Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

A61

Description: A61

Search

Read the Text Version

พระราชบญั ญตั ิ ความรับผดิ ทางละเมดิ ของเจ้าหนา้ ท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ภูมพิ ลอดลุ ยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วนั ที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๙ เป็นปีท่ี ๕๑ ในรชั กาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ใหป้ ระกาศว่า โดยที่สมควรมีกฎหมายวา่ ด้วยความรับผดิ ทางละเมิดของเจ้าหน้าท่ี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติข้ึนไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของรัฐสภา ดงั ต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบญั ญตั นิ ้ีเรียกวา่ พระราชบญั ญตั ิความรบั ผดิ ทางละเมดิ ของเจา้ หน้าท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๒๑ พระราชบญั ญัตินใี้ หใ้ ชบ้ ังคับตัง้ แต่วนั ถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ บรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับใด ๆ ในส่วนท่ีมีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัติน้ีหรือซึ่ง ขัดหรือแยง้ กับบทแห่งพระราชบัญญตั ิน้ี ให้ใช้พระราชบญั ญัตนิ ้แี ทน มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตนิ ้ี “เจ้าหนา้ ท”่ี หมายความวา่ ข้าราชการ พนักงาน ลูกจา้ ง หรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอ่ืน ไม่ว่าจะเป็นการ แตง่ ตงั้ ในฐานะเปน็ กรรมการหรือฐานะอ่ืนใด “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอ่ืนและมี ฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถ่ิน และรัฐวิสาหกิจท่ีต้ังขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราช กฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอ่ืนของรัฐท่ีมีพระราชกฤษฎีกากาหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตาม พระราชบญั ญตั นิ ี้ด้วย มาตรา ๕ หน่วยงานของรัฐต้องรบั ผิดต่อผเู้ สยี หายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าท่ีของตนได้กระทาในการ ปฏิบตั หิ น้าท่ี ในกรณนี ้ีผเู้ สยี หายอาจฟ้องหนว่ ยงานของรฐั ดังกลา่ วได้โดยตรง แต่จะฟ้องเจ้าหน้าทีไ่ ม่ได้ ถา้ การละเมิดเกิดจากเจ้าหนา้ ทีซ่ ่งึ ไม่ได้สงั กัดหน่วยงานของรฐั แห่งใดให้ถือว่ากระทรวงการคลงั เป็น หนว่ ยงานของรฐั ทีต่ ้องรบั ผดิ ตามวรรคหน่ึง มาตรา ๖ ถา้ การกระทาละเมดิ ของเจา้ หนา้ ท่มี ใิ ชก่ ารกระทาในการปฏิบัติหน้าท่ี เจ้าหน้าท่ีต้องรับผิดใน การนน้ั เปน็ การเฉพาะตวั ในกรณนี ผ้ี ู้เสียหายอาจฟ้องเจา้ หน้าทไ่ี ดโ้ ดยตรง แต่จะฟ้องหนว่ ยงานของรฐั ไมไ่ ด้ ๑ ราชกิจจานเุ บกษา เลม่ ๑๑๓/ตอนท่ี ๖๐ ก/หน้า ๒๕/๑๔ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๓๙

มาตรา ๗ ในคดที ่ีผ้เู สยี หายฟอ้ งหนว่ ยงานของรฐั ถ้าหนว่ ยงานของรฐั เหน็ วา่ เปน็ เรือ่ งท่ีเจ้าหน้าที่ต้องรับ ผิดหรือต้องร่วมรับผิด หรือในคดีท่ีผู้เสียหายฟ้องเจ้าหน้าท่ีถ้าเจ้าหน้าท่ีเห็นว่าเป็นเร่ืองที่หน่วยงานของรัฐต้องรับ ผดิ หรอื ตอ้ งร่วมรับผิด หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าท่ีดังกล่าวมีสิทธิขอให้ศาลที่พิจารณาคดีน้ันอยู่เรียกเจ้าหน้าท่ี หรอื หนว่ ยงานของรัฐ แลว้ แตก่ รณี เข้ามาเปน็ คู่ความในคดี ถ้าศาลพิพากษายกฟ้องเพราะเหตุท่ีหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าท่ีท่ีถูกฟ้องมิใช่ผู้ต้องรับผิด ให้ขยาย อายุความฟ้องร้องผู้ที่ตอ้ งรบั ผดิ ซงึ่ มิได้ถกู เรยี กเข้ามาในคดีออกไปถงึ หกเดือนนบั แต่วนั ที่คาพพิ ากษาน้นั ถึงทส่ี ดุ มาตรา ๘ ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของ เจา้ หนา้ ที่ ให้หน่วยงานของรฐั มีสทิ ธเิ รียกให้เจ้าหน้าทผ่ี ้ทู าละเมดิ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวแก่หน่วยงานของ รฐั ไดถ้ า้ เจา้ หน้าท่ไี ด้กระทาการนน้ั ไปดว้ ยความจงใจหรอื ประมาทเลนิ เลอ่ อยา่ งรา้ ยแรง สทิ ธิเรยี กใหช้ ดใชค้ ่าสินไหมทดแทนตามวรรคหนึ่งจะมีได้เพียงใดให้คานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการ กระทาและความเปน็ ธรรมในแตล่ ะกรณเี ป็นเกณฑ์โดยมติ ้องใหใ้ ช้เตม็ จานวนของความเสียหายก็ได้ ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วยงานของรัฐหรือระบบการดาเ นินงาน ส่วนรวม ใหห้ กั สว่ นแหง่ ความรับผดิ ดงั กล่าวออกด้วย ในกรณีท่ีการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน มิให้นาหลักเรื่องลูกหน้ีร่วมมาใช้บังคับและเจ้าหน้าท่ี แต่ละคนต้องรบั ผิดใช้ค่าสนิ ไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเทา่ น้นั มาตรา ๙ ถ้าหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย สิทธิท่ีจะเรียกให้อีก ฝา่ ยหน่ึงชดใช้คา่ สนิ ไหมทดแทนแกต่ นให้มีกาหนดอายุความหน่ึงปีนับแต่วันท่ีหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าท่ีได้ใช้ คา่ สินไหมทดแทนนน้ั แก่ผ้เู สยี หาย มาตรา ๑๐ ในกรณีที่เจา้ หนา้ ทเ่ี ป็นผู้กระทาละเมดิ ตอ่ หน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐท่ีผู้ นั้นอยู่ในสังกัดหรือไม่ ถ้าเป็นการกระทาในการปฏิบัติหน้าที่การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหน้าที่ให้นา บทบัญญัติมาตรา ๘ มาใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ถ้ามิใช่การกระทาในการปฏิบัติหน้าที่ให้บังคับตามบทบัญญัติแห่ง ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ สทิ ธิเรียกรอ้ งค่าสนิ ไหมทดแทนจากเจา้ หนา้ ทท่ี ั้งสองประการตามวรรคหน่ึง ให้มีกาหนดอายุความสองปี นับแต่วันท่ีหน่วยงานของรัฐรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวเจ้าหน้าท่ี ผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน และกรณีท่ี หน่วยงานของรัฐเห็นว่าเจ้าหน้าที่ผู้น้ันไม่ต้องรับผิด แต่กระทรวงการคลังตรวจสอบแล้วเห็นว่าต้องรับผิด ให้สิทธิ เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนนั้นมีกาหนดอายุความหนึ่งปีนับแต่วันท่ีหน่วยงานของรัฐมีคาสั่งตามความเห็นของ กระทรวงการคลงั มาตรา ๑๑ ในกรณีท่ีผ้เู สยี หายเห็นว่า หน่วยงานของรฐั ต้องรับผดิ ตามมาตรา ๕ ผู้เสยี หายจะย่นื คาขอ ตอ่ หน่วยงานของรฐั ใหพ้ จิ ารณาชดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนสาหรบั ความเสียหายที่เกดิ แกต่ นกไ็ ด้ ในการนี้หน่วยงานของรฐั ต้องออกใบรบั คาขอให้ไว้เปน็ หลักฐานและพจิ ารณาคาขอนนั้ โดยไมช่ กั ชา้ เมื่อหน่วยงาน ของรฐั มีคาส่งั เชน่ ใดแล้วหากผเู้ สียหายยงั ไมพ่ อใจในผลการวินิจฉัยของหน่วยงานของรฐั ก็ใหม้ สี ทิ ธิร้องทุกขต์ ่อ คณะกรรมการวนิ จิ ฉัยร้องทกุ ข์ตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎกี าไดภ้ ายในเก้าสบิ วันนับแต่วันท่ตี นได้รบั แจง้ ผลการวินิจฉยั ให้หนว่ ยงานของรัฐพจิ ารณาคาขอท่ไี ด้รบั ตามวรรคหน่งึ ใหแ้ ล้วเสร็จภายในหน่ึงร้อยแปดสบิ วนั หากเร่ือง ใดไม่อาจพจิ ารณาได้ทนั ในกาหนดนนั้ จะตอ้ งรายงานปัญหาและอปุ สรรคให้รฐั มนตรีเจ้าสังกดั หรอื กากับหรือ

ควบคุมดแู ลหน่วยงานของรัฐแหง่ นนั้ ทราบและขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปได้ แต่รัฐมนตรีดังกล่าวจะพิจารณา อนุมตั ใิ ห้ขยายระยะเวลาให้อีกได้ไม่เกนิ หนง่ึ รอ้ ยแปดสบิ วัน มาตรา ๑๒ ในกรณที ่ีเจ้าหน้าทีต่ อ้ งชดใช้ค่าสนิ ไหมทดแทนท่ีหนว่ ยงานของรฐั ได้ใชใ้ หแ้ กผ่ ู้เสยี หายตาม มาตรา ๘ หรอื ในกรณที เ่ี จา้ หนา้ ทตี่ อ้ งใช้คา่ สนิ ไหมทดแทนเน่ืองจากเจ้าหนา้ ท่ผี ู้นั้นได้กระทาละเมดิ ต่อหนว่ ยงาน ของรัฐตามมาตรา ๑๐ ประกอบกบั มาตรา ๘ ใหห้ น่วยงานของรฐั ที่เสยี หายมีอานาจออกคาส่ังเรียกให้เจ้าหน้าทีผ่ ู้ นน้ั ชาระเงนิ ดังกลา่ วภายในเวลาที่กาหนด มาตรา ๑๓ ใหค้ ณะรฐั มนตรีจดั ให้มีระเบียบเพื่อให้เจ้าหน้าทซี่ ่ึงต้องรับผิดตามมาตรา ๘ และมาตรา ๑๐ สามารถผ่อนชาระเงินที่จะตอ้ งรับผดิ นนั้ ไดโ้ ดยคานึงถึงรายได้ ฐานะ ครอบครัวและ ความรับผิดชอบ และพฤติการณแ์ หง่ กรณีประกอบดว้ ย มาตรา ๑๔ เมอ่ื ได้มกี ารจัดต้ังศาลปกครองข้นึ แลว้ สทิ ธิรอ้ งทกุ ข์ต่อคณะกรรมการวนิ ิจฉัยรอ้ งทุกข์ตาม มาตรา ๑๑ ให้ถือว่าเป็นสิทธิฟอ้ งคดตี ่อศาลปกครอง มาตรา ๑๕ ใหน้ ายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบญั ญัติน้ี ผ้รู ับสนองพระบรมราชโองการ บรรหาร ศิลปอาชา นายกรฐั มนตรี

หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ การที่เจ้าหน้าที่ดาเนินกิจการต่าง ๆ ของ หน่วยงานของรัฐน้ัน หาได้เป็นไปเพื่อประโยชน์อันเป็นการเฉพาะตัวไม่ การปล่อยให้ความรับผิดทางละเมิดของ เจ้าหน้าที่ ในกรณีท่ีปฏิบัติงานในหน้าท่ีและเกิดความเสียหายแก่เอกชนเป็นไปตามหลักกฎหมายเอกชนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ยจ์ งึ เป็นการไม่เหมาะสมก่อให้เกดิ ความเข้าใจผดิ วา่ เจ้าหน้าท่ีจะต้องรับผิดในการ กระทาตา่ ง ๆ เป็นการเฉพาะตัวเสมอไป เมอ่ื การที่ทาไปทาให้หน่วยงานของรฐั ตอ้ งรับผดิ ตอ่ บุคคลภายนอกเพียงใด ก็จะมีการฟ้องไล่เบี้ยเอาจากเจ้าหน้าที่เต็มจานวนนั้น ทั้งท่ีบางกรณีเกิดขึ้นโดยความไม่ตั้งใจหรือความผิดพลาด เพียงเล็กน้อยในการปฏิบัติหน้าท่ี นอกจากนั้น ยังมีการนาหลักเรื่องลูกหน้ีร่วมในระบบกฎหมายแพ่งมาใช้บังคับ ให้เจ้าหน้าที่ต้องร่วมรับผิดในการกระทาของเจ้าหน้าที่ผู้อ่ืนด้วย ซ่ึงระบบน้ันมุ่งหมายแต่จะได้เ งินครบโดย ไม่คานึงถึงความเป็นธรรมที่จะมีต่อแต่ละคน กรณีเป็นการก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่เจ้าหน้าท่ีและยังเป็นการ บ่ันทอนกาลังขวัญในการทางานของเจ้าหน้าท่ีด้วย จนบางครั้งกลายเป็นปัญหาในการบริหารเพราะเจ้าหน้าที่ ไม่กล้าตัดสินใจดาเนินงานเท่าที่ควร เพราะเกรงความรับผิดชอบที่จะเกิดแก่ตน อน่ึง การให้คุณให้โทษแก่ เจ้าหน้าที่เพื่อควบคุมการทางานของเจ้าหน้าที่ยังมีวิธีการในการบริหารงานบุคคล และการดาเนินการทางวินัย กากับดูแลอีกส่วนหน่ึง อันเป็นหลักประกันมิให้เจ้าหน้าท่ีทาการใด ๆ โดยไม่รอบคอบอยู่แล้ว ดังนั้น จึงสมควร กาหนดให้เจ้าหน้าท่ีต้องรับผิดทางละเมิดในการปฏิบัติงานในหน้าที่เฉพาะเม่ือเป็นการจงใจกระทาเพ่ือการ เฉพาะตวั หรือจงใจใหเ้ กิดความเสยี หายหรือประมาทเลนิ เล่ออย่างร้ายแรงเท่านั้น และให้แบ่งแยกความรับผิดของ แต่ละคนมิให้นาหลักลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับ ทั้งน้ี เพ่ือให้เกิดความเป็นธรรมและเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการ ปฏบิ ตั งิ านของรฐั จึงจาเปน็ ตอ้ งตราพระราชบัญญัตนิ ี้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook