หน่วยท่ี 5 การตรวจสอบงานเช่ือมด้วยการพนิ ิจ การตรวจสอบงานเช่ือมด้วยการพินิจ วชิ า งานเช่อื มอาร์กโลหะแก๊สคลุม 1 ครูสมหมาย เยาว์แสง
1 ใบเนอื้ หา รหัสวชิ า 2103-2006 วชิ างานเชื่อมอาร์กโลหะแกส๊ คลุม 1 สอนครั้งที่ 17 ช่อื หนว่ ย การตรวจสอบงานเชื่อมด้วยการพนิ จิ เวลา 1 ชัว่ โมง ช่อื เรือ่ ง การตรวจสอบงานเชือ่ มด้วยการพินจิ 6.2 การตรวจสอบงานเชื่อมด้วยการพินิจ 6.2.1 ประเภทของการตรวจสอบงานเชอ่ื ม การตรวจสอบงานเชื่อมเปน็ สิ่งสาคัญทต่ี อ้ งกระทาภายหลังปฏิบัติงานเสรจ็ แล้ว เพราะการเชื่อม อาจมีจุดบกพร่องเกิดข้ึน ก่อนนางานเชื่อมไปใช้งานโดยเฉพาะงานที่ต้องการคุณภาพตามมาตรฐาน หรือข้อกาหนดโดยนาผลการตรวจสอบมาพิจารณาแก้ไขจุดบกพร่อง และปรับปรุงวิธีเช่ือมให้ เหมาะสมเพ่ือเป็นการรับประกันคุณภาพงานเช่ือม การตรวจสอบงานเช่ือม สามารถแบ่งออกตาม วิธีการปฏิบัติได้ 2 ประเภท คือ การตรวจสอบแบบทาลายสภาพช้ินงานและการตรวจสอบแบบ ไม่ทาลายสภาพชน้ิ งาน 6.2.1.1 การตรวจสอบแบบทาลายสภาพช้นิ งาน การตรวจสอบแบบทาลายสภาพชิ้นงาน หมายถึง การตรวจสอบท่ีทาการเปล่ียนแปลง สภาพช้ินงานเพ่ือ หาจุดบกพร่องของแนวเชื่อมโดยไม่สามารถนาชิ้นงานน้ันกลับมาใช้ได้อีกชนิดของ การตรวจสอบแบบทาลายสภาพชน้ิ งาน ได้แก่ การทดสอบแรงดึง (Tensile Testing) การทดสอบแรง กระแทก (Impact Toughness Testing) การทดสอบความแข็ง (Hardness Testing) และการ ทดสอบดว้ ยการงอ (Bend Testing) 6.2.1.2 การตรวจสอบแบบไมท่ าลายสภาพช้นิ งาน การตรวจสอบแบบไม่ทาลายสภาพช้ินงาน เป็นการตรวจสอบท่ีไม่มีการเปลี่ยนรูปช้ินงาน เพื่อตรวจสอบ สมบัติต่าง ๆ และหาจุดบกพร่อง โดยนาผลการตรวจสอบที่ได้ไปพิจารณาตัดสินใจ เพื่อรับรองคุณภาพชิ้นงานหรือต้องแก้ไขใหม่ การตรวจสอบแบบนี้จะใช้เวลาในการตรวจสอบน้อย และมีความสะดวก ชนิดการตรวจสอบแบบไม่ทาลายสภาพ ได้แก่ การตรวจสอบด้วยการพินิจ (Visual Testing) การทดสอบด้วยรังสี (Radiographic Testing) การทดสอบด้วยคล่ืนความถี่สูง (Ultrasonic Testing) การทดสอบด้วยสารแทรกซึม (Penetrant Testing) และการทดสอบด้วย อนภุ าคสนามแมเ่ หลก็ (Magnetic Particle Testing) 6.2.2 การตรวจสอบงานเช่อื มด้วยการพินิจ (VISUAL Testing : VT) การตรวจสอบงานเช่ือมด้วยการพินิจ หรือท่ีเรียกกันว่า การตรวจสอบด้วยสายตา เป็นกรรมวิธีตรวจสอบข้ันพื้นฐาน สาหรับการประเมินผลการเชื่อม ว่าในงานเชื่อมน้ันๆ ผลการ ตรวจสอบอยใู่ นระดบั การยอมรบั (Acceptance) หรือไม่ยอมรับ (Rejection) การตรวจด้วยการพินิจ
2 สามารถกระทาได้ในทุก ๆ ขั้นตอนของการเช่ือมประกอบ ได้แก่ การตรวจสอบก่อนเชื่อม ขณะเช่ือม และหลังเชื่อม ผู้ตรวจสอบจะต้องมีความรู้ประสบการณ์มากพอที่จะทราบถึงลักษณะสาคัญ ๆ ท่ีเกิดขนึ้ บนชน้ิ งานและแนวเชื่อม ฉะนั้นจึงถือว่าการตรวจสอบด้วยการพินิจมีความสาคัญและจาเป็น ทสี่ ดุ ในการควบคุมคุณภาพงานเชื่อม การตรวจสอบด้วยการพินิจสามารถตรวจสอบความไม่สมบูรณ์ หรือตาหนิ (Discontinuity) ที่ผิวภายนอกเท่านั้น การตรวจสอบด้วยการพินิจน้ีเป็นวิธีการท่ีง่าย รวดเร็ว ประหยดั และไม่ตอ้ งใช้เคร่อื งมอื พิเศษ ใช้อุปกรณ์ช่วยง่าย ๆ เช่น บรรทัดวัด เกจวัดแนวเชื่อม ไฟฉาย แว่นขยาย เปน็ ตน้ ซ่ึงการตรวจสอบน้ีสามารถใช้ผตู้ รวจสอบหรอื ผูค้ วบคุมงานหรือตวั ช่างเชื่อม เองตรวจสอบก็ได้ในงานท่ีไม่ต้องการความละเอียดมากนัก การตรวจสอบด้วยการพินิจสามารถ ป้องกันหรือลดความไม่สมบูรณ์ท่ีอาจตรวจพบ ลดไปถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์ การป้องกันความไม่ สมบูรณ์กอ่ นการเช่อื มแล้วเสรจ็ ถือเป็นขอ้ ดีของการตรวจสอบดว้ ยการพินิจท่ีสาคญั การตรวจสอบงานเชื่อมด้วยการพินิจ เป็นเทคนิคในการตรวจสอบหนึ่งท่ีจัดอยู่ใน กระบวนการตรวจสอบแบบไม่ทาลายสภาพการตรวจสอบด้วยการพินิจ นี้ก็จะต้องแทรกอยู่ในทุก ขนั้ ตอนของการทางาน เริม่ ต้งั แตก่ ่อนการเชื่อม ระหว่างทาการเช่อื มและหลังการเชอ่ื ม เพ่ือให้ช้ินงาน เชอื่ มนัน้ มีคณุ ภาพตามที่กาหนดไว้ 6.2.3 คณุ สมบตั ิของผตู้ รวจสอบงานเชอื่ มด้วยการพนิ ิจ ผูต้ รวจสอบงานเชอ่ื ม จะตอ้ งเป็นผู้ทมี่ ีความรู้ในด้านการตรวจสอบงานเช่ือมเป็นอย่างดีซึ่ง จะต้องผ่านการอบรม และผ่านการประเมินจนเป็นที่ยอมรับของหน่วยงานที่รับผิดชอบจึงจะสามารถ เป็นผตู้ รวจสอบงานเชือ่ มได้ นอกจากนจี้ ะตอ้ งเปน็ ผทู้ ่มี ีคณุ สมบัตสิ าคญั อืน่ ๆ อกี ดงั นี้ 6.2.3.1 มีความรู้ทางด้านวิศวกรรมและโลหะวิทยา ซ่ึงเป็นส่วนสาคญั ท่ีสนับสนุนการทางาน ด้านการตรวจสอบงานเชือ่ มให้เกดิ ข้อผิดพลาดน้อยทส่ี ดุ 6.2.3.2 มีสภาพรา่ งกายแขง็ แรงและสายตาทีด่ ี เนือ่ งจากการตรวจสอบงานเชื่อมในสภาพ ของงานจริงจะต้องประสบความยุ่งยาก เช่น การข้ึนในท่ีสูง การมุด การคลาน การป่ายปีน เป็นต้น และต้องใช้สายตาในการพิจารณา โดยเฉพาะจุดเลก็ ๆ รายละเอียดต่าง ๆ 6.2.3.3 มีประสบการณ์ด้านการเช่ือม โดยตอ้ งมคี วามรูเ้ ก่ียวกับการเช่ือม การใช้เคร่ืองมือ อปุ กรณ์ ซงึ่ จะสามารถหาเหตุผล และต้งั สมมุตฐิ านได้ใกล้เคยี งกับสภาพความเป็นจริง 6.2.3.4 มีบุคลิกภาพและมนุษย์สัมพันธ์ท่ีดี มีความขยัน อดทน และสามารถควบคุม อารมณ์ของตนเองได้เปน็ อยา่ งดี ไมอ่ คติ และมีความยุติธรรม 6.2.3.5 มีความสามารถในการบนั ทกึ ข้อมูล การบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบต้องมี ความสมบูรณ์ และมขี อบเขตเพยี งพอสาหรบั การตดั สนิ ผลการตรวจสอบ 6.2.3.6 มคี วามรู้ทางด้านการอ่านแบบและข้อกาหนด ผู้ตรวจสอบงานเช่ือมต้องมีความรู้ ทางดา้ นการอ่านแบบและออกแบบ รวมทง้ั การแปลความหมายข้อกาหนดตา่ ง ๆ ได้
3 6.2.3.7 มีประสบการณ์ด้านการตรวจสอบ ซ่ึงสามารถเรียนรู้ได้จากประสบการณ์ในการ ทางานในการตรวจสอบ เช่น การสังเกตพฤติกรรมจากผู้ตรวจสอบงานเชื่อมที่มีประสบการณ์มากกว่าเพื่อ นามาพัฒนาตนเอง 6.2.4 ขัน้ ตอนในการตรวจสอบดว้ ยการพินจิ การตรวจสอบงานเช่ือมดว้ ยการพนิ ิจ มขี นั้ ตอนการตรวจสอบดงั นี้ 6.2.4.1 ข้นั เตรยี มเครือ่ งมอื อปุ กรณ์และวสั ดุ กอ่ นดาเนนิ การตรวจสอบ จะตอ้ งเตรยี มการ เคร่อื งมืออปุ กรณ์ให้พรอ้ ม ดงั นี้ 1) เอกสารต่าง ๆ เช่น แบบงาน มาตรฐานประกอบงาน 2) อปุ กรณช์ ว่ ยใหแ้ สงสว่างและการมองเหน็ เชน่ ไฟฉาย แวน่ ขยาย 3) อปุ กรณท์ าความสะอาด เชน่ แปรงลวด คอ้ นเคาะสแลก 6.2.4.2 ขนั้ ทาความสะอาด โดยปกติชิ้นงานเช่อื มทีเ่ ป็นชิ้นทดสอบ ไดม้ กี ารทาความสะอาดโดยผเู้ ชื่อมแล้ว ผู้ตรวจงาน เช่ือมเพยี งแต่กาจัดบางสง่ิ บางอย่างทเี่ ป็นอปุ สรรคตอ่ การตรวจสอบ สาหรับการตรวจสอบงานเช่ือมภาคสนาม ผู้ปฏิบัติงานเชื่อมอาจจะไม่ได้ทาความสะอาด แนวเช่อื มเอาไวห้ รอื ทาความสะอาดไวไ้ ม่ดีพอ 6.2.4.3 ขน้ั การตรวจสอบ ตรวจสอบหาลักษณะของข้อบกพร่อง เช่น สภาพล้นแนว รอยกัดแหว่ง รอยแตกร้าว รพู รุน สแลกฝัง เปน็ ต้น และตรวจสอบขนาดของแนวเชอื่ ม 6.2.4.4 ขั้นตอนการบนั ทกึ หรือทาเครอ่ื งหมายเพือ่ ซ่อมแซม ในข้ันตอนของการตรวจสอบ ผู้ตรวจสอบจะต้องมีการบันทึกหรือเครื่องหมายจุดที่ บกพร่องเอาไว้ให้เห็นความผิดพลาดท่ีเกิดข้ึน ในกรณีท่ีเป็นชิ้นงานท่ีใช้งานจริงผู้ตรวจสอบทา เครือ่ งหมายเอาไว้ให้ชา่ งเชื่อมไดแ้ กไ้ ขตาแหน่งที่เกดิ จุดบกพรอ่ ง 6.2.4.5 สรปุ ผลการตรวจสอบ พิจารณาข้อมูลท่ีบันทึกทั้งหมดแล้วสรุปว่า ชิ้นงานท่ีตรวจสอบผ่านการตรวจสอบด้วยการพินิจ หรือไม่ 6.2.5 วธิ กี ารตรวจสอบงานเช่ือมด้วยการพนิ จิ 6.2.5.1 การตรวจสอบกอ่ นเชอื่ ม การตรวจสอบก่อนเชื่อมเป็นสิ่งสาคัญ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาท่ีอาจจะเกิดข้ึนภายหลัง การเช่ือม การตรวจสอบท่ีต้องกระทาประการแรกของการเร่ิมงานใหม่คือ การตรวจสอบเอกสารที่ เกี่ยวข้องกับการเช่ือมท้ังหมด ได้แก่ แบบงานเชื่อม ข้ันตอนงานเชื่อม เป็นต้น เอกสารต่าง ๆ จะมี ประโยชน์สาหรับผู้ตรวจสอบให้สาระสาคัญที่จะทาให้ผู้ตรวจสอบรู้ว่าอะไร เม่ือไร ที่ไหนแ ละ
4 ตรวจสอบอย่างไรเอกสารจะบอกรายละเอียดของวัสดุงานท่ีจะนามาใช้เช่ือมได้อย่างมีประสิทธิภาพ การให้ความร้อนก่อนเช่ือม การให้ความร้อนหลังเช่ือม กรรมวิธีการเช่ือม เทคนิคการเช่ือม ชนิดลวด เช่อื ม ท่าเชื่อม เป็นต้น รายละเอียดท่ีประกอบอยู่ในเอกสารน้ัน ผู้ตรวจสอบจะต้องเป็นผู้ควบคุมและ ใหค้ าปรึกษาแกผ่ ู้ปฏบิ ัติ รายละเอยี ดการตรวจสอบกอ่ นเช่อื ม ดังนี้ 1) ตรวจสอบเอกสารทเี่ กี่ยวข้องกับความต้องการในการเชอ่ื ม 2) ตรวจสอบกรรมวธิ ีการเช่อื ม (Welding Procedures) 3) ตรวจสอบคณุ ภาพของชา่ งเชอ่ื ม 4) ตรวจสอบความเหมาะสมของเครอื่ งมือ, อุปกรณ์การเช่ือม 5) ตรวจสอบคุณภาพและสภาพของวสั ดุงานและลวดเชือ่ ม 6) ตรวจสอบคณุ ภาพและความถูกตอ้ งของการเตรียมรอยต่อเชื่อม 7) ตรวจสอบการประกอบและแนวการวางของช้ินงานท่ีจะเชือ่ ม 8) ตรวจสอบความสามารถในการประกอบและแนวการวางชิน้ สว่ น 9) ตรวจสอบความสะอาดในบรเิ วณทจ่ี ะเชอ่ื ม 10) ตรวจสอบการใหค้ วามรอ้ นกอ่ นเชือ่ ม กรณตี อ้ งให้ความรอ้ นก่อนเช่อื ม 11) ตรวจสอบสิง่ แวดลอ้ มในการทางาน 12) ตรวจสอบการประกอบติดตัง้ อปุ กรณ์ในการเช่อื ม ค่ากระแสไฟฟ้า ขวั้ ไฟ การจบั ยึด สายดิน 13) ตรวจสอบการใชอ้ ุปกรณใ์ นการจับยึด 14) ตรวจสอบชนิดและคณุ ภาพของชน้ิ งานเชือ่ ม 6.2.5.2 การตรวจสอบขณะเชอื่ ม การตรวจสอบขณะเชอ่ื ม ผ้ตู รวจสอบจะตอ้ งมปี ระสบการณ์ท่ีจะดูถึงเทคนิคการเช่ือม การ เติมลวดเช่ือมและช้ันของแนวเชื่อม ซึ่งการตรวจสอบตาหนิที่อาจเกิดกับแนวเช่ือมซ้อนแนว จะเป็น การปอ้ งกันและแก้ไขไมใ่ หเ้ กิดความเสยี หาย เน่ืองจากการเชื่อมทับแนวเชื่อมที่มีตาหนิ การตรวจสอบ ยังรวมไปถึงการเชื่อมให้ถูกต้องตาม Procedures ท่ีกาหนดไว้ ได้แก่ กรรมวิธีการเชื่อม จานวนชั้น ของแนวเชอื่ ม อุณหภูมิระหว่างเทีย่ วเชื่อม (Interpass Temperature) การทาความสะอาดแนวเช่ือม ก่อนเชื่อมทับแนว ตกแต่งหรือเจียระไนแนวเช่ือมแต่ละแนวและอ่ืน ๆ นอกจากน้ันจะต้องตรวจสอบ เครอ่ื งมอื ที่ใช้ในการทาความสะอาดด้วย การตรวจสอบขณะเช่อื ม ได้แก่ 1) ตรวจสอบตวั แปรตาม Welding Procedure 2) ตรวจสอบคณุ ภาพแต่ละแนวเชอื่ ม 3) ตรวจสอบการทาความสะอาดแนวเชอื่ มก่อนที่จะเชื่อมทับแนว 4) ตรวจสอบอุณหภมู ขิ องแนวเช่ือมก่อนทจ่ี ะเชื่อมทบั แนว (Interpass Temperature)
5 5) ตรวจสอบตาแหน่งและลาดับการเชือ่ มแตล่ ะแนวเชือ่ ม 6) ตรวจสอบผิวการเซาะดา้ นหลัง (Back gouged Surfaces) 6.2.5.3 การตรวจสอบหลงั เช่ือม การตรวจสอบหลังเช่ือมด้วยการพินิจ จะกระทาเม่ืองานเสร็จแล้ว ไม่เพียงแต่ตรวจสอบดู ตาหนแิ ละขนาดของแนวเช่ือมเท่าน้ันแต่จะต้องตรวจสอบดูด้านอื่น ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับคุณภาพของงาน อีกด้วย เช่น การทาความสะอาดแนวเชื่อม การเอาสแลกและสะเก็ดเช่ือมออก การตรวจสอบหลัง เชอ่ื มจุดบกพร่องท่พี บจะต้องทาเครือ่ งหมายเอาไว้ สาหรับการเช่ือมซ่อมต่อไป การตรวจสอบด้วยการ พินิจจึงเป็นวิธกี ารทดสอบท่ีง่าย แตต่ อ้ งสรุปผลอยา่ งระมดั ระวงั เนื่องจากการดดู ้วยตาเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าส่วนใต้ผิวงานน้ันมีความสมบูรณ์มากน้อยแค่ไหน การทาเคร่ืองหมายบนแนว เชื่อมทจ่ี ะซ่อม ควรมลี กั ษณะดังน้ี 1) เคร่ืองหมายต้องชัดเจน 2) เครื่องหมายตอ้ งมคี วามถาวรพอสมควรจนกระทง่ั การเช่อื มซ่อม และการตรวจสอบเสรจ็ 3) สที ่ใี ชท้ าเครือ่ งหมายต้องมีลกั ษณะเฉพาะตวั เพ่ือทจี่ ะได้ไม่สบั สนกับเครื่องหมายอืน่ ๆ 4) วสั ดทุ ่ีใช้ทาเคร่อื งหมายต้องไม่มีผลเสยี ต่อแนวเชือ่ ม 5) วสั ดุที่ใชท้ าเคร่ืองหมายล้างออกได้ถ้ามีผลกระทบตอ่ การใชง้ าน 6) เครื่องหมายต้องเป็นแบบที่เข้าใจตรงกันของผู้ตรวจสอบทุกคน รวมท้ังช่างท่ีจะทา การเชอื่ มซ่อม 6.2.6 เครือ่ งมือและอปุ กรณ์การตรวจสอบงานเชือ่ มดว้ ยการพินจิ 6.2.6.1 แว่นขยายภาพ ใช้ในการชว่ ยขยายแนวเชอ่ื มและช้ินงานในการตรวจสอบให้ ชดั เจนมากยิง่ ขึ้น รูปที่ 6.27 ลักษณะของแว่นขยายภาพ (ทีม่ า : https://www.google.co.th/search?q=แว่นขยาย+jpg&dcr=0&source)
6 6.2.6.2 อปุ กรณ์ส่องสวา่ ง ใช้ในการชว่ ยให้แสงสว่าง มองเห็นได้ชัดเจนข้ึนเพราะบางคร้ัง แสงสวา่ งทีส่ ่องลงไปยังจดุ บกพรอ่ งต่างๆ อาจจะมองไมช่ ดั เจนจงึ ต้องใชอ้ ปุ กรณส์ ่องสว่างช่วย ซึ่งได้แก่ ไฟฉาย ปัจจุบันนไี้ ฟฉายมหี ลายรูปแบบ รปู ท่ี 6.28 ลักษณะของไฟฉายสาหรบั ช่วยใหแ้ สงสวา่ ง (ท่มี า : https://th.pngtree.com/freepng/black-flashlight_1683547.html) 6.2.6.3 บรรทัดสแตนเลส ใช้สาหรับทาบวัดจุดสูง-ต่าของแนวเช่ือม ใช้วัดขนาดความ กว้างของแนวเช่อื ม และแนวซึมลึก, รอยตอ่ บากหน้างานขนาดของข้อบกพร่องต่าง ๆ โดยใช้ประกอบ ร่วมกันในการวัด รูปที่ 6.29 ลักษณะของบรรทัดเหล็ก 6.2.6.4 เวอรเ์ นยี ร์ เป็นเครอื่ งมือวดั ซงึ่ สามารถวดั ส่วนตา่ งๆ ของแนวเชือ่ ม เชน่ วัดความ กว้างแนวเช่ือม ความสูงแนวเชื่อมและความสูงแนวซึมลึกของงานแผ่นต่อชน วัดขนาดขาของแนว เชือ่ มตอ่ ตวั ที เป็นต้น รปู ที่ 6.30 ลกั ษณะของเวอร์เนียร์
7 6.2.6.5 เกจวัดแนวเช่ือม ใช้วัดขนาดแนวเช่ือมในส่วนต่างๆ ได้แก่ ความกว้าง ความสูง แนวเชือ่ ม ความสูงแนวซมึ ลึก ของงานเชอื่ มตอ่ ชน สาหรับงานเช่ือมต่อตัวที ได้แก่ ขาแนวเชื่อม โทรด ของแนวเช่ือม เป็นตน้ รปู ท่ี 6.31 ลกั ษณะของเกจวดั แนวเชอื่ มแบบต่างๆ (ทม่ี า : https://www.google.com/search?ei=WbbUWrLYBYrZvgSDmZ3oBg&q=เกจวัดแนวเชอ่ื ม&oq) 6.2.7 วิธกี ารตรวจสอบงานเชื่อมตอ่ ชนบากหนา้ ช้ินงานด้วยการพนิ จิ 6.2.7.1 เตรียมช้ินงานตรวจสอบ ช้ินงานท่ีจะนามาตรวจสอบ จากใบงานที่ 13 (งานเช่ือมต่อชนบากหน้าช้ินงานท่าราบ) จะต้องทาความสะอาด ด้วยแปรงลวดเหล็ก ให้ปราศจาก สนิม สแลกและสง่ิ สกปรกตา่ ง ๆ รปู ที่ 6.32 ช้นิ งานเชอื่ มพรอ้ มตรวจสอบด้วยการพินิจ
8 6.2.7.2 ตรวจสอบขนาดความกว้างแนวเช่ือม นาช้ินงานเช่ือมต่อชนบากหน้าช้ินงาน ท่าราบ ทีท่ าความสะอาดให้เรียบร้อย ใช้บรรทัดสแตนเลส ทาบขอบแนวเชื่อมเพ่ือสังเกตจุดกว้างสุด และจุดแคบสุดของแนวเชื่อมแล้วทาเคร่ืองหมายไว้ ใช้เวอร์เนียร์วัดหาความกว้างแนวเช่ือมจุดท่ีทา เครื่องหมายไว้ รูปท่ี 6.33 การวดั ความกวา้ งแนวเชอ่ื มดว้ ยเวอร์เนียร์ 6.2.7.3 ตรวจสอบความสูงแนวเชื่อม ใช้บรรทัดสแตนเลส ทาบบนแนวเช่ือมเพื่อสังเกต จุดสูงสุดและจุดต่าสุดของแนวเชื่อมแล้วทาเครื่องหมายไว้ ใช้เกจวัดแนวเช่ือมหาขนาดความสูงแนว เชือ่ มจุดทีท่ าเครือ่ งหมายไว้ รูปท่ี 6.34 การหาจุดสงู สุดและตา่ สดุ ของแนวเชื่อม ดว้ ยวิธใี ช้บรรทัดสแตนเลสทาบ รปู ท่ี 6.35 วิธีการตรวจวัดความสงู แนวเช่ือม
9 6.2.7.4 การตรวจสอบความสูงของแนวซึมลึกด้วยเกจวัด ใช้บรรทัดสแตนเลส ทาบบน แนวซมึ ลึกเพอื่ สังเกตจุดสูงสุดและจุดตา่ สุดของแนวเช่ือมแล้วทาเคร่ืองหมายไว้ ใช้เกจวัดแนวเชื่อมหา ขนาดความสูงแนวซึมลกึ จุดท่ีทาเคร่ืองหมายไว้ รูปที่ 6.36 วิธกี ารตรวจวดั ความสงู แนวซมึ ลึก 6.2.7.5 การตรวจสอบจุดบกพร่องต่างๆ บนชนิ้ งานเชือ่ มตอ่ ชน โดยตรวจสอบหาจุดบกพร่องต่าง ๆ โดยใชเ้ คร่อื งมือและอุปกรณ์ชว่ ยวัดและตรวจสอบ เชน่ เกจวดั , เลนส์ขยาย, ไฟฉาย, ฟตุ เหล็ก, และจดบนั ทึกลงในบันทึกผลการตรวจสอบ 6.2.8 วธิ ีการตรวจสอบงานเช่ือมตอ่ ตัวทีด้วยการพินจิ 6.2.8.1 เตรียมช้ินงานตรวจสอบ ชิ้นงานท่ีจะนามาตรวจสอบ จะต้องทาความสะอาด ดว้ ยแปรงลวดเหลก็ ให้ปราศจากสนมิ แสลกและส่ิงสกปรกต่าง ๆ รูปท่ี 6.37 ช้ินงานเชื่อมพร้อมตรวจสอบดว้ ยการพินิจ
10 6.2.8.2 การวัดขนาดขาแนวเชื่อม (Leg of a Fillet Weld) คือการวัดระยะจากก้น มุมของแนวต่อตวั ทถี ึงปลายสุดของแนวเชอ่ื มโดยใช้เกจวัดจุดท่ีขาแนวเชอ่ื มส้ันสดุ และยาวสุด รปู ที่ 6.38 วธิ กี ารวดั ขาแนวเชื่อมด้วยเกจวดั แนวเชอ่ื ม 6.2.8.3 การวัดโทรดของแนวเช่ือม (Throat of a fillet weld) คือระยะที่ใช้วัดจาก ส่วนลกึ ของกน้ มุมแนวเชือ่ มจนถึงผวิ หนา้ ของงานเชือ่ มโดยใช้เกจวัดจุดที่สูงสุดและต่าสุด ใช้ด้านมุมตั้ง ให้ชิดขอบทั้งสองดา้ นของช้ินงาน และดนั แกนวดั ตรงกลางชนแนวเชือ่ มและอ่านค่า รปู ท่ี 6.39 วธิ กี ารวัดโทรดของแนวเชื่อมด้วยเกจวัด 6.2.8.4 การตรวจสอบจุดบกพร่องต่างๆ บนช้ินงานเช่อื มตอ่ ตัวที โดยตรวจสอบหาจุดบกพร่องต่าง ๆ โดยใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ช่วยวัดและตรวจสอบ เช่น เกจวดั , เลนสข์ ยาย, ไฟฉาย, ฟุตเหลก็ , และจดบันทกึ ลงในบันทกึ ผลการตรวจสอบ
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: