Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สกินเนอร์

สกินเนอร์

Published by naphatsakon260245, 2020-12-29 05:03:26

Description: สกินเนอร์

Search

Read the Text Version

Burrhus Skinner ( บ.ี เอฟ.สกินเนอร)์

ประวตั ิ บ.ี เอฟ.สกินเนอร์ (Burrhus Skinner) เกดิ เมอื วนั ที 20 มนี าคม ค.ศ.1940 ทรี ฐั เพนซลิ เวเนยี สหรฐั อเมรกิ า ตงั แตย่ งั เปนเดก็ สกนิ เนอรแ์ สดงแววของบคุ คลทมี คี วามคดิ สรา้ งสรรคร์ กั การ คน้ หา คดิ อะไรแปลกใหม่ อยเู่ สมอ ทงั วธิ เี ลน่ และของเลน่ เขาทําของเลน่ แปลกๆ ดว้ ยตนเองหลายอยา่ ง เชน่ รถลาก ปน วา่ ว เรอื หนิ ขณะอยชู่ นั มธั ยมเขาหาเงนิ โดยเขยี นแผน่ ปายโฆษณาและเลน่ เพลงแจส๊ วชิ าทชี อบคอื วรรณคดี คณติ ศาสตรแ์ ละธรรมชาตวิ ทิ ยา ไดร้ บั ปรญิ ญาตรที างวรรณคดอี งั กฤษ ในป ค.ศ 1926 จากวทิ ยาลยั แฮมมลิ ตนั มลรฐั นวิ ยอรก์

เขา้ ศกึ ษาตอ่ ทางจติ วทิ ยาระดบั ปรญิ ญาโทและปรญิ ญาเอกทมี หาวทิ ยาลยั ฮารว์ ารด์ ในป ค.ศ 1928 รบั ปรญิ ญาเอกใน ป ค.ศ 1931 ทํางานทางดา้ นวจิ ยั ทมี หาวทิ ยาลยั ฮารว์ ารด์ เปนเวลา 5 ป จนถงึ ป ค.ศ 1936 กย็ า้ ยไปสอนทมี หาวทิ ยาลยั มนิ เนโซตาในระหวา่ งป ค.ศ 1936 – 1945 ซงึ ที มหาวทิ ยาลยั นเี ขาไดผ้ ลติ ผลงานคน้ ควา้ การทดลองและวจิ ยั หลายชนิ จนกลา่ วไดว้ า่ ชว่ งชวี ติ ทอี ยทู่ นี เี ปนชว่ งวางรากฐานทําใหม้ ชี อื เสยี งโดง่ ดงั ดา้ นพฤตกิ รรมศาสตร·์ ตอ่ มาใน ป ค.ศ 1945 เขาไดย้ า้ ยไปเปนหวั หนา้ ภาคจติ วทิ ยาทมี หาวทิ ยาลยั อนิ เดยี นนา ป ค.ศ 1948 เขากย็ า้ ยกลบั ไปสอนทภี าคจติ วทิ ยามหาวทิ ยาลยั ฮารว์ ารด์ จนไดร้ บั เลอื กเปนศาสตราจารยก์ ารศกึ ษาพฤตกิ รรมของมนษุ ยแ์ ละสตั วใ์ นแงม่ มุ ที แตกตา่ งจากผอู้ นื ทําใหเ้ ขามชี อื เสยี งโดง่ ดงั รองจากฟรอยดท์ เี ดยี ว

การทดลองของสกินเนอร์ สกินเนอรท์ ําการทดลองกับหนู โดยสรา้ งเครอื งมอื ในการ ทดลองเปนกล่องสเี หลียม เรยี กวา่ “Skinner Box” ขา้ งใน กล่องทําเปนคาน หรอื ลินทีเปนตัวบงั คับใหอ้ าหารตกลงใน จานทีรองรบั เหนอื คานจะมหี ลอดไฟทีมวี งจรต่อกับคาน เมอื ไปถกู คานไฟจะสวา่ งและจะมอี าหารตกลงมา ปรากฏวา่ หนวู งิ ไปวงิ มาจนกระทงั ไปเหยยี บถกู คานเขา้ โดยบงั เอญิ ทําใหไ้ ฟสวา่ งขนึ และหลงั จากนนั กม็ อี าหาร หลน่ ลงมาสจู่ าน หนจู งึ ไดก้ นิ อาหาร ซงึ เปนการเสรมิ แรง ตอ่ การกดคาน จากนนั หนกู ว็ งิ ไปวงิ มาอกี จนกระทงั ไปกด คานอยา่ งรวดเรว็ และไดอ้ าหารทกุ ๆครงั พฤตกิ รรมแบบ Operant กจ็ ะเกดิ เตม็ ทซี งึ พฤตกิ รรมดงั กลา่ วถอื วา่ หนู ตวั นเี กดิ การเรยี นรแู้ บบลงมอื กระทําเอง

สกนิ เนอร์ ไดแ้ บง่ พฤตกิ รรมของสงิ มชี วี ติ ไว้ 2 แบบ คอื 1. Respondent Behavior คอื พฤตกิ รรมหรอื การตอบสนองทเี กดิ ขนึ โดยอตั โนมตั ิ หรอื เปนปฏกิ ริ ยิ าสะทอ้ น (Reflex) ซงึ สงิ มชี วี ติ ไมส่ ามารถควบคมุ ตวั เองได้ เชน่ การกระพรบิ ตา นาํ ลายไหล 2. Operant Behavior คอื พฤตกิ รรมทเี กดิ จากสงิ มชี วี ติ เปนผกู้ ําหนดหรอื เลอื กทจี ะแสดงออกมาสว่ นใหญ่ จะเปนพฤตกิ รรมทบี คุ คลแสดงออกในชวี ติ ประจาํ วนั เชน่ กนิ นอน พูด เดนิ ทํางาน

การเรยี นรตู้ ามแนวคดิ ของสกนิ เนอร์ เกดิ จากการเชอื มโยงระหวา่ งสงิ เรา้ กบั การตอบสนองเชน่ เดยี วกนั แตส่ กนิ เนอรใ์ ห้ ความสาํ คญั ตอ่ การตอบสนองมากกวา่ สงิ เรา้ จงึ เรยี กวา่ เปนทฤษฎกี ารวางเงอื นไขแบบ Type R นอกจากนี สกนิ เนอรใ์ หค้ วามสาํ คญั ตอ่ การเสรมิ แรง (Reinforcement) วา่ มผี ลทําให้ เกดิ การเรยี นรทู้ คี งทนถาวรยงิ ขนึ ดว้ ย สกนิ เนอร์ ไดส้ รปุ ไวว้ า่ อตั ราการเกดิ พฤตกิ รรมหรอื การตอบสนองขนึ อยกู่ บั ผล ของการกระทํา คอื การเสรมิ แรงหรอื การลงโทษทงั ทางบวกและทางลบ

สกนิ เนอรไ์ ดอ้ ธบิ ายคําวา่ \"พฤตกิ รรม\" วา่ ประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบ 3 ตวั คอื 1. Antecedents คอื เงอื นไขนําหรอื สงิ เรา้ ทกี ระตนุ้ ใหเ้ กดิ พฤตกิ รรม(สงิ ทกี อ่ ใหเ้ กดิ ขนึ กอ่ น) ทกุ พฤตกิ รรมตอ้ งมเี งอื นไข 2. Behavior คอื พฤตกิ รรมทแี สดงออก 3. Consequences หรอื ผลกรรมเกดิ ขนึ หลงั การทําพฤตกิ รรม เปนตวั บอกวา่ เราจะทําพฤตกิ รรม นนั อกี หรอื ไม่ ดงั นนั ไมม่ ใี ครทที ําอะไรแลว้ ไมห่ วงั ผลตอบแทน ซงึ เรยี กยอ่ ๆวา่ A-B-C ซงึ ทงั 3 จะ ดําเนนิ ตอ่ เนอื งไปผลทไี ดร้ บั จะกลบั กลายเปนสงิ ทกี อ่ ใหเ้ กดิ ขนึ กอ่ นอนั นําไปสกู่ ารเกดิ พฤตกิ รรมและ นําไปสผู่ ลทไี ดร้ บั ตามลําดบั

ทฤษฎแี ละหลกั การทสี าํ คญั ของสกนิ เนอร์ 1. การวดั พฤตกิ รรมตอบสนอง สกนิ เนอรเ์ หน็ วา่ การศกึ ษาจติ วทิ ยาควรจาํ กดั อยเู่ ฉพาะพฤตกิ รรมทสี ามารถสงั เกตเหน็ ไดอ้ ยา่ งชดั เจนและพฤตกิ รรมทสี งั เกตไดน้ นั สามารถวดั ไดโ้ ดยพจิ ารณาจากความถขี อง การตอบสนองในชว่ งเวลาใดเวลาหนงึ หรอื พจิ ารณาจากอตั ราการตอบสนอง (Response rate)

2. อตั ราการตอบสนองและการเสรมิ แรง สกนิ เนอรใ์ ชก้ ารเสรมิ แรงมาควบคมุ พฤตกิ รรมของสตั ว์ ทําใหส้ ตั วเ์ กดิ การเรยี นรตู้ ามที เขาตอ้ งการเขาเรยี กการสอนใหเ้ กดิ การเรยี นรใู้ นการกระทําพฤตกิ รรมนวี า่ เปนการดดั หรอื การตบแตง่ พฤตกิ กรม (Behavior Shaping) 3. ประเภทของตวั เสรมิ แรง ตวั เสรมิ แรงนนั อาจแบง่ ออกไดเ้ ปน 2 ลกั ษณะ คอื แบง่ เปนตวั เสรมิ แรงบวกกบั ตวั เสรมิ แรงลบ หรอื อาจแบง่ ไดเ้ ปนตวั เสรมิ แรงปฐมภมู กิ บั ตวั เสรมิ แรงทตุ ยิ ภมู ิ

3.1 ตวั เสรมิ แรงทางบวก (Positive Reinforcer) หมายถงึ สงิ เรา้ ชนดิ ใดชนดิ หนงึ ซงึ เมอื ไดร้ บั หรอื นําเขา้ มาในสถานการณน์ นั แลว้ จะมผี ลให้ เกดิ ความพงึ พอใจและทําใหอ้ ตั ราการตอบสนองเปลยี นแปลงไปในลกั ษณะเขม้ ขน้ ขนึ เชน่ อาหาร คําชมเชย ฯลฯ 3.2 ตวั เสรมิ แรงลบ (Negative Reinforcer) หมายถงึ สงิ เรา้ ชนดิ ใดชนดิ หนงึ ซงึ เมอื ตดั ออกไปจากสถานการณน์ นั แลว้ จะมผี ลใหอ้ ตั รา การตอบสนองเปลยี นไปในลกั ษณะเขม้ ขน้ ขนึ เชน่ เสยี งดงั คําตําหนิ

3.3 ตวั เสรมิ แรงปฐมภมู ิ (Primary Reinforcer) เปนสงิ เรา้ ทจี ะสนองความตอ้ งการทางอนิ ทรยี โ์ ดยตรง ซงึ เปรยี บไดก้ บั UCS. ในทฤษฎขี อง พาฟลอฟ เชน่ เมอื เกดิ ความตอ้ งการอาหาร อาหารกจ็ ะเปนตวั เสรมิ แรงปฐมภมู ทิ จี ะลดความหวิ ลง 3.4 ตวั เสรมิ แรงทตุ ยิ ภมู ิ ตวั เสรมิ แรงประเภทนเี ปนสงิ เรา้ ทเี ปนกลาง (Natural Stimulus) สงิ เรา้ ทเี ปนกลางนี เมอื นําเขา้ คกู่ บั ตวั เสรมิ แรงปฐมภมู บิ อ่ ย ๆ เขา้ สงิ เรา้ ซงึ แตเ่ ดมิ เปนกลางกก็ ลายเปน ตวั เสรมิ แรง

4. การลงโทษ (Punishment) คอื การทําใหอ้ ตั ราการตอบสนองหรอื ความถขี องพฤตกิ รรมลดลง การลงโทษมี 2 ทาง ไดแ้ ก่ 1. การลงโทษทางบวก (PositivePunishment) 2. การลงโทษทางลบ (NegativePunishment)

ทฤษฎกี ารเรยี นรกู้ ารวางเงอื นไขแบบการกระทํา สามารถสรปุ ไดด้ งั นี 1. การกระทําใดๆ ถา้ ไดร้ บั การเสรมิ แรงจะมแี นวโนม้ เกดิ ขนึ อกี สว่ นการกระทําทไี มม่ กี ารเสรมิ แรง แนวโนม้ ทคี วามถขี องการกระทํานนั จะลดลงและหายไปในทสี ดุ 2. การเสรมิ แรงทแี ปรเปลยี นทําใหเ้ กดิ การตอบสนองกวา่ การเสรมิ แรงทตี ายตวั 3. การลงโทษทําใหเ้ รยี นรไู้ ดเ้ รว็ และลมื เรว็ 4. การใหแ้ รงเสรมิ หรอื ใหร้ างวลั เมอื มกี ารแสดงพฤตกิ รรมทตี อ้ งการสามารถชว่ ยปรบั หรอื ปลกู ฝง วนิ ยั ทตี อ้ งการได้

การประยุกต์ใชใ้ นการเรยี นการสอน การนําทฤษฎกี ารวางเงอื นไขแบบการกระทําของสกนิ เนอรม์ าประยุกตส์ กู่ ระบวนการจดั การ เรยี นรขู้ องครมู ดี งั นี 1. ควรจะใหแ้ รงเสรมิ ในพฤตกิ รรมทแี สดงวา่ ผเู้ รยี นเกดิ การเรยี นรแู้ ลว้ โดยตอนแรกๆควร จะใหแ้ รงเสรมิ ทกุ ครงั ทผี เู้ รยี นแสดงพฤตกิ รรมทพี งึ ปรารถนาตอ่ มาจงึ คอ่ ยใชแ้ รงเสรมิ เปนครงั คราวและจะตอ้ งระวงั มาใหแ้ รงเสรมิ เมอื ผเู้ รยี นแสดงพฤตกิ รรมทพี งึ ประสงค์

2. การปรบั พฤตกิ รรม(Behavior Modification) คอื การปรงุ แตง่ พฤตกิ รรม ใหเ้ ปนไปใน ทศิ ทางทตี อ้ งการซงึ มี 3 ลกั ษณะดงั นี 2.1 การเพมิ พฤตกิ รรมหรอื คงพฤตกิ รรมเดมิ ทเี หมาะสมไว้ เพอื ใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมทพี งึ พอใจ 2.2 การปลกู ฝงพฤตกิ รรมบางอยา่ งโดยใชว้ ธิ ที เี รยี กวา่ การดดั หรอื การตบแตง่ พฤตกิ รรม 2.3 การลดพฤตกิ รรม เปนการลดพฤตกิ รรมทไี มพ่ งึ ปรารถนา ซงึ จะใชว้ ธิ กี ารลงโทษ เชน่ การฝาฝนกฎ หรอื ระเบยี บของโรงเรยี น หรอื สงั คม การสบู บหุ รี เปนตน้

3. บทเรยี นสาํ เรจ็ รูปหรอื บทเรยี นแบบโปรแกรม จากหลักการใหแ้ รงเสรมิ ของสกินเนอรท์ ีวา่ เมอื ผเู้ รยี นทําถกู จะได้รางวลั ทันทีมผี ลใหเ้ กิด บทเรยี นสาํ เรจ็ รูปหรอื บทเรยี นแบบโปรแกรมและเครอื งชว่ ยสอน (Teaching Machine) ขนึ ซงึ เน้นใหผ้ เู้ รยี น เรยี นรูด้ ้วยตนเองโดยมคี ําตอบทีถกู ต้องไวใ้ ห้ 4. การปรบั พฤติกรรม คือ ทําการปรบั พฤติกรรมของบุคคล หลักการนีอาจจะใชท้ ังการเสรมิ แรง ทางบวกและการเสรมิ แรงทางลบประกอบกัน

สรุปทฤษฎีการวางเงือนไขแบบการกระทําของสกินเนอร์ เปนหลักการทีทําใหเ้ กิดความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสงิ เรา้ กับการตอบสนองใหแ้ น่นแฟนยงิ ขนึ ด้วยการใหส้ งิ เรา้ ทีเปนตัวเสรมิ แรง หลังจากทีได้มกี ารกระทําตามเงือนไขแล้วการเสรมิ แรง ทกุ ครงั จะมสี ว่ นชว่ ยทําใหก้ ารตอบสนองต่อสงิ เรา้ ต่างๆของอินทรยี ม์ อี ันตราการตอบสนอง ทีเขม้ ขน้ ขนึ

จดั ทําโดย 1.นางสาวกัลญา โพธบิ าง รหสั 6314891001 2.นางสาวประไพพร พวั พนั ธ์ รหสั 6314891013 3.นางสาวจนั ทรช์ นก บางคงลวง รหสั 6314891014 4.นางสาวนภัสกร นรสงิ รหสั 6314891018 คณะครุศาสรส์ าขาเคมี ป 1


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook