Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 8 อินเตอร์เน็ตและการใช้บริการบนอินเตอ

หน่วยที่ 8 อินเตอร์เน็ตและการใช้บริการบนอินเตอ

Published by 6032040007, 2018-09-04 03:35:08

Description: หน่วยที่ 8 อินเตอร์เน็ตและการใช้บริการบนอินเตอ

Search

Read the Text Version

1. ความหมาย 2. ประโยชน์ 3. วิธีการ ของ ของ เช่อื มตอ่ อินเตอรเ์ นต็อินเตอร์เน็ต อนิ เตอร์เนต็ 4. สิง่ ท่ตี ้อง 5. โปรโตคอล 6. อปุ กรณ์ที่ทราบในการเช่อื อน่ื ๆ ท่ี ใชใ้ นการตดิ ตงั้ตอ่ อนิ เตอรเ์ นต็ น่าสนใจ อนิ เตอรเ์ น็ต

1. ความหมายของอินเตอร์เนต็ อิ น เ ต อ ร์ เ น็ ต ( Internet) นั้ น ย่ อ ม า จ า ก ค า ว่ า “International network” หรือ “Inter Connection network” ซึ่งหมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เช่ือมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน เพ่ือให้เกิดการส่ือสาร และการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู ร่วมกนั โดยอาศัยตัวเชื่อมเครือข่ายภายใต้มาตรฐานการเชื่อมโยงเดียวกัน น่ันก็คือ TCP/IPProtocol ซ่ึงเป็นข้อกาหนดวิธีการติดต่อสอื่ สารระหวา่ งคอมพวิ เตอรใ์ นระบบเครือข่าย

การที่มีระบบอินเตอร์เน็ต ทาให้สามารถเคลื่อนย้ายข่าวสารข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกท่ีหน่ึงได้ โดยไม่จากัดระยะทาง ส่งข้อมูลได้หลายรูปแบบ ท้ังข้อความตัวหนังสือ ภาพ และ เสียง โดยอาศัยเครือข่ายโทรคมนาคมเป็นตัวเชื่อมต่อเครือข่ายอนิ เตอร์เน็ตนับเป็นอภิระบบเครือข่ายที่ยิ่งใหญ่มาก มีเครื่องคอมพิวเตอร์หลายล้านเคร่ืองท่ัวโลกเชื่อมต่อกับระบบ ทาใหค้ นในโลกทุกชาติทุกภาษาสามารถติดต่อส่ือสารกันได้ โดยไม่ต้องเดินทางไป โลกทั้งโลกเปรียบเสมือนเป็นบ้านหนึ่งที่ทุกคนในบ้านสามารถพูดคุยกันได้ตลอด 24ช่วั โมง ประหยัดเวลา คา่ ใชจ้ ่าย แตเ่ กดิ ประโยชน์ตอ่ สงั คมโลกปจั จบุ ันมาก

2. ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ตประโยชน์และโทษของอนิ เทอรเ์ นต็ อนิ เทอร์เน็ตเป็นเครื่องเทคโนโลยีส่ือสารที่เอ้ืออานวยความสะดวกให้แกผู้ใช้บริการ ในลักษณะของการสื่อสารท่ีผ่านทางคอมพิวเตอร์ และช่องทางการส่ือสารชนิดต่างๆ ไม่ได้เป็นการสื่อสารจากบุคคลหน่ึงไปยังบุคคลหนึ่งโดยตรง จงึ ทาให้เกิดทง้ั ประโยชน์และโทษในการสอื่ สารบนอินเทอร์เนต็

1.ประโยชนข์ องอนิ เทอรเ์ น็ต 1. สามารถติดต่อสื่อสารกบั บุคคลอื่นทั่วโลก 2. สามารถค้นหาข้อมลู ต่างๆได้เสมอื นกับเราไปนัง่ อยทู่ ี่หอ้ งสมดุ ขนาดใหญ่ไดข้ อ้ มูลมากมายจากท่วั ทุกมุมโลก 3. เปรยี บเสมอื นเวทใี่ หเ้ ข้าไปแสดงความคิดเห็นได้ภายในห้องสนทนา(chat room) และกระดานข่าว(Web room) เป็นการเปิดโลกกว้างและวสิ ัยทัศน์ในเร่อื งท่ีนา่ สนใจ 4. สามารถตดิ ตามเคลอ่ื นไหวจากข่าวสารทว่ั โลกอย่างรวดเรว็

5. สามารถเปิดการค้าได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องหาท่ีจัดต้ังร้านหรือพนกั งานบริการ แต่สามารถทาการคา้ ไดด้ ว้ ยตัวเองคนเดยี ว 6. สามารถซ้ือสินค้า โดยไม่ต้องเดินทางไปยังร้านค้า ซ้ือผ่านทางเว็บไซต์ที่ให้บรกิ าร การชาระเงินกส็ ะดวก เช่น ชาระผ่านบัตรเครดิต การหักเงินผ่านบัญชธี นาคาร 7. สามารถรับสง่ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail)เป็นการส่งจดหมายท่ีไม่ต้องเสียค่าบริการและรับส่งจดหมายได้ภายในและภายนอกประเทศนอกจากจดหมายท่เี ป็นข้อความแล้ว ยังสง่ บตั รอวยพรในเทศการตา่ งๆได้อกี

3. วิธกี ารเชอ่ื มต่ออนิ เตอร์เนต็ การเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตน้ัน ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานเป็นสาคัญ เช่นใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลที่บ้าน ใช้ในเชิงธุรกิจ ใช้เพื่อความบันเทิง หรือใช้ภายในองค์กรขนาดใหญ่ ดังนั้นการเช่ือมต่อระบบอินเตอร์เน็ตจึงมีความแตกต่างกันซ่ึงขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านความต้องการ รวมท้ังเงินทุนที่จะใช้ในการติดต้ังระบบด้วย ปัจจุบันการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทีน่ ิยมใช้มี 5 ลกั ษณะ คือ



เป็นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตท่ีเคยได้รับความนิยมในยุคแรก ๆ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์บุคคล กับสายโทรศัพท์บ้านท่ีเป็นสายตรงต่อเชื่อมเข้ากับโมเด็ม (Modem) ก็สามารถใช้งานอนิ เตอร์เน็ตได้แล้ว ผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตต้องทาการติดต่อกับผู้ให้บริการเช่ือมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านหมายเลขโทรศัพท์บ้าน โดยผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจะกาหนดชื่อผู้ใช้ (Username) และรหสั ผา่ น (Password) มาให้เพอ่ื เขา้ ใช้บริการอนิ เตอรเ์ นต็



เป็นการเช่ือมต่อท่ีคล้ายกับแบบ Dial Up เพราะต้องใช้โทรศัพท์และโมเด็มในการเช่ือมต่อ ต่างกันตรงท่ีระบบโทรศัพท์เป็นระบบความเร็วสูงที่ใช้เทคโนโลยีระบบดิจิตอล (Digital) และต้องใช้โมเด็มแบบ ISDN Modem ในการเช่ือมต่อ ดังน้ันการเช่ือมต่ออินเตอร์เน็ตแบบ ISDN จะตอ้ งคานึงถงึ สิ่งเหลา่ นี้ คือ

ดงั น้นั การเชอ่ื มตอ่ อินเตอรเ์ น็ตแบบ ISDN จะต้องคานงึ ถึงสงิ่ เหล่านี้ คือ 1. ตอ้ งตดิ ตอ่ ผู้ใหบ้ รกิ ารอินเตอรเ์ น็ต (ISP) ท่ีให้บริการการเชอ่ื มตอ่แบบ ISDN 2. การเชื่อมตอ่ ตอ้ งใช้ ISDN Modem ในการเชือ่ มตอ่ 3. ต้องตรวจสอบวา่ สถานที่ท่จี ะใช้บรกิ ารน้ี อย่ใู นอาณาเขตทใ่ี ช้บริการ ISDN ได้หรอื ไม่



เป็นเทคโนโลยีการเช่ือมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงโดยใช้สายโทรศัพท์ธรรมดา ที่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตและพูดผ่านสายโทรศัพท์ปกติได้ในเวลาเดียวกัน ส่ิงท่ีต้องคานึงถึงในการติดต้ังระบบอินเตอรเ์ น็ตแบบ DSL ก็คือ

1. ต้องตรวจสอบวา่ สถานท่ที ี่ติดต้งั อยู่ในเขตพน้ื ทใ่ี หบ้ รกิ ารระบบโทรศพั ทแ์ บบ DSL หรือไม่ 2. บัญชีผใู้ ช้อนิ เตอร์เนต็ จากผ้ใู หบ้ ริการอนิ เตอร์เนต็ ในแบบ DSL 3. การเชอื่ มต่อต้องใช้ DSL Modem ในการเชอ่ื มต่อ 4. ต้องตดิ ตั้ง Ethernet Adapter Card หรอื Lan Card ไวท้ ่เี ครอ่ื งคอมพวิ เตอรท์ ใ่ี ชใ้ นการเช่อื มต่ออนิ เตอร์เนต็ ด้วย



เปน็ การเช่อื มตอ่ อินเทอร์เนต็ โดยผา่ นสายสอื่ สารเดยี วกบั Cable TV จึงทาใหเ้ ราสามารถเชอ่ื มต่ออินเทอร์เน็ตไปพรอ้ ม ๆ กับการดูทีวไี ด้ โดยต้องจดั หาอุปกรณเ์ พ่ิมเติม คือ

1. ใช้ Cable Modem เพอื่ เช่อื มตอ่ 2. ต้องติดตงั้ Ethernet Adapter Card หรือ Lan Card ไวท้ ่เี คร่อื งคอมพิวเตอร์ที่ใชใ้ นการเชื่อมต่ออนิ เตอร์เนต็ ดว้ ย



เป็นการเชื่อมตอ่ อินเทอร์เน็ตทีม่ ีคา่ ใช้จ่ายคอ่ นขา้ งสูง ระบบที่ใชก้ ันอยูใ่ นปัจจบุ ันเรยี กวา่ Direct BroadcastSatellites หรอื DBS โดยผู้ใช้ตอ้ งจดั หาอุปกรณ์เพม่ิ เตมิ คอื

1. จานดาวเทียมขนาด 18-21 น้วิ เพอ่ื ทาหน้าที่เปน็ ตวั รับสญั ญาณจากดาวเทียม 2. ใช้ Modem เพ่ือเชื่อมตอ่ ระบบอินเตอร์เนต็

4. สง่ิ ท่ีตอ้ งทราบในการเชอื่ ต่ออินเตอรเ์ น็ต การปรบั แตง่ คอมพิวเตอรส์ าหรบั การใช้งานอนิ เทอร์เนต็ สาหรบั การเช่อื มตอ่ อนิ เทอร์เน็ตเพ่อื ใชง้ านภายในบา้ น จาเป็นต้องมี สว่ นประกอบสาคญั ทีจ่ ะสามารถเชอ่ื มตอ่ ระหวา่ งผ้ใู ช้กบั ผใู้ หบ้ ริการอนิ เทอรเ์ น็ต เพราะการใช้งานอินเทอรเ์ นต็ น้นั จะต้องเกดิ จากการเชอ่ื มตอ่ ของท้งั สองฝง่ั กอ่ น จึงจะสามารถใช้งานได้ ซ่ึงจะประกอบดว้ ยส่วนประกอบท่สี าคัญ ดังต่อไปน้ี

1. อุปกรณ์คอมพวิ เตอร์2. โมเดม็ (Modem)3. โปรแกรมสาหรับการใช้งานอนิ เทอร์เน็ต4. วิธีการเช่อื มต่ออนิ เทอร์เนต็5. การเลอื กผูใ้ ห้บรกิ ารอินเทอรเ์ น็ต

4. ส่ิงทตี่ ้องทราบในการเชือ่ ต่ออนิ เตอรเ์ น็ต ประโยชน์และโทษของอนิ เทอร์เน็ต อนิ เทอร์เน็ตเป็นเครื่องเทคโนโลยีส่ือสารท่ีเอื้ออานวยความสะดวกใหแ้ ก ผู้ใช้บริการ ในลักษณะของการสื่อสารท่ีผ่านทางคอมพิวเตอร์ และช่องทาง การส่ือสารชนิดต่างๆ ไม่ได้เป็นการส่ือสารจากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่ง โดยตรง จงึ ทาใหเ้ กดิ ทั้งประโยชนแ์ ละโทษในการสือ่ สารบนอนิ เทอรเ์ น็ต

4. ส่ิงทตี่ ้องทราบในการเชือ่ ต่ออนิ เตอรเ์ น็ต ประโยชน์และโทษของอนิ เทอร์เน็ต อนิ เทอร์เน็ตเป็นเครื่องเทคโนโลยีส่ือสารท่ีเอื้ออานวยความสะดวกใหแ้ ก ผู้ใช้บริการ ในลักษณะของการสื่อสารท่ีผ่านทางคอมพิวเตอร์ และช่องทาง การส่ือสารชนิดต่างๆ ไม่ได้เป็นการส่ือสารจากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่ง โดยตรง จงึ ทาใหเ้ กดิ ทั้งประโยชนแ์ ละโทษในการสือ่ สารบนอนิ เทอรเ์ น็ต

4. ส่ิงทตี่ ้องทราบในการเชือ่ ต่ออนิ เตอรเ์ น็ต ประโยชน์และโทษของอนิ เทอร์เน็ต อนิ เทอร์เน็ตเป็นเครื่องเทคโนโลยีส่ือสารท่ีเอื้ออานวยความสะดวกใหแ้ ก ผู้ใช้บริการ ในลักษณะของการสื่อสารท่ีผ่านทางคอมพิวเตอร์ และช่องทาง การส่ือสารชนิดต่างๆ ไม่ได้เป็นการส่ือสารจากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่ง โดยตรง จงึ ทาใหเ้ กดิ ทั้งประโยชนแ์ ละโทษในการสือ่ สารบนอนิ เทอรเ์ น็ต

5. โปรโตคอลอืน่ ๆ ทีน่ า่ สนใจ1. NetBEUI (NetBIOS Extended User Interface) เป็นโปรโตคอลท่ีเหมาะสาหรับระบบ เครือข่ายขนาดเล็กเน่ืองจากโปรโตคอลนี้ใช้วิธีกระจายสัญญาณไปท่ัวทั้งเครือข่ายไม่สามารถหาเส้นทาง(route) ไปยงั คอมพวิ เตอร์ทร่ี ้องขอข้อมลู ได้ ขอ้ ดีของโปรโตคอลนี้คือการติดต้ังซอฟต์แวรเ์ ครือข่ายไมย่ ุ่งยากซับซ้อน

2. IPX/SPX (Internet Packet Exchange) เป็นโปรโตคอลท่ีถกู พฒั นาขน้ึ มาเพอื่ นาไปใช้กับระบบเครอื ขา่ ยของ Netwareโปรโตคอลนมี้ ีความสามารถในการหาเส้นทางได้ แต่ก็ไม่ดีเทา่ กับ TCP/IP ดังน้นั จึงเหมาะสาหรบัเครือข่ายขนาดเลก็ ถึงระดับกลางเทา่ นนั้ ปัจจุบนั Netware ได้พัฒนาความสามารถจนสามารถรองรบั เครอื ขา่ ยขนาดใหญ่และมีโปรโตคอลใหเ้ ลือกใช้หลากหลายขึ้น

3. TCP/IP (Transfer Control Protocol/ Internet Protocol) เปน็ โปรโตคอลท่ีใชก้ ันอย่างแพรห่ ลายในเครอื ขา่ ยขนาดใหญแ่ ละเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ เนื่องจากมีความสามารถในการคน้ หาเส้นทางไปยงั เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ท่ีร้องขอขอ้ มูลจงึ ถกู ใช้เป็นโปรโตคอลหลักในเครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ ข้อเสยีของโพรโตคอลนี้ คือ ตอ้ งมคี วามรู้พนื้ ฐานเกีย่ วกับโปรโตคอลTCP/IP การกาหนด IP Addressอกี ทั้งจะตอ้ งมีการปรบั แตง่ค่าตา่ ง ๆ

3.1 FTP (File Transfer Protocol) ใช้ในการรบั -ส่ง แฟ้มข้อมูลระหว่างเคร่ืองลูกข่ายและเครื่องเซิร์ฟเวอร์ โดยท่ีเคร่ืองเซิร์ฟเวอร์จะต้องมีโปรแกรมให้บริการ FTP(FTP Server) ติดตง้ั และทางานอยู่ เพื่อใหเ้ คร่อื งลูกข่ายที่รนั โปรแกรม FTP Client สามารถเข้ามาขอใชบ้ ริการได้ 3.2 TELNET เป็นบริการที่ให้เครือ่ งลูกขา่ ยสามารถเขา้ ไปใช้เคร่ืองเซิร์ฟเวอร์ โดยการจาลองตัวเองให้ทางานเป็นเทอร์มินัลผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสผู้ใช้และรหัสผ่าน เพื่อแจ้งการเข้าใช้เครื่อง เมื่อเข้าไปได้แล้วการทางานต่างๆ จะเหมือนกับการเข้าไป ทางานทีห่ นา้ จอของ เครอ่ื งเซิร์ฟเวอร์

3.3 SMTP เป็นการให้บริการเพ่ือรับส่งจดหมายอิเลคทรอนิคส์ (E-Mail) โดยที่SMTPจะมีตู้ไปรษณีย์เพ่ือทาหน้าท่ีรับจดหมายจากผู้อ่ืนที่ต้องการส่งให้ และเก็บจดหมายของผู้ใช้ท่ีต้องการส่งไปยังผู้ใช้อ่ืน เมื่อถึงกาหนดเวลาท่ีตั้งไว้โปรแกรมจะทาการส่งจดหมายออกและรับจดหมายเข้ามา ผู้ใชก้ ส็ ามารถจะเปดิ อ่านไดเ้ มือ่ ตอ้ งการสว่ นการรับส่งจดหมายระหว่างเคร่ืองลูกข่ายกับ SMTPServer 3.4 HTTP (Hyper Text Transfer Protocol) ใช้ในการตดิ ต่อรับส่งข้อมูลชนิด ไฮเปอร์เท็กซ์ (Hypertext)ระหว่างเคร่ืองลูกข่ายกับ WWW Server (World Wide Web) โดยที่เอกสารนี้จะอยู่ในรูปแบบที่เขียนในภาษา HTML (Hyper Text Markup Language) เอกสารแต่ละช้นิ จะสามารถเช่ือมโยงไปยงั เอกสารชิ้นอน่ื ได้ ซ่ึงเอกสารที่ถกู เช่ือมโยงนี้อาจจะ อยู่บนเคร่ืองคอมพิวเตอร์เครอ่ื งเดยี วกนั หรือต่างเครื่องกันกไ็ ด้

3.5 DNS ( Domain Name System) ในการเช่ือมโยงเครือข่ายแบบท่ีใช้โปรโตคอล TCP/IP น้นั เครอ่ื งเซิร์ฟเวอร์และเครอื่ งลกู ข่ายทุกตวั จะต้องมีหมายเลขทใี่ ช้ในการ ระบุตัวเองคลา้ ยกับชื่อ-นามสกุลของคนเรา หมายเลขท่ีกล่าวมาน้ีเรียกว่า IP Address โดยเขียนในลักษณะน้ี 203.154.126.134 การจดจา IP Address เปน็ สงิ่ ทีท่ าได้ยากกว่าการจาช่อื ของเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ดงั น้นั จงึ เกิดการสรา้ งเซริ ฟ์ เวอร์ทจ่ี ะให้บรกิ ารการสอบถามช่ือเครอ่ื งและ IPAddress ในเครือขา่ ยอนิ เตอรเ์ น็ตข้นึ มาซ่ึงเรียกว่า Domain Name Services

4. โพรโทคอลจัดการระดบั ตัวอกั ษร เป็นแบบท่เี ก่าแกท่ ่ีสุดทีม่ ีใชง้ านบนเครือ่ งเมนเฟรม ซึ่งกาหนดให้หน่ึงตวั อักษรประกอบดว้ ยขอ้ มลู ขนาด 8 บิต แบบที่แพร่หลายท่ีสุดเรียกว่า แบบบีเอสซี (Binary SynchronousCommunication; BSC or BISYNC) ข้อมลู จะถูกส่งออกไปเป็นกลุ่มของตัวอักษรแบบ Synchronous ในลักษณะกึ่งสองทิศทาง ได้รับการพัฒนาข้ึนมาโดยบริษัทไอบีเอ็ม ในปีพ.ศ. 2510

5. โพรโทคอลจัดการแบบนบั จานวนไบต์ ปรับปรุงประสิทธิภาพของโพรโทคอลจัดการระดับตวั อกั ษรท่ใี ชต้ วั อักษรพิเศษโดยการเพ่ิมขอ้ มลู จานวนไบตข์ องข้อมูลในบล็อก หมายเลขที่อยู่บนเครือข่าย และตัวอักษรควบคุมบลอ็ กเข้าไปแทน

6. โพรโทคอลจัดการระดับบติ (Bit-Oriented Protocols) เป็นแนวทางการทางานท่ีรวมข้อมูลจริงและข้อมูลควบคุมเข้าด้วยกันเป็นโครงสร้างเรียกว่าเฟรม (Frame) ซ่ึงจะต้องกาหนดรายละเอียดไว้อย่างชัดเจนเพ่ือให้สามารถดึงข้อมูลแต่ละส่วนออกไปใช้ได้อย่างถูกต้อง บริษัทและองค์กรต่าง ๆ ได้กาหนดโพรโทคอลประเภทน้ีขึ้นมาใช้งานอย่างแพร่หลาย

7. โพรโทคอลเอสเอ็นเอ (System Network Architecture; SNA) รูปแบบโครงสร้างแบบเอสเอ็นเอเป็นหน่ึงในรูปแบบโครงสร้างระบบเครือข่ายวงกว้างสาหรับการสื่อสารระหว่างเคร่ืองเมนเฟรมกับเทอร์มินอลที่มีใช้งานมานานแล้ว บริษัทไอบีเอ็มได้พัฒนาระบบเอสเอ็นเอข้ึนมาใช้งานตั้งแต่ พ.ศ.2517 โดยการกาหนดรายละเอียดวิธีการติดต่อสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ทั้งหมด เพื่อแก้ปัญหาในความแตกต่างของอุปกรณ์ในยุคนนั้ เนื่องจากบริษทั ไอบเี อ็มเป็นเจ้าของระบบเอสเอ็นเอ

8. โพรโทคอล H.323 การสือ่ สารแบบแพก็ เกตสวิท (Packet SwitchedNetwork) ใช้ โพรโทคอลH.323 สาหรบั การสง่ ขอ้ มลู ทุกชนดิแบบเรยี ลไทม์ (Real-Time) การส่ือสารแบบนี้จะสง่ ขอ้ มลู จากจดุ หนงึ่ ไปยงั อีกจดุ หนง่ึ โดยแบ่งขอ้ มูลออกเป็นส่วนเลก็ ๆเรียกว่า แพ็กเกต เพื่อสง่ ไปยงั เปา้ หมายตามสายสอ่ื สารทเ่ี รว็ท่สี ดุ โพรโทคอลน้ไี ดร้ ับการรบั รองมาตรฐานโดย ITU เมอ่ื เดอื นตุลาคม พ.ศ. 2539

9. โพรโทคอล X.25 คณะกรรมการ CCITT (Consultative Committee forInternational Telegraph and Telephone) ได้พัฒนาโพรโทคอลมาตรฐานขึ้นมาเพ่ือใช้ในการสื่อสารระหว่างประเทศ ผ่านระบบเครือข่ายท่ีใช้แพ็กเกตสวิทช่ิง เรียกว่า โพรโทคอล X.25ระ บบ เ ครื อ ข่า ย ท่ีใช้ แ พ็ก เ ก ต ส วิ ตชิ่ง ( Packet-switchingNetwork or Packet Distribution Network) จะแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนเล็กๆ คือ แพ็กเกต เพื่อส่งออกทางสายส่ือสารความเรว็ สูงไปยังผู้รับอปุ กรณ์

4. โพรโทคอลจดั การระดบั ตวั อกั ษร ปรับปรุงประสิทธิภาพของโพรโทคอลจัดการระดับตัวอกั ษรท่ใี ชต้ วั อักษรพิเศษโดยการเพ่ิมข้อมูล จานวนไบต์ของข้อมูลในบล็อก หมายเลขที่อยู่บนเครือข่าย และตัวอักษรควบคุมบลอ็ กเข้าไปแทน

6. อุปกรณ์ที่ใช้ในการติดต้งั อินเตอรเ์ นต็ 1. เคร่ืองคอมพิวเตอร์ ควรจะเป็นคอมพิวเตอรท์ ีส่ ามารถใช้ งาน Windows ได้ และควรเปน็ Pentium ความเรว็ 133 เมกะไบต์ (MB) ฮารด์ ดิสก์ 1 กกิ ะไบต์ (GB) ถา้ ใชเ้ คร่อื งคอมพิวเตอร์ ประสทิ ธภิ าพสูงไดม้ ากเทา่ ไร ก็ยงิ่ เพิม่ ประสทิ ธิภาพต่อการใช้งานมาก ข้นึ เทา่ นน้ั

2. สายโทรศัพท์ จะตอ้ งมคี ่สู ายโทรศพั ท์ ถ้าเป็นหมายเลขส่วนตัวได้กย็ ่ิงดี 3. โมเดม็ ควรเลือกโมเด็มความเร็วอย่างนอ้ ย 56 Kbps 4. สมาชิกอินเตอร์เน็ต จะต้องสมัครสมาชิกกับศูนย์บริการอินเตอร์เน็ตISP (Internet Service Provices) กอ่ น โดยซ้ือชุดอินเตอร์เน็ตแบบสาเร็จรูปหรือจะสมัครเป็นสมาชิกแบบรายเดือนก็ได้ เมื่อสมัครแล้วจะได้ชื่อล็อกอิน และรหสั ผ่าน อีเมลแ์ อดเดรส สาหรับใช้รับส่งจดหมายอเิ ล็กทรอนกิ สบ์ นอนิ เตอร์เน็ต

การใช้อินเทอร์เน็ตในยุคปัจจุบันได้ก้าวไกลมาถึงในบ้าน และขยายเข้าถึงทุกหนทุกแห่งท่ีโทรศัพท์ไปถึง โทรศัพท์จึงเป็นเครือข่ายท่ีช่วยทาให้ผู้ใช้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่าย โทรศัพท์จึงมีประโยชน์นอกเหนือจากการเป็นสื่อสาหรับพูดคุย ส่งโทรสารแล้วยังเป็นสื่อหลักท่ีสาคัญของอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้อนิ เทอร์เนต็ จงึ ควรทาความเข้าใจและร้จู ักกับระบบโทรศัพทใ์ ห้มาก

จดั ทาโดยนางสาวชนกิ านต์ สนธิโพธิ์ปวส.2 คอมพิวเตอรธ์ รุ กจิ .1


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook