ประวัติศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ๓หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ สมยั ก่อนสโุ ขทยั ในดนิ แดนไทย จุดประสงค์การเรยี นรู้ • อธบิ ายเรอ่ื งราวทางประวตั ิศาสตร์ สมยั ก่อนสโุ ขทัยในดนิ แดนไทยโดยสงั เขปได้
เรอ่ื งราวสมัยก่อนประวตั ศิ าสตรใ์ นดนิ แดนไทย หลกั เกณฑ์การแบง่ ยคุ สมัยก่อนประวตั ิศาสตรใ์ นประเทศไทย • สมยั ประวัตศิ าสตรใ์ นดินแดนทเี่ ปน็ ประเทศไทยเริม่ เมอ่ื ประมาณ พ.ศ. ๑๑๘๐ ถา้ นับมาถึงปัจจุบัน สมยั ประวตั ศิ าสตร์ในประเทศไทย มอี ายุไม่ถึง ๑,๔๐๐ ปี นบั ว่าสัน้ มากเมือ่ เทยี บกับการท่ีมนุษยต์ ้งั ถ่นิ ฐานในดนิ แดนประเทศไทย และกอ่ นที่มนษุ ยใ์ นประเทศไทยจะ รู้จกั ใช้ตวั หนงั สือกย็ าวนานมาก คอื ประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ ปี เรียกวา่ “สมยั ก่อนประวตั ศิ าสตร”์ มีหลกั เกณฑก์ ารแบง่ ยุคสมยั เพื่อให้ ชัดเจนและใหง้ ่ายแก่การทาความเข้าใจใหต้ รงกัน แบง่ เป็น ๒ ประเภท ๑ แบ่งตามเทคโนโลยีการทาเคร่ืองมือเครอ่ื งใช้ ๒ แบง่ ตามลักษณะการดารงชีวิตของผคู้ น คือ ยคุ หนิ เกา่ กับยคุ หนิ ใหม่
การขยายตวั ของชุมชนในสุวรรณภมู ิ • สวุ รรณภมู ิเปน็ ชอ่ื เดิมของดนิ แดนเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ หรอื โดยเฉพาะดนิ แดนที่เปน็ ประเทศไทย สุวรรณภมู ิ แปลวา่ “ดินแดน แห่งทองคา” หมายถึง ดนิ แดนที่มคี วามอุดมสมบรู ณ์มากเหมาะแกก่ ารต้ังหลักแหล่งของชมุ ชน • การขยายตวั ของชมุ ชนในสวุ รรณภมู ิ มลี ักษณะคลา้ ยกับการขยายตวั ของชุมชนอ่นื ๆ คอื สมัยก่อนประวัตศิ าสตรด์ นิ แดนหลายแห่งมี กลุ่มชนเล็กๆ อาศัยอยู่ เมื่อบริเวณน้ันไม่อุดมสมบรู ณ์ ก็จะอพยพเคล่อื นย้ายไปหาแหล่งอาหารแหล่งใหม่ เกดิ การขยายเปน็ ชุมชน ขนาดใหญ่
พัฒนาการของชมุ ชนโบราณในภาคตา่ งๆ ของไทย ภาคกลาง • ชุมชนยุคหินเกา่ ทถ่ี ้าพระ อาเภอไทรโยค ถ้าเขาทะลุ และถา้ เม่น อาเภอบ้านเก่า จงั หวดั กาญจนบุรี พบเคร่ืองมือหนิ ทีเ่ ป็น เคร่อื งมือขุด เครื่องมือสับ ตัดและขวานทีม่ ขี นาดใหญแ่ ละหนัก • ชุมชนยุคหินกลาง ทบ่ี ้านหนองโน อาเภอพนัสนิคม จังหวดั ชลบรุ ี พบเครื่องมอื หิน เครือ่ งปน้ั ดินเผาลายขีดและขดั มัน เคร่ืองมือปลายแหลม เบ็ดตกปลา และภาชนะดินเผาลายเชอื กทาบ • ชุมชนยคุ หนิ ใหม่ ทบี่ า้ นเกา่ อาเภอเมอื ง จงั หวัดกาญจนบรุ ี พบโครงกระดกู มนษุ ยย์ คุ หนิ ใหม่ ขวานหนิ ขัด เคร่อื งประดบั ทาจาก เปลือกหอย และภาชนะดินเผา • ชมุ ชนยุคสาริด ท่ีบา้ นหนองโน อาเภอพนสั นคิ ม จงั หวัดชลบรุ ี พบหลุมศพจานวนมาก ภาชนะดินเผาเคลือบนา้ โคลนสแี ดง รูปทรงคลา้ ยพาน กาไลหนิ ออ่ น กาไล สรอ้ ยทาจากสารดิ และเปลอื กหอยทะเล ตุ้มหทู าจากดีบุก • ชุมชนยุคเหลก็ ทบ่ี ้านดอนตาเพชร อาเภอพนมทวน จงั หวัดกาญจนบุรี พบภาชนะดินเผา เคร่อื งประดบั อาวธุ และเครอ่ื งมือ เครอื่ งใช้ที่ทาด้วยเหลก็
ภาคเหนอื • ชุมชนยุคหินเก่า ท่ีถา้ ผแี มน จงั หวดั แม่ฮอ่ งสอน พบเครื่องมอื หิน ใบหอกหิน เครื่องมอื หนิ กะเทาะ • ชุมชนยคุ หินกลาง ท่ีถ้าผีแมน จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน พบเครือ่ งมอื หินทีเ่ ปน็ เครือ่ งมอื ขุด เครื่องมอื สบั ตดั ขนาดใหญ่ • เครอ่ื งมือหนิ ขัดและเครอ่ื งมอื หนิ กะเทาะ • ชุมชนยคุ หนิ ใหม่ กระจายอยู่ตามลุม่ แม่นา้ ตา่ งๆ ในเขตจังหวดั แม่ฮอ่ งสอน เชยี งใหม่ ลาปาง นา่ น อตุ รดิตถ์ พบเครอ่ื งมือยุค หินใหม่ต่อเนื่องไปถงึ ยุคโลหะ • ชมุ ชนยุคสาริด ในเขตจงั หวดั แม่ฮ่องสอน เชยี งใหม่ เชยี งราย น่าน อตุ รดติ ถ์ ตาก ลาพูน พบว่ามกี ารใชท้ ้ังเคร่อื งมือสารดิ และ หินขัด • ชมุ ชนยุคเหลก็ อยู่ตามลุ่มแม่น้าสายตา่ งๆ ในเขตจังหวดั แมฮ่ ่องสอน เชียงใหม่ เชยี งราย นา่ น อุตรดิตถ์ ลาพนู พบแหล่งชุมชน โบราณท่ใี ช้เครือ่ งมือทาจากเหลก็
ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื • ชมุ ชนยคุ หนิ เกา่ ทอ่ี าเภอเชยี งคาน จงั หวดั เลย และอาเภอดอนตาล จงั หวดั มุกดาหาร พบเคร่อื งมือหนิ กะเทาะที่เปน็ เคร่อื งมอื ขุด สับ และตัด • ชุมชนยุคหนิ กลาง ทอ่ี าเภอเชียงคาน จังหวดั เลย อาเภอดอนตาล จังหวดั มกุ ดาหารพบหลกั ฐานเครือ่ งมือขุดและเคร่อื งมอื สับ ตัด ซ่งึ ตอ่ เน่ืองมาจากยุคหนิ เก่า • ชมุ ชนยุคหินใหม่ ทบ่ี ้านโนนนกทา อาเภอภูเวียง จังหวดั ขอนแก่น พบภาชนะดนิ เผา ลกู ปดั ทาจากเปลอื กหอย ขวานหนิ ขดั หนิ สบั • ชุมชนยคุ สารดิ ที่บ้านเชยี ง อาเภอหนองหาน จังหวดั อดุ รธานี ภาชนะดนิ เผาลายเขียนสแี ดงบนพ้นื สีนวล โครงกระดกู มนุษย์ โครงกระดูกสตั ว์ เครอ่ื งประดบั ทาจากลกู ปัด สง่ิ ของเคร่ืองใชท้ าจากหินและโลหะ • ชมุ ชนยคุ เหล็ก ชมุ ชนโบราณที่บ้านเชยี ง จังหวัดอุดรธานี พบเคร่อื งมือยคุ เหลก็ และมกี ารค้นพบแหล่งแร่เหล็ก
ภาคใต้ • ชมุ ชนยุคหินเก่า ทถี่ า้ หลังโรงเรยี นทับปริก อาเภอเมือง จงั หวัดกระบ่ี พบเครอ่ื งมือยคุ หนิ เกา่ ที่ทาเป็นเคร่อื งมอื ขดุ เคร่อื งมือ สบั ตัด • ชุมชนยคุ หินกลาง แหล่งโบราณคดี บ้านพลคี วายอาเภอสทงิ พระ จงั หวดั สงขลา พบเครื่องมอื หินกะเทาะ เคร่ืองมือในยคุ หนิ เก่า และพบขวานหนิ • ชุมชนยุคหนิ ใหม่ จังหวดั กระบี่ และ จงั หวดั พงั งา พบภาชนะดนิ เผาท่ที าเป็นหมอ้ สามขา พบขวานหินขัดชนิดมบี ่าและไม่มีบ่า • ชุมชนยุคสาริด ทถ่ี ้าผีหัวโต จงั หวดั กระบี่ และในบรเิ วณอ่าวริมทะเล พบภาพเขยี นสีสมยั ก่อนประวัติศาสตรเ์ ปน็ ภาพคนสวม ชุดยาวที่ศรี ษะมีรูปร่างคลา้ ยเขาสัตว์ แยกเป็น ๒ แฉก ร่องรอยการก่อตงั้ ชุมชนบรเิ วณอา่ ว ริมทะเล และรมิ แม่น้า • ชมุ ชนยคุ เหลก็ ทอ่ี าเภอคลองทอ่ ม จังหวดั กระบ่ี พบลกู ปดั พน้ื เมอื งจานวนมาก และพบชิ้นสว่ นเคร่ืองมือเหล็กในสภาพ สึกกร่อนและชารดุ
การสร้างสรรค์ภูมปิ ัญญาของมนุษยก์ ่อนประวัตศิ าสตรใ์ นดนิ แดนประเทศไทย ปัจจัยท่มี อี ิทธพิ ลตอ่ การสร้างสรรค์ภูมปิ ัญญาของมนุษยก์ ่อนประวตั ศิ าสตร์ ๑ ความตอ้ งการความมั่นคงในการดารงชวี ิตประจาวนั ในเร่อื งอาหาร ที่อยู่อาศัย เครอื่ งน่งุ ห่ม และยารักษาโรค ๒ สภาพภูมศิ าสตรแ์ ละสิง่ แวดลอ้ ม เชน่ การเกดิ ภยั ธรรมชาติ โรคระบาด ๓ คตคิ วามเชอ่ื เช่น ความตาย ความเช่อื ในเรือ่ งวญิ ญาณ เปน็ ตน้
การสรา้ งสรรคภ์ มู ิปัญญาของชมุ ชนโบราณกอ่ นประวตั ิศาสตร์ ดา้ นเกษตรกรรม • มนษุ ยย์ คุ หนิ ใหมม่ ีการเพาะปลูกแบบทาไร่เล่ือนลอย บางแห่งมกี ารเพาะปลูกข้าว ในท่ีลุ่ม ขณะเดียวกันกม็ กี ารล่าสตั ว์เป็นอาหาร ด้านโลหะกรรม • มนุษยย์ คุ หินใหม่มกี ารเพาะปลูกแบบทาไร่เลอ่ื นลอย บางแหง่ มีการเพาะปลูกขา้ ว ในที่ลมุ่ ขณะเดียวกันก็มกี ารล่าสตั ว์เป็นอาหาร ดา้ นหัตถกรรม • มนุษยย์ คุ หินใหมม่ ีการเพาะปลูกแบบทาไรเ่ ลอื่ นลอย บางแห่งมกี ารเพาะปลูกขา้ ว ในท่ีลมุ่ ขณะเดยี วกนั ก็มีการลา่ สัตวเ์ ปน็ อาหาร ดา้ นการสรา้ งที่อยอู่ าศัย • มนุษย์ยคุ หนิ ใหมม่ ีการเพาะปลูกแบบทาไร่เลื่อนลอย บางแห่งมีการเพาะปลกู ข้าว ในทล่ี ่มุ ขณะเดยี วกนั กม็ กี ารลา่ สัตวเ์ ปน็ อาหาร ด้านการรกั ษาโรค • มนษุ ย์ยุคหนิ ใหมม่ ีการเพาะปลูกแบบทาไร่เลื่อนลอย บางแห่งมีการเพาะปลกู ข้าว ในทลี่ ุ่ม ขณะเดยี วกนั กม็ ีการล่าสตั วเ์ ปน็ อาหาร
พฒั นาการจากชมุ ชนมาสูร่ ฐั โบราณ แควน้ /รฐั อาณาจกั ร ชุมชน บา้ นเมอื ง
รฐั โบราณและรฐั ไทยในดินแดนไทย พัฒนาการของอาณาจักรโบราณในภาคกลาง อาณาจกั รทวารวดี (พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๑ - ๑๖) • เป็นอาณาจกั รท่ีมีหลักฐานแนน่ อนแห่งแรกบนผนื แผ่นดินไทย สันนิษฐานว่ามีศูนย์กลางอยู่ทีจ่ งั หวัดนครปฐม • หลักฐานสมยั ทวารวดี เชน่ ธรรมจักรศิลา จลุ ประโทนเจดยี ์ และฐานอาคารทว่ี ัดพระเมรุ • ทวารวดีได้รับอิทธิพลอินเดีย เชน่ การปกครองโดยกษตั รยิ ์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พระพุทธศาสนา
อาณาจกั รละโว้ (พุทธศตวรรษท่ี ๑๒ - ๑๘) • ในช่วงแรกละโว้รับวัฒนธรรมจากอินเดีย เช่น แนวคิดเรอื่ งการปกครอง โดยกษตั ริย์มกี ารแบง่ ชนชน้ั ทางสังคม • มีการนับถอื พระพทุ ธศาสนา นิกายเถรวาทและมหายาน รวมทงั้ ความเชื่อเรื่องการนับถอื บรรพบรุ ุษ และยกย่องสตรี • มีอาชพี ทส่ี าคญั คือ การเกษตร และมกี ารตดิ ตอ่ ค้าขายกับชุมชนตา่ งถิ่น • สมัยพระเจ้าสุริยวรมนั ท่ี ๑ กษัตริย์ขอมได้ปกครองละโวใ้ นฐานะประเทศราช • ขอมไดส้ ง่ ผแู้ ทนมาปกครองละโวม้ กี ารบังคับใช้กฎหมายและระบบตุลาการ คือ ศาลสภา • หลงั สมยั พระเจา้ ชัยวรมนั ที่ ๗ ขอมเส่อื มอานาจ ทาให้อิทธพิ ลขอมในละโว้ ได้หมดตามไปด้วย
พฒั นาการของอาณาจักรโบราณในภาคเหนอื อาณาจักรโยนกเชียงแสน (พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๒ - ๑๙) • สันนิษฐานวา่ มีศนู ยก์ ลาง อยู่ทเี่ มอื งเชียงแสน (อาเภอเชยี งแสน จังหวดั เชียงราย) • เรื่องราวโยนกเชยี งแสนปรากฏอยู่ในตานานสงิ หนวตั กิ มุ ารและตานานลวจงั กราช • อาณาจกั รโยนกเชียงแสนถูกขอมยึดครองอาณาจกั ร • พระเจ้าพรหมกมุ ารสามารถกู้เอกราชและสรา้ งเมืองใหม่ข้นึ ท่เี วยี งไชยปราการ • หลังสมัยพระเจ้าพรหม ถกู มอญในพม่ารกุ ราน จึงสรา้ งเมอื งใหม่ท่ีกาแพงเพชร • พทุ ธศตวรรษที่ ๑๙ ถกู รวมเป็นส่วนหนงึ่ ของล้านนา
อาณาจักรหรภิ ญุ ชยั (พุทธศตวรรษที่ ๑๓ - ๑๙) • สันนิษฐานว่ามีศนู ยก์ ลางอยทู่ จ่ี งั หวดั ลาพนู • ตานานจามเทวีวงศ์กลา่ วว่า ฤๅษีวาสุเทพ เป็นผ้สู รา้ งเมืองหรภิ ุญชัย • มีพระนางจามเทวีเป็นปฐมกษตั ริย์ • สันนษิ ฐานว่าชาวเมอื งหริภุญชัยเปน็ ชาวมอญจากละโว้ • หรภิ ุญชัยตกอยภู่ ายใต้อานาจละโวห้ ลายคร้ัง • ในสมัยพระเจ้าอาทิตยราช พระพทุ ธศาสนามคี วามเจริญรุ่งเรอื งมาก • พ.ศ.๑๘๓๕ หริภุญชัยถกู รวมเข้าเป็นส่วนหนงึ่ ของลา้ นนา
อาณาจักรล้านนา (พุทธศตวรรษที่ ๑๙ - ๒๕) • มีศนู ย์กลางอยทู่ ่เี มืองนพบุรีศรนี ครพงิ คเ์ ชียงใหม่ (จงั หวดั เชียงใหม)่ • ผกู้ ่อต้งั อาณาจักร คือ พระยามงั รายมหาราช • แรกเร่ิมตั้งราชธานที ีเ่ วียงกุมกาม ตอ่ มาย้ายเมืองไปอยู่เชียงใหม่ใน พ.ศ. ๑๘๓๙ • มคี วามเจรญิ รุ่งเรอื งในเรือ่ งของกฎหมาย มงั รายศาสตร์ อักษรธรรมลา้ นนา หรืออักษรตวั เมอื ง วดั เจดยี ห์ ลวง เป็นตน้
พฒั นาการของอาณาจักรโบราณในภาคใต้ อาณาจกั รลังกาสกุ ะ (พุทธศตวรรษที่ ๗ - ๒๓) • ศนู ย์กลางอยทู่ อี่ าเภอยะรงั จังหวัดปัตตานี • พัฒนาขนึ้ จากการเปน็ เมืองท่าสาคญั มีความสมั พนั ธ์ใกลช้ ิดกับจีน • มีอารยธรรมรงุ่ เรอื ง และมีสถาบันกษัตรยิ ์ปกครองมายาวนาน • เป็นศนู ย์กลางสาคัญของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน • มกี ารนบั ถอื ศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู ลทั ธิไศวนกิ าย
อาณาจกั รตามพรลงิ ค์ (พุทธศตวรรษที่ ๑๓ - ๑๘) • ศนู ยก์ ลางอยทู่ จี่ ังหวดั นครศรีธรรมราช • เจรญิ รุ่งเรืองมาจากการเป็นเมืองท่าของพอ่ ค้าอินเดีย • เปน็ ศนู ย์กลางการคา้ ละการเมืองในบริเวณคาบสมุทรภาคใต้ • นบั ถอื ศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู และพระพุทธศาสนานกิ ายมหายาน • พุทธศตวรรษท่ี ๑๘ ได้รบั อิทธพิ ลพระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาท ลทั ธลิ งั กาวงศ์ • นครศรีธรรมราชเป็นศนู ยก์ ลางสาคญั ของการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในดนิ แดนไทย
อาณาจักรศรวี ิชยั (พุทธศตวรรษที่ ๑๓ - ๑๙) • มีศูนยก์ ลางที่เมืองปาเล็มบงั บนเกาะสมุ าตรา • ระยะแรกเจรญิ รุ่งเรืองในฐานะศูนยก์ ลางการคา้ ทางทะเลระหวา่ งจีนและอินเดยี • เมื่อจนี เขา้ มาคา้ ขายโดยตรง ทาใหเ้ มอื งไชยาเป็นเมอื งสาคัญในการค้าและรบั วฒั นธรรมศรวี ชิ ยั
พัฒนาการของอาณาจกั รโบราณในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ อาณาจกั รโคตรบรู ณ์ (พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๖) • มศี ูนย์กลางอยู่ท่นี ครพนม ครอบคลมุ พืน้ ท่ีภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ และดนิ แดนฝง่ั ซา้ ยแมน่ ้าโขง • นบั ถอื พระพุทธศาสนานกิ ายเถรวาทตามแบบทวารวดี และมีความเช่อื พน้ื เมอื งเร่อื งการบชู าพญานาค • พระธาตุพนมเป็นศาสนสถานที่สาคญั ของอาณาจกั ร • พทุ ธศตวรรษที่ ๑๘ พระเจ้าชยั วรมนั ที่ ๗ แห่งอาณาจกั รขอมไดค้ รอบครองดินแดนในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของไทย • ตอ่ มาโคตรบูรณ์ตกเปน็ เมอื งขึ้นของล้านช้าง
อาณาจักรอิศานปุระ (พุทธศตวรรษท่ี ๑๒ - ๑๘) • มีอานาจและเจริญร่งุ เรืองสงู สดุ ในสมยั พระเจ้าสรุ ยิ วรมันท่ี ๒ • สร้างปราสาทหินขนาดใหญ่มากมาย • เผยแพร่อารยธรรมไปยังรัฐข้างเคียงหลายด้าน เชน่ การปกครองแบบสมบูรณาญาสทิ ธิราชย์ ความเปน็ สมมตเิ ทพของ กษัตริย์ การปกครองแบบจตุสดมภ์ กฎหมายพระธรรมศาสตร์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พระพทุ ธศาสนานิกายมหายาน เปน็ ต้น
การสรา้ งสรรค์ภมู ิปัญญาของอาณาจกั รโบราณก่อนสมยั สุโขทยั ปัจจัยทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ การสรา้ งสรรคภ์ มู ปิ ัญญาของอาณาจักรโบราณก่อนสมัยสุโขทยั ปจั จยั พน้ื ฐาน • จากบคุ คลภายนอกท่เี ข้ามาตดิ ต่อคา้ ขาย ได้รบั อารยธรรมอนิ เดียเขา้ มา เช่น ภาษา • ลักษณะทางภมู ศิ าสตรแ์ ละส่ิงแวดลอ้ ม ศาสนา เป็นต้น • ลักษณะรว่ มและลกั ษณะแตกตา่ งทางสงั คมและ ปจั จัยจากภายนอก วฒั นธรรม
ผลงานการสร้างสรรคภ์ มู ิปญั ญาของอาณาจกั รโบราณก่อนสมัยสุโขทัย • การเกษตรกรรม การใช้แรงงานสตั ว์ การใช้ววั ควายผ่อนแรงงานคน • การเลือกทาเลในการสรา้ งบา้ นแปงเมอื ง ตัง้ เมอื งในเขตลมุ่ แมน่ า้ มที างออกสทู่ ะเล สามารถตดิ ตอ่ กบั ดนิ แดนภายใน ที่มี พชื ผลอดุ มสมบูรณ์ • การประดิษฐ์ตัวอกั ษรข้นึ ใช้ เดมิ ใชภ้ าษาสันสกฤตและบาลี แลว้ ดัดแปลงผสมผสานกบั ภาษาในท้องถ่นิ จึงกลายเปน็ อักษรมอญโบราณ • ศาสนา – ความเชือ่ คาส่ังสอนในพระพุทธศาสนาเป็นหลกั ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธ นาไปสกู่ ารสร้างสรรคภ์ ูมปิ ัญญา ทางด้านสถาปัตยกรรม ประตมิ ากรรม
ประวัตศิ าสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๑ ๓หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ สมยั กอ่ นสโุ ขทยั ในดินแดนไทย
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: