ธรรมชาตขิ องภาษาไทย สิท ธิเชศ ว ร์ เจน เร�ือ ย น ศ . บ .( เกีย รตินิยม ) อ . บ . (บ า ลี – สัน สกฤ ต แล ะ พุท ธ ศ า สน์ ศึกษ า ) จุฬ า ฯ ศึกษา ป รัชญ า ดุษฎีบัณ ฑิต (ภา ษา ศ าสตร์) ม . มหิดล
ธรรมชาตขิ องภาษา ภาษาใชส้ อ�ื สาร สอ�ืผสู้ ง่ • ขอ้ มลู• สาร • ขอ้ มลู ผรู้ บั • เขา้ ใจขอ้ มลู สาร ความ • รปู แบ • ปฏบิ ตั ติ าม ตอ้ งการ บ สาร ความตอ้ งการ ของผสู้ ง่ สาร Sender Message Channel Receiver M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเรอ�ื ย
การสอ�ื สาร การสอ�ื สาร หมายถงึ วธิ กี าร ทใ�ี ชต้ ดิ ต่อกนั ระหวา่ งมนุษย์ เพอ�ื ใหร้ บั รคู้ วามหมาย ของ กนั และกนั M วชิ าภาษาไทย เร�อื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
สาร วจั นสาร อวจั นสาร M วชิ าภาษาไทย เร�อื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
วจั นสาร ข้อความ คาํ พูด ตวั หนังสอื บนั ทึกคาํ พูด M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
อวจั นสาร ป้ ายสัญลักษณ์ การเว้นวรรค ช่องไฟ FONT ตัวอักษร ภาษา ท่าทาง น�ําเสียงฯลฯ M วชิ าภาษาไทย เร�อื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเรอ�ื ย
อปุ สรรคของการสื�อสาร 1. ผสู้ ง่ สารขาดพน�ื ความรู้ ประสบการณ์ ขาดความสนใจและมคี วามรสู้ กึ ไมด่ ใี นเร�อื งทจ�ี ะ สอ�ื สาร 2. สาร มคี วามซบั ซอ้ นเกนิ ไป ลกึ ซง�ึ เกนิ กาํ ลงั สตปิ ัญญาของผรู้ บั สาร หา่ งไกลจาก ประสบการณ์ของผรู้ บั สารหรอื มคี วามขดั แยง้ กนั ในตวั สารนนั� 3. ภาษาทใ�ี ชใ้ นการสอ�ื สารมลี กั ษณะเขา้ ใจยาก ใชภ้ าษาผดิ ระดบั หรอื ใชส้ าํ นวนโวหารไมต่ รง กบั เน�ือหาของเรอ�ื งทจ�ี ะสอ�ื สาร 4. ผรู้ บั สาร มลี กั ษณะเชน่ เดยี วกบั ผสู้ ง่ สาร 5. สอ�ื ขดั ขอ้ งอยใู่ นสภาพไมพ่ รอ้ ม 6. กาลเทศะและสภาพแวดลอ้ มไมเ่ หมาะสม M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
Share of experience (ประสบการณ์รว่ ม) / common ground ผสู้ ง่ สาร ผรู้ บั สาร M วชิ าภาษาไทย เร�อื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเรอ�ื ย
ตวั อยา่ ง เชน่ เวลารบั สารทเ�ี ป็นมกุ ตลก “ไปถา่ ยรปู มาแลว้ ผมยาวไป เลยตอ้ งเอาไปตดั ตอ่ ” M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
1. ข้อใดไม่ถือเป็นการสื�อสารที�ถกู ต้องตามหลกั ภาษาศาสตร์ ก. นกั รอ้ งรอ้ งเพลงในหอ้ งอดั ข. ครฝู ึกสนุ ขั สงั� ใหส้ นุ ขั ไหว้ ค. นกั เรยี นท่องหนงั สอื สอบ ง. ศลิ ปินวาดภาพทส�ี ะทอ้ นจนิ ตนาการของตน M วชิ าภาษาไทย เร�อื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
ลกั ษณะทวั� ไปของภาษา 1. ภาษาใช้เสียงส�ือความหมาย แต่ เสียง ് ไมส่ มั พนั ธ์ กบั ความหมาย 2. ภาษาประกอบด้วยหน่วยเลก็ ไปจนถึงหน่วยใหญ่ • พยญั ชนะตน้ • คาํ มลู • นามวลี • ประโยคสามญั • สระ • คาํ ประสม • กรยิ าวลี • ประโยครวม • วรรณยกุ ต์ • คาํ ซา�ํ • บุพบทวลี • ประโยคซอ้ น • พยญั ชนะทา้ ย • คาํ ซอ้ น วลี ประโยค พยางค์ คาํ M วชิ าภาษาไทย เร�อื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
3. ภาษามีการเปลี�ยนแปลง การเปลย�ี นแปลงทางภาษาของภาษาไทยอนั เกดิ จากการพดู จาในชวี ติ ประจาํ วนั การกรอ่ นเสยี ง (อพั ภาส) เชน่ หมากมว่ ง = มะมว่ ง หมากขาม = มะขาม ตาวนั = ตะวนั ตน้ ขบ = ตะขบ การเพมิ� เสยี งกลางคาํ เชน่ นกยาง = นกกระยาง นกจอก = นกกระจอก การเพมิ� เสยี งหน้าคาํ (ประ, กระ) เชน่ โดด = กระโดด การกลนื เสยี ง เชน่ สบิ เอด็ = สบิ เบด็ M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
เปล�ียนเน�ืองจาก เชน่ : - ทบั ศพั ทภ์ าษาองั กฤษ ไดแ้ ก่ อิทธิพลของ ฟุตบอล คอมพวิ เตอร์ เทคนคิ ฯลฯ ภาษาต่างประเทศ การนําสาํ นวนภาษาต่างประเทศมา ใช้ ไดแ้ ก่ สนใจใน … , เขา้ ใจใน … , ในความคดิ ของฉนั … , ทกุ สงิ� ทุก อยา่ ง … ฯลฯ M วชิ าภาษาไทย เร�อื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
เปล�ียนแปลงตามสภาพแวดล้อม เชน่ : - พดู ตามสมยั ไดแ้ ก่ : - กก�ิ ป�ิง ฯลฯ หรอื เลยี นเสยี งเดก็ ไดแ้ ก่ : - มา่ ยอาว (ไมเ่ อา), อาหยอ่ ย (อรอ่ ย) ฯลฯ M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
ลกั ษณะของประโยคท�ีมาจากภาษาต่างประเทศ มกั พบคาํ ต่อไปนี� ข้อสงั เกต ไดร้ บั ต่อการ นํามาซง�ึ พรอ้ มกบั สาํ หรบั มนั ในความคดิ สงั� เขา้ สง่ ออก ใช้ชวี ติ ไมม่ ี ลกั ษณะนาม เชน่ - เขาไดร้ บั ความพอใจ - เลขขอ้ น�ีงา่ ยต่อการคดิ - สาํ หรบั ขา้ พเจา้ ไมข่ อแสดงความคดิ เหน็ - สามผรู้ า้ ยบกุ ปลน้ ธนาคาร M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
ลกั ษณะภาษาไทยแท้ 1.ภาษาคาํ โดด (Isolating Language) ≠ ภาษาท�ีมีวิภตั ติปัจจยั ≠ ภาษาคาํ ควบ - สว่ นใหญ่มพี ยางคเ์ ดยี ว มคี วามหมายชดั เจนในตวั ไมต่ อ้ งแปลซบั ซอ้ น เชน่ นก หมู หมา กา ไก่ - ไมเ่ ปลย�ี นแปลงเสยี งและรปู ตาม กาล การก การติ พจน์ (Tense, Subject, Quantifier) เช่น ฉนั กินขา้ ว I eat rice หลอ่ นกินขา้ ว She eats rice ฉนั กินขา้ วเมอ�ื เชา้ น�ี I ate rice this morning เราทMกุ วชิคาภนาษกาิไนทยขเรา้ อ�ื วงธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิWธเิ ชeศวรe์ เaจนtเรrอ�ื iยce
2. คาํ คาํ เดียวมีหน้าท�ีหลายอย่าง ความหมาย หลายอย่าง นาย ก ขบั รถชนควายตาย = นาย ก ขบั รถชนควาย แลว้ ควายตาย นาย ก ขบั รถ ชนควายทต�ี ายอยแู่ ลว้ นาย ก ขบั รถชนควาย แลว้ กต็ าย รบั แก้ผา้ ทุกชนดิ รบั ทาํ นาฬกิ าเสีย ทม�ี าภาพ: https://www.amarintv.com/news/detail/28009 M วชิ าภาษาไทย เร�อื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเรอ�ื ย
3. สร้างคาํ ใหม่ ด้วยการประสมคาํ เช่น แม่ + นํ�า = แม่น�ํา M วชิ าภาษาไทย เร�อื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
4. เรียงสลบั ท�ีความหมายเปลี�ยน ใครใชใ้ หไ้ ป ไปใชใ้ หใ้ คร ใครไปใชใ้ ห้ ให้ ใครไปใช้ ใชใ้ ครใหไ้ ป เอามากบั ครู ครมู าเอากบั มาเอากบั ครู M วชิ าภาษาไทย เร�อื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
5. มีลกั ษณนาม (คาํ ปลายบาทสงั ขยา) เช่น ขอก๋วยเตยี� ว 1 ชาม ขอจบู สกั ที ฝน 10 ห่า M วชิ าภาษาไทย เร�อื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเรอ�ื ย
6. คาํ ขยายอย่หู ลงั เช่น เธอสวยทุกนาทีท�ีเคยสมั ผสั ดอกทอง vs golden flower (ดอกไมท้ �ีมีสีทอง) M วชิ าภาษาไทย เร�อื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเรอ�ื ย
7. มีวรรณยกุ ตแ์ ยกความหมาย ขาขา้ คาอยทู่ ต�ี น้ ขา่ ทม�ี คี า่ ซง�ึ คนทถ�ี กู ฆา่ เอาไปคา้ KhaKhaKha U Ti Ton Kha Ti Me Kha Sung Khon Ti TukKhaAoPaiKha ใครขายไขไ่ ก่ Khrai Khai Khai Kai M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
8. มีเสียงควบ เพราะพรง�ิ พรอ้ มแพรวพราว กลาํ� คราถงึ คราวเขยี นครบครนั วนั พระมปี ระชนั ประชุมกนั อยา่ งพรอ้ มเพรยี ง M วชิ าภาษาไทย เร�อื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเรอ�ื ย
9. มีระดบั ภาษา กู ข้า ฉัน ข้าพเจ้า กระหมอ่ ม ฉัน ข้าพระพทุ ธเจ้า = I M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
ระดบั ภาษา มี 5 พิธีการ ใชใ้ นงานพธิ ี พระราชพธิ ี (มคี วามไพเราะ ระดบั สละสลวย ผดิ พลาดไมไ่ ด)้ ทางการ ใชใ้ นการเขยี นหนงั สอื ราชการ กึ�งทางการ ภาษาทใ�ี ชพ้ ดู ในงานทเ�ี ป็นทางการ หรอื รายงานเชงิ วชิ าการ สนทนา ภาษาทวั� ไปทเ�ี รามกั ใชใ้ นชวี ติ ประจาํ วนั กบั กลุ่ม บุคคลสามญั กนั เอง เป็นภาษาเฉพาะกลมุ่ อาจมสี แลง และคาํ หยาบคาย ปนอยคู่ อ่ นขา้ งมาก M วชิ าภาษาไทย เร�อื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเรอ�ื ย
1. ข้อใดไม่ 1. ภาษาทกุ ภาษามีลกั ษณะร่วมกนั คือใช้เสียงส�ือความหมายประกอบด้วยหน่วยเลก็ ถกู ต้อง ซ�ึงรวมกนั เป็นหน่วยใหญ่ขึ�น 2. วจั นภาษาคือถ้อยคาํ ที�มนุษยใ์ ช้พดู เพื�อส�ือความหมายดงั นัน� ผ้ใู ช้ภาษาจงึ ต้องเป็น มนุษยเ์ ท่านัน� และส�ิงท�ีส�ือความหมายคือเสียงพดู 3. เสียงท�ีใช้อย่ใู นแต่ละภาษามีจาํ นวนไม่ร้จู บเราสามารถนําเสียงสระพยญั ชนะ วรรณยกุ ตม์ าสร้างเป็นคาํ ได้จาํ นวนมากเพื�อส�ือสารกบั คนในสงั คม 4. การท�ีคนไทยเรียกละอองน�ําท�ีแขง็ เยน็ มีลกั ษณะเป็นปยุ ว่าหิมะ คนองั กฤษเรียกส โนว์ คนญ�ีป่ นุ เรียกยคู ิ เป็นเรื�องของการตกลงกนั ของคนแต่ละกล่มุ ไม่ได้เป็นเพราะ ความสมั พนั ธข์ องเสียงกบั ความหมายแต่อย่างใด M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเรอ�ื ย
1. “เพญ็ ” เป็นคาํ ทม�ี าจากภาษาเขมรมคี วามหมาย วา่ “เตม็ ” 2. ข้อใดไม่แสดงการ 2. “วสิ ยั ทศั น์” เป็นศพั ทบ์ ญั ญตั ขิ องคาํ “Vision” ใน เปล�ียนแปลงของ ภาษาองั กฤษ ภาษา 3. “พอ” เมอ�ื เปลย�ี นเสยี งวรรณยุกตเ์ ป็น “พอ่ ” จะมี ความหมายต่างไป 4. “เพอ�ื ” เดมิ ใชเ้ ป็นคาํ บพุ บทบอกเหตุปัจจบุ นั ใช้ เป็นคาํ บุพบทบอกจุดมงุ่ หมาย M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
3. ธขร้อรใมดชกาลต่าิขวถอึงง เสยี งในภาษาใด ๆ อาจเพม�ิ จาํ นวนขน�ึ ไดถ้ า้ ยมื คาํ ภาษาอ�นื มา ภาษาอย่างไม่ ใชโ้ ดยมไิ ดด้ ดั แปลงเสยี งใหใ้ กลเ้ คยี งกบั เสยี งในภาษาตน ถกู ต้อง เมอ�ื สภาพสงั คมเปลย�ี นไปหรอื ความคดิ ของคนในสงั คม เปลย�ี นไปยอ่ มมผี ลทาํ ใหภ้ าษาเปลย�ี นแปลงไปไดเ้ สมอ เสยี งในภาษามจี าํ นวนจาํ กดั แต่มนุษยส์ ามารถสรา้ งประโยคได้ ต่อไปเรอ�ื ย ๆ โดยไมจ่ าํ กดั จาํ นวน คนต่างชาตกิ นั ใชค้ าํ คลา้ ยคลงึ กนั เพราะเสยี งสมั พนั ธก์ บั ความหมาย M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
1. ภาษาไทยมาตรฐานคอื ภาษาราชการ 4. ข้อความในข้อใด 2. ภาษาไทยมกี ารออกเสยี งหนกั เบา ไม่ถกู ต้อง 3. ภาษาไทยรบั คาํ จากภาษาอน�ื ในรปู ศพั ทเ์ ดมิ เป็นสว่ น ใหญ่ 4. คนไทยบางคนออกเสยี งพยญั ชนะบางเสยี งตามเสยี ง ภาษาองั กฤษ M วชิ าภาษาไทย เร�อื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเรอ�ื ย
5. คาํ ว่า “ยาย” ใน 1. ภาษาเป็นสงิ� ทม�ี นุษยใ์ ชส้ อ�ื ความหมาย ภาษากรงุ เทพฯ มีใช้ ถติ�น่างออื�นอกเชไ่นปใภนาภษาาษา 2. ภาษาถน�ิ หมายถงึ ภาษาทแ�ี ตกต่างกนั ตาม ลาํ พนู ใช้ “อยุ๊ ” ภาษา ถน�ิ ทอ�ี ยู่ สกลนครใช้ “แม่เฒ่า” 3. เสยี งในภาษาไมจ่ าํ เป็นตอ้ งสมั พนั ธก์ บั ข้อใดอธิบายลกั ษณะ ความหมาย ของภาษาดงั กล่าว 4. ลกั ษณะของภาษาถนิ� ตอ้ งแตกตา่ งกบั ข้างต้น ภาษามาตรฐาน M วชิ าภาษาไทย เร�อื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเรอ�ื ย
1. ภาษาของสงั คมหน�ึงอาจถูกสงั คมหน�ึงอน�ื ยมื ไปใช้ และ สรา้ งความเจรญิ ใหส้ งั คมใหมน่ นั� ได้ ธ6.รขรม้อใชดาไตมิข่ใอชง่ 2. ผใู้ ชภ้ าษาสามารถแตง่ ประโยคใหมๆ่ ขน�ึ มาไดท้ ุกวนั ภาษา แมจ้ ะไมใ่ ชป่ ระโยคทเ�ี คยเรยี นจากพอ่ แม่ 3. ภาษาประกอบขน�ึ ดว้ ยเสยี ง และความหมาย การศกึ ษา ภาษาพดู จะทาํ ใหร้ ลู้ กั ษณะแทจ้ รงิ ของภาษา 4. ผใู้ ชภ้ าษาจากสงั คมหน�ึงจะสามารถเขา้ ใจภาษาของ สงั คมอน�ื ไดถ้ า้ ภาษานนั� มรี ะบบการเขยี นทแ�ี น่นอน M วชิ าภาษาไทย เร�อื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
1. ผคู้ นกรกู นั เขา้ หอ้ มลอ้ มและใหก้ าํ ลงั ใจเขาทนั ทที ม�ี าถงึ 7. ข้อใดไมเ่ ป็น 2. ประชาชนนิยมไปเดนิ ออกกําลงั กายทส�ี วนจตุจกั รทุกวนั สถานการณ์ของการ อาทติ ย์ สื�อสาร 3. เจา้ ของสวนยางอา่ นจดหมายเรยี กคา่ คมุ้ ครองให้ เจา้ หน้าทฟ�ี ัง 4. เจา้ หน้าทส�ี วนสตั วเ์ ชญิ ชวนใหผ้ เู้ ขา้ ชมบรจิ าคเงนิ เป็น คา่ อาหารสตั ว์ M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเรอ�ื ย
1. สระประสมเกดิ จากการประสมของสระเดย�ี ว 2 เสยี ง 8. ความในขอ้ ใดไม่ 2. ภาษาไทยจดั เป็นภาษาคาํ โดด เพราะคาํ ในภาษาเป็น ถกู ต้อง คาํ พยางคเ์ ดยี วทงั� หมด 3. การเขยี นทร�ี กั ษารปู คาํ เดมิ ชว่ ยใหแ้ ยกความหมายของ คาํ พอ้ งเสยี งได้ 4. การออกเสยี งของผพู้ ดู เป็นสาเหตุหน�ึงทท�ี าํ ใหภ้ าษา เปลย�ี นแปลงได้ M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
1. เดอื นเดน่ เรยี นรอ้ งเพลง 9. ขอ้ ใดปรากฏ 2. วชิ ยั เขยี นคาํ ตอบลงในสมดุ องคป์ ระกอบของการ 3. โสภากลา่ วขอบคณุ เพอ�ื น สื�อสารครบถว้ น 4. สดุ าอ่านประกาศรบั สมคั รงาน M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเรอ�ื ย
1ค0าํ .ทข�ีเก้อิดใดจาเปก็น 1. ต๊กุ แก ต๊อกแต๊ก ตว้ มเตย�ี ม การเลียนเสียง ธรรมชาติทกุ 2. ออดแอด อุย้ อา้ ย อ๊ดู อด�ี คาํ (O-Net 49) 3. โหวย ๆ หวดี ๆ หวดู ๆ 4. โครม ๆ คกึ คกิ ๆ M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเรอ�ื ย
11. ข้อใดเป็นอวจั นภาษา (O-Net 49) 1. กบลิ พรหมตงั� ปัญหาทา้ ธรรมบาล ใหก้ ลา่ วขานแกไ้ ขในปัญหา 2. อภวิ นั ทอ์ ญั ชลสี น�ี กั เขยี น ผสู้ อ่ งเทยี นนําทางสรา้ งวรรณศลิ ป์ 3. คาํ สญั ญาทใ�ี หไ้ วแ้ ตก่ ่อน เหมอื นสายลมอ่อนอ่อนผา่ นไปมา 4. วนั ครอบครวั พรอ้ มกนั วนั ไดพ้ บ วนั ประสบสงั สรรคญ์ าตผิ ใู้ หญ่ M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเรอ�ื ย
1. เขายม�ิ ดว้ ยความพอใจเมอ�ื ไดร้ บั ชยั ชนะ 12. ขอ้ ใดใช้วจั 2. เธออา่ นนวนิยายแลว้ ชอบเล่าใหเ้ พอ�ื นฟัง นภาษา(O-NET 50) 3. นกั เรยี นในชนั� เงยี บทนั ทเี มอ�ื ครจู อ้ งหน้า 4. ทกุ ครงั� ทฟ�ี ังเพลงตลกพวกเราจะหวั เราะทนั ที M วชิ าภาษาไทย เร�อื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเรอ�ื ย
1. บา้ งมว้ นเสอ�ื มดั กระสอบหอบเสบยี ง บา้ งถุง้ เถยี งชงิ สปั คบั กนั 13. ขอ้ ใดไม่ 2. บา้ งกะเกณฑผ์ คู้ นอลหมา่ น นายบา้ นเทย�ี วเรง่ เรยี กหา มีวจั นภาษา (A-Net 49) 3. บา้ งบา่ วเขา้ คนละบา่ พานายวง�ิ ประเจยี ดเครอ�ื งเปลอ�ื งทง�ิ ไว้ เกล�อื นกลน่ 4. บา้ งชวนชกั พรรคพวกพน�ี ้อง ยกั ยา้ ยเงนิ ทองไปเทย�ี วฝัง M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
14. ตามธรรมชาติของภาษาข้อใดไมใ่ ช่ลกั ษณะ ทวั� ไปของภาษา ( O-NET 52) 1. ครปู ระจาํ ชนั� กวกั มอื เรยี กเดก็ นกั เรยี นไปเขา้ แถวทส�ี นาม 2. คาํ วา่ “บตั รเตมิ เงนิ ” เป็นคาํ ประสมทใ�ี ชใ้ นภาษาไทยไมน่ านนกั 3. คุณวมิ ลเล่าวา่ ลกู สาวอายุ 2 ขวบพดู เกง่ ขน�ึ ใชป้ ระโยคไดย้ าวกวา่ เมอ�ื ก่อนมาก 4. เดก็ ชายทองไมส่ ามารถออกเสยี งคาํ ภาษาองั กฤษทม�ี เี สยี งตวั S สะกดไดเ้ พราะเสยี ง สะกดน�ีไมม่ ใี น ภาษาไทย M วชิ าภาษาไทย เรอ�ื งธรรมชาตขิ องภาษา โดย สทิ ธเิ ชศวร์ เจนเร�อื ย
Search
Read the Text Version
- 1 - 39
Pages: