ชดุ การสอน เรอื่ ง การขยายพนั ธุ์พชื โดยวธิ ีการตอน นายบุญเลยี้ ม โทขนั ธ์ ตาแหนง่ ครู โรงเรยี นรตั นบรุ ี อาเภอรตั นบรุ ี จงั หวดั สรุ นิ ทร์ สานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 33
วตั ถุประสงค์ ชุดการสอนท่จี ะศึกษาต่อไปน้ีสรา้ งข้ึนเพ่ือให้นกั เรยี นสามารถเรียนได้ด้วยตนเอง ชุดการสอนเล่มน้จี ะเป็น เครือ่ งช่วยในการเรยี นของนกั เรียน ฉะน้นั นกั เรียนจะต้องต้ังใจเรียนและปฏบิ ตั ิกจิ กรรมใหค้ รบทกุ ขั้นตอนตามท่ี กาหนดไวจ้ งึ จะไดผ้ ลเต็มที่ คาแนะนาในการใชช้ ดุ การสอน คาช้ีแจง 1. ชดุ การสอนน้ีใช้สาหรบั ใหน้ ักเรยี นศึกษาดว้ ยตนเอง นกั เรียนจะตอ้ งมีความซื่อสตั ย์ต่อตนเองมวี ินัยของ ตนเอง ต้องไม่เปิดดูคาตอบก่อนตอบคาถาม 2. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 3. จงอ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรใู้ หเ้ ขา้ ใจก่อนการทาการศึกษา 4. ใหน้ ักเรียนทุกคนศกึ ษาเน้ือหาอย่างละเอยี ด 5. ลงมอื ทาแบบฝึกหดั ท้ายบทแต่ละเรื่อง 6. เม่อื นกั เรยี นทาแบบฝึกหัดเสรจ็ แล้วนกั เรยี นสามารถตรวจคาตอบของนักเรยี นวา่ ถูกตอ้ งหรือไม่ 7. ถ้านักเรยี นตอบคาถามตรงกบั ที่เฉลยไว้ ให้นักเรียนศึกษาหวั ขอ้ ตอ่ ไปพร้อมท้งั ทาแบบฝึกหดั และแบบ ฝึก 8. ถา้ นักเรยี นคนใดมปี ญั หาท่ีไม่เขา้ ใจ สามารถขอคาแนะจากครผู สู้ อนได้ตลอดเวลา 9. เมื่อนกั เรยี นศกึ ษาชุดการสอนจบแลว้ นกั เรยี นแต่ละคนตอ้ งทาแบบทดสอบหลังเรยี น ผลการเรียนรทู้ ีค่ าดหวัง 1. มคี วามรู้ความเขา้ ใจเกยี่ วกับการขยายพนั ธุพ์ ืชโดยวิธีการตอน 2. มที กั ษะการตอนก่งิ แบบคว่นั กิ่ง 3. ทางานรว่ มกับผอู้ ่นื และศึกษาหาความรู้ดว้ ยตนเอง จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกความหมายและประโยชน์ของการตอนได้ 2. บอกวธิ ีการตอนแบบตา่ งๆได้ 3. เตรียมวสั ดุอปุ กรณ์ทใ่ี ชใ้ นการตอนกงิ่ แบบควน่ั ได้ 4. ปฏิบตั กิ ารตอนก่ิงแบบควั่นก่งิ ได้อยา่ งถูกต้องตามลาดบั ข้นั สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของการตอน 2. ประโยชน์ของการตอน 3. แบบต่าง ๆ ของการตอน
แบบทดสอบก่อนเรยี น เรื่อง การขยายพนั ธุ์พืชโดยวิธกี ารตอน คาช้แี จง ให้นักเรยี นเลอื กคาตอบทถ่ี ูกท่สี ดุ เพียงคาตอบเดียว แลว้ ทาเครื่องหมาย x ลงใน กระดาษคาตอบ 1. Layering (การตอนกิ่ง) คือการใหพ้ ชื ออกรากในขณะท่ี ก. กิ่งถกู ตดั ออกจากต้นเดมิ แล้ว ข. กงิ่ ยังถกู ตดิ อย่กู บั ตน้ เดมิ ค. ก่ิงและใบปักชาอยู่บนพ้ืนดิน ง. กงิ่ แช่อยู่ในนา้ 2. ขอ้ เสียของการตอนก่งิ คือขอ้ ใด ก. พืชตน้ ใหมเ่ กดิ การกลายพันธ์ุ ข. พืชเจริญเติบโตช้า ค. ตอนได้ดเี ฉพะในฤดฝู น ง. พชื ทไ่ี ดไ้ ม่มรี ากแก้ว ระบบรากต้นื 3. ประโยชนข์ องการตอนกิง่ คือข้อใด ก. พชื ตน้ ใหม่ไม่กลายพันธ์ุ ข. พืชเจรญิ เติบโตชา้ ค. พชื ที่ได้ไมม่ ีรากแก้ว ง. ไม่สะดวกตอ่ การขนส่ง 4. พืชชนดิ ใดขยายพนั ธพุ์ ืชโดยการตอนกง่ิ คอื ขอ้ ใด ก. พืชผกั ข. พชื ไร่ ค. พชื ลม้ ลุก ง. พชื ยืนตน้
5. ถ้านกั เรยี นชอบปลกู มะลิเพื่อนาไปใชป้ ระดับตกแตง่ หรอื รอ้ ยพวงมาลยั นักเรยี นจะ ขยายพนั ธ์โุ ดยวิธีใด ก. การเพาะเมล็ด ข. การเสียบกง่ิ ค. การติดตา ง. การตอน 6. การตอนก่ิงแบบซบั ซ้อนหรอื งเู ลอื้ ย เหมาะสาหรับพชื ชนดิ ใด ก. ตะบองเพชร ข. อง่นุ ค. วาสนา ง. กล้วยไม้ 7. ข้อใดไมใ่ ชแ่ บบของการตอนอากาศ ก. แบบกรดี ข. แบบควั่น ค. แบบลอกเปลือก ง. แบบปาดขา้ ง 8. ขอ้ ใดไมใ่ ชป่ ระเภทของการตอนกงิ่ ก. แบบฝงั ยอด ข. แบบตอนอากาศ ค. แบบถางโคน ง. แบบขดุ รอ่ ง 9. พืชชนดิ ใดนิยมขยายพันธพ์ุ ืชด้วยวิธีการตอนยอด ก. แบล็ค-ราสพ์เบอรี่ โลแกนเบอรี่ ยงั เบอร่ี ข. องุ่น มะลิ เสาวรส ค. ทอ้ สาลี่ พลมั ง. ไทรทอง ชบา ยางพารา 10. การตอนกิ่งพชื ทแ่ี ข็งไม่สามารถโนม้ ก่ิงลงมาหาพ้ืนดินคอื ขอ้ ใด ก. การตอนยอด ข. การตอนแบบเลอื้ ย ค. การตอนกิ่งโดยวิธีขดุ ร่อง ง. การตอนกงิ่ แบบสุมโคน
11. ขุยมะพรา้ วที่ใชห้ มุ้ กงิ่ ตอน ควรอยใู่ นสภาพใด ก. แหง้ สนทิ ข. พรมน้าใหช้ ื้นพอหมาดๆ ค. แชน่ า้ ให้อ่ิมตัว ง. แชน่ า้ มาแลว้ 1 เดือน 12. ขอ้ ใดไม่ใชว่ ัสดุทใ่ี ชใ้ นการตอนพืช ก. ขยุ มะพรา้ ว ข. ลวด ค. เทปพลาสติก ง. ถุงพลาสตกิ 13. การเลือกกงิ่ ตอนควรเลอื กแบบใด ก. กิ่งอ่อน ข. กิ่งกง่ึ แกก่ งึ่ ออ่ น ค. กิง่ แก่ ง. ก่ิงสนี า้ ตาล 14. ขอ้ ใดคือลกั ษณะท่วั ไปของกิ่งกึ่งอ่อนกึ่งแก่ ก. เป็นส่วนของก่ิงทีอ่ ย่ถู ัดกิง่ อ่อนลงมา ข. ผวิ เปลือกเรมิ่ เปลย่ี นเป็นสีนา้ ตาล ค. เปลือกเปน็ ลายสีน้าตาลปนสคี รมี ง. ผวิ ของเปลอื กหยาบและหนา 15. การทาฮอร์โมนเรง่ ราก ถา้ เปน็ ฮอรโ์ มนชนดิ นา้ ต้องทาอย่างไร ก. ใช้พู่กนั จมุ่ ฮอรโ์ มนทาบริเวณรอยแผลด้านบน ข. ใช้นิ้วจุ่มฮอรโ์ มนทาบริเวณรอยแผลด้านล่าง ค. ใชพ้ ลาสติกจุ่มฮอร์โมนทาบริเวณรอยแผลดา้ นล่าง ง. ใชข้ ยุ มะพร้าวจมุ่ ฮอร์โมนหมุ้ รอบกิ่ง
16. ข้อใดเรียงลาดับขนั้ ตอนในการตดั ชากงิ่ ตอนได้ถกู ต้อง ก. ตัดก่งิ ตอนดว้ ยมดี แลว้ นาไปปลกู ในที่ร่มราไร ข. ตดั กง่ิ ตอนด้วยกรรไกร แลว้ นาไปชาไวใ้ นท่ีรม่ ราไร ค. ตดั กิง่ ตอนด้วยเลือ่ ย แล้วนาไปปลกู ในกระถาง ง. ตัดกิ่งตอนดว้ ยมดี แลว้ นาไปปลูกในแปลง 17. การคว่นั กิง่ ตอนควรคว่นั บริเวณใตข้ ้อให้รอยท้ังสองห่างกนั เทา่ ไร ก. 1/2 น้วิ ข. 2 นิ้ว ค. ประมาณความยาวของเสน้ รอบวงของก่งิ ที่ทาการตอน ง. ประมาณความยาวของลาตน้ พืช 18. การใชม้ ีดขดู เมือกก่งิ ตอนทถี่ ูกตอ้ งควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. ขูดจากดา้ นบนลงล่าง ข. ขูดจากด้านล่างขึน้ บน ค. ขดู ตามขวางของลาต้น ง. ขดู บรเิ วณด้านบน 19. การผูกมัดกระเปราะขยุ มะพร้าวอย่างถูกวธิ ที าอย่างไร ก. ใช้เชือกฟางผกู มัดดา้ นหวั กระเปราะให้แน่น ข. ใช้เชอื กฟางผกู มัดดา้ นท้ายกระเปราะใหแ้ น่น ค. ใช้เชือกฟางผูกมดั ดา้ นหวั และด้านท้ายกระเปราะให้แนน่ ง. ใช้เชอื กฟางผูกมัดดา้ นหัวและดา้ นทา้ ยกระเปราะพอหลวมๆหมุนไดร้ อบกิ่ง 20. รอยแผลกิง่ ตอนเม่ือควนั ก่ิงเสร็จแล้วตอ้ งมีลกั ษณะอย่างไร ดูเฉลยหน้าถัดไปนะครบั !!! ก. รอยแผลเรียบไมช่ ้า ข. รอยแผลโคง้ ไม่ช้า ค. รอยแผลโค้งช้า ง. รอยแผลเรียบชา้
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรือ่ ง การขยายพันธ์ุพืชโดยวธิ ีการตอน 1. ข 2.ง 3.ก 4.ง 5.ง 6.ข 7.ค 8.ค 9.ก 10.ง 11.ค 12.ค 13.ข 14.ข 15.ก 16.ข 17.ค 18.ก 19.ค 20.ก
ชุดการสอน เร่ือง การขยายพนั ธพ์ุ ืชโดยการตอน เนือ้ หา ความหมายและประโยชน์ของการตอน การ ตอนกงิ่ เป็นวธิ ีการทาให้ก่ิงหรอื ตน้ พืชเกิดรากขณะตดิ อย่กู ับต้นแม่ การตอนกง่ิ อาจ เกิดขึ้นทงั้ ทางธรรมชาต(ิ by naturally) หรือจากการทาให้เกิดขึน้ (by artificially) โดยการทาให้กิง่ สมั ผัสกับดิน หรอื การนาเอาดินไปหุ้มกิ่ง การเกดิ รากจะเกดิ ไดเ้ รว็ ขึน้ ถา้ ไดค้ วนั่ หรือทาแผลแกบ่ ริเวณ ของกงิ่ ทีจ่ ะการทาการห้มุ หรือสัมผัสกบั ดิน พชื หลายชนดิ เช่น ล้ินจ่ี ลาไย และส้มบางชนิดทไ่ี มอ่ าจปกั ชาได้งา่ ย สามารถจะขยายไดง้ ่ายโดยวิธนี ี้ ประโยชนข์ องการตอนก่งิ 1. ผลติ ผลทีไ่ ด้เหมอื นต้นแมท่ กุ ประการ ไมก่ ลายพันธุ์ 2. ให้ผลผลิตรวดเร็ว 3. สามารถทาได้ดีกบั พืชทีอ่ อกรากยาก ขอ้ เสยี ของการตอนกิง่ 1. ไม่มีรากแกว้ ระบบรากตื้น โคน่ ลม้ งา่ ย ไมท่ นต่อความแห้งแลง้ 2. ทาได้ชา้ ต้องใช้เทคนิคและฝีมอื มากขึ้น 3. ไมส่ ะดวกตอ่ การขนสง่ ในกรณีกงิ่ มขี นาดใหญ่ 4. กิง่ มขี นาดโต จานวนกิง่ มีนอ้ ย ไม่สะดวกทจี่ ะขยายพันธจุ์ านวนมากๆ บทสรปุ การ ตอนกง่ิ เป็นวธิ กี ารท่ีทาใหล้ าตน้ หรือกิง่ พืชมรี ากเกดิ งอกขนึ้ ขณะทย่ี ังอยกู่ บั ตน้ แมจ่ นกระทงั่ เม่ือ รากมีจานวนมากและแก่พอแล้วจึงคอ่ ยตัดแยกออกจากตน้ แม่เพอ่ื นาไปชาหรือปลกู ตอ่ ไป
แบบฝกึ หัดที่ 1 เร่อื ง ความหมายและประโยชน์การตอนกิ่ง ให้นกั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปนี้ให้ถูกต้อง 1. การตอนก่งิ หมายถึงอะไร ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. 2. การตอนกง่ิ มีประโยชน์อย่างไร ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ……………………………………………………………………………………………………….............................................
เฉลยแบบฝกึ หัดที่ 1 1. ตอบ วิธกี ารทาให้กง่ิ หรอื ต้นพชื เกดิ รากขณะติดอยกู่ ับตน้ แม่ การตอนกิง่ อาจเกิดขึ้นทั้งทาง ธรรมชาติ (by naturally) หรือจากการทาใหเ้ กดิ ขน้ึ (by artificially) โดยการทาให้กง่ิ สมั ผสั กบั ดนิ หรอื การนาเอาดนิ ไปหุ้มกงิ่ การเกดิ รากจะเกิดไดเ้ รว็ ขนึ้ ถ้าได้คว่ันหรอื ทาแผลแกบ่ รเิ วณ ของกิ่งท่ีจะการ ทาการห้มุ หรอื สัมผสั กบั ดนิ พชื หลายชนดิ เช่น ลนิ้ จี่ ลาไย และสม้ บางชนิดท่ี ไม่อาจปักชาได้งา่ ย สามารถจะขยายพนั ธไ์ุ ด้งา่ ยโดยวธิ ีน้ี 2. ตอบ 2.1 ผลิตผลทไี่ ดเ้ หมือนต้นแม่ทกุ ประการ ไมก่ ลายพันธ์ุ 2.2 ให้ผลผลติ รวดเรว็ 2.3 สามารถทาไดด้ กี บั พืชที่ออกรากยาก
2. แบบตา่ งๆของการตอน 2.1 การตอนยอด (Tip Layering) การตอนยอด คือ การตอนที่จะกลบหรือฝงั ยอดทง้ั ยอดของพืชลงในดินท่มี คี วามชนื้ พอเหมาะ ยอดอ่อนจะเจริญเตบิ โตขึ้นบนผวิ ดิน แลว้ จะเกิดรากใกล้ๆ ยอดอ่อน จงึ ทาการตัดแยกไปปลูกได้ ซ่งึ มักจะใช้กับพชื สองฤดูหรือพนั ธ์ไุ ม้เมอื งหนาว เชน่ แบลค็ -ราสพเ์ บอร่ี โลแกนเบอรี่ ยงั เบอร่ี แผนภาพแสดงการตอนยอด (Tip Layering) 1. ต้นพืชประเภทก่งึ ลม้ ลกุ ท่ใี ชต้ อน 2. กลบหรอื ฝังยอดทัง้ ยอดของตน้ พชื ลงไปในดนิ 3. กงิ่ ตอนที่งอกรากพรอ้ มที่จะตัดยอด
แบบฝกึ หดั ที่ 2 เรอ่ื ง การตอนยอด ให้นกั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. ในการตอนยอด ควรใช้สว่ นใดของพชื ฝงั ลงในดิน ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. 2. การตอนยอดควรจะตัดแยกไปปลกู เมื่อไร ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. 3. การตอนยอดควรใชก้ ับพืชชนดิ ใด ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ……………………………………………………………………………………………………….............................................
เฉลยแบบฝกึ หัดท่ี 2 1. ตอบ ส่วนยอดพืชฝังลงไปในดนิ 2.ตอบ เม่ือแตกยอดออ่ นและราก 3.ตอบ พืชสองฤดหู รือพนั ธพ์ุ ชื เมอื งหนาว
2.2 การตอนแบบให้ยอดโผล่ (Simple Layering) การตอนแบบให้ยอดโผล่ เป็นการตอนคลา้ ยกบั แบบฝังยอดแบบวิธแี รก แต่จะไมก่ ลบยอด ทง้ั หมด จะฝงั กลบบริเวณกิง่ ใกลย้ อด แลว้ ปล่อยใหย้ อดโผล่ข้นึ มาเหนอื ผิวดินประมาณ 1 ฟุต พชื หลายชนิดทั้งที่เป็นพืชผลัดใบและพวกทีม่ ีใบเขยี วตลอดปี สามารถทาการขยายพนั ธุไ์ ด้โดยวิธนี ี้ เช่น มะลิ แผนภาพแสดงการตอนแบบให้ยอดโผล่ (Simple Layering) 1. ตน้ พืชประเภทกึ่งพุ่มกึง่ เถาว์ที่ใช้ตอน 1.1 การยึดกิง่ ให้ต้งั ตรง 1.2 การทาแผลและจดั ปลายกงิ่ ให้ตั้งขึน้ 2. ก่งิ ตอนท่ีฝังออกรากพร้อมจะตัดแยกไปปลูก
แบบฝึกหัดที่ 3 เรอื่ ง การตอนแบบให้ยอดโผล่ ใหน้ กั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. ในการตอนแบบใหย้ อดโผล่ ควรใชส้ ว่ นใดของพืชฝังลงในดิน ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. 2. ในการตอนแบบใหย้ อดโผล่ ควรฝงั ก่งิ ข้นึ มาเหนอื ดินประมาณเทา่ ไร ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. 3. การตอนแบบใหย้ อดโผล่ควรใชก้ ับพืชชนดิ ใด ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ……………………………………………………………………………………………………….............................................
เฉลยแบบฝึกหดั ท่ี 3 1. ตอบ กง่ิ ใกลย้ อด 2. ตอบ 1 ฟตุ 3. ตอบ พืชผลัดใบหรอื พืชท่มี ใี บเขยี วตลอดปี เชน่ มะลิ
2.3 การตอนแบบงูเลื้อย (Serpentine Layering) การตอนแบบงูเล้ือย เป็นวิธีทดี่ ดั แปลงมาจากการตอนแบบใหย้ อดโผล่ โดยจะทาการกลบหรือ ฝงั ก่ิงเปน็ ทอดๆ ตลอดความยาวของกิ่ง ส่วนบริเวณทโี่ ผล่พ้นผิวดนิ จะตอ้ งมตี า (Bud) อยา่ งนอ้ ย 1 ตา เพอื่ ใหแ้ ตกเป็นยอดใหม่ การออกรากจะเกิดไดท้ ุกตอนที่กลบดนิ ทับ วิธนี ้จี ะใชก้ ับพชื ทม่ี กี ิง่ ยาว เช่น องุ่น มะลิ เสาวรส การเวก เล็บมือนาง พลฉู ีก พรกิ ไทย มนั เทศ ฟลิ โลเดนดรอน เป็นต้น แผนภาพแสดงการตอนแบบงเู ลอ้ื ย(Serpentine Layering) 1. กลบหรอื ฝงั ก่งิ ของตน้ พืชเปน็ ทอดๆตลอดความยาวโดยบรเิ วณกิ่งทโ่ี ผลพ่ ้นดินจะต้องมีตาอยา่ งน้อย 1 ตา 2. การแตกเป็นยอดใหม่จากตาของกิง่ ในบรเิ วณทโ่ี ผล่พน้ ดนิ และการงอกรากจากตาของก่งิ ในบริเวณ ทฝี่ ังอยู่ในดนิ
แบบฝกึ หดั ท่ี 4 เรอ่ื ง การตอนแบบงูเลอ้ื ย ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปนี้ 1. ในการตอนแบบงเู ลื้อย ควรเลอื กกงิ่ แบบใด ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. 2. ในการตอนแบบงูเลอื้ ย ควรฝงั กิง่ อย่างไร ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. 3. เพราะเหตใุ ดในการตอนแบบงเู ล้อื ยจงึ ควรมีตาอยา่ งน้อย 1 ตาโผลพ่ ้นดิน ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ……………………………………………………………………………………………………….............................................
เฉลยแบบฝกึ หัดท่ี 4 1. ตอบ ก่ิงยาว 2. ตอบ เปน็ ทอด ๆ ตลอดความยาวของก่ิง 3. ตอบ ใหแ้ ตกยอดใหม่
2.4 การตอนกง่ิ โดยวธิ ขี ุดร่อง (Trench Layering) วิธีการตอนแบบนี้ คือการตอนฝงั ก่งิ ในร่องที่เตรยี มไวก้ อ่ นที่ตาบนกิ่งจะเรมิ่ แตกยอดออ่ น เมอื่ ตาเรม่ิ แตกยอดออ่ นจงึ คอ่ ยๆ กลบโคนกิง่ และกลบเชน่ น้ันบอ่ ยๆเมอ่ื ก่งิ โตข้นึ รากจะเกดิ ข้ึนทโ่ี คนของ กิ่งที่แตกใหมๆ่ และจะทาการตัดปลูกในฤดูการเจริญเตบิ โตตอ่ ไป วิธีน้มี ักเปน็ วิธีท่ใี ช้ขยายพันธุต์ ้นตอ ของแอปเปลิ พลัม แพร์ เชอรี่ ท้อ เป็นต้น แผนภาพแสดงการตอนกง่ิ โดยวิธขี ดุ รอ่ ง (Trench Layering) 1. พชื ผลดั ใบทใ่ี ชต้ อน 2. การโน้มก่งิ ในรอ่ งท่ีเตรียมไว้ แลว้ กลบกิง่ ตอน 3. การกลบโคนกง่ิ ตอน เมื่อตาเร่ิมแตกยอดอ่อน 4. การงอกรากของกง่ิ ตอน
แบบฝึกหัดท่ี 5 เรือ่ ง การตอนแบบขดุ ร่อง ให้นกั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี 1. ในการตอนแบบขุดรอ่ ง ควรฝังกิง่ อย่างไร ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. 2. ในการตอนแบบขุดรอ่ ง เมื่อตาเรม่ิ แตกยอดอ่อนควรทาอยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. 3. การตอนแบบขุดรอ่ ง ควรใช้กับพืชชนิดใด ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ……………………………………………………………………………………………………….............................................
เฉลยแบบฝึกหดั ท่ี 5 1. ตอบ ในรอ่ งท่เี ตรยี มไว้ 2. ตอบ นาดนิ กลบโคนก่ิง 3. ตอบ ต้นตอแอปเปลิ้ พลมั แพร์ ท้อ
2.5 การตอนบนอากาศ (Air Layering) การตอนวิธนี ีเ้ ปน็ การขยายพันธ์ุพืชโดยไม่ใชเ้ พศท่ีเก่าแกท่ ี่สุด หรือนานกว่า 4000 ปี มาแลว้ โดยเริม่ ขน้ึ ทปี่ ระเทศจนี ซ่งึ ขณะนี้กย็ ังใช้กนั อยู่ บางคร้งั จงึ เรียกวธิ กี ารตอนวิธนี ้ีว่า \"การตอนแบบคน จนี (Chinese Layering)\"กิง่ ทเี่ ลอื กใช้ตอนควรเปน็ กงิ่ ที่ปลายตงั้ ขึน้ เปน็ ช่วงก่ิงเพสลาดหรือกง่ิ กงึ่ ออ่ นก่ึงแก่ สงั เกตไดจ้ ากเปลอื กไมท้ ีเ่ ร่ิมเปลยี่ นเปน็ สีน้าตาล กิ่งแบบน้จี ะเกิดรากได้ดี เลอื กกงิ่ ทีย่ าว ประมาณ 15 -30 ซ.ม. การชักนาใหเ้ กดิ รากทาโดยใช้วิธีการควัน่ การกรีด หรือการปาด ตรงใตข้ อ้ เลก็ น้อยเพ่ือใหเ้ กดิ การสะสมอาหารและฮอร์โมนท่สี ร้างจากใบและตาที่ อยู่เหนือรอยแผลท่ีทาไว้ การ คว่ันจาเป็นตอ้ งลอกเปลือกไมอ้ อกด้วยบริเวณทค่ี วน่ั หากมใี บอยู่ให้ริดท้ิงไปกอ่ น เมื่อลอกเปลอื กออก แล้วให้ทาการขดู เอาเมอื กหรอื เย่ือเจริญท้ิงไป มฉิ ะนั้นอาจเกิดการประสานรอยควั่นแทนการเกดิ ราก ได้ หากจะใช้ฮอร์โมนเรง่ รากให้ทาฮอร์โมนรอบรอยแผลควัน่ ด้านบนจนทว่ั จากนั้นจึงใชถ้ งุ ใส่ขุย มะพรา้ วทช่ี นื้ มาห้มุ รอบรอยคว่ัน แลว้ มดั เชือกใหแ้ น่น ทิง้ ไว้ 15 -45 วนั จะเกิดรากมากพอท่จี ะตัดไป ปลกู ได้ การตอนในฤดูฝนซึ่งเป็นชว่ งการเจริญเติบโตของพชื จะตอนกงิ่ ไดผ้ ลดี วัสดหุ ุ้มกงิ่ ตอนปจั จบุ นั จะนยิ มใช้ขยุ มะพร้าวท่ีทาใหช้ นื้ แล้วบรรจุถุงพลาสติก เพราะว่าสะดวกในการทางาน ลดข้นั ตอนการ ห้มุ ได้มาก การทาแผลตอนก่งิ สามารถทาได้ 3 แบบ คือแบบควั่นก่ิง ควัน่ เปลือกโดยรอบหา่ งกัน ประมาณ 1 นิว้ แล้วลอกเปลือกออก แผนภาพแสดงการตอนแบบควน่ั ก่งิ (Air Layering)
1. กรดี ตามยาวของกง่ิ 2 – 3 รอยรอบกง่ิ ยาว 1 นวิ้ 2. รอยแผลรอบก่งิ แบบปาดขา้ ง กรดี ปาดเฉียงไปทางด้านขา้ งและเข้าไปในเนื้อไม้ แผนภาพการตอนแบบปาดขา้ ง 1. การปาดด้านล่างของก่งิ ไปทางด้านข้างยาวประมาณ 1 น้วิ 2. เผยอรอยปาดโดยใชล้ วดฟิวไฟฟา้ สอดรอยปาดให้สุดรอย สอดเพือ่ ให้สว่ นท่ีปาดเผยอ สมัย กอ่ นการตอนกิ่งจะใช้ดนิ เหนยี วหุ้มรอบรอยคว่ันกอ่ น จากนน้ั จึงใชก้ าบมะพร้าวห้มุ อกี ครั้งหนง่ึ ที่ใชก้ าบมะพร้าวเพราะสามารถอุ้มนา้ และมีการระบายอากาศดี แตก่ อ่ นนามาใช้ต้องแช่นา้ ทง้ิ ไวค้ า้ งคนื เพอ่ื ใหม้ ีความชน้ื สม่าเสมอ เม่ือนามาใช้หุม้ ใหบ้ บี น้าออก แล้วจงึ นาไปหมุ้ โอบรอบรอย แผลบริเวณรอยควน่ั บน ใชใ้ บตองแหง้ หรือแผ่นพลาสติกตดั เปน็ ผนื ส่เี หลย่ี มหุ้มรอบตุ้ม แลว้ ใชเ้ ชือก หรือลวดรดั ตุ้มให้แนน่ เพ่ือยึดตมุ้ ให้คงอยู่กับท่ี การตัดก่ิงตอนออกจากต้นแม่ หากกิง่ ตอนนนั้ มีการแตก กง่ิ ใหม่หรือมกี ิ่งอ่อน ใหต้ ัดออกท้ิงไปกอ่ น การตัดแยกจากตน้ แมใ่ ห้ตดั ชิดใต้ตมุ้ ตอน ก่อนชาถ้าวัสดใุ น ต้มุ ตอนแห้งต้องนาไปแช่นา้ ท้ิงไวส้ กั พักเพ่ือกระตุน้ ให้ราก ดดู นา้ แกะเอาแผ่นพลาสตกิ ออก ต้องระวัง
อยา่ ให้รากกระทบกระเทอื นมากนกั นากิ่งตอนไปปลูกในภาชนะท่เี ตรยี มไว้ การปลูกให้กดขุยมะพรา้ ว หรอื วสั ดปุ ลกู เบาๆ เพอื่ ให้กระชับราก เสรจ็ แล้วรดน้าให้ชุ่ม นาไปเล้ยี งไว้ในท่รี ่มราไร เมื่อตน้ ตั้งตวั ดี แล้วจงึ นาไปปลูกต่อไป แผนภาพแสดงการหุม้ กิง่ ตอนและการเกิดราก 1. การหุ้มกิง่ ตอน 2. การเกิดรากของการตอนกิง่ แบบคว่ัน 3. การเกิดรากของการตอนกิ่งแบบปาดขา้ ง 4. การเกดิ รากของการตอนกิ่งแบบกรดี
แบบฝึกหัดที่ 6 เรื่อง การตอนบนอากาศ ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ 1. ในการตอนแบบบนอากาศ ควรเลอื กกงิ่ แบบใด ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. 2. กง่ิ กึ่งออ่ นกงึ่ แก่มีลกั ษณะอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. 3. ในการตอนแบบควน่ั กงิ่ มวี ธิ ีการทาแผลกิง่ ตอนอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. 4. ในการตอนแบบกรดี เปลือก มีวิธกี ารทาแผลก่งิ ตอนอยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. 5. ในการตอนแบบปาดขา้ ง มวี ิธกี ารทาแผลอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ……………………………………………………………………………………………………….............................................
เฉลยแบบฝกึ หดั ที่ 6 1. ตอบ กิง่ กึ่งแกก่ ึง่ ออ่ น 2. ตอบ เปลือกไม้จะเริ่มเปล่ียนเป็นสนี ้าตาล 3. ตอบ คว่นั เปลือกโดยรอบห่างกันประมาณ 1 น้ิว แลว้ ลอกเปลอื กออก 4. ตอบ กรีดตามยาวของก่งิ 2 – 3 รอยรอบก่ิง ยาว 1 น้วิ 5.ตอบ กรีดปาดเฉียงไปทางด้านขา้ งและเขา้ ไปในเนื้อไม้ยาว 1 น้วิ
ใบงาน เรอ่ื ง ฝึกปฏิบัตกิ ารตอนกงิ่ แบบควน่ั คาชแี้ จง อ่านและปฏบิ ัตติ ามท่กี าหนดให้ จงปฏบิ ัตกิ ารตอนก่ิงแบบคว่นั ตามลาดับข้ันตอนทีก่ าหนดให้โดยใช้พชื ในโรงเรียนกลุ่มละ 1 ต้น เครอ่ื งมอื และอุปกรณ์ 1. มีด 2. ขยุ มะพร้าว 3. ถงุ พลาสติก 4. เชือกฟาง 5. ฮอรโ์ มนเร่งราก การเลอื กกง่ิ ตอน 1. เลือกกิ่งจากต้นไม้พันธ์ุดี สมบรู ณ์แข็งแรง ไม่มีโรคหรอื แมลงรบกวน 2. เลอื กก่งิ ทไี่ ม่แก่จนเกินไป ซึง่ เรยี กว่ากง่ิ เพสลาด โดยสงั เกตง่าย ๆ คือที่เปลือกจะเรมิ่ เปลย่ี นเปน็ สี น้าตาลอ่อน และควรเปน็ กง่ิ ท่ตี รงไมค่ ดงอ ลาดบั ข้ันตอนการปฏิบตั งิ าน 1. เม่ือเลอื กกิ่งที่จะตอนไดแ้ ล้ว ใช้มดี คว่นั เปลือกโดยใหต้ าแหนง่ ของรอยควั่นอย่หู ่างจากยอดไมน่ ้อย กว่า 6 น้ิว และอยใู่ ตต้ าหรือข้อประมาณ 0.5 นว้ิ ควั่น 2 รอย ความยาวของรอยคว่นั 2 รอยอย่หู า่ ง กันเท่ากับความยาวของเส้นรอบวงของกง่ิ แลว้ ลอกเปลือกออก 2. ขูดเยือ่ เจริญท่หี ุ้มก่งิ ออกให้หมด โดยใชส้ นั มดี ขูดเบา ๆ จากบนลงล่างโดยรอบรอยแผลทค่ี วนั่ 3. ใชฮ้ อรโ์ มนเร่งรากทาบรเิ วณรอยแผลด้านบนโดยใชพ้ กู่ ันจมุ่ ฮอรโ์ มนทาบริเวณรอยแผลดา้ นบน 4. นาขยุ มะพรา้ วที่แช่นา้ จนอม่ิ ตวั บรรจลุ งในถงุ พลาสตกิ ใชเ้ ชือกมดั ปากถุงให้แน่นแลว้ กรีดถงุ ขยุ มะพร้าวต้งั แต่ปากถงุ จนถงึ กน้ ถุง นามาหมุ้ ก่ิงตอน 5. ใชเ้ ชือกมัดถงุ ขยุ มะพรา้ วใหแ้ น่นโดยมัดด้านหวั และด้านท้าย อย่าให้หมนุ หรือคลอนไปมาได้ 6. รดนา้ ใหช้ มุ่ อยเู่ สมอประมาณ 1 - 2 เดอื น รากจะงอก
การตดั ชาก่งิ ออ่ น เมื่อ กงิ่ ตอนออกรากแลว้ รอให้รากแกเ่ ปน็ สีนา้ ตาล จงึ ใชก้ รรไกรหรอื เลือ่ ยตดั ก่งิ พยายามอยา่ ใหก้ ง่ิ กระทบกระเทอื นมาก โดยตัดตอนลา่ งของกิ่งให้หา่ งจากขุยมะพรา้ วประมาณ 0.5 นิว้ และควร ตัดเวลาเช้าเพราะจะทาให้กิง่ และใบสด หลังจากนน้ั นาไปแช่นา้ ประมาณ 30 นาที เพ่ือใหข้ ุยมะพร้าว ดดู นา้ จนอ่มิ ตัว แลว้ นาไปชาไว้ในท่รี ม่ ราไร เพ่ือให้รากมปี รมิ าณมากขน้ึ และแข็งแรงพร้อมทจ่ี ะนาไป ปลูกต่อไป แบบรายงานผลการปฏบิ ัตงิ าน
ชื่อผ้ทู ารายงาน………………………………………………………...ช้ัน…………………………….......................... 1. ชอ่ื งาน…………………………………………………………………………………………….................................. 2. ขน้ั ตอนการดาเนินงาน 2.1 เครือ่ งมือและอุปกรณ์ 2.1.1……………………………………...............................… ........................................... 2.1.2……………………………………...............................… ........................................... 2.1.3……………………………………...............................… ........................................... 2.1.4……………………………………...............................… ........................................... 2.1.5……………………………………...............................… ........................................... 2.1.6……………………………………...............................… ........................................... 2.2 ข้ันตอนการปฏบิ ตั ิงาน ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ปัญหาและอุปสรรค ( ถา้ มี ) ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ……………………………………………………………………………………………………….............................................
แบบทดสอบหลังรยี น เร่อื ง การขยายพนั ธพุ์ ืชโดยวิธกี ารตอน คาชแ้ี จง ให้นักเรยี นเลอื กคาตอบท่ีถกู ทส่ี ดุ เพียงคาตอบเดยี ว แล้วทาเครือ่ งหมาย x ลงใน กระดาษคาตอบ 1. Layering (การตอนกิง่ ) คือการให้พชื ออกรากในขณะท่ี ก. กิ่งถกู ตดั ออกจากต้นเดมิ แลว้ ข. กงิ่ ยังถกู ตดิ อยู่กับต้นเดมิ ค. ก่ิงและใบปกั ชาอยู่บนพื้นดิน ง. กงิ่ แช่อยู่ในนา้ 2. ข้อเสียของการตอนกิ่ง คอื ข้อใด ก. พชื ตน้ ใหมเ่ กิดการกลายพนั ธ์ุ ข. พืชเจริญเติบโตชา้ ค. ตอนได้ดเี ฉพะในฤดูฝน ง. พชื ทไ่ี ดไ้ ม่มรี ากแกว้ ระบบรากต้นื 3. ประโยชนข์ องการตอนกงิ่ คือขอ้ ใด ก. พชื ตน้ ใหม่ไม่กลายพันธ์ุ ข. พืชเจรญิ เติบโตชา้ ค. พชื ที่ได้ไมม่ รี ากแก้ว ง. ไม่สะดวกตอ่ การขนสง่ 4. พืชชนดิ ใดขยายพนั ธุ์พืชโดยการตอนกิง่ คอื ขอ้ ใด ก. พชื ผกั ข. พชื ไร่ ค. พชื ลม้ ลุก ง. พชื ยืนตน้
5. ถ้านกั เรยี นชอบปลกู มะลิเพ่ือนาไปใช้ประดบั ตกแต่งหรือร้อยพวงมาลัย นกั เรยี นจะ ขยายพนั ธ์โุ ดยวิธีใด ก. การเพาะเมล็ด ข. การเสียบกง่ิ ค. การติดตา ง. การตอน 6. การตอนก่ิงแบบซบั ซ้อนหรอื งเู ล้อื ย เหมาะสาหรับพืชชนดิ ใด ก. ตะบองเพชร ข. องนุ่ ค. วาสนา ง. กล้วยไม้ 7. ข้อใดไมใ่ ชแ่ บบของการตอนอากาศ ก. แบบกรดี ข. แบบคว่นั ค. แบบลอกเปลือก ง. แบบปาดขา้ ง 8. ขอ้ ใดไมใ่ ชป่ ระเภทของการตอนกิง่ ก. แบบฝงั ยอด ข. แบบตอนอากาศ ค. แบบถางโคน ง. แบบขุดรอ่ ง 9. พืชชนดิ ใดนิยมขยายพันธ์ุพืชดว้ ยวธิ กี ารตอนยอด ก. แบล็ค-ราสพ์เบอร่ี โลแกนเบอรี่ ยงั เบอรี่ ข. องุ่น มะลิ เสาวรส ค. ทอ้ สาลี่ พลมั ง. ไทรทอง ชบา ยางพารา 10. การตอนกิ่งพชื ที่แข็งไมส่ ามารถโนม้ ก่ิงลงมาหาพชื ดินคือข้อใด ก. การตอนยอด ข. การตอนแบบเลอื้ ย ค. การตอนกิ่งโดยวธิ ขี ดุ ร่อง ง. การตอนกงิ่ แบบสมุ โคน
11. ขุยมะพรา้ วท่ีใชห้ ้มุ ก่ิงตอน ควรอยูใ่ นสภาพใด ก. แหง้ สนทิ ข. พรมน้าให้ชนื้ พอหมาดๆ ค. แชน่ า้ ใหอ้ ่ิมตวั ง. แชน่ ้ามาแลว้ 1 เดอื น 12. ขอ้ ใดไม่ใชว่ ัสดทุ ี่ใชใ้ นการตอนพืช ก. ขยุ มะพรา้ ว ข. ลวด ค. เทปพลาสติก ง. ถุงพลาสตกิ 13. การเลือกกิง่ ตอนควรเลือกแบบใด ก. กิ่งอ่อน ข. กิ่งกง่ึ แกก่ ึ่งอ่อน ค. กิง่ แก่ ง. ก่ิงสนี า้ ตาล 14. ขอ้ ใดคือลักษณะทวั่ ไปของก่งิ ก่ึงออ่ นกงึ่ แก่ ก. เป็นส่วนของกิ่งทอี่ ยู่ถัดก่งิ อ่อนลงมา ข. ผวิ เปลอื กเร่มิ เปลย่ี นเป็นสนี ้าตาล ค. เปลือกเปน็ ลายสีน้าตาลปนสีครมี ง. ผวิ ของเปลือกหยาบและหนา 15. การทาฮอร์โมนเรง่ ราก ถา้ เปน็ ฮอรโ์ มนชนิดน้าต้องทาอย่างไร ก. ใช้พูก่ นั จุ่มฮอรโ์ มนทาบรเิ วณรอยแผลดา้ นบน ข. ใช้น้ิวจมุ่ ฮอร์โมนทาบริเวณรอยแผลดา้ นล่าง ค. ใชพ้ ลาสตกิ จ่มุ ฮอรโ์ มนทาบริเวณรอยแผลดา้ นล่าง ง. ใชข้ ยุ มะพรา้ วจมุ่ ฮอรโ์ มนหมุ้ รอบกงิ่
16. ข้อใดเรยี งลาดับขนั้ ตอนในการตดั ชากิง่ ตอนได้ถกู ต้อง ก. ตดั ก่ิงตอนดว้ ยมดี แลว้ นาไปปลกู ในที่ร่มราไร ข. ตดั กิ่งตอนด้วยกรรไกร แลว้ นาไปชาไวใ้ นท่ีรม่ ราไร ค. ตัดกงิ่ ตอนด้วยเลือ่ ย แล้วนาไปปลกู ในกระถาง ง. ตดั กิ่งตอนดว้ ยมดี แลว้ นาไปปลูกในแปลง 17. การคว่นั กง่ิ ตอนควรคว่นั บริเวณใตข้ ้อใหร้ อยท้ังสองหา่ งกนั เทา่ ไร ก. 1/2 น้วิ ข. 2 นว้ิ ค. ประมาณความยาวของเสน้ รอบวงของก่งิ ที่ทาการตอน ง. ประมาณความยาวของลาตน้ พืช 18. การใชม้ ดี ขดู เมือกก่งิ ตอนทถี่ ูกตอ้ งควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. ขูดจากดา้ นบนลงล่าง ข. ขูดจากด้านล่างขึน้ บน ค. ขูดตามขวางของลาต้น ง. ขูดบริเวณด้านบน 19. การผูกมัดกระเปราะขยุ มะพร้าวอย่างถกู วธิ ที าอย่างไร ก. ใชเ้ ชอื กฟางผกู มัดดา้ นหวั กระเปราะให้แน่น ข. ใชเ้ ชอื กฟางผกู มัดดา้ นท้ายกระเปราะใหแ้ น่น ค. ใชเ้ ชือกฟางผูกมดั ดา้ นหวั และด้านท้ายกระเปราะให้แนน่ ง. ใช้เชอื กฟางผูกมัดดา้ นหัวและด้านทา้ ยกระเปราะพอหลวมๆหมุนไดร้ อบกิ่ง 20. รอยแผลก่ิงตอนเม่ือควนั ก่ิงเสร็จแล้วต้องมีลกั ษณะอย่างไร ดูเฉลยหน้าถัดไปนะครบั !!! ก. รอยแผลเรียบไมช่ ้า ข. รอยแผลโคง้ ไม่ช้า ค. รอยแผลโค้งช้า ง. รอยแผลเรียบชา้
เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น เร่อื ง การขยายพันธพุ์ ืชโดยวธิ กี ารตอน 1. ข 2.ง 3.ก 4.ง 5.ง 6.ข 7.ค 8.ค 9.ก 10.ง 11.ค 12.ค 13.ข 14.ข 15.ก 16.ข 17.ค 18.ก 19.ค 20.ก
Search
Read the Text Version
- 1 - 35
Pages: