วช-ร 04 การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ รายวชิ า ภาษาองั กฤษพืน้ ฐาน รหสั วิชา อ 31102 ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 จัดทาโดย นางสาวอนุสรา แสนอุบล ตาแหน่ง ครูผชู้ ว่ ย โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 ตาบลช่างเคิ่ง อาเภอแมแ่ จ่ม จังหวัดเชียงใหม่ สานักบริหารงานการศกึ ษาพิเศษ สานกั งานการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
คาอธบิ ายรายวชิ า รายวชิ า ภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน รหัสวชิ า อ 31101 ชั้น มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 40 ชวั่ โมง จานวน 1.0 หนว่ ยกติ คาอธบิ ายรายวชิ า เขา้ ใจ น้าเสยี ง ความรู้สกึ ของผพู้ ดู คา้ ส่ัง คา้ ขอรอ้ ง ค้าแนะน้า ความแตกตา่ งดา้ นภาษา วัฒนธรรม ประเพณี อา่ นออกเสยี งบทอา่ นได้ถกู ต้องตามหลกั การอ่านออกเสยี งและเหมาะสมกบั เนื้อหาท่อี า่ น ตีความ วิเคราะห์ ข้อความ ขอ้ มูล ข่าวสาร บทความ สารคดี บันเทิงคดี สือ่ ท่ีเป็นความเรยี งและไม่ใชค่ วามเรียงในรปู แบบต่างๆ จากสื่อสงิ่ พิมพ์ หรอื สื่ออีเลก็ ทรอนิกส์ หวั ข้อตา่ งๆเก่ยี วกบั ตนเอง ครอบครัว โรงเรียน อาหาร สิ่งแวดล้อม เครือ่ งดื่ม ใช้ภาษาตาม มารยาททางสังคมสรา้ งความความสมั พนั ธ์ระหวา่ งบุคคล แสดงความคิดเหน็ ความต้องการ อธบิ าย บรรยาย แลกเปล่ียน ความรู้ และใหเ้ หตุผลเก่ียวกับเรอ่ื งราวต่างๆ เหตุการณใ์ น อดตี ปจั จุบัน และอนาคตโดยใชป้ ระโยชนจ์ ากสอ่ื เทคโนโลยี ส่อื การเรียนทางภาษา และผลจากการฝึกทักษะต่างๆ แสวงหาวิธกี ารเรยี นทเี่ หมาะสมกบั ตนเอง สามารถนา้ เสนอข้อมูล ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นเจรจาโน้มน้าวตอ่ รองเกย่ี วกบั ประสบการณ์ เหตุการณ์ต่างๆในท้องถนิ่ ด้วยวธิ ีการที่ หลากหลายอยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละมีประสทิ ธภิ าพน้าเสนอบทกวหี รอื บทละครส้ันโดยใช้เค้าโครงตามแนวคิดของเจา้ ของ ภาษาดว้ ยความเพลิดเพลนิ เข้ารว่ มกจิ กรรมเปรียบเทยี บและน้าความรูด้ า้ นภาษาวัฒนธรรมประเพณีความเชอื่ ไปใชอ้ ย่าง มวี ิจารณญาณ เห็นประโยชนข์ องการรู้ภาษาองั กฤษในการแสวงหาความรู้ เพอ่ื ขยายโลกทัศนจ์ ากแหล่งขอ้ มูลท่ี หลากหลาย การเขา้ สู่สังคมและอาชีพสามารถใช้ภาษาสอื่ สารในรูปแบบต่างๆ ตามสถานการณ์ในสถานศึกษาและชมุ ชน ตัวชว้ี ัด 1. ต. 1.1 ม .4-6/3 อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพนั ธก์ บั ส่ือทีไ่ ม่ใช่ความเรยี งรูปแบบต่างๆ ที่ อ่าน รวมท้ังระบแุ ละเขียนสื่อท่ีไม่ใช่ความเรยี งรปู แบบตา่ งๆ ให้สมั พนั ธ์กบั ประโยค และข้อความทีฟ่ ังหรืออ่าน 2. ต. 1.1 ม .4-6/4 จับใจความส้าคญั วเิ คราะหค์ วามสรุปความ ตีความ และแสดงความคดิ เห็นจากการฟงั และอ่านเรือ่ ง ที่เปน็ สารคดีและบนั เทิงคดี พร้อมทง้ั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ งประกอบ 3. ต. 1.2 ม .4-6/1 สนทนาและเขยี นโตต้ อบข้อมูลเกยี่ วกับตนเองและเร่ืองตา่ ง ๆ ใกล้ตวั ประสบการณ์ สถานการณ์ ข่าว / เหตุการณ์ ประเดน็ ท่ีอยูใ่ นความสนใจของสังคม และส่ือสารอยา่ งตอ่ เนื่องและเหมาะสม 4. ต. 1.3 ม .4-6/1 ,พูดและเขียนนา้ เสนอข้อมูลเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตกุ ารณ์ เรือ่ งและ ประเดน็ ต่างๆ ตามความสนใจของสังคม 5. ต. 1.3 ม .4-6/2 พูดและเขียนสรปุ ใจความส้าคัญ/แก่นสาระทไ่ี ด้จากการวิเคราะหเ์ รอื่ ง กจิ กรรม ขา่ ว เหตกุ ารณ์ และสถานการณ์ตามความสนใจ 6. ต. 2.1 ม .4-6/1 เลือกใช้ภาษา น้าเสียง และกริ ิยาท่าทางเหมาะกบั ระดับของบุคคล โอกาส และสถานที่ ตาม มารยาทสังคมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา 7. ต. 3.1 ม .4-6/1 คน้ คว้า/สบื คน้ บนั ทึก สรุป และแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั ขอ้ มลู ทเ่ี กี่ยวข้องกับกลุม่ สาระการเรยี นรอู้ ื่น จากแหลง่ เรยี นรตู้ า่ งๆ และนา้ เสนอดว้ ยการพดู และการเขียน 8. ต. 4.1 ม .4-6/1 ใช้ภาษาสอ่ื สารในสถานการณจ์ รงิ /สถานการณจ์ า้ ลองที่เกดิ ขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชน และสงั คม 9. ต. 4.2 ม .4-6/2 เผยแพร่/ประชาสัมพันธ์ ขอ้ มลู ข่าวสารของโรงเรยี น ชุมชน และทอ้ งถิ่น/ประเทศชาติ เป็นภาษาต่างประเทศ รวมท้งั หมด 9 ตัวช้ีวัด
ผังมโนทัศน์ รายวชิ า ภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน รหัสวิชา อ 31101 ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2561 ชื่อหนว่ ย School Then And Now ชือ่ หนว่ ย You have to do it จานวน 10 ช่ัวโมง : 20 คะแนน จานวน 10 ชว่ั โมง : 20 คะแนน รายวชิ า ภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 จานวน 40 ชั่วโมง ชอื่ หนว่ ย Do you know where is it? ชื่อหน่วย There are the ones! จานวน 10 ช่ัวโมง : 20 คะแนน จานวน 10 ช่วั โมง : 20 คะแนน หมายเหตุ : คะแนนสอบกลางภาค 10 คะแนน คะแนนสอบปลายภาค 10 คะแนน รวม 20 คะแนน
ผงั มโนทศั น์ รายวิชา ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ 31101 ระดบั ช้ัน มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เรอ่ื ง School Then And Now จานวน 15 ชวั่ โมง : 20 คะแนน เรอื่ งหลกั /หวั เร่ือง Past and Present หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เรอ่ื ง School Then And Now จานวน 15 ชวั่ โมง โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ กิจกรรม New Language - Past tense - Used to entire (adj.), cane (n.), paddle (n.), break (n.), academic (adj.), behavior (n.), counselor (n.)
แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 เรื่อง School then and now แผนจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่อื ง Past and Present รายวิชา ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน รหสั วิชา อ 31101 ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 น้าหนกั เวลาเรยี น 1.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 15 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ .......................................................................................................................................................... 1. สาระสาคญั (ความเขา้ ใจท่คี งทน) หนว่ ยการเรยี นรนู้ ี้มีจุดมุง่ หมายให้นักเรียนเข้าใจว่าขอ้ ความต่อเน่อื ง (text) มีเงื่อนงา้ (clues) ท่ชี ว่ ยในการเดา ความหมายของคา้ นกั เรียนจะไดอ้ า่ นข้อความสั้น ๆ ทใี่ ห้ข้อมูลเกยี่ วกบั โรงเรยี นของชาตติ ะวนั ตกในอดตี และปัจจบุ ัน และบทความท่ีให้ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาของเดก็ ในยุคกรกี โรมัน และจนี โบราณ ฟงั บคุ คลเล่าประสบการณใ์ นโรงเรียนใน อดีต พูดสนทนาโต้ตอบเกี่ยวกบั สิ่งท่ีตนเคยท้า พูดนา้ เสนอเก่ียวกับสภาพของโรงเรยี นในอดีตท่ไี ด้จากการสัมภาษณ์ ผ้อู าวโุ ส เขียนบรรยายสิง่ ท่ีตนทา้ ในโรงเรียนท้ังในอดีตและปจั จบุ ัน นอกจากนี้ยังเรียนร้คู า้ ศัพทเ์ กีย่ วกบั โรงเรียนและ กิจกรรมที่ท้าในวัยเด็ก รวมทง้ั หน้าท่ีภาษา โครงสร้างประโยค/ไวยากรณท์ ี่เป็นพ้ืนฐานของกิจกรรมการฟัง พูด อา่ น และ เขยี นในหน่วยการเรียนรนู้ ้ี 2. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัดชัน้ ปี/ผลการเรียนรู้/เป้าหมายการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ (ให้ตรงกับหลกั สตู รแกนกลาง ปี 2551) มาตรฐาน ต. 1.1.1 ม .4-6/3 ตัวชว้ี ดั ที่ 1 อธิบายและเขยี นประโยคและขอ้ ความให้สัมพนั ธ์กบั ส่อื ทีไ่ ม่ใช่ความเรียงรปู แบบตา่ งๆ ท่อี ่าน รวมทง้ั ระบแุ ละเขยี นสือ่ ท่ีไม่ใช่ความเรยี งรปู แบบตา่ งๆ ให้สมั พนั ธ์กบั ประโยค และขอ้ ความทฟ่ี ังหรืออ่าน มาตรฐาน ต. 1.2.1 ม .4-6/3 ตวั ชี้วดั ที่ 1 สนทนาและเขียนโตต้ อบข้อมูลเกยี่ วกบั ตนเองและเรอ่ื งตา่ ง ๆ ใกลต้ ัว ประสบการณ์ สถานการณ์ ข่าว / เหตุการณ์ ประเดน็ ท่อี ยู่ในความสนใจของสงั คม มาตรฐาน ต. 1.3.1 ม .4-6/1 ตวั ช้วี ดั ท่ี 1 พดู และเขียนนา้ เสนอข้อมลู เก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตุการณ์ เรอ่ื งและประเด็นต่างๆ ตามความสนใจของสงั คม มาตรฐาน ต. 1.3.2 ม .4-6/2 ตัวชว้ี ัดท่ี 1 พูดและเขยี นสรุปใจความส้าคญั /แก่นสาระทีไ่ ด้จากการวเิ คราะห์เรื่อง กจิ กรรม ขา่ ว เหตกุ ารณ์ และ สถานการณ์ตามความสนใจ มาตรฐาน ต. 2.1.1 ม .4-6/1 ตัวชวี้ ัดท่ี 1 เลือกใช้ภาษา น้าเสยี ง และกิริยาท่าทางเหมาะกับ ระดับของบุคคล โอกาส และสถานท่ี ตามมารยาท สงั คม และวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา มาตรฐาน ต. 3.1.1 ม .4-6/1 ตวั ชวี้ ัดที่ 1 ค้นคว้า/สบื คน้ บนั ทึก สรปุ และแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั ขอ้ มลู ที่เกย่ี วข้องกับกลุม่ สาระการ เรียนรู้อ่ืน จากแหล่งเรยี นรูต้ ่างๆ และนา้ เสนอด้วยการพูดและการเขยี น
3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เนื้อหาสาระหลัก : Knowledge (นักเรียนตอ้ งรูอ้ ะไร) 3.1.1 Past (อดตี กาล) 3.1.2 Present (ปจั จุบนั กาล) 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process (นกั เรยี นสามารถปฏบิ ัติอะไรได)้ การฟัง : ระบุรายละเอียด การพดู : พดู เก่ยี วกบั อดีตและส่งิ ทีเ่ คยทา้ การอ่าน : จบั ใจความส้าคัญ วิเคราะหค์ วาม ตีความ สรุปความ การเขียน : เขยี นบรรยายประสบการณ์ในอดตี เขยี นสรุปขอ้ มูลท่คี ้นคว้า 3.3 คุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ : Attitude (นักเรยี นควรแสดงพฤตกิ รรมการเรียนอะไรบา้ ง) ใฝ่เรยี นรู้ : ค้นควา้ หาความรจู้ ากแหล่งเรยี นรตู้ ่าง ๆ 4. สมรรถนะสาคญั ของนกั เรยี น 4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 4.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะของวิชา เชน่ - ความรบั ผิดชอบ - กระบวนการกลมุ่ 6. คุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ - ใฝ่เรียนรู้ 7. ช้ินงาน/ภาระงาน : - แบบฝึกหัด เรื่อง Past - แบบฝกึ หดั เรอ่ื ง Present ภาระงาน (หมายถงึ การมอบหมายงานให้ไปด้าเนนิ การ เชน่ คน้ ควา้ ศกึ ษา ใช้เวลาค่อนข้างนาน เชน่ การศึกษา เรือ่ ง Past และ Present 8. กิจกรรมการเรยี นรู้ (จัดกจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยใชก้ ระบวนการใด แสดงตามขนั้ ตอน : เวลาท่ีใช้ 15 ชวั่ โมง - ข้ันน้าเข้าสูบ่ ทเรยี น/ขนั้ ต้งั ค้าถาม - ขน้ั ส้ารวจและค้นพบ/ขัน้ การเตรยี มการค้นหาคา้ ตอบ - ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ /ขนั้ ด้าเนนิ การคน้ หาค้าตอบและตรวจสอบคา้ ตอบ - ขั้นขยายความรูแ้ ละนา้ เสนอผลการค้นหาค้าตอบ - ขั้นสรปุ และประเมินผล ช่วั โมงท่ี 1-3 (ความสามารถในการวเิ คราะห์ / ใฝเ่ รียนรู้ / เทคนคิ การสบื ค้น) 1. นา้ เขา้ สบู่ ทเรยี น - ครูบอกนักเรียนว่า ในอดีตเราเคยมีบางสิง่ บางอย่าง แต่เดยี๋ วนีเ้ ราไมม่ ีส่ิงนั้น ๆ อกี แลว้ เช่น บริเวณบางแห่งเคยใช้ เปน็ ทีเ่ พาะปลูก แตบ่ ัดนกี้ ลายเปน็ ที่ตงั้ ของโรงงานอุตสาหกรรม ในกรุงเทพมหานครเคยมีรถรางใช้ในถนนสายหลกั แต่บัดน้ีไม่มีแลว้ 2. แจง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ - ครบู อกนักเรยี นวา่ ในหน่วยการเรยี นรนู้ ีน้ กั เรียนจะได้อา่ นข้อความทกี่ ล่าวถงึ สิง่ ท่ีเคยมีเคยเปน็ ในประเทศตะวันตก แต่บัดนีไ้ ม่มแี ละไม่เป็นเชน่ นนั้ แล้ว เม่ืออา่ นแล้ว นักเรียนจะต้องเปรียบเทียบสภาพของประเทศตะวันตกกับของไทย
กิจกรรมกอ่ นอ่าน 1. ตรวจสอบความร้เู ดมิ - ครอู ่านออกเสียงช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ Schools Then and Now และใหน้ กั เรียนเดาวา่ ขอ้ ความที่จะอ่านเป็นเร่อื ง เกี่ยวกับอะไร - ครูใหน้ ักเรียนดภู าพในหนังสือเรียน หนา้ 2-3 ทีละภาพและพูดเกยี่ วกับสง่ิ ท่นี กั เรียนเหน็ ในภาพ โดยตง้ั คา้ ถามนา้ ดงั ตัวอยา่ งต่อไปนี้ - Who are the people? - Where are they? - How old are they? - What are they doing? ฯลฯ ชว่ั โมงที่ 4 -6 (ความสามารถในการวเิ คราะห์ / ใฝ่เรยี นรู้ / ช่วยกันคดิ ช่วยกนั เรยี น) กจิ กรรมระหว่างอ่าน 1. อ่านขอ้ ความ - ครูเปดิ ซีดบี นั ทึกเสียง CD 1 Track 2 นักเรียนฟงั ขอ้ ความยอ่ หนา้ แรกของกจิ กรรม New Language ในหนงั สือ เรียน หน้า 2 และอ่านในใจตาม ครูหยุดซดี บี ันทึกเสียง ใหน้ กั เรยี นอ่านในใจอกี ครั้งหน่ึง และเปรียบเทียบข้อมูลใน ข้อความกบั ส่งิ ที่พดู เกย่ี วกับภาพเม่ือท้ากจิ กรรมกอ่ นอา่ น - ครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 2 ให้นักเรียนฟังข้อความในย่อหน้าต่อ ๆ ไป หยุดซีดีบันทึกเสียงเม่ือจบทุก ย่อหน้า ให้นักเรียนอ่านในใจตามอีกคร้ังหนึ่ง ครูบอกนักเรียนให้อ่านเอาความ ยังไม่ต้องกังวลกับค้าท่ีไม่ทราบ ความหมาย - ครูให้นกั เรียนอ่านขอ้ ความทง้ั หมดในหนังสอื เรยี น หนา้ 2-3 อีกครัง้ หนึ่ง กิจกรรมหลังอา่ น 1. ตรวจสอบความเขา้ ใจ - ครเู ขยี นคา้ ถามตอ่ ไปนบี้ นกระดาน ให้นักเรียนลอกลงบนกระดาษ 1. What is the main idea of this passage? A. Parents were more involved in school in the past. B. Students today are much happier than those in the past. C. Students of all ages used to be in the same classroom. D. Schools today are different from those in the past? 2. What is the best word to describe school teachers in the past? A. cruel B. strict C. fearsome D. serious - ครูใหน้ ักเรียนตอบคา้ ถามบนกระดาน และทา้ กิจกรรม Language Check ในหนงั สือเรียน หนา้ 3 - ครใู ห้นกั เรียนช่วยกันเฉลยค้าตอบ และใหบ้ อกเหตุผลหรือท่มี าของคา้ ตอบแต่ละข้อ (ดเู ฉลยค้าตอบท้ายเล่ม) คา้ ตอบของค้าถามบนกระดาน 1. D 2. C
ชั่วโมงท่ี 7 -9 (ความสามารถในการวิเคราะห์ / ใฝ่เรยี นรู้ / ชว่ ยกันคิดชว่ ยกนั เรียน) 2. ประเมินผลการอ่านขอ้ ความ - ครูประเมนิ ผลความเข้าใจข้อความท่ีอ่านจากจ้านวนค้าตอบที่ถูกต้องที่ได้จากการท้ากิจกรรม Language Check ในหนงั สอื เรยี น หน้า 3 รวมกบั ค้าตอบของคา้ ถามบนกระดาน และใช้เกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 60 3. เสรมิ สรา้ งความรดู้ า้ นค้าศพั ท์ - ครูให้นักเรียนถามความหมายของค้าศัพท์ในข้อความในหนังสือเรียน หน้า 2-3 ที่ไม่ทราบความหมาย ครูบอก ความหมายของบางค้าทนั ที บางค้าครชู น้ี ้าให้นกั เรียนเดาความหมายของค้าจากค้าหรือขอ้ ความทอ่ี ยู่รอบ ๆ ค้านั้น ดงั ตวั อยา่ งต่อไปน้ี a cane, a paddle - ครชู ใ้ี หน้ ักเรยี นดูขอ้ ความ …to beat students with a cane or a wooden paddle และถามนกั เรียนวา่ เวลาเด็ก ๆ ถูกตี ผู้ใหญใ่ ช้อะไรตี นกั เรยี นอาจบอกว่า ไม้บรรทดั กงิ่ มะยม เข็มขัดหนงั ฯลฯ ดังนัน้ cane และ paddle จึงเปน็ เครอื่ งมอื ท่คี รใู ช้ตนี ักเรยี น และจาก Adjective ทีบ่ รรยาย paddle ทา้ ให้ทราบว่า paddle เปน็ อปุ กรณท์ ี่ใช้ตี ที่ท้าดว้ ยไม้ ครบู อกว่าการทน่ี ักเรียนรู้เพียงแคว่ า่ cane และ paddle เปน็ อุปกรณท์ คี่ รใู ชต้ ี ก็พอทจี่ ะจบั ใจความท่ีอ่านได้ แตถ่ ้าต้องการร้ใู ห้ชัดก็ต้องเปดิ หาความหมายในพจนานกุ รม detention - ครูเขียนข้อความต่อไปนีบ้ นกระดาน Nowadays detention is one of the most common punishments in some countries. - ครูชี้ใหน้ กั เรยี นดูคา้ ทค่ี รูขดี เสน้ ใตแ้ ละเขยี นวงล้อมรอบ อธบิ ายวา่ โครงสรา้ งของประโยคนค้ี ือ A is B ค้าทอี่ ยขู่ า้ งหน้าและข้างหลัง “is” มีความหมายตรงกัน โดยอาศัยโครงสร้างนเี้ ราสามารถบอกไดว้ ่า detention เป็น punishment หรือการลงโทษประเภทหน่งึ แตก่ ย็ ังบอกวธิ กี ารลงโทษไมไ่ ด้ - ครอู ่านออกเสียงในยอ่ หน้าแรกในหนังสือเรยี น หนา้ 3 ซงึ่ อยตู่ อ่ จากประโยคที่ครูเขยี นบนกระดาน “Students go to a certain area in the school during break or after classes and do academic work.” - ครบู อกนกั เรียนวา่ ประโยคนอ้ี ธิบายถงึ วธิ ีการลงโทษทีเ่ รียกว่า detention นักเรยี นอาจเคยมปี ระสบการณแ์ บบ น้ี จึงพอสรุปไดว้ ่า detention ก็คือการลงโทษโดยการกกั ตัวไวใ้ หท้ า้ งานระหว่างพกั หรอื หลงั เรียน ชว่ั โมงท่ี 10 -12 (ความสามารถในการวิเคราะห์ / ใฝ่เรยี นรู้ / ชว่ ยกันคิดชว่ ยกันเรยี น) 4. เปรยี บเทียบโรงเรยี นของชาติตะวันตกและของไทย - ครใู ห้นักเรยี นจับคกู่ ัน และแจก Worksheet 1 สา้ หรบั หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ใหน้ ักเรียนแตล่ ะคู่ บอกนักเรียนให้ อ่านข้อความในหนงั สอื เรียน หนา้ 2-3 อกี ครงั้ หนง่ึ และให้แต่ละคชู่ ่วยกันหาข้อมูลว่าโรงเรยี นของชาตติ ะวนั ตกแต่ เดมิ เป็นอย่างไรและเด๋ยี วน้ีเป็นอยา่ งไร แลว้ นา้ ขอ้ มูลนั้นไปเขียนลงในตารางใน Worksheet 1 ในคอลัมนท์ ่ีเปน็ ข้อมูลของโรงเรียนของชาติตะวนั ตก - ครูให้นักเรียนแตล่ ะคูช่ ่วยกันคิดเปรียบเทยี บโรงเรียนของชาตติ ะวันตกกับโรงเรียนของไทย เฉพาะประเด็นที่ กล่าวถงึ ในหนังสือเรียน หน้า 2-3 และเขยี นขอ้ มูลเก่ียวกบั โรงเรียนของไทยในอดีตเทา่ ท่ีทราบและในปัจจุบนั ลงใน คอลมั น์ “Then” และ “Now” ของโรงเรียนไทย - ครูใหน้ ักเรยี นช่วยกนั เฉลยค้าตอบโดยครูลอกแผนภูมิใน Worksheet 1 บนกระดาน ให้นักเรียนท่ีสมัครใจผลัดกัน ออกมาเขียนข้อมูลลงในแต่ละคอลัมน์ในแผนภูมิ แล้วนักเรียนท้ังช้ันช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องโดยครูเป็นผู้ ชี้นา้
5. ประเมินผลการเปรียบเทยี บโรงเรยี นของชาติตะวันตกและของไทย - ครูประเมินผลการเปรียบเทียบโรงเรยี นของชาตติ ะวันตกและของไทยจากจ้านวนข้อมูลทถ่ี ูกต้องในแผนภูมิ และใช้ เกณฑผ์ า่ นรอ้ ยละ 60 กิจกรรม Pronunciation 1. ออกเสียงคา้ used to ในประโยค - ครูให้นักเรียนท้ากิจกรรม Pronunciation ในหนังสือเรียน หน้า 3 ครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 3 ให้ นกั เรียนฟังประโยคทม่ี ี used to และพดู ออกเสียงตามซา้ หลาย ๆ ครัง้ - ครเู ปิดซดี ีบันทกึ เสียงซา้ อีกคร้ังหนง่ึ ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั ฝึกอา่ นออกเสียงประโยคในกิจกรรม Pronunciation กิจกรรม Practice 1. พูดถาม-ตอบคา้ ถามโดยใช้ used to - ครใู หน้ ักเรียนท้ากิจกรรม Practice ในหนังสือเรียน หน้า 3 ครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 4 ให้นักเรียนฟัง ค้าถามและค้าตอบในข้อ 1 แล้วเปิดซีดีบันทึกเสียงซ้าอีกครั้งหนึ่ง หยุดซีดีบันทึกเสียงเมื่อจบแต่ละประโยค ให้ นักเรียนพดู ตามซ้าหลาย ๆ คร้ัง - ครูเปิดซีดีบันทึกเสยี ง CD 1 Track 4 ใหน้ กั เรียนฟังค้าถามและคา้ ตอบในขอ้ 2 และ 3 ตามล้าดบั โดยให้นักเรยี น ทา้ ตามขัน้ ตอนทไี่ ดป้ ฏิบตั ิเม่ือเปิดซีดีบนั ทกึ เสียงใหฟ้ งั ค้าถามและค้าตอบขอ้ 1 - ครใู หน้ ักเรยี นจับค่กู ัน ฝึกอา่ นออกเสยี งค้าถามและคา้ ตอบในกจิ กรรม Practice ขอ้ 1, 2 และ 3 และให้นักเรยี น แตล่ ะคสู่ ลับบทบาทกันเป็นทั้งผถู้ ามและผู้ตอบ - ครูใหน้ กั เรียนคทู่ สี่ มัครใจผลดั กันออกมาอา่ นออกเสียงคา้ ถามและคา้ ตอบในกจิ กรรม Practice 1, 2 และ 3 ช่วั โมงที่ 13 -15 (ความสามารถในการวเิ คราะห์ / ใฝ่เรียนรู้ / ชว่ ยกันคดิ ช่วยกันเรียน) กจิ กรรม Listening 1. ฟังบุคคลพดู ถงึ สมยั ท่ีตนเป็นนกั เรียน - ครบู อกวา่ นกั เรียนจะไดฟ้ งั บุคคล 2 คนพดู ถงึ สมัยทตี่ นเปน็ นกั เรียน - ครอู ่านออกเสียงประโยคในกจิ กรรม Listening ในหนังสือเรยี น หนา้ 4 ใหน้ กั เรยี นถามถ้าไมเ่ ขา้ ใจประโยคใด แล้ว บอกวา่ เม่ือนักเรียนฟงั คา้ พูดของบุคคลทัง้ 2 แล้ว ให้เขยี น T ไวท้ ่ปี ระโยคท่ีถูกตอ้ งตามข้อมูลทไี่ ด้ฟัง - ครเู ปดิ ซีดีบนั ทึกเสียง CD 1 Track 6 ให้นักเรยี นฟัง และพยายามสรปุ วา่ แต่ละคนพดู อะไร - ครูเปดิ ซีดบี ันทึกเสียงอีกครั้งหน่งึ คร้งั นใ้ี หน้ กั เรยี นฟังและเขยี น T ขา้ งหน้าประโยคท่ีถกู ตอ้ งตามข้อมูลทไี่ ด้ฟัง - ครูใหน้ ักเรียนชว่ ยกันบอกค้าตอบ และเปิดซีดบี นั ทึกเสยี งอีกคร้ังหน่ึงเพ่อื ยืนยนั ค้าตอบของนกั เรยี น (ดูเฉลยท้ายเลม่ ) 2. ประเมนิ ผลการฟัง - ครปู ระเมินผลความเข้าใจค้าพูดของบุคคลจากจ้านวนค้าตอบท่ีถูกต้องในการท้ากิจกรรม Listening ในหนังสือเรียน หนา้ 4 และใช้เกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 60
9. สอื่ การเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ จานวน สภาพการใชส้ อ่ื รายการสอื่ 1 ชดุ ขั้นตรวจสอบความรเู้ ดมิ 1. แบบทดสอบก่อนเรียน 1 ชดุ ขนั้ สร้างความสนใจ 2. ใบงาน 1.1 เร่ือง Past 1 ชดุ ขั้นสร้างความสนใจ 3. ใบงาน 1.2 เร่อื ง Present 1 ชุด ข้นั ขยายความรู้ 4. แบบฝกึ ทักษะ 1 เรอ่ื ง Past 1 ชดุ ขั้นขยายความรู้ 5. แบบฝกึ ทักษะ 1 เรื่อง Present 10. การวัดผลและประเมนิ ผล เปา้ หมาย หลักฐานการเรียนรู้ วธิ ีวัด เครอ่ื งมอื วัดฯ ประเด็น/ การเรยี นรู้ ชิน้ งาน/ภาระงาน เกณฑ์การให้ 1. แบบฝึกหัด 1. แบบตรวจแบบฝกึ หดั 1. Past (อดตี กาล) 1. แบบฝกึ หัด เรอื่ ง เร่อื ง Past เรอ่ื ง Past คะแนน 2. Present Past 10 (ปัจจบุ นั กาล) 2. แบบฝกึ หัด เร่อื ง 2. แบบฝึกหัด 2. แบบตรวจแบบฝกึ หัด Present เรือ่ ง Present เรื่อง Present 10 11. จุดเน้นของโรงเรียน การบรู ณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน (ตวั อย่าง) ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ครู ผูเ้ รยี น 1. ความพอประมาณ พอดดี า้ นเทคโนโลยี พอดดี ้านจิตใจ 2. ความมเี หตุผล รจู้ ักใช้เทคโนโลยมี าผลติ สื่อทเ่ี หมาะสม มีจิตสา้ นกึ ที่ดี เอือ้ อาทร ประนปี ระนอม นึกถงึ ประโยชน์ส่วนรวม/กลุ่ม 3. มภี ูมิคุมกนั ในตัวท่ดี ี และสอดคลอ้ งเน้อื หาเป็นประโยชน์ต่อ ไมห่ ยุดน่งิ ท่หี าหนทางในชวี ิต หลุดพน้ จาก ผ้เู รยี นและพัฒนาจากภูมปิ ญั ญาของผเู้ รยี น ความทุกขย์ าก (การคน้ หาค้าตอบเพื่อให้ หลดุ พ้นจากความไม่รู้) - ยึดถอื การประกอบอาชีพดว้ ยความถูกตอ้ ง สุจริต แม้จะตกอย่ใู นภาวะขาดแคลน ใน ภูมปิ ัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ การดา้ รงชวี ิต ระมดั ระวัง สรา้ งสรรค์ - ปฏิบัตติ นในแนวทางที่ดี ลด เลกิ สิง่ ยว่ั กิเลสให้หมดสิน้ ไป ไมก่ อ่ ความชั่วให้ เป็น ภมู ธิ รรม : ซอื่ สตั ย์ สจุ รติ ขยันอดทน เคร่ืองทา้ ลายตวั เอง ทา้ ลายผอู้ ่นื พยายาม ตรงต่อเวลา เสียสละและ เพ่มิ พนู รกั ษาความดี ทมี่ อี ยู่ใหง้ อกงาม แบง่ ปนั สมบรู ณย์ ิ่งข้นึ ภมู ิปัญญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ ระมดั ระวัง ภมู ธิ รรม : ซอื่ สัตย์ สุจรติ ขยนั อดทน ตรงต่อเวลาและแบ่งปัน
4. เง่ือนไขความรู้ ความรอบรู้ เร่ือง Past และ Present ความรอบรู้ เรอ่ื ง Past และ Present ความรเู้ หลา่ นน้ั มาพิจารณาให้เช่ือมโยงกนั สามารถน้าความร้เู หล่านั้นมาพจิ ารณาให้ เพ่ือประกอบการวางแผน การดา้ เนินการจัด เชื่อมโยงกัน สามารถประยุกต์ใช้ใน กจิ กรรมการเรียนร้ใู ห้กับผ้เู รียน ชีวติ ประจ้าวนั 5. เงอื่ นไขคุณธรรม มคี วามตระหนักใน คณุ ธรรม มีความ มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มคี วาม กิจกรรม ซื่อสตั ยส์ ุจริตและมคี วามอดทน มีความเพียร ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ และมคี วามอดทน มคี วามเพียร สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น Past และ Present ใชส้ ตปิ ัญญาในการด้าเนินชวี ติ ใช้สติปญั ญาในการด้าเนินชีวติ ครู ผูเ้ รยี น Past และ Present Past และ Present - โครงสรา้ ง Past - เขียน อ่าน ฟัง พูด โครงสร้าง Past - โครงสรา้ ง Present - เขียน อ่าน ฟงั พูด โครงสรา้ ง Present - ลงชอื่ ..................................................ผู้สอน ( นางสาวอนสุ รา แสนอุบล ) ฃ
ใบความรู้ เร่ือง Present Present Perfect Tense ถกู สร้างข้ึนโดยมกี ริยาชว่ ย have, has อยู่ในประโยคหรอื กรยิ าแทข้ องประโยค present perfect tense จะเป็นกริยาช่องท่ี 3 เสมอ ซง่ึ โดยมากแล้วจะอยู่ในรปู กริยา เตมิ -ed (finished, decided, arrested, improved, arrived, เปน็ ตน้ ) ซึ่งเรียกว่า regular verb ส่วนกรยิ าชอ่ งที่ 3 ที่ เปน็ irregular verb และถูก นา้ มาใชใ้ น present perfect tense บ่อยๆ กม็ ี lost, done, been, written เป็นตน้ โครงสรา้ ง : S + has, have + V.3… Has: ใชก้ บั ประธานเอกพจนจ์ ้าพวก he, she, it, Tom เปน็ ตน้ Have: ใชก้ ับประธานพหพู จน์จ้าพวก we, they, you, Tom เปน็ ต้น We have been here for three days. พวกเราอยู่ทน่ี ี่มา 3 วันแลว้ การใช้ Present Perfect Tense 1) ใช้ present perfect tense กบั การกระทา้ ทเ่ี กิดขน้ี ในอดตี และดา้ เนนิ มาจนถงึ ปัจจบุ ัน ซ่งึ โดยมากแลว้ จะมี กริยาวิเศษณ์จ้าพวก since, for เป็นตัน เป็นตวั ชี้น้าอยใู่ นประโยค เชน่ I have been in Bangkok since 1988 ผมอยกู่ รงุ เทพฯ มาตั้งแต่ 1988(ขณะน้ีก็ยงั อยู)่ Tom has been in the army for ten years. ทอมไดเ้ ป็นทหารมา 10 ปีแล้ว (ขณะนก้ี ย็ งั เป็นอยู่) 2) ใช้ present perfect tense กับเหตุการณ์ท่เี กดิ ขน้ึ ในอดตี แต่ยังแสดงผลให้เหน็ ในปจั จุบัน และบอ่ ยครั้งที่มี ค้ากรยิ าวเิ ศษณจ์ า้ พวก ever, never just, already, yetเป็นต้น อย่ใู นประโยค เชน่ Tom has had a bad car accident. ทอมได้รับอบุ ตั ิเหตุทางรถยนต์ (คาดวา่ ตอนนี้นอนอยโู่ รงพยาบาล) We have spoken to each other on the phone but we have never met. พวกเราเคยคุยกนั ทางโทรศพั ทแ์ ต่ไม่เคยเจอหนา้ กันเลย (ผลคอื ยงั ไม่รู้หน้าตากัน) 3) ใช้ present perfect tense กบั การกระท้าทเี่ กดิ ข้นึ ในอดีตแตไ่ มไ่ ด้ระบุเวลาเฉพาะ เจาะจง เชน่ I have traveled a lot in America. ผมเดนิ ทางบ่อยมากในอเมรกิ า Somchai has been to Japan. สมชยั ไดเ้ ดินทางไปประเทศญ่ปี ่นุ
4) ใช้ present perfect tense กับการกระทา้ หรอื เหตกุ ารณท์ เ่ี พิง่ จะจบลงไปอยา่ งสมบูรณ์ หรอื เกอื บจะ สมบูรณ์ในขณะที่พูดอยู่ น้ัน โดยมีค้ากริยาวิเศษณ์เหลา่ นี้อย่ใู นประโยค คอื just เพิง่ จะ yet ยังเลย recently เม่ือเรว็ ๆนี้ already แลว้ finally ในที่สุด He has already finished his work. เขาท้างานเสร็จเมอ่ื ครู่น้ี I have just fallen downstairs. ผมเพิ่งจะตกลงไปชน้ั ล่าง Present Perfect Continuous Tense มีหลักการใช้คลา้ ยกับ present perfect tense เพียงแตเ่ น้นการ กระท้าท่เี กดิ ขึ้นต่อเนอ่ื ง จากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน และรูปทใ่ี ชจ้ ะมี verb to be ดว้ ย โครงสรา้ ง : S + has, have + been + V.ing She has been helping us since one o’ clock. หล่อนไดช้ ว่ ยเหลือพวกเรามาตงั้ แต่เวลาบ่ายโมงจนถึงขณะน้ี การใช้ Present Perfect Continuous Tense 1) การใช้ Present Perfect Continuous Tense กบั เหตุการณ์หรือการกระทา้ ท่เี กดิ ข้นึ ในบางช่วงเวลาในอดีตและยัง ดา้ เนนิ ไปอย่ใู นขณธทพ่ี ูดนั้น เช่น Ladda has been reading for five hours. ลดั ดาอ่านหนังสือมา 5 ช.ม. แล้ว (ขณะน้ยี งั อ่านอย)ู่ I have been teaching English for many years. ผมไดส้ อนภาษาอังกฤษมาหลายปี (ปัจจุบนั กย็ ังสอนอย่)ู 2) ใช้ Present Perfect Continuous Tense เพอ่ื เนน้ ระยะเวลาของเหตุการณท์ เี่ พิ่งผ่านไป อีกอยา่ งใช้ tense น้ีกับการ กระทา้ ที่เพง่ิ จะจบลงเม่ือสักครนู่ ี้ เชน่ My boyfriend has been playing. คนรกั ของฉันยงั คงเลน่ อยเู่ ลย (เลน่ เกมส์ หรอื เล่นอะไรสักอยา่ ง)
Nida is very tired. She has been studying very hard. นดิ าเหนื่อยมากเพราะเธอเพ่งิ ผา่ นการเรยี นอย่างหนกั มา 3) ใช้ Present Perfect Continuous Tense กบั how long, for… และ since … ซงึ่ จะบอกวา่ เหตุการณน์ น้ั ๆ ด้าเนนิ ต่อเนอ่ื งมาถงึ ปัจจุบนั หรือเหตกุ ารณ์น้ันๆ เพ่ิงจะจบลง เชน่ How long have you been staying in Bangkok? คุณจะพักอยกู่ รุเทพฯ นานเท่าไหร่ แบบฝกึ หัดเรื่อง Present PRESENT PERFECT TENSE SIMPLE FORM – Exercises A Fill in SINCE or FOR 1. He has been back ___________ two hours / __________ 3 o’clock. 2. I haven’t seen him _________ over two months / ________ Christmas. 3. You’ve been watching TV __________ you came home from school / _____ most of the evening. 4. Carol has been looking after the baby _________ this morning / ______ over four hours. 5. The Healers have had Dusty ________ their old dog died / ________ nearly two years. 6. We’ve been standing here ________ twenty-five minutes / _________ half past six. 7. Kate has been learning French ________ she was eleven / _________ four years. 8. Grandfather has been living with us ____________ Granny died / ________ quite some time. B Complete these sentences using the Present Perfect Tense of the following verbs to be – to clean – to eat – to have – to rain – to see 1. Chris ___________________ all the biscuits. (They are gone now.) 2. The boys ___________________ the car. (It looks beautiful now.) 3. Mrs Wood _______________ a busy day. (She is tired now.) 4. It _________ not _________ for weeks. (The garden is very dry.) 5. I _________________ the film. (I know it.) 6. My sister _______________ to Paris several times. (She knows it.)
C Complete these sentences using the Present Perfect Tense or the Past Tense 1. We (not meet) _____________________ his mother so far. We _________ his mother then. 2. Greg (be) _____________________ a good student last year. Greg ___________ a good student up to now. 3. They (live) ___________________ in our street since 1982. They _____________ in our street some years ago. 4. Bob and Chris (not quarrel) _________________________ all week. Bob and Chris ____________________ yesterday. 5. You (ask) __________________ me this question before. You _______________ me this question last lesson.
ใบความรู้ เร่อื ง Past Continuous Tense โครงสร้าง Subject + was, were + v.ing จะเหน็ ว่าโครงสรา้ งของ Past Continuous Tense จะเหมอื น Present Continuous Tense เพยี งแต่ verb to be ของ Past จะใช้ was หรอื were ขึ้นอยู่กับประธานทนี่ า้ หน้ามา หลักการใช้ Past Continuous Tense 1. ใช้ Past Continuous Tense กับเหตุการณ์ท่ีก้าลังดา้ เนินอยู่ในอดตี แต่มีเวลาระบทุ แี่ น่ชัด Jane was going to school at 7 o' clock yesterday . They were playing football this time last night . At the same time yesterday my mother was cooking delicious food in the kitchen . 2. เม่ือใช้ Past Continuous จะให้ความหมายว่าการกระท้าน้ันก้าลงั ดา้ เนินอย่ใู นชว่ งเวลานัน้ ยังไมส่ น้ิ สุดในชว่ งเวลานน้ั Tom was swimming at five o'clock . Jane and I were singing at 5 o' clock last Sunday . 3. ใช้ Past Continuous คกู่ บั ประโยค Past Simple Tense ในกรณีทม่ี ีเหตุการณก์ ้าลงั ด้าเนินอยู่ และมีการแทรกของ อกี เหตุการณ์หนงึ่ กา้ หนดให้ Past Continuous เปน็ เหตกุ ารณ์ ท่กี ้าลงั ด้าเนินอย่แู ละ Past Simple Tense เปน็ เหตุการณ์ทเ่ี ขา้ มาแทรก โดยมี when, while, as เปน็ สันธาน เชือ่ ม ประโยคเขา้ ดว้ ยกนั Dang was talking to his friend when I saw him . Jane cut her finger while she was cooking . They were watching television , the fire alarm rang loudly . แบบฝึกหดั เรือ่ ง Past Put the verbs into the correct form (past progressive). 1. When I phoned my friends, they(play) monopoly. 2. Yesterday at six I(prepare) dinner. 3. The kids(play) in the garden when it suddenly began to rain. 4. I (practise) the guitar when he came home. 5. We(not / cycle) all day. 6. While Aaron(work) in his room, his friends(swim) in the pool. 7. I tried to tell them the truth but they(listen / not) . 8. What(you / do) yesterday?
ระดับ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการทาแบบฝึกหัด คะแนน เกณฑก์ ารให้คะแนน น้าหนัก/ คะแนน ประเด็น 4 3 2 1 ความสาคญั รวม การประเมนิ ความเข้าใจ ตอบค้าถาม ตอบคา้ ถาม ตอบคา้ ถาม ตอบคา้ ถาม หลงั จากที่อ่าน หลังจากที่อ่าน หลังจากท่อี ่าน หลังจากทอี่ ่าน 2 8 ได้ทงั้ หมด ได้เกอื บ ได้เลก็ น้อย ได้นอ้ ยมาก ท้ังหมด ก า ร จั บ ใ จ ค ว า ม จับใจความ จบั ใจความ จบั ใจความ จับใจความ ส้าคัญ สา้ คญั ของ สา้ คัญของ ส้าคัญของ ส้าคญั ของ เนือ้ หาได้ เ นื้ อ ห า ไ ด้ เนอื้ หาได้ เน้ือหาได้ 28 ทั้งหมด เกอื บ เลก็ นอ้ ย นอ้ ยมาก ทัง้ หมด การรูค้ วามหมาย เมอื่ อ่านพบ เมือ่ อา่ นพบ เมอื่ อา่ นพบ เมอื่ อ่านพบ คา้ ศพั ท์ ค้าศัพท์ใหม่ ค้าศัพท์ใหม่ คา้ ศพั ท์ใหม่ คา้ ศัพท์ใหม่ สามารถเดา สามารถเดา สามารถเดา สามารถเดา ความหมาย 1 4 ความหมาย ความหมาย ความหมาย คา้ ศัพท์จาก ค้าศัพท์จาก บริบทได้น้อย คา้ ศัพท์จาก มาก บรบิ ทได้ คา้ ศัพท์จาก บรบิ ทได้ ท้งั หมด บรบิ ทได้เกือบ เลก็ น้อย ทง้ั หมด รวม 5 20
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: