นางสาว นาตาชา คลาจันทึก เลขที่ 4 ปวส. 1/4 เครื่องครัว ของไทย ในสมัยโบราณ
เเแไครทสารืย่ไดอด้งงโนดใใำหชย้้มใเเนหคา็นรครัืง่ถรอัึสวงงรเวใรัชรืฒ้อคใ์นนนเปคสธ็นรมรััวอยรเมาโรบหืกอรานารารไณรปทูปรยแทะีส่กบบมอบัรยบรต่กพอา่องาบุนหๆรุานษัซร้ึน่ขงขมออีงง บทนำ หลายประเภท บสคูาญรงัวปหโบรายะรเไาภปณทไมกท่ี็่มยเีัรผงูา้คคพงนบนใเิชหย้็แนมลไ้ใดวช้้แตในลาปมะัไจพดิ้จุกพบิัลธนาภัยบณเาปงฑ็น์ปเทเรค่าะรเนื่ัภอ้นทงก็
01 กระทะใบบัว กระทะทองเหลือง Content 02 เสวียน 03 กระต่าย ขูดมะพร้าว 04 ตะหลิว กระจ่า จวัก ตะหวัก
กกรระะททะะใทบอบังวเหลือง
กกรระะททะะใทบอบังวเหลือง กระทะ ในสมัยโบราณจะเป็นกระทะขนาดใหญ่ ปากกว้างประมาณ 2 ศอก เรียกกันว่า “กระทะใบบัว” ทำจากเหล็ก ลักษณะของกระทะเหมือนใบบัว กล่าวคือเหมือนใบบัวหลวงแก่ๆ ที่มักจะห่อตัวเป็นแอ่ง ขอบใบยกขึ้น กระทะใบ บัวจะใช้เมื่อต้องการหุงข้าวเลี้ยงคนจำนวนมาก เป็นการหุงข้าวที่ผู้หุงต้องมีความชำนาญมาก เพราะเป็นการ หุงข้าวแบบไม่เช็ดน้ำ คนหุงต้องกะน้ำให้พอดี ถ้าใส่น้ำมากเกินไปก็ต้องตักออก เมื่อข้าวสุกก็ต้องคอยราไฟ โดยผลพลอยได้ของการหุงข้าวด้วยกระทะใบบัว คือ ข้าวตัง ซึ่งเป็นข้าวที่จับติดกันเป็นแผ่นที่ก้นกระทะ ครัวไทยสมัยโบราณไม่ได้มีกระทะเหล็กติดครัวทุกบ้าน เนื่องจากสำรับอาหารไทยสมัยก่อนไม่ค่อยประกอบ อาหารประเภทผัดหรือทอดเท่าใดนัก โดยมากจะเป็นผักต้ม น้ำพริก หรือแกงมากกว่า กระทะอีกประเภทหนึ่งที่ พบในครัวไทยสมัยก่อน คือ กระทะทองเหลือง เรียกว่า “กระทะทอง” รูปร่างกลมป้อมก้นลึกว่ากระทะเหล็ก มีหู สองข้าง กระทะทองมีเอาไว้ทำขนมโดยเฉพาะ บ้านคนในสมัยก่อนมักจะมีกระทะทองเหลืองติดบ้านไว้สำหรับทำ ขนม
เเสสววีียยนน
เเสสววีียยนน เสวียน ที่ใช้ในครัวสมัยก่อนมีสองอย่าง อย่างหนึ่งเป็นเสวียนขดกลมๆ สำหรับรองหม้อหรือ ภาชนะที่มีก้นกลมหรือมนเพื่อไม่ให้เอียงหรือไม่ให้กลิ้ง ทำจากเปลือกมะพร้าวอ่อน หรือฟาง ข้าวมามัดขดเป็นวงกลมเหมือนห่วงยาง แล้วใช้ตอกมัดเป็นเปลาะๆ ส่วนเสวียนอีกอย่างหนึ่ง จะมีหูใช้เวลาดึง เสวียนชนิดนี้ไม่หนาเหมือนประเภทที่เอาไว้รองหม้อ ทำจากหวายผ่าซีก ส่วน หูจะใช้หวายซีกถักเพื่อให้อ่อนตัว หรือจะใช้หวายทั้งต้นทำเป็นหูก็ได้ โดยหูจะสอดเข้าไปในตัว เสวียนที่ขดเพื่อให้มีกำลังเวลายกหม้อ
กระต่าย ขูด มะพร้าว
กระต่ายขูดมะพร้าว เครื่องใช้ กระต่ายขูดมะพร้าว สำหรับขูดมะพร้าว เรียกว่า “กระต่าย” หรือ “กระต่ายขูด โดยวิธีนั่งขูดมะพร้าวของไทยมีสองแบบ แบบแรกนั่งชันเข่าบนตัวกระต่าย มะพร้าว” โดยลักษณะของเครื่องใช้ ด้วยเท้าข้างหนึ่ง แล้วเข่าอีกข้างหนึ่งจดพื้น และอีกแบบหนึ่งนั่งพับเพียบ ชนิดนี้ ไม่ได้มีเพียงรูปกระต่าย บนตัวกระต่ายหรือแบบสุภาพสตรีอังกฤษขี่ม้า ขาทั้งสองไขว้อยู่ข้าง เท่านั้น แต่ยังมีการแกะสลักเป็นรูป เดียวกัน โดยการใช้กระต่ายขูดมะพร้าว ไม่ว่าจะเป็นหรือผู้หญิงหรือผู้ชาย สัตว์อื่นๆ รวมทั้งคนด้วย บางครั้ง ก็ห้ามนั่งคร่อมกระต่าย ก็เป็นแผ่นไม้ธรรมดาต่อขาสองขา พอให้สูงจากพื้นเล็กน้อย ก็ถูก เรียกว่ากระต่ายเช่นกัน แท้จริงแล้ว การเรียกเครื่องใช้ชนิดนี้ว่ากระต่าย นั้น ไม่ได้อยู่ที่รูปร่างที่เป็นไม้ แต่อยู่ ที่เหล็กแผ่นที่ทำเป็นฟันซี่เล็กๆ สำหรับขูดมะพร้าว ฟันเหล็กนี้ เปรียบเหมือนฟันกระต่ายที่คมขูด มะพร้าวออกเป็นขุย จึงได้อุปมาฟัน เหล็กนี้ว่าเหมือนฟันกระต่ายและใช้ เรียกเครื่องมือที่ใช้ขูดมะพร้าวว่า กระต่ายในเวลาต่อมา
กระจ่า จวัก ตะหวัก
กระจ่า จวัก ตะหวัก กระจ่า จวัก หรือ ตะหวัก มีลักษณธคล้ายกระบวย หรือที่ตักน้ำแกงในปัจจุบัน ทำมาจากกะลา มะพร้าวแก่ มาตัดให้เป็นรูปค่อนข้างกลม แล้วทำด้ามสำหรับถือยาวๆ เพื่อให้ใช้ตักแกงหรือตักข้าว ได้ จวักนี้เป็นของใช้ในหมู่ชาวบ้านเท่านั้น เพราะในรั้ว ในวังจะใช้ทัพพีที่ทำจากทองเหลืองซึ่งสวยงาม กว่าแทน
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: