ชุดวชิ า การเงินเพ่ือชวี ติ 2 รายวชิ าเลือกบังคับ ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ รหสั สค22016 หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั สานกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธิการ ชุดการเงินเพื่อชวี ิต 2 l ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้
คานา ชดุ วิชาการเงินเพื่อชีวิต 2 สค22016 ตามหลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ใชก้ บั ผเู้ รียนระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้นชุดนปี้ ระกอบดว้ ยเนอื้ หาความร้เู ก่ียวกับวา่ ด้วยเร่อื งของเงิน การวางแผนการเงนิสินเชอ่ื สทิ ธิและหน้าทข่ี องผู้ใช้บริการทางการเงนิ และภยั ทางการเงิน ซ่งึ เนื้อหาความรดู้ ังกล่าว มวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ใหผ้ เู้ รยี น กศน. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะ และตระหนักถงึ ความจาเปน็ ของการเงนิ เพ่ือชีวติ สานักงานการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย ขอขอบคณุธนาคารแหง่ ประเทศไทย ทใ่ี ห้การสนบั สนนุ องค์ความรู้ประกอบการนาเสนอเนื้อหารวมทง้ั ผเู้ ก่ียวขอ้ งในการจดั ทาชดุ วชิ า หวงั เปน็ อย่างยิง่ วา่ ชุดวิชานี้จะเกดิ ประโยชน์ต่อผ้เู รียน กศน. และนาไปสกู่ ารเงินเพ่อื ชวี ิตอย่างเหน็ คุณคา่ ต่อไป สานกั งาน กศน. กรกฎาคม 2559 ชุดการเงนิ เพื่อชวี ิต 2 l ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น
คาแนะนาการใช้ชดุ วชิ า ชุดวิชาการเงินเพ่ือชีวิต 2 รหัสวิชา สค22016 ใช้สาหรับผู้เรียนหลักสูตรการศึกษา นอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นแบ่งออกเป็น 2 สว่ น คือ สว่ นที่ 1 โครงสร้างของชุดวิชา แบบทดสอบก่อนเรียน โครงสร้างของหน่วยการเรยี นรู้ เนอ้ื หาสาระ กิจกรรมเรยี งลาดบั ตามหนว่ ยการเรียนรู้ และแบบทดสอบหลังเรียน สว่ นท่ี 2 เฉลยแบบทดสอบและกิจกรรม ประกอบด้วย เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เฉลยกจิ กรรมเรียงลาดบั ตามหนว่ ยการเรียนรู้วธิ กี ารใช้ชดุ วชิ า ให้ผู้เรียนดาเนนิ การตามขน้ั ตอน ดังน้ี 1. ศกึ ษารายละเอียดโครงสร้างชดุ วิชาโดยละเอียด เพื่อให้ทราบว่าผู้เรียนตอ้ งเรยี นรู้เนอื้ หาในเรื่องใดบ้างในรายวชิ าน้ี 2. วางแผนเพ่ือกาหนดระยะเวลาและจดั เวลาทผี่ ู้เรียนมีความพร้อมท่จี ะศึกษาชดุ วชิ าเพอื่ ใหส้ ามารถศึกษารายละเอียดของเน้ือหาไดค้ รบทุกหน่วยการเรยี นรู้ พรอ้ มทากจิ กรรมตามท่กี าหนดให้ทันก่อนสอบปลายภาค 3. ทาแบบทดสอบก่อนเรียนของชุดวชิ าตามทก่ี าหนด เพ่ือทราบพื้นฐานความรูเ้ ดิมของผเู้ รียน โดยใหท้ าลงในสมุดบนั ทึกกิจกรรมการเรยี นรูแ้ ละตรวจสอบคาตอบจากเฉลยแบบทดสอบเฉลย/แนวตอบกิจกรรมท้ายเล่ม 4. ศึกษาเน้ือหาในชดุ วิชาในแตล่ ะหน่วยการเรียนรอู้ ย่างละเอยี ดให้เขา้ ใจทัง้ ในชุดวชิ าและสื่อประกอบ (ถา้ มี) และทากจิ กรรมท่ีกาหนดไว้ใหค้ รบถว้ น 5. เมอ่ื ทากจิ กรรมเสรจ็ แตล่ ะกิจกรรมแลว้ ผเู้ รียนสามารถตรวจสอบคาตอบได้จากเฉลย/แนวตอบ ท้ายเลม่ หากผู้เรยี นยังทากจิ กรรมไม่ถูกตอ้ งให้ผู้เรยี นกลบั ไปทบทวนเนื้อหาสาระ ในเรอ่ื งนนั้ ซ้าจนกวา่ จะเข้าใจ 6. เมื่อศกึ ษาเน้อื หาสาระครบทกุ หนว่ ยการเรียนรแู้ ลว้ ใหผ้ เู้ รียนทาแบบทดสอบหลังเรียนและตรวจคาตอบจากเฉลยทา้ ยเล่มว่าผเู้ รียนสามารถทาแบบทดสอบได้ถกู ตอ้ งทกุ ขอ้ หรือไม่ หากขอ้ ใดยังไมถ่ ูกต้อง ใหผ้ ู้เรียนกลบั ไปทบทวนเน้อื หาสาระในเร่ืองน้นัใหเ้ ขา้ ใจอีกครั้งหน่ึง ผู้เรียนควรทาแบบทดสอบหลงั เรยี นให้ไดค้ ะแนนมากกวา่ แบบทดสอบก่อนเรียน และควรไดค้ ะแนน ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 60 ของแบบทดสอบทงั้ หมด (หรือ 24 ขอ้ )เพอ่ื ให้ม่นั ใจวา่ จะสามารถสอบปลายภาคผา่ น 7. หากนกั ศกึ ษาได้ทาการศึกษาเนือ้ หาและทากิจกรรมแล้วยังไม่เขา้ ใจผเู้ รียนสามารถสอบถามและขอคาแนะนาได้จากครหู รือแหล่งคน้ ควา้ เพมิ่ เติมอน่ื ๆ ชุดการเงินเพอื่ ชวี ิต 2 l ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้
หมายเหตุ : การทาแบบทดสอบก่อนเรยี น – หลังเรียน และทากจิ กรรมทา้ ยเร่ือง ใหท้ าและบันทกึ ลงในสมุดบันทกึ กจิ กรรมการเรยี นรู้ประกอบชุดวชิ าการศึกษาค้นควา้ เพมิ่ เตมิ ผเู้ รยี นอาจศึกษาหาความรู้เพ่มิ เตมิ ไดจ้ ากแหล่งเรียนรอู้ น่ื ๆ เช่น ศนู ย์คุ้มครองผ้ใู ช้บริการทางการเงนิ ธนาคารแห่งประเทศไทย โทร.1213, เวบ็ ไซต์ : www.1213.or.th ,เฟสบุ๊ค : www.facebook.com/hotline1213 การศกึ ษาจากอนิ เทอร์เนต็ พิพิธภณั ฑ์นิทรรศการ หน่วยงานท่เี ก่ียวข้องกบั การเงินการธนาคาร การศึกษาจากผูร้ ู้ เป็นต้นการวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ผู้เรยี นตอ้ งวดั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน ดังน้ี 1. ระหว่างภาค วัดผลจากการทากิจกรรมหรอื งานที่ได้รับมอบหมายระหว่างเรียนรายบุคคล 2. ปลายภาค วดั ผลจากการทาขอ้ สอบวัดผลสมั ฤทธิ์ปลายภาค ชดุ การเงินเพื่อชวี ติ 2 l ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น
โครงสรา้ งชุดวชิ าสาระการเรียนรู้ สาระการพัฒนาสังคมมาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐานท่ี 5.1 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และตระหนงั ถึงความสาคัญเกีย่ วกบั ภมู ิศาสตร์ประวตั ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง สามารถนามาปรับใช้ในการดารงชีวิตมาตรฐานการเรียนรู้ระดับ มคี วามรู้ ความเข้าใจ ตระหนักเก่ยี วกับภมู ิศาสตร์ ประวตั ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์การเมอื ง การปกครองในทอ้ งถิน่ ประเทศ นามาปรับใชใ้ นการดาเนินชวี ติ และการประกอบอาชีพ เพื่อความม่นั คงของชาติผลการเรยี นรู้ท่คี าดหวงั - อธบิ ายข้อมูลเกีย่ วกับเรื่องการเงินไดอ้ ย่างถกู ต้อง - วิเคราะห์ เปรยี บเทียบ การชาระเงนิ ผ่านช่องทางต่าง ๆ ตลอดจนบญั ชเี งินฝาก ประเภท ตา่ ง ๆ และเลอื กใช้ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม - คานวณอตั ราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และดอกเบยี้ บญั ชีเงนิ ฝากได้ - ประยุกตใ์ ชแ้ ละเลอื กใชค้ วามรทู้ างการเงินมากาหนดเปา้ หมายมาออกแบบวางแผน การเงนิ ของตนเองไดอ้ ย่างเหมาะสม - มคี วามรับผดิ ชอบตอ่ การใช้จา่ ย จัดการการเงินไดอ้ ยา่ งเหมาะสม คมุ้ ค่า ตระหนักถงึ สทิ ธิและหนา้ ที่ทางการเงินสาระสาคัญ เงินเป็นปัจจยั สาคญั ในการดารงชีวิตของประชาชนทุกคน เน่อื งจากเปน็ ส่อื กลางที่ใช้สาหรับแลกเปลี่ยนกับสินคา้ และบรกิ ารต่าง ๆ ที่จาเป็นตอ้ งใช้ในชวี ติ ประจาวัน นอกจากนัน้“เงนิ ” ยังเป็นปจั จัยสาคัญสาหรบั การลงทนุ เพ่อื เพิ่มพูนรายได้ อย่างไรกต็ าม ในปจั จบุ ันนสี้ ภาพสงั คม เศรษฐกิจท่เี ปลี่ยนแปลงไปอยา่ งรวดเร็ว มีวธิ ีทางการเงินใหม่ ๆ ถกู พฒั นาขึ้นอย่างหลากหลาย เช่น บัตรเครดิต บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม การทาธุรกรรมทางโทรศพั ท์ ทางอินเทอร์เนต็ การลงทุนทางการเงินประเภทต่าง ๆ เปน็ ต้น และเมือ่ มกี ารพัฒนาทางการเงนิเพม่ิ ขนึ้ ภัยทางการเงนิ ก็เพ่มิ ข้ึนเปน็ เงาตามตัว เชน่ เงินกู้นอกระบบ แชร์ลกู โซ่ ภยั การเงนิออนไลน์ เป็นต้น จงึ ต้องพัฒนาทักษะความสามารถด้านการเงนิ ใหม้ ีความรู้ ความเขา้ ใจ ชดุ การเงนิ เพอ่ื ชวี ติ 2 l ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้
สามารถออกแบบวางแผน และตัดสนิ ใจทางการเงิน ตลอดจนหลีกเล่ยี ง ความเสีย่ งภยั ทางการเงิน อนั เป็นประโยชนต์ อ่ การดารงชีวิตในปจั จุบันขอบข่ายเนื้อหา หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1. ว่าดว้ ยเร่ืองของเงิน 2. การวางแผนการเงนิ 3. สนิ เชื่อ 4. สิทธิและหน้าทข่ี องผู้ใช้บรกิ ารทางการเงิน 5. ภัยทางการเงนิสื่อประกอบการเรียนรู้ 1. ชุดวิชา 2. สมดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้ ประกอบชมุ วชิ า 3. ส่อื เสริมการเรียนร้อู ่นื ๆจานวนหนว่ ยกิต 3 หนว่ ยกิต (120 ชั่วโมง)กจิ กรรมเรียนรู้ 1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน ตรวจสอบคาตอบจากเฉลยท้ายเล่ม 2. ศึกษาเนือ้ หาสาระในหน่วยการเรยี นรู้ทกุ หนว่ ย 3. ทากจิ กรรมตามที่กาหนด และตรวจสอบคาตอบจากเฉลยท้ายเลม่ 4. ทาแบบทดสอบหลงั เรียน และตรวจสอบคาตอบจากเฉลยท้ายเล่มการประเมนิ ผล 1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียน 2. ทากิจกรรมในแต่ละหนว่ ยการเรยี นรู้ 3. เขา้ รบั การทดสอบปลายภาค ชุดการเงนิ เพื่อชีวิต 2 l ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น
สารบัญ หนา้คานาคาแนะนาการใชช้ ดุ วชิ าโครงสร้างชุดวิชาสารบญัหน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 วา่ ดว้ ยเร่อื งของเงนิ 1 เรื่องที่ 1 ความหมายและประโยชน์ 4 เรื่องท่ี 2 ประเภทของเงิน 6 เรื่องที่ 3 การฝากเงินและการประกันภัย 20 เรอ่ื งท่ี 4 การชาระเงนิ ทางอิเลก็ ทรอนิกส์ 42 เร่ืองท่ี 5 ผ้ใู หบ้ ริการทางการเงินในประเทศไทย 47หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 การวางแผนการเงิน 52 เรอื่ งที่ 1 การรู้จักฐานะการเงินของตนเอง 54 เรอื่ งที่ 2 การประเมินฐานะการเงนิ ของตนเอง 57 เรือ่ งที่ 3 การบนั ทึกรายรับ-รายจา่ ย 64 เรอื่ งท่ี 4 การตัง้ เป้าหมายและจดั ทาแผนการเงนิ 71 เรอื่ งท่ี 5 การออม 78หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 สินเชื่อ 83 เรื่องที่ 1 การประเมินความเหมาะสมกอ่ นตดั สนิ ใจก่อหนี้ 85 เรอ่ื งที่ 2 ลกั ษณะของสินเช่ือรายย่อยและการคานวณดอกเบ้ยี 87 เรอ่ื งที่ 3 เครดิตบูโร 98 เร่ืองท่ี 4 วิธกี ารปอ้ งกันปัญหาหนี้ 100 เร่ืองที่ 5 วิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ 101 เรื่องที่ 6 หน่วยงานทใ่ี หค้ าปรกึ ษาวธิ ีการแก้ไขปัญหาหน้ี 103หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 สิทธแิ ละหน้าท่ขี องผูใ้ ชบ้ รกิ ารทางการเงนิ 105 เรือ่ งที่ 1 สิทธขิ องผู้ใช้บริการทางการเงนิ 106 เรอ่ื งที่ 2 หน้าทขี่ องผูใ้ ช้บรกิ ารทางการเงนิ 108 เรือ่ งท่ี 3 บทบาทศูนย์ค้มุ ครองผูใ้ ช้บริการทางการเงิน (ศดง.) 110 และหน่วยงานทร่ี บั เรอ่ื งร้องเรยี นอืน่ ๆ เร่อื งที่ 4 ข้นั ตอนการรอ้ งเรียนและหลกั การเขยี นหนังสอื รอ้ งเรียน 112 ชุดการเงนิ เพือ่ ชวี ิต 2 l ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้
สารบญั (ตอ่ ) หนา้หนา่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 ภัยการเงนิ 115 เรื่องท่ี 1 หนนี้ อกระบบ 116 เรื่องท่ี 2 แชร์ลกู โซ่ 120 เรอื่ งท่ี 3 ภยั ใกล้ตัว 122 เรอ่ื งท่ี 4 แก๊งคอลเซนเตอร์ 124 เรื่องท่ี 5 ภยั ออนไลน์ 127 131เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน-หลังเรียน 132เฉลย/แนวตอบกิจกรรมท้ายเรือ่ ง 177บรรณานกุ รม 180คณะผู้จัดทาชดุ การเงินเพอื่ ชวี ิต 2 l ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้
1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ว่าดว้ ยเรอ่ื งของเงินสาระสาคัญ เงินเป็นสิ่งสาคัญท่ีมีผลต่อการดารงชีวิตในยุคปัจจุบัน เพราะเป็นส่ิงท่ีใช้ในการซื้อหาส่ิงของหรือบริการเพ่ือให้สามารถดารงชีพ หรือเพื่อความสะดวกสบาย เงินที่รู้จักกันส่วนใหญ่มี 2 ชนิด คือ ธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ โดยในประเทศไทยใช้สกุลเงินบาท อย่างไรก็ดี หากต้องเดินทางหรือทาการค้าท่ีต่างประเทศ ก็จะต้องเข้าไปเก่ียวข้องกับเงินตราของประเทศอ่ืน ๆดว้ ย เมอ่ื ไดร้ บั เงินจากแหลง่ ต่าง ๆ เช่น จากการประกอบอาชีพ ส่ิงที่ควรทาคือ แบ่งเงินบางสว่ นไปเกบ็ ออมเพ่ือวตั ถุประสงคต์ ่าง ๆ เชน่ ไว้ใชย้ ามฉุกเฉิน เป็นค่าใช้จ่ายหลังเกษียณหรือเลิกทางาน แต่บางคร้ังการเก็บออมเงินไว้ใช้ยามฉุกเฉินอาจไม่เพียงพอที่จะรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จึงอาจต้องพิจารณาความจาเป็นในการทาประกันภัยเพ่ือรองรับความเส่ียงที่ไมค่ าดคดิ เช่น ประสบอุบัติเหตุ หรือเสียชีวิต ซ่ึงหากเกิดเหตุการณ์นั้นบริษัทประกันภัยจะเป็นผ้จู า่ ยสินไหมทดแทนให้ตามเงอ่ื นไขท่ตี กลงไวใ้ นกรมธรรม์ ด้วยยุคสมัยปัจจุบันเปลี่ยนไป มีการนาเทคโนโลยีมาอานวยความสะดวกเพ่ือให้ใช้เงินได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องพกพาเงินสดจานวนมาก เช่น บัตรเดบิต และบัตรเครดิต ซ่ึงแต่ละชนิดออกแบบมาเพ่ือลักษณะการใช้งานที่ต่างกัน นอกจากนี้ ยังมีช่องทางการชาระเงินท่ีรวดเร็วยิง่ ขน้ึ เช่น internet payment, mobile payment ทท่ี าให้การโอนเงิน ชาระเงินเป็นเร่ืองง่ายไม่ต้องเสยี เวลาเดนิ ทางไปทาธรุ กรรมทีธ่ นาคาร นอกจากเงินจะมีบทบาทสาคัญต่อชีวิตประจาวันของทุกคน ยังเป็นสิ่งสาคัญในการขับเคล่ือนเศรษฐกิจทั้งระบบ ทั้งในด้านการลงทุน การผลิต และการจ้างงาน จึงมีผู้ให้บริการทางการเงินในระบบจานวนมากซ่ึงมีบทบาทหน้าท่ีแตกต่างกันไปในการตอบสนองระบบเศรษฐกิจในแต่ละด้าน โดยสถาบันการเงินมีทั้งท่ีรับฝากเงิน และไม่ได้รับฝากเงิน ซ่ึงผู้ใช้บริการทางการเงินสามารถวางใจและเช่ือถือได้ เนื่องจากมีหน่วยงานท่ีทาหน้าที่กากับดูแลอย่างใกล้ชดิ ชดุ วชิ าการเงินเพือ่ ชีวิต 2 | หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 วา่ ด้วยเรือ่ งของเงนิ
2ตัวช้ีวัด 1. อธิบายความหมายและประโยชน์ของเงนิ 2. บอกความหมายและความแตกต่างของการให้เงนิ และการให้ยมื เงิน 3. บอกประเภทและลกั ษณะของเงินตราไทย 4. อธบิ ายวิธีการตรวจสอบธนบัตร 5. บอกเงินสกลุ ของประเทศในทวปี เอเชยี 6. คานวณอตั ราแลกเปลยี่ นเงนิ ตราตา่ งประเทศ 7. บอกช่องทางการแลกเปลย่ี นเงนิ ตราตา่ งประเทศ 8. บอกลกั ษณะบญั ชีเงินฝากแต่ละประเภท 9. บอกประโยชน์และขอ้ จากัดการฝากเงนิ ประเภทตา่ ง ๆ 10. บอกความหมายของดอกเบ้ยี เงินฝาก 11. คานวณดอกเบี้ยเงนิ ฝากอย่างง่าย 12. บอกความหมายของการคุ้มครองเงนิ ฝาก 13. บอกประเภทของเงนิ ฝากท่ีไดร้ บั การคมุ้ ครอง 14. อธบิ ายความหมายและประโยชน์ของการประกนั ภัย 15. บอกประเภทและลักษณะการประกนั ภยั แต่ละประเภท 16. บอกความหมายและประโยชนข์ องการชาระเงนิ ทางอิเล็กทรอนกิ ส์ 17. บอกลักษณะของบตั รเอทีเอม็ บตั รเดบิต บตั รเครดิต 18. เปรยี บเทยี บความแตกตา่ งบตั รเอทเี อม็ บัตรเดบิต บตั รเครดติ 19. บอกผูใ้ ห้บริการทางการเงนิ ในประเทศไทย 20. บอกประเภทของสถาบันการเงินและหน่วยงานอ่ืน ๆ ภายใต้การกากับของธนาคารแหง่ ประเทศไทย 21. อธิบายบทบาทหน้าที่ของสถาบันการเงินและหน่วยงานอื่น ๆ ภายใต้การกากับของธนาคารแหง่ ประเทศไทยขอบข่ายเน้ือหา เรอื่ งที่ 1 ความหมายและประโยชน์ของเงิน เรอื่ งท่ี 2 ประเภทของเงนิ เรอ่ื งที่ 3 การฝากเงิน และการประกันภัย ชุดวชิ าการเงนิ เพ่ือชีวิต 2 | หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ว่าด้วยเรอ่ื งของเงิน
3 เรอ่ื งที่ 4 การชาระเงินทางอิเลก็ ทรอนิกส์ เรอ่ื งท่ี 5 ผู้ให้บรกิ ารทางการเงินในประเทศไทยสอื่ การเรยี นรู้ 1. เวบ็ ไซตธ์ นาคารแหง่ ประเทศไทย (ธปท.) www.bot.or.th 2. เว็บไซต์สานักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) www.sec.or.th 3. เว็บไซต์สานักงานคณะกรรมการกากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภยั (คปภ.) www.oic.or.thเวลาทีใ่ ช้ในการศึกษา 24 ชวั่ โมง ชดุ วชิ าการเงินเพอื่ ชีวติ 2 | หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ว่าดว้ ยเรือ่ งของเงนิ
4เรอ่ื งท่ี 1 ความหมายและประโยชน์ของเงนิความหมายและประโยชนข์ องเงนิ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ให้ความหมายของ “เงิน” คือวัตถุที่กาหนดให้ใช้เป็นส่ือกลางในการแลกเปลี่ยนหรือชาระหน้ี ปัจจุบันส่วนใหญ่ คือ ธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ อย่างไรก็ดี เงินอาจไม่ได้จากัดอยู่ในรูปธนบัตรและเหรียญกษาปณ์เท่าน้ันแตอ่ าจอยู่ในรูปแบบอ่ืน ๆ อีก เชน่ เงนิ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ “เงิน” เป็นส่ิงสาคัญท่ีมีผลต่อการดารงชีวิตในยุคปัจจุบัน เพราะเป็นส่ิงท่ีใช้ในการซ้ือหาสงิ่ ของหรอื บริการเพอื่ ให้สามารถดารงชีพได้ หรือเพื่อความสะดวกสบาย เช่น การซ้ือหาอาหาร สิ่งของจาเป็น การศึกษา การรักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายเดินทาง ดังนั้น ทุกคนจึงจาเป็นต้องประกอบอาชีพ สร้างอาชีพให้ตนเองเพื่อให้มีเงินหรือมีรายได้เลี้ยงตนเองและคนในครอบครัว เม่ือได้เงินมาแล้วก็ควรรู้จักวางแผนการเงินของตนเอง เพ่ือให้ใช้เงินอย่างรู้คุณค่าและมีเงินเพียงพอต่อการดารงชีพ เช่น เม่ือมีรายได้ให้นาไปเก็บออมส่วนหน่ึงก่อน โดยลาดับแรกควรออมเผ่ือฉุกเฉินเม่ือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะได้ดึงเงินท่ีออมมาใช้จ่ายได้ หรือการรู้จักวางแผนการใช้จ่าย โดยใช้จ่ายในส่ิงท่ีจาเป็นก่อน หรือหากมีเงินออมเพียงพอแล้ว อาจนาเงินออมบางส่วนไปสร้างผลตอบแทนเพิ่มข้ึน เช่น การฝากเงินในบัญชีเงินฝากประจาเพ่ือรับดอกเบี้ยทีส่ ูงข้นึ หรือการลงทุนภายใต้ความเส่ยี งท่ียอมรับได้ เพือ่ ใหเ้ งนิ ที่หามาไดส้ รา้ งมลู ค่าทีเ่ พิม่ ข้นึการใหเ้ งนิ และการใหย้ มื เงนิ การใหเ้ งิน หมายถงึ การใหเ้ งินโดยไมไ่ ด้หวังผลตอบแทน และไม่ได้หวังให้มีการนาเงนิ ดงั กลา่ วมาจ่ายคนื ให้ เช่น พอ่ แมใ่ หค้ า่ ขนมแก่ลูก การบรจิ าคเงินเพือ่ การกุศล การใหย้ ืมเงิน หมายถงึ การใหเ้ งินโดยคาดหวงั ให้มีการจ่ายคืนภายในระยะเวลาที่กาหนด และมีการกาหนดอัตราผลตอบแทนของการให้ยืมเงินนั้นด้วย ซ่ึงเรียกว่า “ดอกเบี้ย”เช่น สมชายให้สมหญิงกู้ยืม 10,000 บาท คิดดอกเบ้ีย 2% ต่อปีและให้ใช้คืนเม่ือครบ 1 ปีหมายความวา่ สมหญิงต้องจา่ ยเงนิ คนื สมชาย 10,200 บาท เมือ่ ครบ 1 ปี จะเห็นว่าการให้เงินเป็นการให้เปล่าไม่ต้องคืน แต่สาหรับการให้ยืมเงินเป็นการคาดหวังให้มีการจ่ายเงินคืน ซึ่งผู้ให้ยืมอาจต้องการดอกเบี้ยหรือไม่ต้องการดอกเบ้ียก็ได้ ดังน้ันก่อนที่จะให้เงินหรือให้ยืมเงิน ผู้ให้ยืมควรอธิบายให้ชัดเจนและเข้าใจตรงกันว่า ต้องการให้เงิน ชดุ วิชาการเงนิ เพื่อชีวิต 2 | หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 วา่ ดว้ ยเรอื่ งของเงิน
5หรือต้องการให้ยืมเงนิ ซึ่งหากเป็นการให้ยืมเงิน ผู้ให้ยืมควรแจ้งอัตราดอกเบ้ีย ระยะเวลาท่ีต้องชาระคนื และควรทาเอกสารเปน็ ลายลักษณอ์ ักษรเพ่ือเป็นหลักฐานการใหย้ ืมเงินไวด้ ้วยกจิ กรรมท้ายเรอื่ งที่ 1 ความหมายและประโยชน์ของเงิน (ให้ผเู้ รยี นไปทากจิ กรรมท้ายเร่อื งที่ 1 ทส่ี มดุ บนั ทึกกจิ กรรมการเรยี นร)ู้ ชดุ วชิ าการเงนิ เพอ่ื ชวี ติ 2 | หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 ว่าดว้ ยเรือ่ งของเงิน
6เรือ่ งท่ี 2 ประเภทของเงนิเงินตราไทย เงินตราท่ีใช้ในประเทศไทย ปัจจุบันมี 2 ชนิด คือ ธนบัตรและเหรียญกษาปณ์โดยมีรายละเอยี ด ดงั นี้ธนบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานที่ทาหน้าท่ีบริหารจัดการธนบัตรภายในประเทศทุกขั้นตอน เริ่มต้ังแต่การผลิต นาธนบัตรใหม่ออกใช้หมุนเวียนและทาลายธนบัตรเก่า รวมท้ังประเมินความต้องการใช้ธนบัตรใหม่ในแต่ละปีว่าควรจะผลิตธนบัตรชนิดราคาใดออกมาจานวนมากน้อยเพียงใด เพ่ือให้เพียงพอต่อความต้องการใช้จ่ายของประชาชนในประเทศ ซ่ึงในแต่ละปีปริมาณการผลิตธนบัตรจะผันแปรไปตามความต้องการใช้ธนบัตรท่เี พ่มิ ขน้ึ หรือลดลงตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ธนาคารแหง่ ประเทศไทยเป็นผู้มีสิทธิ์พิมพ์และออกใช้ธนบัตรในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว โดยปฏิบัติตามท่ีพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501 กาหนดไว้ว่าการนาธนบตั รออกใชห้ มุนเวยี นในระบบเศรษฐกจิ สามารถทาได้ 2 กรณี คือ 1. แลกเปลี่ยนทันทีกับธนบัตรท่ีออกใช้หมุนเวียนอยู่แล้วในมูลค่าท่ีเท่ากัน เช่นธนบัตรชนิดราคา 1000 บาท 10 ฉบับ มูลค่า 10,000 บาท แลกเปลี่ยนกับธนบัตรใหม่ชนิดราคาเดียวกันหรือชนิดราคาอื่นในมูลค่าท่ีเท่ากัน อาทิ ธนบัตรชนิดราคา 500 บาท จานวน 20ฉบับ 2. แลกเปลี่ยนทันทีกับสินทรัพย์ท่ีกฎหมายกาหนดให้เป็นทุนสารองเงินตราในมลู ค่าท่ีเทา่ กัน เชน่ นาทองคามลู ค่า 100 ล้านบาทมาเข้าบัญชีทุนสารองเงินตรา แลกเปล่ียนกับธนบัตรเพือ่ นาออกใชม้ ูลค่า 100 ลา้ นบาทเท่ากัน ทาไมธนบัตรจึงมีคา่ การท่ีธนบัตรได้รับความเชื่อถือและมีมูลค่าตามราคาที่ระบุไว้ได้น้ัน เนื่องจากกฎหมายกาหนดให้ต้องนาสินทรัพย์ เช่น ทองคา เงินตราต่างประเทศ หลักทรัพย์ต่างประเทศมาแลกเปล่ียนเท่ากับจานวนมูลค่าของธนบัตรท่ีจะนาออกใช้ ซ่ึงสินทรัพย์ดังกล่าวจะโอนเข้าไว้ในบัญชีทุนสารองเงินตรา โดยธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดูแลรักษาบัญชี และมีสานักงาน ชดุ วชิ าการเงินเพ่ือชีวิต 2 | หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 วา่ ดว้ ยเรื่องของเงิน
7การตรวจเงินแผน่ ดินตรวจสอบเปน็ ประจาทุกปี ดงั นั้น จงึ ม่นั ใจได้ว่าธนบัตรทุกฉบับมีมูลค่าตามราคาทตี่ ราไวอ้ ย่างแทจ้ ริง ธนบัตรท่ีใช้หมนุ เวียนในปจั จุบัน นับจากปี พ.ศ. 2445 ท่ีเร่ิมนาธนบัตรแบบแรกออกใช้ จนถึงปัจจุบันปี พ.ศ.2559 ประเทศไทยมีธนบัตรออกใช้หมุนเวียนรวมจานวน 16 แบบ โดยธนบัตรแบบปัจจุบันคือ ธนบัตรแบบสิบหก1 มี 5 ชนิดราคา ได้แก่ 20 บาท 50 บาท 100 บาท 500 บาท และ1000 บาท ภาพประธาน : พระบรมฉายาสาทิสลกั ษณ์พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว ในฉลองพระองคค์ รุยมหาจกั รีบรมราชวงศ์ลักษณะธนบตั รด้านหนา้ ภาพประธาน : ภาพพระบรมราชานุสาวรยี ์พอ่ ขนุ รามคาแหง มหาราชลกั ษณะธนบตั รดา้ นหลังขนาด ภาพประกอบ : ภาพการประดษิ ฐ์อักษรไทย ภาพศิลาจารึกวันประกาศออกใช้ หลักที่ 1 จารึกพอ่ ขุนรามคาแหง ภาพลายสอื ไทย ภาพทรงวนั ออกใช้ รับเรื่องราวร้องทุกขข์ องราษฎร ภาพกระดง่ิ และภาพ เครอื่ งสงั คโลก 7.20 x 13.80 เซนตเิ มตร ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2555 วนั ท่ี 1 เมษายน 25561 ขอ้ มลู ณ เดอื นมิถนุ ายน 2559 ชุดวชิ าการเงนิ เพอ่ื ชวี ติ 2 | หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 วา่ ด้วยเรอ่ื งของเงิน
ลักษณะธนบัตรดา้ นหนา้ 8ลักษณะธนบัตรดา้ นหลงั ภาพประธาน : พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเดจ็ขนาด พระเจา้ อยหู่ วั ในฉลองพระองค์ครยุ มหาจักรบี รมราชวงศ์วนั ประกาศออกใช้วันออกใช้ ภาพประธาน : ภาพพระบรมราชานุสาวรยี ส์ มเด็จพระนเรศวร มหาราชลักษณะธนบตั รดา้ นหน้า ภาพประกอบ : ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ทรงพระแสงดาบลกั ษณะธนบัตรด้านหลัง นาทหารเข้าตีคา่ ยพมา่ พระบรมราชานุสาวรีย์ ณ อนุสรณ์ขนาด ดอนเจดีย์ และพระเจดยี ช์ ัยมงคล วัดใหญ่ชยั มงคล จงั หวดัวันประกาศออกใช้ พระนครศรอี ยุธยาวนั ออกใช้ 7.20 x 14.40 เซนตเิ มตร ลงวนั ท่ี 24 มิถนุ ายน 2554 วันที่ 18 มกราคม 2555 ภาพประธาน : พระบรมฉายาสาทสิ ลักษณ์พระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ ัว ในฉลองพระองคค์ รยุ มหาจกั รีบรมราชวงศ์ ภาพประธาน : ภาพพระบรมรปู สมเด็จพระเจ้าตากสิน มหาราช ภาพประกอบ : ภาพทรงเกลย้ี กลอ่ มให้ประชาชนรวมกาลงั กนั ตอ่ ส้กู ู้อิสรภาพ ภาพท้องพระโรงพระราชวงั กรุงธนบุรี ภาพพระบรมราชานุสาวรีย์สมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราช ทรงมา้ พระท่นี งั่ ออกศกึ และภาพป้อมวไิ ชยประสทิ ธิ์ 7.20 x 15.00 เซนติเมตร ลงวนั ที่ 27 ธันวาคม 2557 วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558 ชดุ วิชาการเงนิ เพื่อชวี ิต 2 | หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 วา่ ดว้ ยเรื่องของเงิน
ลกั ษณะธนบตั รดา้ นหน้า 9ลกั ษณะธนบตั รดา้ นหลัง ภาพประธาน : พระบรมฉายาสาทสิ ลักษณ์พระบาทสมเดจ็ขนาด พระเจา้ อย่หู ัว ในฉลองพระองค์ครุยมหาจักรีบรมราชวงศ์วันประกาศออกใช้วนั ออกใช้ ภาพประธาน : ภาพพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราชลกั ษณะธนบัตรด้านหน้า ภาพประกอบ : ภาพวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามลักษณะธนบัตรด้านหลงั ภาพป้อมพระสเุ มรุขนาด 7.20 x 15.60 เซนติเมตรวนั ประกาศออกใช้ ลงวันท่ี 27 ธันวาคม 2556วนั ออกใช้ วันท่ี 12 พฤษภาคม 2557 ภาพประธาน : พระบรมฉายาสาทสิ ลกั ษณ์พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ในฉลองพระองค์ครยุ มหาจกั รบี รมราชวงศ์ ภาพประธาน : ภาพพระบรมรูปพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช ภาพประกอบ : ภาพพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยูห่ ัวทรงม้าพระท่นี ัง่ ภาพพระทีน่ ง่ั อนันตสมาคม และภาพการเลิกทาส 7.20 x 16.20 เซนตเิ มตร ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2558 วันท่ี 21 สงิ หาคม 2558 ชดุ วชิ าการเงนิ เพื่อชวี ิต 2 | หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ว่าด้วยเรอ่ื งของเงนิ
10 ขนาดมาตรฐานของธนบตั รแบบปจั จบุ ัน2 (แบบสิบหก) การกาหนดขนาดธนบัตรมุ่งเน้นถึงความสะดวกในการพกพาเป็นหลัก และเพื่อประโยชน์ต่อการสังเกตของประชาชน โดยเฉพาะอย่างย่ิงผู้ที่มีความบกพร่องทางสายตาซึ่งสามารถแยกแยะชนิดราคาธนบัตรด้วยการสัมผัสเท่านั้น จึงกาหนดให้ธนบัตรทุกชนิดราคามีความกว้างเทา่ กนั คอื 72 มิลลเิ มตร แตม่ ีความยาวที่ลดหลัน่ กันชนิดราคาละ 6 มลิ ลเิ มตร วิธีการตรวจสอบธนบตั รแบบสบิ หก 1. สัมผัส 1.1 สมั ผสั กระดาษธนบัตร ธนบตั รทาจากกระดาษชนิดพิเศษท่ีมีใยฝ้ายเป็นส่วนประกอบหลัก จึงมคี วามแกรง่ ทนทาน ไม่ยุย่ งา่ ย เมื่อจับสัมผัสจะให้ความรู้สกึ แตกต่างจากกระดาษท่ัวไป 1.2 ลายพมิ พ์เส้นนูน สามารถสัมผัสความนูนตามจุดต่าง ๆ ได้แก่ ตัวเลขอารบิกแจ้งชนิดราคาที่มุมขวาบนของธนบัตร ตัวอักษรคาว่า “รัฐบาลไทย” และตัวเลขไทยแจ้งชนิดราคาด้านหนา้ ธนบัตร นอกจากนี้ ท่ีบริเวณมุมล่างด้านขวาของธนบัตรทุกชนิดราคาจะมีลายพิมพ์เสน้ นูนรูปดอกไม้ ซงึ่ เปน็ สัญลกั ษณ์แจ้งชนิดราคาธนบตั รทป่ี ระยุกต์มาจากอักษรเบรลล์ เพื่ออานวยความสะดวกแกผ่ ู้มคี วามบกพรอ่ งทางสายตา2 ขอ้ มลู ณ เดอื นมถิ นุ ายน 2559 ชุดวชิ าการเงินเพอื่ ชีวติ 2 | หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 วา่ ดว้ ยเรื่องของเงนิ
11 2. ยกส่อง 2.1 ลายนา้ ลายน้าเกิดข้ึนในข้ันตอนการผลิตกระดาษท่ีทาให้เนื้อกระดาษมีความหนาไม่เท่ากัน เมื่อยกธนบัตรส่องกับแสงสว่างจึงมองเห็นภาพที่มีการไล่ระดับของแสงเงา และตัวเลขไทยตามชนิดราคาธนบัตรท่ีมีความโปร่งแสงเป็นพิเศษ ประดับควบคู่ลายน้าพระบรมฉายาสาทสิ ลกั ษณพ์ ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั 2.2 แถบสีและแถบส่ีเหล่ียมเคล่ือนไหวสลับสี ธนบัตรทุกชนิดราคามีแถบสีต่าง ๆ ตามชนิดราคาธนบัตรที่ฝังไว้ในเนื้อกระดาษตามแนวต้ัง มีบางส่วนของแถบปรากฏให้เห็นเป็นระยะ ๆ ท่ีด้านหลังของธนบัตรเม่ือยกส่องดูกับแสงสว่างจะเห็นเป็นเส้นตรงยาวต่อเนื่อง บนแถบมีตัวเลขและตัวอักษรโปร่งแสงแจ้งชนิดราคาธนบัตรที่มองเห็นได้ทั้งสองด้าน และสามารถมองเห็นการเปลี่ยนสีของแถบนีเ้ มื่อพลกิ เอยี งธนบตั รไปมา ภาพที่ 1 ภาพท่ี 2 ภาพท่ี 3 ภาพที่ 4 ภาพท่ี 5ภาพที่ 1 - 3 เป็นแถบสี ซึ่งมีอยู่ในธนบัตรชนิดราคา 20 บาท 50 บาท และ 100 บาทภาพที่ 4 - 5 เป็นแถบสีที่มีสี่เหลี่ยมเคลื่อนไหวสลับสี ซึ่งมีอยู่ในธนบัตรชนิดราคา 500 บาทและ 1000 บาท ชดุ วชิ าการเงนิ เพอื่ ชวี ติ 2 | หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 วา่ ดว้ ยเรื่องของเงิน
12 2.3 ภาพซอ้ นทบั บรเิ วณมุมบนด้านซ้ายของธนบัตรมีตัวเลขอารบิกแจ้งชนิดราคาธนบัตรที่พิมพ์แยกไว้ในตาแหน่งตรงกันของด้านหน้าและด้านหลังธนบัตร จะมองเห็นเป็นตัวเลขทส่ี มบูรณเ์ มื่อยกธนบตั รสอ่ งกับแสงสว่าง 3. พลิกเอยี ง 3.1 หมึกพิมพ์พิเศษสลับสี เป็นจุดสังเกตสาหรับธนบัตรชนิดราคา 500 บาท และ 1000 บาทเท่าน้ัน โดยให้สังเกตที่มุมล่างด้านซ้ายของธนบัตรเม่ือพลิกขอบล่างธนบัตรขึ้น ลายประดิษฐ์สีทองจะเปล่ยี นเป็นสเี ขียว ชดุ วิชาการเงนิ เพ่อื ชวี ติ 2 | หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 วา่ ด้วยเรื่องของเงนิ
13 3.2 แถบฟอยล์ 3 มติ ิ แถบฟอยล์ 3 มิติที่ผนึกอยู่บนด้านหน้าธนบัตรชนิดราคา 100 บาท500 บาท และ 1000 บาท จะมองเห็นเป็นหลายมิติแตกต่างกันตามชนิดราคาและจะเปลี่ยนสีสะท้อนแสงวาววับเมอ่ื พลกิ เอียงธนบตั รไปมา 3.3 ตวั เลขแฝง ในลายประดิษฐ์มมุ ล่างซา้ ยของธนบัตรทุกชนิดราคาเม่ือยกธนบัตรเอียงเข้าหาแสงสว่างและมองผ่านจากมุมล่างซ้ายเข้าหากึ่งกลางธนบัตรในมุมที่เหมาะสม จะเห็นตัวเลขอารบิกแจ้งชนิดราคาธนบัตรฉบบั นนั้เหรยี ญกษาปณ์ กรมธนารักษ์ได้ผลิตเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนออกใช้ในระบบเศรษฐกิจตั้งแต่พ.ศ. 2493 เป็นต้นมา ซ่ึงมีหลากรุ่นหลายแบบ โดยได้ปรับเปล่ียนรูปลักษณะ ลวดลาย และกรรมวิธีการผลติ เรอ่ื ยมา เพอ่ื ให้สะดวกตอ่ การพกพา การใช้สอยและยากตอ่ การปลอมแปลง เหรียญกษาปณ์หมุนเวียน เป็นเหรียญกษาปณ์ที่ใช้หมุนเวียนกันอยู่ท่ัวไปในชีวิตประจาวัน มี 9 ชนิดราคาคือ 10 บาท 5 บาท 2 บาท 1 บาท 50 สตางค์ 25 สตางค์10 สตางค์ 5 สตางค์ และ 1 สตางค์ แต่ใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมี 6 ชนิดราคา คือ ชดุ วชิ าการเงนิ เพ่อื ชวี ติ 2 | หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ว่าด้วยเร่ืองของเงนิ
1410 บาท 5 บาท 2 บาท 1 บาท 50 สตางค์ 25 สตางค์ ส่วนเหรียญชนิดราคา 10 สตางค์ 5 สตางค์และ 1 สตางค์ มีใช้ในทางบญั ชีเท่านั้น ในปี พ.ศ. 2551 กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กรมธนารักษ์ จัดทาเหรียญกษาปณ์ออกใชห้ มุนเวยี นชุดใหมใ่ นระบบเศรษฐกิจ โดยมลี ักษณะและชนดิ ราคา ดังนี้1. เหรียญกษาปณ์โลหะสองสี (สีขาวและสีทอง) ชนดิ ราคา 10 บาท 2. เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล เคลือบไส้ทองแดง)ชนิดราคา 5 บาท 3. เหรียญกษาปณ์โลหะสีทอง (ทองแดงผสมนิกเกิลและอลูมิเนียม) ชนิดราคา2 บาท4. เหรียญกษาปณโ์ ลหะสขี าว (ไสเ้ หล็กชุบนกิ เกิล) ชนดิ ราคา 1 บาท5. เหรียญกษาปณ์โลหะสแี ดง (ไส้เหลก็ ชบุ ทองแดง) ชนิดราคา 50 สตางค์6. เหรยี ญกษาปณ์โลหะสีแดง (ไส้เหล็กชุบทองแดง) ชนิดราคา 25 สตางค์ 7. เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (อลูมิเนียม) ชนิดราคา 10 สตางค์ 5 สตางค์1 สตางค์เหรียญกษาปณ์กับการใช้ชาระหนี้ตามกฎหมาย ตามพระราชบญั ญัตเิ งินตรา พ.ศ. 2501 มาตรา 11 ระบุว่า เหรียญกษาปณ์เป็นเงินทชี่ าระหนไี้ ดต้ ามกฎหมาย ไม่เกนิ จานวนท่ีกาหนดโดยกฎกระทรวง ดงั นี้ชนิดราคา จานวนการชาระหน้ีตอ่ ครัง้เหรยี ญชนิดราคา 1 สตางค์ ชาระหนไี้ ดค้ รั้งละไม่เกิน 5 บาทเหรยี ญชนดิ ราคา 5, 10, 25 และ 50 สตางค์ ชาระหน้ีได้คร้ังละไมเ่ กนิ 10 บาทเหรยี ญชนดิ ราคา 1, 2 และ 5 บาท ชาระหน้ีได้ครงั้ ละไม่เกิน 500 บาทเหรียญชนิดราคา 10 บาท ชาระหน้ีไดค้ รั้งละไมเ่ กนิ 1,000 บาท สาเหตทุ ีก่ ฎหมายต้องกาหนดจานวนเงินในการชาระหน้ีของเหรียญกษาปณ์ คือเพ่อื ปอ้ งกนั การกลน่ั แกลง้ ระหว่างลูกหน้กี ับเจา้ หนใ้ี นการชาระหนี้ ชุดวิชาการเงนิ เพือ่ ชีวติ 2 | หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 วา่ ดว้ ยเรอ่ื งของเงนิ
