Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore fulltext

fulltext

Published by Guset User, 2022-01-26 09:38:05

Description: fulltext

Search

Read the Text Version

การประพันธบ์ ทเพลงโดยใช้แนวความคดิ ภาพ Autostereogram โดย นายวรี ะศกั ด์ิ งามวงศ์รณชยั วทิ ยานพิ นธ์น้เี ป็นสว่ นหน่ึงของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาดรุ ิยางคศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ าสังคตี วจิ ยั และพัฒนา บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร ปกี ารศึกษา 2554 ลขิ สิทธขิ์ องบัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร

การประพนั ธบ์ ทเพลงโดยใชแ้ นวความคดิ ภาพ Autostereogram โดย นายวรี ะศักด์ิ งามวงศร์ ณชยั วทิ ยานพิ นธน์ ี้เป็นสว่ นหนึ่งของการศกึ ษาตามหลกั สตู รปริญญาดรุ ยิ างคศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวิชาสงั คีตวิจัยและพัฒนา บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ศิลปากร ปีการศึกษา 2554 ลิขสทิ ธิ์ของบัณฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลัยศิลปากร

COMPOSITION BASE ON THE CONCEPT OF AUTOSTEREOGRAM By Weerasak Ngamwongronnachai A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for the Degree MASTER OF MUSIC Program of Music Research and Development Graduate School SILPAKORN UNIVERSITY 2011

บัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร อนุมตั ใิ หว้ ิทยานิพนธเ์ ร่ือง “ การประพนั ธ์บทเพลง โดยใช้แนวความคิดภาพ Autostereogram ” เสนอโดย นายวรี ะศักด์ิ งามวงศ์รณชัย เป็นสว่ นหน่งึ ของ การศกึ ษาตามหลักสูตรปรญิ ญาดุรยิ างคศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าสงั คตี วจิ ัยและพฒั นา ................................................................... (ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ปานใจ ธารทัศนวงศ)์ คณบดีบณั ฑติ วทิ ยาลัย วันท.ี่ .........เดือน.................... พ.ศ........... อาจารยท์ ่ีปรกึ ษาวทิ ยานิพนธ์ อาจารย์ ดร.อโณทยั นิติพน คณะกรรมการตรวจสอบวทิ ยานพิ นธ์ .................................................... ประธานกรรมการ (อาจารยเ์ ดน่ อยู่ประเสริฐ) ............/......................../.............. .................................................... กรรมการ (อาจารย์ ดร.จิรเดช เสตะพันธ)์ุ ............/......................../.............. .................................................... กรรมการ (อาจารย์ ดร.อโณทัย นติ พิ น) ............/......................../..............

]]BG%G?)H GB'F &I1?H(<F O>E9.F 5G] &WGBGW &F+]]]DDP1BN1D=HPDO$=;] ] ]?=I E@F$0]VH 'G;?'@[=/)F<]]$G=7=E9F54[63N9>'P0<Q)ZO5?&?G;&H0:G9]\"! ! ]] DG(G=<3[ 7TI =J$AG?3H <G5H954[]]]D 0= DP/3<F ]]5H19H 5 ]] ]C5GZ ] ] ] 'G5?H(F<)UH55IU(E5WGNB5D8>'G5B=ZG'B==&[051=I%D'8MZ?H(F<3IT;IO5?&?G;&H0;G(G$$G= ;D':G9DDP1BN1D=HPDO$=;] \"! ! ] C=KD:G9BG;;H1HO66(L0;TF?]  !] \"! ! ]P0<8MZ?H(F<R0Z@J$AGC>F$$G=3WG'G5O>E$G==F6=MZ%D';5LA<[1YD:G9]]]]]]]]]]]]]]]]]] DDP1BN1D=HPDO$=;] *TJ'8MZ?H(F<R0Z5WG;G1I&?G;N7\\5O5?&?G;&H0Q5$G=7=E9F54[N9>'O>E3WG]]]]]]]]] $G=?HN&=GEC[637=E9F54[N9>'] ]637=E9F54[]3ITB=ZG'B==&[P0<8ZM?H(F<]R0ZO$Y]8>'G5637=E9F54[N9>']]] %,$-03$.1*81!0.#8-(0 %(0\"678&,82\"5\".4/*8O>E8$.\"88 3TIR0Z30>D'5WGNDGO5?&?G;&H0(G$ C>F$$G=3WG'G5O>E$G==F6=MZ%D';5LA<[1YD:G9DDP1BN1D=HPDO$=;;GN)TKD;P<'$F6$G=Q)ZN3&5H&Q5 $G=7=E9F54[1YG'SP0<QCZ&?G;BWG&F+$F6] ] ] N5UKD051=IO661 %.1!-8  8   ]]]]]] ] O5?3WG5D'O66] *#7-%%-(-8   8 ] &?G;N%Z;%D'NBI<'] # ]]]]]]]]]]]]]]] ] $G=&?6&L;>F$A/ENBI<'] !\"! ] ] $G=N&>KTD53ITO>E$G=3F6*ZD5$F5%D'DF1=G(F'C?E3TI O1$1YG'$F5]##!]] ]N5KUD051=IO662\"1$1 %.1!.]   8  ] O>EQ5)Y?'BL03ZG< %D''G5?H(F<] 8ZM?H(F<(E5WGNB5DO5?3G'Q5$G=7=E9F54[N9>'] +',8 3TIN7\\5$G==?6=?;NDGN3&5H&]] $G=7=E9F54[3ITR0Z30>D'O>Z?Q5] ] 637=E9F54[;G7=E<L$1[Q)Z] =?;R72J'$G=5WGNDGO5?&?G;&H0Q5] $G=7=E9F54[;G(G$$G==F6=ZM:G9DDP1BN1D=HPDO$=;] O>E5WGR7BMY$G=O6Y'7=G$,$G=/[Q5$G==F6=MZ DD$N7\\5] ]3YD5N9>']R0ZO$Y])%5*8%,0%/*]O>E$,] ] ] ] ] ] ] BG%GB'F &I1?H(F<O>E9.F 5G] 6F/-1H ?3H <G><F ];CG?3H <G>F<@>H 7G$=]]]]]]]]]]]7X$G=@$J AG] ] >G<;KD)DKT 5F$@J$AG ] >G<;DK )KTDDG(G=<3[ 7TI =J$AG?H3<G5H954[] ]



























































24 ลูกคลน่ื ขนาดเล็ก ลกู คลื่นท่ีพยามยามปรากฏบนผิวนำ้ ลกู คล่นื ขนาดใหญ่ Flute ° 98 q. = 40 ∑ Œ™ ‰bœ œ œbœ bœ œ œ Jœbœ œ™ ∑∑ œ b˙™ & ‰ ∑ Œ™ ‰bœ œ œ™ œ bœJ œ bœJ œ™ mp p mp p œ™ Œ™ Oboe & 98 ‰bœ œ œ œ œ œ œJ œ œ™ bJœ œ œ™ Œ™ Œ™ ∑ ‰ ‰bœj œbœ œ œ Jœ œbœbœ œ™ Œ™ Œ™ mp pp p mp mf Clarinet in Bb & 98 ∑ ∑ Œ™ ‰bœ œj œ œj bœ ˙™ ∑ pp Bassoon ? 98 ∑ ∑ ∑ Œ™ œ bJœ œ™ ˙™ Œ™ Œ™ Œ™ ‰ œbœ œ œ bœ œ œbœ œ Jœ ¢ pp mf ลกู คลน่ื ขนาดกลาง °85 œ bœ œ œ œ œbœ bœ œ œ™ bœ œ œ™ œ œw œ œ™ œ bœ œbœ ˙™ œ & J J JJ ‰ œœ J J JJ ‰ ∑ Fl. œ ˙™ dim . . . . . . . . . . . . . . . . . . f ppp ∑ Œ™ ‰ œbœ œ œbœ œ œJ ˙ œ bJœ œ™ ˙™ w Ob. & ∑ ‰ ppp Cl. & Œ™ bœ™ j ‰ Œ™ Œ™ œ bœj œj jj œ œj œj bœ œ™ Œ™ Œ™ ∑ œ˙ œ bœ œ œ œ bœ œ œ œ™ ∑ mf mp mp ppp Bsn. ¢?<b>œ ‰ Œ™ œ œJ œ™ b˙ bœ œ œ ˙ ‰ Jœbœ ˙ œ ˙™ Œ™ ∑ ff ppp เคล่อื นไหวชา้ และความคงท่ีของผิวนำ้ การเคล่อื นท่ีของอัตราสว่ นไมค่ งที่ ภาพที่ 22 แสดงความแตกต่างของแนวทำนองทมี่ ลี ักษณะทตี่ ่างกัน (ขนาดและความเรว็ ของ ลูกคล่นื ) (วีระศกั ด์ิ งามวงศร์ ณชัย: ไม่มชี ่อื : ทอ่ นเพลงปล่อยวาง หอ้ งเพลงที่ 78-91) ดรีม บทประพันธ์สำหรบั ไวโอลนิ วิโอลา เชลโล 2 เครอื่ ง ผู้วิจัยต้องการทดลองในเรื่องของการเคลื่อนที่ของเสียงในพื้นที่ (Spatial Modulation) โดยในบทประพันธ์นี้ ผู้วิจัยได้เลือกที่จะสะท้อนเสียงและรูปแบบของพื้นหน้า (Foreground) และ พื้นหลงั (Background) ของความฝันทไ่ี มไ่ ด้เกิดการหลับ แต่เกิดจากการ จินตนาการถึงคณุ ลักษณะของสี (ความเขม้ ความชดั เจน การปรากฏ) ในพน้ื ที่ของเสียง (Colour in Sound Space) โดยเทยี บเคียงกบั อารมณแ์ ละความรู้สกึ ส่รี ูปแบบได้แก่

25 สี แทนลักษณะจุดสีที่เกิดขึ้นแล้วหายไปอย่างรวดเร็วและจุดสีที่เกิดขึ้นแล้วสลายไป อย่างช้า แสง แทนลักษณะความอ่อนเขม้ ของสี เม่อื สีเข้ม แสงจะปรากฏน้อย แตเ่ มอื่ สีอ่อน แสงจะปรากฏมาก มวั แทนลกั ษณะความคลมุ เครอื โดยเทยี บกบั ผลกึ แกว้ ทีก่ ำลังหมนุ เมอื่ แสงสาดสอ่ ง กระทบผลกึ แกว้ ทะลุผา่ นเข้าไปยังพน้ื ผวิ ที่มีความละเอยี ดต่างกนั วา่ งเปลา่ แทนลักษณะความหยุดน่งิ ของสีและแสงท่ปี รากฏขน้ึ แลว้ สลายไป บทวิเคราะห์งานประพนั ธ์ ในช่วงแรกของบทประพันธ์ ผวู้ ิจยั ได้ทดลองเรื่องของเสียงในพ้นื หน้าและพนื้ หลัง โดย การนำเสนอระดับเสยี งทคี่ งไว้อยา่ งต่อเนอ่ื งเป็นพ้นื หลงั และการปรากฏลักษณะของจดุ สที ่เี กิดข้ึนแลว้ หายไปอย่างรวดเรว็ ก็จะใช้เทคนิคการใช้นวิ้ ดีด (Pizzicato) การเคลื่อนไหวของเสียงคงทพี่ น้ื หน้าและ พน้ื หลัง กจ็ ะใช้เทคนคิ การรวั โนต้ (Tremolos) และความเขม้ ของเสียงเพ่อื บง่ บอกถึงความลกึ ของ พืน้ หน้าและพ้ืนหลัง (ภาพที่ 23) ° A q = 60 ˙™ w ww ˙™ bœ w & ∑Œ Violin 44 ∑ ppp pp Viola B 44 Ó pœJizz.‰ Œ ∑ Œ ‰ Jœ Œ œJ ‰ Ó œ bœ bœ Œ ‰J ‰JŒ J‰Œ ระดับเสียงที่คงไว้อย่างต่อเนอ่ื ง pp wææ wææ Cello 1 ? 44 ∑ Ó ‰ œææ™ wææ ppp p Cello 2 ? 44 w w w w ww ˙ ‰ œ™ ˙™ œææ ¢ p pp p pp การเคลื่อนไหวของเสยี งทค่ี งท่ี การปรากฏจดุ สีที่เกิดขึ้นแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว ภาพท่ี 23 แสดงความแตกต่างของแนวทำนองที่มีลักษณะที่ต่างกัน (การเคลื่อนไหวและการ ปรากฏของสี) (วีระศักดิ์ งามวงศ์รณชัย: ดรีม: ท่อนเพลงสี ห้องเพลงที่ 1-8)

26 ช่วงท่ีสองของบทประพันธ์ ผู้วิจยั ยงั คงนำเสนอเสียงท่คี งไว้อย่างตอ่ เนอื่ งและได้นำเอา แนวความคดิ เดมิ จากบทประพันธ์ โฟเบยี มาพัฒนาไปจากเดมิ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในเร่ืองของระยะ ห่างของการเดินทางระหวา่ งข้ันคไู่ มเ่ กิน 1 เสยี ง แต่ชว่ งท่สี องของบทประพนั ธน์ ้ี ผูว้ จิ ัยจะใหค้ วาม สนใจในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างสองแนวทำนองและได้เพิ่มเติมในเรื่องของขั้นคู่และระยะห่าง ของการเดินทางระหวา่ งขน้ั คู่ ทจ่ี ะสรา้ งความแตกต่างให้กบั แนวทำนองทีม่ ีบคุ ลิกที่ต่างกนั อาทเิ ชน่ แสงตอ่ เน่ืองกจ็ ะใชข้ ั้นคมู่ กี ารเคลอ่ื นทนี่ อ้ ยหรอื ไมเ่ คลื่อนที่เลย ส่วนแสงทีไ่ มต่ อ่ เนื่องจะใช้แนวทำนอง ทม่ี กี ารเดินทางระหว่างขั้นคู่ ความเข้มของเสียงบง่ บอกถงึ ความออ่ นเขม้ ของแสง (ภาพท่ี 24) แสงต่อเนอ่ื ง เคลือ่ นทนี่ อ้ ย ° #aœrcœo ww ww ww ww ww ww ∑ Ó b˙˙- Ó Œbœœ- ww & Œ Violin Ó p pf f Œa#r#co˙˙ ™ ww mf mp ff ˙˙- ww- ™ ∑ ∑Œ Œ Viola B ∑ ∑ ww ww ww ww pf f Œ ‰ œ bœ ˙ p mf mp ff ? ∑ ∑ mf Ó Œ baœœrco ww ww ww Œ ‰ œœJ ˙˙ ww ww ww pp Cello 1 fp mf mp ff mf p mp Œ b˙˙™™ ? ∑ ∑ œ™œ˙™ ˙™ œ bœ™ ˙ œœbœ œ w ww ww ww ¢Cello 2 ff pp mf p mp °45 Œb˙˙- ™™ ˙˙™™ ‰bœœ-J ww แสงไมต่ อ่ เนอื่ ง œbœ™ œ™ œ™ œbœ™ w Ó ‰ nœ-œ™™ œœ ≈ -œœJ ™™ ˙˙ Vln. & ∑Ó Œ Vla. B œœ f‰fœœJ- ˙˙ ˙˙™™ ‰ f≈ffœRœ- ww p ∑ ‰bœJœ- œœ™™ œœ-™™ ww f f Ó ‰bœœ-™™ œœ ≈bœJœ-™™ ˙˙ ww ff fff ff f ff mp Vc. 1 ? ww ww ww pizz. arco œ™ œ bw ˙Ó ∑ Ó #-œœj ‰ Œ Œ #-œœj ‰ Ó ‰ œ bœ ˙ pp mf pp ff p mf Vc. 2 ? <b>ww ww ww ∑ Ó ˙˙ ww ww Ó #œj ‰ Œ Œ #œ œ ‰ Ó ¢ nœ- nœ- >œ. fp f pp mf pp f f แสงตอ่ เน่ือง แต่ไม่เคล่ือนท่ี ภาพท่ี 24 แสดงความแตกตา่ งของแนวทำนองทม่ี ีลกั ษณะทีต่ ่างกัน (การเคลื่อนท่ีของแสง) (วรี ะศักด์ิ งามวงศร์ ณชยั : ดรมี : ท่อนเพลงแสง ห้องเพลงที่ 34-54) ช่วงที่สามของบทประพันธ์ ผู้วิจัยได้นำแนวความคิดเดิมในเรื่องการเคลื่อนที่และการ ทบั ซอ้ นกนั ของอตั ราจังหวะทแี่ ตกต่างกนั นำมาพฒั นาไปจากเดิม ซ่ึงในบทประพันธท์ ่ีผา่ นมา ผู้วิจัยได้ มุ่งเน้นในเรื่องของแนวทำนองและเสียงประสานที่ทับซ้อนกันทำให้เกิดความกลมกลืน และการ ควบคมุ ลักษณะเสียงท่สี รา้ งความแตกตา่ งให้กบั แนวทำนองทม่ี ีบคุ ลิกท่ตี า่ งกัน แต่ในชว่ งทีส่ ามของบท ประพันธ์นี้ ผวู้ ิจัยไดเ้ พม่ิ เติมในเร่ืองการเคลื่อนไหวของเสียงทีค่ งท่โี ดยจะใชเ้ ทคนคิ การรัวโน้ตเพ่ือสรา้ ง

27 ให้เกิดความรู้สึกของการเคลื่อนไหวที่มีความถี่ การเคลื่อนไหวโดยเทียบกับผลึกแก้วที่หมุนอยู่จะใช้ ระยะหา่ งของการเดินทางระหว่างขนั้ คู่เพือ่ สร้างใหเ้ กิดความร้สู ึกถึงระยะหา่ ง การปรากฏของแสงที่ สาดส่องผลึกแก้วก็จะใช้ความเข้มของเสียง พื้นผิวของผลึกแก้วที่มีความละเอียดต่างกันจะใช้ อัตราส่วนจงั หวะ การปรากฏผลึกแก้วที่มีลักษณะต่างกันจะใชช้ ่วงเวลาโดยการนบั ในใจเปน็ วินาที เพอื่ ให้เกิดความไม่คงที่ในการเกิดปรากฏการณ์เสียงและทำให้เกิดเนื้อเสียงแบบไมโครโพลีโฟนี ด้วยวิธี การดน้ สด (Improvisational Micropolyphony) (ภาพท่ี 25) การเคลอื่ นไหวของเสียงท่ีคงท่ี ° ∑ ∑ Œ ˙˙æ™™ wwææ ∑ &Violin Œ bœœææ wwæ ∑ Viola B Ó pp p wwææ ∑ ‰ œœææj ˙˙ææ pp p pp Cello 1 ? Œ pp wwæ Œ ‰ bœœææj wwæ ∑ Ó ˙˙ææ wwææ ? wwææ p ∑ p pp p Ó Œ bœœææ ¢Cello 2 pp Ó p °74 Ó Œ œœœ œ œœœ เลน ซ้ำเปนครง้ั คราวเหมอื นกบั แสงท่ตี กกระทบผลกึ แกว เปน เวลา1:30 นาที Vln. & p mp pp p mp mf ppp Vla. B p pp ppp Œ b˙˙ææ™™ wwææ œœæ Œ Ó b œ œbœœœœ œ เลน ซำ้ เปนครั้งคราวเหมอื นกบั แสงที่ตกกระทบผลึกแกว เปนเวลา1:24 นาที bœœæ ? p pp pp mp pp mp pp Vc. 1 wææ œœœ œœ Jœนบั ในใจ 12 วินาที 3 เลน ซ้ำเปนครงั้ คราวเหมอื นกบั แสง Œ‰œœæj ˙˙æ w œpp ท่ีตกกระทบผลกึ แกว เปนเวลา1:10 นาที pp p3 3 pp mp pp pp mf ? <b>wwææ wwææ นับในใจ bœ œœœœœ bœ เลนซำ้ เปนครั้งคราวเหมือนกบั แสง ¢ 20 วินาที ท่ีตกกระทบผลึกแกว เปน เวลา 50 วินาที pp mp Vc. 2 mf p pp ° 3 &Violin Viola B J ? 33 Cello 1 ? ¢Cello 2 ความละเอียดของผลกึ แก้วท่ีตา่ งกนั ภาพท่ี 25 แสดงความแตกต่างของแนวทำนองท่มี ีลักษณะที่ตา่ งกัน (การเคลอื่ นไหวของเสียง) (วรี ะศักด์ิ งามวงศร์ ณชัย: ดรมี : ทอ่ นเพลงมัว ห้องเพลงท่ี 69)

28 ช่วงสุดท้ายของบทประพันธ์ ผู้วิจัยได้ทดลองในเรื่องการเคลื่อนที่ของเสียงในพื้นที่ (Spatial Modulation) โดยการใช้ฮาร์โมนกิ (Harmonic) อาทิเช่น สีท่ีมคี วามเข้มมากก็จะใช้ เนเชอรลั ฮารโ์ มนิก (Natural Harmonic) สีทมี่ ีความเขม้ ปานกลางและลดลงไปถึงความเข้มสีนอ้ ยจะ ใชอ้ าทฟิ เิ ชลิ ฮารโ์ มนกิ (Artificial Harmonic) และการปรากฏของสีทม่ี ีลักษณะความอ่อนเข้มต่างกนั ก็จะใช้ช่วงเวลาโดยการนับในใจเป็นวินาที ความเข้มของเสียงบ่งบอกถึงความอ่อนเข้มของแสง (ภาพท่ี 26) Natural Harmonic ~ Artificial Harmonic ~o ~(เลน ) ~ ~ ~o(เลน) ° &Violin O˙(เลน ) w~ ~w O˙ นบั ในใจ p นบั ในใจ Viola B 10 วนิ าที 20 วินาที ? นับในใจ 10 วนิ าที p ˙OœOj(เลน) Cello 1 p นบั ในใจ mp ? 22 วินาที ¢Cello 2 (เ˙Oลน™™ ) ~w ~w Oj ~ ° นับในใจ Vln. I & 6 วนิ าที mp นบั ในใจ 16 วนิ าที Oo ~(เลน) ~~ Or Oo mp ~o Oo Oj~ ~ O O˙(เลน) ~w ~w OœœOr(เลน) w~ p ~w w~ mp p pp œOj˙O w~ Vla. ¢B นบั ในใจ นับในใจ 14 วินาที 24 วนิ าที p ˙OOr(เลน) mp p pp œ O˙œOj ˙O ˙O Or ˙O w~ ~w w~ Or w~ ~w œOjw~ œ œ นับในใจ นับในใจ 6 วินาที 6 วินาที mp p pp Oo Oj ~ Or ~ Oj ~ Oj ~o ~ ~O mp p dim. . . . . . . . . . . ภาพที่ 26 แสดงการเคลอื่ นทขี่ องเสียงในพ้ืนที่ (วีระศักด์ิ งามวงศ์รณชยั : ดรมี : ท่อนเพลงปล่อยวาง ห้องเพลงท่ี 105) บทประพนั ธเ์ พลงทงั้ 6 บทประพันธ์ทีย่ กมาขา้ งต้นนี้ แสดงถงึ แนวความคิดในการ ประพันธ์ที่แตกต่างกัน แต่มีความเชื่อมโยงในเรื่องของเทคนิคการประพันธ์ที่พัฒนามาจากแนวความ คิดของการวิเคราะห์ปรากฏการณ์การรับรู้ภาพที่จะนำไปสู่การสร้างแนวทางการประพันธ์ที่มีลักษณะ เฉพาะตนและมคี วามเดน่ ชัดในแตล่ ะบทประพนั ธ์

บทที่ 4 แนวทางในการสรา้ งสรรค์และบทวิเคราะห์ผลงานการประพนั ธ์เพลง ทศั นา จากการวเิ คราะหเ์ ทคนคิ ในการประพันธ์เพลงของผู้วิจัยทัง้ 6 บทประพนั ธ์ ได้แสดงให้ เหน็ ถึงความเชอื่ มโยงในการทดลองเทคนิคการประพนั ธ์ทีเ่ กีย่ วขอ้ งกบั เนอื้ ดนตรแี บบโพลโี ฟนิค แนว ทำนองแบบพอยนท์ ลิ ลิสตกิ ความเข้มของเสียง การควบคมุ ลกั ษณะเสียง การเคลอ่ื นท่แี ละการทบั ซอ้ นกนั ของอตั ราจังหวะทแี่ ตกตา่ งกัน รวมไปถึงเนอื้ ดนตรแี บบไมโครโพลีโฟนี ซึ่งเป็นเทคนคิ ทผ่ี ้จู ัย ประยุกตใ์ ช้ในการประพันธเ์ พลง ทศั นา ท่เี ปน็ การรวบรวมเอาแนวทางการประพนั ธ์ที่ไดท้ ดลอง มาใช้ ในการสรา้ งสรรค์งาน บทประพันธ์เพลง ทัศนา เป็นบทประพันธ์ที่มีแนวความคิดในการสร้างสรรค์จาก ปรากฏการณ์ในการรับรู้ภาพออโตสเตอริโอแกรมที่มีลักษณะสำคัญของปรากฏการณ์ที่ผู้วิจัยสนใจ ไดแ้ ก่ ความพรา่ มัว ความคมชดั ขนาดของจุดภาพ การกระจายของจุดภาพ การเคลือ่ นทข่ี องจดุ ภาพ ความลึก และความเข้มของภาพ และนำมาเชื่อมโยงกับเทคนิคในการประพันธ์เพลงที่ได้จากการ ทดลอง 6 เทคนิค คอื เน้อื ดนตรีแบบโพลโี ฟนคิ แนวทำนองแบบพอยนท์ ิลลสิ ติก ความเขม้ ของเสียง การควบคุมลักษณะเสยี ง การเคลือ่ นทแี่ ละการทบั ซ้อนกันของอัตราจังหวะที่แตกตา่ งกัน รวมไปถงึ เนื้อดนตรแี บบไมโครโพลีโฟนี ซ่งึ จากลักษณะสำคญั ของปรากฏการณ์ ผวู้ ิจัยได้สร้างแนวความคิดใน การประพันธ์ โดยมุง่ เนน้ ไปทสี่ ามช่วงเวลาการเปลย่ี นแปลงของปรากฏการณ์ ได้แก่ ภาวะของการ หลบซอ่ น ลางเลือน และปรากฏ ทัศนา บทประพนั ธส์ ำหรับ ฟลูต โอโบ คลาริเน็ต ไวโอลิน วโิ อลา เชลโล และกลองทอม (Tom-tom) เครื่องลมไม้และเครื่องสาย จะสะท้อนให้เห็นถึงการเคลื่อนที่ของของตาทั้งสองข้าง เนื่องจากเทคนิคการควบคุมลักษณะเสียงของเครื่องลมไม้และเครื่องสายนั้นมีความเด่นชัดที่ทำให้เกิด การรับรู้ถึงปรากฏการณข์ องภาพได้ รวมไปถงึ เนื้อดนตรีทที่ ำใหเ้ กดิ สีสนั ของเสยี งตอ่ ปรากฏการณ์ของ ภาพได้ สว่ นเครื่องดนตรอี ีกชิ้นหนึ่งที่ผ้วู ิจยั ทำการเลือกมากค็ ือ กลองทอม แทนปรากฏการณ์การ เคลื่อนที่ของภาพเดี่ยวสองมิติที่เกิดขึ้น เพราะเนื้อดนตรีมีความหนาและบางที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับ ตำแหน่งในทางปฏิบตั เิ คร่อื งดนตรี ทำให้เกิดความเขม้ ของเสยี งท่ีต่างกัน 29

30 นอกจากบนั ไดเสยี งเมเจอร์และไมเนอรแ์ ล้ว ดนตรีศตวรรษทีย่ ่สี ิบได้นำเอาบันไดเสียง อื่นมาใช้ บันไดเสยี งเหลา่ นีส้ ามารถนำมาใชเ้ ป็นทำนองให้กบั บทเพลง อย่างไรกต็ าม นักประพนั ธ์เพลง ไม่จำเปน็ ต้องใช้โน้ตตรงตามชนิดของบันไดเสยี งท่เี ลอื กใช้ แต่อาจเพิม่ เติมโน้ตบางตัวเข้าไปไดใ้ นฐานะ ของโน้ตประดบั ทำนอง7 โดยผู้วิจยั ได้เลือกใช้ระดับเสียง คอื C Db Eb ซงึ่ สามระดบั เสยี งนจ้ี ะแทน สามปรากฏการณ์ระหว่างทางของการเปลย่ี นแปลง C คอื สภาวะปกตขิ องตาท้ังสองข้าง Db คือ การ เขา้ ส่สู ภาวะผดิ เพีย้ นของสายตา และ Eb คือ สภาวะการปรากฏรปู ทรงของความสมบูรณ์แบบทไี่ มม่ ี จริง บทวิเคราะห์งานประพนั ธ์ ทอ่ นเพลงหลบซอ่ น ในชว่ งแรกผู้วิจยั ไดเ้ รม่ิ การประพนั ธโ์ ดยนำปรากฏการณก์ ารเรม่ิ ค้นหารูปที่หลบซ่อนอยใู่ นภาพเดยี่ วสองมิติ เปน็ การกำหนดจดุ สองจดุ ด้วยตาทง้ั สองข้างบนภาพเด่ียว สองมติ ิแล้วปรบั จุดโฟกสั ไปที่ตรงกลางระหวา่ งสองจุดนัน้ ทำใหเ้ กิดปรากฏการณค์ วามไมช่ ดั เจนของ จุดรวมสายตา ความพร่ามัวของตาท้งั สองขา้ ง ซึ่งจะเชอ่ื มโยงกบั การใช้เน้ือดนตรีแบบโพลีโฟนคิ การ เคลื่อนที่และการทับซ้อนกันของอตั ราจังหวะทีแ่ ตกต่างกัน นอกจากนี้ยังใช้การรวั โน้ตเพื่อบ่งบอกถึง ความเร่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่แตกต่างกันและความแตกต่างของความเข้มของภาพที่อยู่ในพื้นที่ เดยี วกนั จะสะทอ้ นดว้ ยการใชค้ วามเขม้ ของเสยี ง (ภาพที่ 27) Flute °9 bw ˙ ‰bœ™ ˙ Ó ∑ Ó œ bœ bw ˙ Ÿ#˙~~~~~~~~~~~~~~~w~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~˙~~~~~~~~~ ‰bœ™ & pp mp mp ppp mp pp p Oboe & bw bw ˙Ó ∑ Œ b˙ bœ w ˙™ ‰bŸ#Jœ~~~~w~~~~~~~~~~~~~~~~~ bœ™ bœJ bœ™ Jœ pp mp ppp p pp ¢&Clarinet in Bb w œbœ ˙ Ÿb ~~~~~~~~ Ó Ó˙ w bŸnw~~~~~~~~~~~~~~ b˙ Jœbœ™ œ œ bŸ˙b ~~~~~~~~~œ~ bœ ˙ œ bœ ˙ pp mp ppp mp pp mp pp mp p pp /Tom-toms ‰ ææœ ææœ œææ™ w w œæ™ æJœææœ œ ææœ ˙ææ™ œ œ ˙ææ™ œææ™ æJœææ˙ wææ œæ™ ææœ ææœ™ ææœ œ™ œæ™ ° pp æ æ ∑ mp &Violin mp mp pp pp p pp Viola B Œ ‰ æœJ æ˙ æ˙ b ˙ ˙ ˙ wæ æœ b ˙ ™ ˙ ™ bæœ æ˙ ™ œ ˙ ™ b œnorm.--------------sul pont.--------------sul tasto--------------sul pont.--------------sul tasto---------------------sul pont.-----------------------sul tasto--------------------- mp p mf mp mf mp mf Ó Œ bæœ æ˙ ˙ wæ wæ œ ™ bææJœ ææ˙ bææ˙ ææ˙ b wæ æ˙ b ˙ ˙ b ˙norm.-------------------sul tasto------sul pont.---------------------------------------sul tasto-------------------------------sul pont.-------------------------sul tasto------------------------------------ p mf p mf p mf ? norm.-----------------sul tasto---------------sul pont.------------sul tasto---------------sul pont.------sul tasto-----------------------------------------sul pont.--------------------- ¢Violoncello ∑ Œ b˙æ™ w œæ ˙æ bœææ bw ˙æ™ bœææ ˙æ b˙æ œ b˙™ bœæ ˙æ™ p mf p mp p mf pp ภาพท่ี 27 แสดงการเคลอื่ นทีแ่ ละการทบั ซ้อนของเน้อื ดนตรที ีแ่ ตกตา่ งกนั (วีระศกั ด์ิ งามวงศร์ ณชยั : ทัศนา: ทอ่ นเพลงหลบซ่อน หอ้ งเพลงท่ี 9-17) 7 ณรงคฤ์ ทธิ์ ธรรมบตุ ร, การประพันธเ์ พลงร่วมสมัย (กรุงเทพฯ: สำนกั พมิ พ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั , 2552), 112

31 จากประสบการณก์ ารสังเกตของปรากฏการณต์ อ่ มา ในชว่ งเวลาที่เกดิ การเคลอ่ื นทข่ี อง จุดภาพ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงของจุดเพ่งสายตาที่เชื่อมโยงกับการเคลื่อนที่ การทับซ้อนกันของ อัตราจังหวะที่แตกต่างกันและเนื้อดนตรีแบบโพลีโฟนิค นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างและความ ละเอียดของจุดภาพท่เี ช่อื มโยงกบั การควบคมุ ลกั ษณะเสยี ง อาทิเชน่ การปรากฏของจุดภาพในชว่ ง เวลาที่สั้นและมีขนาดจุดภาพเล็กก็จะใช้เทคนิคการใช้นิ้วดีดที่อยู่บนแนวของเครื่องสาย การปรากฏ ของจุดภาพในช่วงเวลาที่สั้น แต่มีขนาดจุดภาพค่อนข้างใหญ่จะใช้เทคนิคเสียงสั้นกับเทคนิคยืดเสียง (Tenuto) ท่ีอยู่บนเสียงเดียวกนั ในแนวของเคร่อื งลมไม้ การปรากฏของจุดภาพในชว่ งเวลาใกล้เคยี ง กันใช้จะเทคนิคการเชื่อมเสียง การปรากฏของจุดภาพที่คมชัดในช่วงเวลาที่สั้นจะใช้เทคนิคการเน้น จังหวะ และความเข้มของภาพซึ่งสีจะมีความต่างอยู่ในพื้นที่เดียวกันจะใช้ความเข้มของเสียง (ภาพท่ี 28) °43 ∑ Œ bœ-. ‰ bJœ-. Œ œbœ bJœ-. ‰ bœbœ œ Flute & ‰J ≈ ≈Ó ŒÓ mp pp mf จุดภาพที่ปรากฏในเวลาสั้นแต่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ œ-. bœ-. ‰ ≈bRœbœ œ ‰ ‰ ≈bRœ-. œ-. œ-. Ó Oboe & Ó Œ ‰ b-œ.j Ó bœ ‰ bœJ-. Œ p mf pp ≈ R‰ mp ¢&Clarinet in Bb Ó œ-. bœ-. Œ bœbœ ‰ จดุ Óภาพทป่ี รากฏในเวลาใกลเ้ คJœ-.ียงกัน≈bœR-. bJœ-. ‰ Œ Ó ‰ bmœ-.pj ≈ bœ bœ ≈ Ó pp mf > ความคมชัดของจดุ ภาพที่ปรากฏในเวลาส้นั > > > œ œfij>œ œ œ œ œ œ œR ≈ ‰ œ œ Tom-toms / œ œ œœœœœÓ Œ Œ ‰ œ œ ‰ ‰ >Jœ œ œ ‰ ‰ œœœœœœŒ p mf p fp pf p pp ° จดุ ภาพทปี่ รากฏในเวลาส้นั และมีขนาดเลก็ ‰ bpœJizz. ‰ ≈bRœ Œ Œ ‰ ≈ Rœbœbœ ‰ Œ œ bœ œbœ &Violin ‰J Ó ∑Œ mp pp mf Viola B Ó pizz. ≈ œR ‰ Ó bœ ≈bœbœ ≈ ≈ œ bœ Ó ‰J Œ Œ ‰ bœJ ‰ bœbœ Ó mf mp pp ? Ó pizz. Œ ‰ œJ ‰ ≈bœR œj ‰ Œ ‰ ≈bœR bJœ ‰ ‰ bœJ Œ ‰ ≈bœr ¢Violoncello œbœbœj ‰ Ó mf pp pp ภาพท่ี 28 แสดงความแตกตา่ งของแนวทำนองทีม่ ีลักษณะทต่ี ่างกัน (การปรากฏของจดุ ภาพ) (วรี ะศักด์ิ งามวงศ์รณชยั : ทศั นา: ท่อนเพลงหลบซอ่ น ห้องเพลงที่ 43-46)

32 ในช่วงเวลาต่อมาเป็นลักษณะการมองตามภาพเดี่ยวสองมิติที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลา ซึ่งตาทั้งสองข้างจะเกิดการเคลื่อนที่ต่างกันจะเชื่อมโยงกับการเคลื่อนที่และการทับซ้อน ของอตั ราจังหวะทีแ่ ตกต่างกนั ในบางช่วงเวลาตาท้งั สองขา้ งกจ็ ะเกดิ การโฟกสั ไปที่ภาพพร้อมกันแต่ยงั ไม่เห็นเป็นภาพสามมิติจะเชื่อมโยงกับการเกิดเสียงพร้อมกัน และระยะความคมชัดของภาพจะเชื่อม โยงกบั ความเขม้ ของเสียง (ภาพท่ี 29) 6°0 Ó œ. œ. bœ. bœ. ∑ bœbœ œ. การโฟกัสของตาทัง้ สองขา้ ง Flute & Œ ‰bœ œ bJœ. Œ ŒJ ‰Ó mf f œ bœ œ. Œ ÓÓ Œ œbœ bJœ. ‰ Ó Oboe & f p ¢&Clarinet in Bb Œ ‰ œbœ bJœ. Ó Œ bœ œ bœ. Ó Œ bœ œ bœ.j ‰ Ó f mp f œ œ ‰ œJ œJ ‰ ‰ Jœ œœœœ ‰ > œ œ œ >œ œ œ œ >œ œ œœœ การเคล่อื นท่ขี องตาทั้งสองขา้ ง fp pf mf fp fp fp Violin ° Œ Œ aœrco œ bœ bœ Ó Œ bœ bœ pizœz.b œ ระยะความคมชัด & æææ æ ææ Œ ‰ Ó mf f mf f ‰Ó Viola B ‰ arco æœ bæœ Œ ‰ bœ bœ Jœ ‰ Œ bpœizz.œ Ó ‰ bœ bœ Jœ mp f f p ? Œ arco Œ œæ bœæ Œ œæ œæ Œ pœizzb.œ ‰ Ó ¢Violoncello œ bœ bœ Ó f mf f mp ภาพท่ี 29 แสดงการเคลือ่ นที่ การเกิดเสยี งพรอ้ มกันและความเข้มของเสยี งทีแ่ ตกตา่ ง กนั ของเนือ้ ดนตรี (วีระศักด์ิ งามวงศร์ ณชยั : ทัศนา: ท่อนเพลงหลบซอ่ น หอ้ งเพลงท่ี 60-62) ในปรากฏการณ์ต่อมาเป็นลักษณะการมองแบบเพ่งสายตาไปยังภาพสองมิติที่พยายาม ทำใหภ้ าพสามมิตนิ ั้นปรากฏขน้ึ จากประสบการณ์การสงั เกตผูว้ ิจยั ได้เหน็ ถึงความเขม้ ของภาพที่มกี าร เคลื่อนที่น้อยจะเชื่อมโยงกับความเข้มของเสียงและใช้ขั้นคู่ที่มีความต่อเนื่องในการขยายอัตราส่วน เวลา และยังใช้การรัวเสยี งเพือ่ บง่ บอกถงึ การเคลื่อนท่ีทเี่ รว็ ขน้ึ ในช่วงเวลาทไ่ี ม่แนน่ อน (ภาพที่ 30)

33 85 œææ™ ææ>Jf f >‹ææ ‹ææ >œææ™ ææ>œ ™ >˙ Ó Œ ææf œæ œ ææœ ææ˙ ‰ ‹j œ œ ææœ æ æ œ b>œ™ /Tom-toms œJ œ™ mf ° Œ n>œ œ œ w b w> mf ˙ ‰ b>œœJ ˙˙ &Violin ‰ bJœ œ œ w ˙™ Œw ˙ bw ˙™ mf Viola B Ó mf f w ‰ b>œJœ p Œ p Ó b>˙ b>œ ™ p ww n˙ ‰ nœ™ b˙™ ˙™ b>œ ™ w mf f ‰ nœ™ w p ? Œ b˙ ™ w ¢Violoncello >˙ ™ w ˙ ˙ mf p p ภาพท่ี 30 แสดงการเคลือ่ นที่และความเข้มของเสียงท่ีแตกต่างกัน (วรี ะศักด์ิ งามวงศร์ ณชัย: ทศั นา: ท่อนเพลงหลบซ่อน หอ้ งเพลงท่ี 85-89) สำหรับภาพที่คมชัดปรากฏขึ้นในช่วงเวลาที่สั้นจะเชื่อมโยงกับการเกิดเสียงพร้อมกัน ความเข้มของเสียงและการควบคุมลักษณะเสียงเพื่อบ่งบอกถึงความคมชัดของภาพที่เกิดจากการเพ่ง สายตา (ภาพท่ี 31) °96 b˙ b>œ >œ >œŸb ™~~~~~~ >œ b>œ >œ >œ >œ >œ b>œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œŸb ~~~~~~~ Flute & Œ ‰ ≈‰ mp mf >œŸ# ~™~~~~~~ ff f ff Oboe & Ó b>œ >œ ‰ >œ b>œ ≈ ‰ >œ >œ >œ b>œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >Ÿœ# ~~~~~~~~ ¢&Clarinet in Bb Ó Œ mf # ff f ff b>œ >œ >œŸ~™~~~~~~ bœ œ b>œ b>œ >œ ≈ œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >Ÿœ# ~~~~~~~~ ‰ mf mf f ff /Tom-toms Ó >œ >œ >œ ™ >> >>> œ >œ >œ >œ >œœ >œœ > > >>> > >>> æ Lœ œ ≈ œ œ œœœ ≈ >œ >œ œ œ œœœ œ œœœ mf mf f ff ° b˙ >œ b>œ >œ b>œ >œ >œ >œ >œ b>œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ &Violin ˙ ≈‰ Œ ‰ ≈‰ ff ff f ff bœ ŒŒ >œ b>œ ‰ >œ b>œ >œ >œ >œ b>œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ Viola B nœ ≈‰ ≈‰ ff ff f ff Violoncello ? b˙™ ‰ bœ œ b>œ b>œ >œ ≈ œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ >œ ¢ n˙ ™ mf f ff ภาพที่ 31 แสดงการเกิดเสียงพรอ้ มกัน ความเขม้ ของเสยี งและการควบคุมลักษณะเสยี ง (วีระศักด์ิ งามวงศ์รณชยั : ทศั นา: ทอ่ นเพลงหลบซอ่ น หอ้ งเพลงที่ 96-97)

34 ในช่วงเวลาต่อมาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในลักษณะการมองที่จุดเพ่งสายตาเริ่มสลาย ไปทำให้เกิดการผิดเพี้ยนของสายตาโดยเชื่อมโยงกับการเคลื่อนที่และการทับซ้อนของอัตราจังหวะที่ แตกต่างกัน รวมไปถงึ การสร้างความแตกต่างให้กบั แนวทำนองทม่ี ีบคุ ลกิ ที่ตา่ งกัน อาทิเช่น ความผิด เพ้ียนของจดุ เพง่ สายตาก็จะใชเ้ ทคนิคการรดู เสียงสำหรบั เครอ่ื งสาย การสลายของจุดเพง่ สายตาจะใช้ เทคนคิ การกดคีย์โดยไม่เป่าแตท่ ำใหเ้ กดิ ระดบั เสียงสำหรบั เครือ่ งลมไม้ และความเข้มของภาพซ่งึ สจี ะ มคี วามตา่ งอยใู่ นพืน้ ที่เดียวกันจะใช้ความเข้มของเสยี ง และนอกจากนย้ี ังใชเ้ ทคนิคการรูดสายบน เสียงอาทิฟิเชิลฮาร์โมนิก สำหรับเครื่องสายเพื่อบ่งบอกถึงความไม่แน่นอนและความไม่คมชัดของจุด เพ่งสายตา (ภาพท่ี 32) การสลายของจดุ เพง่ สายตา ° key click randomly key click randomly Flute & as fast as possible as fast as possible Ó ∑ ‰Œ Ó ∑ f pf key click randomly key click randomly as fast as possible as fast as possible Oboe & Œ ∑ ‰Œ Ó ∑ f pf key click randomly key click randomly as fast as possible as fast as possible ¢&Clarinet in Bb Œ ‰ ∑ ‰Œ Ó ∑ f pf ความไมแ่ นน่ อนของจดุ เพง่ สายตา ความเพ้ยี นของจุดเพ่งสายตา œ œ™ bœ bœ œ bœ œ œ™ Explored the String ‚ ‚ bœ bœ bœ J Violin ° ≈ œ ‰‰ œ ‰ Su˙loE™ J & f f f fp p cresc. . . . . . . . Explored the S‚tring Sul D œ bœ œ bœ œ œ bœ œ œœ ˙o ‚ Viola B œ ‰ œŒ œ Jœ œ œ f p f fp p cresc. . . . . . . . bœ œ œ bœ œ œ Explored the String ? œ bœj bœ œ œ ¢Violoncello ‰ Œ œœ oSul C ‚ ‚ Ó ˙ f f p fp f p cresc. . . . . . . . ภาพท่ี 32 แสดงความแตกต่างของแนวทำนอง (วีระศกั ดิ์ งามวงศร์ ณชัย: ทัศนา: ท่อนเพลงหลบซ่อน ห้องเพลงท่ี 116-119)

35 ท่อนเพลงลางเลือน เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของการสูญเสียจุดเพ่ง สายตาทั้งสองข้างอย่างสน้ิ เชิง โดยตาทั้งสองขา้ งน้นั ไมส่ ามารถปรับโฟกสั ภาพเด่ียวสองมติ ิไดท้ ำใหเ้ กิด การกระจายของจุดภาพที่นำไปสู่ความไม่ชัดเจนของจุดรวมสายตาจะเชื่อมโยงกับแนวทำนองแบบ พอยน์ทิลลสิ ตกิ ท่ีอยู่ในรปู แบบของการขยายอัตราส่วนเวลา ความออ่ นเขม้ ของภาพท่สี จี ะมคี วามตา่ ง อยู่ในพื้นที่เดียวกันจะใช้ความเข้มของเสียงและใช้การเคลื่อนที่และการทับซ้อนของอัตราจังหวะที่แตก ต่างกนั จะสะทอ้ นถึงความคลุมเครือของตาท้งั สองขา้ งท่ีสญู เสยี จดุ เพง่ สายตาไป (ภาพที่ 33) ° A q = 50 >œ w bw œ & 44 ˙ Flute Ó Œ mf pp ‰ >œj ˙ ˙™ bœ w œ b˙™ sfp b˙ ˙ ff pp sfp f pp ff pp ff b>œ ˙ b>œ w bw ˙ b˙ Oboe & 44 Œ ‰ J ÓÓ Œ ‰J sfp f pf mp sfp f pp ff pp Clarinet in Bb ¢& 44 Ó b>˙ ˙™ ‰ b>œ™ ˙™ œw Ó sfp f p Œ Œ b>˙™ ˙™ bœ sfp ff sfp pp f pp f pp ° 44 b>œ™ ˙ ˙ >œ ˙™ ˙ b˙ w b>œ & Ó Œ ‰J Violin ∑‰ Ó ‰J sfp ff pp sfp f pp mf p sfp Viola B 44 ∑ Œ ‰ >œj ˙ ˙™ bœ w œ b˙™ ˙™ bœ w sfp f pp mf p f pp ff Violoncello ? 44 Ó Œ ‰ b>œj w ŒÓ Œ b>˙™ ˙™ ‰j ŒÓ ¢ sfp œ œw œ ff fp sfp pp mf p ภาพท่ี 33 แสดงแนวทำนองแบบพอยน์ทลิ ลิสติก ทอี่ ย่ใู นรปู แบบของการขยายอัตราส่วนเวลา (วีระศกั ดิ์ งามวงศ์รณชัย: ทัศนา: ทอ่ นเพลงลางเลอื น หอ้ งเพลงที่ 2-8)

36 ปรากฏการณ์การกระจายของจุดภาพที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งต่างกันจะ เชื่อมโยงกับแนวทำนองแบบพอยนท์ ิลลิสติก ทอี่ ย่ใู นรูปแบบของการย่ออัตราสว่ นเวลา และความไม่ ชัดเจนของจุดภาพที่ปรากฏขึ้นจะยังคงอยู่โดยจะสร้างความแตกต่างให้กับแนวทำนองที่มีบุคลิกที่ต่าง กัน อาทเิ ช่น การกระจายของจุดภาพท่อี ย่บู นแนวของเคร่อื งลมไมจ้ ะใชเ้ ทคนิคการกดคยี โ์ ดยไมเ่ ปา่ แต่ ทำให้เกิดระดับเสียง และการกระจายของจุดภาพที่อยู่บนแนวของเครื่องสายจะใช้เทคนิคการใช้ไม้สี บนสายเพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตนให้กับเนื้อดนตรี และความเข้มของเสียงจะบ่งบอกถึงความเข้ม ของภาพทสี่ จี ะมคี วามต่างอยใู่ นพืน้ ท่เี ดียวกัน (ภาพท่ี 34) B b¿slap key ¿ Œ b¿j ‰ Ó ¿ b¿ b¿ J‰Œ J‰ Ó J‰ Œ Œ ¿r ≈ R ≈ Œ ≈R‰ ° b¿ f b¿ Flute & bœ f p ≈R‰ Ó R ≈‰ Ó mf f ¿ Œ ‰ ≈R pp Œ f ≈b¿r ‰ Ó b¿ mf Oboe & ‰ bJ¿slap key Œ Ó ≈R‰ Œ p b¿ ≈b¿r Œ ‰ ≈R‰ p f mp ¢&Clarinet in Bb ˙ slap key Ó Œ ‰ b¿r ≈ Œ ¿ pp R≈‰ Œ ≈b¿r ‰ Œ mp /Tom-toms f ‹ ‰ Œ Ó ‰ ‹j ‰ ≈ Rf ‹ f ‹ ‰ ‹j f f ≈Œ ≈‹ f f fij f fij f f ‰ ≈ ‹fijfJ ≈≈f f ‹j ‰ ‹ ‹ ‹ ‹‹ f œcol legno p fp f f pf pf fp J ‰Œ b˙ Œ ‰ bœj Ó bœ œ bœ ° f p Œ ‰ R ≈Ó ‰ R ≈Œ R ≈ ‰ ‰ bœr ≈ &Violin f p f pp b˙ œcol legno ∑ ‰ ≈ œr Œ Ó ‰ ≈bœr ‰ bœ Viola B ‰ J ‰ œj mp ≈RÓ pp pp f ? bJœ col legno Ó Ó ‰ ≈ œR Œ Œ ‰ ≈bœr Ó bœ ¢Violoncello Œ R ≈ r≈Ó ≈bœr Œ p œ pp f mf f ภาพท่ี 34 แสดงแนวทำนองแบบพอยน์ทิลลสิ ตกิ ที่อยใู่ นรปู แบบของการย่ออตั ราส่วนเวลา (วรี ะศักดิ์ งามวงศ์รณชัย: ทศั นา: ทอ่ นเพลงลางเลือน หอ้ งเพลงที่ 20-23)

37 เมื่อการกระจายของจุดภาพเริ่มมีความไม่คงที่และเริ่มมีการรวมตัวกันของจุดภาพและ กลมุ่ สจี ะเช่ือมโยงกบั แนวทำนองแบบพอยนท์ ิลลิสตกิ ทอ่ี ยู่ในเนือ้ ดนตรีแบบโพลีโฟนคิ และเร่มิ มกี าร รบั รู้ถึงจุดภาพที่มีคา่ ความละเอียดและขนาดทีแ่ ตกต่างกันจะเชือ่ มโยงกบั การควบคมุ ลักษณะเสยี งโดย จะสร้างความแตกตา่ งให้กับแนวทำนองทมี่ ีบคุ ลิกท่ีตา่ งกนั อาทเิ ชน่ ความละเอียดของจดุ ภาพนอ้ ย และมีขนาดเล็กจะใช้เทคนิคเสียงสั้น ความละเอียดของจุดภาพที่คอ่ นข้างมากและมีขนาดกลางจะใช้ เทคนิคเสียงยาว ความละเอียดของจุดภาพมากและมีขนาดใหญ่จะใช้เทคนิคการเน้นจังหวะ การ เคลื่อนไหวของภาพที่คงที่จะใช้เทคนิคการรัวโน้ต และความเข้มของเสียงจะบ่งบอกถึงความเข้มของ ภาพทสี่ ีจะมคี วามต่างอยู่ในพื้นทีเ่ ดียวกนั (ภาพที่ 35) จุดภาพที่มีความละเอียดค่อนข้างมากและมขี นาดกลาง °30 bœbœ œ b>œ b˙ bœ. œbœ Flute & œœ ‰ œ. bœ ≈ œ. bœ. b>œ œ f Ó œ Ó œ. mf mf bœ. bœ. b>œ œ ‰ bœ œ mp Œ bœ mp Ó Oboe & ŒÓ f จดุ ภาพท่ีมีความละเอียดมากและมีขนาดใหญ่ ¢&Clarinet in Bb ∑ Ó ≈ bœ bœ >œ œ ∑ f การเคลื่อนไหวของภาพท่คี งท่ี Tom-toms / œ™ œ™ œæ œæ™ œ ææ˙ wææ æ æ æJ pp pp ff ° bœ. œ bœ จุดภาพทีม่ คี วามละเอยี ดน้อยและมขี นาดเลก็ bœ œ bœ &Violin b>œ ™ ˙ ŒÓ > Ó Œ ‰ ‰ œ bœ mp mf f pf Viola B >˙ ™ Œ Œ bœ. bœ. bœ. >œ ˙ bœ ˙ ? Œ ≈ bœ ¢Violoncello bœ mf f mp ∑ ÓŒ œbœ Ó >œ b>œ ˙ mf ภาพท่ี 35 แสดงแนวทำนองแบบพอยนท์ ลิ ลิสตกิ ท่ีอยใู่ นเนอ้ื ดนตรีแบบโพลโี ฟนคิ (วีระศักด์ิ งามวงศร์ ณชัย: ทัศนา: ทอ่ นเพลงลางเลอื น หอ้ งเพลงท่ี 30-32)

38 ในช่วงเวลาต่อมาเป็นการสะท้อนถึงปรากฏการณ์ที่ตาทั้งสองข้างรับรู้การกระจายของ จดุ ภาพ ความไม่ชัดเจนของภาพและการสลายของจดุ เพง่ สายตาทีแ่ ตกต่างกนั เนอื้ ดนตรีจะมีการผสม ผสานเทคนิคการเคลื่อนที่และทับซ้อนของอัตราจังหวะที่แตกต่างกันโดยจะสร้างความแตกต่างให้กับ แนวทำนองทีม่ ีบุคลกิ ท่ตี ่างกนั อาทเิ ชน่ การกระจายของจุดภาพท่ยี ังปรากฏอยู่ในความไมช่ ดั เจนจะใช้ เทคนคิ การใช้ไมส้ ีบนสาย ความไม่ชัดเจนของภาพจะใชเ้ ทคนคิ การใชค้ ันชักสีบริเวณหลังหย่อง การ สลายของจุดเพ่งสายตาที่ยังปรากฏอยู่จะใช้เทคนิคการกดคีย์โดยไม่เป่าแต่ทำให้เกิดระดับเสียงสำหรับ เครื่องลมไม้ และความเข้มของเสียงจะบ่งบอกถึงความเข้มของภาพที่สีจะมีความต่างอยู่ในพื้นที่ เดียวกัน โดยเทคนิคทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือสลับกันไปเพื่อให้เกิดความไม่คงที่และความ หลากหลายของปรากฏการณ์ (ภาพท่ี 36) การสลายของจดุ เพง่ สายตาท่ยี ังปรากฏอยู่ 5°1 b˙ ˙ key click randomly as fast as possible Flute & bw œ™ ‰ Ó ff p mp f pf p f f bœbœ ˙™ ˙ œ ˙™ key click randomly as fast as possible Oboe & Œ Œ pp mp p mf pp p f f key click randomly as fast as possible ¢&Clarinet in Bb bœ ™ œj ˙ w ˙™ Œ pp ff pp mf f pp fp f f f f f f ffij ffij f f ffij f f f f f ffij f f f fij f fij f ‰Ó ∑ / ‹Tom-toms ‹fij ‹ ‹fij ‹ ‹ ‹‹ ‹ ‹‹ ‹‹ ‹ ‹ ‹ f pf pf p f p f pf pf pf ความไม่ชัดเจนของภาพ ° b œ œcol legno bœ œ bœ œ ‰ bœr ‰™ arco behind the &Violin R ≈ R ≈ ≈ œr ≈ R ‰ R ≈ R ≈Œ R ‰™ Œ ¿ ™bridge. ¿ Y pf p Œ‰ f mp mf f ff Viola B Œ col legno bœ ‰™ bœr ≈ ‰ bœ œr ≈ ‰™ bœr Œ ¿ ™ Yarco behind the R ≈bœr ‰ ≈ R Ó ≈bœr ‰ mf mf mp bridge. mp ‰ mf mp f arco behind the ? ‰™ col legno ≈ œr ‰ bRœ ≈ ≈ Rœ ≈bœr ‰ bœ ‰ bœr ≈ œr ≈ Œ Ybridge. Y ¢Violoncello b R ≈ r≈Ó b r‰ f œ œ p f mp f mf f mp p การกระจายของจดุ ภาพทย่ี ังปรากฏอยู่ในความไม่ชดั เจน ภาพท่ี 36 แสดงแนวทำนองแบบพอยน์ทิลลิสติก ที่อยู่ในเนื้อดนตรีแบบโพลีโฟนิค และการ เคล่ือนท่ี การทบั ซอ้ นของอตั ราจังหวะทแ่ี ตกต่างกัน (วรี ะศกั ด์ิ งามวงศ์รณชยั : ทศั นา: ทอ่ นเพลงลางเลือน หอ้ งเพลงที่ 51-54)

39 ท่อนเพลงปรากฏ สะทอ้ นถึงสภาวะการมองท่สี ังเกตเหน็ ถึงรปู ทรงท่ีปรากฏอยใู่ นภาพ เด่ยี วสองมติ ิ โดยตาทงั้ สองข้างสามารถปรับจุดโฟกสั ของภาพให้ชดั เจนได้ ซึ่งในช่วงแรกจะเป็นการ เคลื่อนที่ของจุดภาพเกิดการเปลี่ยนแปลงของจุดเพ่งสายตาจะเชื่อมโยงกับเนื้อดนตรีแบบ ไมโครโพลีโฟนี (ภาพที่ 37) และการควบคมุ ลักษณะเสียงที่จะสรา้ งความแตกต่างให้กบั แนวทำนองท่ีมี บุคลกิ ทต่ี ่างกนั อาทิเชน่ การปรากฏของจุดภาพที่เกดิ ขน้ึ แลว้ สลายไปอยา่ งรวดเร็วจะใช้เทคนคิ เสียง สน้ั การปรากฏของจดุ ภาพทีเ่ กดิ ขึน้ แล้วสลายไปจะใชเ้ ทคนคิ การเชือ่ มเสียง การปรากฏของจุดภาพที่ เกดิ ข้ึนแล้วสลายไปอย่างช้าจะใช้เทคนิคเสยี งยาว และการเคลอ่ื นไหวของภาพที่คงทีจ่ ะใช้เทคนิคการ รวั เสียง (ภาพท่ี 38) ° A q = 50 ≈ œ. œ. œ. ≈ œbœ œ œ œ œ œ œbœ œ œ œ œ bœ œ bœ bœ & 44 bœ bœ ‰ ≈ œ bœ 7 Flute œ 3 bœ œ bœ œ œ œ œ œ œ p3 6 œ. bœ bœ œ œ œ ‰ bœ. bœ bœ œ œ œ œ bœ bœ bœ œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ bœ. œ. Oboe & 44 bœ bœ œ ‰ bœ. p 56 7 3 Clarinet in Bb ¢& 44 bœ. 3 bœ. bœ. œœ œ bœ bœ œ œ bœ œ bœbœ œ œ œbœ œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ p bœ bœ. œ. ≈ œ œ œ. 5 6 7 65 3 ‰ œææj ææœ œ œ œ œ œ œ œ œ œ œœœ œ œ œ ææ æ Tom-toms / 44 œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ p3 33 Violin ° 44 ‰ bœ bœ œ œ bœ bœ ≈œ œ bœ bœ œ œ. bœ. bœ. œ bœ bœ œ œ œ œ œ œ œ œ œ. œ œ œ. & ‰ 33 p3 56 bœbœ œ œ œ œ œ œ œ œ œ ≈ bœ œ. œ. œ. œ bœ bœ œ bœ. bœ. ‰ œJ. ‰ œ. œ. œ. B 44 œœ œ Viola ≈ bœ 3 33 p7 6 5 ? 44 ‰ 3 œ œ œ bœ bœ. œ. œ. 3 ‰ j 3 ≈ bœ bœ ≈ ¢ œ. bœ. œ. œ. bœ. œ. Violoncello bœ. bœ. 3 œ œ œ œ. p ภาพท่ี 37 แสดงเน้อื ดนตรีแบบไมโครโพลีโฟนี (วรี ะศกั ด์ิ งามวงศร์ ณชัย: ทัศนา: ท่อนเพลงปรากฏ ห้องเพลงท่ี 2-3) การปรากฏของจดุ ภาพทเี่ กิดขนึ้ แล้วสลายไปอย่างรวดเรว็ การปรากฏของจุดภาพทีเ่ กิดขึ้นแลว้ สลายไปอย่างชา้ A q = 50 œ ≈ œ. œ. œ. ≈ œbœ œ œ œ œ œ œbœ œ œ œ œ bœ œ bœ bœ œ bœ 7 Flute & 44 bœ bœ ‰ ≈ bœ œ bœ œ œ œ œ œ œ p3 6 3 3 ‰ œæj ææœ œ ææœ œ œ œ œ œ œ œœœ œ œ œ œ æ Tom-toms / 44 œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ œ p3 33 การปรากฏของจดุ ภาพที่เกิดขึ้นแลว้ คอ่ ยสลายไป การเคล่อื นไหวของภาพทค่ี งที่ ภาพท่ี 38 แสดงการควบคมุ ลกั ษณะเสยี งท่ีสร้างความแตกตา่ งใหก้ บั แนวทำนอง (วรี ะศักด์ิ งามวงศร์ ณชัย: ทัศนา: ทอ่ นเพลงปรากฏ หอ้ งเพลงท่ี 2-3)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook