Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore _the_design_

_the_design_

Published by thanakit ritsri, 2020-03-12 01:40:17

Description: _the_design_

Search

Read the Text Version

คู่มือการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง การพูดในโอกาสต่าง ๆ - การพูดโตแ้ ย้ง - การแสดงทรรศนะ - มารยาทในการพูด ดวงพร ดวงพลพรม และคณะ

คมู่ ือการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย จัดทำโดย นางสาวดวงพร ดวงพลพรม รหสั นิสติ 60010514006 นายธนกจิ ฤทธิศ์ รี รหสั นสิ ติ 60010514007 นางสาวสชุ าดา พะกะยะ รหสั นิสิต 60010514021 นางสาวปวณี า ทพิ ยม์ ะณี รหสั นิสติ 60010514034 นายไชยโชติ แก้วคำ รหัสนสิ ติ 60010514054 นางสาวศิรวิ รรณ โพหะมาตร รหัสนสิ ิต 60010514065 นสิ ิตชนั้ ปที ี่ 3 สาขาวชิ าภาษาไทย คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม เสนอ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อัฐพล อนิ ตะ๊ เสนา รายวิชา 056 3307 การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้วิชาภาษาไทย (Thai Language Learning Activities) ภาคเรียนท่ี 2/2562 สงวนลขิ สิทธ์ิสาขาวชิ าภาษาไทย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

ก คำนำ การศึกษา เป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศไปสู่ความ เจริญรุ่งเรืองในทุก ๆ ด้าน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต้องดำเนินการ เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้ได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพและมีความสุขกับการ เรียนที่แท้จริง พร้อมท้ังการพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะสอดคล้องตามบริบท สังคมในศตวรรษที่ 21 นักเรียนมีความรู้ความสามารถด้านภาษา รู้จักแก้ปัญหา มีศักยภาพในการสื่อสาร รู้จักคิดวิเคราะห์ และสามารถ ทำงานรว่ มกันเปน็ คณะ คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่องการพูดโน้มน้าวใจ ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อใช้เป็นแนวทาง ในการนำหลักการจัดกิจกรรม ให้การจัดกิจกรรมเป็นไปอยา่ งลุล่วงและเกดิ ความสมบรู ณแ์ บบในการจดั กจิ กรรม คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดกิจกรรมเล่มนี้จะทำให้ ผู้ที่นำไปใช้ประโยชน์เข้าใจหลักการจัดกิจกรรมและวัตถุประสงค์ในการจัด กิจกรรมเป็นอยา่ งดี ขอขอบพระคุณผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัฐพล อินต๊ะเสนา อาจารย์ ประจำรายวิชาท่ีได้ให้คำปรกึ ษาและช้แี นะแนวทางได้เป็นอย่างดี คณะผูจ้ ัดทำ คู่มอื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 6

ข สารบญั 1บทนำ.................................................................. 2....................................การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ การจดั การเรียนรู้ 10โดยเน้นผเู้ รียนเป็นสำคัญ.................................... 15...............................การจดั การเรียนรใู้ นศตวรรษท่ี 21 25การออกแบบการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้................ 43......................................................บรรณานุกรม 45ภาคผนวก.......................................................... คูม่ อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6

ค สารบัญภาพ ภาพประกอบ 89314211175610123แเเแแขขแพทฟผขขโนน้ั้ัสสสอฒัปคซนั้ัน้ังดดดปตตรนโมตบตงงงออพนแอากกกโกุ๊อนนลกโนกนาาาลไนกกเิรทกลารรรคยกมาาารขหเฟศั ชีครลรราขตนั้นนใ์ใสันริวอืชอัดชตห์า้สอร้งกง…ตง้แอา้าPรนาทคาน่อ…รงน้าlรว่นฤวโiกภงโ์cกป…ยาแQษคเใาkราวนกม…อ้ดRฎแพeร็บาเเปก-…rีใฟปยรไชCรTsพซ…เนมน็…ซ้เPoรลฟตตบ…สdีย…AAิเ์…ซรว่e๊กุนค…Cd…G์บน…oชรK…oA…b๊กุตู้ัน…o…ed………วัgo….…ไp………ใP.…lลbนr.…e…l.……ee…ฟ….iกmc….…S………์.า…pki.…ei…ร.……ret……r….ถe…er.e………….……า่ms.…p….ย…………….ri……e.ท…o……….………r….…อ….…เ…e…………บ.…ด….………….้ือ………สp….……ง.……r…ด……….ต……o.………….…น้……….…….………………….……….………….……………….……….…………………….……….………….……………….……….………….……….………….………….…………….………….…….………….….….….….………………2222211222222………...0406431923206........ คู่มือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 6

ง สารบัญตาราง ตาราง 1 ตัวชวี้ ดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง ………………………………………2…5 2 ตารางวเิ คราะหบ์ ทเรียน …………………………………………………………2.7. 3 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ระดับหนว่ ย ……………………………………………2…7 4 การวดั และประเมนิ ผลประจำหน่วยการเรยี นรู้ ……………………………27. 5 แผนการจดั การเรยี นรู้ระดบั หน่วย ……………………………………………2.8. คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรยี นร้ภู าษาไทย ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 6

บทนำ การพัฒนาผู้เรียนในยุคปัจจุบัน ตามความต้องการของ หลักสตู ร จะเน้นรูปแบบการเรยี นการสอนโดยเน้นผเู้ รยี นเปน็ สำคัญ ภายใต้การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความรู้ความสามารถอย่าง หลากหลาย เพื่อให้เข้าใจในกระบวนการยิ่งขึ้นจึงมีการจัดทำคู่มือ การปฏิบัติงานเป็นแนวทางที่ให้สำหรับผู้สอนได้จัดกระบวนการ เรียนการสอน การจัดกิจกรรมในชั้นเรียน ให้ผู้เรียนได้รับรู้ ประสบการณ์ตรงในการเรียนรู้ นอกจากจะเปน็ ผลงานทแ่ี สดงความ เป็นชำนาญการในการจัดกิจกรรมแล้วยังแสดงให้เห็นว่ามีพัฒนา ศักยภาพ ความรู้ความสามารถของตน รู้จักปรับปรุง ประยุกต์ใช้ ความรู้เชิงวิชาการ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ออกมาในรูปแบบของ การเรียนการสอนอย่างเป็นระบบเข้ากับการปฏิบัติงานให้เกิดผล สัมฤทธท์ิ ดี่ ี การจัดทำคู่มือการปฏิบัติงาน นอกจากจะเป็นผลงานที่แสดง ความเป็นชำนาญการในการจัดกิจกรรมแล้วยังแสดงให้เห็นว่ามี พัฒนาศักยภาพ ความรู้ความสามารถของตน และรู้จักปรับปรุง ประยุกต์ใช้ความรู้เชิงวิชาการ ใช้ความรู้เชิงวิชาการและเทคโนโลยี ต่าง ๆ ในการจัดกิจกรรมออกมาในรูปแบบของการเรียนการสอน โดยใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ อย่างเป็นระบบเข้ากับการปฏิบัติงานให้ เกิดผลสัมฤทธิ์ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คู่มือการจัดทำคู่มือ ปฏิบัติงานฉบบั น้ี จะเป็นประโยชน์แก่บุคลากรทางการศกึ ษา ในการ เรียนการสอนในศตวรรษท่ี 21 ก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล อย่างแทจ้ รงิ คู่มอื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6

2 การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ “การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ผ้สู อนต้องศึกษาหลักสูตรและเขา้ ใจ จดุ มุ่งหมายของหลักสูตรเพอื่ ใหส้ ามารถจัดกิจกรรมการเรยี นรไู้ ด้ สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของหลักสตู ร” ดนิตา ดวงวไิ ล (2562: 216) 1. ความหมายของกิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ จะพบในหลกั สตู รปัจจุบนั ซ่ึงตอ้ งเน้นผู้เรียนเป็น สำคัญ ส่วนคำว่า กิจกรรมการเรียนการสอน เป็นคำที่พบในการจัดการ เรียนการสอนในหลักสูตรเดิม คำว่า กิจกรรมการเรียนรู้หรือกิจกรรมการ เรียนการสอน มนี กั การศกึ ษาไดใ้ หค้ วามหมาย ดังนี้ วไลพร คุโณทัย (2530: 19) ได้ให้ความหมายไว้ว่า กิจกรรมการ เรียนการสอน หมายถึง สภาพการณ์ของการจัดประสบการณ์ และการ กระทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จัดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างผู้สอนและผู้เรียน เพื่อให้การเรียนการสอนดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ น่าสนใจ และ ผเู้ รียนเกิดการเปลีย่ นแปลงพฤตกิ รรมตามจุดมุ่งหมายทกี่ ำหนดไว้ ทัศนีย์ ศุภเมธี (2542: 33) ให้ความหมายไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ กระทำขึ้นเพื่อให้การเรียนการสอนในครั้งนั้น ๆ ได้ผลดี หมายถึง การสอน ของครเู ปน็ ไปอย่างมคี วามหมาย นักเรยี นไดท้ งั้ ความรแู้ ละความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ดงั นน้ั กิจกรรมการเรียนการสอน จงึ เปน็ วถิ ที างทีส่ ำคญั ในการ นำให้ผู้เรียนได้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนที่ได้กำหนดไว้ โดย ครมู ีการวางแผนและการเตรียมการสอนมาแล้วเปน็ อย่างดี คมู่ อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6

3 จึงสรุปได้ว่า กิจกรรมการเรียนรู้ เป็นการจัดประสบการณ์เรียนรู้ แก่ผู้เรียนเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ การเรียนรู้ และสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของหลักสูตร อาจเป็นกิจกรรม ที่จัดขึ้นเพื่อใช้ในชั้นเรียนเพื่อให้ความรู้ในบทเรียนเป็นกิจกรรมเสริม หลักสูตรที่จัดขึ้นนอกห้องเรียน เพื่อพัฒนาความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน โดยกิจกรรมที่ทำงานไปทำผู้เรียนจะได้รับ ทั้งความรู้และความสนุกสนานเพลิดเพลิน ทำให้ผู้เรียนเกิดเจตคติที่ดี ต่อการเรียนรู้ 2. ความสำคัญของกิจกรรมการเรียนรู้ รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยต้องให้ความสำคัญต่อการจัดการศึกษาเพ่ือ พัฒนาคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษา ให้ครูจัดการเรียนรู้จากนามธรรม สู่รูปธรรม ให้นักเรยี นสามารถเช่ือมโยงองค์ความรูจ้ ากการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ของครู นำหลักสูตรสถานศึกษาไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ ตามหลักการของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และเพื่อให้นักเรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ มีความสามารถ ในการคิดวิเคราะห์ พัฒนาตนเองตามความสนใจและ ความถนัดอย่างเตม็ ศกั ยภาพ และมีความสุขกับการเรียนรู้ บทบาทของครู ภาษาไทยจึงต้องลดลงจากการสอนเนื้อหาในชน้ั เรียนมาเป็นผู้อำนวยความ สะดวก กระตุ้นให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง และเรียนรู้จากกลุ่ม เพื่อนมากขึ้น เพิ่มเติมองค์ความรู้จากสื่อเทคโนโลยีและแหล่งเรียนรู้ หรือ กิจกรรมสร้างสรรค์ที่ครูภาษาไทยเป็นผู้แนะนำ สร้างบรรยากาศ จัดสถานการณ์ จัดกิจกรรมให้เชื่อมโยงระหว่างผู้เรียน ครู สถานศึกษา ชุมชน เพอื่ สร้างสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ที่เปน็ ประโยชน์ นักเรียนได้ลง มือปฏิบัติ ทำให้นักเรียนได้เกิดประสบการณ์ตรง (สำนักการวิชาการและ มาตรฐานการศึกษา, 2559: 5) คู่มอื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6

4 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้น่าสนใจและบรรลุจุดมุ่งหมายที่กำหนด ไว้ ผสู้ อนตอ้ งยึดหลกั สำคัญเกี่ยวกับการจดั กิจกรรม โดยให้ผู้เรียนเป็นฝ่าย กระทำกิจกรรม ผู้เรียนจะเรียนรู้ได้ดีกว่าเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว การจัด กจิ กรรมต้องประหยดั แรงงาน เวลา ทรพั ย์ และทำให้ผเู้ รยี นเกิดการเรียนรู้ ตรงตามความมุ่งหมายที่ต้องการ และกิจกรรมการเรียนรู้สามารถทำได้ทั้ง ภายในชั่วโมงสอนในห้องเรียน ภายในระยะเวลายาวหรือสั้นก็ได้ และกระทำภายนอกห้องเรยี นกไ็ ด้ (จนิ ตนา สุขมาก, 2536: 86) วารี ถิระจิตร (2530: 162-163) ได้กล่าวถึงความสำคัญของ กิจกรรมการเรียนการสอนท่มี ตี ่อการเรยี นรู้ ดังน้ี 1. กิจกรรมช่วยเร้าความสนใจของเดก็ 2. กิจกรรมจะเปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นประสบความสำเรจ็ 3. กจิ กรรมจะชว่ ยปลูกฝังความเปน็ ประชาธิปไตย 4. กิจกรรมจะชว่ ยปลกู ฝงั ความรบั ผิดชอบ 5. กิจกรรมจะช่วยปลกู ฝงั และสง่ เสริมความคิดสร้างสรรค์ 6. กจิ กรรมจะชว่ ยให้นักเรยี นไดม้ ีการเคลือ่ นไหว 7. กิจกรรมจะชว่ ยให้นักเรียนไดร้ สู้ กึ สนกุ สนาน 8. กิจกรรมจะช่วยใหเ้ ห็นความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล 9. ฯลฯ จินตนา สุขมาก (2536: 86) กล่าวว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ควรคำนงึ ถึงสง่ิ ต่าง ๆ ตอ่ ไปนี้ 1. เน้อื หาสาระ บางวิชามีเน้ือหาสาระที่มีลักษณะเป็นกิจกรรมอยู่ แลว้ 2. ความพร้อมของผเู้ รยี นที่จะประกอบกิจกรรมนัน้ ๆ 3. สภาพแวดล้อม เช่น ขนาดหอ้ งเรยี น แสงสวา่ ง อณุ หภูมิ 4. ความสะดวกในการซอ้ื และจดั หาสอื่ การสอน 5. หอ้ งทดลองปฏิบัติการ 6. ความกระตอื รอื รน้ 7. นโยบายของสถาบนั การศึกษา คูม่ อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรูภ้ าษาไทย ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6

5 จึงสรุปได้ว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ นับว่าเป็นหัวใจสำคัญของ การเรียนรู้ ผู้สอนจึงควรจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยยึดความสนใจ ความ ถนัด และความต้องการของผู้เรียน เพราะกิจกรรมจะช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียน เกิดความสนใจกระทำกิจกรรม ผู้สอนควรออกแบบกิจกรรมให้สอดคล้อง กบั สิ่งทต่ี อ้ งการวัด ให้ผู้เรยี นได้ลงมอื ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมอยา่ งมคี วามหมาย 3. จดุ มุ่งหมายของกจิ กรรมการเรียนรู้ อาภรณ์ ใจเที่ยง (2553: 73) ได้กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการจัด กิจกรรมการเรยี นรูห้ รอื การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนไวด้ ังน้ี 1. เพื่อให้ผู้เรียนเกิดพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปญั ญาไปพรอ้ มกนั 2. เพื่อสนองความสามารถ ความถนัด ความสนใจของผู้เรียนทกุ คนซึ่งแตล่ ะคนจะมแี ตกตา่ งกัน 3. เพื่อสร้างบรรยากาศการเรียนการสอน ให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วย ความเพลดิ เพลนิ ไมเ่ กดิ ความรู้สึกเบอื่ หน่ายในการเรยี น 4. เพ่ือสนองเจตนารมณข์ องหลักสตู ร ใหผ้ เู้ รียนได้คิดเปน็ ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น เกิดทักษะกระบวนการให้เป็นคนเก่ง ดี มีความสุข และมี ความเปน็ ไทย 5. เพ่ือสง่ เสรมิ ให้ผูเ้ รยี นกล้าแสดงออก และมีส่วนร่วมในการเรยี น จึงสรุปได้ว่า ผู้สอนควรให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ หรือการเรียนการสอนทุกครั้งเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยการลง มือปฏิบัติและการจัดกิจกรรมจะสามารถขยายประสบการณ์ของผู้เรียนให้ กวา้ งขึ้น อนั เปน็ ประโยชนแ์ กผ่ ู้เรยี นเปน็ สำคญั คู่มือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6

6 4. หลกั การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ หลักการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้สอนควรคำนึงถึงหลักการจัด กิจกรรมดงั ตอ่ ไปนี้ (อาภรณ์ ใจเที่ยง, 2553: 76) 1. จดั กิจกรรมให้สอดคล้องกบั เจตนารมณ์ของหลักสูตร 2. จดั กจิ กรรมใหส้ อดคลอ้ งกบั จดุ ประสงคก์ ารสอน 3. จัดกิจกรรมให้สอดคล้องและเหมาะสมกับวัย ความสามารถ และความสนใจของผเู้ รยี น 4. จดั กิจกรรมใหส้ อดคลอ้ งกบั ลักษณะเน้ือหาวิชา 5. จัดกิจกรรมให้มีลำดับข้นั ตอน 6. จดั กิจกรรมใหน้ ่าสนใจ โดยใช้ส่ือการสอนที่เหมาะสม 7. จัดกิจกรรมโดยให้ผู้เรียนเป็นผู้กระทำกิจกรรม เพื่อให้เกิดการ เรียนรดู้ ้วยตนเอง 8. จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีการที่ท้าทายความคิด ความสามารถของนกั เรียน 9. จดั กิจกรรมโดยใช้เทคนคิ วิธีการสอนท่ีหลากหลาย 10. จดั กจิ กรรมใหม้ ีบรรยากาศที่ร่ืนรมย์ 11. จดั กิจกรรมแล้วต้องมกี ารวดั ผลจากการใช้กิจกรรมน้ันทกุ คร้งั กล่าวโดยสรุป การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เปน็ กิจกรรมทต่ี ้องใช้เทคนิค วิธีการ ที่หลากหลาย ผู้สอนควรศึกษาหลักสูตรให้เข้าใจก่อนวางแผนการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อให้การดำเนินการการจัดกิจกรรมสอดคล้องกับ เจตนารมณ์ของหลกั สตู ร สอดคล้องกับจุดประสงค์ของการสอน สอดคล้อง กับวัย สอดคล้องกับความสามารถของผู้เรียนและความสนใจของผู้เรียน ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ควรดำเนินการเป็นไปอย่างมีขั้นตอน โดยจัด กิจกรรมให้ผู้เรียนได้พัฒนาทางความรู้ ความคิด เกิดประสบการณ์ตรง เพ่อื มงุ่ พฒั นาทุกด้านใหแ้ ก่ผ้เู รยี น คู่มอื การจดั กจิ กรรมการเรยี นร้ภู าษาไทย ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6

7 5. รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ อาภรณ์ ใจเที่ยง (2553: 76) ได้แบ่งรูปแบบการจัดกิจกรรมการ เรียนร้อู อกเป็น 2 รูปแบบ ดงั นี้ 1. กิจกรรมท่ียึดครูเปน็ ศูนยก์ ลาง เป็นกิจกรรมทค่ี รูเป็นศูนย์กลาง ของการปฏิบัติกิจกรรม ครูเป็นผู้มีบทบาทในการเรียนการสอนมากกว่า นักเรียน โดยเริ่มจากเป็นผู้วางแผนการเรียนการสอน เป็นผู้นำในขณะ ปฏิบัติกิจกรรม เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ การเรียนการสอนในชั้นเรียนจึงมี ลักษณะเป็นการสื่อสารทางเดียว นักเรียนเป็นผู้รับความรู้ กิจกรรมที่ครูใช้ เช่น การบรรยาย การสาธิต การถามตอบ อย่างไรก็ตามแม้ว่าครูจะเป็น แกนกลางของการจัดกิจกรรม แต่นักเรียนก็ยังมีโอกาสร่วมกิจกรรมบ้าง ภายใตก้ ารนำของครู 2. กิจกรรมการเรียนการสอนที่ยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง เปน็ กิจกรรมทีค่ รูเปดิ โอกาสให้นกั เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนอย่าง แท้จริง คือ เป็นผู้ปฏิบัติกิจกรรม ส่วนครูจะเป็นผู้ประสานงาน ให้คำแนะนำ เป็นผู้อำนวยความสะดวก ช่วยปัญหาเมื่อนักเรียนต้องการกระตุ้มให้ นักเรียนทำกิจกรรมและเป็นผู้สรุปประเด็นสำคัญ การเรียนการสอนดำเนนิ ไปโดยการปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียน เช่น การอภิปราย การทำกิจกรรม กล่มุ การทดลอง การประดษิ ฐ์ การแสดงบทบาทสมมุติ เปน็ ตน้ กล่าวโดยสรุปได้วา่ การจัดกจิ กรรมการเรียนรจู้ ะสมั ฤทธิผ์ ลตอ่ ผู้เรียน ที่สุด ผู้สอนจะต้องพิจารณาความเหมาะสมของกิจกรรม การจัดใช้รูปแบบ การจัดกิจกรรมแบบใดผู้สอนควรจำเป็นต้องควบคุมให้การดำเนินกิจกรรม เป็นไปได้ด้วยดี ผู้เรียนได้รับประโยชน์จากการจัดกิจกรรมในครั้งนั้นให้มาก ที่สุด ผู้สอนและผู้เรียนความร่วมกนั ออกแบบและวางแผนกิจกรรมร่วมกนั จึงจะประสบความสำเร็จและตรงกับความต้องการของผู้เรียนและ จดุ ประสงค์ทผ่ี สู้ อนต้ังไว้ คูม่ อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรูภ้ าษาไทย ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 6

8 6. วิธีการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อให้นักเรียนได้รับความรู้ตรงตาม หลักสูตรและผู้สอนต้องการให้ผู้เรียนเกิดทักษะการเรียนรู้ในหลาย ๆ ด้าน วิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจทำได้หลายลักษณะ ดังนี้ (จินตนา สุขมาก, 2538: 93-94) 1. Undirected Activities หมายถึง การให้นักเรียนเลือกทำ กิจกรรมต่าง ๆ ตามลำพัง โดยครูไม่กำหนดงานให้ ครูเปิดโอกาสให้ นักเรียนเลือกทำกิจกรรมที่ตนสนใจและสมัครใจ ทำให้เด็กรู้จักรับผิดชอบ วิธีนี้มีบางคนมีความเห็นว่าเป็นวิธีการที่ครูไม่รับผิดชอบ ผลักดันภาระให้ เด็กอย่างสิ้นเชิง 2. Teacher-Centered Activities เป็นการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในชัน้ เรยี นโดยครเู ป็นผู้เลอื กกจิ กรรมเหลา่ น้ัน วธิ กี ารนอ้ี าจเรียกได้อีกอย่าง หนึ่งว่า Autocratic ในการจัดกิจกรรมแบบที่ครูเป็นผู้ควบคุม ครูต้อง ตัดสินใจเองทุกระยะ นับตั้งแต่การเลือกกิจกรรม ว่าควรมีกิจกรรม อะไรบ้าง ใครเป็นผู้ทำกิจกรรมเหล่านั้น การจัดกิจกรรมโดยวิธีนี้ ครูเป็นผู้ กำหนดความมงุ่ หมายและเป็นผู้ควบคมุ การดำเนนิ งานตา่ ง ๆ 3. Group-Centered Activities เป็นการจัดกิจกรรมโดยให้ นักเรียนทั้งชั้นเป็นผู้พิจารณาเลือกกิจกรรมเอง การให้นักเรียนเป็นผู้ ตัดสินใจเพื่อส่งเสริมให้นักเรียนสามารถตัดสินใจได้อย่างดีขึ้น ถูกต้อง ชัดเจนขึ้นในโอกาสต่อไป การจดั กิจกรรมในชัน้ เรียนโดยวธิ ีน้ี ไมไ่ ดข้ ึน้ อยกู่ ับ ความคิดเห็นของนักเรียนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีสิ่งอื่นอีกหลายอย่าง ที่มสี ว่ นเกี่ยวขอ้ งในการเลือกกจิ กรรมดว้ ย จึงสรุปได้ว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้อาจทำได้หลากหลายตาม ลักษณะตามความเหมาะสม ซึง่ ผสู้ อนจะต้องพิจารณาเน้ือหา ของบทเรียน และทักษะที่ต้องการทำให้เกิดแก่ผู้เรียน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ผู้สอน อาจเลือกวิธีที่นักเรียนทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเอง ผู้สอนเป็นเพียงผู้ คอยสังเกตการณ์ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกทำกิจกรรมที่ตนสนใจ และสมัครใจ หรือผู้สอนอาจเป็นผู้เลือกหรือควบคุมกิจกรรมเองทั้งหมด ท้งั นต้ี อ้ งดคู วามสามารถของผูเ้ รยี นเปน็ หลัก คู่มือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 6

9 7. แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรใู้ หส้ อดคลอ้ งกบั หลกั สตู ร การจดั กจิ กรรมการเรยี นร้ใู ห้สอดคลอ้ งกับหลกั สตู ร ผสู้ อนจำเปน็ ตอ้ ง ทราบถึงความคาดหวังของหลักสูตรในภาพรวมที่ต้องการให้ผู้เรียนเกิด คุณลักษณะตา่ ง ๆ หลักสูตรการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐานฉบับปัจจุบัน มีเป้าหมาย มุ่งให้นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ได้แก่ เป็นคนดี มีปัญญา มี ความสุข บนพื้นฐานของความเป็นไทย ดังนี้ (อาภรณ์ ใจเที่ยง, 2553: 81-83) เป็นคนดี - เหน็ คณุ คา่ ของตนเอง มวี นิ ัยในตนเอง - ปฏิบัตติ ามกจิ กรรมของศาสนาท่ตี นนบั ถอื - มีคณุ ธรรม จริยธรรม และมคี ่านิยมอนั พึงประสงค์ มปี ัญญา - มีความคดิ สร้างสรรค์ ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน - มคี วามรู้อนั เป็นสากล รเู้ ทา่ ทนั การเปลี่ยนแปลง - มที กั ษะการคิด การสรา้ งปญั ญา และทกั ษะในการดำรงชวี ิต มคี วามสขุ - รกั การออกกำลังอาย - ดแู ลตนเองให้มีสขุ ภาพและบคุ ลกิ ภาพท่ีดี - มคี า่ นยิ มเป็นผูผ้ ลติ มากกวา่ ผ้บู รโิ ภค มคี วามเปน็ ไทย - เขา้ ใจประวัติศาสตรข์ องชาติไทย - ภูมิใจในความเปน็ ไทย - เป็นพลเมืองดี ยึดมั่นในวิถีชีวิต และการปกครองตามระบอบ ประชาธิปไตย เพื่อให้ผู้เรียนมีลักษณะดังกล่าว หลักสูตรจึงเน้นให้จัดกิจกรรมการ เรียนรู้โดยยึดหลักการสำคัญคือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียน เปน็ สำคัญและจัดการเรยี นรู้ทห่ี ลากหลายโดยเนน้ กระบวนการในการเรียนรู้ คู่มอื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 6

10 การจัดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยเนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคญั การจัดการเรียนรู้ทเ่ี น้นผู้เรียนเป็นสำคญั เกิดข้ึนจากพื้นฐานความเช่ือ ที่ว่า การจัดการศึกษามีเป้าหมายสำคัญที่สดุ คือ การจัดการให้ผู้เรียนเกดิ การเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนแต่ละคนได้พัฒนาตนเองสูงสุดตามกําลังหรือ ศักยภาพของแต่ละคน แต่เนื่องจากผูเ้ รยี นแต่ละคนมีความแตกตา่ งกนั ทั้ง ด้านความต้องการ ความสนใจ ความถนัด และยังมีทักษะพื้นฐานอันเป็น เครื่องมือสำคัญที่จะใช้ในการเรียนรู้ อันได้แก่ ความสามารถในการฟัง พูด อ่าน เขียน ความสามารถทางสมอง ระดบั สติปัญญา และการแสดงผลของ การเรียนรู้ออกมาในลักษณะที่ต่างกัน จึงควรมีการจัดการที่เหมาะสมใน ลักษณะที่แตกต่างกันตามเหตุปัจจัยของผู้เรียนแต่ละคน (สำนักส่งเสริม วิชาการและงานทะเบียนมหาวทิ ยาลัยราชภัฏเพชรบรุ ี, ม.ป.ป.: 2) 1. ความหมายของการเรยี นรู้โดยเนน้ ผ้เู รยี นเป็นสำคญั วฒั นาพร ระงบั ทุกข์ (2542 : 4) กลา่ ววา่ การเรียนการสอนท่ีเน้น ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางคือ การจัดการเรียนการสอนที่ให้ความสำคัญกับ ผู้เรียนส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักเรียนรู้ด้วยตนเอง เรียนในเร่ืองที่สอดคลอ้ งกับ ความสามารถและความต้องการของตนเองและได้พัฒนาศักยภาพของ ตนเองได้เต็มที่ ทิศนา แขมมณี (2548: 120) กล่าวว่า กระบวนการเรียนรู้ท่ี ผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นการจัดการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นตัวตั้ง โดย คำนึงถึงความเหมาะสมกับผู้เรียนและประโยชน์สูงสุดที่ผู้เรียนควรจะได้รับ และมีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีบทบาทสำคัญใน การเรียนรู้ ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้อย่างตื่นตัวและได้ใช้ กระบวนการเรยี นรู้ต่าง ๆ อันจะนำผูเ้ รยี นไปสกู่ ารเกิดการเรียนรทู้ ่แี ท้จรงิ คูม่ ือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6

11 พมิ พนั ธ์ เดชะคุปต์ (2544: 7) กลา่ วไว้วา่ การเรียนการสอนที่เน้น ผเู้ รยี นเป็นสำคญั (Child Centered Approach) คือ แนวการจดั การเรียน การสอนที่เน้นให้ผู้เรียนสร้างความรู้ใหม่และสิ่งประดิษฐ์ใหม่ โดยการใช้ กระบวนการทางปัญญา (กระบวนการคิด) กระบวนการทางสังคม (กระบวนการกลุ่ม) และให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์และมีส่วนร่วมในการเรียน สามารถนําความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้โดยครูมีบทบาทเป็นผู้อํานวยความ สะดวกจัดประสบการณก์ ารเรยี นรใู้ หแ้ ก่ผู้เรยี น การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผูเ้ รยี นเป็นสำคัญ จึงหมายถึงการจดั กจิ กรรม ที่สอดคล้องกับการดำรงชีวิต เหมาะสมกับความสามารถและความสนใจ ของผู้เรียน โดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและลงมือแก้ไขปัญหาหรือใช้ในการ ปฏิบตั จิ ริงทกุ ขัน้ ตอน จนทำใหเ้ กดิ การเรียนรูด้ ้วยตนเอง 2. บทบาทของครูในการจดั การเรียนการสอนทีเ่ น้นผ้เู รียนเป็นสำคญั บทบาทในฐานะผู้จัดการเรียนการสอน ซึ่งกำหนดเป้าหมายในการ จัดการว่า “ให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพของตนเอง” ดังนั้นครู จะต้องมีข้อมลู ของผเู้ รียนแตล่ ะคนรอบด้านเพ่ือนํามาวิเคราะห์ และจัดการ อย่างเหมาะสมเป็นงานหลักที่สำคัญ ทั้งนี้เพื่อ วางแผนการจัดการเรียนรู้ กำหนดบทบาทของตนเอง โดยเฉพาะการเป็นตัวกลางที่จะทำให้เกิดการ เรียนรู้ เช่น การสรา้ งความสัมพันธ์เชิงบวกกับผเู้ รียน การเป็นแบบอย่างท่ี ดี การสร้างสภาพแวดล้อมที่เก้ือกูลต่อการเรียนรู้ และการประพฤติปฏิบัติ ของผู้เรียน การสร้างระบบและการสื่อสารกับผู้เรียนให้ชัดเจน การสร้าง ระบบควบคุม กำกับ ดูแล ด้วยความเป็นธรรมและเป็นประชาธิปไตย (สำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียนมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี , ม.ป.ป.: 25) คูม่ อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6

12 ชาติ แจ่มนุช และคณะ (ม.ป.ท.) กล่าวว่า การจัดกิจกรรมการ เรียนรโู้ ดยเนน้ ผู้เรยี นเป็นสำคญั ผูส้ อนจะเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นผู้ช้ีนํา ผู้ถ่ายทอดความรู้ไปเป็นผู้ช่วยเหลือส่งเสริมและสนับสนุนผู้เรียนในการ แสวงหาความรู้ จากสื่อและแหล่งการ เรียนรู้ตา่ ง ๆ และใหข้ ้อมูลท่ีถูกต้อง แก่ผู้เรียน ผู้สอนมีบทบาทเป็นเพียงผู้อํานวยความสะดวก (Facilitator) ในการเรยี นรแู้ ก่ผู้เรียน ดังน้ี 1. เป็นผู้จัดการ (Manager) 2. เปน็ ผรู้ ่วมทำกิจกรรม (An Active Participant) 3. เป็นผู้ชว่ ยเหลือและแหล่งวทิ ยาการ (Helper and Resource) 4. เปน็ ผู้สนบั สนนุ และเสริมแรง (Supporter and Encourager) 5. เป็นผตู้ ิดตามตรวจสอบ (Monitor) จงึ สรุปไดว้ ่า ผสู้ อนสมัยใหม่จะจดั กิจกรรมการเรียนรโู้ ดยเน้นทีต่ วั ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ ส่วนผ้สู อนสมัยในยคุ เกา่ ยงั ยึดทต่ี วั ผเู้ รยี นเปน็ สำคญั กลา่ วคือ เปน็ ผู้ถ่ายทอดวชิ าความรู้แก่ผเู้ รียน แหลง่ ความรคู้ อื ครู ผเู้ รยี นมี บทบาทในการรแู้ ละท่องจำ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ในยุคใหม่จงึ ให้ ผู้เรยี นไดเ้ รียนรู้จากการลงมอื ปฏิบตั แิ ละสรา้ งองค์ความรู้ด้วยตนเอง ผู้สอน มงุ่ สร้างประสบการณใ์ หม่ใหแ้ กผ่ ู้เรยี น 3. ลักษณะการจัดกิจกรรมที่เน้นผูเ้ รียนเป็นสำคัญ การจดั กิจกรรมการเรียนร้ทู เี่ น้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั อาภรณ์ ใจเที่ยง (2553 : 85) สรปุ ไดเ้ ปน็ คํา ดังน้ี C = Construct หมายถึง การจดั กจิ กรรมทใ่ี หผ้ ู้เรียนได้ค้นพบ สาระสำคัญหรือความรู้ ใหมด่ ว้ ยตนเอง H = Happiness หมายถึง การจัดกจิ กรรมทผ่ี ู้เรียนได้เรียนอย่าง มคี วามสุข A = Active Learning หมายถึง การจัดกจิ กรรมทผ่ี ู้เรยี นเป็น ผู้กระทำ หรือปฏิบัตดิ ้วย ตนเองดว้ ยความกระตอื รอื ร้น R = Resources หมายถงึ การจดั กิจกรรมที่ผ้เู รียนไดเ้ รยี นร้จู าก แหลง่ เรียนรู้ต่าง ๆ ทีห่ ลากหลาย คู่มือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6

13 T = Thinking หมายถงึ การจดั กจิ กรรมทสี่ ง่ เสริมกระบวนการคดิ ผูเ้ รยี นไดฝ้ ึกวิธคี ดิ ใน หลายลกั ษณะ P = Participation หมายถึง การจดั กิจกรรมทีผ่ เู้ รยี นมสี ่วนร่วม ในการวางแผน กำหนดงาน วางเป้าหมายงานรว่ มกนั I = Individualization หมายถึง การจดั กิจกรรมทผ่ี ้สู อนให้ ความสำคญั แก่ผู้เรียนในความเป็นเอกตั บคุ คล G = Good Habit & Group Process หมายถงึ การจัดกิจกรรม ท่ีผเู้ รยี นไดพ้ ัฒนา คุณลกั ษณะนิสยั ทีด่ ีงาม สรุปได้ว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ประกอบด้วยการจัดกจิ กรรมที่ใหผ้ ู้เรยี นค้นหาสาระความรดู้ ้วยตนเอง เป็น กจิ กรรมทีเ่ น้นใหผ้ ู้เรียนเรียนรู้อย่างมคี วามสขุ ผู้เรยี นลงมือปฏิบัติกิจกรรม เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมกระบวนการ คิด การวางแผนร่วมกัน การยอมรับในความแตกต่างของบุคคล และเป็น กิจกรรมที่พัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์แก่ผู้เรียน ดังนั้นการจัด กิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญผู้สอนสามารถนําไปพัฒนาผู้เรียนได้ตรง ตามจดุ ประสงคแ์ ละจดุ หมายของหลกั สูตรอยา่ งแท้จริง 4. เทคนิคการจัดการเรียนรู้ทเี่ น้นผู้เรียนเปน็ สำคัญ เทคนิคการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 3 ประเด็น คือ (สำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียนมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี, ม.ป.ป.: 30) 1. เทคนิคการจัดกจิ กรรมท่ีสง่ เสริมให้ผู้เรียนสร้างความรู้ดว้ ยตัวเอง 1.1 จัดประสบการณเ์ พื่อนาํ เสนอขอ้ มลู ใหม่ 1.2 ใช้คําถามหรือคำสั่งให้ผู้เรียนคิดหรือลงมือปฏิบัติเพื่อ เชื่อมโยงความรูข้ อ้ มลู ในสมอง 1.3 จดั ระบบขอ้ มลู ความรใู้ นกิจกรรมการสร้างความรู้ คู่มือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6

14 2. เทคนิคการจดั กิจกรรมทส่ี ่งเสรมิ ให้ผูเ้ รียนทำงานรว่ มกบั คนอื่น การจัดการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนเรียนรู้ร่วมกัน เป็นการจัดการเรียน การสอนทแี่ บง่ ผู้เรียนออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ กล่มุ ละ 4-5 คน โดยสมาชิกใน กลุ่มมีระดับความสามารถแตกต่างกัน สมาชิกทุกคนมีบทบาทหน้าท่ี ร่วมกันในการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมาย มีเป้าหมายและมีโอกาสได้รับ รางวัลของความสำเร็จร่วมกัน วิธีการแบบนี้ผู้เรียนจะมีโอกาสสร้าง ปฏิสัมพันธ์ร่วมกันในเชิงบวก มีปฏิสัมพันธ์แบบเผชิญหน้ากัน ได้มีโอกาส รับผิดชอบงานท่ีได้รับมอบหมายจากกลุ่ม ได้พัฒนาทักษะทางสังคมและได้ ใช้กระบวนการกลุ่มในการทำงานเพื่อสร้างความรู้ให้กับตนเอง อย่างไรก็ ตาม การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีหลายรูปแบบ เช่น แบบ STAD, TGT, Jigsaw, TAI ครูจึงควรศึกษาทำความเข้าใจในรายละเอียดของ เทคนิคเหล่านี้ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ให้แกผ่ ้เู รยี น 3. เทคนิคการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนนำความรู้ไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ครูควรจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนแสดง ความสามารถในลักษณะต่าง ๆ และเปิดโอกาสให้มีความหลากหลาย เพือ่ ตอบสนองความสามารถเฉพาะทีผ่ ู้เรยี นแตล่ ะคนมีแตกตา่ งกนั คมู่ ือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6

15 การจดั การเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21 ในสภาพสังคมปัจจุบันท่ีมีความเจรญิ ก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี เป็นยุค แหง่ ข้อมูลขา่ วสารท่ีสามารถแพรก่ ระจายไปทว่ั โลกอยา่ งรวดเร็ว ซึง่ มีผลตอ่ วิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ และการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม ดังนั้นระบบการศึกษาจึงต้องปรับเปลี่ยนให้ทันต่อ เหตุการณ์ ซึ่งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวงการศึกษาจะต้องหาวิธีการที่จะ พัฒนาเยาวชนให้สามารถเรียนรู้และปรับตนเองให้เข้ากับสถานการณ์โลก ยุคใหม่ในศตวรรษที่ 21 และสอดคล้องกับหลักการของปฏิญญาว่าด้วย การจัดการศึกษาของยูเนสโก (สุคนธ์ สนิ ธพานนท์, 2558: 15) 1. TPACK Model รปู แบบการจดั การเรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี 21 ชัยวัฒน์ แก้วพันงาม (2561: 251-253) ได้อธิบายไว้ว่า Technological Pedagogical Content Knowledge หรือ TPACK Model ถูกพัฒนาโดย Misha and Koehler ซ่ึงพัฒนาต่อยอดขึ้นมากจาก Pedagogical Content Knowledge ห ร ื อ PCK โ ด ย Shuman ซ่ึ ง ใ ห้ ความสำคัญกับความรู้ในการสอน รูปแบบ แนวทางกระบวนทัศน์ในการ สอนท่ีเหมาะสมกับเนื้อหาเฉพาะเจาะจง จากนั้น Misha และ Koehler เสนอให้มีการเพ่ิมเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอนเข้าไปกับโมเดลน้ี เนื่องจากแนวโน้มการเรยี นการสอนที่เปล่ียนแปลงไป รวมถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ มีบทบาทสูงมากยิ่งขึ้นในการเรียนการสอน โมเดล PCK จึงพัฒนาเป็น TPCK (Technological Pedagogical Content Knowledge) และต่อมา Thomson และ Misha ได้เสนอให้เรียกว่า TPACK ซึ่งสอดคล้องกับ ความหมายองค์รวมในการบูรณาการความรู้ท้ังสามมิติเข้าด้วยกันเป็น Total Package ของการใชเ้ นอื้ หาการสอนและเทคโนโลยีในการเรียนการสอน คูม่ อื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6

16 ภาพประกอบ 1 พฒั นาการของทฤษฎี TPACK ทม่ี า : http://www.culi.chula.ac.th TPACK มีวัตถุประสงค์หลักคือ การที่จะทำให้ครูผู้สอนสามารถบูรณาการ เลือกใช้ และผลิตส่ือนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพ่ือให้มีความสอดคล้องกัน กับหลักทฤษฎีการสอน และเนื้อหาวิชาท่ีสอน TPACK แสดงให้เห็นถึง ความสัมพันธ์ท่ีสำคัญขององค์ประกอบ 3 ด้านใหญ่ที่มีความสัมพันธ์กัน 7 ประการ ตามโมเดลท่ีสำคญั คือ 1. Content Knowledge (CK) คือ สาระความรู้เน้ือหาองค์ประกอบ สำคัญท้ังหมดที่จะทำให้ผู้เรียนสามารถสื่อสารทางภาษาได้ท้ังโดยวิธีวจน ภาษาและอวัจนภาษา (verbal and non-verbal language) โดยครูผู้สอนต้องมี ความรู้อย่างน้อยตาม หลักสตู รท่ีระบบการศึกษากำหนดเอาไว้ 2. Pedagogical Knowledge (PK) คือ ความรู้ด้านกระบวน ทัศน์การสอน หมายถึง ครูผู้สอนที่รู้ถึงกลยุทธ์และวิธีในการจัดการเรียนรู้ ท่ีหลากหลาย และมีการฝึกฝนตามแนวทางการเรียนการสอนภาษาเพื่อให้ ผู้เรยี นพฒั นาสมรรถนะทางด้านภาษาได้ อยา่ งเหมาะสม 3. Technological Knowledge (TK) คือ ความรู้ในการใช้ เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น โปรแกรม Microsoft พื้นฐาน หรือเข้าใจและรู้ถึง การใช้งานของเคร่ืองมือทาง เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น Projector, Visualizer, Interactive Whiteboard โดยครูผู้สอนอาจไม่เช่ียวชาญใน การสอนหรือเรื่องของเน้อื หาในการสอนมากนัก คมู่ อื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรูภ้ าษาไทย ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6

17 ความรู้ในข้อที่ 1-3 ถือเป็นทักษะเด่ียวหรือความรู้เฉพาะด้านซึ่ง ยังไม่เพียงพอในการปรับใช้เพ่ือการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ เพราะฉะน้ันครูผู้สอนจึงจำเป็นต้องบูรณาการความรู้ด้านอื่น ๆ เพ่ิมขึ้น ซ่ึง รวมไปถึงขอ้ 4-6 คือ PCK, TCK และ TPK 4. Pedagogical Content Knowledge (PCK) คือ ความรู้ใน กระบวนทัศน์การสอนภาษา รูปแบบ แนวทางการสอนที่เหมาะสมกับ เนื้อหาเฉพาะเจาะจงน้ัน ๆ โดย สามารถปรับใช้เทคนิคในการเรียนการ สอนให้เหมาะสมกับลกั ษณะของเนื้อหาน้ัน ๆ เพ่ือใหผ้ เู้ รยี นสามารถส่ือสาร ทางภาษาได้ ซ่ึงกิจกรรมที่เหมาะกับแนวทางการสอน แบบน้ี คือ Communicative Teaching Approach เน้นการฟังและอ่านจากเอกสาร จริง ฝึกสร้างประโยค และใช้กิจกรรม Role Play/Information Gap ใน การฝึกฝน เป็นต้น 5. Technological Content Knowledge (TCK) คือ ความรู้ ความเข้าใจการใช้ เทคโนโลยีท่ีหลากหลายน่าสนใจและเหมาะสมกับการ สอนเนื้อหาทางภาษาเฉพาะเจาะจงนั้น ๆ และสามารถพิจารณาว่า เทคโนโลยสี ารสนเทศใดท่ีชว่ ยใหผ้ ้เู รียนไดค้ วามรู้ในเนื้อหาตามวัตถุประสงค์ ที่ได้ต้ังไว้ โดยหมายรวมถึงความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีเพ่ือให้ผู้เรียนได้ เขา้ ใจถึงวฒั นธรรมของภาษาท่ีผเู้ รยี นกำลังศึกษาอยดู่ ว้ ย 6. Technological Pedagogical Knowledge (TPK) คอื ความรู้ ความเข้าใจว่า การสอนและการเรียนรู้สามารถท่ีจะเปล่ียนแปลงไปได้ เมื่อเทคโนโลยีสารสนเทศท่ี ใช้เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงความรู้ เทคนิค วิธีการ ในการสอนภาษาน้ันสามารถ เปล่ียนแปลงไปตามความสามารถ หรือข้อจำกัดต่าง ๆ ของเทคโนโลยสี ารสนเทศท่ีใช้ในการเรียนการสอน ซึ่ง อาจเป็นอุปสรรคสำคัญในการสอน ถ้าผู้สอนไม่รู้เน้ือหา ภาษาที่จะสอน อยา่ งแทจ้ ริง อาจทำให้สอนผิด หรอื สอนไดไ้ ม่ตามวัตถุประสงคท์ ี่กำหนดไว้ คู่มอื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6

18 7. Technological Pedagogical Content Knowledge (TPACK) คื อ การบูรณาการ (interaction and incorporation) ความรู้ ความสามารถ ทักษะ การผสมผสานในการใช้สื่อนวัตกรรมเทคโนโลยี กับวิธีสอน เนื้อหา ในการออกแบบการเรียนรู้อย่างสอดคล้อง และเป็นระบบ ซึ่งประกอบไป ด้วยองค์ประกอบสำคัญท่ีสัมพันธ์กันคือ เนื้อหา (Content: CK) วิธีสอน (Pedagogy: PK) และเทคโนโลยี (Technology: TK) ท่ีสามารถทำให้ ผเู้ รียนมีทักษะ มคี วามรู้ความเขา้ ใจดา้ นภาษา และวัฒนธรรมท่ีเรยี น จะเห็นได้ว่า การจัดกิจกรรมการเรียนสอนหรือการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ที่มีการประยุกต์ใช้กรอบแนวคิด TPACK นับว่าเป็นการสนับสนุน แนวทางการจัดการเรียนสอนที่มีคุณภาพ เพราะการจัดการเรียนการสอน ตามกรอบแนวคิดนีไ้ ม่เพียงแตเ่ นน้ ประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีท่ีทันสมัย ในการจัดการเรียนการสอน แต่ยังครอบคลุมและคำนึงถึงคุณภาพในการ จัดเตรียมเนื้อหาสาระของการสอน และการเลือกใช้วิธีการสอน ใหส้ อดคลอ้ งกับเทคโนโลยีเพอื่ ใหเ้ กิดประโยชน์สงู สุดตอ่ ผเู้ รยี นอกี ดว้ ย 2. การนำเทคโนโลยมี าประยุกตใ์ ชใ้ นการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ การศึกษาไทยในอดีต ผู้เรียนจะค้นคว้าหาความรู้ได้จากแหล่งข้อมูล เฉพาะห้องสมุดในสถานศึกษา และหน่วยงานการศึกษาบางแห่งเท่าน้ัน สถานที่ในการเรียนการสอนจะถูกจัดไว้ตามห้องเรียนเพียงอย่างเดียว ผู้เรียนไม่สามารถจัดการเวลาในการเรียนได้จำเป็นต้องเข้าเรียนตามเวลา และสถานที่ตามระบุไว้เท่านั้น เมื่อการเชื่อมโยงผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ขยายตัวมากขึ้น การศึกษาแบบใหม่ที่เน้นเอาสื่อเทคโนโลยี มาช่วยในการ จัดการเรียนการสอนได้แพรห่ ลายไปยงั สถานศึกษาตา่ ง ๆ บางแห่งมกี ารจัด การศึกษา โดยขยายโอกาสและสร้างวิทยาเขตเพิ่มมากขึ้น การเรียนการ สอนใช้สื่อเทคโนโลยี มาแลกเปลี่ยนสร้างสังคม แห่งการเรียนรู้อย่าง ตอ่ เนอ่ื ง การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ในปัจจุบันจึงมีอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสื่อการเรียนรู้ดิจิทัล หรือส่ือ การเรียนรู้ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์มีจดุ เด่นท่ีสามารถปฏิสัมพันธ์ระหว่าง คู่มอื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6

19 ผู้สอนและผู้เรียน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้สอนว่าจะนำไปประยุกต์กับการจัด กิจกรรมการเรยี นรู้อย่างไรใหเ้ กิดประสิทธิภาพ ในการจัดทำคู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภาษาไทย ก็มีการนำเอา เทคโนโลยี รวมทั้งสื่อสังคมออนไลน์มาประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ ดังน้ี 1. เฟซบุ๊ก ไลฟ์ เฟซบกุ๊ ไลฟ์ (Facebook Live) เป็นรูปแบบในการถา่ ยทอดสด ที่มีการรับ/ส่ง สัญญาณ ภาพและเสียงบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ใช้ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในการเข้าถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อ เพิ่มช่องทางการ สื่อสารและเพิ่มยอดผู้เข้าชม ทำให้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันของผู้ใช้งาน เฟซบุ๊ก (Two way communication) โดยการถ่ายทอดสดกิจกรรม หรือโฆษณาให้ผู้ติดตามหรือผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านอื่น ชมเพื่อเพิ่มอรรถรส ผู้ใช้สามารถเลือกความเป็นส่วนตัวในการถ่ายทอดสดได้ว่าจะเผยแพร่ เฉพาะกลุ่ม เพอ่ื น กลุ่มทผี่ ้ใู ช้กำหนดเอง กลุ่มสาธารณะหรือเฉพาะส่วนตัว ผ้ใู ช้ได้ เฟซบุ๊ก ไลฟ์ เป็นบริการถ่ายทอดสดลงแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก วิดีโอถ่ายทอดสดนี้จะถูก แสดงคล้ายกับวิดีโอทั่วไป สามารถกดแสดง ความชอบ ทำการเผยแพร่ต่อ หรือแสดงความคิดเห็นได้ และหลังจบ การถ่ายทอดสด แอปพลิเคชันจะทำการบันทึกไว้เป็นวิดีโอลงหน้าไทม์ไลน์ เพ่ือเกบ็ ไวด้ ู ยอ้ นหลังไดโ้ ดยอัตโนมัติ (สุทธาทพิ ย์ สธุ าวา, 2559: 4) ภาพประกอบ 2 เฟซบุ๊กไลฟ์ ท่มี า : https://www.pngitem.com ค่มู ือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6

20 ขนั้ ตอนการใช้ เฟซบุ๊ก ไลฟ์ 1. เขา้ ส่แู อปพลิเคชันเฟซบุก๊ 2. เลือกกดป่มุ Live ดังภาพ ภาพประกอบ 3 แสดงการหน้าแรกในเฟซบุ๊ก เพื่อเปดิ ใชเ้ ฟซบกุ๊ ไลฟ์ 3. พิมพ์รายละเอียดที่ต้องการ หรือจะเป็นขอ้ ความสน้ั ๆ ก็ได้ จากนนั้ เลือกรปู แบบท่ีจะทำการถ่ายทอดสด ภาพประกอบ 4 แสดงการเลือกความเปน็ ส่วนตวั ในการถ่ายทอดสดด้วย เฟซบุ๊ก ไลฟ์ 4. เลือกความเป็นส่วนตัวว่าต้องการจะวิดีโอถ่ายทอดเฉพาะ กลุ่มไหน เช่น กลุ่มสาธารณะ กลุ่มเพื่อน หรือเฉพาะกลุ่มที่เรากำหนดขึ้นเอง เป็นต้น เมื่อตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กดปุ่ม Go Live เพื่อเริ่มถ่ายทอดสด ผา่ นทางเฟซบ๊กุ ไลฟ์ ภาพประกอบ 5 แสดงการข้ันตอนการใชเ้ ฟซบ๊กุ ไลฟ์ โดยกดที่คาํ วา่ Go Live เพื่อทำการถ่ายทอดสด คมู่ อื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6

21 ในระหว่างถ่ายทอดสด ผู้ใช้งานสามารถทราบจำนวนผู้เข้าชม ถ่ายทอดสดได้ และ ทั้งผู้ถ่ายทอดสดและผู้ชมสามารถแสดงความคิดเห็น หรือสามารถแสดงปฏิกิริยาผ่านตัวอีโมติคอนจาก ที่ผู้ชมกดปุ่มแสดง ความรู้สึกให้ผู้ถ่ายทอดรับรู้ในช่วงระหว่างที่ถ่ายทอดสดได้ และเมื่อการ ถ่ายทอดสด เสร็จแล้ว วิดีโอที่ถ่ายทอดสดจะแปลงเข้าไปอยู่ในไทม์ไลน์ ในแอปพลิชันเฟซบุ๊ก ของชื่อผู้ใช้งานที่ได้ทำการถ่ายทอดสดและสามารถดู วิดีโอที่ถา่ ยทอดสดย้อนหลังได้ 2. เทคโนโลยี QR-Code ภาพประกอบ 6 เทคโนโลยีควิ อารโ์ คด้ ที่มา : http://mirgorod7.at.ua คิวอารโ์ คด้ หรอื เรยี กวา่ บารโ์ ค้ด 2 มติ ิ รหัสชนิดหนง่ึ ซงึ่ สามารถ เก็บข้อมูลสินค้า เช่น ชื่อ ราคาสินค้า เบอร์ โทรศัพท์ติดต่อ และชื่อ เว็บไซต์ เป็นการพัฒนามาจากบาร์โค้ด โดยบริษัทเดนโซ-เวฟ ซึ่งเป็น บริษทั ในเครือของโตโยต้า ประเทศญป่ี นุ่ คดิ ค้นขึน้ ในปี ค.ศ. 1994 และได้ จดทะเบียนลิขสิทธิ์ชื่อ \"QR Code\" แล้วทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก ผู้คิดค้นท่ี พัฒนาคิวอาร์โค้ดมุ่งเน้นให้สามารถถูกอ่านได้อย่างรวดเร็ว โดยการอ่าน คิวอาร์โค้ด นิยมใช้กับโทรศัพท์มือถือรุ่นที่มีกล้องถ่ายภาพ และสามารถ ต ิ ด ต ั ้ ง ซ อ ฟ ต์ แ ว ร์ เ พ ิ ่ ม เ ต ิ ม ไ ด ้ ว ิ ธ ี ใ ช ้ ง า น ค ิ ว อ า ร ์ โ ค ้ ด ต ้ อ ง ใ ช ้ ง า น ผ ่ า น โทรศัพท์มือถือทม่ี สี ญั ลกั ษณค์ ิวอาร์โคด้ อย่ภู ายในตวั เครื่อง เพียงหน้ากล้อง ที่อยู่บนมือถือแสกนบนคิวอาร์โค้ด รอสักครู่เครื่องก็จะอ่านคิวอาร์โค้ดสีดำ ออกมาเปน็ ตวั หนงั สอื ที่มขี อ้ มูลมากมาย(ดวงกมล นาคะวัจนะ, 2554) ค่มู อื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 6

22 ขั้นตอนการสรา้ ง QR-Code ภาพประกอบ 7 ข้นั ตอนการสร้าง QR-Code 3. แอปพลิเคชนั Plickers ภาพประกอบ 8 แอปพลิเคชนั Plickers ทมี่ า : https://www.beartai.com/article/tech-article/184691 Plickers เป็น Application ที่ใช้ในการสร้างแบบทดสอบ ที่สามารถตรวจคำตอบได้เรียลไทม์ โดยใช้ Smart Phone สแกน AR Code ของนักเรียนแต่ละคนทำให้ผู้สอนมีความสะดวกในการเก็บผลการ สอบของนักเรียนได้ด้วย ผู้สอนสามารถใช้ Plickers สร้างกิจกรรม ในห้องเรียนให้มีความสนุกสนานแปลกใหม่ในการตอบคำถามประกอบ บทเรียน และกระตุ้นความสนใจให้ผ้เู รียน ไมร่ ูส้ ึกเบอื่ หน่าย และนอกจากน้่ี ผูส้ อนยังสามารถใช้ Plickers เพอ่ื Check ชือ่ การเข้าเรียนของนกั เรียนแต่ ละคนได้ (เน่อื งจากเดก็ แตล่ ะคนจะได้รับกระดาษภาพ AR Code ประจำตวั แต่ละคน โดย AR Code จะมขี อ้ มลู ท่เี ปน็ ชอื่ นามสกุลของเด็กแต่ละคนเก็บ ไว้ และ AR Code ยังเป็นเหมือนกระดาษคำตอบ ที่ใช้ในการตอบคำถาม แต่ละข้อด้วย) (ศภุ ลักษณ์ จุเครอื , 2562: ม.ป.ล.) คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6

23 ข้ันตอนการใชง้ านแอปพลิเคชนั Plickers ภาพประกอบ 9 ขั้นตอนการใชง้ านแอปพลเิ คชัน Plickers 4. แอปพลเิ คชัน Google site Google Sites เป็นแอปพลิเคชันออนไลน์ ใช้สำหรับชว่ ยในการ สร้างเว็บไซต์ ซึ่งสามารถสร้างได้ง่าย สะดวกและรวดเร็ว โดยที่ไม่ จาํ เปน็ ต้องรูเ้ ร่อื ง Programming ขอ้ ดขี อง Google site มดี งั นี้ 1. Google sites สามารถรวมเอกสาร งานนําเสนอ สเปรดชีต วิดโี อ ภาพสไลด์ เพ่อื ชว่ ยในทำงานอยา่ งเป็นระเบยี บ 2. มเี ทมเพลตใหเ้ ลือกหลาลากหลาย 3. สามารถเข้าถึงไดท้ ุกท่ี ทม่ี อี ินเตอรเ์ นต 4. ทำงานไดห้ ลายระบบปฏิบัติการ 5. ระบบมีความรักษาความปลอดภัยที่ดี โดยผู้ดูแลระบบ สามารถจดั การสิทธใิ นการแบ่งปนั ไซต์ได้ ขน้ั ตอนการสรา้ งเว็บไซต์ Google Site ภาพประกอบ 10 ขั้นตอนการสรา้ งเว็บไซต์ Google Site ค่มู อื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 6

24 5. โปรแกรมตดั ตอ่ ภาพยนตร์ Adobe premiere pro ภาพประกอบ 11 โปรแกรมตดั ตอ่ ภาพยนตร์ Adobe premiere pro Adobe Premiere Pro เป็นหนึ่งในชุด โปรแกรม Adobe Creative Cloud นั่นเอง หลายคนอาจจะ รู้จักกันดี เพราะเป็นโปรแกรม ชื่อดังจากค่ายพัฒนาโปรแกรมชั้นนำอย่าง Adobe ที่เป็นผู้นำในการสร้าง และ พฒั นาโปรแกรมดา้ นกราฟิกและสื่อตา่ ง ๆ Adobe Premiere Pro เป็นซอฟต์แวร์โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ และบันทึกตัดต่อเสียงที่แพร่หลายที่สุด สามารถผลิตผลงานได้ในระดับมือ อาชีพ จนถึงการนำไปออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ (Broadcasting System) มีการทำงานที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนมากนัก สามารถจับภาพและ เสียงมาวาง (Drag & Drop) ลงบนไทม์ไลน์ (Timeline) เคลื่อนย้ายได้ อิสระโดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง และไม่มีการสูญเสียของสัญญาณภาพ และเสียง เพียงผู้ผลิตจำเป็นต้องมีทักษะที่ดีในการใช้โปรแกรมกับความคดิ สรา้ งสรรค์ ขัน้ ตอนการใช้งานโปรแกรม Adobe premiere pro เบอื้ งต้น ภาพประกอบ 12 ข้นั ตอนการใชง้ าน โปรแกรม Adobe premiere pro เบอ้ื งตน้ คมู่ อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 6

25 การออกแบบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1. หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 หนังสือคู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภาษาไทย ในระดับช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 6 ได้นำมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดมาจากหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในสาระที่ 3 การฟัง การดู และการพดู ดงั ตารางต่อไปน้ี มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และ พูดแสดงความรู้ และความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณ และสรา้ งสรรค์ ตาราง 1 ตัวชว้ี ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง ตวั ช้วี ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง 5. พูดในโอกาสต่าง ๆ พูดแสดง  การพดู ในโอกาสต่าง ๆ เช่น ทรรศนะ โต้แย้ง โน้มน้าวใจและเสนอ - การพูดต่อท่ีประชุมชน แนวคิดใหมด่ ว้ ยภาษาถูกต้องเหมาะสม - การพดู อภิปราย - การพูดแสดงทรรศนะ - การพูดโน้มน้าวใจ คู่มือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6

26 การออกแบบหน่วยการเรียนรู้วชิ าภาษาไทย หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ชื่อหน่วย : พฒั นาศกั ยภาพการสื่อสาร สาระสำคัญของหน่วย : การพูดในโอกาสต่าง ๆ เป็นการสื่อสารที่ต้อง นำเอาความรู้ ประสบการณ์ เทคนิคต่าง ๆ มาประกอบการพูดให้มีความ สละสลวยและเหมาะสมกับกาลเทศะ ซึ่งการพูดในโอกาสต่าง ๆ ประกอบ ไปด้วยการพดู โน้มน้าวใจ การพดู แสดงทรรศนะ การพดู โต้แย้ง และการพูด เพื่อเสนอแนวคิดใหม่ด้วยภาษาที่ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อที่จะฝึกฝน ให้ผู้เรียนมีความมั่นใจในตนเองในการพูด กล้าทำออกมาเชิงสร้างสรรค์ ผ่านการนำเสนอและการปฏิบัติกิจกรรม ที่คิดค้นขึ้นใหม่แปลกจากเดิม และเปน็ ประโยชนท์ ่ีสงู สดุ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 พัฒนาศักยภาพการส่อื สาร สาระที่ 3 การฟงั การดู และการพูด K = หลักการพูดในโอกาสต่าง ๆ P = การพดู ในโอกาสตา่ ง ๆ A = มารยาทในการพดู ภาพประกอบ 13 ผงั มโนทัศน์หนว่ ยการเรียนรู้ คู่มือการจดั กจิ กรรมการเรยี นร้ภู าษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 6

27 ตารางวิเคราะห์บทเรยี นตามมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้วี ัด หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 พัฒนาศักยภาพการสอ่ื สาร ตาราง 2 ตารางวเิ คราะห์บทเรียน การฟงั การดู และการพดู คุณค่าของบทเรียน (KPA) ท 3.1 ม. 6/5 พูดในโอกาส 1. หลักการพูดในโอกาสต่าง ๆ เชน่ ตา่ ง ๆ พดู แสดงทรรศนะ โต้แย้ง โนม้ การพูดโน้มน้าวใจ การพดู โตแ้ ยง้ การ น้าวใจ และเสนอแนวคิดใหมด่ ว้ ยภาษา แสดงทรรศนะ (K) 2. การพดู ในโอกาสตา่ ง ๆ เช่น การพดู โนม้ น้าวใจ การพูดโตแ้ ยง้ การแสดง ทรรศนะ (P) 3. มารยาทในการพูด (A) จุดประสงค์การเรยี นรูร้ ะดบั หน่วย ตาราง 3 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ระดบั หนว่ ย จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ 1. อธิบายหลักการพดู ในโอกาสตา่ ง ๆ 1. หลักการพูดในโอกาสต่าง ๆ ได้ (K) 2. ทักษะการพดู ในโอกาสต่าง ๆ 2. พดู ในโอกาสต่าง ๆ ได้ถูกต้องและ 3. มารยาทในการพูด เหมาะสม (P) 3. นักเรียนมีมารยาทในการพดู (A) การวดั และประเมนิ ผล ตาราง 4 การวัดและประเมินผลประจำหนว่ ยการเรียนรู้ กิจกรรมและช้ินงานท่ีสำคัญ การวดั และประเมินผล ผลิตภณั ฑส์ รา้ งแบรนด์ (ผลิตภัณฑ์ - สังเกตพฤติกรรม กระเปา๋ ผา้ ) - ตรวจผลงานด้วย Scoring Rubrics 28 ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้ คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูภ้ าษาไทย ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 6

1. ผลิตภณั ฑ์สร้างแบรนด์ 2. เงนิ ลงทนุ 3. QR Code แบ่งกลมุ่ นักเรียน 4. กระเป๋าผ้า 5. VTR แนะนำการพดู ในโอกาสตา่ ง ๆ 6. แอปพลเิ คชนั โหวตคะแนน Plicker 7. อุปกรณต์ กแต่งกระเปา๋ ผา้ ตา่ ง ๆ 8. กูเกิลไซตร์ ายการ The design ทา้ ทา้ ยทอลค์ โชว์ แผนการจัดการเรยี นรู้ระดบั หนว่ ย ตาราง 5 แผนการจัดการเรียนรู้ระดับหนว่ ย แผน ชอ่ื แผน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ กิจกรรมสำคญั การจดั การเรียนรู้ การพดู โน้มน้าวใจ การนำเสนอ 1 การพูดในโอกาสต่าง ๆ ศึกษาเรื่องหลักการพูด สนิ คา้ การพดู โตแ้ ยง้ ฝ่ายตรง และวิธีการพดู แล้วสามารถ ข้าม และการพูด แสดงทรรศนะ ปฏิบัติไดอ้ ย่างถูกต้อง ของตนที่ตอ่ ผลิ ภณั ฑส์ นิ ค้าของ และเหมาะสม ผ้อู น่ื และของ ตนเอง คู่มือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6

29 2. การวางแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ศึกษามาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย เพื่อให้เข้าใจเปา้ หมายและทิศทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2. วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด เพื่อกำหนดผลการ เรยี นรู้และเน้ือหาทจ่ี ะเรียน 3. นำมาจัดทำเป็นหนว่ ยการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 4. นำหน่วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มาจัดทำแผนการเรียนรู้ รายหนว่ ย ซ่งึ แผนการเรยี นร้มู ขี ้นั ตอนในการปฏิบัติงาน ดงั นี้ 4.1 วเิ คราะหห์ นว่ ยการเรยี นร้ทู ่จี ัดทำขึ้น 4.2 วิเคราะห์ผลการเรียนรู้ที่คาดหวังเพื่อนำมาเขียนเป็น จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ โดยให้ครอบคลมุ พฤติกรรมการเรียนรทู้ ้ังด้านความรู้ ทักษะ/กระบวนการ เจตคติและค่านยิ ม 4.3 วิเคราะห์สาระการเรียนรู้ โดยเลือกและขยายสาระที่เรียนรู้ให้ สอดคลอ้ งกบั ผูเ้ รยี น 4.4 วิเคราะห์กระบวนการจัดการเรียนรู้ โดยเลือกรูปแบบการ จดั การเรียนร้ทู เ่ี นน้ ผูเ้ รียนเป็นสำคัญ 4.5 วิเคราะห์กระบวนการประเมินผล โดยเลือกใช้วิธีการวัด และประเมนิ ผลท่สี อดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชวี้ ัด 4.6 วิเคราะห์แหล่งการเรียนรู้ โดยคัดเลือกสื่อการเรียนรู้ และแหล่งการเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรยี นให้เหมาะสมและสอดคล้องกบั กระบวนการเรยี น 5. นำหน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ไปตรวจสอบความถกู ต้องและประเมินโดยอาจารย์ทป่ี รึกษา 6. ปรับปรุงรูปแบบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 7. ทดลองจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสม ในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 8. ปรับปรุงรูปแบบกิจกรรมให้มีความเหมาะสมกับบริบท ระยะเวลาและสถานท่ใี นการดำเนินกจิ กรรม 9. นำเทคโนโลยสี ารสนเทศมาประยุกตใ์ ชใ้ นการจัดทำส่ือในการจัด กจิ กรรมการเรียนรู้ คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูภ้ าษาไทย ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6

30 3. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ The Design ท้าท้ายทอล์คโชว์ เป็นการจัดการเรียนรู้ที่มีเนื้อหา เกี่ยวกับการพูดในโอกาสต่าง ๆ ซึ่งการพูดในบริบทต่าง ๆ นั้นมีการใช้ ภาษาในเชิงแสดงทรรศนะ การพูดโน้มน้าว รวมทั้งการพูดโต้แย้ง คณะผู้จัดทำจึงมีการนำเอารูปแบบการจัดการเรียนรูแ้ บบเน้นประสบการณ์ (Experiential Learning) มาใชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ รูปแบบการสอนเน้นประสบการณ์ (Experiential Learning) การเรียนรู้แบบเน้นประสบการณ์ หรือการเรียนรู้โดยการลงมือทำ เป็นการดึงประสบการณ์เดิมจากตัวผู้เรียนแล้วผู้เรียนได้รับการกระตุ้นให้ แนวคคิดจากการสะท้อนประสบการณ์ที่ได้รับใหม่ เพื่อพัฒนาความรู้ ความคิดใหม่ รวมทั้งทักษะและเจตคติใหม่ ต่างจาการเรียนรู้รูปแบบเดิมท่ี ครเู ปน็ ผ้กู ำหนดและถา่ ยทอดความร้ใู ห้แก่นักเรียน การเรยี นร้แู บบเน้นประสบการณม์ ี 4 ขน้ั ตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 ขั้นประสบการณ์ (Experiencing) เป็นขั้นลงมือทำ กิจกรรมจากสภาพจรงิ เชน่ กิจกรรมการสำรวจราคาสินคา้ ในตลาด การสัมภาษณ์ หรอื การปฏบิ ัตกิ ารตา่ ง ๆ ขั้นตอนที่ 2 ขั้นนำเสนอและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ (Publishing) เป็นขน้ั ของการพดู การเขยี น เช่นการนำขอ้ มูลท่ีได้จากการ เก็บรวบรวม มานำเสนอในรูปแบบการพูด หรือการเขียนเป็นตาราง เป็นกราฟหรอื รูปแบบอน่ื ๆ ขั้นตอนที่ 3 ขั้นอภิปรายผล (Discussing) เป็นขั้นของการ อภปิ รายซกั ถามเพ่ือความเข้าใจทแ่ี จม่ ชัดและใหไ้ ด้แนวคดิ ในการประยุกต์ใช้ ในขน้ั นท้ี ง้ั ผเู้ รยี นและผสู้ อนอาจใชก้ ารซกั ถามในการอภปิ รายรว่ มกนั ขั้นตอนที่ 4 ขั้นสรุปพาดพิง (Generalizing) และประยุกต์ใช้ (Applying) เป็นขั้นสรุปผลการเรียนรู้จากทั้ง 3 ขั้นข้างต้น โดยสรุป พาดพิงสู่หลักการหรือมุมมองแบบแผนที่กว้างขึ้นอาจร่วมกันสรุปหรือลง มือกระทำ รวมทั้งนำสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ไปสู่การประยุกต์ใช้ ในชีวติ ประจำวนั ค่มู อื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 6

31 4. การวดั และประเมินผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ หมายถึง กระบวนการให้ได้มาซึ่ง ข้อมูลเพ่ือนำมาตีค่าตัดสินว่าผู้เรียนได้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามสิ่งท่ี ต้องการหรือไม่ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอีกประการหน่ึงในการจัดการศึกษา เพราะข้อมูลดังกล่าวจะเป็นผลสะท้อนเกี่ยวกับการออแกบบการจัดการ เรียนรู้ ซึ่งจะเป็นสารสนเทศที่เกิดประโยชน์ในการปรับปรุง และพัฒนา ใหผ้ เู้ รยี นมีลกั ษระตามทหี่ ลักสตู รกำหนด (ทรงศักด์ิ ภูสีอ่อน, 2562: 15) การออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ “The design ท้าทายทอล์ค โชว์” มีการนำเอาเครื่องมือในการวัดและประเมินผลมาใช้วัดและประเมิน ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ครอบคลุม 3 ด้าน คือ ด้านพุทธิพิสัย ด้านทักษะพสิ ยั และด้านจติ พิสัย 1. ด้านพทุ ธิพิสัย เคร่อื งมือท่นี ำมาใช้ คือ การใช้แบบทดสอบหลัง เรียนโดยใช้แอปพลิเคชัน Google from และ Google site 2. ดา้ นทักษะพสิ ัย เครอ่ื งมือท่ีนำมาใช้ คือ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ชนิด Scoring Rubrics 3. ด้านจติ พิสยั เคร่ืองมอื ที่นำมาใช้ คือ แบบประเมนิ จิตพิสัย ชนิด Scoring Rubrics คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูภ้ าษาไทย ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6

32 5. ตัวอย่างการจัดกจิ กรรม แผนการจดั การเรยี นรู้วชิ าภาษาไทย โดยใช้รปู แบบการเรียนรูแ้ บบประสบการณ์ (Experiential Learning) กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 พฒั นาศักยภาพการสื่อสาร แผนท่ี 1/1 แผนการจัดการเรียนรู้ เร่อื ง การพูดในโอกาสต่าง ๆ ภาคเรยี นท่ี 2/2562 สอนวันที่ 2 เดอื น มนี าคม พ.ศ. 2563 เวลา 1 ช่วั โมง ……………………………………………………………………………………………………………………..................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลอื กฟงั และดูอย่างมีวจิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ และความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณและสรา้ งสรรค์ ตัวชวี้ ดั ม. 6/5 พดู ในโอกาสต่าง ๆ พูดแสดงทรรศนะ โต้แยง้ โน้มน้าวใจ และเสนอ แนวคดิ ใหม่ดว้ ยภาษาพดู ถกู ต้องเหมาะสม 2. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน 3. สาระสำคัญ การพูดในโอกาสต่าง ๆ คือ การสื่อสารที่ต้องนำเอาความรู้ ประสบการณ์ เทคนิคต่าง ๆ มาประกอบการพูดให้มีความสละสลวยและเหมาะสมกับกาละเทศะ ซึ่งการพูดในโอกาส ต่าง ๆ ประกอบไปด้วยการพูดโน้มน้าวใจ การพูดแสดงทรรศนะ การพูดโต้แย้ง และการ พูดเพื่อเสนอแนวคิดใหม่ด้วยภาษาที่ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อที่จะฝึกฝนให้ผู้เรียน มีความมั่นใจในตนเองในการพูด กล้าทำออกมาเชิงสร้างสรรค์ ผ่านการนำเสนอและการ ปฏิบัติกิจกรรม ทค่ี ิดค้นขน้ึ ใหม่แปลกจากเดิมและเป็นประโยชน์ทสี่ งู สุด 4. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เมอ่ื นกั ได้ศกึ ษาเรอ่ื งการพดู ในโอกาสตา่ ง ๆ แล้ว นักเรยี นสามารถ 1. นักเรียนสามารถอธิบายหลักการพดู ในโอกาสต่าง ๆ ได้ (K) 2. นกั เรียนสามารถพูดในโอกาสตา่ ง ๆ ได้ถูกตอ้ งและเหมาะสม (P) 3. นกั เรียนมีมารยาทในการพดู (A) คมู่ ือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรูภ้ าษาไทย ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6

33 5. สาระการเรียนรู้ 1. ด้านความรู้ (Knowledge) หลกั การพูดในโอกาสตา่ ง ๆ 2. ด้านทกั ษะ (Process) การพดู ในโอกาสตา่ ง ๆ 3. ดา้ นเจตคติ (Attitude) การมมี ารยาทในการพูด 6. ผลงานทตี่ อ้ งการ ผลติ ภณั ฑส์ ร้างแบรนด์ (ผลติ ภณั ฑ์กระเปา๋ ผา้ ) 7. กระบวนการจดั การเรยี นรโู้ ดยใช้รปู แบบการเรยี นรแู้ บบประสบการณ์ (Experiential Learning) 1. ขน้ั ประสบการณ์ (Experiencing) (เวลา 7 นาที) 1. ครูทักทายนักเรียน สวัสดีตอนบ่าย สวัสดีตอนบ่ายค่ะนักเรียนทุกคน นักเรียน กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งใกล้จะจบการศึกษาแล้วนะคะ หลายคนก็มีการ วางแผนอนาคตที่แตกต่างกันไป ซึ่งแล้วแต่ความชอบและความถนัดของแต่ละบุคคลนะ คะ” “ทุกคนล้วนมีความคดิ ทีอ่ ยากท่ีจะประกอบอาชพี ตา่ งกัน แต่สิ่งสำคัญคอื ความสุจริต และความรกั ในการประกอบอาชพี นัน้ นะคะ” 2. นักเรียนทำความเข้าใจในการเรียนในคาบเรียนนี้ คือ ครูจะเป็นผู้อธิบายว่า ในคาบเรียนนี้เราจะเรียนในรายวิชาภาษาไทยในเรื่องการพูดในโอกาสต่าง ๆ ซึ่งการพูด ในโอกาสตา่ ง ๆ น้ัน นกั เรยี นเคยพูดในโอกาสไหนบ้าง แลว้ วันนีเ้ ราจะมีสถานการณท์ จี่ ะให้ นักเรียนได้เรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรงของนักเรียนดังสถานการณ์ให้ติดตามต่อไปน้ี โดยนำเขา้ สู่รายการการประกวด 2. ข้ันนำเสนอและแลกเปล่ียนประสบการณ์ (Publishing) (เวลา 20 นาที) 1. นักเรียนทุกคนอยู่ในรายการ “THE DESIGN ท้าทาย ทอล์คโชว์” โดยมีครูเป็น ผู้ดำเนินรายการและอธิบายกฎกติกาต่าง ๆ รวมทั้งนักเรียนทุกคนที่เป็นผู้ร่วมรายการ แข่งขนั ฟังวา่ ตอ้ งปฏบิ ตั ิตนอย่างไรบา้ ง โดยมกี ติกาในการดำเนินรายการดงั ตอ่ ไปนี้ 1.1 วิธีการให้ผู้เข้าแข่งขันจัดเวทีการประกวดในรายการ “THE DESIGN ท้าทาย ทอล์คโชว์” โดยมีเวทีกลาง และพื้นที่การในการแข่งขันผู้เข้าร่วมแข่งขันเป็นรูป ตวั U และกรรมการผ้ใู ห้คำแนะนำและตดั สิน จำนวน 3 ท่าน จะน่งั อยปู่ ิดฐานตวั U 1.2 นักเรียนทุกคนท่ีอยู่ในคาบเรียนนี้จะเป็นผู้เข้าแข่งขันการประกวดเพือ่ พิชติ รางวัลการออกแบบ เพื่อสู่การสร้างแบรนด์สินค้าเป็นของตนเอง ภายใต้แนวคิด “THE DESIGN ท้าทาย ทอล์คโชว์” โดยแต่ละคน จะได้รับคิวอาร์โค้ดประจำตัว แล้วให้นักเรียน แสกนของตนเองแลว้ เดินเขา้ กลมุ่ ของตนเองให้ตรงกบั โคด้ ทีก่ ำหนดให้ตามต้นแบบที่ติดไว้ ในแตล่ ะโตะ๊ ของแตล่ ะกลุ่ม ในการสแกนจะต้องดำเนนิ การอยา่ งรวดเร็ว เพอ่ื ให้แต่ละทีมได้ เขา้ กลมุ่ ของตนเองใหเ้ รว็ ทสี่ ุด ถ้าทีมไหนเขา้ เร็วที่สุดก็จะได้รบั โบนัสไป คู่มือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6

34 1.3 นักเรียนเข้าประจำกลุ่มของตนเองเรียบร้อย พิธีกรจะดำเนินรายการต่อ เพื่อให้กรรมการได้แนะนำข้อปฏิบัติในการเข้าร่วมการแข่งขัน รายการแนะนำการเข้าร่วม การแข่งขัน กรรมการจะแนะนำเก่ยี วกบั การพูดเพือ่ โน้มนา้ วใจเพ่ือท่ีจะโฆษณาแบรนด์ของ ตนเองให้ลูกค้าเกิดความสนใจ รวมไปถึงการใช้ภาษาในการพูดเพื่อที่จะสร้างสรรค์ สิง่ ใหม่ ๆ แนะนำกลุ่มทุกกลมุ่ ทเี่ ข้าร่วมการแขง่ ขนั ผ่านการนำเสนอโดยใช้สอ่ื VTR แนะนำ การพูดในโอกาสตา่ ง ๆ 2. พิธีกรนำเข้าสู่การแข่งขันด้วยการให้ผู้แข่งขันที่ถูกจัดกลุ่มเรียบร้อยทั้ง 4 กลุ่ม นัง่ ประจำท่ี และแจกเงนิ ให้แตล่ ะทีมเท่า ๆ กนั เพ่ือท่จี ะทำในภารกิจตอ่ ไป 3. ผู้ร่วมการแข่งขนั ฟังกตกิ าในการทำภารกจิ ในคร้งั นี้ ดว้ ยกตกิ ามีดงั น้ี 3.1 แตล่ ะทีมจะต้องประดษิ ฐส์ ินคา้ ข้ึนมา 1 ชนิ้ เพอื่ สร้างแบรนด์เป็นของกลุ่ม ตนเองและออกแบบการตลาดเพอื่ นำเสนอผลงานใหไ้ ด้รบั ความนิยมสูงสดุ 3.2 การนำเสนอผลงานจะประกอบไปด้วยการนำนางแบบมาโชว์สินค้า และมี นักการตลาดออกมานำเสนอเกี่ยวกับแบรนด์ของตนเอง ด้วยการให้คะแนนจะให้ ใน 3 ดา้ นในแบรนดส์ ินค้า คือ 1) ด้านการนำเสนอสนิ คา้ 2) ดา้ นการผลิตแบรนด์สินค้า 3) ดา้ นตวั แบบทอ่ี อกมานำเสนอสินคา้ 4. ให้แต่ละกลุ่มประชุมกันว่าเมื่อได้รับภารกิจในการออกแบบแบรนด์สินค้าจะทำ มาในทศิ ทางใด 5. เมื่อวางแผนในการออกแบบเสร็จแล้วให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมารับ ผลิตภัณฑ์เพื่อไปตกแต่งแบรนด์พร้อมกับซื้อสินค้าตกแต่ง สินค้าประกอบการโฆษณา การตลาด ในจำนวนเงินทก่ี ำหนด โดยจะต้องคำนงึ ถึงความค้มุ คา่ ของสินค้าให้มากท่ีสุด 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มลงมือผลิตแบรนด์สินค้าของตนเอง ตามความต้องการใน เวลา 10 นาที เมื่อหมดเวลาจะมสี ัญญาณเตอื นเพอื่ ใหท้ ุกกลมุ่ ยตุ ิการทำ คูม่ ือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6

35 3. ขน้ั อภปิ รายผล (Discussing) (เวลา 18 นาท)ี 1. การนำเสนอผลิตภัณฑ์สินค้าในแต่ละกลุ่ม จะให้ผู้เข้าแข่งขันแต่ละทีมออกมา นำเสนอเป็น 2 รอบ คือ รอบคัดเลือกและรอบชิงชนะเลิศ ผู้เข้าแข่งขันของกลุ่มจะต้อง ต่อสกู้ นั เพ่อื หาผ้ชู นะไปรอบชงิ ชนะเลศิ - สำหรับกติกาการโหวตผู้ชนะในแต่ละรอบ จะให้ผชู้ มโหวตคะแนนการนำเสนอ ผ่านการใช้แอปพลิเคชัน Plickers หากกลุ่มใดได้รับผลโหวตมากที่สุด จะได้เข้ารอบไป แขง่ ขนั ในรอบชิงชนะเลิศ 2. กลุ่มแรกที่ได้นำเสนอจะเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าจะได้ทำการตลาดด้วยการ โฆษณาสนิ คา้ ภายในเวลา 2 นาที และกลุ่มทเ่ี ปน็ คูต่ อ่ สู้ จะรว่ มอภปิ รายหาถึงข้อดีข้อเสีย ของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มคู่แข่งขัน อีก 2 กลุ่มที่เหลือที่เป็นผู้ชมในการตัดสินครั้งนี้ได้เห็นถึง มุมมองตา่ ง ๆ ของผลติ ภัณฑ์ 3. ผู้ชมในการตัดสินของทีมที่ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันในรอบคดั เลือกของตัวเองจะ ทำการตดั สนิ หาผชู้ นะในแต่ละรอบเพอ่ื ทจี่ ะเข้าสู่รอบชงิ ชนะเลิศ 4. ในรอบชิงชนะเลิศจะให้เวลาผู้ท่ีผ่านเข้ารอบทัง้ 2 กลุ่ม ได้ตกแต่งผลติ ภณั ฑ์แบ รนดข์ องตนเองเพมิ่ เตมิ ภายในเวลา 3 นาที โดยสามารถนำสิง่ ของทีอ่ ยูใ่ นตวั มารว่ มในการ ตกแต่งผลิตภัณฑ์ได้ และกลุ่มที่แพ้การแข่งขันจากรอบคัดเลือกที่เหลือทั้งสองทีมจะเป็น ผู้ชมและร่วมตัดสินกับครูคณะกรรมการ โดยคะแนนผลโหวตจะมาจากกรรมการ 70 เปอรเ์ ซ็นต์ และมาจากผู้ชม 30 เปอรเ์ ซน็ ต์ 5. หาผู้ชนะในการแข่งขนั ในรอบสุดท้าย และได้มีโอกาสนำเป็นสินค้าของตนเองไป แข่งขนั ในระดับนานาชาตแิ ละลงหนังสอื นติ ยสารแฟชั่นตอ่ ไป 6. พิธีกรและกรรมการปิดรายการในการแข่งขันในวันนี้และพบกันใหม่ในฤดูกาล หนา้ 4. ข้นั ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ (Applying) (เวลา 5 นาท)ี 1. นักเรียนร่วมกันอภิปรายความรู้ที่ได้รับในการใช้ประสบการณ์ตรงในการเป็น ผอู้ อกแบบผลิตภณั ฑ์ทเ่ี ป็นแบรนด์สินค้า แลว้ นำมาทำการตลาดวา่ สามารถให้ความรู้อะไรกับ เราบ้าง การพูดหรือการโฆษณามีผลอะไรต่อการขายสินค้าหรือโฆษณาแบรนด์ของตนเอง อยา่ งไรบ้าง ใหน้ กั เรยี นและครูร่วมกันอภปิ รายและครเู พม่ิ เตมิ ความรสู้ ่วนทขี่ าดให้นักเรียน ได้รับความรยู้ ่งิ ข้ึน 2. นอกจากนี้ เมื่อเราได้ศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับการพูดในโอกาสต่าง ๆ ผ่านการใช้ ประสบการณจ์ ริง แลว้ นกั เรียนสามารถเรียนรูเ้ นือ้ หาเพ่ิมเติมได้ และยังมีแบบทดสอบหลัง เรยี นให้ทกุ คนไดเ้ ข้าไปทำในแอปพลิเคชัน G-site นกั เรยี นทกุ คนอยา่ ลืมเข้าไปเรยี นนะคะ คูม่ อื การจดั กจิ กรรมการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6

36 8. ส่อื และแหล่งเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้ 1. ผลติ ภณั ฑส์ รา้ งแบรนด์ 2. เงนิ ลงทนุ 3. QR Code แบง่ กลุ่มนักเรยี น 4. กระเป๋าผ้า 5. VTR การพดู ในโอกาสตา่ ง ๆ 6. แอปพลิเคชนั โหวตคะแนน Plicker 7. อปุ กรณ์ตกแตง่ กระเปา๋ ผ้าตา่ ง ๆ แหลง่ การเรียนรู้ 1. กเู กิลไซต์รายการ The design ทา้ ท้ายทอล์คโชว์ 9. การวดั และประเมินผล เครือ่ งมอื ทีใ่ ช้ เกณฑ์ การประเมนิ การวดั วิธีการวดั แบบทดสอบหลัง ผ่านเกณฑ์ และประเมนิ ผล และประเมนิ ผล เรยี นชนิดปรนัย 4 รอ้ ยละ 80 1. การบอก การทดสอบ ตวั เลอื ก จำนวน ขนึ้ ไป หลกั การพดู ใน 10 ข้อ โอกาสตา่ ง ๆ (K) แบบประเมนิ การ ผา่ นเกณฑ์ พูด ร้อยละ 80 2. การพูดใน การพดู นำเสนอ ชนดิ Scoring ขน้ึ ไป โอกาสตา่ ง ๆ ผลงาน Rubrics ไดถ้ ูกตอ้ ง 4 คุณลักษณะ 3 ผ่านเกณฑ์ และเหมาะสม ระดบั คุณภาพ ร้อยละ 80 (P) แบบประเมิน ขึ้นไป มารยาท 3. การมีมารยาท การสังเกต ในการพูด จำนวน ในการพดู (A) พฤติกรรมนกั เรยี น 5 คุณลักษณะ 3 ระดับคณุ ภาพ ค่มู ือการจดั กจิ กรรมการเรยี นร้ภู าษาไทย ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 6

37 10. ผลการจัดการเรียนรู้ พฤตกิ รรมการเรยี นร้ขู องผเู้ รยี น ผู้เรียนให้ความร่วมมือในการเรียนเป็นอย่างดีสนใจในการใช้สื่อของผู้สอน มีความตื่นเต้นและกระตือรือร้นอยากที่จะเรียนจนสังเกตได้ ทำให้พฤติกรรมของผู้เรียน พร้อมที่จะรับความรู้อย่างเห็นได้ชัด นักเรียนมีความช่วยเหลือซึ่งกันและกันภายในกลุ่ม และชว่ ยกนั ระดมสมองอยา่ งเตม็ ความสามารถ คุณลักษณะอนั พึงประสงคข์ องผเู้ รยี น 1. มีวินัย นักเรียนมีวินัยในการทำงานซึ่งมีความเป็นระเบียบ รายการเข้าร่วม กิจกรรมตา่ ง ๆ และให้ความเคารพแต่ครูผูส้ อน 2. ใฝ่เรียนรู้ นักเรียนมีความใฝ่เรียนรู้ กระตือรือร้นที่จะอยากเรียนรู้ในเนื้อหา ตา่ ง ๆ น่าสนใจสือ่ ท่คี ณุ ครจู ัดหาให้ 3. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน เขา้ รว่ มกลุ่มกบั เพื่อนไดเ้ ป็นอยา่ งดีและให้ความร่วมมือ ในการทำงานกลุ่มกับเพื่อนได้อยา่ งเต็มความสามารถ จุดเด่น-จุดด้อย ทค่ี วรพัฒนาของการจัดกจิ กรรม จุดเด่น กิจกรรมมีความแปลกใหม่และเป็นที่ตื่นเต้นให้แก่นักเรียนที่เข้าร่วม กิจกรรม ด้วยกิจกรรมเน้นความสนุกสนาน แต่สิ่งที่นักเรียนได้เรียนรู้ภายในความ สนุกสนานจะแฝงไปด้วยทักษะการสื่อสารที่นักเรียนมีอยู่ในตัว ได้ถ่ายทอดออกมาผ่าน ทางการสื่อสาร ทำให้สามารถดึงศักยภาพของนักเรียนที่มีความสามารถที่แตกต่างกันได้ ออกมาเกือบทุกด้าน จึงทำให้เด็กนักเรียนแต่ละคนได้โชว์จุดเด่นของตัวเองออกมาได้เปน็ อย่างดี อีกทั้งยังเป็นการฝึกทักษะของนักเรียนในด้านการพูดให้มีความกล้า ความสามารถ และทีส่ ำคัญยงั สามารถใช้คำตา่ ง ๆ ที่ขดั เกลาออกมาใชพ้ ดู ในเวลาจำกัดได้ อยา่ งเหมาะสม จุดด้อย เป็นกิจกรรมที่มีการจัดการขั้นตอนอย่างเป็นระบบ จึงทำให้อาจใช้ เวลานานในการจัดกิจกรรม ความเหมาะสมของเวลาจึงอาจจะต้องใช้หลายชั่วโมง ในการเรียนการสอนในเรื่องนี้ จึงจะทำให้เด็กได้ความรู้ที่ครบถ้วนและครบตาม กระบวนการของแผนการสอน ข้อเสนอแนะในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ เนื่องจากิจกรรมจำเป็นต้องมีการจัดโต้ะให้อยู่ในรูปแบบตัว U ซึ่งจะทำให้ เสียเวลาในการเตรียม อาจมีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในลักษณะนี้แต่เปลี่ยนรูปแบบ การจดั โต๊ะเพอ่ื ให้เกดิ ความเหมาะสมกับเวลาและสถานที่ คมู่ อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6

38 QR CODE แบง่ กลมุ่ นักเรียน 4 กลมุ่ QR CODE Google Site ค่มู ือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6

39 วดี ิทศั นน์ ำเข้าสบู่ ทเรยี น วีดีทัศน์เนื้อหาเกีย่ วกับการพดู ในโอกาสตา่ ง ๆ แบบประเมนิ การพดู สรปุ นักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2562 รายการประเมนิ กล่มุ ชอ่ื - การพดู การพูด การใช้ บคุ ลิกภาพ รวม ่ผาน ที่ สกลุ โนม้ น้าว โต้แยง้ ภาษา ไ ่มผ่าน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 1 2 3 คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6

40 เกณฑ์การประเมนิ การพูดในโอกาสตา่ ง ๆ ชนดิ Scoring Rubric รายการประเมิน 3 เกณฑก์ ารให้คะแนน 1 1.การพดู โน้มน้าว (ดมี าก) 2 (ปรับปรงุ ) (ดี) 2. การพูดโตแ้ ย้ง นกั เรยี นสามารถพดู นักเรยี นสามารถพดู ไดต้ รงประเด็น มเี หตุผล นักเรยี นสามารถพูด นำเสนอเนือ้ หาได้ 3. การใชภ้ าษา สามารถจูงใจให้คล้อย ได้ตรงประเด็น มีเหตุผล แตไ่ ม่ครอบคลุม 4. บคุ ลิกภาพ สามารถจงู ใจใหค้ ลอ้ ยตาม ในประเดน็ และขาด ตามได้ โดยใช้คำท่ี ได้ โดยแต่มีการใช้คำทไ่ี ม่ ความนา่ เชอื่ ถือ สภุ าพ เหมาะสมและไม่สุภาพ นักเรยี นสามารถ และสรา้ งสรรค์ นักเรียนสามารถพดู กล่าวอา้ งถึงประเดน็ โดยใช้เหตผุ ลสนับสนนุ ได้ แตข่ าดเหตผุ ล นกั เรียนสามารถพูด และมีเหตผุ ลในการโต้แย้ง หรือแนวคิดในการ โดยใชเ้ หตผุ ลสนับสนุน มีวาทศิลป์ในการใช้ ได้อย่างเหมาะสม โต้แยง้ ได้อยา่ ง คำถามและใช้เหตุผลใน เหมาะสม นกั เรียนสามารถใช้ภาษา การโตแ้ ย้งไดอ้ ยา่ พูดได้สุภาพ เข้าใจงา่ ย นักเรยี นสามารถ เหมาะสม ใชภ้ าษาพดู ได้แต่ยงั แต่ตดิ ขัดบ้าง ขาดความชัดเจน นกั เรยี นสามารถใช้ และความสละสลวย ภาษาพูดได้สุภาพ นกั เรียนแต่งกายสุภาพ นักเรยี นแต่งกายไม่ ชดั เจน เข้าใจง่าย และ เรียบร้อย มีมนุษย สุภาพเรียบร้อย ไม่ มีการปฏิสัมพนั ธ์ สละสลวย สมั พนั ธ์ดี แต่ขาดความ กบั ผอู้ น่ื และขาด มน่ั ใจในการพดู นักเรยี นแตง่ กายสุภาพ ความม่ันใจ เรยี บรอ้ ย มีความมน่ั ใจ ในการพดู ในการพดู และมีมนษุ ยสมั พันธ์ดี เกณฑ์การใหค้ ะแนนการประเมนิ การพูดในโอกาสต่าง ๆ กำหนดไว้ ดังน้ี 3 หมายถึง ดมี าก 2 หมายถงึ ดี 1 หมายถงึ ปรับปรุง โดย คะแนน 12-9 คะแนน หมายถงึ ดมี าก คะแนน 5-8 คะแนน หมายถงึ ดี คะแนน 1-4 คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรงุ หมายเหตุ นกั เรยี นผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 80 ที่ 9 คะแนนขึน้ ไป คมู่ ือการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6

41 แบบประเมินมารยาทในการพดู นกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2562 รายการประเมิน สรุป ชื่อ- ระดับน้ำเสียง รว การเ ิปดโอกาสม ท่ี สกุ ให้ ู้ผ ัฟงได้ซักถาม ล การ ูพด ให้ ูถกกาลเทศะ ูพดด้วยถ้อยคำ ท่ี ุสภาพ ูพดด้วยหน้าตา ที่ยิ้มแ ้ยมแจ่มใส ่ผาน ไ ่ม ่ผาน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 1 2 3 4 บันทกึ เพ่ิมเตมิ ........................................................................................................................ ........................................................................................................................ ........................................................................................................................ ........................................................................................................................ ลงชื่อ..............................................ผสู้ อน (..............................................................) วัน...........เดอื น.......................พ.ศ........... คู่มอื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรูภ้ าษาไทย ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6

42 เกณฑก์ ารสังเกตมารยาทในการพดู ชนิด Scoring Rubrics รายการประเมิน เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1. ระดบั นำ้ เสยี ง 32 1 2. การเปิดโอกาสใหผ้ ู้ฟงั ใชค้ วามดงั ของ ได้ซกั ถาม ใช้ความดังของ ใช้ความดงั ของ เสียง 3. การพูดใหถ้ กู กาลเทศะ เสียง เสียงได้พอเหมาะ เบามากหรือดัง 4. พูดด้วยถอ้ ยคำทีส่ ุภาพ ได้พอเหมาะ ไม่ 1-2 คร้ัง เกินไป 5. พูดดว้ ยหนา้ ตาทย่ี ้ิม เสียงเบาหรอื ดัง ไมเ่ ปดิ โอกาส แย้มแจม่ ใส ให้ผู้ฟงั ซกั ถาม เกนิ ไป หรอื แสดงความ เปดิ โอกาสใหผ้ ฟู้ งั เปิดโอกาสใหผ้ ู้ฟัง คิดเหน็ ซักถาม ซักถาม พดู แทรกจังหวะ ผอู้ ่ืนมากกว่า 2 หรอื แสดงความ หรอื แสดงความ ครง้ั คิดเหน็ คดิ เห็น ใช้คำพดู ท่ีหยาบ 1-2 คร้ัง คาย มากกวา่ 2 ครงั้ ไมพ่ ดู แทรกจังหวะ พดู แทรกจงั หวะ ขณะทพี่ ดู ผู้อืน่ ผู้อ่ืน ไมย่ มิ้ แยม้ แจม่ ใส 1-2 ครง้ั เลย พูดดว้ ยถอ้ ยคำที่ ใช้คำพูดท่ีหยาบ สุภาพ คาย ไม่หยาบคาย 1-2 ครง้ั พดู ดว้ ยหน้าตาท่ี พดู ด้วยหนา้ ตา ยิม้ แยม้ แจ่มใส ทย่ี ิ้มแย้มแจม่ ใส เป็นบางคร้งั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการประเมินการพดู ในโอกาสตา่ ง ๆ กำหนดไว้ ดงั นี้ 3 หมายถึง ดมี าก 2 หมายถงึ ดี 1 หมายถึง ปรับปรุง โดย คะแนน 12-9 คะแนน หมายถึง ดมี าก คะแนน 5-8 คะแนน หมายถงึ ดี คะแนน 1-4 คะแนน หมายถึง ปรับปรงุ หมายเหตุ นักเรียนผ่านเกณฑร์ ้อยละ 80 ท่ี 9 คะแนนข้นึ ไป ค่มู ือการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6

43 บรรณานุกรม จนิ ตนา สขุ มาก. (2536). เอกสารประกอบการเรียนการสอน วิชา การศึกษา 2143205. กรงุ เทพฯ: ภาควชิ าหลกั สูตรและการสอน คณะวชิ าครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสุนันทา สหวิทยาลัย รตั นโกสนิ ทร์. ชาติ แจ่มนุช และคณะ. (ม.ป.ท.). นักเรียนเป็นศูนย์กลางคอื อยา่ งไร. (อดั สำเนา). ชัยวัฒน์ แก้วพันงาม. (2561). “แนวทางในการผสมผสานดิจิทลั เทคโนโลยเี พือ่ การสอนภาษา”. ภาษาปริทศั น.์ 33(2561) ดนติ า ดวงวิไล. (2562). เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า 056 0301 นวัตกรรมและการออกแบบการจัดการเรียนรู้. มหาสารคาม: โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม. ดวงกมล นาคะวจั นะ. (2554). “QR Code”. วารสารประกาย. 8(35). ทัศนีย์ ศุภเมธ.ี (2542). การสอนภาษาไทย. พมิ พ์คร้ังท่ี 3. กรุงเทพฯ: สถาบันราชภัฏธนบุรี. ทศิ นา แขมมณี. (2548). ศาสตรก์ ารสอน. พิมพค์ รั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: ดา่ นสทุ ธาการพิมพ์ จำกดั . ทรงศักด์ิ ภสู ีอ่อน. (2562). การวดั และการประเมนิ ผลการศกึ ษา. พมิ พค์ ร้ังท่ี 3. มหาสารคาม: ตกั สลิ าการพมิ พ์. พิมพันธ์ เดชะคปุ ต์. (2544). การเรียนการสอนทีเ่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคญั : แนวคิด วิธีและเทคนคิ การสอน 1. กรงุ เทพฯ: เดอะมาสเตอรก์ ร๊ปุ แมเนจเมนท.์ วฒั นาพร ระงับทุกข์. (2541). แผนการสอนท่ีเน้นผูเ้ รยี นเป็นศูนยก์ ลาง. กรงุ เทพฯ: ตน้ อ้อ 1999 จำกดั . วารี ถิระจิตร. (2530). การพัฒนาการสอนสังคมศกึ ษาระดบั ประถมศึกษา. กรงุ เทพฯ: ชวนพิมพ.์ วไลพร คุโณทยั . (2530). หลักการสอน. กรุงเทพฯ: กองส่งเสริมวิทย- ฐานะครู กรมการฝึกหดั ครู. ค่มู อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook