วช-ร 04 การออกแบบการจดั การเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ รายวชิ า ภาษาองั กฤษพืน้ ฐาน รหสั วิชา อ 31102 ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 จัดทำโดย นางสาวอนุสรา แสนอุบล ตำแหน่ง ครูผชู้ ว่ ย โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแมแ่ จ่ม จังหวัดเชียงใหม่ สำนักบริหารงานการศกึ ษาพเิ ศษ สำนกั งานการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
คำอธบิ ายรายวชิ า รายวชิ า ภาษาองั กฤษพื้นฐาน รหัสวชิ า อ 31102 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 40 ช่วั โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ คำอธิบายรายวิชา เขา้ ใจ น้ำเสยี ง ความรสู้ กึ ของผพู้ ดู คำสั่ง คำขอรอ้ ง คำแนะนำ ความแตกตา่ งด้านภาษา วัฒนธรรม ประเพณี อ่านออกเสียงบทอา่ นไดถ้ กู ตอ้ งตามหลกั การอ่านออกเสยี งและเหมาะสมกับเน้ือหาที่อ่าน ตีความ วิเคราะห์ ข้อความ ข้อมลู ข่าวสาร บทความ สารคดี บนั เทิงคดี สื่อท่ีเปน็ ความเรยี งและไม่ใชค่ วามเรยี งในรปู แบบต่างๆ จากสื่อสิ่งพมิ พ์ หรือสื่ออีเลก็ ทรอนิกส์ หวั ขอ้ ต่างๆเกย่ี วกบั ตนเอง ครอบครวั โรงเรยี น อาหาร สิ่งแวดลอ้ ม เคร่อื งดมื่ ใช้ภาษาตาม มารยาททางสังคมสรา้ งความความสัมพันธร์ ะหว่างบคุ คล แสดงความคิดเห็น ความตอ้ งการ อธบิ าย บรรยาย แลกเปลี่ยน ความรู้ และให้เหตุผลเกยี่ วกบั เรอ่ื งราวต่างๆ เหตุการณ์ใน อดีต ปัจจุบัน และอนาคตโดยใช้ประโยชน์จากสอื่ เทคโนโลยี สื่อการเรยี นทางภาษา และผลจากการฝึกทกั ษะต่างๆ แสวงหาวิธีการเรยี นทเ่ี หมาะสมกับตนเอง สามารถนำเสนอข้อมลู ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นเจรจาโนม้ น้าวต่อรองเกย่ี วกบั ประสบการณ์ เหตกุ ารณ์ตา่ งๆในท้องถิ่นด้วยวธิ กี ารท่ี หลากหลายอย่างสร้างสรรคแ์ ละมปี ระสิทธภิ าพนำเสนอบทกวีหรอื บทละครสน้ั โดยใชเ้ ค้าโครงตามแนวคิดของเจ้าของ ภาษาดว้ ยความเพลิดเพลนิ เข้าร่วมกจิ กรรมเปรียบเทยี บและนำความรดู้ า้ นภาษาวฒั นธรรมประเพณีความเชื่อไปใชอ้ ย่าง มวี จิ ารณญาณ เหน็ ประโยชน์ของการร้ภู าษาอังกฤษในการแสวงหาความรู้ เพอ่ื ขยายโลกทัศน์จากแหล่งข้อมูลที่ หลากหลาย การเข้าสู่สงั คมและอาชพี สามารถใช้ภาษาสอื่ สารในรูปแบบต่างๆ ตามสถานการณใ์ นสถานศกึ ษาและชมุ ชน ตัวชวี้ ัด 1. ต. 1.1 ม .4-6/3 อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สมั พันธก์ ับสื่อทีไ่ มใ่ ช่ความเรียงรปู แบบตา่ งๆ ท่ี อา่ น รวมท้งั ระบุและเขยี นสือ่ ทไี่ มใ่ ช่ความเรียงรปู แบบต่างๆ ให้สมั พนั ธ์กบั ประโยค และขอ้ ความที่ฟังหรอื อ่าน 2. ต. 1.1 ม .4-6/4 จับใจความสำคญั วิเคราะห์ความสรปุ ความ ตีความ และแสดงความคดิ เหน็ จากการฟัง และอ่านเรือ่ ง ทเ่ี ปน็ สารคดีและบนั เทิงคดี พร้อมทัง้ ให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ 3. ต. 1.2 ม .4-6/1 สนทนาและเขยี นโต้ตอบข้อมลู เก่ยี วกับตนเองและเรอ่ื งต่าง ๆ ใกล้ตัว ประสบการณ์ สถานการณ์ ขา่ ว / เหตุการณ์ ประเดน็ ทอ่ี ย่ใู นความสนใจของสังคม และส่อื สารอย่างต่อเนอื่ งและเหมาะสม 4. ต. 1.3 ม .4-6/1 ,พดู และเขยี นนำเสนอข้อมลู เก่ยี วกับตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตกุ ารณ์ เรือ่ งและ ประเด็นตา่ งๆ ตามความสนใจของสังคม 5. ต. 1.3 ม .4-6/2 พูดและเขยี นสรุปใจความสำคัญ/แก่นสาระทไ่ี ด้จากการวิเคราะห์เร่ือง กจิ กรรม ขา่ ว เหตกุ ารณ์ และสถานการณ์ตามความสนใจ 6. ต. 2.1 ม .4-6/1 เลือกใช้ภาษา นำ้ เสียง และกริ ิยาท่าทางเหมาะกับระดับของบุคคล โอกาส และสถานที่ ตาม มารยาทสงั คมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา 7. ต. 3.1 ม .4-6/1 ค้นคว้า/สืบค้น บนั ทึก สรุป และแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั ขอ้ มลู ที่เกีย่ วข้องกับกลุ่ม สาระการเรยี นรู้อ่ืน จากแหล่งเรียนรตู้ ่างๆ และนำเสนอดว้ ยการพดู และการเขยี น 8. ต. 4.1 ม .4-6/1 ใช้ภาษาสอ่ื สารในสถานการณ์จรงิ /สถานการณ์จำลองท่เี กิดขึ้นในหอ้ งเรยี น สถานศกึ ษา ชมุ ชน และสังคม 9. ต. 4.2 ม .4-6/2 เผยแพร/่ ประชาสัมพนั ธ์ ขอ้ มลู ข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิน่ /ประเทศชาติ เปน็ ภาษาตา่ งประเทศ รวมท้งั หมด 9 ตวั ชี้วัด
ผังมโนทัศน์ รายวชิ า ภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน รหัสวชิ า อ 31102 ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 ชื่อหนว่ ย School Then And Now ชื่อหนว่ ย You have to do it จำนวน 10 ชว่ั โมง : 15 คะแนน จำนวน 10 ชั่วโมง : 15 คะแนน รายวชิ า ภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 จำนวน 40 ชว่ั โมง ชอื่ หนว่ ย Do you know where is it? ชอ่ื หนว่ ย There are the ones! จำนวน 10 ชั่วโมง : 15 คะแนน จำนวน 10 ช่วั โมง : 15 คะแนน หมายเหตุ : คะแนนสอบกลางภาค 20 คะแนน คะแนนสอบปลายภาค 20 คะแนน รวม 40 คะแนน
ผังมโนทัศน์ รายวิชา ภาษาอังกฤษ รหัสวิชา อ 31102 ระดับชั้น มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรือ่ ง School Then And Now จำนวน 10 ชวั่ โมง : 15 คะแนน เร่ืองหลกั /หัวเรื่อง Past and Present หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรื่อง School Then And Now จำนวน 15 ชวั่ โมง โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์ กิจกรรม New Language - Past tense - Used to entire (adj.), cane (n.), paddle (n.), break (n.), academic (adj.), behavior (n.), counselor (n.)
แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เร่ือง School then and now แผนจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 เรอื่ ง Past and Present รายวชิ า ภาษาองั กฤษพนื้ ฐาน รหสั วิชา อ 31102 ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 นำ้ หนักเวลาเรยี น 1 (นน./นก.) เวลาเรียนรวม 10 ช่วั โมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสำคัญ (ความเขา้ ใจท่ีคงทน) หนว่ ยการเรยี นรนู้ มี้ จี ดุ มุ่งหมายให้นกั เรยี นเข้าใจว่าข้อความต่อเนือ่ ง (text) มเี งอื่ นงำ (clues) ที่ชว่ ยในการเดา ความหมายของคำ นักเรียนจะได้อ่านขอ้ ความสนั้ ๆ ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกบั โรงเรียนของชาติตะวนั ตกในอดตี และปัจจบุ ัน และบทความท่ีให้ข้อมูลเก่ยี วกับการศกึ ษาของเดก็ ในยุคกรีก โรมนั และจีนโบราณ ฟงั บุคคลเล่าประสบการณใ์ นโรงเรยี นใน อดีต พูดสนทนาโต้ตอบเก่ียวกบั สง่ิ ที่ตนเคยทำ พูดนำเสนอเก่ียวกบั สภาพของโรงเรียนในอดีตท่ีได้จากการสัมภาษณ์ ผู้อาวโุ ส เขียนบรรยายสง่ิ ทต่ี นทำในโรงเรียนทงั้ ในอดีตและปจั จุบัน นอกจากนีย้ ังเรยี นร้คู ำศพั ทเ์ ก่ยี วกับโรงเรียนและ กิจกรรมท่ที ำในวัยเด็ก รวมท้ังหน้าท่ีภาษา โครงสร้างประโยค/ไวยากรณท์ ่ีเป็นพื้นฐานของกิจกรรมการฟัง พูด อ่าน และ เขยี นในหนว่ ยการเรียนรนู้ ี้ 2. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชว้ี ัดชัน้ ป/ี ผลการเรยี นร/ู้ เป้าหมายการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ (ใหต้ รงกับหลกั สตู รแกนกลาง ปี 2551) มาตรฐาน ต. 1.1.1 ม .4-6/3 ตวั ชี้วัดที่ 1 อธิบายและเขียนประโยคและขอ้ ความให้สมั พันธก์ บั ส่อื ท่ไี มใ่ ช่ความเรยี งรปู แบบต่างๆ ที่อา่ น รวมทั้ง ระบุและเขยี นสอื่ ท่ไี ม่ใช่ความเรยี งรูปแบบตา่ งๆ ให้สมั พนั ธ์กับประโยค และข้อความท่ีฟังหรืออ่าน มาตรฐาน ต. 1.2.1 ม .4-6/3 ตวั ชวี้ ัดที่ 1 สนทนาและเขยี นโต้ตอบข้อมูลเกีย่ วกบั ตนเองและเรือ่ งตา่ ง ๆ ใกล้ตัว ประสบการณ์ สถานการณ์ ข่าว / เหตกุ ารณ์ ประเด็นท่อี ยูใ่ นความสนใจของสังคม มาตรฐาน ต. 1.3.1 ม .4-6/1 ตัวชีว้ ัดท่ี 1 พูดและเขยี นนำเสนอขอ้ มูลเกย่ี วกับตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตุการณ์ เร่ืองและประเด็นต่างๆ ตามความสนใจของสังคม มาตรฐาน ต. 1.3.2 ม .4-6/2 ตัวช้ีวัดท่ี 1 พูดและเขยี นสรุปใจความสำคญั /แก่นสาระทไี่ ดจ้ ากการวิเคราะห์เรอื่ ง กิจกรรม ขา่ ว เหตุการณ์ และ สถานการณ์ตามความสนใจ มาตรฐาน ต. 2.1.1 ม .4-6/1 ตัวช้วี ดั ท่ี 1 เลือกใช้ภาษา น้ำเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกับ ระดับของบุคคล โอกาส และสถานท่ี ตามมารยาท สงั คม และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา มาตรฐาน ต. 3.1.1 ม .4-6/1 ตัวชีว้ ัดที่ 1 ค้นคว้า/สืบค้น บนั ทึก สรุป และแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกบั ขอ้ มูลทีเ่ ก่ยี วข้องกับกลุม่ สาระการ เรยี นร้อู น่ื จากแหลง่ เรยี นรู้ตา่ งๆ และนำเสนอด้วยการพดู และการเขยี น
3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เนอ้ื หาสาระหลัก : Knowledge (นักเรยี นต้องรอู้ ะไร) 3.1.1 Past (อดีตกาล) 3.1.2 Present (ปจั จุบันกาล) 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process (นักเรียนสามารถปฏิบัติอะไรได)้ การฟัง : ระบรุ ายละเอียด การพูด : พูดเกีย่ วกับอดีตและสง่ิ ทเี่ คยทำ การอา่ น : จับใจความสำคัญ วเิ คราะห์ความ ตีความ สรุปความ การเขียน : เขียนบรรยายประสบการณใ์ นอดีต เขยี นสรปุ ขอ้ มูลท่ีคน้ ควา้ 3.3 คุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ : Attitude (นักเรียนควรแสดงพฤตกิ รรมการเรยี นอะไรบา้ ง) ใฝ่เรยี นรู้ : คน้ ควา้ หาความรู้จากแหลง่ เรยี นร้ตู า่ ง ๆ 4. สมรรถนะสำคัญของนกั เรียน 4.1 ความสามารถในการส่อื สาร 4.2 ความสามารถในการคดิ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต 4.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คณุ ลักษณะของวิชา เช่น - ความรบั ผิดชอบ - กระบวนการกลุ่ม 6. คุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ - ใฝ่เรียนรู้ 7. ชนิ้ งาน/ภาระงาน : - แบบฝึกหดั เรือ่ ง Past - แบบฝกึ หัด เรอ่ื ง Present ภาระงาน (หมายถึง การมอบหมายงานให้ไปดำเนนิ การ เชน่ ค้นคว้า ศึกษา ใช้เวลาคอ่ นข้างนาน เชน่ การศึกษา เรื่อง Past และ Present 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (จดั กิจกรรมการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการใด แสดงตามขน้ั ตอน : เวลาทีใ่ ช้ 10 ช่ัวโมง - ข้นั นำเข้าสบู่ ทเรยี น/ข้นั ตั้งคำถาม - ขัน้ สำรวจและค้นพบ/ข้ันการเตรยี มการคน้ หาคำตอบ - ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรปุ /ข้นั ดำเนนิ การค้นหาคำตอบและตรวจสอบคำตอบ - ขน้ั ขยายความรู้และนำเสนอผลการคน้ หาคำตอบ - ขน้ั สรปุ และประเมินผล ชัว่ โมงที่ 1-3 (ความสามารถในการวิเคราะห์ / ใฝ่เรยี นรู้ / เทคนคิ การสืบคน้ ) 1. นำเข้าสู่บทเรียน - ครบู อกนักเรียนว่า ในอดตี เราเคยมบี างส่ิงบางอย่าง แต่เดี๋ยวน้ีเราไมม่ สี ่ิงน้นั ๆ อีกแล้ว เชน่ บรเิ วณบางแห่งเคยใช้ เป็นทเี่ พาะปลกู แต่บัดนก้ี ลายเปน็ ท่ีตง้ั ของโรงงานอตุ สาหกรรม ในกรงุ เทพมหานครเคยมีรถรางใช้ในถนนสายหลกั แต่บดั น้ีไมม่ แี ล้ว 2. แจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครบู อกนักเรียนวา่ ในหนว่ ยการเรยี นรนู้ ี้นกั เรียนจะไดอ้ ่านขอ้ ความทีก่ ลา่ วถึงส่งิ ทเ่ี คยมเี คยเป็นในประเทศตะวันตก แตบ่ ัดนไี้ ม่มแี ละไม่เป็นเชน่ นัน้ แล้ว เม่ืออา่ นแลว้ นกั เรียนจะตอ้ งเปรยี บเทียบสภาพของประเทศตะวนั ตกกับของไทย
กิจกรรมกอ่ นอา่ น 1. ตรวจสอบความรู้เดิม - ครอู า่ นออกเสียงช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ Schools Then and Now และให้นกั เรียนเดาวา่ ข้อความที่จะอา่ นเปน็ เรอ่ื ง เก่ียวกับอะไร - ครูใหน้ ักเรียนดภู าพในหนังสือเรียน หนา้ 2-3 ทีละภาพและพดู เกย่ี วกบั ส่ิงที่นักเรยี นเหน็ ในภาพ โดยตงั้ คำถามนำ ดังตวั อยา่ งต่อไปนี้ - Who are the people? - Where are they? - How old are they? - What are they doing? ฯลฯ กจิ กรรมการเรียนรู้ (ชั่วโมงที่ 4 -6) กิจกรรมระหวา่ งอา่ น (ความสามารถในการวเิ คราะห์ / ใฝ่เรียนรู้ / ชว่ ยกนั คิดช่วยกนั เรียน) 1. อ่านข้อความ - ครเู ปดิ ซีดีบันทกึ เสียง CD 1 Track 2 นกั เรยี นฟังขอ้ ความย่อหน้าแรกของกิจกรรม New Language ในหนังสือ เรยี น หน้า 2 และอ่านในใจตาม ครูหยุดซีดบี ันทึกเสยี ง ให้นกั เรียนอ่านในใจอีกครง้ั หนงึ่ และเปรียบเทียบข้อมูลใน ขอ้ ความกบั สงิ่ ทพ่ี ูดเกี่ยวกบั ภาพเมือ่ ทำกิจกรรมก่อนอ่าน - ครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 2 ให้นักเรียนฟังข้อความในย่อหน้าต่อ ๆ ไป หยุดซีดีบันทึกเสียงเม่ือจบทุก ย่อหน้า ให้นักเรียนอ่านในใจตามอีกคร้ังหน่ึง ครูบอกนักเรียนให้อ่านเอาความ ยังไม่ต้องกังวลกับคำที่ไม่ทราบ ความหมาย - ครใู ห้นักเรียนอา่ นขอ้ ความทง้ั หมดในหนงั สอื เรียน หน้า 2-3 อกี ครงั้ หนึ่ง กจิ กรรมหลงั อา่ น 1. ตรวจสอบความเข้าใจ - ครเู ขียนคำถามตอ่ ไปนีบ้ นกระดาน ให้นักเรียนลอกลงบนกระดาษ 1. What is the main idea of this passage? A. Parents were more involved in school in the past. B. Students today are much happier than those in the past. C. Students of all ages used to be in the same classroom. D. Schools today are different from those in the past? 2. What is the best word to describe school teachers in the past? A. cruel B. strict C. fearsome D. serious - ครใู หน้ ักเรยี นตอบคำถามบนกระดาน และทำกิจกรรม Language Check ในหนงั สอื เรียน หนา้ 3 - ครูใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันเฉลยคำตอบ และให้บอกเหตุผลหรอื ที่มาของคำตอบแต่ละขอ้ (ดูเฉลยคำตอบท้ายเลม่ ) คำตอบของคำถามบนกระดาน 1. D 2. C ชั่วโมงที่ 4-6 (ความสามารถในการวิเคราะห์ / ใฝ่เรยี นรู้ / ชว่ ยกันคดิ ชว่ ยกันเรียน)
2. ประเมนิ ผลการอ่านข้อความ - ครูประเมินผลความเข้าใจข้อความทีอ่ ่านจากจำนวนคำตอบท่ีถูกต้องท่ีได้จากการทำกิจกรรม Language Check ในหนังสอื เรยี น หน้า 3 รวมกบั คำตอบของคำถามบนกระดาน และใชเ้ กณฑผ์ ่านร้อยละ 60 3. เสริมสรา้ งความร้ดู า้ นคำศพั ท์ - ครูให้นักเรียนถามความหมายของคำศัพท์ในข้อความในหนังสือเรียน หน้า 2-3 ที่ไม่ทราบความหมาย ครูบอก ความหมายของบางคำทนั ที บางคำครูชน้ี ำให้นกั เรียนเดาความหมายของคำจากคำหรือข้อความทอ่ี ยู่รอบ ๆ คำนั้น ดังตวั อยา่ งต่อไปนี้ a cane, a paddle - ครูชี้ให้นักเรียนดูขอ้ ความ …to beat students with a cane or a wooden paddle และถามนักเรยี นว่า เวลาเด็ก ๆ ถูกตี ผใู้ หญ่ใชอ้ ะไรตี นักเรียนอาจบอกวา่ ไมบ้ รรทดั ก่งิ มะยม เขม็ ขัดหนัง ฯลฯ ดังนน้ั cane และ paddle จงึ เป็นเครอ่ื งมอื ที่ครูใช้ตีนักเรยี น และจาก Adjective ท่ีบรรยาย paddle ทำใหท้ ราบวา่ paddle เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้ตี ทีท่ ำดว้ ยไม้ ครบู อกวา่ การท่นี กั เรยี นรู้เพียงแค่ว่า cane และ paddle เปน็ อปุ กรณท์ คี่ รใู ช้ตี ก็พอทจี่ ะจับใจความทีอ่ า่ นได้ แตถ่ ้าต้องการรใู้ หช้ ัดกต็ ้องเปดิ หาความหมายในพจนานุกรม detention - ครเู ขยี นขอ้ ความตอ่ ไปนี้บนกระดาน Nowadays detention is one of the most common punishments in some countries. - ครูชี้ใหน้ กั เรยี นดูคำท่ีครขู ดี เสน้ ใต้และเขียนวงล้อมรอบ อธิบายว่าโครงสรา้ งของประโยคนคี้ ือ A is B คำทอ่ี ยู่ข้างหน้าและข้างหลงั “is” มคี วามหมายตรงกนั โดยอาศยั โครงสร้างนีเ้ ราสามารถบอกไดว้ ่า detention เปน็ punishment หรือการลงโทษประเภทหน่ึง แต่กย็ งั บอกวธิ ีการลงโทษไมไ่ ด้ - ครอู า่ นออกเสยี งในย่อหนา้ แรกในหนังสอื เรยี น หน้า 3 ซึง่ อยูต่ อ่ จากประโยคทีค่ รเู ขียนบนกระดาน “Students go to a certain area in the school during break or after classes and do academic work.” - ครูบอกนกั เรยี นวา่ ประโยคนอี้ ธิบายถึงวธิ กี ารลงโทษทเี่ รยี กวา่ detention นักเรยี นอาจเคยมีประสบการณแ์ บบ น้ี จงึ พอสรุปได้วา่ detention ก็คือการลงโทษโดยการกกั ตวั ไวใ้ ห้ทำงานระหว่างพกั หรือหลังเรยี น ชว่ั โมงท่ี 7-8 (ความสามารถในการวเิ คราะห์ / ใฝเ่ รียนรู้ / ชว่ ยกันคดิ ชว่ ยกันเรยี น) 4. เปรยี บเทยี บโรงเรียนของชาตติ ะวนั ตกและของไทย - ครใู ห้นักเรยี นจบั คู่กนั และแจก Worksheet 1 สำหรบั หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 ให้นักเรยี นแต่ละคู่ บอกนกั เรียนให้ อา่ นข้อความในหนังสอื เรยี น หน้า 2-3 อีกครัง้ หนง่ึ และใหแ้ ต่ละคชู่ ว่ ยกันหาข้อมูลวา่ โรงเรียนของชาติตะวันตกแต่ เดิมเป็นอย่างไรและเดีย๋ วน้เี ป็นอยา่ งไร แลว้ นำขอ้ มูลนั้นไปเขียนลงในตารางใน Worksheet 1 ในคอลัมนท์ ่ีเปน็ ขอ้ มูลของโรงเรียนของชาติตะวันตก - ครูให้นักเรยี นแตล่ ะคู่ช่วยกนั คดิ เปรยี บเทยี บโรงเรียนของชาตติ ะวันตกกับโรงเรยี นของไทย เฉพาะประเด็นที่ กล่าวถึงในหนงั สือเรยี น หน้า 2-3 และเขยี นข้อมูลเกีย่ วกบั โรงเรียนของไทยในอดีตเทา่ ที่ทราบและในปัจจบุ นั ลงใน คอลมั น์ “Then” และ “Now” ของโรงเรียนไทย - ครใู ห้นักเรียนชว่ ยกนั เฉลยคำตอบโดยครูลอกแผนภูมิใน Worksheet 1 บนกระดาน ให้นกั เรยี นท่สี มัครใจผลัดกัน ออกมาเขียนข้อมูลลงในแต่ละคอลัมน์ในแผนภูมิ แล้วนักเรียนท้ังชั้นช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องโดยครูเป็นผู้ ชีน้ ำ 5. ประเมินผลการเปรียบเทยี บโรงเรยี นของชาติตะวันตกและของไทย
- ครูประเมนิ ผลการเปรียบเทียบโรงเรียนของชาติตะวันตกและของไทยจากจำนวนขอ้ มูลที่ถกู ต้องในแผนภมู ิ และใช้ เกณฑ์ผ่านร้อยละ 60 กิจกรรม Pronunciation 1. ออกเสียงคำ used to ในประโยค - ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม Pronunciation ในหนังสือเรียน หน้า 3 ครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 3 ให้ นกั เรียนฟังประโยคที่มี used to และพดู ออกเสียงตามซำ้ หลาย ๆ ครงั้ - ครูเปดิ ซีดีบนั ทึกเสียงซ้ำอีกคร้ังหนึง่ ใหน้ กั เรยี นจบั คกู่ นั ฝกึ อา่ นออกเสียงประโยคในกิจกรรม Pronunciation กิจกรรม Practice 1. พูดถาม-ตอบคำถามโดยใช้ used to - ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม Practice ในหนังสือเรยี น หน้า 3 ครูเปิดซดี ีบันทึกเสียง CD 1 Track 4 ให้นักเรียนฟัง คำถามและคำตอบในข้อ 1 แล้วเปิดซีดีบันทึกเสียงซ้ำอีกคร้ังหนึ่ง หยุดซีดีบันทึกเสียงเม่ือจบแต่ละประโยค ให้ นกั เรียนพูดตามซำ้ หลาย ๆ คร้งั - ครเู ปดิ ซีดบี นั ทึกเสียง CD 1 Track 4 ใหน้ ักเรยี นฟังคำถามและคำตอบในขอ้ 2 และ 3 ตามลำดับ โดยใหน้ กั เรียน ทำตามขั้นตอนท่ไี ดป้ ฏิบตั เิ มื่อเปิดซดี ีบนั ทกึ เสยี งใหฟ้ ังคำถามและคำตอบขอ้ 1 - ครูใหน้ กั เรียนจับคู่กนั ฝกึ อา่ นออกเสยี งคำถามและคำตอบในกิจกรรม Practice ขอ้ 1, 2 และ 3 และให้นักเรียน แต่ละค่สู ลับบทบาทกนั เป็นทง้ั ผูถ้ ามและผ้ตู อบ - ครูใหน้ ักเรยี นคทู่ สี่ มัครใจผลัดกันออกมาอ่านออกเสียงคำถามและคำตอบในกจิ กรรม Practice 1, 2 และ 3 ชัว่ โมงที่ 9-10 (ความสามารถในการวเิ คราะห์ / ใฝ่เรยี นรู้ / ชว่ ยกนั คิดช่วยกนั เรียน) กจิ กรรม Listening 1. ฟงั บคุ คลพดู ถงึ สมัยทีต่ นเป็นนักเรียน - ครบู อกวา่ นกั เรียนจะไดฟ้ งั บุคคล 2 คนพูดถึงสมยั ท่ตี นเป็นนกั เรยี น - ครูอา่ นออกเสียงประโยคในกจิ กรรม Listening ในหนังสอื เรียน หน้า 4 ใหน้ ักเรยี นถามถ้าไมเ่ ข้าใจประโยคใด แล้ว บอกว่าเมอ่ื นกั เรียนฟงั คำพูดของบคุ คลทงั้ 2 แล้ว ใหเ้ ขยี น T ไวท้ ี่ประโยคทีถ่ ูกตอ้ งตามข้อมูลทไี่ ดฟ้ งั - ครูเปดิ ซดี บี ันทึกเสยี ง CD 1 Track 6 ใหน้ ักเรยี นฟัง และพยายามสรปุ วา่ แต่ละคนพดู อะไร - ครเู ปิดซีดบี นั ทกึ เสยี งอกี ครงั้ หนงึ่ ครง้ั น้ีใหน้ ักเรียนฟังและเขยี น T ข้างหน้าประโยคทถ่ี ูกตอ้ งตามข้อมลู ที่ได้ฟงั - ครูใหน้ กั เรียนช่วยกันบอกคำตอบ และเปดิ ซีดีบันทึกเสียงอีกครง้ั หนงึ่ เพอื่ ยืนยนั คำตอบของนักเรยี น (ดูเฉลยท้ายเลม่ ) 2. ประเมินผลการฟงั - ครูประเมินผลความเข้าใจคำพูดของบุคคลจากจำนวนคำตอบที่ถกู ต้องในการทำกิจกรรม Listening ในหนังสอื เรียน หน้า 4 และใช้เกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 60 9. สื่อการเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ จำนวน สภาพการใชส้ ่อื รายการสอื่
1. แบบทดสอบก่อนเรียน 1 ชดุ ข้นั ตรวจสอบความรูเ้ ดมิ 2. ใบงาน 1.1 เรือ่ ง Past 1 ชุด ขน้ั สรา้ งความสนใจ 3. ใบงาน 1.2 เรื่อง Present 1 ชุด ขั้นสรา้ งความสนใจ 4. แบบฝกึ ทกั ษะ 1 เรือ่ ง Past 1 ชดุ ขน้ั ขยายความรู้ 5. แบบฝึกทักษะ 1 เร่ือง Present 1 ชดุ ขั้นขยายความรู้ 10. การวัดผลและประเมินผล เป้าหมาย หลักฐานการเรยี นรู้ วธิ วี ัด เครอื่ งมอื วัดฯ ประเดน็ / การเรยี นรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน เกณฑ์การให้ 1. แบบฝึกหัด 1. แบบตรวจแบบฝึกหดั 1. Past (อดีตกาล) 1. แบบฝกึ หัด เรื่อง เรอ่ื ง Past เรื่อง Past คะแนน 2. Present Past 10 (ปจั จุบนั กาล) 2. แบบฝกึ หัด 2. แบบตรวจแบบฝกึ หดั 2. แบบฝึกหัด เรอื่ ง เรือ่ ง Present เร่อื ง Present 10 Present 11. จุดเนน้ ของโรงเรยี น การบูรณาการปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงและกจิ กรรมสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น (ตัวอยา่ ง) ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ครู ผเู้ รียน 1. ความพอประมาณ พอดีด้านเทคโนโลยี พอดดี า้ นจิตใจ 2. ความมีเหตุผล รูจ้ ักใชเ้ ทคโนโลยมี าผลติ สื่อที่ มีจิตสำนึกทด่ี ี เอ้อื อาทร 3. มีภูมคิ มุ กนั ในตวั ท่ีดี เหมาะสมและสอดคล้องเน้ือหาเปน็ ประนปี ระนอม นึกถึงประโยชน์ ประโยชน์ตอ่ ผู้เรียนและพฒั นาจากภมู ิ สว่ นรวม/กลมุ่ ปัญญาของผู้เรยี น - ยึดถอื การประกอบอาชพี ด้วยความ ไมห่ ยดุ นิง่ ที่หาหนทางในชวี ติ หลุดพ้น ถกู ตอ้ ง สจุ ริต แม้จะตกอย่ใู นภาวะขาด จากความทุกขย์ าก (การคน้ หาคำตอบ แคลน ในการดำรงชีวิต เพื่อให้หลดุ พ้นจากความไมร่ )ู้ - ปฏิบัตติ นในแนวทางทีด่ ี ลด เลิก ส่ิง ยวั่ กิเลสให้หมดสิ้นไป ไมก่ อ่ ความชั่วให้ เปน็ เครือ่ งทำลายตวั เอง ทำลายผู้อื่น พยายามเพม่ิ พูนรักษาความดี ที่มอี ยู่ให้ งอกงาม สมบรู ณ์ยิ่งขน้ึ ภมู ิปญั ญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ ภมู ปิ ัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ระมัดระวัง ระมัดระวัง สรา้ งสรรค์ ภมู ธิ รรม : ซอ่ื สัตย์ สุจรติ ขยนั อดทน ภมู ธิ รรม : ซื่อสัตย์ สุจริต ขยนั อดทน ตรงตอ่ เวลาและแบ่งปนั ตรงตอ่ เวลา เสียสละและ แบ่งปนั
4. เงือ่ นไขความรู้ ความรอบรู้ เรอื่ ง Past และ ความรอบรู้ เรอ่ื ง Past และ Presentความรเู้ หล่านน้ั มาพจิ ารณา Present 5. เง่ือนไขคณุ ธรรม ให้เชือ่ มโยงกัน เพือ่ ประกอบการ สามารถนำความรเู้ หลา่ นัน้ มาพิจารณา วางแผน การดำเนนิ การจดั กิจกรรม ให้เชือ่ มโยงกนั สามารถประยกุ ต์ใช้ใน กิจกรรม การเรียนรูใ้ ห้กับผ้เู รยี น ชวี ิตประจำวัน สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น Past และ Present มีความตระหนักใน คุณธรรม มี มีความตระหนักใน คุณธรรม มี ความซ่ือสตั ยส์ ุจรติ และมคี วามอดทน ความซ่อื สัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สตปิ ัญญาในการ มีความเพยี ร ใช้สตปิ ัญญาในการ ดำเนนิ ชีวิต ดำเนินชวี ิต ครู ผู้เรียน Past และ Present Past และ Present - โครงสรา้ ง Past - เขยี น อ่าน ฟัง พูด โครงสร้าง - โครงสรา้ ง Present Past - เขียน อ่าน ฟัง พูด โครงสร้าง Present - บนั ทึกผลการจดั การเรียนร/ู้ ปัญหาหรอื อปุ สรรค/ข้อเสนอแนะหรือแนวทางการปรบั ปรุง ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ลงช่อื ..................................................ผู้สอน ( นางสาวอนุสรา แสนอุบล )
ใบความรู้ เร่ือง Present Present Perfect Tense ถูกสร้างขึ้นโดยมีกรยิ าช่วย have, has อยใู่ นประโยคหรือกริยาแท้ของประโยค present perfect tense จะเป็นกรยิ าช่องที่ 3 เสมอ ซึ่งโดยมากแล้วจะอยใู่ นรูปกรยิ า เติม -ed (finished, decided, arrested, improved, arrived, เป็นต้น) ซึ่งเรยี กว่า regular verb สว่ นกริยาชอ่ งที่ 3 ที่ เป็น irregular verb และถูก นำมาใช้ใน present perfect tense บ่อยๆ กม็ ี lost, done, been, written เป็นต้น โครงสร้าง : S + has, have + V.3… Has: ใช้กบั ประธานเอกพจน์จำพวก he, she, it, Tom เปน็ ต้น Have: ใชก้ บั ประธานพหูพจน์จำพวก we, they, you, Tom เป็นต้น We have been here for three days. พวกเราอย่ทู น่ี ม่ี า 3 วนั แลว้ การใช้ Present Perfect Tense 1) ใช้ present perfect tense กบั การกระทำที่เกดิ ขนี้ ในอดตี และดำเนินมาจนถงึ ปจั จบุ ัน ซึง่ โดยมากแลว้ จะมี กริยาวิเศษณจ์ ำพวก since, for เปน็ ตัน เปน็ ตวั ชี้นำอยู่ในประโยค เชน่ I have been in Bangkok since 1988 ผมอยูก่ รงุ เทพฯ มาตัง้ แต่ 1988(ขณะน้กี ย็ งั อยู่) Tom has been in the army for ten years. ทอมไดเ้ ป็นทหารมา 10 ปีแลว้ (ขณะนก้ี ็ยังเป็นอยู่) 2) ใช้ present perfect tense กับเหตกุ ารณ์ทีเ่ กดิ ขนึ้ ในอดีตแต่ยังแสดงผลให้เหน็ ในปัจจุบัน และบ่อยครงั้ ทม่ี ี คำกริยาวเิ ศษณจ์ ำพวก ever, never just, already, yetเป็นตน้ อย่ใู นประโยค เชน่ Tom has had a bad car accident. ทอมไดร้ บั อบุ ัตเิ หตุทางรถยนต์ (คาดวา่ ตอนน้ีนอนอยโู่ รงพยาบาล) We have spoken to each other on the phone but we have never met. พวกเราเคยคยุ กันทางโทรศพั ท์แต่ไมเ่ คยเจอหนา้ กันเลย (ผลคอื ยงั ไม่รู้หน้าตากัน) 3) ใช้ present perfect tense กบั การกระทำทีเ่ กดิ ขนึ้ ในอดีตแตไ่ มไ่ ด้ระบุเวลาเฉพาะ เจาะจง เชน่ I have traveled a lot in America. ผมเดินทางบอ่ ยมากในอเมรกิ า Somchai has been to Japan. สมชัยได้เดนิ ทางไปประเทศญปี่ ุน่ 4) ใช้ present perfect tense กับการกระทำหรือเหตกุ ารณท์ ี่เพงิ่ จะจบลงไปอยา่ งสมบรู ณ์ หรือเกือบจะ สมบรู ณ์ในขณะท่ีพูดอยู่ น้นั โดยมีคำกรยิ าวเิ ศษณ์เหลา่ นี้อยใู่ นประโยค คอื just เพง่ิ จะ yet ยงั เลย recently เม่ือเร็วๆน้ี already แลว้ finally ในทีส่ ุด เช่น He has already finished his work. เขาทำงานเสรจ็ เมือ่ ครู่น้ี I have just fallen downstairs ผมเพ่งิ จะตกลงไปชัน้ ล่าง
Present Perfect Continuous Tense มหี ลักการใช้คลา้ ยกับ present perfect tense เพียงแต่เน้นการ กระทำทเี่ กิดข้นึ ต่อเน่ือง จากอดตี มาจนถึงปจั จุบัน และรูปท่ีใช้จะมี verb to be ด้วย โครงสรา้ ง : S + has, have + been + V.ing She has been helping us since one o’ clock. หลอ่ นได้ช่วยเหลอื พวกเรามาต้ังแต่เวลาบ่ายโมงจนถึงขณะนี้ การใช้ Present Perfect Continuous Tense 1) การใช้ Present Perfect Continuous Tense กับเหตุการณ์หรือการกระทำท่เี กิดขึ้นในบางชว่ งเวลาในอดตี และยงั ดำเนนิ ไปอยใู่ นขณธที่พดู นั้น เชน่ Ladda has been reading for five hours. ลัดดาอ่านหนังสอื มา 5 ช.ม. แล้ว (ขณะน้ยี งั อา่ นอยู่) I have been teaching English for many years. ผมไดส้ อนภาษาองั กฤษมาหลายปี (ปจั จุบันกย็ ังสอนอยู่) 2) ใช้ Present Perfect Continuous Tense เพอ่ื เน้นระยะเวลาของเหตกุ ารณท์ ่เี พงิ่ ผ่านไป อีกอย่างใช้ tense น้ีกับการ กระทำท่เี พง่ิ จะจบลงเมื่อสักครู่น้ี เชน่ My boyfriend has been playing. คนรกั ของฉนั ยงั คงเลน่ อยู่เลย (เล่นเกมส์ หรือ เล่นอะไรสักอย่าง) Nida is very tired. She has been studying very hard. นดิ าเหน่ือยมากเพราะเธอเพิ่งผ่านการเรียนอยา่ งหนกั มา 3) ใช้ Present Perfect Continuous Tense กับ how long, for… และ since … ซงึ่ จะบอกว่าเหตกุ ารณ์นัน้ ๆ ดำเนนิ ตอ่ เน่ืองมาถึงปัจจบุ ัน หรือเหตุการณ์นนั้ ๆ เพ่ิงจะจบลง เชน่ How long have you been staying in Bangkok? คณุ จะพกั อยกู่ รเุ ทพฯ นานเท่าไหร่
แบบฝกึ หัดเรื่อง Present PRESENT PERFECT TENSE SIMPLE FORM – Exercises A Fill in SINCE or FOR 1. He has been back ___________ two hours / __________ 3 o’clock. 2. I haven’t seen him _________ over two months / ________ Christmas. 3. You’ve been watching TV __________ you came home from school / _____ most of the evening. 4. Carol has been looking after the baby _________ this morning / ______ over four hours. 5. The Healers have had Dusty ________ their old dog died / ________ nearly two years. 6. We’ve been standing here ________ twenty-five minutes / _________ half past six. 7. Kate has been learning French ________ she was eleven / _________ four years. 8. Grandfather has been living with us ____________ Granny died / ________ quite some time. B Complete these sentences using the Present Perfect Tense of the following verbs to be – to clean – to eat – to have – to rain – to see 1. Chris ___________________ all the biscuits. (They are gone now.) 2. The boys ___________________ the car. (It looks beautiful now.) 3. Mrs Wood _______________ a busy day. (She is tired now.) 4. It _________ not _________ for weeks. (The garden is very dry.) 5. I _________________ the film. (I know it.) 6. My sister _______________ to Paris several times. (She knows it.) C Complete these sentences using the Present Perfect Tense or the Past Tense 1. We (not meet) _____________________ his mother so far. We _________ his mother then. 2. Greg (be) _____________________ a good student last year. Greg ___________ a good student up to now. 3. They (live) ___________________ in our street since 1982. They _____________ in our street some years ago. 4. Bob and Chris (not quarrel) _________________________ all week. Bob and Chris ____________________ yesterday. 5. You (ask) __________________ me this question before. You _______________ me this question last lesson.
ใบความรู้ เรอ่ื ง Past Continuous Tense โครงสร้าง Subject + was, were + v.ing จะเห็นว่าโครงสรา้ งของ Past Continuous Tense จะเหมือน Present Continuous Tense เพยี งแต่ verb to be ของ Past จะใช้ was หรอื were ข้นึ อยู่กับประธานท่นี ำหนา้ มา หลกั การใช้ Past Continuous Tense 1. ใช้ Past Continuous Tense กับเหตุการณ์ท่ีกำลังดำเนนิ อยใู่ นอดตี แต่มีเวลาระบุทแี่ น่ชัด Jane was going to school at 7 o' clock yesterday . They were playing football this time last night . At the same time yesterday my mother was cooking delicious food in the kitchen . 2. เมอ่ื ใช้ Past Continuous จะให้ความหมายว่าการกระทำนั้นกำลังดำเนินอยูใ่ นชว่ งเวลาน้ัน ยังไม่สนิ้ สุดในช่วงเวลานัน้ Tom was swimming at five o'clock . Jane and I were singing at 5 o' clock last Sunday . 3. ใช้ Past Continuous คกู่ ับประโยค Past Simple Tense ในกรณที มี่ ีเหตุการณก์ ำลงั ดำเนินอยู่ และมกี ารแทรกของ อีกเหตุการณ์หนึ่งกำหนดให้ Past Continuous เป็นเหตกุ ารณ์ ทกี่ ำลังดำเนนิ อยแู่ ละ Past Simple Tense เปน็ เหตุการณ์ทเ่ี ข้ามาแทรก โดยมี when, while, as เป็นสันธาน เชอื่ ม ประโยคเขา้ ดว้ ยกนั Dang was talking to his friend when I saw him . Jane cut her finger while she was cooking . They were watching television , the fire alarm rang loudly . แบบฝึกหัดเร่อื ง Past Put the verbs into the correct form (past progressive). 1. When I phoned my friends, they(play) monopoly. 2. Yesterday at six I(prepare) dinner. 3. The kids(play) in the garden when it suddenly began to rain. 4. I (practise) the guitar when he came home. 5. We(not / cycle) all day. 6. While Aaron(work) in his room, his friends(swim) in the pool. 7. I tried to tell them the truth but they(listen / not) . 8. What(you / do) yesterday?
ระดบั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการทำแบบฝกึ หดั คะแนน เกณฑก์ ารให้คะแนน นำ้ หนกั / คะแนน ประเดน็ 4 3 2 1 ความสำคญั รวม การประเมนิ ความเข้าใจ ตอบคำถาม ตอบคำถาม ตอบคำถาม ตอบคำถาม หลังจากทอ่ี า่ น หลงั จากที่อา่ น หลงั จากท่ีอา่ น หลงั จากทอ่ี า่ น 2 8 ได้ท้ังหมด ไดเ้ กอื บ ไดเ้ ลก็ น้อย ได้นอ้ ยมาก ทั้งหมด ก าร จั บ ใจ ค ว า ม จับใจความ จับใจความ จบั ใจความ จบั ใจความ สำคญั สำคญั ของ สำคัญของ สำคญั ของ สำคญั ของ เน้อื หาได้ เ นื้ อ ห า ไ ด้ เน้ือหาได้ เนือ้ หาได้ 28 ท้งั หมด เกอื บ เล็กนอ้ ย น้อยมาก ท้ังหมด การร้คู วามหมาย เม่อื อ่านพบ เมอื่ อ่านพบ เม่อื อ่านพบ เม่ืออา่ นพบ คำศัพท์ คำศพั ท์ใหม่ คำศัพท์ใหม่ คำศัพท์ใหม่ คำศัพท์ใหม่ สามารถเดา สามารถเดา สามารถเดา สามารถเดา ความหมาย 1 4 ความหมาย ความหมาย ความหมาย คำศัพท์จาก 5 20 คำศัพท์จาก บรบิ ทได้นอ้ ย คำศพั ท์จาก มาก บรบิ ทได้ คำศพั ท์จาก บรบิ ทได้ ทั้งหมด บริบทไดเ้ กอื บ เลก็ นอ้ ย ทง้ั หมด รวม
แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 เรื่อง You Have to Do It! แผนจัดการเรยี นรู้ท่ี 2 เรอื่ ง You Have to Do It! รายวชิ า ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน รหสั วิชา อ 31102 ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 นำ้ หนักเวลาเรยี น 1 (นน./นก.) เวลาเรยี นรวม 10 ชว่ั โมง ...................................................................................................................................................................... สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด หนว่ ยการเรยี นรนู้ ี้มจี ุดม่งุ หมายใหน้ ักเรียนเข้าใจไวยากรณ์ have to / had to เพ่อื ใชส้ ่ือสารเกี่ยวกับสง่ิ ทจี่ ำเป็นต้อง ทำ นกั เรยี นจะได้อา่ นขอ้ ความเก่ียวกับกฎหมายแปลก ๆ ทั่วโลก ฟังคำแนะนำวธิ ที ำงานบ้าน พูดและเขียนเก่ียวกับงาน บา้ นท่ตี ้องทำ นอกจากน้ีนักเรยี นยงั ไดเ้ รยี นรู้คำศพั ท์ สำนวนตา่ ง ๆ เกยี่ วกบั งานบ้าน รวมท้ังหน้าทที่ างภาษา โครงสร้าง ประโยคไวยากรณ์ท่ีเปน็ พน้ื ฐานของกิจกรรม การฟัง พดู อา่ น และเขียนในหนว่ ยการเรยี นรูน้ ี้ มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้วี ัด สาระที่ 1 : ภาษาเพ่อื การส่อื สาร มาตรฐาน ต 1.1 ม.4-6/3, ต 1.1 ม.4-6/4, ต 1.2 ม.4-6/5, ต 1.3 ม.4-6/1 สาระท่ี 3 : ภาษากบั ความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน มาตรฐาน ต 3.1 ม.4-6/1 สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ มีวินยั : รู้จกั รบั ผดิ ชอบในหน้าที่ ความสามารถในการส่ือสาร การคดิ การใช้ทกั ษะ ชวี ิต การแกป้ ัญหา การใชเ้ ทคโนโลยี ทกั ษะ/กระบวนการ ทกั ษะการคิด - การระบุ ทกั ษะเฉพาะวชิ า การฟงั : ระบรุ ายละเอยี ด - การนำเสนอขอ้ มลู การพดู : พูดเกยี่ วกบั งานบ้านทีจ่ ำเปน็ ต้องทำ การอา่ น : จับใจความสำคัญ ระบุรายละเอียด การเขียน : เขียนบรรยายเกย่ี วกับงานบ้านท่ตี อ้ งทำ ความเขา้ ใจทย่ี ั่งยืน นักเรียนเข้าใจการใช้ have to / had to เพื่อสือ่ สารเกีย่ วกบั ส่ิงที่จำเปน็ ตอ้ งทำในชวี ิตประจำวัน ความสมั พนั ธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรอู้ น่ื สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม; การงานอาชีพและเทคโนโลยี ความรู้ to clean a place using a vacuum cleaner (ดูดฝุ่น) - คำศัพท์ กจิ กรรม New Language - vacuum (v.):
- rug (n.): a piece of thick cloth or wool that is put on the floor as a decoration (พรม) - laundry (n.): clothes, sheets etc that need to be washed, or that have been washed (ซกั ผา้ หรือผ้าที่ซกั แล้ว) - feed (v.): to give food to a person or animal (ให้อาหาร) - take out (v.): to remove something (เอาไปท้งิ ) - garbage (n.): waste material, such as paper, empty container, and food thrown away (ขยะ) - chore (n.): a job that you have to do, especially a boring one: household chores (งานบา้ น) - สำนวนภาษา - take the dog for a walk หรอื walk the dog หมายถึง การพาสุนขั ออกไปเดนิ เลน่ เดนิ ออกกำลังกาย - clean up after the dog หมายถึง การทำความสะอาด เก็บอุจจาระของสุนขั - หน้าทภ่ี าษา - To talk about household chores - To talk about obligations in the present - โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ - have to / don’t have to - like / hate doing something กจิ กรรมการเรยี นรู้ กิจกรรม New Language (ชวั่ โมงที่ 1-3) 1. นำเขา้ สู่บทเรยี น - ครูเขียนคำศพั ท์ Chore บนกระดาน พรอ้ มอธบิ ายความหมาย บอกนักเรยี นให้บอกงานบ้านที่นกั เรยี นทำที่บา้ น ครูเขียนคำเหลา่ นัน้ บนกระดาน 2. แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครูบอกนกั เรยี นว่า ในบทเรียนนี้นักเรียนจะได้อา่ นคำศัพทเ์ กย่ี วกบั งานบา้ นและพูดเกี่ยวกับงานบ้านทช่ี อบหรอื ไม่ ชอบทำ 3. อ่านคำศัพท์เกีย่ วกับงานบา้ น - ครูใหน้ ักเรียนดูภาพงานบา้ นในกิจกรรม New Language ในหนังสอื เรียน หน้า 8 และพดู เก่ียวกบั ภาพ - ครเู ปิดซีดบี นั ทึกเสยี ง CD 1 Track 8 ให้นกั เรียนฟังหนงึ่ ครงั้ - ครูเปดิ ซีดบี นั ทกึ เสียง CD 1 Track 8 อกี คร้งั หน่งึ และหยดุ ซดี ีบนั ทึกเสยี งเปน็ ระยะเพอ่ื ใหน้ กั เรยี นออกเสยี ง คำศพั ท์ตาม จากน้ันใหน้ กั เรียนทำเครอื่ งหมายในช่องหน้างานบา้ นท่ีนกั เรยี นตอ้ งทำ 4. พดู แสดงความชอบและไมช่ อบการทำงานบา้ น - ครูให้นกั เรียนดูภาพงานบ้านในหนงั สือเรียน หน้า 9 และอ่านข้อความในตาราง ครูอธิบายโครงสร้าง like / love / hate doing something จากน้ันให้นักเรียนเติมข้อมูลลงในตารางแบบสำรวจเกี่ยวกับการทำงานบ้านของ ตนเอง และให้นักเรยี นจบั คพู่ ูดเกีย่ วกบั งานบ้านทตี่ นเองชอบหรอื ไมช่ อบทำ เชน่
- I have to make my bed, but I like doing it. - I have to feed the pets, but I love doing it. - I hate doing the dishes, but I have to do it. - ครูใหน้ ักเรียนตอบคำถามในกิจกรรม Language Check ในหนงั สอื เรียน หนา้ 9 และให้นักเรยี นเปรยี บเทียบคำตอบ ของตนเองกับเพื่อนว่างานบ้านในข้อใดทต่ี ้องทำและไม่ต้องทำ แล้วใหน้ ักเรียนพดู บอกความชอบและไม่ชอบการ ทำงานบ้านของตนเองหนา้ ชนั้ เรยี น โดยใชข้ ้อมลู จากตารางในหนงั สือเรยี น หนา้ 9 - ครปู ระเมินผลการพูดแสดงความชอบและไม่ชอบการทำงานบ้านโดยใชเ้ กณฑก์ ารประเมินการพูด และใช้เกณฑ์ผา่ น ในระดบั พอใช้ กิจกรรม Pronunciation 1. ออกเสียงคำ have to - ครูให้นักเรยี นทำกิจกรรม Pronunciation ในหนงั สือเรยี น หนา้ 9 ครเู ปดิ ซดี ีบันทกึ เสยี ง CD 1 Track 9 ให้ นักเรียนฟงั ประโยคท่ีมี have to และออกเสียงตามหลาย ๆ ครั้งใหถ้ กู ต้อง - ครเู ปดิ ซีดีบนั ทึกเสยี ง CD 1 Track 9 ซ้ำอกี ครั้งหนึ่ง และให้นกั เรยี นจับคฝู่ ึกอ่านออกเสยี งในกิจกรรม Pronunciation กจิ กรรม Practice 1. ถามและตอบคำถามเกี่ยวกับงานบา้ นที่ชอบและไมช่ อบทำ - ครใู ห้นักเรียนทำกิจกรรม Practice ข้อ 1 ในหนังสือเรียน หน้า 9 โดยครเู ปดิ ซดี บี ันทึกเสียง CD 1 Track 10 ให้ นักเรยี นฟงั คำถามและคำตอบ จากนัน้ ครเู ปดิ ซดี ีบันทึกเสียง CD 1 Track 10 อกี คร้ังหนง่ึ หยดุ ซีดเี ม่อื จบแตล่ ะ ประโยคเพื่อใหน้ ักเรียนออกเสยี งตามหลาย ๆ คร้ัง - ครูใหน้ กั เรียนจับคู่ ฝกึ อา่ นออกเสียงคำถามและคำตอบในกิจกรรม Practice ขอ้ 1 - ครูสุ่มให้นักเรยี นบางคู่ออกมาอ่านออกเสยี งคำถามและคำตอบในกิจกรรม Practice ข้อ 1 2. พดู ถามและตอบคำถามโดยใช้ have to และสรปุ กจิ กรรมการเรียนรู้ - ครูให้นกั เรียนทำกจิ กรรม Practice ขอ้ 2 ในหนังสือเรียน หน้า 9 โดยครูเปดิ ซีดีบนั ทกึ เสยี ง CD 1 Track 10 ให้ นกั เรยี นฟงั คำถามและคำตอบ จากนัน้ ครูเปิดซีดบี ันทึกเสยี งอีกคร้ังหนึง่ หยุดซดี ีบันทกึ เสียงเมื่อจบแตล่ ะประโยค เพ่ือให้นักเรยี นออกเสียงตามหลาย ๆ ครัง้ - ครูให้นกั เรียนจับคู่ ฝึกอา่ นออกเสียงคำถามและคำตอบในกิจกรรม Practice ข้อ 2 - ครูสุม่ ใหน้ กั เรยี นบางคู่ออกมาอ่านออกเสยี งคำถามและคำตอบในกิจกรรม Practice ขอ้ 2 บันทึกผลการจัดการเรยี นรู้/ปญั หาหรืออปุ สรรค/ข้อเสนอแนะหรอื แนวทางการปรบั ปรงุ .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................
กิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรม Grammar (ชัว่ โมงที่ 4-6) 1. แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครบู อกนักเรยี นว่า ในหน่วยการเรยี นรู้นี้นกั เรยี นจะไดเ้ รยี นรูก้ ารใช้ have to และ don’t / doesn’t have to เพอ่ื นำไปใช้สือ่ สารเกี่ยวกับส่ิงที่จำเป็นตอ้ งทำและไมต่ ้องทำ 2. เข้าใจและใช้ have to - ครบู อกนกั เรียนใหศ้ กึ ษาโครงสรา้ งประโยคทีใ่ ช้ have to ในกรอบ Grammar ในหนังสือเรียน หนา้ 11 ครูอธิบาย ว่า have to ใช้พดู ถงึ เหตกุ ารณ์ทจ่ี ำเปน็ ตอ้ งทำ ส่วนรูปปฏเิ สธของ have to คือ don’t have to / doesn’t have to ใชก้ ล่าวถงึ เหตุการณท์ ไี่ ม่จำเปน็ ตอ้ งทำ - ครูเขยี นตวั อยา่ งประโยคท่ีใช้ have to บนกระดาน Affirmative Negative I have to go to the dentist today. I don’t have to go to the dentist today. He has to clean the kitchen. She doesn’t have to clean the kitchen. อธิบายว่า have to + V1 ใชพ้ ดู ถงึ เหตกุ ารณ์ในปัจจบุ ัน - ครูเขียนตวั อยา่ งประโยค had to / didn’t have to ทใี่ ช้เมอื่ พดู ถงึ เหตกุ ารณใ์ นอดตี - I had to go to the dentist yesterday. - I didn’t have to go to the dentist yesterday. - ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม Grammar A ในหนังสือเรียน หน้า 11 โดยครูทำข้อท่ี 1 ให้นักเรียนดูเป็นตัวอย่าง ให้นักเรียนทำข้อท่ีเหลือโดยเลือกใช้ have to ในรูปท่ีถูกต้อง ครูตรวจคำตอบโดยสุ่มเรียกนักเรียนอ่านประโยค (ดเู ฉลยทา้ ยเล่ม) - ครใู หน้ ักเรียนทำกจิ กรรม Grammar B ในหนังสอื เรยี น หน้า 11 โดยครอู า่ นออกเสียงคำสง่ั และประโยคตวั อยา่ ง แลว้ ให้นักเรยี นเขียนขอ้ ความเพม่ิ เติมในประโยคอีก 7 ประโยค บอกส่ิงทตี่ อ้ งทำหรอื ไมต่ ้องทำ หลงั จากนกั เรยี น ทำกจิ กรรม Grammar B เสร็จแล้ว ใหน้ ักเรียนแลกเปลยี่ นกันตรวจแก้งานกับเพือ่ น จากน้ันครูใหน้ กั เรียนทสี่ มัคร ใจอ่านประโยคของตนคนละประโยค ครชู ว่ ยตรวจแกไ้ ขประโยคทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง - ครูให้นกั เรียนทำกิจกรรม Grammar C ในหนังสือเรียน หนา้ 12 โดยให้นักเรยี นอ่านขอ้ ความในบันทึกประจำวัน ของ Rebecca จากนัน้ ใหน้ กั เรยี นอ่านคำถามทัง้ 8 คำถาม แล้วตอบคำถามเหลา่ น้ัน ครูให้นักเรยี นผลดั กนั ออกมา เขียนคำตอบบนกระดาน และนกั เรยี นคนอ่นื ช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง (ดเู ฉลยท้ายเล่ม) - ครปู ระเมินผลความเข้าใจในการอ่านบันทึกประจำวนั จากจำนวนคำตอบทีถ่ กู ต้องจากการทำกิจกรรม Grammar C โดยใชเ้ กณฑผ์ ่านร้อยละ 70 กจิ กรรม Writing 1. เขียนเลา่ เกยี่ วกับงานบา้ นท่ีตอ้ งทำ - ครอู ่านออกเสยี งคำสงั่ ของกิจกรรม Writing ในหนังสอื เรียน หนา้ 12 และอธิบายคำสัง่ ใหน้ ักเรยี นทุกคนเข้าใจ - ครูใหน้ กั เรียนเขยี นเลา่ เกีย่ วกบั งานบา้ นท่ีตนและสมาชิกคนอืน่ ๆ ในครอบครวั ต้องทำ โดยใชข้ ั้นตอนในการเขียน ดังน้ี 1) กอ่ นลงมอื เขยี น (Prewriting) - ค้นหาหวั ข้อเร่อื ง เช่น Things to do around my house. หรอื My family members’ chores. - รวบรวมข้อมลู เชน่ สมาชกิ ในบ้านแต่ละคนมหี นา้ ทที่ ำงานบ้านอะไรบา้ ง
- ค้นคิดใจความหลัก - เตรยี มการเขยี นหรอื วางโครงร่าง 2) การร่างงานเขยี น (Drafting) 3) การปรับปรงุ ร่างงานเขยี น (Revising) 4) การบรรณาธิการ/พสิ ูจน์อกั ษร (Editing/Proofreading) 5) การเขียนร่างสุดทา้ ย (Writing the Final Draft) - ครปู ระเมินงานเขยี นของนกั เรียนแตล่ ะคนโดยใช้เกณฑก์ ารประเมนิ การเขยี น และใช้เกณฑ์ผ่านระดบั พอใช้ กจิ กรรม Speaking 1. แจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ - ครบู อกนักเรยี นว่า ในหนว่ ยการเรียนรู้นนี้ ักเรยี นจะได้พดู นำเสนอเกี่ยวกบั ส่งิ ท่ีต้องทำทั้งในวันนี้ วนั พร่งุ นี้ และเมอื่ วานนี้ 2. พูดนำเสนอเกย่ี วกบั สิ่งท่ีต้องทำ - ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม Speaking ในหนังสือเรียน หน้า 12 ครูอา่ นคำส่ังใหน้ ักเรยี นฟัง จากนั้นครูให้นกั เรียนดู ภาพด้านขวามือของกิจกรรม Speaking และให้นักเรยี นพูดเกยี่ วกับบุคคลในภาพวา่ เขาตอ้ งทำอะไรบ้าง - ครูให้นักเรียนทำงานเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4-5 คน อภิปรายในกลุ่มว่าสง่ิ ทีต่ ้องทำวันนหี้ รือพรงุ่ นค้ี อื อะไรบ้าง งานบ้าน ท่ตี ้องทำเป็นประจำคอื อะไรบ้าง และสง่ิ ทีต่ อ้ งทำเมอื่ วานนค้ี ืออะไรบ้าง ครเู ตือนให้นักเรียนใชป้ ระโยค have to ใหถ้ กู ตอ้ งกับ Present หรือ Past - ครูให้ตัวแทนกลุ่มทกุ กลุ่มออกมาพูดนำเสนอข้อมลู ทไ่ี ด้จากการอภิปรายภายในกลุ่ม 3. ประเมนิ ผลการพูดนำเสนอ - ครปู ระเมินผลการพูดนำเสนอของนกั เรยี นแต่ละกล่มุ โดยใช้เกณฑก์ ารประเมินการพูด และใช้เกณฑผ์ ่านระดับพอใช้ บันทึกผลการจัดการเรียนรู้/ปัญหาหรอื อุปสรรค/ข้อเสนอแนะหรอื แนวทางการปรับปรงุ .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................
กิจกรรมการเรียนรู้ (ชว่ั โมงท่ี 7-10) กจิ กรรม Reading 1. นำเข้าสู่บทเรียน - ครถู ามนักเรียนวา่ ผู้เสนอกฎหมายทใ่ี ช้ในประเทศคือใคร และต้องผ่านความเหน็ ชอบจากผใู้ ด นักเรียนอาจตอบว่า เสนอโดยรฐั บาลและไดร้ ับความเหน็ ชอบจากรฐั สภา 2. แจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครูบอกนกั เรยี นวา่ ในหนว่ ยการเรียนรนู้ ้ีนกั เรยี นจะไดอ้ ่านบทความเกย่ี วกบั กฎหมายพลิ ึกทั่วโลก กจิ กรรมก่อนอา่ น 1. เดาเนอื้ หาจากช่ือเรื่องและภาพ - ครูใหน้ ักเรยี นดชู ่อื บทความ Silly Laws around the World และภาพในกจิ กรรม Reading ในหนงั สอื เรียน หนา้ 13และเดาว่าบทความทจ่ี ะอา่ นเกีย่ วกับอะไร นักเรียนอาจบอกวา่ บทความนา่ จะเกยี่ วกับกฎหมายต่าง ๆ ทใี่ ช้กับ สตั ว์ 2. ตั้งจุดประสงค์ในการอ่าน - ครใู ห้นักเรียนช่วยกันตั้งคำถามทคี่ าดวา่ จะไดค้ ำตอบจากบทความน้ี ครเู ขียนคำถามเหล่านั้นบนกระดาน ตัวอย่าง คำถาม - What are those silly laws? - In what country were those laws made? Why? - ครใู หน้ ักเรียนใชค้ ำถามบนกระดานเป็นจุดประสงค์ในการอา่ น กจิ กรรมระหว่างอา่ น 1. อ่านบทความ - ครเู ปิดซีดีบันทึกเสยี ง CD 1 Track 13 ในกจิ กรรม Reading ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 13 ให้นกั เรยี นฟังและอา่ นในใจ ตาม ถ้าพบคำทไี่ ม่ทราบความหมาย ให้ขดี เส้นใต้ไว้ - ครูให้นักเรียนอ่านบทความในใจอีกคร้งั หน่ึง และดูว่ามีคำตอบสำหรับคำถามใดบนกระดานบ้าง ครูให้นักเรียนท่ี สมัครใจออกไปเขยี นคำตอบใตค้ ำถามบนกระดาน กจิ กรรมหลงั อ่าน 1. พัฒนาศัพท์ - ครูให้นกั เรยี นออกมาเขียนคำศพั ท์ท่ไี ม่ทราบความหมายบนกระดาน - ครูให้นกั เรียนท่ีทราบความหมาย บอกความหมายของคำบนกระดาน ถ้าไมม่ ีผู้ใดทราบ ครใู ห้นักเรียนค้นหาความหมาย จากพจนานกุ รม 2. ตรวจสอบความเข้าใจ - ครูใหน้ กั เรียนอ่านบทความเร่ือง Silly Laws around the World อีกคร้ังหนึง่ แลว้ ทำกจิ กรรม About the Reading ในหนังสอื เรียน หน้า 13 - ครใู หน้ กั เรยี นทสี่ มคั รใจผลัดกันออกมาเขียนคำตอบของคำถามในกิจกรรม About the Reading บนกระดานและ ให้นกั เรยี นคนอน่ื ๆ ชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ต้อง (ดเู ฉลยทา้ ยเลม่ ) 3. ประเมินผลการอา่ นบทความ - ครูประเมินผลความเข้าใจบทความของนกั เรียนจากจำนวนคำตอบท่ีถกู ต้องจากการทำกิจกรรม About the Reading โดยใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ 60
บันทกึ ผลการจดั การเรียนรู/้ ปญั หาหรืออุปสรรค/ข้อเสนอแนะหรือแนวทางการปรับปรุง ………………………………………………………… ................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: