วนั มาฆบูชา (บาล:ี มาฆปูชา; อกั ษรโรมนั : MAGHA PUJA) เป็นวนั สาคญั ของชาวพุทธเถรวาทและวนั หยุดราชการในประเทศไทย \"มาฆบูชา\" ยอ่ มาจาก \"มาฆปูรณมี บูชา\" หมายถึง การบูชาวนั เพญ็ กลางเดือนมาฆะตามปฏิทินอนิ เดยี หรือเดือน 3 ตามปฏิทินจนั ทรคติของไทย (ตกชว่ งเดือนกุมภาพนั ธห์ รือมนี าคม) ถา้ ปีใดมเี ดือนอธิกมาส คือมเี ดือน 8 สองหน (ปีอธิกมาส) กเ็ ล่ือนไปทาในวนั เพญ็ เดือน 3 หลงั (วนั เพญ็ เดือน 3) วนั มาฆบูชาไดร้ บั การยกยอ่ งเป็นวนั สาคญั ทางศาสนาพุทธ เน่ืองจากเหตุการณ์สาคญั ท่เี กดิ ข้ึนเม่ือ 2,500 กวา่ ปีกอ่ น คือ พระโคตมพุทธเจา้ ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ทา่ มกลางท่ปี ระชุมมหาสงั ฆสนั นิบาตคร้ังใหญใ่ นพระพุทธศาสนา คมั ภรี ์ปปัญจสูทนีระบุวา่ ครั้งนั้นมเี หตุการณ์เกิดข้ึนพรอ้ มกนั 4 ประการ คือ พระภิกษุ 1,250 รูป ไดม้ า ประชุมพรอ้ มกนั ยงั วดั เวฬุวนั โดยมไิ ดน้ ดั หมาย, พระภกิ ษุทงั้ หมดนน้ั เป็น \"เอหิภิกขุอุปสมั ปทา\" หรือผูไ้ ดร้ บั การอุปสมบทจากพระพุทธเจา้ โดยตรง, พระภิกษุทง้ั หมดน้ันลว้ นเป็น พระอรหนั ตผ์ ูท้ รงอภิญญา 6, และวนั ดงั กลา่ วตรงกบั วนั เพญ็ เดือน 3 ดงั นน้ั จึงเรียกวนั น้ีอกี อยา่ งหน่ึงวา่ \"วนั จาตุรงคสนั นิบาต\" หรือ วนั ท่มี กี ารประชุมพรอ้ มดว้ ยองค์ 4 เดมิ น้นั ไมม่ พี ธิ มี าฆบูชาในประเทศพุทธเถรวาท จนมาในสมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั (รัชกาลท่ี 4) พระองคไ์ ดท้ รงปรารภถึงเหตุการณค์ ร้งั พุทธกาล ในวนั เพญ็ เดือน 3 ดงั กลา่ ววา่ เป็นวนั ท่เี กดิ เหตุการณส์ าคญั ย่งิ ควรประกอบพิธที างพระพุทธศาสนา เพ่ือเป็นท่ตี งั้ แหง่ ความศรทั ธาเล่ือมใส จึงมพี ระมหากรุณาธิคุณโปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ดั การพระราชกุศลมาฆบูชาข้ึน การประกอบพระราชพิธคี งคลา้ ยกบั วนั วิสาขบูชา คือ มกี ารบาเพญ็ พระราชกุศลตา่ ง ๆ และมกี ารพระราชทานจุดเทยี นตามประทปี เป็น พุทธบูชาในวดั พระศรีรัตนศาสดารามและพระอารามหลวงตา่ ง ๆ เป็นตน้ ในช่วงแรก พิธมี าฆบูชาคงเป็นการพระราชพิธภี ายใน ยงั ไมแ่ พร่หลายทว่ั ไป ตอ่ มา ความนิยมจดั พิธี มาฆบูชาจึงไดข้ ยายออกไปทว่ั ราชอาณาจกั ร ปัจจุบนั วนั มาฆบูชาไดร้ ับการประกาศใหเ้ ป็นวนั หยุดราชการในประเทศไทย โดยพุทธศาสนิกชนทงั้ พระบรมวงศานุ วงศ์ พระสงฆแ์ ละประชาชนประกอบพิธีตา่ ง ๆ เชน่ การตกั บาตร การฟงั พระธรรมเทศนา การเวยี นเทยี น เป็นตน้ เพ่ือบูชาราลึกถึงพระรตั นตรัยและเหตุการณส์ าคญั ดงั กลา่ วท่ีถือไดว้ า่ เป็นวนั ท่พี ระพุทธเจา้ ประทานโอวาท ปาฏิโมกข์ ซ่ึงกลา่ วถึงหลกั คาสอนอนั เป็นหวั ใจของพระพุทธศาสนา ไดแ้ ก่ การไมท่ าความชว่ั ทงั้ ปวง การบาเพญ็ ความดใี หถ้ ึงพรอ้ ม และการทาจิตของตนใหผ้ อ่ งใส เพ่ือเป็น หลกั ปฏิบตั ิของพุทธศาสนิกชนทงั้ มวล นอกจากน้ี ในปี พ.ศ. 2549 รัฐบาลไทยไดป้ ระกาศใหว้ นั มาฆบูชาเป็น \"วนั กตญั ญูแหง่ ชาติ\" เน่ืองจากในสงั คมไทยปัจจุบนั หญงิ สาวมกั เสยี ตวั ในวนั วาเลนไทน์ หลาย หน่วยงานจึงพยายามรณรงคใ์ หว้ นั มาฆบูชาเป็นวนั แหง่ ความรัก (อนั บริสุทธ์ิ) แทน
• • • •
• • •
พระพุทธรูปยืนกลางมณฑลโบราณสถานวดั เวฬุวนั มหาวหิ าร เมืองราชคฤห์ รฐั พหิ าร อนิ เดยี (เป็นพระพุทธรูปสรา้ งใหม่ ปัจจุบนั เป็นปูชนียวตั ถุสาคญั ของวดั เวฬุวนั )
กลุม่ ป่ าไผร่ ่มร่ืน ในกลุม่ โบราณสถานวดั เวฬุวนั มหาวหิ าร สถานท่พี ระพุทธองคท์ รงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์
สระโบกขรณีกลนั ทกนิวาป (สระน้า) กลางวดั เวฬุวนั มหาวหิ าร พระพุทธเจา้ เคยแสดงพระสูตรหลายพระสูตรท่นี ่ี
ซุม้ พระพุทธรูปภายในโบราณสถานวดั เวฬุวนั มหาวหิ าร
• • • • • • • • •
พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั พระผูด้ าริใหม้ พี ธิ มี าฆบูชาข้ึนเป็นครัง้ แรกของไทย
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั ภูมิพลอดุลยเดช ทรงบาเพญ็ พระราชกุศลเน่ืองในวนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา ณ วดั พระศรีรตั นศาสดาราม
วนั มาฆบชู า บางครง้ั เรียกกนั ในภาษาปากว่า วนั เวียนเทียน เพราะเป็ นวนั ท่ีชาวพุทธในประเทศไทยนิยมไปทาบุญและเวียนเทียนรอบพทุ ธศาสนสถานท่ีวดั ในเวลาคา่ ของวนั น้ี
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: