รายงาน วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพือ่ งานอาชพี (รหัสวชิ า 20001-2001) เรื่อง ความรูเ้ บือ้ งต้นเก่ยี วกับอินเทอรเ์ นต็ จัดทาโดย นายนธิ ิกร ดิษสลุง รหัสประจาตัวนกั เรยี น 65201040009 ระดบั ชั้น ปวช 2/1 สาขาวชิ าช่างไฟฟา้ กาลัง เสนอ คุณครนู ิจยา อินทรป์ ระสิทธิ์ รางานนเี้ ป็นส่วนหนึ่งของรายวชิ า คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ (รหัสวชิ า 20001-2001) หลกั สูตรประกาศนียบัตรวชิ าชีพ (ปวช.) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 วิทยาลยั เทคนิคท่าหลวง จงั หวดั ลพบุรี
รายงาน วิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพือ่ งานอาชพี (รหัสวชิ า 20001-2001) เรื่อง ความรูเ้ บือ้ งต้นเก่ยี วกับอินเทอรเ์ นต็ จัดทาโดย นายนธิ ิกร ดิษสลุง รหัสประจาตัวนกั เรยี น 65201040009 ระดบั ชั้น ปวช 2/1 สาขาวชิ าช่างไฟฟา้ กาลัง เสนอ คุณครนู ิจยา อินทรป์ ระสิทธิ์ รางานนเี้ ป็นส่วนหนึ่งของรายวชิ า คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ (รหัสวชิ า 20001-2001) หลกั สูตรประกาศนียบัตรวชิ าชีพ (ปวช.) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 วิทยาลยั เทคนิคท่าหลวง จงั หวดั ลพบุรี
ก คำนำ รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหน่ึงของวิชา 20001-2001 คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ สารสนเทศเพื่องานอาชีพการใช้ระบบปฏิบัติ โปรแกรมสาเร็จรูปและอินเทอร์เน็ตเพ่ืองานอาชีพ สามารถใช้ระบบใช้ปฏิบัติการคอมพิวเตอร์โปรแกรมสาเร็จรูปและเทคโนโลยสี ารสนเทศตามลักษณะ งานอาชีพมีคณุ ธรรมจรยิ ธรรมและความรบั ผิดชอบในการใช้คอมพิวเตอร์และระบบสานสนเทสในงาน โดยมีจุดมุ่งหมายหลังของวิชา คือ เข้าใจหลักการและกระบวนการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี อาชพี ผู้จัดทาขอขอบคุณ คุณครูนิจยา อินทร์ประสิทธิ์ อาจารย์ประจาวิชาคอมพิวเตอร์และ สารสนเทศเพื่องานอาชพี ผใู้ ห้ความร้แู ละแนวทางการศึกษา ผ้จู ัดทาหวงั เป็นอยา่ งยิง่ วา่ รายงามเล่มน้ี จะเป็นประโยชน์แกผ่ ทู้ ศี่ กึ ษาและเปน็ การตอ่ ยอดใหผ้ ้ทู ี่สนใจสามารถนาไปศึกษาต่อได้ในอนาคต ผู้จดั ทา นายนธิ ิกร ดิษสลงุ
สำรบญั ข เรอ่ื ง หน้ำ ความหมายและความเปน็ มา 1 จานวนผ้ใู ช้งานอนิ เทอร์เนต็ ในประเทศไทย 2 ประโยชน์และโทษของอินเทอร์เน็ต 3 อนิ เทอร์เนต็ ในประเทศไทย 4 การประยุกต์ใช้อินเทอรเ์ น็ต 5 เรอื่ งอนาจารผิดศลี ธรรม 6 บัญญัติ 10 ประการของการใช้อนิ เทอร์เนต็ 7 คามเป็นมาของอินเทอรเ์ น็ต 8 ประโยชน์ของอนิ เตอรเ์ น็ต 9 10 การทางานของอินเทอรเ์ นต็ 11 บรรณานุกรม
1 ความรู้เบอื้ งตน้ เก่ยี วกบั อนิ เทอร์เน็ต ความหมายและความเปน็ มา ความหมาย อนิ เทอร์เนต็ (องั กฤษ: Internet) หมายถงึ เครือขา่ ยคอมพวิ เตอรข์ นาดใหญ่ ทม่ี ีการเชอ่ื มต่อ ระหว่างเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่ายท่ัวโลก โดยใช้ภาษาท่ีใช้ส่อื สารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรยี กวา่ โพรโทคอล (Protocol) ผู้ใช้เครือข่ายน้ีสามารถสื่อสารถึงกันได้ในหลาย ๆ ทาง เช่น อีเมล เว็บบอรด์ และสามารถสืบคน้ ข้อมูลและข่าวสารต่าง ๆ รวมท้ังคดั ลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใชไ้ ด้ ทม่ี า อินเทอร์เน็ตเกิดข้ึนในปี ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) จากการเกิดเครือข่าย ARPANET (Advanced Research Projects Agency NETwork) ซ่ึงเป็นเครือข่ายสานักงานโครงการวิจัยชั้นสูง ของกระทรวงกลาโหม ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีวัตถุประสงค์หลักของการสร้างเครือข่ายคือ เพ่ือให้คอมพิวเตอร์สามารถเช่ือมต่อ และมีปฏิสัมพันธ์กันได้ เครือข่าย ARPANET ถือเป็นเครือข่าย เรมิ่ แรก ซง่ึ ตอ่ มาได้ถูกพฒั นาให้เปน็ เครอื ขา่ ย อนิ เทอร์เนต็ ในปจั จุบัน จานวนผูใ้ ชง้ านอนิ เทอร์เนต็ ทวั่ โลก ปัจจุบัน จานวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตท่ัวโลกโดยประมาณ 2.095 พันล้านคน หรือ 30.2 % ของประชากรทว่ั โลก (ข้อมลู ณ เดอื น มนี าคม 2554) โดยเมอื่ เปรยี บเทียบในทวปี ต่าง ๆ พบว่าทวีปที่ มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากท่ีสุดคือ เอเชีย โดยคิดเป็น 44.0 % ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมด และประเทศ ท่มี ีประชากรผใู้ ชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ มากทสี่ ดุ คือประเทศจีน คิดเปน็ จานวน 384 ล้านคน หากเปรียบเทียบจานวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกับจานวนประชากรรวม พบว่าทวีปอเมริกาเหนือมีสัดส่วน ผู้ใช้ต่อประชากรสูงที่สุดคือ 78.3 % รองลงมาได้แก่ ทวีปออสเตรเลีย 60.1 % และ ทวีปยุโรป คิดเปน็ 58.3 % ตามลาดบั
2 จานวนผู้ใชง้ านอินเทอรเ์ นต็ ในประเทศไทย จานวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยจานวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยมีการ เปล่ยี นแปลงดงั นี้ ปี 2534 (30คน) ปี 2535 (200 คน) ปี 2536 (8,000 คน) ปี 2537 (23,000 คน) ... ข้อมลู ลา่ สดุ ของสานักงานสถติ ิแหง่ ชาติ ปี 2551 จากจานวนประชากรอายุ 6 ปีข้นึ ไปประมาณ 59.97 ลา้ นคน พบวา่ มีผ้ใู ชค้ อมพิวเตอร์ 16.99 ล้านคน คดิ เปน็ ร้อยละ 28.2 และมีผู้ใชอ้ นิ เทอร์เน็ต 10.96 ล้านคน คดิ เป็นร้อยละ 18.2 อนิ เทอร์เน็ตในประเทศไทย อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 โดยการเช่ือมต่อมินิคอมพิวเตอร์ของ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ไปยังมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย แตใ่ นครั้งนนั้ ยังเป็นการ เช่ือมตอ่ โดยผา่ นสายโทรศัพท์ ซ่ึงสามารถสง่ ข้อมลู ได้ช้า และไม่เป็นการถาวร จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2535 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ แห่งชาติ (NECTEC) ได้ทาการเช่ือมต่อคอมพิวเตอร์กับมหาวิทยาลัย 6 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, ศูนย์เทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิว เตอร์แห่งชาติ( NECTEC), มหาวิ ทยาลัยธรรมศาสตร์ และ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ เขา้ ด้วยกันเรยี กวา่ \"เครือขา่ ยไทยสาร\" การใหบ้ รกิ ารอนิ เทอร์เน็ตในประเทศไทยได้เร่ิมตน้ ขึ้นเป็นคร้ังแรกเมื่อ เดอื น มนี าคม พ.ศ. 2538 โดย ความร่วมมือของรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง คือ การส่ือสารแห่งประเทศไทย องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศ ไทย และสานกั งานสง่ เสริมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยใหบ้ รกิ ารในนาม บรษิ ัท อินเทอร์เน็ต ประเทศไทย (Internet Thailand) เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชงิ พาณิชย์รายแรกของ ประเทศไทย อุปกรณ์ทีใ่ ชเ้ ชือ่ มต่ออินเทอรเ์ น็ต อปุ กรณท์ จี่ าเปน็ ในการเชอื่ มตอ่ เครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เนต็ น้ัน ประกอบไปด้วย 1. คอมพิวเตอร์ เป็นอุปกรณ์ที่รับข้อมูลต่างๆ ไปจากอินเตอร์เน็ตสาหรับคอมพิวเตอร์ท่ีเหมาะสม กับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ถ้าเป็นเคร่ือง PC ควรจะใช้เครื่องในระดับ Pentium ที่มี ระบบปฏิบัติการ ตั้งแต่ Windows 95 ข้ึนไป แต่ถ้าเป็นเคร่ืองแมคอินทอชน้ันควรใช้ System 7 ขึ้นไป และควรมีหนว่ ยความจาตั้งแต่ 16 MB ขน้ึ ไป
3 ประโยชน์และโทษของอนิ เทอร์เนต็ (ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ : NECTEC) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของ เครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ นต็ ดังนี้ - สามารถใช้เป็นแหล่งค้นควา้ หาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวชิ าการ ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้าน การแพทยแ์ ละอ่ืน ๆ ที่นา่ สนใจ - ระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ตจะทาหนา้ ทเ่ี สมอื นเป็นห้องสมดุ ขนาดใหญ่ - นัก ศึกษาในมหาวทิ ยาลัย สามารถใช้อินเทอร์เน็ต ติดต่อกับมหาวทิ ยาลัยอ่ืน ๆ เพ่ือค้นหาข้อมลู ทก่ี าลงั ศึกษาอยไู่ ด้ ทั้งทขี่ อ้ มลู เปน็ ขอ้ ความ เสยี ง ภาพเคล่ือนไหวต่าง ๆ เปน็ ตน้ - คน้ หาข้อมูลตา่ ง ๆ เพื่อช่วยในการตดั สนิ ใจทางธรุ กิจ - สามารถซอื้ ขายสินคา้ ผ่านระบบเครอื ข่ายอินเทอร์เนต็ - ผู้ ใช้ท่ีเป็นบริษัทหรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการและสนับสนุนลูกค้าของ ตนผ่าน ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คาแนะนา สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัว โปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นตน้ - การพักผ่อนหย่อนใจ สันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ตท่ีเรียกว่า Magazine Online รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอ่ืน ๆ โดยมีภาพประกอบ ที่จอคอมพิวเตอรเ์ หมอื นกับวารสาร ตามร้านหนงั สือท่ัว ๆ ไป - สามารถฟงั วิทยุผ่านระบบอนิ เทอรเ์ น็ตได้ - สามารถดงึ ขอ้ มลู (Download) ภาพยนตร์ตวั อยา่ งทงั้ ภาพยนตรใ์ หม่และเกา่ มาดไู ด้ โทษของอนิ เทอรเ์ น็ต 1. โรคตดิ อินเทอรเ์ นต็ (Webaholic) อาการของโรคตดิ อนิ เทอร์เนต็ มดี งั นี้ - รู้สึกหมกมุ่นกับอินเทอรเ์ น็ต แม้ในเวลาทีไ่ ม่ไดต้ ่อกับอนิ เทอร์เนต็ - มคี วามต้องการใช้อินเทอรเ์ น็ตเปน็ เวลานานขึน้ - ไม่สามารถควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตได้ - รู้สกึ หงุดหงดิ เมื่อต้องใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตนอ้ ยลงหรอื หยดุ ใช้ - ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นวิธีในการหลีกเล่ียงปัญหาหรือคิดว่าการใช้อินเทอร์เน็ตทาให้ตนเอง รสู้ กึ ดีขึน้ - หลอกคนในครอบครวั หรือเพ่ือน เรือ่ งการใช้อินเทอรเ์ น็ตของตัวเอง - การใช้อินเทอร์เน็ตทาให้เกิดความเสี่ยงต่อการสูญเสียงาน การเรยี นและความสัมพันธ์ยังใช้ อนิ เทอร์เน็ตถึงแม้วา่ ตอ้ งเสียคา่ ใชจ้ ่ายมาก - มีอาการผิดปกติ อย่างเชน่ หดหู่ กระวนกระวายเมอ่ื เลิกใชอ้ นิ เทอร์เน็ต - ใชเ้ วลาในการใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตนานกวา่ ท่ตี ัวเองต้งั ใจไว้
4 อินเทอรเ์ นต็ ในประเทศไทย ประเทศไทยได้เริ่มติดต่อกับอินเทอร์เน็ตในปี พ.ศ. 2530 ในลักษณะการใช้บริการ จดหมายเล็ก ทรอนิกส์แบบแลกเปลี่ยนถุงเมล์เป็นครั้งแรก โดยเริ่มที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต หาดใหญ่ (Prince of Songkla University) และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียหรือสถาบันเอไอที (AIT) ภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและออสเตรเลีย (โครงการ IDP) ซึ่งเป็นการ ติดต่อเช่ือมโยงโดยสายโทรศัพท์ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2531 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต หาดใหญ่ ได้ย่ืนขอที่อยู่อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย โดยได้รับท่ีอยู่อินเทอร์เน็ต Sritrang.psu.th ซึ่ง นบั เป็นท่อี ยูอ่ ินเทอรเ์ นต็ แหง่ แรกของประเทศไทย ต่อมาปี พ.ศ. 2534 บรษิ ัท DEC (Thailand) จากัด ได้ขอท่ีอยู่อินเทอร์เน็ตเพื่อใช้ประโยชน์ภายในของบริษัท โดยได้รับที่อยู่อินเทอร์เน็ต เป็น dect.co.th โดยท่ีคา “th” เป็นส่วนที่เรียกว่า โดเมน (Domain) ซึ่งเป็นส่วนที่แสดงโซนของ เครอื ขา่ ยอินเทอร์เนต็ ในประเทศไทย โดยย่อมาจากคาวา่ Thailand กล่าวได้ว่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตชนิดเต็มรูปแบบตลอด 24 ช่ัวโมง ในประเทศไทยเกิดขึ้นเป็น คร้ังแรกเมื่อเดือน กรกฎาคม ปี พ.ศ. 2535 โดยสถาบันวิทยบริการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เช่า วงจรส่ือสารความเร็ว 9600 บิตต่อวินาที จากการสื่อสารแห่งประเทศไทยเพ่ือเชื่อมเข้าสู่อินเทอร์เน็ต ท่บี รษิ ัท ยูยูเนต็ เทคโนโลยี (UUNET Technologies) ประเทศสหรฐั อเมริกา ใน ปีเดียวกัน ได้มีหน่วยงานที่เชื่อมต่อแบบออนไลน์กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่าน จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย หลายแห่งด้วยกัน ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) มหาวิทยาลัย มหิดล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ โดยเรียกเครือข่ายนี้ว่าเครือข่าย “ไทยเน็ต” (THAInet) ซ่ึง นับเป็นเครือข่ายที่มี “ เกตเวย์ “ (Gateway) หรือประตูสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นแห่งแรกของ ประเทศไทย (ปัจจุบันเครือข่ายไทยเน็ตประกอบด้วยสถาบันการศึกษา 4 แห่งเท่านั้น ส่วนใหญ่ย้าย การเชื่อมโยงอินเทอร์เน็ตโดยผ่านเนคเทค (NECTEC) หรือศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และ คอมพิวเตอร์แห่งชาติ) ปี พ.ศ. 2535 เชน่ กัน เปน็ ปเี ร่มิ ตน้ ของการจัดตงั้ กลุ่มจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการศกึ ษาและ วิจัยโดยมีช่ือว่า \"เอ็นดับเบิลยูจี\" (NWG : NECTEC E-mail Working Group) โดยการดูแลของ เนคเทค และได้จัดตั้งเครือข่ายช่ือว่า \"ไทยสาร\" (ThaiSarn : Thai Social/Scientific Academic and Research Network) เพ่ือการติดต่อส่ือสารและแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน โดย เร่ิมแรกประกอบด้วยสถาบันการศึกษา 8 แห่ง ปัจจุบันเครือข่ายไทยสารเชื่อมโยงกับสถาบันต่าง ๆ กวา่ 30 แห่ง ทง้ั สถาบันการศกึ ษาและหนว่ ยงานของรฐั
5 การประยุกต์ใช้อินเทอร์เน็ต อินเตอร์เน็ตเป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงท่ัวโลกจึงมีผู้ใช้จานวนมากเพราะการเชื่อมโยงของอินเตอร์ ทาใหโ้ ลกไร้พรหมแดน ข้อมลู ขา่ วสารจะตดิ ต่อถงึ กันอย่างรวดเร็วได้มีการประยุกต์ใช้อินเตอร์เน็ตกับ งานอน่ื ๆ ทีไ่ ดร้ ับการพัฒนาขึ้นมาใหมต่ ลอดเวลา 1. Electronic mail หรอื E-mail เป็นการสง่ ข้อความตดิ ต่อกันระหวา่ งบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ที่มีลักษณะคล้าย ๆ กับการส่งจดหมายถึงกัน แต่ปัจจุบันการส่งไปรษณีย์อิเลคทรอนิกส์จะส่งเปน็ รูป ของตัวเลขหรือระบบดจิ ิตอล จึงสามารถส่งรูป ภาพ เสยี ง และภาพเคลือ่ นไหวไดด้ ว้ ย 2. File Transfer Protocol หรือ FTP เป็นการโอนย้ายแฟ้มข้อมูลระหว่างกัน ผู้ใช้สามารถรับส่งแฟ้มข้อมูลระหว่างสถานีและนาไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น โปรแกรม cuteFTP โปรแกรม wsFTP เป็นต้น 3. Telnet การเชือ่ มโยงคอมพวิ เตอร์เข้ากับเครอื ข่าย ทาให้ตดิ ต่อเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ที่เป็น สถานีบริการที่อยู่ห่างไกลได้ถ้าสถานีบริการน้ันยินยอม เช่น การส่งโปรแกรมหรือข้อมูลไป ประมวลผลยงั เครือ่ งคอมพิวเตอรท์ ีอ่ ยตู่ ่างประเทศผ่านทางระบบเครือข่ายโดยไม่ต้องเดนิ ทางไปเอง 4. Search engine ปัจจุบันมีฐานข้อมูลข่าวสารที่เก็บไว้ให้งานจานวนมาก ฐานข้อมูลแต่ละ อย่างอาจจะเก็บในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เป็นส่ิงพิมพ์ รูปภาพ ผู้ใช้สามารถเรียกอ่าน หรือนามาพิมพ์ ฐานข้อมลู เป็นเหมือนห้องสมดุ ขนาดใหญอ่ ย่ภู ายในเครือข่ายท่ีสามารถค้นหาได้ ฐานข้อมูลในลกั ษณะ นเ้ี รียกวา่ World Wide Web หรอื www ซง่ึ เปน็ ฐานขอ้ มูลทเ่ี ช่ือมโยงทวั่ โลก 5. USENET การอ่านจากกลุ่มข่าวในอินเตอร์เน็ตจะมีกลุ่มข่าวเป็นกลุ่ม ๆ แยกตามความ สนใจ ซ่งึ สามารถสง่ ขอ้ ความไปได้และผู้ใชส้ ามารถเขียนโตต้ อบได้ 6. Chat การสนทนาบนเครือข่าย เม่ือ อินเตอร์เน็ตเชื่อมต่อกันท่ัวโลกผู้ใช้จึงสามารถใช้ เครือข่ายเป็นตัวกลางใน การติดต่อสนทนากันได้โดยการสนทนากันด้วยตัวหนังสือผ่านทางจอภาพ ปัจจบุ นั พัฒนากา้ วหน้าท่มี องเห็นหน้ากนั ดว้ ย 7. การบริการสถานีวิทยุและโทรทัศน์บนเครือข่าย เป็นการประยุกต์ท่ีก้าวหน้ามากข้ึน มีผู้ต้ัง สถานวี ทิ ยุบนเครือข่ายอินเตอร์หลายร้อยสถานี และยังมีการส่งกระจายภาพวีดิทัศน์บนเครือข่ายได้ ด้วย แต่ยังสง่ ขอ้ มลู จานวนมากไม่ได้ 8. การบริการบนอินเตอร์เน็ต ปัจจุบันมีมากมายเช่น การเผยแพร่ข่าวสาร ความรู้ การซ้ือ ขายสินค้า การทาธรุ กิจอเิ ลคทรอนกิ ส์ การชว่ ยสอน และอื่น ๆ ทผี่ ู้ใช้โตต้ อบได้
6 2. เรอื่ งอนาจารผดิ ศีลธรรม ปัจจุบัน เร่ืองของข้อมูลต่างๆ ท่ีมีเนื้อหาขัดต่อศีลธรรม ลามกอนาจาร หรือรวมถึงภาพโป๊ เปลือย รวมท้ังคลิปวีดิโอต่าง ๆ เป็นท่ีโจ่งแจ้งบนอินเทอร์เน็ตและสิ่งเหล่านี้สามารถเข้าสู่เด็กและ เยาวชน ได้ง่ายโดยผปู้ กครองไม่สามารถท่ีจะให้ความดูแลได้เต็มที่ เพราะว่าอนิ เทอร์เน็ตนั้นเป็นโลกท่ี ไร้พรมแดนและเปิดกว้างทาให้สื่อเหล่านี้ สามารถเผยแพร่ไปได้รวดเร็วจนเราไม่สามารถจับกุมหรือ เอาผดิ ผู้ท่ีทาส่งิ เหล่านี้ข้นึ มาได้ 3. ไวรสั มา้ โทรจนั - ไวรัส เปน็ โปรแกรมอิสระ ซึง่ จะสืบพันธโ์ ดยการจาลองตัวเองให้มากขน้ึ เรอื่ ย ๆ เพอ่ื ท่จี ะ ทาลายข้อมูล หรืออาจทาให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทางานช้าลงโดยการแอบใช้สอยหน่วยความจาหรือ พน้ื ท่วี ่างบนดิสก์โดยพลการ - ม้า โทรจัน เป็นตานานนักรบท่ีซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้แล้วแอบเข้าไปในเมืองจนกระทั่งยึด เมืองได้สาเร็จ โปรแกรมน้ีจะทาหน้าที่ไม่พึงประสงค์มันจะซ่อนตัวอยู่ในโปรแกรมท่ีไม่ได้รับ อนุญาต มันมักจะทาในส่งิ ที่เราไม่ต้องการและสิ่งท่ีมนั ทาน้ันไม่มีความจาเป็นต่อเรา ดว้ ย - หนอนอินเทอรเ์ น็ต ถกู สรา้ งขึ้นโดย Robert Morris, Jr. จนดังกระฉ่อนไปทัว่ โลก มันคือ โปรแกรมท่ีจะแพร่พันธ์โดยการจาลองตัวเองมากขนึ้ เร่ือย ๆ จากระบบหนึง่ ครอบครองทรัพยากรและ ทาให้ระบบช้าลง
7 บญั ญัติ 10 ประการของการใช้อนิ เทอร์เนต็ 1. ต้องไม่ใช้คอมพวิ เตอร์ทารา้ ย หรอื ละเมิดผูอ้ ื่น 2. ตอ้ งไม่รบกวนการทางานของผอู ่ืน 3. ต้องไม่สอดแนม แกไ้ ข หรือ เปิดดูแฟ้มขอ้ มูลของผูอื่น 4. ตอ้ งไม่ใชค้ อมพวิ เตอรเ์ พ่ือการโจรกรรมขอ้ มูลขา่ วสาร 5. ตอ้ งไม่ใชค้ อมพิวเตอรส์ รา้ งหลกั ฐานทเี่ ปน็ เทจ็ 6. ตอ้ งไม่คดั ลอกโปรแกรมของผ้อู ่ืนท่มี ีลิขสิทธ์ิ 7. ตอ้ งไมล่ ะเมิดการใช้ทรพั ยากรคอมพิวเตอร์ โดยท่ตี นเองไมม่ สี ิทธิ์ 8. ตอ้ งไม่นาเอาผลงานของผอู้ ่ืนมาเป็นของตน 9. ต้องคานงึ ถงึ สงิ่ ทจ่ี ะเกิดข้ึนกับสงั คม ทเ่ี กดิ จากการกระทาของท่าน 10. ตอ้ งใช้คอมพวิ เตอร์โดยเคารพกฎระเบียบ กติกา และมีมารยาท หน่วยงานทมี่ บี ทบาทในอนิ เทอร์เน็ตของประเทศไทย ISP คง เปน็ หนว่ ยงานแรกที่หลาย ๆ คนคงคดิ ถงึ เม่อื นกึ ถงึ หัวขอ้ นี้ รองลงไปก็คงเป็นเนคเทค ซึ่งก็ ถือว่าเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสาคัญต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของประเทศ ไทย แต่ก็ยังมีหน่วยงาน อน่ื อกี หลายหนว่ ย ดังน้ี การสอ่ื สารแห่งประเทศไทย ในฐานะผผู้ ูกขาดบริการวงจรส่ือสารระหว่างประเทศ ผู้ให้ใบอนุญาต และถอดถอนสิทธิการให้บริการของ ISP รวมท้ังเป็นหุ้นส่วนของ ISP ทุกราย (32%) รวมท้ังเป็นผู้ ใหบ้ ริการจุดแลกเปลีย่ นสัญญาณภายในประเทศ ISP - Internet Service Providers หรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์ทั้ง 17 ราย (พ.ย. 2545) ในฐานะผู้ใหบ้ ริการอินเทอร์เนต็ แก่บคุ คลและองค์กรตา่ ง ๆ ผใู้ หบ้ ริการอนิ เทอร์เน็ตแบบไม่หวังกาไร เช่น SchoolNet ทีใ่ หบ้ รกิ ารโรงเรียนต่างๆ ทัว่ ประเทศ, ThaiSarn ผู้ให้บริการเชิงวิจัยสาหรับสถานศึกษา, UniNet เครือข่ายของทบวงมหาวิทยาลัย, EdNet เครอื ขา่ ยของกระทวงศกึ ษาธกิ าร และ GINet เครือขา่ ยรฐั บาล THNIC ในฐานะผูใ้ ห้บรกิ ารจดทะเบียนชื่อโดเมนสญั ชาติไทย (.th) และผ้ดู ูและบบบรกิ ารสอบถาม ชื่อโดเมนสัญชาติไทย ซงึ่ เป็นหน่วยงานภายใตก้ ารดแู ลของ AIT NECTEC หรือศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ แห่งชาติ ในฐานหน่วยงานวิจัย ค้นคว้า และพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการส่ือสารข้อมูล และในฐานะผู้ให้บริการจุด แลกเปลี่ยนสัญญาณภายในประเทศ ผู้ดูแลเครือข่าย Thaisarn, SchoolNet, GINet และในฐานะ คณะอนกุ รรมการด้านนโยบายอนิ เทอรเ์ น็ตสาหรับประเทศไทย
8 คามเปน็ มาของอินเทอรเ์ นต็ คอมพิวเตอร์ แต่ละระบบส่วนใหญ่จะแยกทางานกันโดยอิสระ มีเพียงระบบคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ ใกล้กันเท่านั้นท่ีสามารถส่ือสารกันด้วย ความเร็วต่า จากปัญหาและอุปสรรคในการสื่อสารระหว่าง เครื่องคอมพิวงเตอร์และความต้องการใน การแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารกัน จึงทาให้เกิดโครงการอาร์ พาเนต็ โครงการอาร์พาเน็ตอยู่ในความควบคุมดูแลของอาร์พา (Advanced Research Projects Agency หรือ ARPA) ซึ่งเป็นหน่วยงานย่อย ในสังกัดกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา อาร์พาทา หน้าที่สนับสนุน งาน วิจัยพ้ืนฐานทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยให้ทุนสนับสนุน แก่ หน่วยงานอื่น ๆ เช่น มหาวิทยาลัย และบริษัทเอกชนที่ทาการวิจัยและพัฒนา ในปี พ.ศ.2512 (ค.ศ. 1969) โครงการอาร์พาเน็ต ได้ริเริ่มขึ้น โดยเช่ือมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ระหว่างสถาบัน 4 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอรเ์ นยี ลอสแอนเจลิส มหาวิทยาลัยแคลิฟอรเ์ นีย ซานตา บารบ์ ารา, มหาวิทยาลัย ยูทาห์ และสถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์จากสถาบันท้ัง 4 แห่ง น้ีเป็นเครื่อง คอมพิวเตอร์ ต่างชนิดกันและใช้ระบบปฎิบัติการ ที่แตกต่างกันต่อมาเครือข่ายอาร์พาเน็ตได้รับความ นิยมอย่างมาก มหาวิทยาลัย และหน่วยงานของรัฐและเอกชนต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริการได้เข้าร่วม เช่อื มต่อกับเครือข่ายน้ีเพือ่ ประโยชนใ์ นการ ศึกษา
9 ประโยชนข์ องอินเตอร์เน็ต อินเตอร์เน็ตเปรียบเสมือนชุมชนเมืองแห่งใหม่ของโลก เป็นชุมชนของคนทั่วมุมโลก จึงมี บรกิ ารต่างๆเกดิ ขน้ึ ใหม่ตลอดเวลา 1.ไปรษณีย์อเิ ลก็ ทรอนกิ ส(์ Electronic mail=E-mail) ไปรษณีย์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ หรือE-mail เป็นการส่งจดหมายผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตโดยผู้ส่งสสามารถส่งข้อความไปยังที่อยู่ของผู้รับ ใน รูปแบบของอีเมล์ เมื่อผู้ส่งเขียนจดหมาย แล้วส่งไปยังผู้รับ ผู้รับจะได้รับจดหมายภายในเวลาไม่กี่ วินาที แม้จะอยู่ห่างกันคนละซีกโลกก็ตาม นอกจากน้ียังสามารถส่งแฟ้มข้อมูลหรือไฟล์แนบไปกับ อเี มล์ได้ดว้ ย 2.กรขอเข้าระบบจากระยะไกลหรือเทลเน็ต(Telnet)เป็นบริการอินเน็ตรูปแบบหนึ่งโดยที่เรา สามารถเข้าไปใช้งานคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหน่ึงท่ีอยู่ไกลๆได้ด้วยตนเอง เช่น ถ้าเราอยู่ท่ีโรงเรียน ทางานโดยใชอ้ ินเตอร์เนต็ ของโรงเรียนแล้วกลับไปที่บ้าน เรามีคอมพิวเตอร์ท่ีบ้านและต่ออินเตอร์เน็ต ไว้เราสามารถเรียกขอ้ มลู จากทโ่ี รงเรยี นมาทาท่บี า้ นได้ เสมือนกบั เราทางานท่ีโรงเรียนน่ันเอง 3.การโอนถ่ายข้อมูล(File Transfer Protocol หรือ FTP) เป็นบริการอีกรูปแบบหน่ึงของระบบ อินเตอร์เน็ต เราสามารถค้นหาและเรียกข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาเก็บไว้ในเคร่ืองของเราได้ ทั้งข้อมูล ประเภทตวั หนังสือ รปู ภาพและเสยี ง 4.การสืบค้นข้อมูล(Gopher,Archie,World wide Web) หมายถึง การใช้เครื่อข่ายอินเตอร์เน็ต ในการค้นหาข่าวสารที่มีอยู่มากมายแล้วชว่ ยจัดเรียงข้อมูลข่าวสารหัวข้ออย่างมีระบบ เป็นเมนู ทาให้ เราหาข็อมูลได้ง่ายหรือสะดวกมากขึ้น 5.การแลกเปล่ียนข่าวสารและความคิดเห็น(Usenet) เป็นการให้บริการแลกเปลี่ยนข่าวสารและ แสดงความคิดเหน็ ทผี่ ู้ใช้บริการอินเตอร์เนต็ ทัว่ โลกสามารถพบปะกัน แสดงความคดิ เห็นของตน โดยมี การจดั การผู้ใช้เป็นกลุ่มข่าวหรือนิวกรุ๊ป(Newgroup)แลกเปลี่ยนความคดิ เห็นกนั เป็นหวั ข้อต่างๆ เชน่ เรือ่ งหนงั สือ เร่อื งการเลยี้ งสัตว์ ต้นไม้ คอมพวิ เตอร์และการเมือง เปน็ ต้น ปัจจบุ นั มี Usenet มากกว่า 15,000 กลุม่ นับเปน็ เวทีขนาดใหญ่ใหท้ กุ คนจากทัว่ มมุ โลกแสดงความคิดเหน็ อยา่ งกว้างขวาง 6.การสื่อสารด้วยข้อความ(Chat,IRC-Internet Relay chat) เป็นการพูดคุยกันระหว่างผู้ใช้ อินเตอร์เน็ต โดยพิมพ์ข้อความตอบกัน ซึ่งเป็นวิธีการส่ือสารท่ีไดัรับความนิยมมากอีกวิธีหน่ึง การ สนทนากันผ่านอินเตอร์เน็ตเปรียบเสมือนเรานั่งอยู่ในห้องสนทนาเดียวกัน แต่ละคนก็พิมพ์ข้อความ โตต้ อบกันไปมาได้ในเวลาเดยี วกนั แม้จะอยู่คนละประเทศหรอื คนละซีกโลกกต็ าม 7.การซ้อื ขายสนิ ค้าและบริการ(E-Commerce = Eletronic Commerce) เปน็ การจบั จา่ ยซอื้ การทางานของอนิ เทอร์เนต็
10 การทางานของอนิ เทอรเ์ น็ต การส่ือสารขอ้ มูลด้วยคอมพิวเตอร์จะมโี ปรโตคอล (Protocol) ซ่งึ เป็นระเบียบวธิ ีการส่ือสารที่เป็น มาตรฐานของการเชื่อมต่อกาหนดไว้ โปรโตคอลท่ีเป็นมาตรฐานสาหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คือ TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol) เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเคร่ืองท่ี เชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะต้องมีหมายเลขประจาเครื่อง ที่เรียกว่า IP Address เพ่ือ เอาไว้อา้ งองิ หรอื ตดิ ต่อกับเคร่ืองคอมพวิ เตอร์อื่นๆ ในเครอื ขา่ ย ซ่ึง IP ในทนี่ ี้กค็ อื Internet Protocol ตัวเดียวกับใน TCP/IP นั่นเอง IP address ถูกจัดเป็นตัวเลขชุดหน่ึงขนาด 32 บิต ใน 1 ชุดน้ีจะมี ตัวเลขถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ส่วนละ 8 บิตเท่าๆ กัน เวลาเขียนก็แปลงให้เป็นเลขฐานสิบก่อนเพ่ือ ความง่ายแล้วเขียนโดยคั่นแต่ละส่วนด้วยจุด (.) ดังน้ันในตัวเลขแต่ละส่วนนี้จึงมีค่าได้ไม่เกิน 256 คือ ตง้ั แต่ 0 จนถงึ 255 เทา่ น้ัน เชน่ IP address ของเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ของสถาบันราชภฎั สวนดุสติ คือ 203.183.233.6 ซ่งึ IP Address ชุดนจี้ ะใช้เปน็ ทอ่ี ยู่เพือ่ ตดิ ตอ่ กบั เคร่ืองพิวเตอรอ์ ื่นๆ ในเครอื ขา่ ย Domain name system :DNS โดเมนเนม (Domain name system :DNS) เนื่องจากการติดต่อสื่อสารกันกันในระบบอินเทอร์เน็ตใช้โปรโตคอล TCP/IP เพ่ือส่ือสารกัน โดยจะต้องมี IP address ในการอ้างอิงเสมอ แต่ IP address นี้ถึงแม้จะจัดแบ่งเป็นส่วนๆ แล้วก็ยังมี อุปสรรคในการที่ต้องจดจา ถ้าเคร่ืองท่ีอยู่ในเครือข่ายมีจานวนมากขึ้น การจดจาหมายเลข IP ดูจะ เป็นเรื่องยาก และอาจสับสนจาผิดได้ แนวทางแก้ปัญหาคือการต้ังช่ือหรือตัวอักษรขึ้นมาแทนที่ IP address
11 บรรณานกุ รม https://docs.google.com/document/d/1cIID0dwl4qSTK3r89NZgrkHjLtr6Uot_nKRC EieUQv8/preview?hgd=1 สืบค้นวันที่14 มถิ นุ ายน พ.ศ.2566
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: