การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ รายวชิ า ภาษาองั กฤษ รหสั วิชา อ 21101 ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 จัดทาโดย นางสาวอนสุ รา แสนอบุ ล ตาแหนง่ ครผู ู้ช่วย โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ตาบลช่างเคิง่ อาเภอแม่แจม่ จังหวดั เชยี งใหม่ สานกั บริหารงานการศกึ ษาพเิ ศษ สานักงานการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
คาอธิบายรายวิชา รายวิชา ภาษาองั กฤษ รหสั วิชา อ 21101 ชั้น มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2562 เวลา 60 ช่ัวโมง จานวน 1.5 หนว่ ยกติ คาอธิบายรายวิชา ศกึ ษาความรเู้ ก่ียวกบั คาขอร้อง คาแนะนา คาช้แี จงและคาอธิบายง่าย ๆ อา่ นออกเสยี งตามหลกั การ อา่ นออกเสียง การเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธก์ บั ส่ือที่ไมใ่ ชค่ วามเรยี ง การจบั ใจความสาคัญ การแสดงความ คิดเหน็ เก่ยี วกับเรือ่ งที่อา่ น การสนทนาแลกเปลยี่ นข้อมลู เกี่ยวกบั ตนเอง เรอ่ื งต่างๆใกล้ตัว และสถานการณต์ า่ ง ๆ ใน ชวี ิตประจาวนั การเสนอ การแสดงความต้องการ การตอบรบั และการปฏิเสธ ให้ความชว่ ยเหลือ การขอและการให้ ขอ้ มลู การอธิบายเปรยี บเทียบ การแสดงความร้สู ึก การบรรยายเกย่ี วกบั ตนเอง กิจกรรมต่าง ๆ ประสบการณ์ การ วเิ คราะหข์ ่าว เหตุการณแ์ ละสถานการณ์ที่อย่ใู นความสนใจของสงั คม ศึกษาเปรียบเทียบเกี่ยวกบั การใช้ภาษา น้าเสยี ง กรยิ าท่าทางตามมารยาทของสังคมและวัฒนธรรมของเจา้ ของ ภาษา เขา้ รว่ มหรอื จดั กจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรมเกีย่ วกับเทศกาล วันสาคญั ชวี ติ ความเป็นอยู่ขนบธรรมเนียม ประเพณแี ละวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา การ เปรยี บเทียบ การบอกความหมายและอธิบายความเหมอื นและความ แตกต่างเรื่องการออกเสียง ประโยคชนิดต่าง ๆ การลาดับคา ตามโครงสร้างประโยคของภาษาองั กฤษกับ ภาษาไทย ศกึ ษาค้นคว้า การรวบรวม การสรุปขอ้ มลู การนาเสนอข้อมลู และขอ้ เทจ็ จริงที่เกยี่ วข้องกับกล่มุ สาระการ เรยี นร้อู ่นื จากแหล่งเรียนร้แู ละนาเสนอด้วยการเขียน การใช้ภาษาส่ือสารในสถานการณ์จรงิ สถานการณจ์ าลองที่ เกิดขน้ึ ในหอ้ งเรียน สถานศึกษา และชมุ ชน การเผยแพรแ่ ละ ประชาสมั พันธ์ ขา่ วสารของโรงเรยี น โดยใชก้ ระบวนการทางภาษา คือ การฟัง การพูด การอา่ น และการเขียน การสอื่ สารและการสบื เสาะหา ความรู้ การสบื ค้นข้อมลู การฝกึ ปฏบิ ัติตามสถานการณต์ ่าง ๆ เพอ่ื ให้เกดิ ความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนาเสนอ สอื่ สาร เหน็ คุณค่าและประโยชน์ นาความรูไ้ ปใช้ ประโยชน์ ตลอดจนมคี วามรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ รกั ความเปน็ ไทย มีความซ่ือสัตยส์ ุจรติ มีวินยั ใฝ่เรยี นใฝ่รู้ และมุ่งมั่นในการทางาน ตัวชี้วัด 1. ต. 1.1 ม.2/1 ปฏิบัติตามคาส่ัง คาขอร้อง คาแนะนา และคาชแี้ จงงา่ ยๆ ที่ฟังและอ่าน 2. ต. 1.1 ม.2/2 อ่านออกเสียงข้อความ นิทาน และบทรอ้ ยกรอง (poem) สน้ั ๆ ถูกต้องตาม หลกั การอ่าน 3. ต. 1.1 ม.2/3 เลือก/ระบปุ ระโยคและขอ้ ความใหส้ มั พนั ธ์กับส่ือที่ไมใ่ ชค่ วามเรียง (non-text information) ทอี่ ่าน 4. ต. 1.1 ม.2/4 ระบุหวั ขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคัญ (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและอ่าน บทสนทนา นิทาน และเรื่องสน้ั 5. ต 1.2 ม.2/1 สนทนาแลกเปลย่ี นข้อมูลเก่ียวกบั ตนเอง เร่อื งต่าง ๆ ใกลต้ ัว และสถานการณ์ต่าง ๆ ใน ชีวิตประจาวัน
อย่างเหมาะสม 6. ต 1.2 ม.2/4 พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูล บรรยาย และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เร่ืองท่ีฟังหรืออ่าน อย่างเหมาะสม 7. ต 1.3 ม.2/1 พูดและเขยี นบรรยายเก่ยี วกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์ ที่อยู่ ในความ สนใจของสังคม 8. ต. 2.1 ม.2/3 บรรยายเกีย่ วกับเทศกาลวันสาคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษา 9. ต. 2.1 ม.2/4 เข้าร่วม/จัดกจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ 10. ต. 3.1 ม.2/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรปุ ข้อมลู / ข้อเทจ็ จรงิ ท่เี กี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรยี นร้อู ่ืน จากแหล่งเรยี นรู้ และนาเสนอด้วยการพูด/การเขียน 11. ต.4.1 ม.2/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณจ์ าลองท่เี กดิ ขนึ้ ในหอ้ งเรยี นและสถานศึกษา 12. ต.4.2 ม.2/1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในการสืบคน้ /ค้นคว้า ความรู้/ข้อมูลต่างๆ จากสอ่ื และแหล่งการเรียนรู้ ต่างๆ ในการศกึ ษาต่อและประกอบอาชีพ รวมท้ังหมด 12 ตัวช้ีวัด
ผงั มโนทัศน์ รายวชิ า ภาษาอังกฤษพื้นฐาน รหัสวชิ า อ 21101 ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2561 ชอื่ หน่วย First Day at School ชื่อหน่วย Where Are You Going? จานวน 15 ชว่ั โมง : 20 คะแนน จานวน 15 ชัว่ โมง : 10 คะแนน รายวชิ า ภาษาองั กฤษพ้นื ฐาน ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 2 จานวน 60 ชั่วโมง ชอื่ หนว่ ย What Do You Like to Do? ชอ่ื หน่วย What Do You Want to Be? จานวน 15 ช่ัวโมง : 15 คะแนน จานวน 15 ชัว่ โมง : 15 คะแนน
ผงั มโนทัศน์ รายวชิ า ภาษาองั กฤษ รหัสวิชา อ 21101 ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 เร่อื ง First Day at School จานวน 15 ชัว่ โมง : 20 คะแนน Greeting and introduction + กิจกรรม New Languag (5 ช่วั โมง) หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เรอื่ ง School Then And Now จานวน 15 ชว่ั โมง โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์ Verb to be Wh- Questions: Who, What, - ประโยคบอกเลา่ Where -ประโยคปฏเิ สธ (5 ชัว่ โมง) -ประโยคคาถาม (5 ชัว่ โมง)
แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง First Day at School แผนจดั การเรยี นรู้ท่ี1 เร่อื ง Greeting and introduction รายวชิ า ภาษาองั กฤษ รหสั วชิ า อ 21101 ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2562 น้าหนักเวลาเรยี น 1.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 3 ชั่วโมง/สปั ดาห์ เวลาทใี่ ชใ้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 5 ชั่วโมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสาคญั (ความเข้าใจทคี่ งทน) การเรยี นรนู้ มี้ จี ุดมุ่งหมายใหน้ ักเรยี นเรียนรู้คาศพั ท์ อา่ นออกเสียงบทสนทนา เขา้ ใจบทสนทนาท่ีอา่ นและ ฟัง เขยี นเปรียบเทยี บข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนของไทยกับต่างประเทศ พดู เกย่ี วกับข้อมูลส่วนตัว และค้นคว้าขอ้ มูล เก่ียวกบั โรงเรียนของประเทศต่าง ๆ แล้วนาเสนอผลงานการค้นควา้ 2. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชวี้ ดั ช้ันป/ี ผลการเรียนรู้/เป้าหมายการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ (ให้ตรงกบั หลักสตู รแกนกลาง 2551 ปรับปรงุ 2560) ต. 1.1 ม.2/4 ระบุหัวข้อเร่ือง (topic) ใจความสาคัญ (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและอา่ น บทสนทนา นทิ าน และเรอ่ื งสั้น ต. 3.1 ม.2/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรปุ ขอ้ มลู / ขอ้ เทจ็ จริงทเ่ี กีย่ วข้องกับกล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื จากแหลง่ เรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขยี น ต. 4.1 ม.2/1 ใช้ภาษาส่ือสารในสถานการณจ์ รงิ /สถานการณ์จาลองท่ีเกิดข้นึ ในหอ้ งเรยี นและสถานศึกษา 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เนอื้ หาสาระหลกั : Knowledge 1. การทักทาย ถามและแนะนาตวั เองและผูอ้ ืน่ เก่ียวกับขอ้ มูลส่วนตัวและเรื่องในโรงเรียน 2. คาศัพท์ในบทเรยี น grade (n.) ordinal numbers ,(n.) school subjects (n.) = Math, Health, Science, Family and consumer Scienes, Computer Science ,Language Arts, Languages, History, Music, Geography, P.E. , 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process 1. นกั เรยี นแสดงบทบาทสมมติจากบทสนทนาท่ฟี ังและอา่ นได้ 2. นกั เรยี นบอกความหมายคาศพั ท์รายละเอยี ดจากขอ้ มลู ท่ีฟงั และอ่านได้ 3.3 คุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ : Attitude 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. มุ่งม่ันในการทางาน 4. สมรรถนะสาคญั ของนักเรยี น 1 ความสามารถในการสอ่ื สาร 2 ความสามารถในการคดิ 3 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
5. คุณลักษณะของวิชา ให้เลือกเฉพาะท่ตี รงหรือสอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนในหนว่ ยนแี้ ละตอ้ งประเมนิ ได้ 1. การฟงั : ฟงั ข้อมลู และระบรุ ายละเอียด 2. การพดู : พูด ทกั ทายตัวเองและผอู้ ่ืน 3. การอ่าน : อ่านคา และประโยค 4. การเขียน: เขยี นคาและเขียนบรรยายขอ้ มูลที่ค้นคว้า 6. คุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. มุ่งมั่นในการทางาน 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน 1.การแสดงบทบาทสมมติจากบทสนทนาท่ฟี ังและอา่ นได้ 2. เขียนตามคาบอก 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (จัดกจิ กรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการใด แสดงตามขัน้ ตอน : เวลาที่ใช้ 5 ชว่ั โมง ชัว่ โมงที่ 1-2 (ความสามารถในการวิเคราะห์/ใฝเ่ รยี นรู/้ เทคนคิ การสืบค้น) 1.นาเขา้ สูบ่ ทเรียน (ความสามารถในการวเิ คราะห์/ใฝเ่ รยี นรู้/เทคนคิ การสบื คน้ ) - ครพู ดู แนะนาตนเองและบอกขอ้ มลู สว่ นตวั ของครูโดยยอ่ ใหน้ ักเรยี นฟัง - ครใู ห้นักเรยี นแนะนาตนเองและบอกขอ้ มูลส่วนตัวแก่เพือ่ นและครู โดยใช้โครงสร้าง ดงั นี้ - I’m (…..first name + last name….). My favorite subject is English. - ครพู ยายามให้นกั เรยี นพูดและครูไม่แก้ไขขอ้ ผิดพลาดในขณะท่นี ักเรยี นพดู และให้นักเรยี นพูดหนา้ ชัน้ เรียนจน ครบทกุ คน - ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมเก่ยี วกับคานาหนา้ นาม โดยเขียนบนกระดาน ดงั น้ี Mr. ใช้กบั ผู้ชาย Mrs. ใชก้ บั ผู้หญงิ ทแ่ี ต่งงานแลว้ Miss ใชก้ บั ผหู้ ญิงทีย่ ังไม่แตง่ งาน Ms. ใช้ไดท้ ั้งกบั ผูห้ ญิงทแ่ี ตง่ งานแล้ว และยังไม่แตง่ งาน - ครชู ไี้ ปท่ีนักเรียน 1 คน แลว้ พูดว่า This is (name). และครใู ห้นักเรยี นคนนั้นพดู ว่า I’m (name). เสร็จแล้ว นักเรียนคนเดมิ ชี้ ไปทีเ่ พอ่ื น แลว้ พดู เหมอื นท่ีครพู ดู แลว้ นกั เรียนคนทเ่ี พ่ือนช้ีกพ็ ูดแนะนาตนเองเหมือนท่เี พอื่ นทา ครใู หน้ ักเรียนทากจิ กรรมนีจ้ นครบทุกคน 2. แจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ครูบอกนักเรียนวา่ ในหนว่ ยการเรยี นรู้น้นี กั เรยี นจะได้ฟังและอ่านบทสนทนาเกยี่ วกับขอ้ มูลส่วนตัวของ บคุ คล แล้วสามารถบอกความหมายของคาศัพท์และรายระเอียดของข้อมลู ที่ได้จากการฟังและอ่าน และแสดงบทบาท สมมตไิ ด้ 3. ฟงั และอ่านข้อมูลของบุคคล (ความสามารถในการวิเคราะห์/ใฝเ่ รยี นร/ู้ ชว่ ยกนั คดิ ช่วยกันเรยี น) - ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 2 ให้นักเรียนดูรูปภาพและให้นักเรียนบอกว่า นักเรียนเห็นอะไรในรูปภาพ โดยครใู ชค้ าถามนาเพอื่ กระตุ้นให้นักเรียนพูด ดงั นี้ - Who are the people? - Where are they? - How old are they? - What are they doing?
4. กิจกรรม New Language (ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรุป/ขัน้ ดาเนินการค้นหาคาตอบและตรวจสอบคาตอบ) - ครูเปิดบทสนทนาในกจิ กรรม New Language ให้นักเรียนฟงั แลว้ เปดิ สอื่ บัตรคาใหน้ กั เรยี นดู 1. Grade = 7. Math= 2. school subjects 8. Computer Science = 3. Science= 9. History= 4. Family and consumer Scienes= 10. P.E. = 4.Languages = 11. Music= 5.Geography= 12.Health = 6. Ordinal numbers = - จากนนั้ ครูอ่านแล้วให้นกั เรียนอ่านตามแล้วรว่ มกันหาคาแปล 1. Grade = ระดับชัน้ เรยี น 6. Ordinal numbers = เลขลาดบั 2. school subjects วิชาเรียน 7. Math= คณิตศาสตร์ 3. Science= วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 8.Computer Science = วิชาวทิ ยาศาสตร์คอมพวิ เตอร์ 4. Family and consumer Scienes=,วิทยาศาสตรค์ รอบครัวและการบริโภค, 4.Languages = วิชาภาษาศาสตร์ 9.History= วิชาประวติ ศาสตร์ 11. Music= วิชาดนตรี 5.Geography= วชิ าภมู ิสตร์ 10. P.E. =วิชาพละศกึ ษา 12Health = วชิ าสุขศึกษา - เมือ่ นักเรียนเรยี นร้คู าศัพท์แลว้ ครใู ห้นกั เรยี นฟังบทสนทนาอกี 1 ครั้งเพื่อเดาบรบิ ทของสถานการณ์ในบท สนทนา จากนัน้ ครูพานักเรียนอ่านทลี ะประโยคแล้วร่วมกนั แปลความหมายของบทสนทนานน้ั ชั่วโมงที่ 3 (ขั้นขยายความร้แู ละนาเสนอผลการค้นหาคาตอบ) - นกั เรียนทบทวนคาศพั ท์ทีไ่ ดเ้ รยี นโดยการอา่ นและแปลพรอ้ มกนั - ครูทบทวนบทสนทนาและใหน้ กั เรยี นนาคาศัพทท์ ไ่ี ด้เรียนไปประยุกต์ในบทสนทนาเพื่อแสดงบทบาทสมมุติ เป็นกลุ่ม ช่ัวโมงท่ี 4-5 ( ขน้ั สรปุ และประเมินผล ) - ครสู ุ่มเขียนตามคาบอก 10 คาพรอ้ มเขียนคาแปล 1. Grade= ระดับชัน้ เรียน 10. History= วชิ าประวิติศาสตร์ 2. school subjects วิชาเรยี น 3. Computer Science = วิชาวิทยาศาสตรค์ อมพิวเตอร์ 4.Family and consumer Scienes=,วิทยาศาสตร์ครอบครัวและการบรโิ ภค, 5. Languages = วิชาภาษาศาสตร์ 6. Geography= วิชาภูมิสตร์ 7. Ordinal numbers = เลขลาดบั 8. Science= วชิ าวิทยาศาสตร์ 9. Physical education (P.E.) = วิชาพละศกึ ษา
- ครูให้นักเรยี นแสดงบทบาทสมมุติเป็นกลุ่ม - ครูและนกั เรียนสรปุ บทเรียนร่วมกัน 9. ส่ือการเรยี นการสอน / แหล่งเรียนรู้ จานวน สภาพการใชส้ ื่อ รายการสอ่ื 1 ชดุ ข้ันตรวจสอบความรเู้ ดิม 1 ชดุ ขน้ั สร้างความสนใจ 1. หนังสอื เรียน New World 1 ชุด ขัน้ ขยายความรู้ 2. คลิปเสยี งบทสนทนา 3. สื่อบตั รคาศพั ท์ 10. การวัดผลและประเมินผล เปา้ หมาย หลักฐานการเรียนรู้ วิธวี ดั เคร่อื งมือวดั ฯ ประเด็น/ แบบทดสอบเขียน เกณฑ์การให้คะแนน การเรยี นรู้ ชนิ้ งาน/ภาระงาน ตามคาบอก เฉลยคาศพั ทแ์ ละคา แปล 5 คะแนน ดมี าก - บอกความหมายคาศัพท์ เขยี นตามคาบอก แสดงบทบาท 4 คะแนน ดี สมมติเป็นกลุ่ม 3 คะแนน ปานกลาง รายละเอยี ดจากขอ้ มูลที่ 2 คะแนน พอใช้ 1 คะแนน ปรบั ปรงุ ฟังและอา่ นได้ - แสดงบทบาทสมมติจาก แสดงบทบาทสมมติ แบบประเมินบทบาท 5 คะแนน ดีมาก บทสนทนาท่ฟี งั และอา่ น สมมติ (การสนทนา) 4 คะแนน ดี ได้ 3 คะแนน ปานกลาง 2 คะแนน พอใช้ 1 คะแนน ปรับปรงุ 11. การบูรณาการตามจดุ เนน้ ของโรงเรียน หลักปรชั ญาเศรษฐกจิ ครู ผเู้ รียน พอเพียง พอดดี ้านเทคโนโลยี พอดีด้านจิตใจ 1. ความพอประมาณ รจู้ ักใชเ้ ทคโนโลยมี าผลิตส่ือท่ี มจี ติ สานกึ ที่ดี เอ้อื อาทร 2. ความมเี หตุผล เหมาะสมและสอดคล้องเนือ้ หาเปน็ ประนปี ระนอม นกึ ถึงประโยชน์ 3. มีภมู คิ ุมกันในตวั ที่ดี ประโยชน์ต่อผู้เรียนและพัฒนาจากภูมิ สว่ นรวม/กลุ่ม ปัญญาของผเู้ รียน - ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยุดนิง่ ทหี่ าหนทางในชวี ิต หลุดพ้น ถูกตอ้ ง สุจรติ แม้จะตกอยใู่ นภาวะขาด จากความทกุ ข์ยาก (การค้นหาคาตอบ แคลน ในการดารงชวี ิต เพอ่ื ใหห้ ลดุ พน้ จากความไม่ร)ู้ ภูมปิ ัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภมู ิปญั ญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ
ระมดั ระวงั ระมัดระวงั สรา้ งสรรค์ 4. เงื่อนไขความรู้ ความรอบรู้รอบดา้ น ความ ความรอบรู้ปรมิ าณท่ีเกย่ี วข้อง การ รอบคอบทจ่ี ะนาความรู้เหลา่ น้นั มา คานวณสูตรท่ีต้องใช้ สามารถนา พิจารณาให้เชือ่ มโยงกนั เพอื่ ความรู้เหล่านัน้ มาพิจารณาให้เชื่อมโยง ประกอบการวางแผน การดาเนินการ กนั สามารถประยกุ ต์ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กบั ผู้เรียน ใช้ในชวี ติ ประจาวนั 5. เง่อื นไขคณุ ธรรม มคี วามตระหนกั ใน คุณธรรม มี มีความตระหนกั ใน คุณธรรม มี ความซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ และมคี วามอดทน ความซื่อสตั ย์สุจรติ และมคี วามอดทน สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น มีความเพียร ใชส้ ติปัญญาในการ มีความเพยี ร ใชส้ ตปิ ญั ญาในการ คาศัพทท์ ่ีเกยี วกบั รายวิชา ดาเนนิ ชีวิต ดาเนินชวี ติ สวนพฤกษศาสตร์ ครู ผเู้ รยี น การนาสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น -จับใจความสาคญั จากบทสนทนา บรู ณา การสกู่ ารเรยี นการสอน นทิ าน เรอื่ งส้นั เกี่ยวกบั ตน้ ไม้ สิง่ แวดล้อม ครู ผเู้ รียน คาศพั ทแ์ ละการบรรยายเกียว - การใช้สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นเปน็ - พดู /เขยี นบรรยายขอ้ มูลเกี่ยวกับ กับรายวชิ าสวนพฤกษศาสตร์ สอ่ื การเรียนการสอน (พดู /เขยี น ตนเอง กจิ วตั รประจาวัน ประสบการณ์ บรรยายข้อมูลเกยี่ วกบั ตนเอง กจิ วตั ร เกยี่ วกับงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ประจาวนั ประสบการณ์ เก่ยี วกบั งาน สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน) ลงชื่อ..................................................ผู้สอน (นางสาวอนสุ รา แสนอบุ ล) หมายเหตุ - แบบทดสอบเขียนตามคาบอก - เฉลยแบบทดสอบเขยี นตามคาบอก - เกณฑก์ ารคะแนนเขียนตามคาบอก - แบบประเมินการแสดงบทบาทสมมติ
Vocabulary แบบทดสอบเขยี นตามคาบอก Name……………………………………………………………………No…………………..Class………… 1. = 2. = 3. = 4. = 5. = 6. = 7. = 8. = 9. = 10. = รวมคะแนน =
Vocabulary เฉลยแบบทดสอบเขยี นตามคาบอก Name……………………………………………………………………No…………………..Class………… 1. Grade = ระดับชั้นเรียน 2. school subjects = วิชาเรียน 3. Computer Science = วชิ าวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ 4. Family and consumer Scienes=,วิทยาศาสตรค์ รอบครัวและการบริโภค 5. Languages = วิชาภาษาศาสตร์ 6. Geography = วชิ าภูมิสตร์ 7. Ordinal numbers = เลขลาดบั 8. Science = วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 9. Physical education (P.E.) = วิชาพละศึกษา 10. History = วชิ าประวิติศาสตร์
เกณฑก์ ารคะแนนเขียนตามคาบอก 5 คะแนน 4คะแนน 3คะแนน 2คะแนน 1คะแนน 0คะแนน (ปรบั ปรงุ ) (ไม่ผ่านเกณฑ์) (ดีมาก) (ดี) (ปานกลาง) (พอใช)้ เขยี นคาศพั ท์และ เขียนคาศัพท์และ เขยี นคาศพั ท์และ เขยี นคาศัพท์และ เขียนคาศพั ท์และ เขยี นคาศพั ท์และ ความหมายถูกตอ้ ง ความหมายถกู ต้อง 3-2 คะแนน ความหมายถกู ตอ้ ง ความหมาย ความหมาย ความหมาย 0-1 คะแนน 9-10 คะแนน ถกู ตอ้ ง 7-8 ถกู ตอ้ ง 5-6 ถูกต้อง 4-5 คะแนน คะแนน ปาน คะแนน กลาง
แบบประเมินการแสดงบทบาทสมมติ ผู้ประเมิน กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาตา่ งประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ครู นกั เรยี น วิชา ภาคเรยี นที่ ปีการศกึ ษา ช้นั / วนั ที่ เดือน พ.ศ... กลุ่มท่ี ชื่อ-สกุล พูดโ ้ตตอบไ ้ดตรงประเ ็ดน ขอ้ เสนอแนะ/ ใ ้ชภาษา ูถก ้ตองเหมาะสมตามกาลเทศะ ขอ้ คดิ เห็นเพ่มิ เตมิ แสดงบทบาทและใ ้ชน้าเสียงสมจริง น้าเสียง ัชดเจน ออกเสียงถูก ้ตอง ูพดคล่องแคล่ว รวม 111115 เกณฑก์ ารประเมนิ ลงชื่อ ……………………….ผูป้ ระเมนิ (........................................) 5 คะแนน ดีมาก 4 คะแนน ดี 3 คะแนน ปานกลาง 2 คะแนน พอใช้ 1 คะแนน ควรปรับปรุง
แบบประเมินแผนการจดั การเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 1 เรอื่ ง Greeting and introduction รายวชิ า ภาษาอังกฤษ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ช่ือ-สกุลครผู ้สู อน นางสาวอนสุ รา แสนอุบล ********************* คาช้ีแจง แบบประเมนิ แผนการจดั การเรียนรู้ ฉบบั นี้ มวี ัตถุประสงค์เพ่ือใหท้ า่ นซ่งึ เป็นผนู้ เิ ทศได้กรณุ าพจิ ารณาความ เหมาะสม และความสอดคลอ้ งระหว่างองค์ประกอบต่าง ๆ ของแผนการจัดการเรยี นรู้ แบบประเมนิ แบง่ เป็น 2 ตอน คอื ตอนที่ 1 แบบประเมินความเหมาะสมของแผนการจดั การเรียนรู้เป็นการพจิ ารณาองค์ประกอบตา่ ง ๆ ของ แผนการจดั การเรยี นรู้วา่ มีความเหมาะสมเพยี งใด ตอนที่ 2 แบบประเมนิ ความสอดคล้องของแผนการจดั การเรียนรู้ เป็นการพิจารณาองคป์ ระกอบต่าง ๆ ของ แผนการจัดการเรยี นรูว้ ่ามีความสอดคล้องกนั เพียงใด ตอนที่ 1 แบบประเมินความเหมาะสมของแผนการจดั การเรียนรู้ คาชแ้ี จง โปรดทาเคร่ืองหมาย √ ในช่องระดบั ความเหมาะสมทตี่ รงกบั ความคดิ เห็นของทา่ น และขอความ กรณุ าเขยี นข้อเสนอแนะอน่ื ๆ เพอ่ื เป็นแนวทางในการปรับปรงุ แผนการจดั การเรียนรูต้ อ่ ไป ระดบั ความคดิ เหน็ ขอ้ รายการประเมนิ ใช่ ไม่ใช่ 1 แผนการจัดการเรยี นรมู้ ีองค์ประกอบสาคญั ครบถ้วนตามแบบฟอร์มทโ่ี รงเรยี นกาหนด 2 การเขยี นสาระสาคัญในแผนการจัดการเรยี นรมู้ คี วามถูกตอ้ ง 3 จดุ ประสงค์การเรยี นรูร้ ะบุพฤติกรรมชัดเจน สามารถวดั ได้ 4 สาระการเรยี นรคู้ รบถว้ น สัมพนั ธ์กับตัวชว้ี ดั /ผลการเรียนรู/้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 5 ระบวุ ิธีการวัดผลประเมนิ ผลอยา่ งชัดเจน 6 ระบุเครอ่ื งมือสาหรบั การวดั ผลประเมนิ ผลอยา่ งชัดเจน 7 ระบุเกณฑก์ ารวดั ผลประเมินผลอย่างชัดเจน 8 กจิ กรรมการเรยี นรูม้ ีความเหมาะสม ครบถว้ นทกุ ขน้ั ตอนตามวิธีสอน หรือกระบวนการ หรือเทคนคิ การสอนที่ระบไุ ว้ในแผนการจดั การเรียนรู้ 9 ระบกุ ารใช้ส่อื นวัตกรรม/แหลง่ เรยี นรู้สมั พนั ธ์สอดคลอ้ งกบั กิจกรรมการเรยี นรู้ 10 มีหลักฐานประกอบ เช่น ส่ือ ใบกจิ กรรม ใบความรู้ เครือ่ งมือวดั ฯ ทปี่ รากฏใน แผนการจัดการเรียนรูค้ รบถว้ น
ตอนท่ี 2 แบบประเมินความสอดคล้ององคป์ ระกอบของแผนการจัดการเรยี นรู้ คาชแ้ี จง โปรดทาเครือ่ งหมาย / ลงในชอ่ งที่ตรงกับความคดิ เห็นของท่าน ขอ้ ท่ี รายการประเมนิ สอดคลอ้ ง ไมแ่ นใ่ จ ไม่สอดคลอ้ ง (1) (0) (-1) 1 การเขยี นสาระสาคญั มีความสัมพนั ธส์ อดคล้องกับตวั ช้ีวดั /ผลการ เรียนรู/้ จุดประสงค์การเรียนรู้ 2 จุดประสงคก์ ารเรียนรูม้ คี วามสอดคลอ้ งสัมพันธก์ บั สาระการเรยี นรู้ 3 หลักฐานการเรยี นรูม้ ีความสมั พนั ธ์ สอดคลอ้ งกบั สาระ การเรียนรู้ ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้/กิจกรรมการเรยี นรู้ 4 วิธีการวดั ผลประเมินผลมีความสัมพนั ธ์กบั สาระการเรยี นรู้ ตวั ชีว้ ดั / ผลการเรียนรู้ 5 เครอ่ื งมือวัดผลประเมินผล มคี วามสัมพนั ธก์ ับคุณลักษณะอนั พึง ประสงค์ของผูเ้ รยี น 6 เครอ่ื งมอื วดั ผลประเมนิ ผล มคี วามสัมพนั ธ์กบั สมรรถนะที่สาคญั ของ ผู้เรียน 7 กิจกรรมการเรยี นรมู้ ีความสัมพนั ธส์ อดคล้องกับสาระการเรยี นรู้ ตัวชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ 8 กจิ กรรมการเรียนร้มู ีความสัมพันธส์ อดคลอ้ งกับคณุ ลกั ษณะอันพึง ประสงคข์ องผ้เู รียน 9 กจิ กรรมการเรียนรู้มีความสมั พันธส์ อดคลอ้ งสมรรถนะที่สาคัญของ ผู้เรียน 10 สือ่ -นวัตกรรม/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้ มีความสมั พนั ธส์ อดคล้องกบั กิจกรรมการเรียนรู้ 11 แผนการจัดการเรยี นรู้มกี จิ กรรมบรู ณาการกบั งานสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรียน 12 แผนการจดั การเรียนรู้มกี ิจกรรมบรู ณาการกับหลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง 13 แผนการจัดการเรียนรู้มกี จิ กรรมบรู ณาการกับงานสง่ิ แวดล้อม
เกณฑ์การประเมิน ความสอดคลอ้ งของแผนการจัดการเรียนรู้ คา่ ความสอดคลอ้ งตอ้ งมคี ่าตั้งแต่ 0.50 ขนึ้ ไป ความเหมาะสมของแผนการจัดการเรยี นรู้ คะแนนระหว่าง 1 - 4 ระดบั คณุ ภาพ ต้องปรับปรงุ คะแนนระหว่าง 5 - 8 ระดับคณุ ภาพ พอใช้ คะแนนระหวา่ ง 9 - 13 ระดบั คณุ ภาพ ดี ลงชือ่ .....................................................ผ้ปู ระเมนิ (นายณัฐวฒุ ิ นามเดช)
แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เร่อื ง First Day at School แผนจัดการเรียนร้ทู ี่2 เร่ือง Verb to be รายวิชา ภาษาอังกฤษ รหัสวชิ า อ 21101 ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 น้าหนกั เวลาเรียน 1.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 3 ชัว่ โมง/สัปดาห์ เวลาท่ใี ช้ในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 5 ชั่วโมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสาคัญ (ความเข้าใจทีค่ งทน) การเรยี นรนู้ ้มี ีจุดมุ่งหมายให้นักเรียนเรียนรูค้ าศัพท์ อ่านออกเสียงบทสนทนา เขา้ ใจบทสนทนาทอี่ ่านและ ฟงั เขียนเปรยี บเทียบข้อมูลเก่ียวกับโรงเรยี นของไทยกับต่างประเทศ พูดเกีย่ วกับข้อมูลส่วนตัว และค้นคว้าขอ้ มลู เก่ยี วกับโรงเรียนของประเทศต่าง ๆ แลว้ นาเสนอผลงานการค้นคว้า 2. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวัดช้ันป/ี ผลการเรยี นร/ู้ เป้าหมายการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ (ใหต้ รงกับหลักสูตรแกนกลาง 2551 ปรับปรุง 2560) ต. 1.1 ม.2/2 อ่านออกเสียงข้อความ นทิ าน และบทรอ้ ยกรอง (poem) ส้ันๆ ถูกต้องตาม หลกั การอ่าน ต. 1.2 ม.2/4 พูดและเขียนเพ่อื ขอและใหข้ อ้ มูล บรรยาย และแสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกบั เรือ่ งท่ีฟังหรอื อ่าน อยา่ งเหมาะสม ต.4.2 ม.2/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสบื ค้น/คน้ ควา้ ความรู้/ขอ้ มูลต่างๆ จากสือ่ และแหลง่ การเรียนรู้ ตา่ งๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เนอ้ื หาสาระหลกั : Knowledge - นักเรียนสามารถบอกการใช้ Verb to be (is, am are) ท้ังในประโยคบอกเล่า ประโยคคาถาม และ ประโยคปฏเิ สธตามโครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์ได้ 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process 1. นักเรยี นบอกรายละเอยี ดเร่ือง Verb to beจากขอ้ มูลที่ฟังและอา่ นได้ 2. นกั เรียนเขยี นประโยคที่ใช้ Verb to be ถกู ต้องตามโครงสร้าง 3.3 คณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ : Attitude 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มงุ่ ม่ันในการทางาน 3. กระตอื รือร้นในการทางาน 4. สมรรถนะสาคัญของนกั เรียน 1 ความสามารถในการสือ่ สาร 2 ความสามารถในการคิด 3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
5. คณุ ลักษณะของวิชา ใหเ้ ลอื กเฉพาะท่ีตรงหรือสอดคล้องกบั กิจกรรมการเรียนในหนว่ ยนแี้ ละตอ้ งประเมนิ ได้ 1. การฟงั : ฟงั ขอ้ มลู และระบุรายละเอียด 2. การพูด : พูด ทกั ทายตัวเองและผ้อู ื่น 3. การอ่าน : อ่านคา และประโยค 4. การเขยี น: เขยี นคาและเขยี นบรรยายข้อมูลที่ค้นควา้ 6. คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งม่นั ในการทางาน 3. กระตือรอื ร้นในการทางาน 7. ชิน้ งาน/ภาระงาน : (ให้สอดคล้องกบั ตวั ชี้วดั /ผลการเรยี นรู้ ในแผนการเรยี นรู้น)ี้ 1. แบบฝกึ หัดเร่อื ง Verb to be 8. กิจกรรมการเรยี นรู้ (จัดกิจกรรมการเรยี นรูโ้ ดยใช้กระบวนการใด แสดงตามข้นั ตอน : เวลาท่ีใช้ 5 ช่วั โมง ช่วั โมงท่1ี -2 กิจกรรม Grammar ขนั้ นาเขา้ สบู่ ทเรียน/ข้นั ตง้ั คาถาม 1. นาเขา้ ส่บู ทเรียน - ทบทวนความรเู้ ดมิ เรือ่ ง Verb to be โดยครูเขียนคาสรรพนามทง้ั ที่เป็นเอกพจน์และพหพู จน์บนกระดาน หลังจากนัน้ ครูวาดตารางซึง่ มหี วั ข้อ is/am/are และใหน้ กั เรยี นจัดกลมุ่ คาสรรพนามกบั Verb to be ที่ เหมาะสม ครูและนกั เรียนเฉลยคาตอบรว่ มกนั 2. แจ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครูบอกนักเรียนว่า ในหน่วยการเรยี นรู้นีน้ ักเรียนจะไดเ้ รียนร้เู กยี่ วกับโครงสรา้ งทางไวยากรณเ์ รอ่ื ง Verb to be สามารถนาความรูม้ าประยกุ ต์ใช้ได้ 3.เข้าใจและใช้ Verb to be ขนั้ อธิบายและลงข้อสรุป/ข้นั ดาเนนิ การคน้ หาคาตอบและตรวจสอบคาตอบ - ครูให้นักเรยี นศึกษารายละเอยี ดเรือ่ ง Verb to be และอธิบายเพิ่มเตมิ จากกรอบ Grammar ในหนงั สือเรยี น หน้า 5 หลงั จากนน้ั ครูเขยี นคาสรรพนามบนกระดาน และใหน้ ักเรยี นบอก Verb to be ท่ีใช้กับคาสรรพนาม เหล่านี้ I You We They He She - ครูให้นกั เรียนบอกรปู ยอ่ ของคาสรรพนามกบั Verb to be และครูเขียนรปู เต็ม เชน่ - He’s = He is - I’m = I am - You’re = You are - She’s = She is - We’re = We are - They’re = They are - - ครอู ธิบายนักเรียนวา่ I, He, She เปน็ คาสรรพนามเอกพจน์ We, They เปน็ คาสรรพนามพหูพจน์ และอธิบาย นักเรียนเพม่ิ เตมิ ว่า You เปน็ ได้ท้ังคาสรรพนามเอกพจนแ์ ละพหพู จน์ - - ครูใหน้ ักเรียนฝกึ การใช้ Verb to be โดยครพู ูดคาสรรพนาม I/You/He/She/We/They แล้วให้นกั เรยี นพดู รูปย่อของคาสรรพนามและ Verb to be ดังนี้ - Teacher: He is.............. - Students: He’s.............
- - ครพู ดู เปน็ รปู ประโยคเต็ม ๆ และนกั เรยี นพดู เป็นประโยครปู ย่อ เช่น - Teacher: He is tall. Students: He’s tall. - - จากน้ันครขู น้ึ สื่อสรปุ Verb to be ในรปู แบบประโยคบอกเล่าทจี่ อโทรทศั น์ Subject Verb to be Complement I am A girl. You American. We are at home. They friend. He A doctor. She is My mother. It a doctor. - นักเรียนฝึกอา่ นและแปลประโยคจากโครงสร้าง Verb to be ประโยคบอกเลา่ ช่วั โมงท่ี 3-4 ขั้นสารวจและค้นพบ/ขนั้ การเตรียมการค้นหาคาตอบ - - ครูทบทวนเรอื่ ง การสร้างประโยคบอกเลา่ ตามโครงสร้าง Verb to be จากน้ันก็เปิดส่อื โครงสร้างการสร้าง ประโยคปฏิเสธตามโครงสร้าง Verb to be - - ครอู ธบิ ายการใชป้ ระโยคปฏิเสธตามโครงสร้างที่กาหมด - ครพู านกั เรียนอ่าน นกั เรยี นอา่ นตามแล้วแปลความหมายไปพร้อมกนั -ครูใช้คาถามนาเร่อื งการสร้างประโยคคาถามจากโครงสรา้ งการใช้ Verb to be “ถ้าเราจะทาประโยคบอกเล่าเปน็ ประโยคคาถามเราตอ้ งทาอย่างไร” - ครเู ปดิ ส่อื โครงสรา้ งการสร้างประโยคคาถาม แลว้ อธบิ ายการสร้างประโยคพรอ้ มวิธกี ารตอบกลับ
การสรา้ งประโยคคาถามโดยตามหลักการใช้ Verb to be การตอบรบั การตอบกลับรปู ปฏเิ สธ
ชัว่ โมงท่ี 5 ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรุป/ข้นั ดาเนินการค้นหาคาตอบและตรวจสอบคาตอบ - เมอื ครสู อนและอธบิ ายเรียบร้อยแลว้ นักเรยี นทาแบบฝึกหัดเก่ยี วกบั Verb to be - ครแู ละนักเรียนสรปุ บทเรียนรว่ มกนั 9. ส่อื การเรยี นการสอน / แหล่งเรยี นรู้ จานวน สภาพการใชส้ อื่ 1 ชุด ข้ันตรวจสอบความรู้เดิม รายการสื่อ 5 รปู ข้ันสร้างความสนใจและขยายความรู้ 1. หนังสือเรยี น New World 2. สอ่ื ภาพตามโครงสรา้ งการสร้างประโยคตามหลัก ไวยากรณ์ โดยใช้ Verb to be - ประโยคบอกเล่า - ประโยคปฏิเสธ - ประโยคคาถาม - การตอบรับ - การตอบกลับในรูปปฏิเสธ 10. การวัดผลและประเมนิ ผล เป้าหมาย หลกั ฐานการ วิธวี ดั เครือ่ งมอื วดั ฯ ประเด็น/ การเรยี นรู้ เรียนรู้ เกณฑ์การใหค้ ะแนน เฉลยใบงานเรอื่ ง ชนิ้ งาน/ภาระงาน Verb to be 3 คะแนน ดี 2 คะแนน ปานกลาง - สามารถบอกการ - ใบงานเรื่อง Verb การทาใบงาน 1 คะแนน พอใช้ 0 คะแนน ปรับปรงุ และเขียนประโยคท่ีใช้ Verb to be เรอื่ ง Verb to to be ถกู ต้องตาม be โครงสรา้ ง 11. การบูรณาการตามจดุ เนน้ ของโรงเรยี น (ตัวอย่าง) หลักปรชั ญาเศรษฐกิจ ครู ผเู้ รยี น พอเพยี ง พอดีดา้ นเทคโนโลยี พอดดี า้ นจิตใจ 1. ความพอประมาณ ร้จู ักใชเ้ ทคโนโลยีมาผลติ สอ่ื ท่ี มีจิตสานึกท่ีดี เออ้ื อาทร 2. ความมเี หตุผล เหมาะสมและสอดคลอ้ งเนอื้ หาเป็น ประนีประนอม นึกถึงประโยชน์ ประโยชน์ตอ่ ผเู้ รยี นและพัฒนาจากภูมิ สว่ นรวม/กลุ่ม ปัญญาของผ้เู รียน - ยดึ ถือการประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยดุ นงิ่ ท่ีหาหนทางในชีวิต หลุดพ้น ถกู ตอ้ ง สุจรติ แม้จะตกอยใู่ นภาวะขาด จากความทุกข์ยาก (การค้นหาคาตอบ แคลน ในการดารงชวี ิต เพื่อใหห้ ลุดพ้นจากความไม่รู)้
3. มีภมู ิคมุ กนั ในตวั ท่ีดี ภูมปิ ัญญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ ภมู ิปญั ญา : มีความรู้ รอบคอบ และ 4. เงือ่ นไขความรู้ ระมัดระวงั ระมดั ระวงั สร้างสรรค์ 5. เงื่อนไขคณุ ธรรม ความรอบรูร้ อบดา้ น ความ ความรอบรปู้ ริมาณที่เกยี่ วข้อง การ รอบคอบทจ่ี ะนาความร้เู หล่านน้ั มา คานวณสูตรท่ีตอ้ งใช้ สามารถนา สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน พจิ ารณาให้เชื่อมโยงกนั เพ่ือ ความรู้เหล่านั้นมาพจิ ารณาให้เช่อื มโยง คาศพั ทท์ ่ีเกยี วกบั รายวชิ า ประกอบการวางแผน การดาเนนิ การ กนั สามารถประยุกต์ สวนพฤกษศาสตร์ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ให้กบั ผู้เรียน ใช้ในชีวิตประจาวัน มีความตระหนักใน คุณธรรม มี มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มี ความซอ่ื สตั ย์สุจรติ และมคี วามอดทน ความซ่ือสตั ยส์ ุจริตและมีความอดทน มคี วามเพยี ร ใช้สติปญั ญาในการ มีความเพยี ร ใช้สตปิ ญั ญาในการ ดาเนนิ ชวี ติ ดาเนนิ ชีวติ ครู ผเู้ รียน การนาสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน -จับใจความสาคญั และแปลจากบท บูรณา การสูก่ ารเรยี นการสอน สนทนา นิทาน เร่อื งสั้น เกยี่ วกับตน้ ไม้ โดยใช้โครงสรา้ ง Verb be เชน่ It’s Pagoda tree เชน่ It’s Pagoda tree มันคือดอกลีลาวดี ส่ิงแวดล้อม ครู ผู้เรียน คาศัพทแ์ ละการบรรยาย - การใช้สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นเป็น - พูด/เขยี นบรรยายข้อมูลเกย่ี วกับ เกี่ยวกบั รายวิชาสวน พฤกษศาสตร์ สอื่ การเรียนการสอน (พดู /เขยี น ตนเอง กจิ วัตรประจาวัน ประสบการณ์ บรรยายข้อมูลเก่ยี วกบั ตนเอง กจิ วัตร เก่ยี วกับงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน ประจาวนั ประสบการณ์ เกี่ยวกับงาน โดยใช้ Verb to be ในการสรา้ ง สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน) ประโยค ลงช่ือ..................................................ผู้สอน (นางสาวอนสุ รา แสนอุบล) หมายเหตุ - ใบงานเร่อื ง Verb to be - เฉลยใบงานเรื่อง Verb to be - เกณฑ์ให้คะแนน
Worksheet : Verb to be Name………………………………………………………….Class………………………..No….…… Write the correct sentence using Verb to be 1. Affirmative : I am a boy. Negative: ……………………………………………….…………………………………. Question : ……………………………………………….…………………………………. 2. Affirmative : ………………………………………………………………………………. Negative: Sam and Susan are not students. Question…………………………………………………………….…………………..……. 3. Affirmative : ………………………………………………………….………………………. Negative: ………………………………………………………………….………………………. Question: Are teachers talking about my grade?
Answer Key : Verb to be Name………………………………………………………….Class………………………..No….…… Write the correct sentence using Verb to be 1. Affirmative : I am a boy. Negative: I am not a boy. Question : Am I a boy ?. 2. Affirmative : Sam and Susan are students. Negative: Sam and Susan are not students. Question: Are Sam and Susan students ? 3. Affirmative : Teachers are talking about my grade. Negative: Teachers are not talking about my grade. Question: Are teachers talking about my grade?
เกณฑ์การใหค้ ะแนน Worksheet : Verb to be 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 0 คะแนน (ด)ี (ปานกลาง) (พอใช)้ (ไม่ผ่านเกณฑ)์ เขียนโดยใช้โครงสรา้ ง เขยี นโดยใชโ้ ครงสรา้ ง เขียนโดยใชโ้ ครงสรา้ ง เขียนโดยใชโ้ ครงสร้าง ไวยากรณไ์ ดถ้ ูกต้อง 4-3 ไวยากรณไ์ ด้ถูกตอ้ ง ไวยากรณ์ไดถ้ กู ต้อง ไวยากรณ์ไดถ้ ูกต้อง ขอ้ 2-1 ข้อ 0-1 ข้อ 5-6 ขอ้
แบบประเมนิ แผนการจดั การเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 2 เร่อื ง Verb to be รายวชิ า ภาษาอังกฤษ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ชือ่ -สกุลครูผสู้ อน นางสาวอนสุ รา แสนอุบล ********************* คาช้ีแจง แบบประเมนิ แผนการจัดการเรยี นรู้ ฉบับนี้ มวี ตั ถุประสงคเ์ พ่อื ให้ท่านซงึ่ เป็นผูน้ เิ ทศไดก้ รณุ าพจิ ารณาความ เหมาะสม และความสอดคลอ้ งระหว่างองคป์ ระกอบต่าง ๆ ของแผนการจดั การเรียนรู้ แบบประเมนิ แบง่ เปน็ 2 ตอน คอื ตอนท่ี 1 แบบประเมนิ ความเหมาะสมของแผนการจดั การเรียนรู้เปน็ การพิจารณาองค์ประกอบต่าง ๆ ของ แผนการจัดการเรยี นรวู้ ่ามีความเหมาะสมเพียงใด ตอนที่ 2 แบบประเมนิ ความสอดคล้องของแผนการจดั การเรียนรู้ เปน็ การพจิ ารณาองค์ประกอบต่าง ๆ ของ แผนการจัดการเรียนรู้ว่ามีความสอดคลอ้ งกันเพยี งใด ตอนท่ี 1 แบบประเมินความเหมาะสมของแผนการจดั การเรยี นรู้ คาช้แี จง โปรดทาเครอื่ งหมาย √ ในช่องระดับความเหมาะสมท่ตี รงกับความคิดเห็นของทา่ น และขอความ กรณุ าเขียนขอ้ เสนอแนะอ่ืน ๆ เพ่ือเปน็ แนวทางในการปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรตู้ อ่ ไป ระดบั ความคิดเหน็ ขอ้ รายการประเมนิ ใช่ ไมใ่ ช่ 1 แผนการจัดการเรียนรมู้ อี งคป์ ระกอบสาคัญครบถ้วนตามแบบฟอร์มท่โี รงเรียนกาหนด 2 การเขียนสาระสาคญั ในแผนการจัดการเรยี นรู้มคี วามถูกตอ้ ง 3 จุดประสงค์การเรียนรรู้ ะบุพฤตกิ รรมชดั เจน สามารถวดั ได้ 4 สาระการเรียนรคู้ รบถ้วน สมั พันธ์กับตัวช้วี ดั /ผลการเรียนร/ู้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 5 ระบุวธิ ีการวดั ผลประเมนิ ผลอยา่ งชัดเจน 6 ระบเุ ครอื่ งมอื สาหรบั การวดั ผลประเมินผลอยา่ งชัดเจน 7 ระบเุ กณฑก์ ารวัดผลประเมินผลอย่างชดั เจน 8 กิจกรรมการเรียนรูม้ ีความเหมาะสม ครบถว้ นทกุ ข้ันตอนตามวิธีสอน หรือกระบวนการ หรอื เทคนิคการสอนที่ระบไุ ว้ในแผนการจดั การเรียนรู้ 9 ระบุการใชส้ ่ือ นวัตกรรม/แหล่งเรียนรูส้ มั พันธส์ อดคล้องกับกิจกรรมการเรยี นรู้ 10 มหี ลักฐานประกอบ เช่น ส่อื ใบกิจกรรม ใบความรู้ เคร่ืองมอื วดั ฯ ท่ปี รากฏใน แผนการจัดการเรียนร้คู รบถว้ น
ตอนท่ี 2 แบบประเมินความสอดคล้ององคป์ ระกอบของแผนการจัดการเรยี นรู้ คาชแ้ี จง โปรดทาเครือ่ งหมาย / ลงในชอ่ งที่ตรงกับความคดิ เห็นของท่าน ขอ้ ท่ี รายการประเมนิ สอดคลอ้ ง ไมแ่ นใ่ จ ไม่สอดคลอ้ ง (1) (0) (-1) 1 การเขยี นสาระสาคญั มีความสัมพนั ธส์ อดคล้องกับตวั ช้ีวดั /ผลการ เรียนรู/้ จุดประสงค์การเรียนรู้ 2 จุดประสงคก์ ารเรียนรูม้ คี วามสอดคลอ้ งสัมพันธก์ บั สาระการเรยี นรู้ 3 หลักฐานการเรยี นรูม้ ีความสมั พนั ธ์ สอดคลอ้ งกบั สาระ การเรียนรู้ ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้/กิจกรรมการเรยี นรู้ 4 วิธีการวดั ผลประเมินผลมีความสัมพนั ธ์กบั สาระการเรยี นรู้ ตวั ชีว้ ดั / ผลการเรียนรู้ 5 เครอ่ื งมือวัดผลประเมินผล มคี วามสัมพนั ธก์ ับคุณลักษณะอนั พึง ประสงค์ของผูเ้ รยี น 6 เครอ่ื งมอื วดั ผลประเมนิ ผล มคี วามสัมพนั ธ์กบั สมรรถนะที่สาคญั ของ ผู้เรียน 7 กิจกรรมการเรยี นรมู้ ีความสัมพนั ธส์ อดคล้องกับสาระการเรยี นรู้ ตัวชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ 8 กจิ กรรมการเรียนร้มู ีความสัมพันธส์ อดคลอ้ งกับคณุ ลกั ษณะอันพึง ประสงคข์ องผ้เู รียน 9 กจิ กรรมการเรียนรู้มีความสมั พันธส์ อดคลอ้ งสมรรถนะที่สาคัญของ ผู้เรียน 10 สือ่ -นวัตกรรม/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้ มีความสมั พนั ธส์ อดคล้องกบั กิจกรรมการเรียนรู้ 11 แผนการจัดการเรยี นรู้มกี จิ กรรมบรู ณาการกบั งานสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรียน 12 แผนการจดั การเรียนรู้มกี ิจกรรมบรู ณาการกับหลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง 13 แผนการจัดการเรียนรู้มกี จิ กรรมบรู ณาการกับงานสง่ิ แวดล้อม
เกณฑ์การประเมิน ความสอดคลอ้ งของแผนการจัดการเรียนรู้ คา่ ความสอดคลอ้ งตอ้ งมคี ่าตั้งแต่ 0.50 ขนึ้ ไป ความเหมาะสมของแผนการจัดการเรยี นรู้ คะแนนระหว่าง 1 - 4 ระดบั คณุ ภาพ ต้องปรับปรงุ คะแนนระหว่าง 5 - 8 ระดับคณุ ภาพ พอใช้ คะแนนระหวา่ ง 9 - 13 ระดบั คณุ ภาพ ดี ลงชือ่ .....................................................ผ้ปู ระเมนิ (นายณัฐวฒุ ิ นามเดช)
แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เร่อื ง First Day at School แผนจดั การเรยี นรู้ที1่ เรื่อง Wh- Questions รายวชิ า ภาษาอังกฤษ รหสั วิชา อ 21101 ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 นา้ หนกั เวลาเรียน 1.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 3 ชั่วโมง/สปั ดาห์ เวลาท่ีใช้ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 5 ช่ัวโมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสาคญั (ความเข้าใจทีค่ งทน) การเรยี นรู้น้ีมจี ดุ ม่งุ หมายให้นักเรยี นเรยี นรู้คาศัพท์ อา่ นออกเสยี งบทสนทนา เข้าใจบทสนทนาทอ่ี า่ นและ ฟงั เขยี นเปรียบเทยี บข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนของไทยกับต่างประเทศ พูดเก่ียวกับข้อมูลส่วนตวั และค้นคว้าข้อมลู เกีย่ วกับโรงเรยี นของประเทศต่าง ๆ แล้วนาเสนอผลงานการคน้ ควา้ 2. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วัดชั้นป/ี ผลการเรยี นรู/้ เปา้ หมายการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ (ให้ตรงกบั หลักสูตรแกนกลาง 2551 ปรบั ปรงุ 2560) ต. 1.1 ม.2/2 อ่านออกเสยี งขอ้ ความ นทิ าน และบทรอ้ ยกรอง (poem) ส้ันๆ ถูกตอ้ งตาม หลักการอา่ น ต. 1.2 ม.2/4 พดู และเขยี นเพอ่ื ขอและให้ข้อมูล บรรยาย และแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับเรอ่ื งทฟ่ี งั หรืออา่ น อยา่ งเหมาะสม 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เน้ือหาสาระหลกั : Knowledge 1. Wh questions ในบทเรียนน้ีได้แก่ Who, What, Where, ในการตั้งประโยคคาถาม 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process 1. นักเรียนบอกรายละเอยี ดเรื่อง Wh-questions จากขอ้ มูลท่ีฟังและอ่านได้ 2. นกั เรยี นเขียนประโยคทีใ่ ช้ Wh-questions ถูกตอ้ งตามโครงสรา้ ง 3.3 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ : Attitude 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. มุ่งม่นั ในการทางาน 3. มีความกระตอื รือร้น 4. สมรรถนะสาคญั ของนักเรียน 1 ความสามารถในการส่ือสาร 2 ความสามารถในการคดิ 3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ 5. คณุ ลักษณะของวิชา 1. การฟงั : ฟงั ข้อมูลและระบุรายละเอียด 2. การพดู : พูด ทักทายตัวเองและผอู้ นื่ 3. การอ่าน : อ่านคา และประโยค 4. การเขียน: เขียนคาและเขยี นบรรยายขอ้ มูลทีค่ ้นคว้า
6. คุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มงุ่ มน่ั ในการทางาน 3. มีความกระตอื รือร้น 7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน 1. ใบงานเรื่อง Wh questions 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ (จัดกจิ กรรมการเรยี นรูโ้ ดยใช้กระบวนการใด แสดงตามขนั้ ตอน : เวลาทใ่ี ช้ 5 ช่ัวโมง ชว่ั โมงท่ี 1-2 1. นาเขา้ สู่บทเรียน ( ขั้นนาเข้าสู่บทเรยี น/ข้ันต้ังคาถาม) - ทบทวนความรเู้ ดิมเร่อื ง Verb to be โดยครเู ขยี นคาสรรพนามท้ังทีเ่ ปน็ เอกพจนแ์ ละพหูพจนบ์ นกระดาน หลงั จากนนั้ ครวู าดตารางซึง่ มหี วั ข้อ is/am/are และใหน้ กั เรยี นจดั กลมุ่ คาสรรพนามกับ Verb to be ท่ี เหมาะสม ครูและนักเรียนเฉลยคาตอบร่วมกนั 2. แจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครเู ขียนคาว่า Who,What, Where, บนกระดานแล้วลองให้นักเรยี นแปลคา 3 คานี้ - ครูบอกนักเรียนว่า ในหน่วยการเรียนรนู้ ้นี กั เรียนจะไดเ้ รียนรเู้ กย่ี วกับWh-question : Who,What, Where สามารถนาความรมู้ าประยกุ ต์ใชไ้ ด้ 3. เขา้ ใจและใช้ Wh-question (ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป/ข้ันดาเนนิ การคน้ หาคาตอบและตรวจสอบคาตอบ) - ครูให้นกั เรียนศกึ ษารายละเอียดเรอื่ ง Wh-question และอธิบายเพ่ิมเติมจากกรอบ Grammar ในหนังสือเรยี น หนา้ 5 หลังจากนัน้ ครูยกตัวอย่างคาถามทีข่ นึ้ ตน้ คาว่า Who Who ใช้ถามวา่ ใคร คาตอบตอ้ งตอบต้องเปน็ บคุ คล - Who is this ? นี่ คือ ใคร - This is John. นี่ คือ จอน - Who is she ? หล่อนคือใคร - She is Anna. หล่อนคือแอนนา - ครูอธบิ ายนกั เรียนวา่ Who is this ? เขยี นย่อได้เป็น Who’s this? Who is she ? เขยี นย่อไดเ้ ป็น Who’s she? - นกั เรยี นฝกึ ใชป้ ระโยคโดยการจับคู่เพ่ือฝึกพดู ให้คลอ่ ง ช่ัวโมงท่ี 3-4 ข้นั สารวจและค้นพบ/ข้ันขยายความรู้ - ครทู บทวนเร่ืองการใช้ Wh-question คาวา่ Who - จากนนั้ ครเู ขียนคา Wh-question คาวา่ What ,Where บนกระดานแลว้ อธบิ าย
What คอื การถามวา่ อะไร คาตอบต้องเปน็ สตั ว์ หรือส่งิ ของ เช่น What is this? น่ี คอื อะไร This is a cat. น่ี คือ แมว What is your name? ชือ่ ของคุณ คือ อะไร My name is Tom. ช่ือ ของผม คอื ทอม What’s his last name? นามสกลุ ของเขาคืออะไร It’s Taylor. นามสกลุ ของเขาคอื เทเลอร์ Where ใชถ้ ามว่า ทไ่ี หน คาตอบต้องเปน็ สถานท่ี เชน่ Where do you come from? คุณ มา จาก ไหน I’m from a small town. ผมมาจากเมืองเล็กๆ Where will you go for your holiday? คุณ จะ ไป ไหน สาหรับ วนั หยดุ ของคุณ (วนั หยุดพักผอ่ น) I’ll go to London. ฉนั จะไปลอนดอน Where are you going? คุณ กาลังไป ไหน To the market. ไปตลาด - นักเรยี นฝกึ ใช้ประโยคโดยการจบั คเู่ พอื่ ฝึกพูดให้คลอ่ ง - นกั เรียนทบทวนคาศัพทท์ ไ่ี ด้เรยี นโดยการอ่านและแปลพรอ้ มกัน - ครทู บทวนบทสนทนาและใหน้ ักเรยี นนาคาศัพทท์ ไ่ี ด้เรียนไปประยกุ ต์ในบทสนทนาเพื่อแสดงบทบาทสมมุติ เป็นกลุ่ม ชัว่ โมงที่ 5 ( ขั้นสรปุ และประเมินผล ) - เมอื ครูสอนและอธิบายเรยี บรอ้ ยแลว้ นกั เรียนทาแบบฝกึ หัดเกีย่ วกับ Wh-question: Who,What,Where - ครูและนักเรยี นสรุปบทเรียนรว่ มกนั
9. สือ่ การเรยี นการสอน / แหลง่ เรยี นรู้ จานวน สภาพการใช้สื่อ 1 ชดุ ขน้ั ตรวจสอบความรเู้ ดมิ รายการสือ่ 3 รปู ขนั้ สร้างความสนใจและขยายความรู้ 1. หนงั สือเรยี น New World 2. ส่ือภาพตามโครงสรา้ งการสร้างประโยคตามหลัก ไวยากรณ์ โดยใช้ Wh-question: - Who, -What, -Where 10. การวัดผลและประเมินผล เปา้ หมาย หลกั ฐานการ วิธีวดั เคร่ืองมือวดั ฯ ประเดน็ / การเรยี นรู้ เรียนรู้ เกณฑ์การให้คะแนน การทาใบงานเร่ือง เฉลยใบงานเรอื่ ง ช้นิ งาน/ภาระงาน Wh-question Wh-question 3 คะแนน ดี 2 คะแนน ปานกลาง - สามารถบอกการ - ใบงานเรื่อง 1 คะแนน พอใช้ 0 คะแนน ปรับปรงุ ใชแ้ ละเขยี นประโยคท่ีใช้ Wh-question Wh-question ถกู ตอ้ ง ตามโครงสรา้ ง 11. การบูรณาการตามจดุ เน้นของโรงเรียน หลักปรชั ญาเศรษฐกจิ ครู ผู้เรียน พอเพยี ง พอดดี ้านเทคโนโลยี พอดดี ้านจติ ใจ 6. ความพอประมาณ รู้จักใชเ้ ทคโนโลยมี าผลิตสือ่ ท่ี มจี ติ สานกึ ท่ีดี เออ้ื อาทร ประนปี ระนอม นึก 7. ความมเี หตุผล เหมาะสมและสอดคลอ้ งเนือ้ หาเปน็ ถงึ ประโยชนส์ ่วนรวม/กล่มุ 8. มีภูมิคมุ กนั ในตวั ทีด่ ี 9. เงอ่ื นไขความรู้ ประโยชน์ต่อผู้เรยี นและพฒั นาจากภมู ิ ปัญญาของผูเ้ รียน - ยึดถอื การประกอบอาชีพด้วยความ ไม่หยดุ น่งิ ท่หี าหนทางในชวี ติ หลุดพน้ จาก ถูกต้อง สุจรติ แม้จะตกอยใู่ นภาวะขาด ความทุกขย์ าก (การค้นหาคาตอบเพอ่ื ใหห้ ลุด แคลน ในการดารงชีวติ พน้ จากความไม่ร้)ู ภูมิปัญญา : มีความรู้ รอบคอบ และ ภมู ิปัญญา : มคี วามรู้ รอบคอบ และ ระมัดระวัง ระมดั ระวงั สร้างสรรค์ ความรอบรรู้ อบด้าน ความ ความรอบรู้ปรมิ าณท่ีเกย่ี วข้อง การ รอบคอบที่จะนาความรเู้ หลา่ น้นั มา คานวณสตู รที่ตอ้ งใช้ สามารถนาความรู้ พิจารณาให้เชอ่ื มโยงกัน เพือ่ เหล่าน้นั มาพจิ ารณาใหเ้ ชื่อมโยงกนั สามารถ ประกอบการวางแผน การดาเนินการ ประยกุ ต์
จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ใหก้ บั ผูเ้ รียน ใช้ในชีวติ ประจาวนั 10. เงอื่ นไขคุณธรรม มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มี มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มคี วาม ความซือ่ สตั ย์สุจรติ และมีความอดทน ซื่อสตั ยส์ จุ ริตและมคี วามอดทน มคี วามเพียร สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น มคี วามเพยี ร ใชส้ ติปัญญาในการ ใชส้ ตปิ ญั ญาในการดาเนนิ ชวี ติ คาศัพท์ทเี่ กยี วกับรายวชิ า ดาเนินชีวิต สวนพฤกษศาสตร์ ผูเ้ รยี น ครู -จบั ใจความสาคัญและแปลจากบทสนทนา การนาสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น นิทาน เรอ่ื งสนั้ เกย่ี วกบั ต้นไม้ บูรณา การสกู่ ารเรยี นการสอน เชน่ What is it ? โดยใช้โครงสร้างประโยคโดยใช้ It’s Pagoda tree Wh-question มนั คอื ดอกลลี าวดี เชน่ What is it ? Where is it ? สิง่ แวดลอ้ ม ครู ผู้เรียน คาศพั ทแ์ ละการบรรยาย - การใช้สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี นเปน็ - พูด/เขยี นบรรยายขอ้ มูลเกย่ี วกบั ตนเอง เก่ียวกบั รายวิชาสวน พฤกษศาสตร์ สอ่ื การเรยี นการสอน (พดู /เขยี น กจิ วตั รประจาวัน ประสบการณ์ เกีย่ วกบั งาน บรรยายข้อมลู เกยี่ วกบั ตนเอง กจิ วตั ร สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน ประจาวัน ประสบการณ์ เกย่ี วกับงาน โดยใช้ Wh-question สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น) ในการสรา้ งประโยค ลงชื่อ..................................................ผูส้ อน (นางสาวอนุสรา แสนอุบล) หมายเหตุ - ใบงานเรื่อง Wh-question - เฉลยใบงานเร่ือง Wh-question - เกณฑ์ให้คะแนนใบงาน Worksheet
Worksheet : Wh-question Name………………………………………………………….Class………………………..No….…… Write the correct sentence using Wh-question 1. What is your name? 2. What’s your last name? 3.What do you want to drink?] 4. Who is she ? 5. Where’s she from? 6.Who’s is in the room? 7. Where do you live? 8. What time is it? 9. . Where’re they from? 10. Who’s your English teacher? 11. What grade are you in? 12.Where’s your English class? 13.Where are you going? 14. Who’s that?
Answer Key Worksheet : Wh-question Name………………………………………………………….Class………………………..No….…… 1. What is your name? My name’s_____________________ 2. What’s your last name? My last name’s___________ 3.What do you want to drink?] I want to dring_______________ 4. Who is she ? She’s__________________ 5. Where’s she from? I’m from________________ 6.Who’s is in the room? It’s_____________. 7. Where do you live? I live in_______________ 8. What time is it? It’s_____ 9. . Where’re they from? They’re from ________ 10. Who’s your English teacher? Mr./Miss________ 11. What grade are you in? I’m in the_____grade. 12.Where’s your English class? It’s in room twenty. 13.Where are you going? I’m going to__________. 14. Who’s that? That’s__________
เกณ Worksheet : Wh=que 7 คะแนน 6 คะแนน 5 คะแนน 4 คะแนน เขยี นตอบโดยใช้ เขยี นตอบโดยใช้ เขียนตอบโดยใช้ เขยี นตอบโดยใช้ โครงสร้างไวยากรณ์ ไดถ้ ูกตอ้ ง ทุก โครงสรา้ งไวยากรณ์ โครงสร้างไวยากรณ์ โครงสร้างไวยากรณ์ ประโยค 14-13 ข้อ ไดถ้ กู ตอ้ งทุกประโยค ได้ถูกต้องทุกประโยค ไดถ้ กู ตอ้ งทุกประโยค 12-11 ขอ้ 10-9 ขอ้ 8-7 ข้อ
ณฑก์ ารให้คะแนน estion: Who,What,Where 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 0 คะแนน เขยี นตอบโดยใช้ เขยี นตอบโดยใช้ เขยี นตอบโดยใช้ ไม่สามารถเขียนตอบ โครงสร้างไวยากรณ์ โครงสรา้ งไวยากรณ์ โครงสรา้ งไวยากรณ์ โดยใชโ้ ครงสร้าง ค ได้ถูกต้องทุกประโยค ไดถ้ กู ตอ้ งทกุ ประโยค ได้ถูกตอ้ งทุกประโยค ไวยากรณไ์ ด้ 6-5 ขอ้ 4-3 ขอ้ 2-1 ข้อ
แบบประเมนิ แผนการจดั การเรยี นรู้ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรอื่ ง Wh=question รายวชิ า ภาษาอังกฤษ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ช่ือ-สกลุ ครผู ู้สอน นางสาวอนุสรา แสนอบุ ล ********************* คาช้ีแจง แบบประเมินแผนการจดั การเรียนรู้ ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพ่อื ให้ทา่ นซึ่งเปน็ ผู้นเิ ทศไดก้ รุณาพิจารณาความ เหมาะสม และความสอดคล้องระหวา่ งองค์ประกอบต่าง ๆ ของแผนการจดั การเรยี นรู้ แบบประเมนิ แบ่งเปน็ 2 ตอน คือ ตอนท่ี 1 แบบประเมนิ ความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้เป็นการพิจารณาองคป์ ระกอบต่าง ๆ ของ แผนการจัดการเรียนรู้ว่ามคี วามเหมาะสมเพียงใด ตอนท่ี 2 แบบประเมินความสอดคลอ้ งของแผนการจัดการเรียนรู้ เปน็ การพจิ ารณาองค์ประกอบตา่ ง ๆ ของ แผนการจัดการเรยี นรู้ว่ามคี วามสอดคลอ้ งกนั เพยี งใด ตอนที่ 1 แบบประเมนิ ความเหมาะสมของแผนการจดั การเรยี นรู้ คาชแี้ จง โปรดทาเครอื่ งหมาย √ ในช่องระดับความเหมาะสมทต่ี รงกับความคดิ เห็นของท่าน และขอความ กรุณาเขยี นขอ้ เสนอแนะอื่น ๆ เพ่อื เปน็ แนวทางในการปรับปรงุ แผนการจดั การเรียนรู้ตอ่ ไป ระดับความคิดเหน็ ขอ้ รายการประเมิน ใช่ ไมใ่ ช่ 1 แผนการจัดการเรยี นรู้มีองคป์ ระกอบสาคัญครบถ้วนตามแบบฟอร์มท่โี รงเรียนกาหนด 2 การเขียนสาระสาคญั ในแผนการจัดการเรยี นรู้มคี วามถูกตอ้ ง 3 จุดประสงค์การเรียนรูร้ ะบุพฤตกิ รรมชดั เจน สามารถวดั ได้ 4 สาระการเรยี นรูค้ รบถ้วน สมั พนั ธ์กับตวั ชีว้ ดั /ผลการเรียนร/ู้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 5 ระบวุ ธิ กี ารวดั ผลประเมินผลอยา่ งชัดเจน 6 ระบุเครอ่ื งมือสาหรับการวัดผลประเมนิ ผลอย่างชัดเจน 7 ระบุเกณฑ์การวดั ผลประเมนิ ผลอย่างชดั เจน 8 กจิ กรรมการเรยี นรู้มีความเหมาะสม ครบถ้วนทกุ ขัน้ ตอนตามวธิ ีสอน หรอื กระบวนการ หรือเทคนคิ การสอนทร่ี ะบไุ ว้ในแผนการจดั การเรียนรู้ 9 ระบกุ ารใชส้ ือ่ นวัตกรรม/แหลง่ เรยี นรสู้ ัมพนั ธส์ อดคล้องกบั กิจกรรมการเรียนรู้ 10 มีหลกั ฐานประกอบ เช่น สื่อ ใบกิจกรรม ใบความรู้ เครอื่ งมือวัด ฯ ทป่ี รากฏใน แผนการจดั การเรยี นรู้ครบถว้ น
ตอนท่ี 2 แบบประเมินความสอดคล้ององคป์ ระกอบของแผนการจัดการเรยี นรู้ คาชแ้ี จง โปรดทาเครือ่ งหมาย / ลงในชอ่ งที่ตรงกับความคดิ เห็นของท่าน ขอ้ ท่ี รายการประเมนิ สอดคลอ้ ง ไมแ่ นใ่ จ ไม่สอดคลอ้ ง (1) (0) (-1) 1 การเขยี นสาระสาคญั มีความสัมพนั ธส์ อดคล้องกับตวั ช้ีวดั /ผลการ เรียนรู/้ จุดประสงค์การเรียนรู้ 2 จุดประสงคก์ ารเรียนรูม้ คี วามสอดคลอ้ งสัมพันธก์ บั สาระการเรยี นรู้ 3 หลักฐานการเรยี นรูม้ ีความสมั พนั ธ์ สอดคลอ้ งกบั สาระ การเรียนรู้ ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้/กิจกรรมการเรยี นรู้ 4 วิธีการวดั ผลประเมินผลมีความสัมพนั ธ์กบั สาระการเรยี นรู้ ตวั ชีว้ ดั / ผลการเรียนรู้ 5 เครอ่ื งมือวัดผลประเมินผล มคี วามสัมพนั ธก์ ับคุณลักษณะอนั พึง ประสงค์ของผูเ้ รยี น 6 เครอ่ื งมอื วดั ผลประเมนิ ผล มคี วามสัมพนั ธ์กบั สมรรถนะที่สาคญั ของ ผู้เรียน 7 กิจกรรมการเรยี นรมู้ ีความสัมพนั ธส์ อดคล้องกับสาระการเรยี นรู้ ตัวชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ 8 กจิ กรรมการเรียนร้มู ีความสัมพันธส์ อดคลอ้ งกับคณุ ลกั ษณะอันพึง ประสงคข์ องผ้เู รียน 9 กจิ กรรมการเรียนรู้มีความสมั พันธส์ อดคลอ้ งสมรรถนะที่สาคัญของ ผู้เรียน 10 สือ่ -นวัตกรรม/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้ มีความสมั พนั ธส์ อดคล้องกบั กิจกรรมการเรียนรู้ 11 แผนการจัดการเรยี นรู้มกี จิ กรรมบรู ณาการกบั งานสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรียน 12 แผนการจดั การเรียนรู้มกี ิจกรรมบรู ณาการกับหลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง 13 แผนการจัดการเรียนรู้มกี จิ กรรมบรู ณาการกับงานสง่ิ แวดล้อม
เกณฑ์การประเมิน ความสอดคลอ้ งของแผนการจัดการเรียนรู้ คา่ ความสอดคลอ้ งตอ้ งมคี ่าตั้งแต่ 0.50 ขนึ้ ไป ความเหมาะสมของแผนการจัดการเรยี นรู้ คะแนนระหว่าง 1 - 4 ระดบั คณุ ภาพ ต้องปรับปรงุ คะแนนระหว่าง 5 - 8 ระดับคณุ ภาพ พอใช้ คะแนนระหวา่ ง 9 - 13 ระดบั คณุ ภาพ ดี ลงชือ่ .....................................................ผ้ปู ระเมนิ (นายณัฐวฒุ ิ นามเดช)
Search
Read the Text Version
- 1 - 41
Pages: