48 ใบความรู้ การสังเกตตำแหน่งของดาว ดาวพุธ (Mercury) ดาวเคราะห์วงในสุดของระบบสุริยะที่มีการเปลี่ยนตำแหน่งเร็วที่สุด มีคาบการโคจร รอบดวงอาทิตยส์ ้ันมากเพียง 88 วัน ทำให้การเปลีย่ นตำแหน่งของดาวพุธจากซีกหน่ึงของดวงอาทิตย์ไปอกี ซีกหนึ่งกินเวลาเพียง 44 วันหรือราวเดือนครึ่ง เราจะมองเห็นดาวพุธได้ในระดับต่ำทางของฟ้าตะวันออก หรือขอบฟ้าตะวนั ตกเท่าน้นั ตำแหนง่ ที่เราสามารถมองเหน็ ดาวพุธได้ดที ่ีสุดคือตำแหน่งท่ีเรียกว่า Greatest Elongationหรือตำแหน่งสงู สดุ ทางปีกของดวงอาทติ ย์ซึ่งมีอยู่สองตำแหนง่ คือ 1) Greatest Elongation West (GEW) หรือสูงสุดทางขอบฟ้าซีกตะวันออกจะเห็นได้ก่อนรุ่งเช้า 2) Greatest Elongation East (GEE) หรือสูงสุดทางขอบฟ้าด้านทิศตะวันตกเห็นได้หลังอาทิตย์ตก ซึ่งจะทำให้ดาวพุธอยู่สูงสุดบนขอบฟ้าได้ราว 28 องศา (แต่ในความเป็นจริงเราเห็นดาวพุธได้สูงไม่เกิน 17 องศา เนื่องจากต้องรอให้แสงอาทติ ย์อ่อนไปเสยี ก่อน) ทั้งสองตำแหนง่ จะทิ้งระยะเวลาห่างกันราวเดือนครงึ่ โดยท่ดี าวพธุ จะมคี วามสว่างสูงสดุ -0.45 ตำแหนง่ ท่ีเราไมส่ ามารถมองเหน็ ดาวพุธได้มอี ีก 2 ตำแหน่ง คือ 1) Inferier conjunction หรอื ตำแหน่งหนา้ ดวงอาทิตย์ ซงึ่ เป็นตำแหนง่ ท่ีนา่ สนใจอีกอยา่ งคือทำให้ดาว พุธมีโอกาส Transitดวงอาทิตย์ด้วยแต่ก็ไม่ทุกครั้ง ดาวพุธจะมีขนาดเชิงมุมสูงสุด 12 arcsec หรือ 1 ส่วน 6000 เท่าของดวงจนั ทร์ เมื่ออย่ใู กล้โลกหรือทีต่ ำแหน่ง inferier conjunction นี้เอง และ 2) ตำแหน่ง Superier conjunction หรือตำแหน่งด้านหลังดวงอาทิตย์ ก็เป็นตำแหน่งที่เราไม่เห็นดาว พุธเช่นกัน และเป็นตำแหน่งที่ดาวพุธอยู่ห่างจากโลกที่สุด และมีขนาดเชิงมุมเล็กสุดกว้างราว 5 arcsec เท่านั้น ดังนั้นการเลือกใช้กำลังขยายของกล้องดูดาวสูงสุดที่ 300 เท่า จะช่วยให้เห็นดาวพุธมี ขนาดใหญข่ ้นึ เพียง 1 ใน 50 ส่วนของฟลิ ด์ภาพเทา่ น้นั
49 ดาวศุกร์(Venus) ดาวเคราะห์วงในอีกดวงที่มีเราจะเห็นได้เพียงทางขอบฟ้าด้านทิศตะวันออก หรือ ตะวันตก เท่านั้นแบบเดียวกับดาวพุธ มีคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 224 วันครึ่ง หรือราว 7 เดือนครึ่ง น้อยกวา่ โลกของเราเล็กน้อย ทำให้การเปล่ียนตำแหน่งจากซีกดา้ นหน่งึ ของดวงอาทิตย์ไปอีกซีกด้านหนึ่งน้ัน ค่อยขา้ งนานเม่ือเทียบกับตำแหนง่ ของโลก กินเวลาราวๆ 9 เดือนครึ่งแตกต่างจากดาวพธุ ทำให้ใน 1 รอบปี ดาวศุกร์มีการเปลี่ยนตำแหน่งน้อยครั้งกว่าดาวพุธ และเช่นเดียวกับดาวพุธตำแหน่งที่เราจะเห็นดาวศุกร์ได้ ดที ส่ี ดุ คอื ตำแหน่ง Greatest Elongation หรอื ตำแหนง่ สงู สดุ ทางปีกของดวงอาทิตย์ แต่ดาวศุกร์มีตำแหน่ง มุมบนขอบฟ้าสูงกว่าดาวพุธคืออยู่ได้สูงสุด 48 องศา ดาวศุกร์มีการเปลี่ยนตำแหน่งช้า ทำให้เราสามารถ เห็นดาวศุกร์บนท้องฟ้าได้ก่อนตำแหน่ง Greatest Elongation และหลังจากผ่านตำแหน่ง Greatest Elongation ไปแลว้ ทำให้เราเห็นดาวศุกร์อยบู่ นขอบฟ้าแต่ละดา้ นได้นานราว 7-9 เดอื น ตำแหนง่ Greatest Elongation West หรือ สงู สุดทางขอบฟา้ ซกี ตะวันออก จะเห็นได้กอ่ นรุ่งเช้า เราเรยี กดาวศกุ รช์ ่วงนี้วา่ ดาว ประกายพฤก(Morning Star) ตำแหน่ง Greatest Elongation East หรือ สูงสุดทางขอบฟ้าด้านทิศ ตะวันตกเห็นได้หลังอาทิตย์ตก เราเรียกดาวศุกร์ช่วงนี้วา่ ดาวประจำเมือง (Evening Star) ดาวศุกร์มีความ สว่างสูงสุดบนท้องฟ้าที่ -4.38 และเป็นดาวเคราะห์ที่สว่างอันดับหนึ่งบนท้องฟ้าด้วย ตำแหน่งที่เราไม่ สามารถมองเห็นดาวศุกร์ได้มีอีก 2 ตำแหน่งเช่นเดียวกับดาวพุธ คือ ตำแหน่ง Inferier conjunction หรือ ตำแหนง่ หนา้ ดวงอาทิตย์ เป็นตำแหน่งที่น่าสนใจอกี อยา่ งของดาวศุกร์ ด้วยขนาดเชิงมุม ที่ใหญ่ถึง 58 arcsec ซึ่งใหญ่กว่าดาวพุธประมาณ 5 เท่า ทำให้เราเห็นทรานซิทดาวศุกร์ได้เด่นชัดกว่าดาว พุธ แต่Transit ของดาวศุกร์เกิดขึ้นได้ยากกว่าดาวพุธ ตำแหน่ง Superier conjunction หรือ ตำแหน่ง ด้านหลังดวงอาทติ ย์ โดยจะทงิ้ ระยะห่างกัน 9 เดือนครึง่ เฟสของดาวศุกร์และดาวพุธ จะมีลักษณะเว้าแหว่ง คลา้ ยกบั เสี้ยวของดวงจนั ทรเ์ ม่ือมองจากกล้องโทรทรรศน์ เฟสของดาวศุกรแ์ ละดาวพธุ จะเปล่ยี นแปลงตาม ตำแหน่งของดาวเคราะห์บนวงโคจร ขณะที่ดาวเคราะห์อยู่ในตำแหน่ง Greatest Elongationเฟสของดาว เคราะห์จะมีลักษณะเปน็ เส้ียวเกือบครึ่งดวง โดยจะหันด้านสวา่ งเข้าหาดวงอาทิตย์ เสี้ยวของดาวเคราะหจ์ ะ บางลงเรื่อยๆเมื่อดาวเคราะห์เคลื่อนผ่านหน้าดวงอาทิตย์แต่ขนาดเชิงมุมจะใหญ่ขึ้น ในทางกลับกันเสี้ยว ของดาวเคราะห์จะใหญ่ขึ้นเมื่อเคลื่อนที่ไปด้านหลังดวงอาทิตย์หรือกำลังออกจากดวงอาทิตย์ แต่ขนาด เชิงมมุ จะเลก็ ลงไปดว้ ย เฟสของดาวเคราะหว์ งใน (ดาวพุธ ดาวศกุ ร)์ เม่ือมองจากโลก
50 ตำแหน่งสงู สดุ ทางขอบฟา้ ตะวนั ออก ตำแหน่งสูงสุดทางขอบฟา้ ตะวันตก ของดาวพธุ และดาวศุกร์ ของดาวพุธและดาวศุกร์ Greatest Elongation West Greatest Elongation Eest ดาวองั คาร (Mars) ดาวเคราะห์วงนอกดวงแรกที่อยู่ถัดจากโลกไปมีคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 ปี 11 เดือน ทำให้ตำแหน่งของดาวอังคารเปลี่ยนกลุ่มดาวไปเรื่อยๆ เราจึงมีโอกาสเห็นดาวอังคารตามแนวเส้น สุริยะวถิ ีตลอดแนวจากขอบฟา้ ตะวนั ออกไปขอบฟ้าตะวันตก ตา่ งจากดาวพุธดาวศกุ รท์ ีเ่ ราจะเห็นได้แค่เพียง ขอบฟ้าเทา่ น้นั สิ่งทเ่ี ราสนใจมองจากดาวองั คารคือ ขัว้ นำ้ แข็งและแถบพายฝุ ุ่นสีดำ เนอ่ื งจากช้ันบรรยากาศ ของดาวองั คารส่วนใหญเ่ ป็นก๊าซคารบ์ อนไดอ๊อกไซดซ์ ่งึ ใสสามามารถมองทะลุผา่ นได้ดี จงึ เห็นพ้ืนผวิ ของดาว อังคารได้ จนเปน็ ท่ีน่าสนใจมาตงั้ แต่ยคุ สมัยที่เรม่ิ มีการประดษิ ฐก์ ล้องโทรทรรศนข์ นึ้ ใช้ ซง่ึ ตำแหนง่ ของดาว อังคารที่เหมาะจะดูก็ช่วงตำแหน่ง Opposition ตำแหน่ง Opposition จะเป็นตำแหน่งที่ดาวเคราะห์อยู่ ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ โดยมีโลกของเราอยู่ตรงกลางระหว่างดวงอาทิตย์กับดาวเคราะห์ นั่นคือจะเป็น ตำแหนง่ ทด่ี าวอังคารอย่ใู กลโ้ ลกท่ีสุด โดยมรี ะยะทางใกล้สุดประมาณ 55 ล้านกโิ ลเมตร ซงึ่ บนั ทกึ ไว้เม่ือ 22 สิงหาคม พศ.2467 แต่ระยะห่างนี้จะเปลี่ยนแปลงเพราะวงโคจรของดาวเคราะห์เป็นวงรี ล่าสุดการเข้าใกล้ ของดาวอังคารทีส่ ุดเมื่อวันท่ี 27 สิงหาคม พศ.2546 และหลงั จากนั้นตำแหนง่ Opposition ของดาวอังคาร ก็ไม่มีตำแหน่งใดที่ใกล้แบบนี้อีกจนกว่าจะถึงปี พศ. 2561 ดังนั้นช่วงนี้ถ้าดาวอังคารมาอยู่ท่ี ตำแหน่ง Opposition อกี ก็ไมค่ ่อยน่าสนใจเท่าไหรเ่ พราะอยู่ไกลพอสมควร
51 ดาวพฤหสั บดี (Jupiter) ดาวเคราะหย์ ักษ์ใหญ่ มีคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบกินเวลา 11 ปี 11 เดือน หรือ ราว 12 ปี ทำให้ดาวพฤหัสมีการเปลี่ยนตำแหน่งไปอย่างช้าๆปีละ 1 จักราศีตำแหน่งที่เราจะ สังเกตดาวพฤหัสที่ดีที่สุดก็คือตำแหน่ง Opposition เช่นกัน แม้ตำแหน่งนี้จะเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อย แต่ สำหรบั ดาวเคราะห์ชน้ั นอกท่ีอยู่ไกลๆจะมีผลของเร่ืองความแตกตา่ งของระยะหา่ งน้อยมากจนเกือบตัดท้ิงไป ได้ สิ่งที่เราสนใจในตำแหน่ง Opposition อีกเรื่องก็คือ เป็นช่วงที่ดาวเคราะห์อยู่บนท้องฟ้านานที่สุด โดย ปกติจะปรากฏสว่างสุกใสให้เห็นทางขอบฟ้าตะวนั ออกตั้งแตห่ วั ค่ำ และ ตกลับฟา้ ทางทิศตะวันตกใกล้รุ่งเช้า ทำใหด้ าวเคราะห์ปรากฏอยูบ่ นท้องฟ้านานเกือบ 12 ชว่ั โมง ดาวพฤหสั มีสงิ่ ที่เราสนใจมองผ่านกล้องดูดาวก็ คือ จุดแดงยักษ์ (Great Res Spot) หรอื GRS ซง่ึ เป็นพายุหมุนขนาดใหญ่ท่สี ุดในระบบสรุ ิยะ มขี นาดราว 3 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางของโลก GRS จะมีลักษณะเป็นจุดสีแดงเข้มแต่เห็นได้ยากจากกล้องขนาดเล็ก บางครั้งอาจจะต้องใช้ฟิลเตอร์สีช่วย GRS มีการเปลี่ยนไปตามการหมุนรอบตัวเองของดาวพฤหัสทุกๆ 10 ชั่วโมงโดยประมาณ ดังนั้นการสังเกตจะต้องหาช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสมด้วย ดวงจันทร์กาลิเลียน หรือ ดวงจันทร์ 4 ดวงใหญข่ องดาวพฤหสั คือ ไอโอ ยูโรป้า แกนิมดี และ คาลิสโต ซึง่ สามารถ มองเหน็ ไดจ้ ากกล้องดูดาวขนาดเล็กท่มี ีกำลังขยายตงั้ แต 30 เท่าขึ้นไป ส่งิ ทีน่ า่ สนใจคือการเปล่ียนตำแหน่ง ของดวงจันทร์ทงั้ 4 ซึง่ ไอโอ และ ยูโรป้า ดวงจนั ทรว์ งในสุดจะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งที่เรว็ มาก ดาวเสาร์ (Saturn) ดาวเคราะห์วงนอกลำดับถดั มาต่อจากดาวพฤหสั และเป็นดาวเคราะหด์ วงสุดทา้ ยท่ีเรา สามารถมองเหน็ ได้ดว้ ยตาเปลา่ มีคาบการโคจรรอบดวงอาทติ ยน์ าน 29.5 ปี จึงมกี ารเปลี่ยนตำแหน่งใน กล่มุ ดาวจักราศีอยา่ งช้าประมาณ 2 ปี ต่อ 1 จักราศขี ้นึ อยูก่ ับอาณาเขตของจักราศีกวา้ งแค่ไหน ตำแหนง่ Opposition ของดาวเสาร์กเ็ ช่นเดยี วกันเปน็ ตำแหนง่ ท่ีดาวเสารอ์ ยใู่ กลโ้ ลกโดยเฉลยี่ นประมาณ
52 8au. ซงึ่ ไกลพอสมควรทำใหค้ วามแตกตา่ งของวงรสี ามารถตดั ทง้ิ ได้ สิ่งท่เี ราสนใจดจู ากดาวเสารค์ ือ วงแหวน ซึง่ เป็นองค์ประกอบของก้อนหนิ ฝุน่ และก้อนนำ้ แขง็ ท่หี นา เพยี ง 10 กิโลเมตร แตม่ ีรัศมีกวา้ งหลายแสนกโิ ลเมตร มคี ุณสมบตั ใิ นการสะท้อนแสงได้ดี ทำใหม้ องเห็นได้ จากบนโลก ซ่งึ กล้องโทรทรรศนค์ ุณภาพดๆี จะสามารถแยกออกไดเ้ ป็น 3 ชั้นจากทั้งหมด 7 ชั้น เนอ่ื งจาก ดาวเสารม์ แี กนหมุนเอียงทำมุม 26.7 องศากับแนวดงิ่ ทตี่ ั้งฉากระนาบโคจรรอบดวงอาทติ ย์ ทำให้ระนาบของ วงแหวนทอ่ี ยู่ในแนวเสน้ ศูนย์สตู รเอง 26.7 องศาไปดว้ ย ซ่ึงความสวา่ งของดาวเสาร์เม่ือมองจากโลก จะมีคา่ เปล่ยี นแปลงไปด้วยตามระนาบของวงแหวนทีเ่ อยี งมาหาโลก โดยความสว่างของดาวเสาร์จะเปลีย่ นแปลง อยรู่ ะหว่างแมคนิจูด -0.3 ถงึ +0.8 ดว้ ยเหตทุ ่ีระนาบของวงแหวนเอียงตามแกนเอียงของดาวเสาร์ เมอ่ื ดาวเสาร์โคจรไปรอบดวงอาทิตย์ ระนาบของวงแหวนเม่ือมองจากโลกก็จะเปลย่ี นไปดว้ ย ซง่ึ จะมชี ่วงระยะเวลาหนง่ึ ทีเ่ ราไม่สามารถมองเหน็ วง แหวนของดาวเสาร์ได้เน่อื งจากวงแหวนมีความหนาน้อยมาก (10 ไมล)์ ซ่งึ จะเกิดปรากฏการณ์วงแหวนหาย (the ring edge-on) จะเกิดขึ้นทกุ ๆ คร่ึงรอบของการโคจรรอบดวงอาทิตยห์ รือ ราว 14 ปี ต่อครัง้ ซ่ึงครัง้ ลา่ สุดเกิดเมื่อปี พศ.2538 (คศ.1995) และจะเกิดปรากฏการณน์ ีใ้ ห้เหน็ อีกครัง้ ในปี พศ.2552 (คศ.2009) ดาวยูเรนัส(Uranus) ดาวเคราะห์อันดับ 7 ของระบบสุริยะ ซึ่งมีคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบกิน เวลา 84 ปี น่นั หมายความว่าดาวยูเรนัสมีการเปลี่ยนตำแหน่งจักราศี 1 ราศีกนิ เวลาประมาณ 7 ปีโดยเฉลี่ย ดาวยูเรนัสมีความสว่างปรากฏ 5.85 ซึ่งเป็นความสว่างที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าบนท้องฟ้าที่มืด
53 สนิท แต่จะกลมกลืนไปกับดาวอื่นบนท้องฟ้าทำให้มองเห็นได้ลำบากถ้าไม่รู้ตำแหน่งที่แท้จริง ซึ่งกล้องสอง ตาหรอื กล้องดดู าวขนาดเล็กก็สามารถมองเหน็ ได้ ดาวเนปจูน(Neptune) ดาวเนปจูนมีคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 165 ปี จึงมีการเปลี่ยนตำแหน่งจัก ราศีชา้ มากคือราว 14 ปีตอ่ 1จกั ราศี ดาวเนปจนู มคี วามสว่างปรากฏ 7.8 มองเหน็ ได้ลำบากต้องใช้กล้อง ดูดาวที่มขี นาดตง้ั แต่ 6 น้ิวขึน้ ไปและต้องรตู้ ำแหนง่ ที่แน่นอนด้วย การเลือกกำลังขยายของอุปกรณ์ดูดาวที่เหมาะสม จะช่วยทำให้เรามองเห็นภาพวัตถุท้องฟ้าได้ขนาดที่ เหมาะสมตามไปด้วย การใช้กำลังขยายต่ำไปอาจทำให้มองเห็นรายละเอียดได้ไม่ชัดนัก เช่น วัตถุท้องฟ้า ห่างกัน 1 ใน 10 องศาหรือ 6 arcmin แตใ่ ช้กล้องสองตากำลังขยาย 7 เทา่ ซ่ึงให้ฟลิ ด์ภาพกวา้ ง 7 องศา เรา จะเห็นภาพวัตถุดังกล่าวอยู่ชิดกันมากจนแยกไม่ออกว่ามีวัตถุสองชิ้นอยู่ใกล้กัน ในทางตรงกันข้ามหากใช้กำลังขยายมากไปอาจจะทำให้ภาพที่เราต้องการเห็นล้นฟิลด์ภาพมองไม่เห็น ทั้งหมด เช่น หากวัตถุอยู่ห่างกันราว 2 องศา แต่ใช้กำลังขยาย 50 เท่าฟิลด์ของภาพจะกว้างเพียง 1 องศา ทำใหว้ ัตถุท้องฟ้าล้นฟิลด์ออกไป ตารางเทียบกำลงั ขยาย และ ขนาดของฟิลดภ์ าพ กลอ้ งสองตา 7 x 7 องศา กล้องสองตา 10 x 5 องศา กล้องสองตา 12 x 3 องศา กลอ้ งดดู าว 25 x 2 องศา 1.5 องศา 30 x 1 องศา 50 x 40 arcmin 70 x 30 arcmin 100 x 19 arcmin 150 x 15 arcmin 200 x 12 arcmin 250 x 10 arcmin 300 x
54 ไมค่ วรใชก้ ล้องดดู าวกำลงั ขยายเกิน 300 เท่า การดดู าวเคราะหม์ ักใช้กำลังขยายต้งั แต่ 30 เท่าขน้ึ ไป
55 ใบความรู้ การบอกตำแหนง่ ของวัตถุทอ้ งฟ้า คำวา่ \"วัตถทุ ้องฟา้ \"ในวิชาดาราศาสตรห์ มายถึงทุกสิ่งทุกอย่างท่อี ย่บู นทอ้ งฟา้ ซ่ึงเราสามารถมองเห็นไดด้ ้วยตา เปลา่ และ มองไม่เห็นด้วยตาเปลา่ เชน่ ดวงอาทติ ย์ ดวงจนั ทร์ ดวงดาวต่าง ๆ ทัง้ ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ รวมท้ัง ดาวเทยี มยานอวกาศและหอวิจยั ลอยฟา้ เปน็ ตน้ ในการท่ีจะศึกษาหรือทำความเข้าใจในเร่ืองของดาราศาสตรน์ ้ันไม่ใช่เรือ่ งง่าย เน่อื งจากดวงดาวทัง้ หลาย รวมทงั้ วตั ถุท้องฟ้าอ่ืนๆ น้นั อย่ไู กลแสนไกล การบอกตำแหน่งของดวงดาวเหลา่ น้นั จงึ ไม่ใช่เร่ืองง่าย แต่อย่างไร ก็ตามก็ตอ้ งมีการหาวธิ ที ่จี ะสือ่ สารกันวา่ กำลังกล่าวถงึ ดวงดาวใด ดังนนั้ ข้ันแรก ต้องสร้างจนิ ตนาการก่อนว่ามี ทอ้ งฟา้ เป็นรปู คร่ึงทรงกลมครอบเราอยู่ โดยมีเรายืนอยูท่ ีจ่ ุดศูนย์กลางของคร่ึงวงกลม เม่ือสมมตวิ ่ามีท้องฟ้า แลว้ จึงกำหนดตอ่ ไปว่าดวงดาวหรือวัตถุทอ้ งฟ้าที่ตอ้ งการจะศึกษาอยู่ท่ใี ดบนท้องฟ้า เสน้ สมมตุ ติ า่ งๆ ที่ทางดาราศาสตร์กำหนดขึ้น เพื่อใช้หาทิศทางและ ตำแหน่ง ของเทหวัตถุบนท้องฟ้ากันก่อน ถ้าหากเรา ออกไปนอกโลกประมาณเดือนธันวาคมเราจะเหน็ ตำแหนง่ ของโลกหนั ขั้วเหนอื ออกจากดวงอาทติ ย์ ดงั รูป เราก็ จะไดเ้ ส้นสมมุตขิ ้ึนมา 2 เส้นคอื 1. เสน้ ศูนยส์ ูตรฟ้า (Celestial Equator) ซเี รสเชียน อเิ ควเตอร์ เป็นเสน้ ที่ผา่ นจุดทศิ ตะวันออก ไปทิศตะวันตก เกดิ ขึน้ จากการที่โลกหมนุ รอบตวั เอง ฉะน้นั เสน้ น้จี ะตง้ั ฉากกับแกนหมุนของโลก และเปน็ แนว เดยี วกบั เส้น ศูนย์สตู รโลกพอดี (Earth Equator) ซง่ึ แนวการเคลอ่ื นที่ของดาวกจ็ ะขนานไปกับเสน้ นดี้ ว้ ย 2.เสน้ ขอบฟ้า (Horizon) คือแนวระดบั สายตา บางทีกเ็ รียกวา่ แนวบรรจบของทรงกลมทอ้ งฟา้ สว่ นบนกบั ทอ้ งฟา้ สว่ นล่าง 3.จดุ เหนือศรี ษะ หรือ จดุ ยอดฟ้า (Zenith) เซนิท คือจดุ ทตี่ งั้ ฉากกบั ผู้สังเกตขึน้ ไปทางทรงกลมฟ้า ส่วนจุดทีต่ รงขา้ ม 180 องศา เรยี กวา่ จดุ เนเดอร์ (Nadir) 4.เสน้ เมริเดยี น (Meridian) คือแนวเสน้ ที่ลากจากจุดทิศเหนือไปจดุ ทศิ ใตผ้ า่ นจุดยอดฟ้า (Zenith) พอดี สว่ นเสน้ ท่ีไมไ่ ด้ผ่านจดุ เหนอื ศรี ษะ เราจะเรียกว่า เสน้ วงกลมชั่วโมง 5.ขั้วฟ้าเหนือ (North Celestial Poles) เป็นแนวขวั้ เหนือของทรงกลมฟ้า ซง่ึ จะชี้ไปทางดาวเหนอื พอดี ส่วนจุดตรงกันข้าม 180 องศาเราเรยี กวา่ ขว้ั ฟ้าใต้ (South Celestial Poles)
56 การวดั มุมทิศ/มมุ แอซมิ ุท • มุมแอซิมุท หรือ ทิศ คือ มุมราบวัดจากจุดทิศเหนือ (มุมแอซิมุท 0 องศา) เวียนไปทางทิศ ตะวันออกตามแนวขนานกับขอบฟ้า หรือแนวราบตั้งแต่ 0 -360 องศา เช่นมุมแอซิมุท 45 องศา คอื ทศิ ตะวันออกเฉียงเหนือ การวัดมุมเงย • มุมเงยเป็นมุมท่ีวดั จากเส้นขอบฟ้าข้ึนไปตามเสน้ วงกลมด่ิงจนถึงจดุ เหนือศรี ษะ
57 ส่วนมุมเงยที่ขอบฟา้ เทา่ กบั 0 องศา มมุ เงยของจดุ เหนือศีรษะเทา่ กับ 90 องศา ดังน้ัน ตำแหนง่ ทุกแห่งบนฟ้าจงึ กำหนดไดด้ ว้ ยแอซิมุท และมุมเงย • เนื่องจากท้องฟ้าจริงมีลักษณะเหมือนครึ่งวงกลม ครอบผู้ดูดาวซึ่งยืนอยู่ที่จุดศูนย์กลาง แต่ในแผนท่ี ดาวเปน็ เพียงแผ่นแบนราบ ทำใหข้ อบฟา้ ดา้ นทิศใตข้ ยายถ่างออกจากกันมากจนดเู พี้ยนไปจากท้องฟ้า จรงิ ตรงข้ามกับขอบฟา้ ดา้ นทศิ เหนือ ซ่งึ หดเขา้ หากนั เล็กนอ้ ย แตด่ ใู กล้เคียงกับฟ้าจรงิ กว่าทางใต้ • แอซิมุท และมุมเงยของดวงดาวใดดวงหนึ่งจะไม่คงที่แต่จะเปลี่ยนแปลงตามเวลาและตำบลที่สังเกต ดงั นน้ั เม่ือบอกตำแหนง่ ของดาวเปน็ แอซิมทุ และมุมเงยตอ้ งบอกสถานที่และเวลาท่ีเหน็ ด้วย เพื่อความสะดวกในการวัดค่ามุมทิศและมุมเงยจึงได้มีการประดิษฐ์อุปกรณ์เพื่อ ใช้วัดค่ามุมทั้งสอง อปุ กรณ์ชนดิ นี้ เราเรยี กวา่ แอสโทรเลบ (Astrolab)
58 แอสโทรเลบ อยา่ งงา่ ยที่ประดิษฐ์ขึ้น ประกอบดว้ ย 2 สว่ น คอื ส่วนฐาน ซึ่งแสดงค่ามมุ ทศิ และส่วน ที่เป็นกล้องเลง็ จะเปน็ สว่ นทม่ี ีเขม็ ชเี้ พื่อบอกค่ามุมทิศและมุมเงย • การใช้แอสโทรเลบ 1. ตง้ั ฐานอปุ กรณ์ให้ทิศเหนือหรือมมุ ทิศ 0 องศา หรอื 360 องศาตรงกับทิศเหนือของโลก 2. ตัง้ กล้องเลง็ บนฐาน โดยใช้เข็มชี้ตรงกบั ทศิ เหนือของฐานอุปกรณ์ 3. เริ่มการวัดมมุ โดยหมุนกล้องเล็งไปทางทิศตะวันออก และค่อย ๆ เงยกล้องเล็งข้นึ ไปบนท้องฟ้าเพ่อื หาดวงดาวท่ตี ้องการจะบอกตำแหน่ง ณ ขณะน้ัน 4. เมอ่ื พบวัตถทุ อ้ งฟา้ แลว้ ให้อ่านค่ามุมทิศจากเข็มชี้ทฐ่ี าน และมุมเงยที่ตดิ อยู่กบั กล้องเล็ง
59 • ตวั อย่างการหาคา่ มุมอาซีมุท จากรปู จะหามมุ อาซิมุทของดาว A,B,C,D,E ไดด้ งั น้ดี าว A มีมมุ อาซีมุท = 0๐ หรือ 360๐ (อยทู่ ิศเหนือพอดี) • จากรปู จะหามุมอาซิมทุ ของดาว A,B,C,D,E ได้ดังนี้ดาว A มีมมุ อาซมี ุท = 0๐ หรอื 360 ๐(อยู่ทิศ เหนอื พอดี) ดาว B มีมุมอาซีมุท = 30 ๐ ดาว C มมี ุมอาซีมทุ = 180 ๐ (อยทู่ ิศใต้พอดี) ดาว D มมี ุมอาซีมุท = 180 ๐ + 45๐ = 225๐ ดาว E มมี ุมอาซีมุท = 270 ๐(อยทู่ ิศตะวันตกพอดี)
60 ใบความรู้ แผนที่ดาว แผนทีด่ าว คือ แผนที่แสดงตำแหน่งของดวงดาวบนท้องฟ้าที่ครอบโลกของเราอยู่ จะมีลักษณะเป็น ทรงกลมไม่ว่าเราจะดดู วงดาวท่ีตำแหนง่ ใดของโลก ตวั ผ้ดู ูจะเปน็ ศูนย์กลางของทอ้ งฟา้ เสมอ การทำแผนท่ี เราอาจทำแผนที่ดาวได้โดยใช้ทรงกลมท้องฟ้าเช่นเดียวกับการทำแผนที่โลก ซึ่งในการใช้แผนที่ดาว หาวตำแหน่งดาวหรือการอา่ นแผนทด่ี าวจะต้องทราบสง่ิ ต่าง ๆ ดงั นี้ 1. ทิศบนท้องฟ้า (direction) เกืดจากการหมุนรอบตัวเองของโลกจากทางทิศตะวันตกไปทาง ทศิ ตะวันออกและลับของฟา้ ทางทสิ ตะวนั ตก 2. เส้นขอบฟ้า (Horizon) คอื เส้นวงกลมบนพนื้ โลกจรดของฟา้ ล้อมรอบตัวเรา 3. เส้นเมอริเดียนท้องฟ้า (meridian) เป็นเส้นที่แบ่งครึ่งท้องฟ้าออกเป็น 2 ส่วน คือ ซีกทาง ตะวันออกและตะวันตก 4. เส้นศูนย์สูตรท้องฟ้า (celestial equator) จะอยู่ในระนาบเดียวกับเส้นศูนย์สูตรของ โลก และจะมจี ุดผ่าน 3 จดุ คือ ขอบฟ้าทิศตะวันตกและขอบฟ้าทิศตะวันออก และจดที่ 3 คอื จดุ เหนือศรีษะ 5. จุดยอดท้ องฟ้า ( zenith) คือ จุดสูงสุดบนท้องฟ้า จะอยู่เหนือศรีษะ พ อ ดี หรอื เรยี กวา่ จดุ เหนอื ศรีษะ การอ่านแผนทด่ี าว การอา่ นแผนทดี าวจะทำให้ผดู้ ูดาวรจู้ ักกลุ่มดาวบนท้องฟ้าอยา่ งทกู ตอ้ งว่ากลุ่มดาวแต่ละกลุ่มน้ันมีดาว สำคัญอยู่กี่ดวงและอยู่ใกล้กันในลักษณะอย่งไร การอ่านแผนที่ดาวจะไม่เปมือนกับการอ่านแผนที่ โลก เนื่องจากการอ่านแผนที่โลกแราจะต้องก้มมองลงไปบนแผนที่โลกที่เราอยู่ แต่การอ่านแผนที ดาวเราจะต้องแหงนหน้าข้ึนบนท้องฟา้ แลว้ ยกแผนที่ดาวขน้ึ เหนือศรษี ะแทนทอ้ งฟ้า ต้ังทิศตามแผน ทีด่ าวและทิศจริงในท้องฟา้ ให้ตรงกนั จะเห็นดวงดาวบนท้องฟา้ ตรงกบั ตำแหนง่ ทอี่ ยใู่ นแผนทด่ี าว
61 ใบความรู้ การใช้ประโยชน์จากดาวฤกษ์ มนษุ ยใ์ นสมัยโบราณใช้ประยชน์จากดาวฤกษ์ และกลุ่มกาวในหลายดา้ น ดังน้ี การหาทศิ ดาวที่เรานิยมใช้ในการหาทิศ คือ ดาวเหนือ (polaris) ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือมาก ทส่ี ดุ อยใู่ นกลุ่มดาวหมเี ล็ก (ursa minor) ดาวเหนือจะอยู่คงที่สว่ นดาวอื่นจะโครจรไปรอบ ๆ ตาม การหมุนรอบตัวเองของโลก ดังนั้นเราจึงใช้ดาวเหนือในการหาทิศ กล่าวคือ ถ้าหันหน้าไปทางดาว เหนือคือทิสเหนือด้านขวามือจะเป็นทิศตะวันออก ด้านซ้ายมือจะเป็นทิศตะวันตก และด้านหลังจะ เปน็ ทิสใต้ ส่วนการหาทิศใต้ เราจะใช้กลุม่ ดาวกางเขนใต้ในการหาทิศ คนไทยเรียกกลุม่ ดาวกางเขนใต้วา่ ดาว ว่าวปักเป้า โดยในฤดูร้อนจะเห็นกลุ่มดาวกางเขนใต้ในตอนดึก แต่ในฤดูฝนจะเห็นในตอน หัวค่ำ ดวงดาวลา้ งสดุ ของดาวกางเขนใตจ้ ะชี้ไปทางทศิ ใต้ การบอกเวลา กลุ่มดาวที่บอกเวลาที่นิยมกันเป็นส่วนใหญ่คือ ดาวหมีใหญ่ (ursa major) เป็นกลุ่มดาวที่อยู่ในซีก โลกเหนือ กลุ่มดาวดังกล่าวนี้คนไทยจินตนาการเป็นรูปจระเข้ จึงเรียกว่า กลุ่มดาวจระเข้ ในตอน ห ั ว ค ่ ำ เ ร า จ ะ เ ห ็ น ด ้ า น ห ั ว ข อ ง ด า ว จ ร เ ข ้ า ข ึ ้ น ท า ง ท า ง ท ิ ศ ต ะ ว ั น อ อ ก เ ฉ ี ย ง เ ห น ื อ แ ล ะ เ ม่ื อ เวลา 24.00 น. ดาวกลุ่มนี้จะอยู่กลางท้องฟ้าโดยส่วนหัวจะชี้ไปทางทิศเหนือ และเมื่อใกล้สว่าง สว่ นหวั จะคอ่ ย ๆ ลบั ขอบฟา้ ไปทางทิศตะวันตก เราจึงนยิ มใช้กลมุ่ ดาวหมีใหญ่หรือกลมุ่ ดาวจระเข้ใน การบอกเวาลา
62 ใบงาน คร้งั ที่ 15 วิชา พว 21001 วิทยาศาสตร์ ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนต้น ชื่อ – นามสกลุ ................................................................................... กศน.ตำบล .......................................... คำชแ้ี จง ใหผ้ เู้ รียนอ่านใบงานแลว้ ตอบคำถามจากใบงาน 1.ใหผ้ ้เู รยี นอธบิ ายวธิ หี าดาวเหนือ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 2.ให้ผู้เรยี นหาความหมายของแผนที่ดาว ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................ .............................. .................................................................................................... .......................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................... ........................................... ....................................................................................... ....................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. 3.ใหผ้ ้เู รียนอธิบายเกีย่ วกับการหาประโยชน์จากกลุม่ ดาวกฤษ์ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................. ................................ .................................................................................................. ............................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................. ............................................. ...................................................................................... ........................................................................................
63 แบบทดสอบย่อย ครั้งที่ 15 วชิ า พว 21001 วิทยาศาสตร์ ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น ช่อื – นามสกุล.................................................................................. กศน.ตำบล.......................................... ขอ้ สอบปรนยั จำนวน 5 ข้อ 1.ในการมองหาดาวเหนอื เราสังเกตไดจ้ ากกลุ่มดาว ค.คนเดนิ ปา่ ในการสังเกตดวงดาวในการ กล่มุ ใด นำทาง ก.กลุม่ ดาวหมีใหญ่ ง.ชาวประมงใช้ดวงดาวในการประมาณ ข.กลุม่ ดาวดวงแก้ว เวลาในชว่ งเวลากลางคืน ค.กลมุ่ ดาวคนยิงธนู ง.กลมุ่ ดาวผูห้ ญิงสาว 4. ขอ้ ใดไมใ่ ช่การใชป้ ระโยชน์จากดาวฤกษ์ 2.กลมุ่ ดาวจักรราศีทมี่ แี นวขึ้นและตกคอ่ นขา้ งไป ก. ใชบ้ อกทิศ ทางทศิ ใต้มากท่ีสดุ คือกล่มุ ดาวใด ข. ใช้บอกเวลา ก.กลมุ่ ดาวปลา ค. ใช้ในการใหค้ วามเพลดิ เพลนิ ข.กลุ่มดาวคนคู่ ง. ใช้ในการพยากรณ์และทำนายดวง ค.กลุ่มดาวคนยิงธนู ชะตา ง.กลุ่มดาวผูห้ ญงิ สาว 3. ขอ้ ใดไม่ใช่การนำประโยชนจ์ ากกล่มุ ดาวฤกษ์มา 5. กลุ่มดาวท่ีใชห้ าทศิ เหนือและประกอบดว้ ยดาวเหนือ ใชใ้ นการดำรงชวี ิต คือข้อใด ก.หมอดใู ช้กลุ่มดาวฤกษใ์ นการทำนาย ก. สิงโต ข.เกษตรกรใช้ดวงดาวในการทำนาย ข. หมเี ล็ก ปริมาณฝน ค. จระเข้ ง. กระต่าย ข้อสอบอตั นัย จำนวน 2 ข้อ 1.การใชแ้ ผนที่ดาวหาวแหนง่ ดาวหรือการอา่ นแผนท่ดี าวจะต้องทราบสง่ิ ต่างๆประกอบด้วยอะไรบ้าง ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 2.มนษุ ย์ในสมัยโบราณใชป้ ระยชน์จากดาวฤกษ์ และกลมุ่ ดาวในดา้ นอะไรบ้าง ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................. ................................................ .................................................................................. ............................................................................................
64 เฉลยใบงาน ครง้ั ที่ 15 วิชา พว 21001 วิทยาศาสตร์ ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น ขอ้ 1.ให้ผเู้ รยี นอธิบายวธิ ีหาดาวเหนือ -ดาวเหนือ เป็นดาวดาวที่ใช้บอกทิศทางแก่นักเดินทางมาตั้งแต่สมัยโบราณ เนื่องจากเป็นดาวที่จะประจำอยู่ ทางทิศเหนือตลอดเวลา แต่บางครั้งเราอาจสังเกตดาวเหนือได้ยาก นักเดินทางจึงใช้กลุ่มดาวมาชว่ ยในการหา ทิศเหนือ และดาวเหนือ ดังนี้ครับการหาดาวเหนือจากกลุ่มดาวหมีใหญ่ในบางครัง้ เรามองหาดาวเหนือได้จาก การดู \"กลุ่มดาวหมีใหญ่\" (Ursa major) หรือที่คนไทยเราเรียกว่า \"กลุ่มดาวจระเข้\" กลุ่มดาวนี้มีดาวสว่างเจ็ด ดวง เรียงตวั เปน็ รูปกระบวยตักน้ำ ดาวสองดวงแรกของกระบวยตักนำ้ จะช้ีไปยงั ดาวเหนือเสมอ ไมว่ ่าทรงกลม ท้องฟ้าจะหมุนไปอยา่ งไรก็ตาม ดาวเหนอื จะอยหู่ ่างออกไป 4 เท่าของระยะทางระหว่างดาวสองดวงแรกเสมอ การหาดาวเหนือจากกลุ่มดาวค้างคาวในบางคืนกลุ่มดาวหมีใหญ่เพิ่งตกไป หรือยังไม่ขึ้นมา เราก็สามารถมอง หาทิศเหนืออย่างคร่าว ๆ ได้โดยอาศัย “กลุ่มดาวค้างคาว” (Cassiopeia) กลุ่มดาวค้างคาวประกอบด้วย ดาว สวา่ ง5ดวงเรยี งเป็นรปู ตวั “M” หรอื “W” คว่ำ กลมุ่ ดาวค้างคาวจะอยู่ในทศิ ตรงขา้ มกบั กลมุ่ ดาวหมใี หญเ่ สมอ ขอ้ 2.ให้ผู้เรียนหาความหมายของแผนที่ดาว -แผนทีด่ าว คอื แผนทแี่ สดงตำแหน่งของดวงดาวบนท้องฟา้ ทคี่ รอบโลกของเราอยู่ จะมลี กั ษณะเป็นทรงกลม ไม่วา่ เราจะดูดวงดาวทตี่ ำแหน่งใดของโลก ตวั ผดู้ ูจะเปน็ ศูนย์กลางของท้องฟ้าเสมอ ข้อ3.ให้ผู้เรียนอธิบายเกี่ยวกับการหาประโยชน์จากกลุ่มดาวกฤษ์ -การหาทศิ ดาวทีเ่ รานิยมใช้ในการหาทิศ คือ ดาวเหนือ (polaris) ซงึ่ เป็นดาวฤกษ์ทีอ่ ยใู่ กล้ขวั้ โลกเหนือมากทส่ี ดุ อยู่ใน กลมุ่ ดาวหมีเลก็ (ursa minor) ดาวเหนือจะอยูค่ งทีส่ ่วนดาวอ่ืนจะโครจรไปรอบ ๆ ตามการหมนุ รอบตวั เอง ของโลก ดงั น้ันเราจึงใช้ดาวเหนือในการหาทิศ กล่าวคือ ถ้าหนั หนา้ ไปทางดาวเหนอื คอื ทิสเหนือด้านขวามือ จะเปน็ ทศิ ตะวนั ออก ดา้ นซา้ ยมอื จะเป็นทิศตะวนั ตก และดา้ นหลังจะเปน็ ทิสใต้ ส่วนการหาทิศใต้ เราจะใช้กลุ่มดาวกางเขนใตใ้ นการหาทิศ คนไทยเรยี กกลุ่มดาวกางเขนใต้ว่า ดาวว่าว ปกั เป้า โดยในฤดรู ้อนจะเห็นกลุ่มดาวกางเขนใต้ในตอนดึก แต่ในฤดูฝนจะเหน็ ในตอนหัวค่ำ ดวงดาวลา้ งสุด ของดาวกางเขนใต้จะชี้ไปทางทิศใต้ -การบอกเวลา กลุ่มดาวทบ่ี อกเวลาทน่ี ยิ มกันเปน็ ส่วนใหญค่ ือ ดาวหมใี หญ่ (ursa major) เปน็ กลุ่มดาวทอ่ี ย่ใู นซีกโลกเหนือ กลุ่มดาวดังกล่าวน้คี นไทยจินตนาการเป็นรูปจระเข้ จงึ เรียกว่า กลุ่มดาวจระเข้ ในตอนหวั ค่ำเราจะเหน็ ดา้ น หัวของดาวจรเขา้ ขึน้ ทางทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและเม่อื เวลา 24.00 น. ดาวกล่มุ นจ้ี ะอยู่กลางท้องฟ้า โดยสว่ นหัวจะช้ีไปทางทศิ เหนือ และเมื่อใกลส้ วา่ งสว่ นหัวจะค่อย ๆ ลบั ขอบฟา้ ไปทางทศิ ตะวนั ตก เราจึงนิยม ใช้กล่มุ ดาวหมีใหญ่หรือกลุ่มดาวจระเข้ในการบอกเวาลา
65 เฉลยแบบทดสอบย่อย ครง้ั ท่ี 15 วชิ า พว 21001 วิทยาศาสตร์ ระดับ มธั ยมศึกษาตอนตน้ ข้อสอบปรนัย 1. ก 2. ค 3. ง 4. ง 5. ข ขอ้ สอบอตั นัย ขอ้ ท่ี1 1.บนทอ้ งฟ้า (direction) เกืดจากการหมนุ รอบตวั เองของโลกจากทางทิศตะวันตกไปทางทิศ ตะวนั ออกและลับของฟ้าทางทิสตะวันตก 2.เสน้ ขอบฟ้า (Horizon) คือ เสน้ วงกลมบนพนื้ โลกจรดของฟ้าลอ้ มรอบตวั เรา 3.เส้นเมอรเิ ดียนท้องฟ้า (meridian) เปน็ เสน้ ท่ีแบง่ ครง่ึ ท้องฟ้าออกเปน็ 2 ส่วน คือ ซีกทาง ตะวนั ออกและตะวนั ตก 4.เสน้ ศูนย์สตู รทอ้ งฟา้ (celestial equator) จะอย่ใู นระนาบเดียวกับเส้นศนู ยส์ ตู รของโลก และจะมี จดุ ผา่ น 3 จุด คอื ขอบฟ้าทิศตะวันตกและขอบฟ้าทิศตะวันออก และจดท่ี 3 คอื จุดเหนอื ศรษี ะ 5.จุดยอดท้องฟ้า (zenith) คือ จดุ สูงสุดบนทอ้ งฟา้ จะอย่เู หนอื ศรษี ะพอดี หรอื เรียกวา่ จุดเหนอื ศรีษะ ข้อที่2 การหาทศิ ดาวทเี่ รานยิ มใชใ้ นการหาทศิ คือ ดาวเหนือ (polaris) ซึง่ เป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกลข้ ้ัวโลกเหนือมากทีส่ ุด อย่ใู น กลมุ่ ดาวหมเี ล็ก (ursa minor) ดาวเหนือจะอยู่คงท่สี ่วนดาวอนื่ จะโครจรไปรอบ ๆ ตามการหมนุ รอบตวั เอง ของโลก ดงั นนั้ เราจงึ ใชด้ าวเหนอื ในการหาทศิ กลา่ วคือ ถา้ หันหนา้ ไปทางดาวเหนอื คือทิสเหนือดา้ นขวามือ จะเปน็ ทิศตะวันออก ด้านซ้ายมือจะเป็นทิศตะวันตก และด้านหลงั จะเป็นทสิ ใต้ ส่วนการหาทศิ ใต้ เราจะใช้กลุม่ ดาวกางเขนใตใ้ นการหาทิศ คนไทยเรยี กกลุ่มดาวกางเขนใตว้ ่า ดาวว่าว ปกั เป้า โดยในฤดรู ้อนจะเห็นกลมุ่ ดาวกางเขนใต้ในตอนดึก แต่ในฤดูฝนจะเหน็ ในตอนหัวค่ำ ดวงดาวลา้ งสุด ของดาวกางเขนใต้จะชี้ไปทางทิศใต้ การบอกเวลา กลมุ่ ดาวที่บอกเวลาทน่ี ิยมกนั เป็นส่วนใหญ่คอื ดาวหมีใหญ่ (ursa major) เปน็ กลุม่ ดาวท่อี ยใู่ นซีกโลกเหนอื กลมุ่ ดาวดังกล่าวน้ีคนไทยจนิ ตนาการเป็นรูปจระเข้ จึงเรยี กวา่ กลมุ่ ดาวจระเข้ ในตอนหวั คำ่ เราจะเห็นด้าน หัวของดาวจรเข้าข้ึนทางทางทิศตะวันออกเฉยี งเหนือและเม่อื เวลา 24.00 น. ดาวกลุ่มน้ีจะอยู่กลางท้องฟา้ โดยส่วนหวั จะชไ้ี ปทางทิศเหนือ และเมื่อใกล้สวา่ งส่วนหวั จะค่อย ๆ ลบั ขอบฟา้ ไปทางทิศตะวันตก เราจึงนยิ ม ใชก้ ลมุ่ ดาวหมใี หญ่หรือกลมุ่ ดาวจระเขใ้ นการบอกเวาลา
66 แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ า พว 21001 วิทยาศาสตร์ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น จำนวน 4 หนว่ ยกิต คร้งั ท่ี 16 จำนวน....6..... ชั่วโมง แบบพบกลุ่ม จำนวน....6..... ชวั่ โมง เร่ือง วทิ ยาศาสตรกับชองทางในการ ประกอบอาชพี ตัวช้ีวดั อธบิ าย การออกแบบ วางแผน ทดลอง ทดสอบ ปฏบิ ตั ิการเรอื่ ง ไฟฟา้ ได้อยา่ งถูกต้องและปลอดภยั คดิ วิเคราะห์ เปรียบเทยี บข้อดี ขอ้ เสยี ของการตอ้ วงจรไฟฟ้า แบบอนุกรม แบบขนาน แบบผสม ประยุกต์ และ เลือกใช้ความรู้และอาชีพชา่ งไฟฟา้ ให้เหมาะสมกับด้าน บริหารจัดการและการบริการ เน้ือหา วทิ ยาศาสตรกับชองทางในการ ประกอบอาชพี 1. ประเภทของไฟฟา 2. วัสดอุ ุปกรณเครื่องมือชางไฟฟา 3. วสั ดอุ ปุ กรณที่ใชในวงจรไฟฟา 4. การตอวงจรไฟฟาอยางงาย 5. กฎของโอหม 6. การเดินสายไฟฟาอยางงาย 7. การบริหารจัดการและการบรกิ าร 8. โครงงานวทิ ยาศาสตรสูอาชพี ขนั้ ตอนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ขน้ั ที่ 1 การกำหนดสภาพปญั หา ความต้องการในการเรยี นรู้ ครพู ดู คยุ กบั ผ้เู รยี นเกยี่ วกบั ประเภทของไฟฟ้า และอปุ กรณ์ไฟฟ้าภายในบา้ นพรอ้ มยกตวั อยา่ งอุปกรณ์ ทีม่ ใี น กศน.ตำบล ข้นั ท่ี 2 การแสวงหาข้อมลู และจัดการเรียนรู้ 1.ครูใช้คลปิ วีดีโอ เร่อื ง ไฟฟ้านั้นสำคญั ไฉน ในการอธิบายเก่ียวกับวสั ดอุ ุปกรณเคร่ืองมือชางไฟฟา วัสดอุ ปุ กรณที่ใชในวงจรไฟฟาการตอวงจรไฟฟา อยางงาย การเดนิ สายไฟฟาอยางงาย จากนัน้ ครใู ห้ผเู้ รยี นทำ กิจกรรม 2.ครูแจกบัตรคำ เกี่ยวกับชื่อวัสดุ อุปกรณ์ และอุปกรณ์เครื่องมือช่างไฟฟ้า ให้ผู้เรียนวาดภาพจาก บัตรคำที่ตนเองได้รับ และนำมาวางคละรวมกันจากนั้นให้เล่นเกม ตามเวลาที่กำหนดให้ โดยให้ผู้เรียนหยิบ ภาพคนละ 1 ภาพ นำมาเขียนบอกประโยชน์การใช้งานและวิธีการใช้งานที่ปลอดภัย ของอุปกรณ์นั้นๆ ใคร เสร็จกอ่ นและถูกตอ้ ง เป็นผู้ชนะ 3. ใหแ้ ต่ละกลุม่ นำเสนอโครงงานท่ีไดร้ บั มอบหมาย
67 4. ครแู ละผู้เรยี นรว่ มกันสรุปความรแู้ ละประโยชน์ท่ีไดร้ บั จากกจิ กรรมน้ี ข้นั ท่ี 3 การปฏิบัติและนำไปประยุกตใ์ ช้ ครูให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบย่อย และใบงานพร้อมสรุปเนื้อหาร่วมกันในรูปแบบ 2 3 4 ตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ขั้นที่ 4 การประเมนิ ผล 1. ใบงาน 2. แบบทดสอบย่อย 3. โครงงาน สอ่ื 1. หนังสอื เรยี น 2. ใบงาน 3. อินเตอรเ์ นต็ 4. คลิปวดี ีโอ เรื่อง ไฟฟา้ นน้ั สำคัญไฉน การวัดผลประเมินผล 1. ใบงาน 2. แบบทดสอบย่อย 3. โครงงาน
68 ใบงาน คร้ังที่ 16 วิชา พว21001 วทิ ยาศาสตร์ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ชอื่ -นามสกลุ ........................................................ กศน.ตำบล....................................... คำชแ้ี จ้ง 1. ประเภทของไฟฟ้า แบ่งออกเปน็ กี่แบบ และแบบใดบา้ ง .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 2. ให้ผูเ้ รยี นยกตวั อยา่ งวัสดุอุปกรณเ์ ครื่องมือช่างไฟฟา้ มา 3 ประเภทพร้อมบอกวิธกี ารใชง้ าน ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 3. ใหผ้ เู้ รียนเขียนสัญลกั ษณ์ของอุปกรณ์ไฟฟ้า .............................................................................................................................. ................................................ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. 4. การต่อวงจรไฟฟ้ามีกี่แบบ ประกอบด้วยอะไรบา้ ง ............................................................................................................ .................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................. ................................. .................................................................................................. ............................................................................ ............................................................................................................................. .................................................
69 แบบทดสอบย่อย คร้ังที่ 16 วชิ า พว21001 วิทยาศาสตร์ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น ชือ่ – นามสกลุ .................................................................................. กศน.ตำบล.......................................... ข้อสอบปรนัย จำนวน 5 ข้อ 1.ข้อใดเปน็ อปุ กรณใ์ นการต่อเซลลไ์ ฟฟ้าอย่างง่าย ก. สายไฟ สวติ ช์ ข. หลอดไฟ มอเตอร์ ออดไฟฟา้ ค. หลอดไฟ สายไฟเซลลไ์ ฟฟ้า สวิตช์ ง. เซลล์ไฟฟ้า แบตเตอรี่มอเตอรเ์ ซลลไ์ ฟฟ้า 2. การต่อตัวตา้ นทานทท่ี ำให้กระแสไฟไหลไปใน ทิศทางเดียวกันเป็นการต่อวงจรไฟฟ้าแบบใด ก. แบบขนาน ข. แบบอนุกรม ค. แบบตา้ นทาน ง. แบบกระแสตรง 3. วตั ถทุ ่มี คี ุณสมบัตติ า้ นทางการไหลของ กระแสไฟฟ้าคือข้อใด ก. ขั้วไฟฟา้ ข. ตัวนำไฟฟา้ ค. ฉนวนไฟฟา้ ง. แมเ่ หล็กไฟฟา้ 4. สายไฟฟา้ ทีเ่ หมาะสำหรบั การใชใ้ นบา้ นท่ีอยู่อาศัย ทั่วไปควรเปน็ สายไฟฟ้าประเภทใด ก. สาย NYY ข. สาย VAF ค. สาย VCT ง. สาย THW 5. ประเภทของไฟฟา้ แบ่งได้เปน็ ก่ีแบบ ก. 2 แบบ ข. 3 แบบ ค. 4 แบบ ง. 5 แบบ
70 ข้อสอบอัตนัย จำนวน 2 ข้อ 1. จงอธบิ ายความหมายกฎของโอห์ม ............................................................................................................................. ................................................. ……………............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................ .............................................................................................................................................................................. 2. วิธีการเดินสายไฟฟา้ แบ่งออกเป็นกี่แบบ แบบใดบา้ ง ................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ................................................ ................................................................................................................................................. ............................. ...................................................................................................... .......................................................................
71 เฉลยใบงาน ครงั้ ท่ี 16 วชิ า พว21001 วิทยาศาสตร์ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ 1.ประเภทของไฟฟา้ แบง่ ออกเป็นกแ่ี บบ และแบบใดบา้ ง - 2 แบบ 1. ไฟฟ้าสถิต (Statics Electricity) ไฟฟา้ สถิต เป็นกระแสไฟฟ้าทเี่ กิดจากการเสยี ดสีของวัตถุ 2 ชนิด คอื แท่งแก้วนำมาขัดถูกับผ้า ไหม จะมผี ลทำให้ ทำให้ อิเล็กตรอนย้ายท่ี แทง่ แก้วจะมอี ำนาจไฟฟ้าดึงดูดวตั ถเุ บา ๆ เชน่ เศษกระดาษ หรือ ไฟฟา้ สถิตท่ีเกดิ จากธรรมชาติ เชน่ ฟา้ แล็บ ฟ้าร้อง ฟ้าผา่ 2. ไฟฟา้ กระแส (Current Electricity) คือแหล่งกำเนิดไฟฟ้าที่มนุษย์สามารถผลิตขึ้นมาเพื่อใช้งานด้านต่างๆได้อย่างมากมายโดยการส่ง กระแสไฟฟ้าให้เคล่ือน ท่ี ไปในลวดตวั นำ แบ่งออกเป็น 2 ชนดิ คอื ไฟฟ้ากระแสตรง( Direct Current) ไฟฟ้า กระแสสลับ (Alternation Current) 2. ให้ผ้เู รยี นยกตวั อยา่ งวสั ดอุ ุปกรณ์เครือ่ งมือชา่ งไฟฟา้ มา 3 ประเภทพรอ้ มบอกวิธีการใชง้ าน -มีด ท่ใี ช้กับการปฏิบตั งิ านไฟฟ้าส่วนใหญเ่ ปน็ มีดพบั หรอื คัตเตอรใ์ ชใ้ นการปอกฉนวน ตดั หรือ -คีม เปน็ อปุ กรณท์ ใ่ี ชใ้ นการบีบ ตัด มว้ นสายไฟฟา้ -สว่านใช้ในการเจาะยึดอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่นสวิตซ์ โคมไฟฟ้า แป้นไม้ ซึ่งยึดด้วยน๊อตหรอื สกรู จำเป็นต้องเจาะรู การเจาะสามารถทำได้โดยใช้สว่าน หรอื บิดหลา่ 3. ใหผ้ ู้เรียนเขยี นสญั ลกั ษณข์ องอปุ กรณ์ไฟฟา้ 4.การตอ่ วงจรไฟฟ้ามกี ่แี บบ ประกอบด้วยอะไรบา้ ง -2แบบ (1)การต่อวงจรไฟฟา้ แบบอนุกรม (2)การตอ่ วงจรไฟฟ้าแบบขนาน
72 เฉลยแบบทดสอบย่อย ครั้งท่ี 16 วิชา พว21001 วิทยาศาสตร์ ระดับ มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ข้อสอบปรนัย 1. ก 2. ข 3. ค 4. ข 5. ก ข้อสอบอัตนัย ข้อ1 - กระแสไฟฟา้ ทไ่ี หลในวงจรไฟฟ้าไดน้ น้ั เกดิ จากแรงดันไฟฟ้าที่จา่ ยให้กับวงจร และปรมิ าณกระแสไฟฟ้า ภายในวงจรจะถูกกำจดั โดยความตา้ นทานไฟฟ้าภายในวงจรไฟฟ้านั้นๆ ดงั นน้ั ปริมาณกระแสไฟฟา้ ภายในวงจร จะข้ึนอยูก่ บั แรงดนั ไฟฟา้ และคา่ ความต้านทานของวงจร ขอ้ 2 - 2 แบบ 1.แบบเดนิ บนผนงั 2.แบบฝังในผนงั
73 แผนการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง รายวิชา พว21001 วทิ ยาศาสตร์ จำนวน 60 ช่ัวโมง สาระการเรยี นรพู้ ืน้ ฐาน ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น วนั เดือน ปี เรอื่ ง สาระสำคญั วธิ ีการหาขอ้ มลู จำนวน แหล่งข้อมลู แหลง่ เรือ่ ง แรงและ ชม. เรียนรูท้ ่ีใช้ พลังงานเพอื่ งานและพลงั งาน -ศกึ ษาค้นหาจากเอกสาร 10 -หนังสอื เรยี นวชิ า ชวี ิต 1. รูปของพลงั งาน ประกอบการเรียนวชิ า วทิ ยาศาสตร์ระดบั เร่ือง ดารา มธั ยมศึกษาตอนต้น ศาสตร์เพื่อ 2. ไฟฟา้ วิทยาศาสตร์ -หอ้ งสมดุ ประชาชน ชีวิต ดวงดาว -กศน.ตำบล กับชวี ิต 2.1ไฟฟา้ ใน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น -อนิ เทอรเ์ น็ต ชีวิตประจำวัน -ค้นคว้าจากอินเตอรเ์ น็ต 10 -หนงั สือเรียนวชิ า วทิ ยาศาสตร์ ระดับ 2.2 การอนุรกั ษ์ -คน้ คว้าจากเอกสารที่เก่ยี วข้อง มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ -หอ้ งสมุดประชาชน พลังงานไฟฟ้า กบั เน้อื หา -กศน.ตำบล -อนิ เทอรเ์ น็ต 3. แสง 10 -หนังสือเรียนวชิ า 3.1ประโยชนแ์ ละโทษ วิทยาศาสตร์ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น ของแสง -ห้องสมดุ ประชาชน -กศน.ตำบล 4. พลงั งานความร้อน -ศกึ ษาค้นหาจากเอกสาร -อินเทอร์เน็ต และแหลง่ กำเนดิ ประกอบการเรียน 4.1 พลังงานความร้อน วิชาวิทยาศาสตร์ และแหลง่ กำเนดิ การ ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น ขยายตัวของวัตถุ -คน้ ควา้ จากอินเตอร์เน็ต 4.2 การนำไปใช้ -ค้นควา้ จากเอกสารท่เี กย่ี วข้อง ประโยชน์ กบั เนือ้ หา 4.3 พลงั งานทดแทน และการใช้ประโยชน์ เชน่ เอทานอล ไบโอดีเซล พลงั งานนิวเคลียร์ ฯลฯ ดาราศาสตร์เพ่ือชีวิต -ศกึ ษาคน้ หาจากเอกสาร ดวงดาวกบั ชีวิต ประกอบการเรยี นวชิ า 1. กลุ่มดาวจักราศี วิทยาศาสตร์ ระดบั มธั ยมศกึ ษา ตอนต้น -คน้ ควา้ จากอินเตอร์เน็ต -ค้นคว้าจากเอกสารท่ีเกย่ี วข้อง กับเน้อื หา
74 วัน เดอื น ปี เรื่อง สาระสำคญั วธิ ีการหาขอ้ มลู จำนวน แหล่งข้อมูลแหลง่ 2. การสังเกตตำแหน่งของ ชม. เรยี นรทู้ ใ่ี ช้ เรือ่ ง วทิ ยา ดาวฤกษ์ -ศึกษาค้นหาจากเอกสาร 10 ศาสตรกับชอง ประกอบการเรียนวชิ า -หนงั สือเรียนวชิ า ทางในการ วิทยาศาสตรกับชองทางใน วทิ ยาศาสตร์ ระดับมัธยมศกึ ษา 10 วิทยาศาสตร์ ระดับ ประกอบ การ ประกอบอาชีพ ตอนตน้ มธั ยมศกึ ษาตอนต้น อาชพี 1. การใชเคร่ืองใชไฟฟา -คน้ ควา้ จากอินเตอรเ์ น็ต 5 -ห้องสมุดประชาชน อยางงาย -คน้ ควา้ จากเอกสารทเ่ี กย่ี วข้อง -กศน.ตำบล กับเนอ้ื หา 5 -อนิ เทอรเ์ น็ต 2.ความปลอดภยั และ -ศึกษาค้นหาจากเอกสาร อุบัติเหตุ จากอาชพี ช่าง ประกอบการเรยี นวิชา -หนังสอื เรียนวิชา ไฟฟ้า วทิ ยาศาสตร์ ระดับมธั ยมศกึ ษา วิทยาศาสตร์ ระดับ ตอนต้น มัธยมศึกษาตอนต้น 3. คาํ ศพั ททางไฟฟา -คน้ คว้าจากอินเตอร์เน็ต -ห้องสมดุ ประชาชน -คน้ ควา้ จากเอกสารทเ่ี กี่ยวข้อง -กศน.ตำบล กบั เนื้อหา -อนิ เทอรเ์ น็ต -ศกึ ษาค้นหาจากเอกสาร ประกอบการเรยี นวิชา -หนงั สอื เรยี นวชิ า วิทยาศาสตร์ ระดบั มธั ยมศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ ระดบั ตอนตน้ มธั ยมศกึ ษาตอนต้น -ค้นคว้าจากอนิ เตอรเ์ น็ต -หอ้ งสมดุ ประชาชน -ค้นคว้าจากเอกสารท่เี กี่ยวข้อง -กศน.ตำบล กบั เนอ้ื หา -อนิ เทอร์เน็ต -ศึกษาค้นหาจากเอกสาร ประกอบการเรียนวิชา -หนังสือเรียนวิชา วทิ ยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษา วทิ ยาศาสตร์ ระดับ ตอนตน้ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ -ค้นคว้าจากอินเตอร์เน็ต -หอ้ งสมุดประชาชน -คน้ ควา้ จากเอกสารท่เี ก่ยี วข้อง -กศน.ตำบล กบั เน้อื หา -อนิ เทอรเ์ น็ต
75 แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ า พว21001 วทิ ยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ จำนวน 4 หน่วยกติ ครั้งท่ี 14 จำนวน 20 ช่ัวโมง แบบการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง จำนวน 20 ชัว่ โมง เรื่อง แรงและพลงั งานเพ่อื ชีวิต ตวั ชวี้ ัด งานและพลังงาน 1.1 อธิบายความหมายของงานและพลังงานในรูปแบบต่าง ได้ 1.2 การต่อวงจรไฟฟ้าอยา่ งง่ายได้ 1.3 ใชก้ ฎของโอห์มในการคำนวณได้ 1.4 บอกวิธีการอนุรักษแ์ ละประหยัดพลงั งานได้ 1.5 อธบิ ายสมบัติของแสง พลงั งานความร้อน และนำประโยชน์ไปใช้ในชีวิตประจำวนั ได้ 1.6 อธบิ ายพลงั งานทดแทน และเลอื กใช้ได้ เน้ือหา งานและพลงั งาน 1. ความหมายของงานและพลังงาน 2. รูปของพลงั งาน 3. ไฟฟ้า 3.1 พลังงานไฟฟ้า 3.2 กฎของโอห์ม 3.3 การตอ่ ความตา้ นทานแบบต่างๆ 3.4 การหาค่าความต้านทาน 3.5 ไฟฟ้าในชีวติ ประจำวนั 3.6 การอนุรกั ษ์พลงั งานไฟฟา้ 4. แสง 4.1 แสงและสมบตั ขิ องแสง 4.2 เลนส์ 4.3 ประโยชน์และโทษของแสง 5. พลงั งานความร้อนและแหลง่ กำเนดิ 5.1 พลงั งานความร้อน และแหล่งกำเนดิ 5.2 อณุ หภมู ิ และการวดั การขยายตวั ของวัตถุ 5.3 การำไปใชป้ ระโยชน์ 5.4 พลังงานทดแทนและการใช้ประโยชน์ เช่น เอทานอล ไบโอดเี ซล พลงั งานนิวเคลียร์ ฯลฯ
76 ขัน้ ตอนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ขั้นที่ 1 การกำหนดสภาพปญั หา ความต้องการในการเรยี นรู้ ครมู อบหมายใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาค้นควา้ หาความรใู้ นเรื่อง งานและพลังงาน ขัน้ ท่ี 2 การแสวงหาขอ้ มูลและจดั การเรียนรู้ ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ด้วยตัวเองโดยศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ หนังสือหนังสือเรียน และค้นคว้าหา ความรู้เพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ต เรือ่ ง งานและพลังงาน ข้นั ท่ี 3 การปฏิบตั ิและนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ผู้เรียนบนั ทึกประเด็นสำคัญในสมดุ บนั ทึการเรียนรู้เรือ่ งงานและพลงั งาน และนำมาสง่ ในสปั ดาห์ต่อไป ขัน้ ที่ 4 การประเมินผล 1. ใบงาน 2. สมุดบันทึการเรยี นรู้ สอ่ื 1. ใบงาน 2. อินเตอร์เนต็ 3. หนงั สอื เรยี น วิชา วทิ ยาศาสตร์ การวดั ผลประเมนิ ผล - ใบงาน
77 ใบงาน ครั้งท่ี 14 วชิ า วิทยาศาสตร์ พว21001 ระดับ ม.ต้น ช่ือ – นามสกุล ................................................................................... กศน.ตำบล .......................................... คำช้ีแจง ให้ผู้เรียนอ่านใบงานแล้วตอบคำถามจากใบงาน(…10… คะแนน) 1. ให้ผูเ้ รยี นอธบิ ายวงจรไฟฟ้าในบ้านมาพอสังเขป ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 2. ใหผ้ ู้เรียนบอกวิธกี ารอนุรักษ์พลงั งานไฟฟา้ มา 5 ข้อ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................................... ........ .......................................................................................................................... .................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................................... ..................... ............................................................................................................. ................................................................. ............................................................................................................................. .................................................
78 เฉลยใบงาน ครั้งที่ 14 วชิ า วิทยาศาสตร์ พว21001 ระดับ ม.ตน้ ช่ือ – นามสกุล ................................................................................... กศน.ตำบล .......................................... คำชแี้ จง ใหผ้ เู้ รยี นอา่ นใบงานแลว้ ตอบคำถามจากใบงาน(…10… คะแนน) 1. ใหผ้ ูเ้ รียนอธิบายวงจรไฟฟ้าในบา้ นมาพอสังเขป วงจรไฟฟ้าในบ้าน วงจรไฟฟา้ ภายในบ้าน ส่วนใหญจ่ ะเปน็ การต่อแบบขนาน ซึง่ เปน็ การตอ่ วงจรทำใหอ้ ปุ กรณ์และ เครอ่ื งใช้ไฟฟ้าแตล่ ะชนดิ อยู่คนละวงจร ซงึ่ ถา้ เคร่ืองใช้ไฟฟ้าชนดิ หน่งึ เกิดขัดขอ้ งเน่ืองจากสาเหตใุ ดก็ตาม เครอ่ื งใช้ไฟฟ้าชนดิ อ่นื กย็ ังคงใช้งานได้ตามปกติเพราะไม่ได้อยู่ในวงจรเดยี วกัน ไฟฟา้ ทใี่ ช้ในบ้านเรือนท่ัวไปเปน็ ไฟฟา้ กระแสสลับมีความต่างศักย์ 220 โวลต์ การส่งพลงั งานไฟฟา้ เข้าบา้ นจะ ใชส้ ายไฟ 2 เสน้ คือ 1. สายกลาง หรือสาย N มศี กั ยไ์ ฟฟ้าเป็นศนู ย์ 2. สายไฟ หรอื สาย L มศี ักยไ์ ฟฟ้าเป็น 220 โวลต์ โดยปกติสาย L และสาย N ที่ตอ่ เข้าบ้านจะต่อเขา้ กับแผง ควบคมุ ไฟฟา้ ซง่ึ เป็นท่ีควบคุมการจ่ายพลงั งานไฟฟ้าท้งั หมดในบ้านอยา่ งมีระบบ บนแผงควบคมุ ไฟฟ้ามักจะ ประกอบด้วย ฟิวส์รวม สะพานไฟรวม และสะพานไฟย่อย โดยสะพานไฟย่อยมีไว้เพอื่ แยกและควบคมุ การสง่ พลงั งานไฟฟ้าไปยังวงจรไฟฟ้าย่อยตามส่วนตา่ งๆ ของบา้ นเรือน เช่น วงจรชั้นลา่ ง วงจรชัน้ บน วงจรในครวั เปน็ ต้น 2. ให้ผู้เรียนบอกวธิ กี ารอนรุ ักษพ์ ลงั งานไฟฟา้ มา 5 ข้อ 1.ปดิ สวิตชไ์ ฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดเม่ือเลกิ ใชง้ าน สร้างให้เป็นนสิ ยั ในการดับไฟทุกคร้ังที่ออกจากห้อง 2.เลอื กซื้อเครื่องใชไ้ ฟฟ้าท่ีได้มาตรฐาน ดฉู ลากแสดงประสิทธิภาพให้แนใ่ จทุกครัง้ ก่อนตัดสินใจซ้ือ หากมี อุปกรณ์ไฟฟา้ เบอร์ 5 ต้องเลือกใชเ้ บอร์ 5 3.ปดิ เครื่องปรับอากาศทุกคร้ังทีจ่ ะไม่อยู่ในหอ้ งเกิน 1 ช่ัวโมง สาหรบั เคร่อื งปรบั อากาศทวั่ ไป และ 30 นาที สำหรบั เคร่อื งปรับอากาศเบอร์ 5 4.หมน่ั ทาความสะอาดแผน่ กรองอากาศของเคร่ืองปรบั อากาศบ่อย ๆ เพ่ือลดการเปลืองไฟในการทางานของ เครื่องปรบั อากาศ 5.ต้ังอณุ หภูมิเคร่ืองปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซยี ส ซึง่ เปน็ อณุ หภูมทิ ่ีกาลังสบาย อุณหภูมิทีเ่ พ่ิมข้นึ 1 องศา ต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 5-10 6.ไม่ควรปล่อยให้มีความเย็นร่ัวไหลจากห้องท่ีตดิ ตั้งเคร่อื งปรบั อากาศ ตรวจสอบและอุดรอยรัว่ ตามผนัง ฝา้ เพดาน ประตชู ่องแสง และปิดประตหู อ้ งทกุ ครง้ั ที่เปิดเครื่องปรับอากาศ 7.ลดและหลีกเลย่ี งการเกบ็ เอกสาร หรอื วัสดอุ ่ืนใดท่ไี ม่จาเปน็ ตอ้ งใชง้ านในห้องทม่ี เี คร่ืองปรับอากาศ เพ่ือลด การสญู เสีย และใชพ้ ลงั งานในการปรบั อากาศภายในอาคาร
79 8.ติดตัง้ ฉนวนกนั ความร้อนโดยรอบหอ้ งทม่ี ีการปรับอากาศเพื่อลดการสญู เสียพลงั งานจากการถ่ายเทความ ร้อนเข้าภายในอาคาร 9.ใช้มลู ่ีกนั สาดป้องกันแสงแดดสอ่ งกระทบตวั อาคาร และบุฉนวนกนั ความร้อนตามหลงั คาและฝาผนงั เพื่อ ไมใ่ หเ้ ครื่องปรบั อากาศทางานหนกั เกินไป 10.หลกี เลย่ี งการสญู เสยี พลงั งานจากการถ่ายเทความรอ้ นเขา้ ส่หู ้องปรับอากาศ ติดต้ังและใช้อปุ กรณค์ วบคุม การเปดิ -ปดิ ประตใู นหอ้ งทมี่ เี ครื่องปรบั อากาศ 11.ควรปลกู ตน้ ไมร้ อบๆ อาคาร เพราะตน้ ไม้ขนาดใหญ่ 1 ตน้ ให้ความเยน็ เท่ากับเครอื่ งปรับอากาศ 1 ตนั หรือ ใหค้ วามเย็นประมาณ 12,000 บีทยี ู 12.ควรปลกู ตน้ ไมเ้ พ่ือชว่ ยบังแดดข้างบ้านหรือเหนือหลงั คา เพื่อเคร่อื งปรับอากาศจะไม่ตอ้ งทางานหนักเกินไป 13.ปลกู พชื คลมุ ดิน เพ่ือช่วยลดความรอ้ นและเพมิ่ ความชนื้ ให้กับดนิ จะทาใหบ้ า้ นเยน็ ไม่จาเป็นต้องเปิด เครือ่ งปรับอากาศเยน็ จนเกินไป 14.ในสานักงาน ใหป้ ดิ ไฟ ปดิ เคร่ืองปรับอากาศ และอปุ กรณไ์ ฟฟ้าทไี่ มจ่ าเปน็ ในช่วงเวลา 12.00-13.00 น. จะสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ 15.ไม่จาเป็นต้องเปดิ เครอื่ งปรบั อากาศก่อนเวลาเริ่มงาน และควรปดิ เคร่ืองปรับอากาศก่อนเวลาเลิกใชง้ าน เล็กนอ้ ย เพ่ือประหยดั ไฟ 16.เลอื กซื้อพัดลมท่ีมีเครื่องหมายมาตรฐานรบั รอง เพราะพัดลมทีไ่ ม่ได้คุณภาพ มักเสียงา่ ย ทาให้สิน้ เปลอื ง 17.หากอากาศไม่ร้อนเกนิ ไป ควรเปดิ พดั ลมแทนเคร่ืองปรับอากาศ จะช่วยประหยัดไฟ ประหยดั เงินได้มาก ทเี ดียว 18.ใชห้ ลอดไฟประหยัดพลังงาน ใช้หลอดผอมจอมประหยัดแทนหลอดอ้วน ใชห้ ลอดตะเกียบแทนหลอดไส้ หรอื ใชห้ ลอดคอมแพคทฟ์ ลูออเรสเซนต์ 19.ควรใชบ้ ัลลาสตป์ ระหยัดไฟ หรือบัลลาสตอ์ เิ ล็กโทรนิกคู่กับหลอดผอมจอมประหยัด จะช่วยเพ่ิม ประสทิ ธิภาพในการประหยดั ไฟได้อกี มาก 20.ควรใช้โคมไฟแบบมีแผน่ สะท้อนแสงในห้องตา่ ง ๆ เพ่ือช่วยให้แสงสว่างจากหลอดไฟ กระจายได้อยา่ งเตม็ ประสิทธภิ าพ ทาให้ไมจ่ าเป็นตอ้ งใช้หลอดไฟฟ้าวัตตส์ งู ชว่ ยประหยดั พลังงาน
80 แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชา พว21001 วิทยาศาสตร์ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ จำนวน 4 หนว่ ยกติ ครั้งที่ 15 จำนวน 20 ช่ัวโมง แบบการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง จำนวน 20 ช่ัวโมง เรอื่ ง ดาราศาสตร์เพื่อชวี ติ ดวงดาวกับชวี ิต ตวั ช้ีวดั ระบุช่ือของกลุ่มจักราศี เนือ้ หา ดาราศาสตรเ์ พ่ือชวี ติ ดวงดาวกับชีวติ 1. กล่มุ ดาวจกั ราศี 2. การสังเกตตำแหน่งของดาวฤกษ์ ขัน้ ตอนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 การกำหนดสภาพปัญหา ความต้องการในการเรยี นรู้ ครมู อบหมายให้ผูเ้ รยี นศึกษาค้นคว้าหาความรใู้ นเรอ่ื งกลมุ่ ดาวจกั ราศีและการสงั เกตตำแหน่งของดาวฤกษ์ ขัน้ ท่ี 2 การแสวงหาขอ้ มูลและจดั การเรยี นรู้ ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ด้วยโดยศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ หนังสือหนังสือเรียน และค้นคว้าหาความรู้ เพม่ิ เติมจากอนิ เตอร์เนต็ เรือ่ งกล่มุ ดาวจักราศี การสังเกตตำแหนง่ ของของดาวฤกษ์ ลงในใบงาน ข้ันที่ 3 การปฏบิ ตั แิ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ผู้เรยี นบนั ทึกประเด็นสำคัญในสมุดบันทกึ ารเรียนรู้เร่ืองกลุ่มดาวจกั ราศแี ละการสังเกตตำแหนง่ ของดาวฤกษ์ และนำมาส่งในสัปดาห์ต่อไป ขั้นที่ 4 การประเมินผล 1. ใบงาน 2. สมุดบันทกึ ารเรยี นรู้ สอ่ื 1. ใบงาน 2. อนิ เตอร์เนต็ 3. หนังสอื เรียน วิชา วทิ ยาศาสตร์ การวดั ผลประเมนิ ผล - ใบงาน
81 ใบงาน คร้งั ท่ี 15 วชิ า พว 21001 วิทยาศาสตร์ ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น ช่อื – นามสกลุ ................................................................................... กศน.ตำบล .......................................... คำชแ้ี จง ให้ผูเ้ รยี นอ่านใบงานแลว้ ตอบคำถามจากใบงาน 1. ใหผ้ ู้เรยี นบอกรปู สญั ลกั ษณ์กลุ่มดาวจกั ราศี ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................................... ........... ....................................................................................................................... ....................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................... ........................ .......................................................................................................... .................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................... ..................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. 2. ให้ผู้เรยี นบอกประโยชนจ์ ากกลุ่มดาวฤกษ์ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. .................................................
82 เฉลยใบงาน คร้งั ท่ี 15 วิชา พว 21001 วิทยาศาสตร์ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ข้อ1 กลมุ่ ดาว เดอื น ราศี แกะ เมษายน เมษ วัว พฤษภาคม พฤษภ คนคู่ มิถุนายน เมถุน ปู กรกฎาคม กรกฎ สิงโต สงิ หาคม สิงห์ หญิงสาว กนั ยายน กนั ย์ คันชงั่ ตลุ าคม ตลุ แมงปอ่ ง พฤศจิกายน พจิ กิ คนยงิ ธนู ธันวาคม ธนู แพะทะเล มกราคม มังกร คนแบกหม้อน้ำ กมุ ภาพันธ์ กมุ ภ์ ปลา มนี าคม มีน ข้อ2 1.การหาทศิ 2.การบอกเวลา
83 แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชา พว21001 วทิ ยาศาสตร์ ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ จำนวน 4 หนว่ ยกติ ครั้งที่ 16 จำนวน 20 ชั่วโมง แบบ การเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง จำนวน 20 ชั่วโมง เรอื่ ง วทิ ยาศาสตรกบั ชองทางในการ ประกอบอาชีพ ตัวช้วี ัด อธิบาย การออกแบบ วางแผน ทดลอง ทดสอบ ปฏิบตั ิการเร่ืองไฟฟ้าได้อยา่ งถูกต้องและปลอดภัย คิด วิเคราะห์ เปรยี บเทยี บข้อดี ข้อ ของการตอ่ วงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รม แบบขนาน แบบผสม ประยุกต์ และ เลือกใช้ความรู้ และ อาชีพชา่ งไฟฟ้า ให้เหมาะสม กับด้านบริหารจัดการและการบรกิ าร เนื้อหา วทิ ยาศาสตรกับชองทางในการ ประกอบอาชพี 1. การใชเครอ่ื งใชไฟฟาอยางงาย 2.ความปลอดภัยและอุบัตเิ หตุ จากอาชพี ชา่ งไฟฟ้า 3. คาํ ศพั ททางไฟฟา ขัน้ ตอนการจดั กระบวนการเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี 1 การกำหนดสภาพปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ ครูมอบหมายใหผ้ เู้ รยี นศึกษาคน้ คว้าหาความร้ใู นเรอ่ื งวทิ ยาศาสตรกบั ชองทางในการ ประกอบอาชีพ ขน้ั ที่ 2 การแสวงหาข้อมูลและจดั การเรยี นรู้ ผ้เู รียนศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเองโดยศึกษาจากหนังสอื เรยี น และคน้ ควา้ หาความร้เู พิม่ เตมิ จากอินเตอรเ์ น็ต เร่ือง วิทยาศาสตรกบั ชองทางในการ ประกอบอาชพี ขั้นที่ 3 การปฏิบัติและนำไปประยุกต์ใช้ ผ้เู รยี นบันทกึ ประเดน็ สำคญั ในสมดุ บันทึการเรียนรู้เร่ือง วิทยาศาสตรกับชองทางในการ ประกอบอาชีพ และนำมาส่งในสปั ดาห์ต่อไป ขน้ั ที่ 4 การประเมินผล 1. ใบงาน 2. สมุดบันทกึ ารเรียนรู้ สอ่ื 1. ใบงาน 2. อนิ เตอรเ์ น็ต 3. หนังสอื เรยี น วิชา วทิ ยาศาสตร์ การวัดผลประเมนิ ผล - ใบงาน
84 ใบงาน คร้งั ที่ 16 วิชา พว 21001 วิทยาศาสตร์ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ชื่อ – นามสกุล ................................................................................... กศน.ตำบล .......................................... คำชี้แจง ให้ผู้เรยี นอา่ นใบงานแล้วตอบคำถามจากใบงาน 1.จงบอกความหมายของการใชเครื่องใชไฟฟาอยางงายมา 3 ประเภท ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. 2.จงบอกขอ้ ที่ไม่ควรกระทำในการปฏบิ ัตงิ านเก่ยี วกบั ไฟฟ้ามาพอสังเขป ................................................................................................... ........................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................. ............................................ ...................................................................................... ........................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. 3.จงบอกความหมายของคำศัพทท์ างไฟฟ้ามาพอสังเขป .................................................................................................. ............................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................. ............................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. .................................................
85 เฉลยใบงาน ครั้งท่ี 16 วชิ า พว 21001 วิทยาศาสตร์ ระดับ มัธยมศึกษาตอนตน้ ขอ้ 1 พดั ลม -เลอื กขนาดและแบบใหเ่ หมาะสมกับการใชง้ าน -ปรับระดบั ความเร็วลมพอสมควร -เปิดเฉพาะเวลาทจ่ี ำเปน็ เท่านนั้ -หม่นั บำรงุ รักษาให้อยู่ในสภาพท่ดี ี เคร่ืองรับโทรทัศน์ -ควรเลอื กขนาดท่เี หมาะสมกับครอบครัวและพน้ื ทใี่ นห้อง -ควรเลือกชมรายการเดยี่ ว หรอื เปดิ เม่ือถึงเวบาท่ีมรี ายการทีต่ ้องการชม -ถอดปล๊กั เคร่ืองรับโททศั น์ทุกครั้งเมื่อไม่มีคนชม หม้อหงุ ข้าว -เลือกใช้ขนาดทเ่ี หมาะสมกับครอบครัว -ถอดปลัก๊ ออกเมื่อข้าวสกุ หรือไมม่ ีความจำเป็นต้องอุ่นให้ร้อนอกี ต่อไป ขอ้ 2 -ไม่ควรถอดปล๊กั ไฟด้วยการดึงสายไฟ -ไมค่ วรใชเ้ ครื่องมือและอุปกรร์ไฟฟ้าที่ชำรดุ -ไม่ควรใชป้ ลกั๊ ไฟที่ชำรดุ -ไม่ควรต่อพ่วงไฟเกินกำลงั -ไมค่ วรต่อปล๊ักผดิ ประเภท -ไม่ควรซอ่ มแซมอปุ กรณ์ไฟฟ้าด้วยตนเองถา้ หากไมม่ ีความรอู้ ยา่ งแทจ้ ริง ขอ้ 3 -พลงั งาน(energy) : ความสามารถในการทำงาน -ตวั นำไฟฟ้า(conductor) : สสารท่ียอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผา่ นตัวเองไดง้ ่าย -ไฟฟ้า(electricity) : การเคล่ือนท่ขี องอเิ ลก็ ตรอนผา่ นตัวนำไฟฟา้
86 บรรณานกุ รรม สำนกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั .หนงั สือเรยี นสาระความรพู้ ืน้ ฐานรายวิชา วทิ ยาศาสตร์ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ .นนทบุรี: สำนักพิมพ์ ลองไลฟ์ เอ็ด จำกัด,2551 สำนกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย.หนงั สือเรยี นสาระความรู้พนื้ ฐานรายวชิ า วิทยาศาสตร์ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ .นนทบรุ ี: สำนักพิมพ์ ปยิ มติ ร มลั ติมีเดยี จำกัด,2544 เว็บไซด์https://www.youtube.com/watch?v=c0mEkp_aTPwgเขา้ ถงึ วนั ท่ี 25 มิถุนายน 2563 เวบ็ ไซด์https://www.youtube.com/watch?v=KM1f1hEK94Yเข้าถึงวันท่ี 25 มถิ นุ ายน 2563 เว็บ ไซดh์ ttps://www.youtube.com/watch?v=Vh3JR8LfnNc&list=PLwQwAabWeZOrmJ7olNNAZPo1B yPBs66Odเข้าถงึ วันที่ 25 มิถุนายน 2563 เวบ็ ไซด์https://www.youtube.com/watch?v=rfCqKqs7A_Aเขา้ ถงึ วันท่ี 25 มิถุนายน 2563
87
Search