15เงนิ ตราต่างประเทศ ในการดาเนินชีวิตประจาวันท่ัว ๆ ไป เราจะใช้เงินสกุลของประเทศไทยคือเงนิ บาทในการจบั จ่ายใชส้ อยในประเทศ แต่หากต้องเดินทางหรือมีการทาธุรกิจระหว่างประเทศเรากจ็ ะตอ้ งเข้าไปเก่ยี วข้องกับเงินตราของประเทศอื่น ๆเงนิ สกุลตา่ งประเทศในทวีปเอเชีย ชอ่ื ประเทศ ชอื่ สกุลเงนิ อักษรย่อสกุลเงนิบงั คลาเทศ ตากา (Bangladesh Taka) BDTภูฏาน งลุ ตรมั (Bhutanese Ngultrum) BTNอนิ เดีย รปู อี นิ เดีย (Indian Rupee) INRมลั ดีฟ รฟู ยี าห์ (Maldivian Rufiyaa) MVRเนปาล รูปีเนปาล (Nepalese Rupee) NPRปากีสถาน รปู ปี ากีสถาน (Pakistani Rupee) PKRศรีลังกา รูปศี รีลงั กา (Sri Lankan Rupee) LKRบาหเ์ รน ดีนารบ์ าหเ์ รน (Bahraini Dinar) BHDอัฟกานิสถาน อัฟกานี (Afghan Afghani) AFNอริ ัก ดีนาร์อิรกั (Iraqi Dinar) IQDอหิ รา่ น เรียลอิหร่าน (Iranian Rial) IRRอสิ ราเอล เชคเกล (Israeli Shekel) ILSจอรแ์ ดน ดีนารจ์ อรแ์ ดน (Jordanian Dinar) JODตรุ กี ลีรา (Turkish Lira) TRYคเู วต ดีนารค์ เู วต (Kuwaiti Dinar) KWDเลบานอน ปอนดเ์ ลบานอน (Lebanese Pound) LBPโอมาน เรียลโอมาน (Omani Rial) OMRปาเลสไตน์ เชคเกล (Israeli Shekel) ILSกาตาร์ ริยัลกาตาร์ (Qatari Riyal) QARซาอดุ ีอาระเบีย รยิ ัลซาอดุ ีอาระเบีย (Saudi Arabian Riyal) SARซีเรยี ปอนดซ์ ีเรีย (Syrian Pound) SYPสหรัฐอาหรบั เอมิเรตส์ ดแี รห์มสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ AED (Emirati Dirham)เยเมน เรียลเยเมน (Yemeni Rial) YERคาซคั สถาน เทงก้ี (Kazakhstani Tenge) KZTครี ก์ ีซสถาน ซอมคีรก์ ีซสถาน (Kyrgyzstani Som) KGS ชุดวิชาการเงนิ เพือ่ ชวี ิต 2 | หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 วา่ ดว้ ยเร่ืองของเงนิ
16 ชื่อประเทศ ชอื่ สกุลเงนิ อกั ษรย่อสกุลเงนิทาจกิ สิ ถาน โซโมนี (Tajikistani Somoni) TJSเติร์กเมนสิ ถาน มานัตเติร์กเมนสิ ถาน (Turkmenistani TMT Manat)อุซเบกสิ ถาน ซอมอซุ เบกสิ ถาน(Uzbekistani Som) UZSอารเ์ มเนยี ดรัม (Armenian Dram) AMDอาเซอร์ไบจาน มานัตอาเซอรไ์ บจาน (Azerbaijani Manat) AZNจอร์เจยี ลารี (Georgian Lari) GELไทย บาท (Thai Baht) THBกมั พูชา เรยี ล (Cambodia Riel) KHRบรูไน ดอลลาร์บรไู น (Bruneian Dollar) BNDอนิ โดนีเซีย รเู ปียห์ (Indonesian Rupiah) IDRลาว กบี (Laotian Kip) LAKเมยี นมา จตั (Myanmar Kyat) MMKมาเลเซยี รงิ กิต (Malaysian Ringgit) MYRฟิลิปปินส์ เปโซ (Philippine Peso) PHPติมอร-์ เลสเต ดอลลารส์ หรัฐ (United States Dollar) USDสิงคโปร์ ดอลลาร์สิงคโปร์ (Singapore Dollar) SGDเวียดนาม ดอง (Vietnames Dong) VNDไตห้ วนั ดอลลาร์ไตห้ วนั (Taiwan Dollar) TWDจนี หยวน (Chinese Yuan, Renminbi) CNYเกาหลีใต้ วอน (South Korean Won) KRWเกาหลเี หนือ วอน (North Korean Won) KPWมองโกเลยี ทกู รกุ (Mongolian Tugrik) MNTมาเก๊า ปาตากาส์ (Macau Pataca) MOPฮอ่ งกง ดอลลาร์ฮอ่ งกง (Hong Kong Dollar) HKDญี่ป่นุ เยน (Japanese Yen) JPY ซึง่ คา่ ของเงินในแต่ละสกุลจะไม่เท่ากัน จึงต้องมีการกาหนดอัตราแลกเปล่ียนข้ึนอตั ราแลกเปล่ียน หมายถงึ ราคาของเงินตราสกลุ หนงึ่ เม่ือเทยี บกบั เงนิ ตราอกี สกุลหนงึ่ เช่น 1 USD เท่ากับ 31 บาท หมายถึง เงินบาทจานวน 31 บาท แลกเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐได้ 1 ดอลลารส์ หรัฐ ชุดวชิ าการเงนิ เพ่อื ชีวิต 2 | หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 วา่ ดว้ ยเร่ืองของเงนิ
17 1 EUR เท่ากับ 42 บาท หมายถึง เงินบาทจานวน 42 บาท แลกเป็นเงินยูโรได้1 ยูโร อตั ราแลกเปลยี่ นไม่ไดค้ งที่แต่มีการเปล่ียนแปลงข้ึนลงอยู่เสมอในแต่ละช่วงเวลาตามปัจจัยทีม่ ีผลกระทบ เช่น ภาวะเศรษฐกิจของประเทศ เศรษฐกจิ โลก ภาวะตลาดการเงินการดูอัตราแลกเปล่ียนอยา่ งง่าย ตัวอย่าง ตารางแสดงอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินต่างประเทศและเงินบาท ที่ผู้ให้บริการซึ่งประกอบธุรกิจปัจจัยชาระเงินตราต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ (เงนิ บาทตอ่ 1 หน่วยสกลุ เงินตราต่างประเทศ) ประเทศ สกุลเงนิ อัตรารบั ซ้ือ อตั ราขายสหรัฐอเมรกิ า USD 34.89 35.22สหราชอาณาจักร GBP 49.84 50.69ยโู รโซน EUR 39.25 39.96ญ่ีปุ่น (ตอ่ 100 เยน) JPY 31.68 32.37ฮ่องกง HKD 4.47 4.55มาเลเซีย MYR 8.85 9.13 อัตรารับซ้อื คือ อตั ราทผ่ี ูใ้ หบ้ ริการเสนอซอ้ื เงนิ ตราตา่ งประเทศ อัตราขาย คือ อตั ราทีผ่ ู้ให้บริการเสนอขายเงินตราต่างประเทศ หากต้องการนาเงินบาทไทยไปแลกเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ กล่าวคือ ต้องการซอื้ เงินดอลลาร์สหรัฐ เราต้องดูราคาท่อี ตั ราขาย จากตวั อย่างข้างต้น 1 USD = 35.22 บาท หากตอ้ งการนาเงินดอลลารส์ หรัฐไปแลกเป็นเงินบาท กล่าวคือ ต้องการขายเงินดอลลารส์ หรฐั เราต้องดูราคาทอี่ ัตรารับซอ้ื จากตัวอยา่ งข้างตน้ 1 USD = 34.89 บาทวิธกี ารคานวณอตั ราแลกเปลีย่ นเงนิ ตราตา่ งประเทศ ในกรณีท่ีต้องเดินทางไปต่างประเทศ เราอาจต้องแลกเปลี่ยนสกุลเงินเป็นของประเทศนนั้ ๆ ซึ่งสามารถคานวณอัตราแลกเปลยี่ นได้ ดังน้ี ชดุ วชิ าการเงินเพอื่ ชวี ติ 2 | หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 ว่าด้วยเรอ่ื งของเงนิ
18ตัวอย่างท่ี 1 หากต้องการเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ(USD) สมมตุ ิวา่ อัตราแลกเปล่ียนขณะนั้นอยู่ที่ 1 USD = 30 บาท หากต้องการแลก 100 USDต้องใช้เงนิ บาทไทยแลกเปน็ จานวนเทา่ ไรวิธคี านวณ1 USD = 30 บาท100 USD = [30 x 100] ÷ 1 = 3,000 บาทดงั นนั้ ต้องใช้เงินบาทไทยจานวนเงิน 3,000 บาท จึงจะแลกได้ 100 USDตวั อย่างท่ี 2 หากต้องการนาเงินดอลลาร์สหรัฐมาแลกเป็นเงินบาท สมมุติว่า อัตราแลกเปล่ียนขณะน้ันอยู่ที่ 1 USD = 30 บาท หากต้องการแลก 1,500 บาท จะต้องใช้เงินดอลลาร์สหรัฐจานวนเงินเท่าไรวธิ ีคานวณ30 บาท = 1 USD1,500 บาท = [1 x 1,500] ÷ 30 = 50 USDดงั นั้น ต้องใชเ้ งนิ ดอลลาร์สหรัฐจานวนเงิน 50 USD จึงจะแลกได้ 1,500 บาทชอ่ งทางการแลกเปลย่ี นเงินตราตา่ งประเทศ การติดต่อขอแลกเปล่ียนเงินตราต่างประเทศสามารถติดต่อกับผู้ให้บริการ ซึ่งประกอบธุรกิจปัจจัยชาระเงินตราต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เช่น - นิติบุคคลรับอนุญาต (authorized financial institution) หมายถึงธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน ให้ยืม หรือโอนเงินตราตา่ งประเทศ ชุดวิชาการเงนิ เพ่อื ชวี ติ 2 | หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 วา่ ด้วยเรอื่ งของเงิน
19 - บุคคลรับอนุญาต (authorized money changer) หมายถึง นิติบุคคลท่ีได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจซ้ือและขายธนบัตรต่างประเทศ และรับซื้อเช็คเดินทาง เช่นผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม หรือบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราตา่ งประเทศกจิ กรรมท้ายเรอ่ื งท่ี 2 ประเภทของเงนิ (ใหผ้ ู้เรยี นไปทากิจกรรมทา้ ยเรือ่ งท่ี 2 ท่ีสมดุ บันทึกกิจกรรมการเรยี นรู้) ชดุ วชิ าการเงินเพ่อื ชีวติ 2 | หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 ว่าด้วยเร่อื งของเงนิ
20เร่ืองท่ี 3 การฝากเงนิ และการประกันภยัการฝากเงิน เมื่อได้รับเงินจากแหล่งต่าง ๆ เช่น รายได้จากการประกอบอาชีพ สิ่งที่ควรทาคือแบ่งเงินบางส่วนไปเก็บออมเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เป็นค่าใช้จ่ายหลังเกษียณหรือเลิกทางาน การมองหาสถานท่ีเก็บรักษาเงินจึงเป็นเร่ืองจาเป็น โดยแหล่งเก็บเงินที่นิยมกันคือการฝากเงินไว้กับธนาคาร ซึ่งนอกจากมีความปลอดภัยกว่าการเก็บเงินสดไว้กับตัวหรือไว้ที่บ้านแล้ว การฝากเงินไว้กับธนาคารยังทาให้ได้รับผลตอบแทนในรูปของดอกเบ้ียเงนิ ฝากดว้ ย อย่างไรก็ดี การจะได้รับดอกเบ้ียมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าเป็นบัญชีเงินฝากประเภทใด มีเง่ือนไขอย่างไร เราจึงจาเป็นต้องรู้จักบัญชีเงินฝากแต่ละประเภท เพื่อเลือกบัญชีท่ีเหมาะสมและตรงกับความต้องการของเรามากท่ีสุด โดยปัจจุบันบัญชีเงินฝากท่ีรู้จักและใชก้ นั มาก เช่น บญั ชีเงินฝากออมทรพั ย์ บัญชเี งินฝากประจาประเภทของบญั ชีเงนิ ฝาก 1. บญั ชเี งนิ ฝากออมทรพั ย์ ลักษณะ สามารถฝากหรือถอนเงนิ เมอื่ ไหร่กไ็ ด้ กาหนดจานวนเงนิ ฝากขั้นต่าไวไ้ มส่ ูงนัก เชน่ 100 - 1,000 บาท จา่ ยดอกเบยี้ ปีละ 2 คร้งั ในเดอื นมถิ นุ ายนและธนั วาคมของทุกปี ประโยชน์ ถ้าดอกเบี้ยรับไม่เกิน 20,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี 15% ของดอกเบ้ียท่ีได้รับ (รวมรับจากทุกสถาบันการเงินใน 1 ปี) ถ้าเกิน 20,000 บาท ธนาคารจะหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้เลยจากบัญชเี งนิ ฝาก มีบริการบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิต สาหรับใช้ถอนหรือโอนเงินที่เครื่องเอทีเอ็มได้สะดวก (บัตรเดบิตยังสามารถใช้ชาระค่าสินค้าและบริการได้ด้วย) แต่หากต้องการเปิดบญั ชีเพียงอย่างเดยี วกส็ ามารถทาได้โดยไมจ่ าเปน็ ตอ้ งทาบตั รใด ๆ ข้อจากดั ชุดวชิ าการเงินเพือ่ ชวี ิต 2 | หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 ว่าด้วยเรอ่ื งของเงนิ
21 อตั ราดอกเบ้ียคอ่ นข้างตา่ มีค่าธรรมเนียมกรณีบัญชีเงินฝากไม่เคล่ือนไหวและมียอดเงินฝากคงเหลอื น้อยกวา่ ทก่ี าหนด กรณีทาบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตมักจะต้องเสียค่าทาบัตรและคา่ ธรรมเนยี มรายปี บัญชีนเี้ หมาะกบั ใคร: ผู้ท่ีใช้บรกิ ารรบั โอนเงินเดอื นหรอื คา่ จ้าง หรือคา่ สินคา้ ผูท้ เี่ บกิ ถอนบ่อยครงั้ หรือใชบ้ รกิ ารหกั บัญชีเพื่อชาระค่าใช้จ่ายรายเดือนเชน่ ค่าน้า ค่าไฟ ค่าบัตรเครดติ และค่าใช้จ่ายอนื่ ๆ ผู้ท่ีต้องการออมเงินไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เน่ืองจากถอนได้สะดวก (ถอนได้หลายช่องทางและถอนเมือ่ ไหร่ก็ได้) นอกจากน้ี บางธนาคารมีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษ ซ่ึงให้อัตราดอกเบ้ียทส่ี ูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ แต่จะมีเงื่อนไขที่เพิ่มข้ึนด้วย เช่น เงินฝากขั้นต่า 10,000 บาทถอนได้ไม่เกิน 2 คร้ังต่อเดือน หากถอนตั้งแต่ครั้งที่ 3 เป็นต้นไปในเดือนนั้นจะถูกคิดค่าธรรมเนียมคร้ังละ 500 บาท ซ่ึงบัญชีในลักษณะน้ีเหมาะกับการออมเงินมากกว่าท่ีจะใช้เป็นบญั ชีเพอ่ื ชาระค่าใชจ้ ่าย คาแนะนา 1. ควรทารายการฝาก ถอน หรือโอนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพ่ือหลีกเลี่ยงการถูกคิดค่าธรรมเนียมรักษาบัญชีกรณีบัญชีเงินฝากไม่เคล่ือนไหว และมียอดเงินฝากคงเหลือน้อยกวา่ ที่กาหนด 2. ปรับสมุดบัญชีอย่างสม่าเสมอเพ่ือดูว่ามีเงินคงเหลือในบัญชีเพียงพอสาหรับการหักบัญชีหรือเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กาหนดหรือไม่ เช่น ค่าใช้จ่ายที่จะถูกตัดออกจากบัญชียอดเงนิ ขั้นต่าท่ีธนาคารกาหนด เพ่ือไม่ให้พลาดการชาระเงินหรือมีเงินไม่พอท่ีจะชาระซ่ึงอาจทาให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพ่มิ เตมิ 3. หากไม่มีความจาเป็นต้องใช้บัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิตควรแจ้งยกเลิกบัตร หรือแจ้งเจ้าหนา้ ทว่ี ่าไม่ตอ้ งการทาบัตร จะชว่ ยประหยัดค่าธรรมเนียมท่ีไมจ่ าเป็นได้ 2. บัญชเี งินฝากประจา มหี ลายรปู แบบ เชน่ ชดุ วชิ าการเงนิ เพื่อชีวติ 2 | หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 ว่าด้วยเร่ืองของเงิน
22 2.1 บญั ชีเงนิ ฝากประจาทั่วไป ลักษณะ มรี ะยะเวลาการฝากหลายแบบ เช่น 3 เดอื น 6 เดือน 12 เดอื น สว่ นใหญจ่ ะกาหนดจานวนเงินฝากข้นั ต่าไวป้ ระมาณ 1,000 บาท การจา่ ยดอกเบี้ย แล้วแต่เง่ือนไขธนาคาร เช่น บัญชี 3 เดือน 6 เดือนและ 12 เดือน จ่ายดอกเบ้ียเม่ือครบกาหนด บัญชี 24 เดือน และ 36 เดือน จ่ายดอกเบ้ียทุก3 เดอื น โดยอาจจะนาดอกเบ้ียที่ได้มาฝากเข้าบัญชีเงินฝากประจา (ทบต้น) หรืออาจจะโอนดอกเบ้ียเงินฝากเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือกระแสรายวัน ซ่ึงธนาคารจะแจ้งให้ทราบตั้งแต่ตอนเปดิ บัญชกี ับธนาคาร กรณีถอนก่อนครบกาหนด อาจไม่ได้รับดอกเบ้ีย หรือได้รับในอัตราดอกเบ้ียเงินฝากออมทรัพย์ เช่น ธนาคารอาจกาหนดว่าหากเลือกฝากประจา 6 เดือนแต่ฝากยังไม่ถึง 3 เดือนแล้วต้องการถอนออกมา จะไม่ได้รับดอกเบ้ีย หรือถอนหลัง 3 เดือนไปแล้วแต่ยังไม่ครบกาหนด 6 เดือน จะได้รับดอกเบ้ียในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ พร้อมท้ังถกู หกั ภาษี ณ ทจี่ ่าย นอกจากนี้ บางธนาคารมีรูปแบบการฝากประจาแบบพิเศษ เช่น ให้เลือกระยะเวลาการฝากได้ตามที่สะดวก กาหนดระยะการฝากเป็นจานวนวัน (เช่น 99 วัน) หรือจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากต้ังแต่วันแรกที่ผู้ฝากเปิดบัญชี โดยอาจมีเงื่อนไขที่กาหนดจานวนเงินฝากทค่ี อ่ นขา้ งสูง เชน่ 100,000 บาทข้ึนไป บญั ชนี ีเ้ หมาะกับใคร ผูท้ ตี่ อ้ งการเก็บออมเพ่อื เพ่ิมรายได้จากดอกเบ้ีย ผู้ที่มีเงินก้อนและไม่มีความจาเป็นท่ีจะใช้เงินท่ีออมไว้ในช่วงระยะเวลาหน่งึ ชดุ วิชาการเงนิ เพอ่ื ชวี ติ 2 | หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ว่าด้วยเรื่องของเงิน
23 2.2 บัญชีเงนิ ฝากประจาแบบปลอดภาษี ลักษณะ เป็นบัญชีเงนิ ฝากประจาทีไ่ ด้รับยกเวน้ ภาษี แตเ่ ปดิ ได้เพยี งบญั ชีเดียว ตามเกณฑส์ รรพากรไมไ่ ดม้ กี ารกาหนดจานวนเงินฝากขน้ั ตา่ ไว้ แต่มีเพดานฝากสูงสุดอยู่ที่ 25,000 บาทต่อเดือน และเมื่อรวมจานวนเงินที่ฝากทุกเดือนแล้วต้องไม่เกิน 600,000 บาท ซ่ึงต้องฝากต่อเน่ืองในจานวนท่ีเท่ากันทุก ๆ เดือน เดือนละ 1 ครั้ง เป็นเวลาไม่นอ้ ยกว่า 24 เดอื น หากเงินฝากครบกาหนด บางธนาคารจะโอนเงินต้นและดอกเบี้ยเข้าบัญชีออมทรพั ย์หรอื บัญชกี ระแสรายวันตามท่ีลูกค้าแจ้งความประสงค์ไว้ตอนเปิดบัญชี หรือบางกรณีหากลูกค้าไม่ได้ถอนเงินออก ธนาคารก็อาจเปล่ียนประเภทเป็นบัญชีเงินฝากประจาให้อัตโนมตั ิโดยมีเงือ่ นไขการฝากเงนิ และอัตราดอกเบ้ยี ตามประกาศของธนาคารทใ่ี ช้อยใู่ นขณะน้นั ในระหว่างระยะเวลาการฝาก ขาดฝากได้ไม่เกิน 2 คร้ัง และยังคงต้องฝากใหค้ รบตามวงเงนิ ทก่ี าหนด กรณีถอนก่อนครบกาหนด ส่วนใหญ่มักกาหนดว่าหากฝากไม่ถึง3 เดือน จะไม่ได้รับดอกเบ้ีย หากถอนหลังจาก 3 เดือนไปแล้วจะได้รับในอัตราดอกเบ้ียเงินฝากออมทรพั ย์ พรอ้ มท้งั ถกู หกั ภาษี ณ ท่จี า่ ย จ่ายดอกเบ้ียเม่ือครบกาหนดระยะเวลาการฝาก โดยท่ัวไปจะโอนดอกเบ้ียไปยังบัญชเี งินฝากออมทรพั ยห์ รอื กระแสรายวัน ประโยชน์ ได้รับอตั ราดอกเบี้ยเงนิ ฝากสงู กวา่ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ได้ฝึกวินยั การออม (ต้องนาเงนิ ไปฝากทกุ เดอื น เดอื นละเท่า ๆ กัน) ดอกเบ้ียที่ได้รับไมต่ ้องเสียภาษี ข้อจากัด มีข้อจากัดและเงื่อนไขในการถอน เช่น หากมีการถอนก่อนระยะเวลาที่กาหนดไวอ้ าจไมไ่ ด้รับดอกเบี้ย และไมไ่ ดร้ บั สทิ ธยิ กเวน้ การหักภาษี ณ ท่ีจ่าย 15% ชุดวิชาการเงนิ เพือ่ ชวี ิต 2 | หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 ว่าดว้ ยเร่ืองของเงนิ
24 บญั ชนี ้เี หมาะกับใคร ผทู้ ต่ี อ้ งการสรา้ งวินยั การออม และเพมิ่ รายได้จากดอกเบยี้ ผู้ท่ีไม่มีความจาเป็นที่จะใช้เงินท่ีออมไว้ในช่วงระยะเวลาหน่ึง(อยา่ งน้อย 2 ป)ี คาแนะนา ผู้สนใจจะฝากเงินในบัญชีเงินฝากประจาทั้ง 2 ประเภทน้ี ควรศึกษาเง่ือนไขการฝากและถอนเงินให้เข้าใจ และต้องมั่นใจว่ายังไม่มีความจาเป็นต้องใช้เงินในระหว่างที่ฝากเงินไว้กับธนาคาร เพื่อป้องกันปัญหาการไม่ปฏิบัติตามเง่ือนไขและทาให้ไม่ได้รับดอกเบี้ยตามทก่ี าหนด3. บญั ชีเงนิ ฝากแบบข้ันบนั ได ลกั ษณะ จานวนเงินฝากขั้นต่า ส่วนใหญ่มักจะสูงกว่าบัญชีเงินฝากประจาทั่วไปเชน่ ไม่น้อยกวา่ 5,000 บาท กาหนดการจ่ายดอกเบ้ยี ขึ้นอยกู่ บั เงื่อนไขของธนาคาร เช่น จ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน โดยจะโอนดอกเบ้ียเงินฝากเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือกระแสรายวัน ซ่ึงธนาคารจะแจ้งให้ทราบตั้งแตต่ อนเปดิ บญั ชกี บั ธนาคาร มกั จูงใจผู้ฝากด้วยการโฆษณาวา่ ใหอ้ ตั ราดอกเบี้ยสูงมาก แต่ในความจริงแล้วมักเป็นเพียงช่วงเวลาส้ัน ๆ (ส่วนใหญ่จะสูงมากเฉพาะเดือนสุดท้าย) และในแต่ละช่วงเวลาการฝากดอกเบย้ี จะคอ่ ย ๆ เพมิ่ สูงขนึ้ อาทิ เดอื นที่ 1 - 5 อตั ราดอกเบี้ย 1% เดอื นที่ 6 - 7 อัตราดอกเบย้ี 1.7% เดือนท่ี 8 - 9 อัตราดอกเบ้ยี 1.9% เดอื นที่ 10 อตั ราดอกเบีย้ 8% ดังนั้น ผู้สนใจฝากต้องมองหาอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่อปีของทั้งโครงการที่ธนาคารต้องเขียนไว้ในใบโฆษณา หรือสอบถามจากเจ้าหน้าที่ธนาคารเพ่ิมเติมเพ่ือขอรายละเอียดที่ชดั เจน หากเงินฝากครบกาหนด แล้วไม่ได้ถอนเงินออก ธนาคารมักจะเปล่ียนประเภทเป็นบัญชีเงินฝากประจาให้อัตโนมัติโดยมีเง่ือนไขการฝากเงินและอัตราดอกเบี้ยตามประกาศของธนาคารท่ใี ช้อยู่ในขณะน้ัน ชุดวชิ าการเงนิ เพอื่ ชีวิต 2 | หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ว่าด้วยเร่อื งของเงิน
25 ข้อกาหนดในเรื่องถอนก่อนครบกาหนดมีหลายรูปแบบ อาทิ อาจต้องปิดบัญชีเลย หรือต้องถอนทั้งจานวนของแต่ละยอดการฝาก เช่น ฝากครั้งแรก 10,000 บาทคร้ังที่ 2 ฝาก 20,000 บาท หากต้องการถอนเงินท่ีฝากไว้จะต้องถอนเงินท่ียอด 10,000 บาทหรอื 20,000 บาท เทา่ นนั้ ไม่สามารถถอนบางสว่ นได้ สาหรับเร่ืองดอกเบี้ย ผู้ฝากท่ีถอนก่อนครบกาหนดอาจได้ดอกเบ้ียตามอัตราท่ีกาหนดไว้ในแต่ละช่วงระยะเวลาการฝาก หรืออาจไม่ได้ดอกเบี้ย หรือได้รับอัตราดอกเบย้ี เงินฝากออมทรัพย์ ขนึ้ อยู่กบั เง่ือนไขทธ่ี นาคารกาหนด ข้อจากัด ให้อัตราดอกเบ้ียเงินฝากสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ แต่ส่วนใหญ่มักอยู่ในรูปแบบของบัญชเี งินฝากประจาจึงจะถกู หักภาษี ณ ทจ่ี ่าย 15% ของดอกเบ้ยี ทไี่ ด้รบั มีข้อจากัดและเงื่อนไขในการถอน เช่น กรณีการถอนก่อนครบกาหนด(อยา่ งทก่ี ลา่ วไปแล้ว) บญั ชนี เ้ี หมาะกับใคร ผทู้ ีต่ อ้ งการเก็บออมเพื่อเพิม่ รายไดจ้ ากดอกเบี้ย ผู้ที่มเี งินก้อนและไม่มีความจาเป็นท่ีจะใช้เงนิ ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ชุดวิชาการเงนิ เพ่ือชวี ติ 2 | หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 วา่ ด้วยเร่ืองของเงนิ
26ข้อแนะนาการเลอื กประเภทบญั ชีเงินฝาก เม่อื ไดป้ ระเภทบัญชีที่ต้องการแล้ว ให้หาข้อมูลบัญชีประเภทเดียวกันจากหลาย ๆธนาคาร เพื่อนามาเปรียบเทียบ ซ่ึงสามารถหาข้อมูลได้จากเว็บไซต์ของธนาคารแต่ละแห่ง หรือแผ่นพับหรือโฆษณาท่ีธนาคารเผยแพร่ อย่างไรก็ตาม ควรดูประกาศอัตราดอกเบ้ียเงินฝากของธนาคารประกอบด้วย เนื่องจากจะมีการระบุรายละเอียดและเงื่อนไขในการจ่ายดอกเบี้ยต่าง ๆในส่วนท้ายของประกาศ โดยข้อมลู ท่คี วรนามาเปรียบเทียบมดี ังนี้ 1. อัตราดอกเบี้ย ไม่ควรดูเฉพาะในใบโฆษณา แต่ควรดูจากประกาศอัตราดอกเบี้ยในเวบ็ ไซต์ของธนาคารท่เี ราสนใจจะนาเงินไปฝากดว้ ย เพือ่ ใหไ้ ด้ขอ้ มลู ที่ครบถว้ น 2. ระยะเวลาการฝาก ต้องมนั่ ใจว่าสามารถฝากได้ตามระยะเวลาท่ีเป็นเงื่อนไขของบญั ชนี ั้น 3. เงินฝากขั้นต่า และเงื่อนไขการฝาก เช่น ต้องฝากต่อเน่ืองทุกเดือนหรือไม่และท่ีสาคัญควรดูความสามารถในการฝากของตนเองด้วย เพราะหากเป็นเงินฝากท่ีให้อัตราดอกเบ้ียสงู ก็มักจะกาหนดจานวนเงนิ ฝากข้นั ต่าไวส้ ูงเช่นกัน 4. วิธีการจ่ายดอกเบี้ย หากเป็นบัญชีออมทรัพย์ท่ัวไป ธนาคารจะนาดอกเบี้ยเข้าบัญชีเงินฝากไปสมทบกับเงินต้นให้ แต่หากเป็นบัญชีเงินฝากประจาบางประเภท ธนาคารอาจจะโอนดอกเบ้ียเข้าบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีกระแสรายวันตามที่ได้แจ้งให้ลูกค้าทราบตอนเปิดบัญชี ซึ่งการจ่ายดอกเบี้ยจะมีทั้งจ่ายเมื่อครบกาหนดระยะเวลาการฝาก หรือจ่ายดอกเบี้ยทกุ 3 เดือน 5. เงอ่ื นไขเก่ียวกับภาษี ดอกเบี้ยจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% หรือไม่ เพราะหากเสยี ภาษี อัตราดอกเบีย้ ที่จะได้รบั กจ็ ะน้อยกวา่ ทีธ่ นาคารประกาศไว้ 6. เง่ือนไขการใช้บริการ ฝาก ถอน โอน หรือเงื่อนไขกรณีการถอนก่อนครบระยะเวลา หรือการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม เช่น กรณีบัญชีเงินฝากไม่เคล่ือนไหวหรือมียอดเงินในบญั ชีตา่ กวา่ ทีก่ าหนดจะถูกเรยี กเก็บค่าธรรมเนยี มรักษาบญั ชี หรือกรณีมีเง่ือนไขเร่ืองจานวนครั้งการถอน เช่น ถอนได้เพียง 2 ครั้งต่อเดือน หากถอนตั้งแต่คร้ังท่ี 3 เป็นต้นไป จะเสียคา่ ธรรมเนียมการถอนครง้ั ละ 500 บาท ชดุ วิชาการเงินเพ่ือชวี ติ 2 | หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 ว่าดว้ ยเร่อื งของเงิน
27ดอกเบย้ี เงินฝาก ดอกเบี้ยเงนิ ฝาก หมายถงึ ผลตอบแทนท่ีผู้ฝากเงินจะได้รับจากการนาเงินไปฝากไว้กับสถาบนั การเงิน โดยท่ัวไปแต่ละสถาบันการเงินจะกาหนดเป็นอัตราดอกเบี้ยต่อปี เช่น 3%ต่อปี อย่างไรก็ดี แต่ละสถาบันการเงินจะมีการกาหนดอัตราดอกเบ้ียท่ีแตกต่างกันไป จึงควรศึกษารายละเอียดอัตราดอกเบี้ยตลอดจนเง่ือนไขอ่ืน ๆ ท่ีเกี่ยวข้องเพื่อหาข้อมูล และเปรียบเทียบเพ่ือเลือกฝากเงินกับสถาบันการเงินท่ีให้อัตราดอกเบี้ยสูงภายใต้เง่ือนไขที่ผู้ฝากรับได้ เช่นระยะเวลาการฝาก เงื่อนไขการเบิกถอน โดยสามารถดูรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ของสถาบันการเงนิ นน้ั ๆ หรอื จากประกาศอัตราดอกเบย้ี ทีจ่ ะตดิ ไว้ ณ ทท่ี าการของสถาบันการเงิน ตัวอย่างการคานวณดอกเบย้ี เงนิ ฝากออมทรัพย์ สารวยเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ธนาคารมุ่งมั่น เม่ือวันที่ 1 ม.ค. 58 จานวน10,000 บาท ได้รับดอกเบี้ยเงินฝากในอัตรา 3% ต่อปี โดยธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยให้ในวันท่ี30 มิ.ย. และ 31 ธ.ค. ของทุกปี ในวันที่ 30 มิ.ย. สารวยจะได้รับดอกเบ้ียเงินฝากเป็นจานวนเงินเทา่ ไร และมีเงินฝากในบัญชีรวมดอกเบ้ียเป็นเงินเท่าไร หากสารวยไม่ถอนเงินออกหรือฝากเงนิ เพม่ิ สูตรคานวณดอกเบ้ียเงนิ ฝาก* จานวนวันใน 1 ปีข้ึนกับการกาหนดของสถาบันการเงิน ซ่ึงอาจเป็น 360 วัน 365 วัน หรือ 366 วันก็ได้ แต่ไม่ว่าจะกาหนดจานวนวันเป็นเท่าใดก็ตาม สถาบันการเงินจะต้องใช้จานวนวันเดียวกันสาหรับการคานวณทั้งดอกเบี้ยจ่าย เช่นเงินฝาก และดอกเบ้ยี รบั เชน่ สินเชื่อ 1. เงินตน้ คือ ยอดเงนิ ที่นามาฝาก จากตวั อยา่ งนีค้ ือ 10,000 บาท 2. อัตราดอกเบย้ี ต่อปี ในตวั อย่างน้ีธนาคารกาหนดอัตราดอกเบ้ีย 3% ต่อปี ซ่ึงเงนิ ฝากออมทรพั ย์ไมต่ ้องเสียภาษี ณ ทจ่ี า่ ย 15% ดังนั้น จึงนามาคานวณในสตู รได้เลย (แต่หากเป็นดอกเบย้ี เงนิ ฝากท่ีตอ้ งเสยี ภาษี ณ ที่จา่ ย เช่น เงินฝากประจา จะต้องนาดอกเบี้ยเงินฝากที่ได้รับคูณด้วย 0.85 ก่อน (เพราะถูกหักภาษีไป 15%) เช่น 3 x 0.85 ก็จะได้อัตราดอกเบ้ียเงินฝากหลงั หกั ภาษี) ชุดวชิ าการเงินเพือ่ ชีวิต 2 | หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 ว่าด้วยเรอื่ งของเงนิ
28 3. จานวนวันท่ีฝาก จะคานวณถึงวันก่อนวันท่ีจ่ายดอกเบ้ีย ดังนั้น หากธนาคารจ่ายดอกเบย้ี 30 มิ.ย. 58 ก็จะเริ่มนับตง้ั แต่วันที่ 1 ม.ค. 58 ถึง 29 ม.ิ ย. 58 รวม 180 วัน คาตอบ ณ 30 มิ.ย. 58 สารวยจะไดร้ ับดอกเบี้ย 147.95 บาท และเม่ือรวมกับเงนิ ต้นแล้วจะได้รับเงินท้ังส้ิน 10,147 บาท โดยประมาณสลากออมทรัพย/์ สลากออมสิน เป็นทางเลือกการออมอย่างหนึ่งของผู้ท่ีชอบลุ้นรางวัล แม้จะให้ผลตอบแทนไม่สูงนัก (หากไม่ถูกรางวัล) แต่จะได้เงินต้นคืนเต็มจานวนเมื่อครบกาหนด ซ่ึงแตกต่างจากการซ้ือหวย หรือสลากกินแบ่งรัฐบาล สถาบันการเงินท่ีออกสลากในปัจจุบัน3เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรฐั ลักษณะของสลากออมทรัพย/์ สลากออมสนิ คือ ขายเปน็ จานวนหน่วยและมีการกาหนดอายุที่แน่นอน (เช่น อายุ 3 ปี หรอื 5 ป)ี และมักมีการจ่ายดอกเบ้ียเป็นผลตอบแทนหากถือจนครบตามเกณฑ์ท่ีผู้ออกสลากกาหนด ผู้ซื้อสลากสามารถลุ้นรางวัลได้ทุกงวดจนกว่าสลากจะหมดอายุ แตก่ ็อาจมีสลากบางรุ่นซง่ึ หากถอนก่อนครบกาหนดอาจได้คืนเงินต้นน้อยกว่าที่จ่ายไป หรือมีบริการพเิ ศษทสี่ ามารถใช้สลากค้าประกันการกเู้ งินไดด้ ว้ ย ท้ังนี้ เม่ือซื้อสลาก สถาบันการเงินท่ีออกสลากมักแนะนาให้เปิดบัญชีเงินฝากออมทรพั ยค์ ูก่ ันเพอื่ เป็นบญั ชเี งนิ ฝากสาหรับการรบั เงินหากถกู รางวลั3 ขอ้ มูล ณ มถิ นุ ายน 2559 ชุดวชิ าการเงินเพื่อชวี ิต 2 | หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ว่าด้วยเร่อื งของเงิน
29 ข้อจากดั 1. เงินที่นามาซ้ือสลากออมทรัพย์ควรจะเป็นเงินเย็น หรือเป็นเงินที่ไม่ต้องการใช้ตลอดอายุของสลาก เพราะหากถอนสลากก่อนกาหนด อาจได้รับเงินคนื น้อยกว่าจานวนทซี่ อื้ 2. ควรศกึ ษาเง่อื นไขใหล้ ะเอียดก่อนซือ้ 3. เมอ่ื ได้สลากมาควรตรวจสอบความถูกต้องทกุ ครงั้ เช่น ช่ือ นามสกุล จานวนหน่วย จานวนเงินท่ซี อ้ื 4. ควรเกบ็ รกั ษาสลากใหด้ ี หากทาหายต้องไปแจ้งความ และติดต่อขอทาสลากใหมซ่ ่ึงจะมคี ่าธรรมเนยี มในการออกสลากใหมด่ ้วย 5. ควรพิจารณาและเปรียบเทียบผลตอบแทนของสลากแต่ละประเภท หรือแตล่ ะรนุ่ กอ่ นตัดสนิ ใจซื้อการคุ้มครองเงนิ ฝาก เป็นการคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนท่ีฝากเงินไว้กับสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นระบบสากลท่ีประเทศต่าง ๆ นามาใช้มากกว่า 100 ประเทศ โดยการกาหนดวงเงินที่รับรองว่าผฝู้ ากจะไดร้ ับคืนเปน็ จานวนทแี่ น่นอนภายในระยะเวลาท่ีกาหนดโดยเร็วหากสถาบันการเงินถกู ปิดกจิ การ สาหรบั เงนิ ฝากสว่ นที่เกินวงเงินดังกล่าว ผู้ฝากมีโอกาสได้รับเพิ่มเติมหลังจากการขายสนิ ทรัพย์และชาระบัญชีสถาบนั การเงนิ น้ันแลว้ การคุ้มครองเงนิ ฝากในประเทศไทย ในอดีตหากสถาบันการเงินถูกปิดกิจการ ผู้ฝากเงินจะต้องไปดาเนินการฟ้องร้องเพ่ือให้ได้รับเงินฝากคืนเอง ซ่ึงไม่มีความแน่นอนว่าจะได้รับเงินคืนหรือไม่ จะได้รับเงินคืนเมื่อใดและจานวนเท่าไร ดังน้ัน ภาครัฐจึงได้จัดให้มีระบบคุ้มครองเงินฝากข้ึน เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ฝากเงินใหไ้ ดร้ บั เงนิ ฝากคืนภายในเวลาทรี่ วดเร็วหากสถาบนั การเงนิ ถูกปิดกิจการ ซ่ึงการมีระบบคุ้มครองเงินฝากจะไม่ก่อให้เกิดภาระกับภาครัฐ เนื่องจากมีการเรียกเก็บเงินนาส่งจากสถาบันการเงินต่าง ๆ สะสมไว้ใช้ในการจ่ายคืนเงินให้กับประชาชนผู้ฝากเงิน ซ่ึงดาเนินการโดยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (Deposit Protection Agency: DPA) สถาบนั คมุ้ ครองเงินฝาก เปน็ หนว่ ยงานของรัฐ จดั ตง้ั ขนึ้ เม่ือวันท่ี 11 สิงหาคม 2551เพ่ือคุม้ ครองประชาชนผฝู้ ากเงิน โดยมีหนา้ ท่ีหลัก คือ ชุดวิชาการเงินเพ่อื ชวี ิต 2 | หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 วา่ ดว้ ยเรื่องของเงนิ
30 1. จ่ายเงินคืนผู้ฝากภายในวงเงินและระยะเวลาที่กฎหมายกาหนด ในกรณีท่ีสถาบันการเงินท่ีอย่ภู ายใตก้ ารคมุ้ ครองถกู ปดิ กิจการ 2. ชาระบัญชีสถาบันการเงินท่ีถูกปิดกิจการ เพ่ือรวบรวมเงินจากการขายสินทรัพย์มาชาระคืนให้แก่เจ้าหนี้ของสถาบันการเงินนั้น รวมถึงเงินฝากส่วนท่ีเกินวงเงินคุ้มครองดว้ ย คุ้มครองอะไรบ้าง เงินบาทที่ฝากไว้กับสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การคุ้มครอง (ธนาคารพาณิชย์บริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์) แต่ไม่ครอบคลุมถึงเงินท่ีฝากไว้กับสถาบันการเงินเฉพาะกจิ ของรฐั เนอื่ งจากมีกฎหมายเฉพาะจดั ตงั้ ข้นึ ท้ังนี้ สถาบนั การเงินท้ังหมดอยู่ภายใต้การกากับดูแลของกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย ซ่ึงจะกากับดูแลความม่ันคงอย่างใกลช้ ดิ และจะปอ้ งกนั หรอื แกไ้ ขปญั หาที่อาจเกิดข้ึนมใิ หต้ อ้ งปิดกจิ การโดยง่ายเงินฝากทไี่ ดร้ ับความคมุ้ ครอง เงินฝากท่ไี มไ่ ดร้ บั การคุ้มครอง เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากทเ่ี ป็นเงนิ ตราต่างประเทศ เงินฝากประจา เงินฝากทีม่ ีอนพุ ันธ์แฝง เงินฝากกระแสรายวนั เงินฝากระหว่างสถาบันการเงิน บตั รเงนิ ฝาก เงินฝากในบญั ชีเงนิ บาทของผู้มีถิ่นทีอ่ ยนู่ อกประเทศ ใบรบั ฝากเงนิ เงินฝากใน “บัญชีร่วม” หรือ (เป็นประเภทบัญชีพเิ ศษท่ีเปดิ เพ่ือทารายการเฉพาะ “บัญชีเพอื่ ” ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลยี่ นเงิน) เงินฝากในสหกรณ์ (เน่อื งจากสหกรณไ์ ม่ไดเ้ ป็น สถาบนั การเงินภายใต้กฎหมายค้มุ ครองเงินฝาก) เงนิ ลงทุนอื่น ๆ เชน่ กองทุนรวม หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงนิ พนั ธบัตรรัฐบาล สลากออมทรพั ย์ (เป็น ผลิตภัณฑอ์ ื่นทีม่ ใิ ช่เงนิ ฝากจึงไมไ่ ด้รบั การคุ้มครอง) ชดุ วชิ าการเงินเพ่ือชีวติ 2 | หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 วา่ ด้วยเร่ืองของเงิน
31 จานวนเงินทีไ่ ดร้ บั การคุ้มครอง4 จานวนเงินฝากรวมดอกเบย้ี ที่จะได้รับการคุ้มครองตามเกณฑ์ที่กฎหมายกาหนดดงั นี้ ระยะเวลา จานวนเงินฝากท่ีคุ้มครอง (ตอ่ รายผูฝ้ าก ตอ่ สถาบนั การเงนิ )11 ส.ค. 2558 – 10 ส.ค. 255911 ส.ค. 2559 – 10 ส.ค. 2561 ไม่เกิน 25 ลา้ นบาท11 ส.ค. 2561 – 10 ส.ค. 2562 ไมเ่ กนิ 15 ล้านบาท11 ส.ค. 2562 – 10 ส.ค. 2563 ไมเ่ กนิ 10 ล้านบาท11 ส.ค. 2563 เป็นตน้ ไป ไม่เกนิ 5 ล้านบาท ไม่เกิน 1 ล้านบาทหมายเหตุ: เงนิ ฝากส่วนทเี่ กนิ ความคุ้มครอง จะได้รับคืนเพิ่มเติมหลังจากการชาระบัญชีสถาบัน การเงนิ ทปี่ ดิ กิจการการประกนั ภยั ความหมายและประโยชน์ การทาประกันภัยเป็นการบริหารความเส่ียงภัยวิธีหน่ึง ซึ่งจะโอนความเส่ียงภัยของผเู้ อาประกนั ภัยไปสู่บรษิ ทั ประกันภยั เม่ือเกิดความสูญเสียหรือความเสียหายจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน บริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามท่ีได้รับความคุ้มครองในกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยท่ีผู้เอาประกันภัยจะต้องเสียเบี้ยประกันภัยให้แก่บริษัทประกันภยั ตามท่ไี ด้ตกลงกนั ไว้ การประกันภัยจะช่วยสร้างความม่ันคงทางการเงินให้แก่ผู้เอาประกันภัยและครอบครัว กล่าวคือ หากเกิดความสูญเสียหรือความเสียหายต่อส่ิงท่ีเอาประกันจะไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงนิ ของผู้เอาประกนั นอกจากน้ี การทาประกนั ภัยยังช่วยให้ผู้เอาประกันภัยคลายความกังวลกับสิ่งที่เหนือการควบคุมหรือคาดเดาได้ยากว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเช่น การทาประกันชีวิต โดยหากผู้เอาประกันเกิดเสียชีวิตขึ้นมาในขณะที่ยังมีภาระดูแลครอบครัว ผู้ที่อยู่ข้างหลังจะได้รับค่าสินไหมทดแทนในฐานะผู้รับประโยชน์ตามท่ีผู้เอาประกันภัยได้ตกลงไวก้ บั บรษิ ทั ประกนั ภัย4 ข้อมลู นีอ้ าจมีการปรบั เปลีย่ นในอนาคต ดงั น้ัน ควรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันคมุ้ ครองเงินฝาก โทร. 1158เวบ็ ไซต์ www.dpa.or.th ชุดวชิ าการเงินเพอ่ื ชีวติ 2 | หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 ว่าด้วยเร่ืองของเงนิ
32 หลักการพิจารณาความจาเปน็ ในการทาประกนั ภัย อย่างไรก็ตาม ไม่จาเป็นว่าทุกคนต้องทาประกันภัยเสมอไป หากตัวเราเองสามารถรับความเส่ียงหรือมีแผนการรองรับที่ดีก็ไม่จาเป็นต้องทาประกันภัย โดยมีหลักในการพจิ ารณาวา่ จาเปน็ ตอ้ งทาประกันภยั หรือไม่ดงั นี้ 1. ภาระรับผิดชอบที่มี หากเราเป็นเสาหลักทางการเงินของครอบครัว เช่นเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายของทุกคนในบ้าน หรือมีภาระหนี้ท่ีต้องรับผิดชอบ ถ้าเกิดปัญหากับเราจนไม่สามารถดูแลครอบครัวได้ เช่น เจ็บป่วยหนัก เกิดอุบัติเหตุรุนแรงหรือเสียชีวิต จะสร้างภาระให้แก่คนที่อยู่เบ้ืองหลังมากน้อยแค่ไหน เรามีแผนการรองรับความเส่ียงท่ีจะเกิดขึ้นแล้วหรือไม่ (ถ้าเรามีเงินเก็บมากพอ มีทรัพย์สินที่ปลอดภาระแล้ว การเสียชีวิตของเราไม่ทาให้ผู้ท่ีอยเู่ บ้ืองหลังเดือดรอ้ น ประกนั ภยั กอ็ าจไม่จาเปน็ สาหรับเรา) 2. โอกาสความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสี่ยงหรือประกอบอาชีพที่มีความเส่ียงเช่น ต้องอยู่ในเขตก่อสร้าง ผลิตสารเคมี หรือเดินทางบ่อย ย่อมมีความเส่ียงมากกว่าผู้ท่ีทางานในออฟฟิศ ในกรณีนกี้ ็ควรทาประกันภัย ในการประกันภัยจะมีบคุ คลท่เี ก่ยี วข้อง 3 ฝ่าย คือ ผูร้ ับประกนั ภัย คอื บริษทั ทปี่ ระกอบธุรกิจประกันภยั ผู้เอาประกันภัย คือ บุคคลที่ต้องการจะทาประกันภัยและมีหน้าท่ีจ่ายเบยี้ ประกนั ภยั ให้แกผ่ ู้รบั ประกันภัย ผรู้ ับประโยชน์ คือ คนทจี่ ะไดร้ บั สินไหมทดแทนตามท่ีผู้เอาประกันภัยระบุไว้โดยผ้เู อาประกนั ภัยกบั ผู้รับประโยชน์อาจเปน็ คนคนเดียวกนั ได้ ชดุ วิชาการเงินเพือ่ ชวี ติ 2 | หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 ว่าด้วยเร่ืองของเงนิ
33 รปู แบบประกนั ภยั ก่อนซื้อประกันภัย ผู้เอาประกันภัยควรศึกษาทาความเข้าใจ เปรียบเทียบรปู แบบ ความคุ้มครอง และเบ้ียประกันภัยของการประกันภัยก่อน เพ่ือให้ได้รับแบบประกันภัยที่มีความเหมาะสม ตรงตามความต้องการมากท่ีสุด ซึ่งสามารถแบ่งประกันภัยออกเป็น2 ประเภทใหญ่ ได้แก่ 1) ประกันชีวิต 2) ประกันวินาศภัย โดยแต่ละประเภทก็ยังมีรูปแบบการประกันภยั ที่จาแนกย่อยอกี ชดุ วชิ าการเงินเพือ่ ชีวิต 2 | หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ว่าด้วยเร่อื งของเงิน
34 1. ประกันชีวิต เป็นสัญญาระหว่างผู้รับประกันภัย (บริษัทประกันชีวิต) กับผู้เอาประกันภัย โดยเรียกสัญญาดังกล่าวว่ากรมธรรม์ประกันชีวิต ซ่ึงกาหนดให้ผู้เอาประกันภัยต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยให้แก่บริษัทประกันชีวิต หากผู้เอาประกันภัยเกิดเสียชีวิตขณะท่ีกรมธรรม์มีผลบังคับ (ยังอยู่ในระยะเวลาการคุ้มครอง) ภายใต้เง่ือนไขในกรมธรรม์ เช่น การเสียชีวิตที่ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินจานวนหนึ่งให้กับผู้รับผลประโยชน์เรียกว่าเงินสนิ ไหม หากพิจารณาจากลักษณะความคุ้มครองและผลประโยชน์ สามารถแบ่งแบบการประกันชีวิตได้หลายแบบ โดยหากแบ่งตามแบบการประกันชีวิตพื้นฐานจะมีอยู่ 4แบบคอื 1) ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (term insurance) เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์ เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตในระยะเวลาเอาประกันภัย วัตถุประสงค์เพ่ือคุ้มครองการเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควรการประกันชีวิตแบบนี้ไม่มีส่วนของการออมทรัพย์ เบี้ยประกันภัยจึงต่ากว่าแบบอนื่ ๆ และไม่มีเงินเหลอื คืนให้หากผเู้ อาประกันภยั มชี วี ิตอยูจ่ นครบกาหนดสญั ญา ตัวอย่างการประกันชีวิตแบบช่ัวระยะเวลา เช่น กรมธรรม์ประกันชีวิตแบบคุ้มครองสินเช่ือเพื่อที่อยู่อาศัย จะให้ความคุ้มครองการเสียชีวิตของผู้กู้ยืมซึ่งได้แก่ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นผู้มีรายได้หลักของครอบครัว หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต สมาชิกในครอบครัวซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ จะได้รับความคุ้มครองเป็นเงินรายงวดเพ่ือนาไปผ่อนชาระสินเช่อื ใหแ้ ก่สถาบนั การเงิน 2) ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (whole life) เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตในขณะท่ีกรมธรรม์มีผลบังคับ หรือหากผู้เอาประกันภัยมีอายุยืนยาวจนครบกาหนดสัญญาผู้เอาประกันภัยจะได้รับจานวนเงินเอาประกันภัย (ระยะเวลาเอาประกันชีวิตแบบตลอดชีพกาหนดให้ครบกาหนดสัญญาเมื่อผู้เอาประกันภัยมีอายุครบ 90 ปี ถึง 99 ปี) วัตถุประสงค์เพ่ือคุ้มครองการเสียชีวิต เพื่อให้บุคคลที่อยู่ในความอุปการะของผู้เอาประกันภัยได้รับเงินทุนจานวนหน่ึงไว้สาหรับจุนเจือ หรือเป็นเงินทุนสาหรับการเจ็บป่วยครั้งสุดท้ายและค่าทาศพเพอ่ื ไม่ให้ตกเปน็ ภาระของคนอ่ืน 3) ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (endowment) เป็นการประกันชีวิตท่ีบริษัทประกันชีวิตจะจ่ายจานวนเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย เมื่อมีชีวิตอยู่ครบ ชดุ วิชาการเงินเพือ่ ชวี ิต 2 | หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 วา่ ดว้ ยเรอื่ งของเงนิ
35กาหนดสัญญา หรือจ่ายเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์เม่ือผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตลงภายในระยะเวลาเอาประกันภัย วัตถุประสงค์เพ่ือคุ้มครองการเสียชีวิตและการออมทรัพย์โดยในส่วนของการออมทรัพย์ ผู้เอาประกันภัยได้รับเงินคืนในระหว่างสัญญาหรือเม่ือสัญญาครบกาหนด 4) ประกันชีวิตแบบบานาญ (annuity) เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินจานวนหน่ึงเท่ากันอย่างสม่าเสมอให้แก่ผู้เอาประกันภัยทุกเดือน นับแต่ผู้เอาประกันภัยเกษียณอายุ หรือมีอายุครบ 55 ปี หรือ 60 ปี เป็นต้นไป แล้วแต่เงื่อนไขในกรมธรรม์ท่ีกาหนดไว้ สาหรับระยะเวลาการจ่ายเงินข้ึนอยู่กับความต้องการของผู้เอาประกันภัย โดยบริษัทประกันชีวิตจะเก็บเบ้ียประกันภัยจนถึงอายุหนึ่งซึ่งช่วงระยะเวลาที่เก็บเบี้ยประกันภัยจะอยู่ในช่วงที่ทางาน หรือช่วงก่อนเกษียณอายุ วัตถุประสงค์เพ่ือให้ความคมุ้ ครองกรณีท่ีผูเ้ อาประกันภยั ทค่ี าดวา่ มอี ายยุ ืนยาว และต้องการให้มีเงินได้ประจาหลังจากทเ่ี กษียณอายุ เบย้ี ประกันชีวติ จะแตกต่างกันไปตามประเภทของประกันท่ีทา เช่น ถ้าเป็นประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คา่ เบ้ียประกันภัยจะแพงกวา่ แบบอื่น ๆ นอกจากน้ี ข้อมูลของผู้เอาประกันภัย เช่นเพศ อายุ ก็มผี ลต่อการคานวณเบยี้ ประกนั ภัยด้วยเชน่ กนั 2. ประกันวินาศภัย เป็นการทาประกันภัยเพ่ือให้ความคุ้มครองต่อทรัพย์สินเช่น ประกันอัคคีภัย ประกันภัยรถยนต์ หากทรพั ยส์ ินท่ีได้รบั การคมุ้ ครองเสียหาย บริษัทอาจจะจ่ายเป็นตัวเงิน หรือซ่อมแซม หรือหาของมาทดแทน หรือทาให้กลับคืนสู่สภาพเดิม ข้ึนอยู่กับเงือ่ นไขทีไ่ ดต้ กลงหรอื กาหนดไว้ ประกันวินาศภัย มี 4 ประเภท ได้แก่ 1) การประกันอัคคีภัย (fire insurance) คือ การประกันภัยเพื่อคุ้มครองความเสียหายของทรัพย์สินที่เกิดจากไฟมาเผาผลาญ ซ่ึงเมื่อเกิดภัยขึ้นแล้วบริษัทประกันภัยชดใช้ค่าเสียหายให้ ซึ่งภัยท่ีคุ้มครอง ได้แก่ ไฟไหม้ ฟ้าผ่า การระเบิดของแก๊สที่ใช้ในครัวเรือนและความสูญเสียหรือเสียหายจากสาเหตุใกล้ชิดของอัคคีภัย เช่น ทรัพย์สินที่เสียหายจากน้าหรอื สารเคมที ีใ่ ชใ้ นการดบั เพลงิ 2) การประกันภัยรถยนต์ (automobile insurance) คือ การประกันเพ่ือคมุ้ ครองความเสียหายอันเกิดจากการใชร้ ถยนต์ ได้แก่ ชุดวิชาการเงินเพอื่ ชวี ติ 2 | หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 วา่ ด้วยเรือ่ งของเงิน
36 ความสูญเสียหรือเสียหายที่เกิดแก่รถยนต์ ได้แก่ ความเสียหายบุบสลาย หรือสญู หายของตวั รถยนต์ ความสูญเสียหรือเสียหายที่รถยนต์ก่อให้เกิดข้ึนแก่ชีวิต ร่างกายและทรัพยส์ ินของบคุ คลภายนอก รวมทง้ั บคุ คลท่ีโดยสารอยใู่ นรถยนต์นั้นดว้ ย 3) การประกันภัยทางทะเล (marine insurance) คือ การประกันภัยความเสยี หายของตัวเรอื สนิ ค้าและทรัพยส์ ินที่อยู่ระหว่างการขนส่งภายในประเทศและระหว่างประเทศ รวมทั้งพาหนะและสิ่งอ่ืน ๆ ท่ีใช้ในการขนส่งด้วย และยังขยายขอบเขตความคุ้มครองรวมไปถงึ ภัยทางบกและความสูญเสียในขณะขนส่ง 4) การประกันภัยเบ็ดเตล็ด (miscellaneous insurance) คือ การประกันภัยท่ีให้ความคุ้มครองต่อความสูญเสียหรือความเสียหายอันเนื่องมาจากภัยอ่ืน ๆ ท่ีอยู่นอกเหนือจากการคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยทางทะเล ประกันอคั คภี ยั และประกนั ชีวิต เบีย้ ประกนั วนิ าศภยั ค่าเบี้ยประกันภัยก็จะแตกต่างกันตามระดับความเสี่ยงภัย ระยะเวลาท่ีคุ้มครองและจานวนเงนิ เอาประกันภัย นอกจากน้ี ยงั มรี ายละเอยี ดเพิม่ เติม เชน่ - เบี้ยประกันอัคคีภัย จะพิจารณาปัจจัยจากสถานท่ีต้ังของสิ่งปลูกสร้างลักษณะของส่ิงปลูกสร้าง คานึงถึงความเส่ียงภัยที่จะเกิด เช่น อยู่ในพ้ืนที่ที่มีส่ิงปลูกสร้างหนาแน่น การเข้าถึงไดข้ องรถดบั เพลงิ หรือส่ิงปลูกสร้างเป็นไมห้ รอื วสั ดุตดิ ไฟ - เบ้ียประกันภัยรถยนต์ ผู้รับประกันภัยจะพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัย เช่นอายุ รุ่น ประเภทของรถยนต์ ขนาดของเครื่องยนต์ ประเภทกรมธรรม์ รวมถึงอายุ เพศของผูเ้ อาประกันภัยด้วย แบบประกนั ภยั ใกลต้ ัว 1. สัญญาเพมิ่ เติมกรมธรรม์ประกันชีวิต เป็นสัญญาประกันภัยชนิดหนึ่ง เวลาทเ่ี ราทาประกันชีวิต เราสามารถเลอื กทาสญั ญาเพื่อรบั ความคุม้ ครองเพิม่ เติมได้อีก เช่น 1) คุ้มครองความทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (สูญเสียสมรรถภาพในการทางานอันเกิดจากอุบัติเหตุ การเจ็บป่วยหรือเชื้อโรคทาให้ไม่สามารถประกอบหน้าท่ีการงานได้แบบถาวร) เช่น สูญเสียสายตา มือหรือเท้าหรือท้ัง 2 ข้างหรืออย่างใดอย่างหน่ึงรวมกันต้ังแต่ ชุดวชิ าการเงินเพ่อื ชีวติ 2 | หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 ว่าด้วยเร่ืองของเงนิ
37สองอย่างข้ึนไป สัญญาเพิ่มเติมน้ีมักจะเพ่ิมไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิตให้โดยอัตโนมัติ และกาหนดผลประโยชนเ์ ทา่ กับจานวนเงนิ เอาประกันภยั 2) คุ้มครองโรคร้ายแรงและการเจ็บป่วยข้ันวิกฤต หากป่วยด้วยโรคร้ายแรงหรือข้ันวิกฤต มักจะมีค่ารักษาพยาบาลเป็นจานวนสูง การทาประกันภัยเพื่อความคุ้มครองกรณีดังกล่าวจะช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาลงได้ เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมองโรคหวั ใจขาดเลอื ด ไตวาย ซึง่ ผูร้ ับประกันภัยอาจทาเพม่ิ เปน็ อกี หน่ึงกรมธรรมไ์ ด้ 3) ประกันอุบัติเหตุ เป็นสัญญาที่ให้ความคุ้มครองกรณีท่ีผู้เอาประกันภัยประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ รวมถึงให้ผลประโยชน์ด้านค่ารักษาพยาบาลจากการได้รับอบุ ตั ิเหตดุ ้วย 4) ประกันสุขภาพ เป็นสัญญาเพ่ิมเติมที่ผู้เอาประกันภัยจะได้รับการคุ้มครองเม่ือต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ซ่ึงในสัญญาจะระบุรายการผลประโยชน์ท่ีจะได้รับ และจานวนเงินที่ผู้รับประกันภัยจะจ่ายให้ เช่น ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาล1,000 บาทต่อวนั ค่าห้องผา่ ตัด 4,000 บาทตอ่ การเข้ารับการรักษา 1 ครั้ง 2. กรมธรรม์ประกันภัยสาหรับรายย่อยหรือไมโครอินชัวรันส์ (microinsurance) หมายถึง การประกันภัยสาหรับผู้มีรายได้น้อย-ปานกลาง ซ่ึงมีลักษณะท่ีสาคัญดงั นี้ - เบย้ี ประกนั ภัยราคาไมแ่ พง - ความคมุ้ ครองไม่ซบั ซอ้ น เข้าใจงา่ ย - การขอรับเงินคา่ สนิ ไหมทดแทนไม่ยุ่งยาก - ช่องทางการจาหน่ายหลากหลาย เข้าถงึ ประชาชนทกุ กลุ่ม - สามารถเป็นเคร่ืองมือในการรองรับความเสี่ยงของประชาชนได้โดยเฉพาะผมู้ ีรายไดน้ อ้ ย กรมธรรม์ประกันภัย 200 สาหรับรายย่อย เป็นประกันภัยท่ีถูกออกแบบมาให้เหมาะกับผู้มีรายได้น้อย มีขั้นตอนการซ้ือง่ายเพียงใช้บัตรประชาชนพร้อมชาระเบ้ียประกันภัยเพียง 200 บาท ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะได้รับใบรับรองการประกันภัย และได้รับความคุ้มครองทันทีเมื่อซ้ือ โดยแบบประกันภัยนี้มีระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี สามารถต่ออายุปีถัดไปได้ ให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า สายตา หรือทุพพลภาพถาวรส้ินเชิงจากอุบัติเหตุหรือถูกฆาตกรรม รวมถึงค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วย ชุดวชิ าการเงินเพอื่ ชีวิต 2 | หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 วา่ ดว้ ยเรื่องของเงิน
38ผู้สนใจสามารถติดต่อซ้ือได้ตามช่องทางการจาหน่ายต่าง ๆ เช่น บริษัทประกันภัยและสาขาตัวแทนประกนั ชวี ิต/ประกันวินาศภยั นายหน้าประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย เคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น โบรกเกอร์ประกันภัยในห้างเทสโก้ โลตัส ที่ทาการไปรษณีย์ โดยซื้อได้คนละไมเ่ กนิ 2 กรมธรรม์ 3. ประกันภยั คมุ้ ครองผปู้ ระสบภัยจากรถ (ประกันภัย พ.ร.บ.) เป็นประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับท่ีเจ้าของรถหรือผู้เช่าซ้ือรถต้องจัดทาประกันภัยรถยนต์ ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ประสบภยั จากรถที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพราะเหตุประสบภัยจากรถ โดยจ่ายชดใช้เป็นคา่ รกั ษาพยาบาลกรณีบาดเจบ็ หรือเป็นคา่ ทาศพในกรณเี สยี ชีวิต อย่างไรก็ดี การทาประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับหรือประกันภัย พ.ร.บ. น้ี จะไม่คมุ้ ครองความเสียหายทเี่ กิดข้นึ กับรถยนต์ ดังน้ัน ผู้ใช้รถจึงอาจเลือกทาประกันภัยรถยนต์เพม่ิ เติมได้ ซง่ึ เรียกว่าประกนั ภัยรถยนต์ภาคสมคั รใจ ตัวอยา่ งทพี่ บเหน็ บ่อย ดงั น้ี 1) ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 (ประกันช้ัน 1) ให้ความคุ้มครองชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ความเสียหายของตัวรถ การสูญหายและไฟไหม้ตวั รถยนตข์ องผู้เอาประกันภยั 2) ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2 (ประกันช้ัน 2) ให้ความคุ้มครองชีวิตรา่ งกายและทรพั ยส์ ินของบคุ คลภายนอก การสูญหายและไฟไหม้ตวั รถยนตข์ องผู้เอาประกนั ภัย 3) ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 (ประกันชั้น 3) ให้ความคุ้มครองชีวิตร่างกายและทรพั ยส์ ินของบคุ คลภายนอก 4) ประกันภัยรถยนต์แบบคุ้มครองเฉพาะภัย (2+, 3+) ให้ความคุ้มครองชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ความเสียหายของตัวรถจากการชนกับยานพาหนะทางบก การสูญหายและไฟไหม้ตัวรถยนต์ของผู้เอาประกันภัย นอกจากนี้ ผู้เอาประกันภัยสามารถซอ้ื ความค้มุ ครองเพม่ิ เติมสาหรบั ผขู้ ับขี่และผ้โู ดยสารทอี่ ยู่ในรถยนต์คันเอาประกันภัยได้โดยมีความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล และการประกันตัวผู้ขบั ขี่ในคดีอาญา 4. ประกันอัคคีภัยสาหรับท่ีอยู่อาศัย ให้ความคุ้มครองการสูญเสียหรือเสียหายของทรัพย์สินท่ีเอาประกันภัย ได้แก่ สิ่งปลูกสร้าง (บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ ตึกแถวสาหรับอยู่อาศัย ชุดวิชาการเงนิ เพือ่ ชวี ติ 2 | หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 ว่าด้วยเร่ืองของเงนิ
39โรงรถ กาแพง รั้ว ประตู ห้องชุดสาหรับอยู่อาศัยในแฟลต คอนโดมิเนียม ยกเว้นฐานราก) และทรพั ย์สนิ ภายในสิ่งปลกู สร้าง ที่เกิดจาก 1) ไฟไหม้ ฟ้าผ่า (รวมถึงความเสียหายต่อเคร่ืองใช้ไฟฟ้าที่เกิดจาการลัดวงจรจากฟ้าผ่า) ระเบิด ภัยจากการเฉี่ยว และ/หรือการชนของยานพาหนะหรือสัตว์พาหนะภัยจากอากาศยาน และ/หรือวัตถุท่ีตกจากอากาศยาน ภัยเน่ืองจากน้าที่เกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุจากการปล่อยการรั่วหรือล้นออกมาของน้าหรือไอน้า จากท่อน้า ถังน้า ฯลฯ ทั้งน้ี บริษัทจะชดใช้ตามความเสียหายท่เี กดิ ข้นึ จรงิ แต่ไม่เกินจานวนเงนิ เอาประกันภัย 2) กลมุ่ ภยั ธรรมชาติ ไดแ้ ก่ ภัยลมพายุ ภัยน้าท่วม ภยั แผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิด หรอื คลื่นใตน้ ้า หรือสึนามิ และภัยจากลูกเห็บ ท้ังนี้ บริษัทจะชดใช้ตามความเสียหายท่ีเกิดขึ้นจริง ทุกภยั รวมกันแล้วไม่เกิน 20,000 บาท 3) การขยายความคุ้มครองค่าเช่าที่อยู่อาศัยชั่วคราว กรณีทรัพย์สินที่เอาประกันภยั เปน็ ส่ิงปลูกสรา้ งและไดร้ บั ความเสยี หายอันเนื่องจากภัยตามข้อ 1) ทั้งนี้ หากผู้รับประกันภัยพบว่าความเสียหายเกิดจากการทุจริตหรือความประมาทอย่างร้ายแรง หรือการกระทาโดยเจตนา ของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ หรือแสดงขอ้ ความ เอกสารอนั เปน็ เท็จเพือ่ ให้ไดม้ าซึง่ ผลประโยชน์ของการประกันภัยนี้ บริษัทมีสิทธิปฏเิ สธการชดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนในความเสยี หาย โดยไม่ต้องคืนเบี้ยประกันภัยข้อแนะนาในการตดั สินใจเลอื กประเภทประกันภัย เม่ือเรารู้จักผลิตภัณฑ์ประกันภัยแต่ละประเภทแล้ว ก็อาจทาให้เราอยากจะทาประกนั ภยั ขึ้นมาบา้ ง และเพ่ือให้เราได้ประกนั ภยั ตามท่ีต้องการ โดยไม่เกินความสามารถในการจ่ายเบยี้ ประกันภัย กอ่ นตัดสินใจทาประกนั ภยั เราควรพิจารณาขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ ดังน้ี 1. วัตถุประสงค์ของการทาประกันภัย เป็นส่ิงที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับแรกตอ้ งรกู้ ่อนว่า “เราต้องการทาประกนั ภัยเพื่ออะไร”เพ่ือเลือกไดต้ รงกับความต้องการ เชน่ ต้องการป้องกันความเสี่ยง ควรจะเลือกประกันภัยโดยดูท่ีการคุ้มครองเป็นหลัก เช่น ถ้ากังวลว่าครอบครัวจะผ่อนบ้านต่อไม่ไหวหากเราซ่ึงเป็นผู้หารายได้หลักของครอบครวั เสยี ชวี ติ ไปก่อน ก็ควรเลือกทาประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ ถ้ากังวลว่าจะไม่มีเงินซื้อรถใหมถ่ ้ารถหาย กค็ วรเลือกทาประกันภยั รถยนตป์ ระเภท 1 ชดุ วิชาการเงินเพือ่ ชวี ิต 2 | หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 วา่ ดว้ ยเร่อื งของเงิน
40 ตอ้ งการทาประกนั ชีวติ และเน้นการออมเงนิ ควบคู่ไปดว้ ย อาจจะเลือกทาประกันภัยแบบสะสมทรัพย์ หรือแบบบานาญที่จะจ่ายคืนเงินก้อนครั้งเดียว หรือทยอยคืนอย่างสมา่ เสมอหลงั เกษียณ ต้องการทาประกันชีวิตเพื่อให้ลูกหลานไม่ลาบากในอนาคตหากตนเองเสียชีวิตกะทันหัน อาจเลือกทาประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (term insurance) ซึ่งจะให้ความคุ้มครองชีวิตสูงในขณะที่จ่ายค่าเบ้ียประกันน้อย (หากเปรียบเทียบกับประกันภัยแบบสะสมทรัพยใ์ นกรณีทจี่ ่ายคา่ เบีย้ ประกนั ภยั เท่ากัน) ถา้ ผเู้ อาประกันภัยเสียชีวิตในระยะเวลาที่ทาประกันภัย แบบช่วั ระยะเวลาจะใหผ้ ลตอบแทนแกผ่ รู้ บั ประโยชนม์ ากกว่าแบบสะสมทรพั ย์ 2. การเลือกระยะเวลาทาประกันภัยให้ครอบคลุม ผู้ที่ทาประกันภัยโดยเลือกระยะเวลาสั้น แต่เพิ่งคิดอยากจะทาต่อเม่ือส้ินสุดกรมธรรม์ มักต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยแพงกว่าการเลือกระยะเวลายาวตั้งแต่แรก เพราะความเส่ียงของตนเองจะสูงขึ้นตามอายุท่ีมากขึ้นในกรณีประกันชีวิต หรือในกรณีประกันคุ้มครองวงเงินสินเช่ือหากประกันท่ีทาไม่ครอบคลุมกับระยะเวลาผ่อนหนี้ และต่อมามีเหตุเกิดขึ้นหลังจากท่ีประกันภัยหมดสัญญา ผู้ขอสินเช่ือหรือลกู หลานกต็ ้องเป็นผ้รู บั ผดิ ชอบภาระหนน้ี น้ั เอง 3. ความสามารถในการจ่ายเบ้ียประกันภัย ควรพิจารณาด้วยว่ามีความสามารถในการจ่ายเบ้ียประกันภัยหรือไม่ แม้ว่าต้องการทาประกันภัยให้ครอบคลุมความเส่ียง แตห่ ากเกนิ กาลังในการจ่ายเบี้ยประกันภัย ก็อาจเลือกเงินเอาประกันภัยท่ีจานวนไม่สูงนักเพื่อทอ่ี ย่างนอ้ ยจะไดช้ ว่ ยแบ่งเบาภาระบางส่วนหากเกดิ เหตุร้ายขึ้นจริง 4. การเปรียบเทียบข้อมูล ควรเปรียบเทียบรายละเอียดความคุ้มครองระยะเวลาการคุ้มครอง เบ้ียประกันภัยของบริษัทหลาย ๆ แห่ง เพื่อเลือกประกันภัยที่คุ้มค่าในราคาท่ีเหมาะสม เม่ือได้รับกรมธรรม์ประกันภัย ควรอ่านสาระสาคัญของกรมธรรม์ประกันภัยและตรวจสอบความถูกตอ้ ง ได้แก่ 1. ชอ่ื - ทีอ่ ยู่ของผู้เอาประกันภัย ทตี่ ัง้ ของทรพั ย์สนิ 2. ระยะเวลาประกันภัย ไดแ้ ก่ วนั ทเี่ ร่มิ ตน้ จนถงึ วันทีส่ น้ิ สุด 3. ข้อมูลของส่ิงที่เอาประกันภัย เช่น กรณีประกันภัยรถยนต์ จะต้องมีข้อมูลของชอ่ื รุ่น เลขทะเบยี นรถยนต์ ข้อมลู เลขตวั ถงั เลขเครื่อง ปี รุ่นท่ีผลิต จานวนทีน่ ง่ั 4. จานวนเงินเอาประกนั ภัย และรายละเอียดความคุม้ ครอง ชดุ วิชาการเงนิ เพือ่ ชวี ิต 2 | หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 ว่าด้วยเรือ่ งของเงนิ
41 5. เบย้ี ประกันภัยทตี่ อ้ งจา่ ย 6. ชอ่ื ผรู้ บั ประโยชน์ 7. เงื่อนไขท่ัวไป หรือข้อยกเว้นการคุ้มครอง ในส่วนน้ีควรทาความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครองวา่ ตรงกบั ที่ตอ้ งการหรอื ไม่กจิ กรรมท้ายเรอื่ งที่ 3 การฝากเงิน และการประกันภยั (ให้ผเู้ รียนไปทากิจกรรมท้ายเรอื่ งท่ี 3 ทีส่ มดุ บันทกึ กิจกรรมการเรยี นรู้) ชุดวชิ าการเงินเพื่อชีวิต 2 | หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 วา่ ด้วยเร่ืองของเงนิ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192