยละ 80 และ 10 ตวั ตัว คดิ เปน รอ ย ละ 100 แสดงวาระยะเวลามผี ลตอประสทิ ธภิ าพในการกาํ จดั เหาของสมนุ ไพรแตล ะชนดิ ยงิ่ ระยะมาก ขน้ึ ประสทิ ธภิ าพในการกําจดั เหากจ็ ะเพิ่มมากขึน้ ตารางที่ 3 ตารางสรุปความเขมขนและเวลาทีเ่ หมะสมในการทดสอบประสิทธภิ าพของสมุนไพร สังเกตและบันทกึ ผล (นับจาํ นวนตวั เหาที่ตาย) จาํ นวนเหาทั้งหมด 10 ตวั ชนิดของ เวลา 10 นาที เวลา 20 นาที สมุนไพร 50 กรมั /500 100 กรัม/500 50 กรมั /500 100 กรมั /500 มิลลิลติ ร มิลลลิ ติ ร มิลลลิ ติ ร มลิ ลิลติ ร มะกรูด 1 2 2 2 ใบยาสบู 5 8 7 10 ใบนอยหนา 3 5 47 ใบยคู าลปิ ตัส 0 1 11 จากตารางที่ 3 พบวา ความเขม ขนของสมนุ ไพรท่เี หมาะสมในการกําจัดเหา คือ สมนุ ไพร 100 กรัมตอ นํา้ 500 มลิ ลลิ ติ ร และใชเ วลาในการทดลองประมาณ 20 นาที เหาตายท้งั หมด 10 ตวั ตัว คิดเปน รอยละ 1-100 แสดงวาระยะเวลามผี ลตอ ประสิทธภิ าพในการกาํ จดั เหาของสมุนไพร แตละชนิด ถา ระยะเวลาเพิ่มมากขึ้น จะสง ผลใหป ระสิทธิภาพในการกาํ จดั เหาเพิ่มมากขน้ึ ดว ย
24 ตารางที่ 4 การทดสอบสมบตั ิของแชมพกู ําจดั เหาที่จดั ทาํ ขึ้นจากการสอบถามความพึงพอใจของกลุม ตัวอยา ง ชนดิ ของ ความเปน กรด- เบส ลกั ษณะของฟอง การระคายเคอื ง ความชุมชื้นของ สุขภาพของเสน ประสิทธภิ าพใน สมุนไพร ( คา pH) หนังศีรษะ หนงั ศรี ษะ ผมหลงั สระ การกาํ จัดเหา มะกรดู pH = 5 ฟองปานกลาง ไมร ะคายเคอื ง แหง เล็กนอ ย ล่นื ขน้ึ นอ ย ใบยาสูบ pH = 7 ฟองปานกลาง ไมระคายเคอื ง ชมุ ชนื้ ขน้ึ ลน่ื ข้ึน มากทีส่ ดุ ใบนอ ยหนา pH =6 ฟองปานกลาง ไมร ะคายเคอื ง ชุมช้ืนขึ้น ล่ืนขึ้น มาก ใบยูคาลิปตัส pH =6 ฟองปานกลาง ไมระคายเคือง ชุมชื้นข้นึ ไมเปลย่ี นแปลง นอยทส่ี ุด จากตารางท่ี 4 พบวา แชมพสู มุนไพรกําจัดเหาทจ่ี ัดขน้ึ ไมมอี นั ตรายตอ ผูใ ช มีคาความเปน กรดเปน ดางทีเ่ หมาะสมอยูร ะหวาง 5-7 ลกั ษณะของฟองปานกลาง ใชแลวไมระคายเคืองหนังศีรษะ ชว ยบํารงุ หนังศรี ษะใหมีความชมุ ช้ืน สระแลวทําใหผมล่ืนมากขนึ้ และสมนุ ไพรทคี่ วรนํามาทําแชมพู กําจัดเหามากทส่ี ุด คือ ใบยาสูบ เพราะมสี ิทธิภาพในการทาํ ใหต ัวเหาตายมากทสี่ ุด
25 บทท่ี 5 สรุปผล อภปิ รายผลการทดลอง และขอ เสนอแนะ สรปุ ผลการทดลอง ใบยาสูบ มีประสิทธิภาพดที ่ีสุดในการกําจดั เหา รองลงมาคอื ใบนอ ยหนา มะกรูด สวนยคู า ลิปตสั ใหผลในการกาํ จดั เหาไดไ มด ี สูตรการเตรียมสารละลายความเขม ขน ทเี่ หมาะสมในการทําแชมพูสมนุ ไพรกาํ จดั เหา คอื สมุนไพร 100 กรมั ตอนาํ้ 500 มิลลลิ ติ ร และใชเ วลาประมาณ 20 นาที เพอ่ื ใหแ ชมพูเกดิ ประสิทธภิ าพ สงู สุด ทําใหเ หาตายทั้งหมด จากการทดลองใชแ ชมพูสมนุ ไพรจากใบยาสบู กาํ จัดเหาอยา งสมํา่ เสมอ พบวา นกั เรียนทีเ่ ปน เหามจี าํ นวนลดลง อภปิ รายผลการทดลอง จากผลการทดลองเปนไปตามสมมตฐิ านการทดลองทต่ี งั้ ไว คือ สมนุ ไพรตางชนดิ กัน จะทาํ ให ประสทิ ธภิ าพในการกําจดั เหาแตกตา งกนั อาจเปน เพราะ สมุนไพรแตละชนิดมอี งคประกอบทางเคมี กลิน่ ทีไ่ มเหมือนกัน สมนุ ไพรที่มกี ลิ่นฉนุ ทําใหต ัวเหาเมา และตายในทสี่ ุด ถา ตอ งการใหสมนุ ไพรเกิดประสทิ ธภิ าพในการกําจดั เหาสงู สุด ตองเพิม่ ปรมิ าณใหมีความ เขมขนมาก ๆ และใชเวลาในการหมักประมาณ 20–30 นาที เพอ่ื ใหตวั เหาตาย ไขเหาฝอ ชวยรกั ษา เหาใหหาย ไมกลบั มาเปนซ้ําอกี ประโยชนทไ่ี ดจากโครงงาน 1. สามารถนาํ สมุนไพรธรรมชาติ ทีม่ ีในทอ งถน่ิ มาใชประโยชนเ ปน การประหยดั รายจา ยท่ี จะตอ งซือ้ สารเคมีกําจัดเหาเพื่อมาใชใ นโรงเรยี น 2. ไดน า้ํ ยากําจัดเหาข้นึ เพื่อชวยเหลือนกั เรียนที่เปน เหา ทขี่ ัดสนไมสามารถซอื้ ยาฆาเหามา รักษาเองได 3. ชวยใหนักเรียนหญิงท่ีเปน เหามีจาํ นวนลดลง และปองกนั การเกิดเหาในเด็กนักเรยี นราย ใหม 4. เปน การนาํ เอาภูมปิ ญ ญาทองถนิ่ มาบรู ณาการเขากบั หลักการทางวทิ ยาศาสตร ซึ่งสามารถนําไปใชไ ดจ รงิ ในชีวิตประจําวนั
26 ขอเสนอแนะ 1. ควรศึกษาสมนุ ไพรชนิดอ่ืน เชน เมลด็ นอ ยหนา ใบสะเดา ตน หนอนตายอยาก เพื่อให แชมพทู จี่ ัดทําข้ึนมปี ระสทิ ธิภาพในการกาํ จัดเหามากข้ึน 2. ควรใชแชมพสู มนุ ไพรกาํ จัดเหาอยา งสมาํ่ เสมอ และรกั ษาความสะอาดของหนังศีรษะ ไม ใกลชิด หรอื ใชของใชส ว นตวั รวมกบั คนทีเ่ ปน เหา เพ่อื เพิม่ ประสทิ ธิภาพในการรกั ษาเหาใหหาย และ ไมกลับมาเปนอกี
27 บรรณานุกรม พเยาว เหมอื นวงษญ าติ. 2537.สมนุ ไพรกา วใหม. เมดิคลั มเี ดีย, กรุงเทพ ฯ .202 หนา 2 สมสุข มจั ฉาชพี . 2534. พืชสมุนไพร . แพรวทิ ยา ,กรุงเทพ. 239 หนา 3 “ วารสารสมุนไพรเพ่อื สุขภาพ ” ปท ี่ 1 ฉบับท่ี 1 ประจาํ เดือน พฤษภาคม 2544 หนา 93 สํานักพมิ พ ยูทิไลซ จํากัด กรุงเทพฯ ยวุ ดี จอมพิทักษ “สมุนไพร ปองกันรักษาภูมแิ พ ระบบหายใจ หอบ หีด “ หนา 168 นกั พมิ พ หอสมุดกลาง 09 กรงุ เทพฯ กรมอนามัยโรงเรียน กรมอนามัย “การปอ งกันโรคตดิ ตอในโรงเรยี น” หนา 102-103 โรงพมิ พ องคก าร สงเคราะหทหารผานศึก กรงุ เทพฯ.
28 ภาคผนวก
29 สมนุ ไพรท่ีนาํ มาใชการศึกษาประสทิ ธิภาพในการกาํ จัดเหา สมนุ ไพรมาลางดวยนํา้ สะอาด ชัง่ สมนุ ไพรชนิดละ 50 กรมั และ 100 กรมั
30 นาํ สมนุ ไพรมาปน ใหละเอียดใหละเอียด กรองดว ยกระชอน และผาขาวบางอกี คร้ังหนึ่ง ถา เปนมะกรูดใหใ ชม ีดห่นั เปลอื กมะกรดู เปน ช้ินเล็ก ๆ
31 มะกรูดนาํ ไปตมใหเ ดือดประมาณ 5 นาที แลว นาํ มากรองเอาแตน ํ้า ใชห วีซถี่ ่ีสาง เพื่อหาตัวอยา งเหามาทดลอง นําเหาท่ียังไมต าย มาใสบีกเกอร ๆ ละ 10 ตวั
32 หยดสมนุ ไพรพน้ื แตละชนดิ ลงไป 1 หยด สงั เกตตัวเหาจับเวลา 10 นาที , 20 นาที ใชไมเ สียบลูกชน้ิ เข่ียดู นบั จาํ นวนเหาท่ตี าย ใบยาสูบมปี ระสิทธภิ าพในการกาํ จดั เหา ทาํ ใหเหาตายหมด ภายใน 20 นาที
33 ขน้ั ตอนในการทําแชมพสู มุนไพรกาํ จดั เหา ใส N70 กวนไปในทางเดยี วกัน จนเปน สขี าวนวล ละลายเกลือ เติมนาํ้ เกลือ 50 มล. คนใหแ ตกตัว
34 เติม KT ,KDT ,ผงมุก ,PO 65 และน้ําสมนุ ไพร คนใหเขา กัน เตมิ สารกันเสียลงไป
35 บรรจขุ วด แชมพสู มุนไพรทผี่ ลิตข้นึ มา นาํ ไปทดสอบใชกับนกั เรยี นกลมุ ตัวอยา งท่มี เี หาจาํ นวนมาก
36 วัตถดุ บิ ทฝ่ี ชใ นการทําแชมพู สมนุ ไพรทอ งถิน่ ที่ใชใ นการทดลอง
Search
Read the Text Version
- 1 - 36
Pages: