วสั ดใุ นชวี ติ ประจาํ วนั จดั ทําโดย ด.ช. นราธปิ บวั ลา เลขที 15 ม.2/4
คํานาํ หนงั สอื เล่มนเี ปนรายวชิ าสว่ นหนงึ ของวชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี ว22103 โดยเนอื หาภายในเล่มนวี า่ ดว้ ย เรอื ง วสั ดใุ นชวี ติ ประจาํ วนั ผู้ จดั ทําหวงั วา่ หนงั สอื เล่มนจี ะเปน ประโยชนต์ ่อผอู้ ่าน หากผดิ พลาด ประการใดต้องขออภัย ณ ทีนดี ว้ ย
สารบญั 1 ไม้ 2 โลหะ 3 พลาสติก 4 ยาง
เทอรโ์ มพลาสติก (Thermoplastic) หรอื เรซนิ เปน พลาสติกทีใชก้ ันแพรห่ ลายทีสดุ ในโลก ไดร้ บั ความรอ้ น จะอ่อนตัว และเมอื เยน็ ลงจะแขง็ ตัว สามารถเปลียนรปู ได้ พลาสติกประเภทนโี ครงสรา้ งโมเลกลุ เปนโซต่ รงยาว มี การเชอื มต่อระหวา่ งโซพ่ อลิเมอรน์ อ้ ย มาก จงึ สามารถ หลอมเหลว หรอื เมอื ผา่ นการอัดแรงมากจะไมท่ ําลาย โครงสรา้ งเดมิ ตัวอยา่ ง พอลิเอทิลีน พอลิโพรพลิ ีน พอลิ สไตรนี มสี มบตั ิพเิ ศษคือ เมอื หลอมแล้วสามารถนาํ มาขนึ รปู กลับมาใชใ้ หมไ่ ด้ ชนดิ ของพลาสติกใน ตระกลู เทอรโ์ ม พลาสติก
ยางสงั เคราะห์ (Synthetic rubber) เปน ผลิตภัณฑ์ทีสงั เคราะหข์ นึ เพอื เลียนแบบยาง ธรรมชาติ ซงึ จดั วา่ เปนอิลาสโทเมอร์ หรอื วสั ดุ ยดื หยุน่ สงั เคราะห์ (artificial elastomer) ชนิด หนงึ ทีมสี มบตั ิพเิ ศษคือ สามารถเปลียนรปู ภายใต้ ความเค้นไดม้ ากกวา่ วสั ดชุ นดิ อืนและสามารถกลับ คืนรปู ได้เหมอื นเดมิ โดยไมเ่ กิดการเสยี รูปอยา่ ง ถาวร
ยาง คือวสั ดพุ อลิเมอรท์ ีประกอบดว้ ยไฮโดรเจนและคารบ์ อน ยางเปนวสั ดทุ ีมคี วามยดื หยุน่ สงู ยางทีมตี ้นกําเนดิ จากธรรมชาต จะมาจากของเหลวของพชื บางชนดิ ซงึ มลี ักษณะเปนของเหลวส ขาว คล้ายนาํ นม มสี มบตั ิเปนคอลลอยด์ อนภุ าคเล็ก มตี ัวกลาง เปนนาํ ยางในสภาพของเหลวเรยี กวา่ นาํ ยาง ยางทีเกิดจากพชื นี เรยี กวา่ ยางธรรมชาติ ในขณะเดยี วกันมนษุ ยส์ ามารถสรา้ งยาง สงั เคราะหไ์ ดจ้ ากปโตรเลียม
โลหะ คือ วสั ดทุ ีประกอบดว้ ยธาตโุ ลหะทีมี อิเล็กตรอนอิสระอยูม่ ากมาย นนั คืออิเล็กตรอน เหล่านไี มไ่ ดเ้ ปนของอะตอมใดอะตอมหนงึ โดย เฉพาะ ทําใหม้ คี ณุ สมบตั ิพเิ ศษหลายประการ เชน่ เปนตัวนาํ ไฟฟาและนาํ ความรอ้ นไดด้ มี าก ไมย่ อมใหแ้ สงผา่ น ผวิ ของโลหะทีขดั เรยี บจะมลี ักษณะเปนมนั วาว มจี ุดเดอื ดและ จุดหลอมเหลวสงู สว่ นใหญม่ ี สถานะเปนของแขง็ (ยกเวน้ ปรอทซงึ มสี ถานะเปน ของเหลว) โลหะมคี วามแขง็ และเหนยี ว จงึ สามารถแปรรปู ได้ จงึ ถกู ใชง้ านในดา้ นโครงสรา้ งอยา่ งกวา้ งขวาง[1] [2]
ไม้ เปนวสั ดเุ นอื แขง็ ทีเกิดขนึ จากกระบวนการธรรมชาติ โดย เปนทรพั ยากรสาํ คัญทีสง่ อิทธพิ ลต่อมนษุ ยท์ กุ ปจจยั อาทิ งานโครงสรา้ งสถาปตยกรรม งานตกแต่งเฟอรน์ เิ จอรส์ นิ ค้า การแพทยแ์ ละการรกั ษา การผลิตเชอื เพลิง เพอื สรา้ งพลังงาน ไม้ เปนทรพั ยากรคณุ ค่าทีมนษุ ยน์ ยิ มใชง้ านตังแต่ครงั อดตี เนอื งจากแปรรปู ไดห้ ลากหลาย ยดื หยุน่ จาํ นวนมหาศาล สามารถพบเหน็ ไดต้ ามเขตพนื ทีทัวไป แบง่ ออกเปนหลายประเภท เชน่
กล่มุ ไมเ้ นอื แกรง่ ลักษณะกายภาพเนอื แขง็ วงปถี มอี ายุไม่ ตํากวา่ 70 ป เหมาะสาํ หรบั ทําเปนโครงสรา้ ง เชน่ ไมม้ ะค่า โมง แดง พยุง ชงิ ชนั เต็ง ตะเคียน
กล่มุ ไมเ้ นือแขง็ ลักษณะกายภาพ เนือไม้ มรี ูขนาดเล็ก-ใหญ่ ผวิ หยาบ เชน่ ไมป้ ระดู่ ตะแบก เสลา มะเกลือ เคียม หลมุ พอ บุนนาค กรนั เกรา
กล่มุ ไมเ้ นอื อ่อน ลักษณะกายภาพเนอื ไม้ ไรร้ พู รนุ ผวิ เนยี นสวย ยดื หยุน่ เชน่ ไมโ้ อ๊ค สน ยางแดง ยางพารา จาํ ปาปา กระบาก สกั ทอง อินทนลิ พะยอม พญาไม้ กะ บาก กระเจา (หลายคนอาจเขา้ ใจผดิ วา่ ไมส้ กั เปนไมเ้ นอื แขง็ แท้จรงิ แล้วไมส้ กั ถกู จดั ในกล่มุ ไมเ้ นอื อ่อนทีมคี ณุ สมบตั ิแขง็ แรง ทนทาน)
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: