Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม

ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม

Published by Waranya1949, 2020-12-09 02:59:04

Description: ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม

Search

Read the Text Version

6 ขน้ั ตอนการพัฒนาโปรแกรม นางสาววรญั ญา สนขาว เลขท1ี่ 8 ปวส.2/1 แผนกคอมพวิ เตอร์ธุรกจิ

ขั้นตอนการพฒั นาโปรแกรม  การเขียนโปรแกรมท่ีดีนั้นจาเป็นต้องอาศัยขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม 6 ข้ันตอน ได้แก่ การวเิ คราะห์ปัญหา การออกแบบโปรแกรม การเขียนโปรแกรม การทดสอบโปรแกรม และ การจัดทาเอกสารประกอบ ควรทาตามแต่ละข้ันตอนให้เรียงตามลาดับ ไม่ข้ามข้ันตอนใด ข้ันตอนหน่ึง หรอื ทาไม่ครบข้นั ตอน โดยมรี ายละเอยี ดแต่ละขนั้ ตอน ดงั นี้ 1.การวเิ คราะหป์ ัญหา เป็นขัน้ ตอนแรกของการพัฒนาโปรแกรม เปน็ การศึกษารายละเอียดพ้นื ฐานท่ีจาเป็นต้องใช้ใน การพัฒนาโปรแกรม ได้แก่ สิง่ ทีต่ อ้ งการ รปู แบบของผลลพั ธ์ ขอ้ มูลนาเข้า ตวั แปรท่ีใช้ และวิธกี าร ประมวลผล ดงั น้ี 1.1.ส่งิ ที่ตอ้ งการ (Requirement) คอื การกาหนดวัตถปุ ระสงคข์ องงานทต่ี อ้ งการให้คอมพิว เตอรท์ างาน เชน่ รวมคะแนนสอบคดั เลือก จดั ลาดบั ท่ีสอบได้ พมิ พ์รายช่ือผสู้ อบได้ คานวณภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดาของพนักงาน การคานวณคา่ คอมมชิ ชนั่ งานท่จี ะให้คอมพิวเตอรท์ างานนน้ั อาจจะมหี ลาย อย่าง จึงต้องเขยี นรายละเอียดเปน็ ขอ้ ๆ ไว้ เพราะในการเขียนโปรแกรมเพื่อสง่ั ใหค้ อมพิวเตอรท์ างานน้ัน จะต้อง ทราบแน่ชดั ว่าทางานอะไรบา้ ง มิฉะนั้นโปรแกรมท่ีเขยี นอาจทางานไมถ่ กู ตอ้ งครบถว้ นตามท่ี กาหนด 1.2.รปู แบบของผลลพั ธ์ (Output) คือ การกาหนดและออกแบบรปู แบบของรายงานวา่ ผลลพั ธ์ท่ี ตอ้ งการในการออกแบบรายงาน ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง เช่น การออกเป็นรายงานแสดงรายละเอียดประ กอบดว้ ยหัวรายงาน รายละเอยี ดของขอ้ มูล หรือออกเป็นรายงานสรปุ การวางแผนเพอ่ื ทีจ่ ะออกเปน็ ราย งาน ช่วยทาใหเ้ ราทราบวา่ จะตอ้ งนาขอ้ มลู อะไรเขา้ ไปในเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ จึงจะได้รายงานท่ีมรี ายละ เอยี ดตามท่ีเราตอ้ งการ 1.3.ขอ้ มลู นาเขา้ (Input) คอื ข้อมูลท่จี ะต้องนาเข้ามาในคอมพวิ เตอร์ เพือ่ ใชใ้ นการประมวลผล ให้ได้ผลลพั ธต์ ามทีเ่ ราตอ้ งการ 1.4.ตวั แปรที่ใช้ (Variable) คือ ช่อื ที่ต้งั ข้นึ เพ่อื ใชเ้ กบ็ ขอ้ มูลท่ีมกี ารเปลย่ี นแปลง ขอ้ มลู ทเี่ ป็นคา่ เรมิ่ ตน้ หรอื ข้อมูลที่ไดจ้ ากการประมวลผล เพราะขอ้ มูลท่ีจะนาเขา้ มาประมวลผลดว้ ยคอมพิวเตอรม์ ไิ ดม้ ี ชดุ เดียวแตม่ หี ลายชดุ เมือ่ ประมวลผลชุดที่หน่งึ เสร็จแลว้ กจ็ ะนาเข้าขอ้ มูลชุดตอ่ ไปมาประมวลผล เพราะ ฉะนน้ั เราต้องตง้ั ตวั แปรขนึ้ มาเพอื่ ใช้ในการเกบ็ ขอ้ มลู เมอื่ พิจารณาจากขอ้ มูลนาเขา้ แล้วใหพ้ ิจารณาจาก สว่ น Output ด้วย เพราะจะต้องตง้ั ตัวแปรขนึ้ มาเพ่อื ใช้เก็บขอ้ มูลตา่ งๆ ท่ีได้จากการคานวณหรือประมวล ผล หลกั เกณฑใ์ นการตงั้ ชื่อตวั แปรในแตล่ ะภาษาก็จะแตกตา่ งกนั ออกไป แลว้ แต่วา่ เราจะเขยี นโปรแกรม ภาษาอะไร 1.5.วธิ กี ารประมวลผล (Process) คอื ข้ันตอนการทางานเพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลลัพธ์ตามทีต่ อ้ งการและการ กาหนดเงอื่ นไขตา่ งๆ ซง่ึ ผูท้ ่จี ะเขียนโปรแกรมจะตอ้ งเขา้ ใจการทางานตง้ั แตก่ ารรับขอ้ มลู การประมวลผล จนกระท่ังข้ันตอนการแสดงผลตามที่กาหนดหรือออกแบบไว้

2.การออกแบบโปรแกรม ข้ันตอนการวางแผนแก้ไขปัญหา เป็นขนั้ ท่มี ีการใชเ้ ครอ่ื งมือมาชว่ ยในการแก้ไขปัญหาจะทาให้ ข้นั ตอนการเขยี นโปรแกรมมคี วามผดิ พลาดนอ้ ยลง ซ่งึ เครอื่ งมือที่ใช้ในการตรวจสอบการทางานของ โปรแกรมน้ันจะทาให้ทราบข้ันตอนการทางานของโปรแกรมได้อย่างรวดเร็ว ถ้าเราจะเปรียบเทียบ การเขียนโปรแกรมเป็นการสร้างบ้านแล้ว ขั้นตอนการวางแผนแก้ไขปัญหาน้ี เป็นเหมือนการ ออกแบบแปลนบา้ นลงในกระดาษ เพ่อื จะได้นาไปสร้างบ้านในลาดับไป ซ่ึงข้ันตอนการวางแผนแก้ไข ปัญหาน้ี ผอู้ อกแบบการแกไ้ ขปัญหาสามารถนาเครือ่ งมือมาช่วยในการแก้ไขปัญหาได้ โดยมีอยู่หลาย ตวั ตามความถนัด หรือความชอบ ซึง่ เครื่องมือเหลา่ น้ีได้แก่ 2.1 อัลกอริทึม (Algorithm) คือ รูปแบบของการกาหนดการทางานอย่างเป็นข้ันตอน ซ่ึงผ่าน การวิเคราะห์และแยกแยะ เพื่อการแก้ปัญหาต่าง ๆ ตามลาดับขั้น อาจเลือกใช้ภาษาไทยหรือ ภาษาอังกฤษตามความถนัด เพอื่ นาเสนอข้นั ตอนของกจิ กรรมก็ได้ 2.2 ผังงาน (Flowchart) คือ แผนภาพทใี่ ช้แสดงลาดบั ขนั้ ตอนการทางานของโปรแกรม ซ่ึงจะใช้ ภาพสัญลักษณ์สอื่ ความหมาย แต่ละขั้นตอนของการทางาน และจะใช้ลูกศรสอื่ ถงึ ทศิ ทางการเดินทางของ ลาดบั การทางาน ซึง่ จะทาให้ทราบข้นั ตอนและลาดับการทางานของโปรแกรมได้อยา่ งถูกต้อง 2.3 รหสั จาลอง หรอื รหสั เทียม (Pseudo-code) คือ การเขยี นโปรแกรมในรปู แบบภาษาองั กฤษ ที่มีข้ันตอนและรูปแบบแน่นอนกะทัดรัด และมองดูคล้ายภาษาระดับสูงที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่ง รหัสเทียมน้นั จะไมเ่ จาะจงสาหรับภาษาใดภาษาหนึ่งโครงสร้างของรหัสเทียม จึงมีส่วนท่ีคล้ายคลึงกันกับ การเขยี นโปรแกรมมาก

3.การเขียนโปรแกรม การเขียนโปรแกรม เปน็ การนาเอาผงั งานซง่ึ ไดจ้ ากการออกแบบโปรแกรมมาเขยี นเป็นโปรแกรมส่ัง ให้คอมพิวเตอร์ทางานด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ เช่น ภาษาซี ภาษาจาวา แล้วแต่ว่างานน้ันเหมาะสมกับ ภาษาใด ผู้เขียนโปรแกรมจะตอ้ งมคี วามสนใจต่อรูปแบบกฎเกณฑ์การใช้ภาษาน้ันๆ และควรมีคาอธิบาย ด้วยว่าโปรแกรมนีท้ าไรไดบ้ า้ ง เพ่อื ให้โปรแกรมน้ันมีความกระจ่าง ชัดเจน และง่ายตอ่ การตรวจสอบ 4.การทดสอบโปรแกรม เป็นการนาเอาโปรแกรมที่เขียนแล้วเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ เพ่ือตรวจสอบรูปแบบกฎเกณฑ์ ของภาษา และผลการทางานของโปรแกรมนัน้ ถ้าพบขอ้ ผดิ พลาดก็แก้ไขให้ถูกต้อง ข้อผิดพลาดท่ีมัก พบบ่อยๆ ในการสัง่ ใหโ้ ปรแกรมทางานมอี ยู่ 3 แบบคือ 4.1.ข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ภาษา (Syntax Error) เกิดจากการเขียนชุดคาสั่งไม่ถูกต้องตาม ไวยากรณ์ของภาษาคอมพิวเตอร์น้นั ๆ 4.2.ขอ้ ผิดพลาดระหว่างการประมวลผล (Runtime Error) เกดิ ขณะท่ีโปรแกรมกาลงั ประมวล ผลหรอื กาลงั ทางานอยู่ โดยอาจจะเปน็ ความผิดพลาดจากการปอ้ นขอ้ มลู เขา้ สรู่ ะบบ แลว้ ไม่สามารถประ มวลผลได้ 4.3.ข้อผดิ พลาดทางวิธีการคดิ (Logical Error) เกดิ จากเขยี นคาสัง่ ในภาษานัน้ ๆ ไดถ้ ูกตอ้ งตาม หลงั ไวยากรณ์ แต่เมือ่ สงั่ ใหโ้ ปรแกรมทางาน ผลลัพธท์ ไ่ี ดอ้ าจจะเป็นการคานวณผดิ พลาด ไม่ตรงกบั ความ ตอ้ ง การของผ้ใู ช้ เป็นขอ้ ทแ่ี กไ้ ขไดย้ ากทสี่ ดุ จงึ จาเป็นตอ้ งมีการทดสอบหลายๆ คร้งั เพอ่ื พิจารณาวา่ ได้ ผลลัพธถ์ ูกต้องตามขน้ั ตอนการประมวลผลทีอ่ อกแบบไว้ หรือเป็นไปตามความตอ้ งการของผใู้ ชง้ านหรอื ไม่

5.ขนั้ การเขียนเอกสารประกอบ การทาเอกสารประกอบโปรแกรม คือ การอธบิ ายรายละเอยี ดของโปรแกรมว่า จุดประสงค์ของ โปรแกรมคืออะไร สามารถทางานอะไรได้บ้าง และมีขั้นตอนการทางานของโปรแกรมเป็นอย่างไร ฯลฯ เครือ่ งมือทีช่ ่วยในการออกแบบโปรแกรมเช่น ผังงาน หรือ รหัสจาลอง ก็สามารถนามาประกอบ กันเป็นเอกสารประกอบโปรแกรมได้ ซึ่งเอกสารประกอบโปรแกรมโดยทั่วไปจะมีอยู่ ด้วยกัน 2 แบบ คอื 5.1 เอกสารประกอบโปรแกรมสาหรับผู้ใช้ (User Documentation) จะเหมาะสาหรับผู้ใช้ท่ีไม่ต้อง เก่ียวข้องกับการพัฒนาโปรแกรม แตเ่ ป็นผทู้ ีใ่ ช้งานโปรแกรมอย่างเดียว จะเน้นการอธิบายเก่ียวกับการใช้ งานโปรแกรม เปน็ หลัก ตวั อยา่ งเช่น 1.โปรแกรมนี้ทาอะไร ใชง้ านในด้านไหน 2.ข้อมูลเข้ามีลกั ษณะอยา่ งไร 3.ขอ้ มลู ออกหรอื ผลลพั ธ์มีลกั ษณะอยา่ งไร 4.การเรียกใช้โปรแกรมทาอยา่ งไร คาสัง่ หรือข้อมลู ทจ่ี าเปน็ ใหโ้ ปรแกรมเร่มิ ทางาน มีอะไรบา้ ง 5.อธบิ ายเก่ียวกบั ประสิทธภิ าพ และความสามารถของโปรแกรม 5.2 เอกสารประกอบโปรแกรมสาหรับผู้เขียนโปรแกรม (Technical Documentation) จะเหมาะ สาหรับผู้ใช้ท่ีไม่ต้องเกี่ยวข้องกับการพัฒนาโปรแกรม แต่เป็นผู้ท่ีใช้งานโปรแกรมอย่างเดียว จะเน้นการ อธิบายเกี่ยวกบั การใช้งานโปรแกรมเปน็ หลัก ตัวอย่างเชน่ 1.สว่ นท่เี ปน็ คาอธิบายหรือหมายเหตใุ นโปรแกรมหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า คอมเมนต์ ซ่ึงส่วนใหญ่ มกั จะเขียนแทรกอยใู่ นโปรแกรม อธิบายการทางานของโปรแกรมเป็นสว่ น ๆ 2.ส่วนอธิบายดา้ นเทคนิค ซ่ึงส่วนน้ีมักจะทาเป็นเอกสารแยกต่างหากจาก โปรแกรม จะอธิบายใน รายละเอียดที่มากขึ้น เช่น ช่ือโปรแกรมย่อยต่าง ๆ อะไรบ้าง แต่ละโปรแกรมย่อยทาหน้าที่อะไร และ คาอธบิ ายยอ่ ๆ เกย่ี วกบั วัตถุประสงค์ของโปรแกรม เป็นตน้

6.ขั้นบารุงรักษาโปรแกรม ขน้ั ตอนน้ีคอื ขั้นตอนสุดท้ายเมื่อโปรแกรมผา่ นการตรวจสอบตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว และถูก นามาให้ผู้ใช้ได้ใช้งาน ในช่วงแรกผู้ใช้อาจจะยังไม่คุ้นเคยก็อาจทาให้เกิดปัญหาขึ้นมาบ้าง ดังน้ันจึง ต้องมีผู้คอยควบคุมดูแลและคอยตรวจสอบการทางาน การบารุงรักษาโปรแกรมจึงเป็นข้ันตอนที่ ผู้เขียนโปรแกรม ต้องคอยเฝ้าดู และหาข้อผิดพลาด ของโปรแกรมในระหว่างท่ีผู้ใช้ใช้งานโปรแกรม และปรบั ปรงุ แก้ไขโปรแกรมเม่ือเกดิ ข้อผิดพลาดข้นึ หรอื ในการใช้งานโปรแกรมไปนาน ๆ ผู้ใช้อาจต้องการ เปล่ียนแปลงการทางานของระบบเดิม เพ่ือ ให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ เช่น ต้องการเปล่ียนแปลงหน้าตาของรายงาน มีการเพ่ิมเติมข้อมูล หรือลบขอ้ มูลเดมิ นกั เขียนโปรแกรมก็จะต้องคอยปรบั ปรงุ แกไ้ ขโปรแกรมตามความตอ้ งการของผู้ใช้ที่ เปลย่ี น แปลงไปนัน้

อ้างองิ https://www.rw.ac.th/jetavat/?web=les01.3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook