Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้เรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวตั๋วเงิน

ใบความรู้เรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวตั๋วเงิน

Published by duanpen_phosri, 2018-08-14 11:35:45

Description: ใบความรู้เรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวตั๋วเงิน

Search

Read the Text Version

1 E-Book เรื่อง ความรเู้ บอื้ งตน้ เก่ยี วกบั ตวั๋ เงนิ โดย ครเู ดอื นเพญ็ โพธิ์ศรี สาขาวิชาการบัญชี วทิ ยาลยั อาชีวศึกษาขอนแก่นสานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ

2 หน่วยที่ 1 ความรเู บอ้ื งตน้ เกยี่ วกับตว๋ั เงินสาระสาคัญ การดาเนินธุรกิจในปัจจุบันมีการซื้อขายสินค้าเป็นเงินสดและเงินเชื่อ นอกจากนั้นยังมีการซ้ือขายสินค้าโดยมีการนาตราสารหนีม้ าใช้ในการชาระหนี้ไดต้ ามกฎหมายเชน่ ต๋ัวเงิน ซ่ึงทาให้เกิดความคล่องตัวในการทาธุรกิจสะดวก และปลอดภัย ดังน้นั ตว๋ั เงนิ จึงเป็นหนังสือตราสารสามารถโอนเปลี่ยนมือจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งและสามารถยืดระยะเวลาชาระหนี้ เมื่อถึงกาหนดชาระหนี้ เม่ือลูกหน้ีขอผัดผ่อน เจ้าหนี้และลูกหน้ีจะใช้ต๋ัวเงินตกลงระยะเวลาชาระหนีแ้ ละอาจมผี ลตอบแทนทีเ่ ปน็ ดอกเบ้ียจุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความหมายของต๋ัวเงนิ ได้ 2. บอกประเภทของตั๋วเงนิ ได้ 3. บอกชนดิ ของตัว๋ แลกเงินได้ 4. บอกข้อแตกต่างของตัว๋ แลกเงินและตว๋ั สัญญาใช้เงนิ ได้ 5. คานวณวันครบกาหนดและดอกเบย้ี ของตั๋วเงินได้ 6. มีการพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถสังเกตเห็นได้ ในดา้ นความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมวี ินยั ความรบั ผิดชอบ ความเชื่อมัน่ ในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามคั คี ความกตัญญูกตเวทีเน้อื หาสาระ ความหมายของตั๋วเงนิ 1. ประเภทของต๋ัวเงิน 2. การคานวณวันครบกาหนดของตวั๋ เงิน 3. การคานวณดอกเบีย้ ของตั๋วเงิน 4.ความหมายของตวั๋ เงนิ ต๋วั เงิน คือเอกสารที่คู่สัญญาใช้เป็นหลักฐานทางการเงิน เป็นนิติกรรมสองฝ่ายขึ้นไป จัดเป็นสัญญาอย่างหน่ึงที่มีทมี่ าจากมูลหนีเ้ ดมิ มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทน (Reciprocal contract) บุคคลทีจ่ ะเข้าเป็นคู่สัญญาตวั๋ เงนิ ได้ตอ้ งมคี วามสามารถตามมาตรา ๑๕๓ และตอ้ งแสดงเจตนาเข้ามาเป็นคู่สัญญาในตั๋วเงินด้วยความสมัครใจตามมาตรา ๑๔๙ ปราศจากความสาคญั ผิด กลฉอ้ ฉล หรอื การข่มขู่ เชน่ เดียวกับการทาสญั ญาทัว่ ไปลักษณะสาคญั ของต๋วั เงนิ คือ ๑. เปน็ เอกสารท่ีเปน็ ตราสาร กลา่ วคอื เปน็ หนังสือสัญญาทก่ี ฎหมายรับรองและคุ้มครองให้แก่ผู้ทรงตราสาร โดยมาตรา ๘๙๘ บัญญัติให้ต๋ัวเงินมีสามประเภท ได้แก่ ต๋ัวแลกเงิน, ต๋ัวสัญญาใช้เงิน และเช็ค ตราสารอ่ืนที่ไม่ใช่ตราสารท้ังสามประเภทน้ีไม่ใช่ต๋ัวเงิน เช่น เลตเตอร์ออฟเครดิต, ใบรับของในคลังสินค้า, ใบประทวนสินค้า,ใบหุ้น เอกสารเหลา่ นี้ แม้เป็นตราสารทเ่ี ปลยี่ นมอื ได้แตก่ ไ็ ม่นบั วา่ เป็นตั๋วเงนิ ๒. ตวั๋ เงินต้องมมี ูลหนี้การออกตั๋วเงินนนั้ ตอ้ งเป็นการออกเพอ่ื ชาระหน้ี ต๋ัวเงินไม่ได้ก่อให้เกิดหน้ีในตัวเองดังน้ันหากออกตั๋วเงินโดยไม่มีมูลหน้ีผู้ออกต๋ัวไม่ต้องรับผิด เช่น การออกตั๋วเงินเพ่ือชาระหนี้การพนันอันหา

3ก่อใหเ้ กดิ หน้ีไม่ ต๋วั เงินนัน้ ไม่อาจบังคบั ได้เพราะเป็นการออกตว๋ั โดยไม่มมี ลู หน้ี ๓. คาส่ังอันปราศจากเงื่อนไขให้จ่ายเงินเป็นจานวนแน่นอน กล่าวคือ ต้องมีลักษณะเป็นคาส่ัง ไม่เปิดโอกาสให้ผู้จ่ายใช้ดุลยพินิจในการจ่าย เช่น “กรุณาจ่ายเงินให้แก่นายดา” เช่นน้ี ผู้จ่ายมีหน้าท่ีต้องจ่ายเงินให้แก่นายดา แม้จะใช้คาว่า โปรดหรือกรุณาก็เป็นเพียงการใช้คาสุภาพเท่าน้ันแต่หากว่า ตั๋วเงินมีข้อความ “ถ้าจะจา่ ยเงิน กรุณาจ่ายให้แก่นายดา” เช่นน้ี ไม่มีลักษณะเป็นคาสั่งเพราะเปิดโอกาสให้ผู้จ่ายใช้ดุลยพินิจว่าจะจ่ายเงินหรือไม่ ไม่ใช่ลกั ษณะของต๋วั เงินคาสั่งต้องปราศจากเงื่อนไขในการจ่ายเงิน ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นเง่ือนไขบังคับก่อนหรือบังคับหลังก็ตาม เงื่อนไขคือเหตุการณ์ในอนาคตอันไม่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ เช่น จะจ่ายต่อเมื่อสอบเข้ามหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ได้ เป็นเหตุการณ์ทีไ่ มแ่ นน่ อนว่าจะสอบเขา้ ม. ธรรมศาสตร์ได้หรือไม่ถือเป็นการจ่ายโดยมีเง่ือนไข ต้องห้ามตามลักษณะต๋ัวเงินต้องจ่ายเป็นจานวนเงินท่ีแน่นอน ท้ังนี้ไม่ว่าจะเป็นเงินสกุลใดก็ได้ แต่ต้องมีจานวนท่ีแน่นอน เช่น การระบุดอกเบ้ียไว้ ๗% ถือว่าเป็นการระบุจานวนเงินท่ีแน่นอนเพราะสามารถคานวณจานวนเงนิ ท่แี น่นอนได้ประเภทของต๋ัวเงนิตั๋วเงนิ แบ่งเปน็ 3 ประเภท ไดแ้ ก่ 1. ตว๋ั สัญญาใชเ้ งนิ (Promissory Note) 2. ตว๋ั แลกเงิน (Bill of Exchange) 3. เชค็ (Cheque)1. ตวั๋ สัญญาใช้เงนิ (Promissory Note) ตว๋ั สัญญาใชเ้ งิน คอื หนังสอื ตราสารท่ีบคุ คลผู้หน่งึ ทเ่ี รยี กว่าผอู้ อกตัว๋ ใหค้ ามัน่ สญั ญาว่าจะใชเ้ งนิ จานวนหน่ึงให้แก่บุคคลอีกบคุ คลหน่ึงหรอื ให้ใชต้ ามคาส่งั ของบุคคลอีกบคุ คลหน่งึ เรียกว่า ผูร้ บั เงินตัว๋ สัญญาใชเ้ งนิ ตอ้ งมขี ้อความตอ่ ไปนี้ 1. คาบอกชือ่ วา่ เป็นตั๋วสญั ญาใช้เงิน 2. คามนั่ สญั ญาโดยปราศจากเงื่อนไขว่าจะใช้เงนิ เป็นจานวนแนน่ อน 3. วนั ถงึ กาหนดใชเ้ งิน 4. สถานท่ใี ช้เงนิ 5. ชื่อหรอื ยี่ห้อของผรู้ บั เงนิ 6. วันและสถานที่ท่ีออกต๋วั สัญญาใช้เงนิ 7. ลายมอื ช่อื ผู้ออกต๋วั

4 ตวั อย่างตว๋ั สัญญาใช้เงนิ2. ตัว๋ แลกเงนิ (Bill of Exchange) ตว๋ั แลกเงิน คือ หนงั สอื ตราสารที่บุคคลผหู้ นงึ่ ที่เรียกวา่ ผู้สัง่ จา่ ย สงั่ บุคคลอีกผ้หู น่งึ เรียกวา่ ผูจ้ ่าย ให้ใช้เงินจานวนหนึง่ แกบ่ คุ คลหนึ่งหรอื ใหใ้ ช้ตามคาส่ังของบุคคลอกี คนหน่ึงซึ่งเรยี กวา่ ผรู้ บั เงินตั๋วแลกเงินตอ้ งมขี ้อความต่อไปน้ี 1. คาบอกชอ่ื วา่ เป็นตั๋วแลกเงนิ 2. คาสัง่ อนั ปราศจากเง่อื นไขใหจ้ า่ ยเงนิ จานวนแน่นอน 3. ชื่อหรือยี่ห้อของผจู้ า่ ย 4. วันถึงกาหนดใชเ้ งนิ 5. สถานท่ีใชเ้ งิน 6. ชื่อหรอื ย่ีห้อของผู้รบั เงนิ หรือจ่ายให้แกผ่ ูถ้ อื 7. วันและสถานท่ีที่ออกตั๋ว 8. ลายมอื ช่ือผสู้ ง่ั จ่าย

5 ตวั อย่างของตวั๋ แลกเงิน3. เช็ค (cheque) เช็ค คอื หนังสอื ตราสารท่บี คุ คลคนหนึ่งทเ่ี รียกวา่ ผสู้ ่งั จา่ ย ส่ังธนาคารให้ใช้เงินจานวนหนงึ่ เมอ่ื ทวงถาม ให้แกบ่ ุคคลอกี คนหน่งึ หรือใหใ้ ชต้ ามคาสัง่ ของบคุ คลอกี คนหนึ่งซงึ่ เรยี กว่า ผู้รบั เงนิ เชค็ ตอ้ งมีขอ้ ความต่อไปน้ี 1. คาบอกชอ่ื ว่าเป็นเชค็ 2. คาสั่งอันปราศจากเงือ่ นไขใหจ้ ่ายเงินจานวนแน่นนอน 3. ชื่อหรือยี่ห้อของผ้รู บั เงินหรือจ่ายใหแ้ ก่ผูถ้ ือ 4. ชอื่ หรือย่ีห้อและสานกั งานของธนาคาร 5. สถานที่ใชเ้ งนิ 6. วันและสถานที่ออกเช็ค 7. ลายมือช่ือผสู้ งั่ จ่าย

6 ตัวอยา่ งของเช็คการคานวณวันครบกาหนดของต๋ัวเงินวนั ทค่ี รบกาหนดชาระของตวั๋ เงนิ (Maturity Date Of a Note) วนั ทีค่ รบกาหนดชาระเงินของต๋ัวเงินคอื วนั ท่รี ะบใุ หผ้ ูถ้ ือตั๋วเงินนาตั๋วไปแสดงเพื่อระชาระเงิน ซ่งึ วนั ท่คี รบกาหนดชาระของตัว๋ เงนิ สามารถระบไุ ด้ 2ประการ ดงั นี้วนั ใดวนั หนึ่งทร่ี ะบไุ ว้อย่างแน่นอน ซ่งึ เป็นการระบุวนั เดือน ปี ไว้อย่างชัดเจน เชน่ วนั ท่ีตวั๋ ครบกาหนด คือ วนั ท่ี 1มีนาคม 25×1 เป็นต้นวันท่ีกาหนดเปน็ ระยะเวลา การนับวนั ครบกาหนดชาระเงินตามาตว๋ั เงนิ สามารถระบรุ ะยะเวลาเปน็ ปี เปน็ เดอื นและเป็นวันกไ็ ด้ ซงึ่ สามารถนับหาวนั ครบกาหนดในแต่ละกรณีดงั น้ีกาหนดระยะเวลาเป็นปี วนั ครบกาหนดจะเป็นวันที่ตรงกับวนั ท่ใี นตั๋วเงนิ แต่ปที ี่ครบกาหนดจะนับจานวนปีตัง้ แตป่ ีถดั ไป คือ หากตว๋ั เงินระบวุ นั ที่ 1 มกราคม 25×1 ตัว๋ เงินมอี ายุ 1ปี วันครบกาหนดคือ 1 มกราคม 25×2 เป็นต้นกาหนดระยะเวลาเป็นเดอื น วันครบกาหนดจะเป็นวนั ทตี่ รงกบั วนั ทใี่ นต๋ัวเงนิ แตเ่ ดือนจะเปลย่ี นไปคือจะนับเดือนตง้ั แต่เดือนถัดไปเพื่อให้ทราบเดือนท่จี ะครบกาหนด คือถ้าออกตวั๋ เงนิ วนั ท่ี 1 มกราคม 25×1 กาหนด 2 เดอื น วนัครบกาหนดคือวันที่ 1 กมุ ภาพันธ์ 25×1 หรอื ตัว๋ เงนิ ลงวันท่ี 31 มีนาคม 25×1 กาหนด 2 เดอื น วันครบกาหนดคอื วันที่ 31 พฤษภาคม 25×1 เปน็ ต้นกาหนดระยะเวลาเป็นวนั การนับวนั ครบกาหนดคือ ไมน่ ับวนั ที่ออกตวั๋ แตน่ บั วนั ทต่ี วั๋ ครบกาหนด ตัวอยา่ งเชน่ ตว๋ัเงนิ ระบุวันท่ี 10 เมษายน 25×1 ตว๋ั มอี ายุ 45 วนั วันครบกาหนดกระทาไดด้ ังน้ี เดือนเมษายนมีจานวน 30 (30-10) 20 วัน เดอื นพฤษภาคม 25 วนั รวม 45 วันดงั นน้ั วันครบกาหนดของตัว๋ เงินคอื วันที่ 25 พฤษภาคม 25×1

74. การคานวณดอกเบีย้ ของตว๋ั เงนิ 4.1 เม่อื ตว๋ั เงินครบกาหนดถา้ เปน็ ต๋วั เงินชนิดไมม่ ีดอกเบี้ย มูลค่าตั๋วเงนิ เม่ือครบกาหนดจะเท่ากับมูลคา่ ตวั๋ เงนิ 4.2 เมือ่ ต๋ัวเงนิ ชนิดมีดอกเบย้ี มลู คา่ คือมูลค่าตามหนา้ ตวั๋ บวกดอกเบย้ี ของตวั๋ เงินดว้ ย ซง่ึ ดอกเบ้ียของต๋ัวเงนิและมลู ค่าตั๋วเมื่อครบกาหนด คานวณไดด้ ังนี้ดอกเบ้ียรบั = จานวนเงินหน้าต๋วั × อตั ราดอกเบ้ีย ×ระยะเวลาของต๋ัวมูลค่าตว๋ั ครบกาหนด = จานวนเงนิ หน้าตวั๋ + ดอกเบ้ียรบั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook