Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Best Practice การบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยโรงเรียนอ

Best Practice การบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยโรงเรียนอ

Published by ภัทราวลัย ลิ้นโป, 2022-01-11 07:11:37

Description: Best Practice การบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยโรงเรียนอ

Search

Read the Text Version

1 การประเมนิ สถานศึกษาทมี่ ีความเปน็ เลิศ (Best Practice) การบรหิ ารจัดการศึกษาปฐมวัย ระดบั พ้ืนท่รี บั ผิดชอบของสานกั งานศึกษาธกิ ารภาค 13 (ระดับภาค 13) ********************************** ชื่อผลงาน/นวตั กรรม การใช้ PHET Model ในการบรหิ ารจดั การศึกษาปฐมวัยเพ่ือพัฒนา ภาษาสอ่ื สารตามแนวภาษาธรรมชาติ โรงเรยี นอนบุ าลอบุ ลราชธานี ชื่อผูเ้ สนอผลงาน/นวตั กรรม โรงเรียนอนบุ าลอบุ ลราชธานี สถานศกึ ษา โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี สังกัดสานักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาอบุ ลราชธานี เขต 1 โทรศัพท์ 045-245301 โทรสาร 045- 245482 1.ความสาคญั ของผลงาน/นวตั กรรม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 80 (1) ว่าด้วยเร่ืองดาเนินการตามแนวนโยบายด้าน การศึกษาได้ให้ความสาคัญการจัดการศึกษาปฐมวัย คุ้มครองและพัฒนาเด็ก สนับสนุน อบรมเล้ียงดูและ ให้การศึกษาปฐมวัย ส่งเสริมความเสมอภาคของหญิงและชาย เสริมสร้างและพัฒนาความเป็นปึกแผ่น ของสถาบันครอบครัวและชุมชน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีข้ึนและพึ่งพาตนเองได้ ซ่ึงสัมพันธ์กับพันธกิจของ ยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับที่สิบสอง พ.ศ.2560 - 2564 ที่มุ่งเน้น การยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ/ประเภทสู่มาตรฐานสากล เสริมสร้างโอกาสเข้าถึง บริการทางการศึกษาของประชาชนอย่างท่ัวถึง เท่าเทียมและพัฒนาระบบบริหารจัดการการศึกษาตาม หลักธรรมาภิบาล และในส่วนของการพัฒนาคุณภาพคนไทยนั้น สานักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพ้ืนฐานได้ยึดห่วงโซ่คุณภาพเป็นหลักคือ การพัฒนาหลักสูตรการจัดการเรียนรู้ และการวัดประเมินผล ให้สัมพันธ์สอดรับกัน ดังน้ันผู้เรียนจึงต้องได้รับการวางรากฐานให้มีความรู้ ความสามารถและทักษะที่ จาเปน็ ตามหลกั สูตร (สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา, 2554:1-3) พระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 และท่ี แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ.2553 ได้กาหนดจุดมุ่งหมายและหลักการจัดการศึกษาไว้ในมาตรา 6 ว่า การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพ่ือพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ ท้ังทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญาความรู้ คุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดารงชีวิต โดยกาหนดแนวทาง จดั การศึกษาไวใ้ นหมวด 4 มาตรา 22 ระบวุ ่าการจดั การศึกษา ต้องยึดหลักผู้เรียนมีความสาคัญท่ีสุด กระบวนการจัดการศึกษาตอ้ งส่งเสรมิ ใหผ้ ูเ้ รยี นไดพ้ ฒั นาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คุณภาพ และในมาตรา 24 (1) ระบุว่าการจัดเน้ือหาสาระและกิจกรรมน้ัน ต้องให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัดและสภาพบริบทของโรงเรียน ท้องถ่ิน มนุษย์จาเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้สามารถเติบโต และเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต ต้องเริ่มต้ังแต่แรกเกิดโดยการปลูกฝังให้เด็กมีเจตคติท่ีดีต่อการรับรู้ การเรียนรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ กลั่นกรองข้อมูล เลือกใช้และนามาใช้ใน สถานการณ์ทต่ี นตอ้ งการได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังจาเป็นต้องมีความสามารถในการเรียนรู้จาก ผู้อื่นและมีลักษณะที่ทาให้ผู้อ่ืนยินดีที่จะแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ ตลอดจนหยิบยื่นโอกาสการ เรียนรู้ใหค้ ณุ สมบัติท่เี อือ้ ตอ่ การเจรญิ งอกงามตลอดชีวิต จงึ จาเป็นต้องปลกู ฝังตั้งแต่ปฐมวัยและพัฒนา อย่างตอ่ เน่อื ง (คณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน, 2547:2)

2 หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ได้กาหนดปรัชญาการศึกษาปฐมวัยว่า การศึกษา ปฐมวัยเป็นการพัฒนาเด็กต้ังแต่แรกเกิดถึง 6 ปีบริบูรณ์ บนพ้ืนฐานการอบรมเล้ียงดูและการส่งเสริม กระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการตามวัยของเด็กแต่ละคนให้เต็มตามศักยภาพ ภายใตบ้ รบิ ทสงั คมและวฒั นธรรมที่เดก็ อาศัยอยดู่ ้วยความรกั ความเออื้ อาทร และความเข้าใจของทุกคน เพื่อ สร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ เกิดคุณค่าต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ (กระทรวงศึกษาธิการ 2560, : 7) จากความสาคัญดังกล่าว จึงจาเป็นจะต้องจัด การศึกษาให้เด็กปฐมวัยตามหลักจิตวิทยาพัฒนาการเด็กในช่วงอายุ 3-6 ปี จะเรียนรู้ซึมซับลักษณะ พฤติกรรมจากบุคคลใกล้ชิด และสิ่งแวดล้อมจนเกิดเป็นคุณลักษณะที่ถาวร หากเด็กได้รับการเลี้ยงดูท่ีดี ได้รับความรักความอบอุ่นจะทาให้เด็กเป็นคนสดช่ืนแจ่มใส มองโลกในในแง่ดีรู้จักรักคนอ่ืน การที่เด็กจะมี ความสมบูรณ์ทง้ั รา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมใน การดารงชีวติ สามารถอยู่รว่ มกบั ผอู้ ื่นได้อยา่ งมคี วามสุข ซ่ึงขึ้นอยกู่ บั สิ่งแวดล้อม การดูแลเอาใจใส่และการจัด การศึกษาอย่างถูกต้องเหมาะสมของสถานศึกษาปฐมวัย ที่จะส่งเสริมให้เด็กเติบโตเป็นเด็กยุคใหม่ที่มี ความสามารถ ตดั สินใจถูกตอ้ ง พรอ้ มท่จี ะแกป้ ญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์ใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ือ เป็นการวางรากฐานที่ดีให้เด็กต้ังแต่ปฐมวัยซ่ึงจะทาให้เด็กเติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศชาติ ต่อไปในอนาคต (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551 : 3) หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ กาหนดการใช้ภาษาสื่อสารได้เหมาะสมกับวัย เป็นความสามารถท่ตี อ้ งพฒั นาต้ังแตเ่ ยาว์วยั จะเห็นได้ว่าการพฒั นาการใช้ภาษาสื่อสารสาหรับเด็กปฐมวัยเป็น สง่ิ สาคญั ท่ีม่งุ พฒั นาในการเตรยี มความพรอ้ มสาหรับเด็กต้ังแต่ระดับปฐมวัย การสื่อสารเป็นทักษะทางภาษาที่ สาคัญอย่างยิ่งในการดาเนนิ ชวี ิตในยคุ ขา่ วสารขอ้ มูล (Pace, 1992 อา้ งถงึ ใน ภาวิณี แสนทวสี ขุ , 2538) การ ส่อื สารเป็นกระบวนการทางความคิดท่ีสาคัญและเป็นวิธีการขั้นต้นของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ เครื่องมือ สาคญั ในการสื่อสารคือภาษา เพราะเป็นตัวแทนทางความคิดของผู้ใช้สัญลักษณ์ทางภาษา ได้แก่ เสียงท่ีใช้พูด ตัวอกั ษรในภาษาเขยี น เพือ่ ใชแ้ ทนสงิ่ ต่างๆ แทนความรสู้ กึ ความเข้าใจ เราใช้ภาษาเพ่ือการส่ือสาร ภาษาจึงเป็น เคร่ืองมือในการคิดและการเรียนรู้ (Goodman, 1998 อ้างถึงใน พนิดา ชาตยาภา, 2554) ทักษะทางภาษา ประกอบด้วยการฟัง การพูด การอ่านและการเขียน ล้วนแต่มีความสาคัญเก่ียวเน่ืองกันไม่แยกเป็นอิสระและ ควรได้รับการพัฒนาไปพร้อมกัน (หรรษา นิลวิเชียร, 2535 ) ดังนั้น ถ้าเด็กได้รับการพัฒนาส่งเสริมทักษะ ทางภาษาครบทุกดา้ นอย่างเพียงพอ จะทาให้สามารถใชภ้ าษาในการส่อื สารกบั ผอู้ ่นื ไดเ้ ป็นอยา่ งดี การส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาอย่างถูกวิธีต้ังแต่วัยอนุบาล จึงมีผลทาให้เด็กประสบความสาเร็จ ในการเรียนวิชาต่างๆ ในอนาคต เมื่อเด็กได้เรียนรู้การใช้ภาษาอย่างถูกต้องตามศักยภาพและความสามารถ ในบรรยากาศของห้องเรียนท่ีสนุกสนานผ่อนคลาย โดยมีการจัดเตรียมสถานการณ์และสภาพแวดล้อม ให้สอดคล้องกับความสนใจของเด็ก ทาให้เด็กแสดงออกตามความสามารถ ได้ถ่ายทอดแนวความคิดและ สื่อความหมายเพ่ือบอกความต้องการของตนเอง จะทาให้เด็กรู้สึกว่าการเรียนภาษาเป็นส่ิงง่าย การจัด ประสบการณ์ที่ส่งเสริมการสื่อสารมีหลายวิธี เช่น การสนทนาซักถาม การอ่านหนังสือ การเล่นตามมุม การทากิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ การแสดงบทบาทสมมุติ การแสดงละคร การสอนภาษาแบบธรรมชาติ ซ่ึงเป็นแนวการสอนภาษาโดยองค์รวม โดยครูจาเป็นต้องมีส่ือวัสดุอุปกรณ์ท่ีเป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล ไปสู่ตัวเด็ก ส่ือการสอนจึงเป็นตัวกลางท่ีสาคัญในการถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ทัศนคติ ค่านิยมหรือ ทักษะต่างๆ ไปสนู่ ักเรียน และสอื่ การสอนยังเป็นสงิ่ เรา้ ท่ีช่วยกระตนุ้ ให้เด็กปฐมวัยแสดงพฤติกรรมต่างๆ เพ่ือ

3 เสริมสร้างพัฒนาการและประสบการณ์ในการเรียนรู้ดีย่ิงขึ้น (มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2527) สิ่งที่จัดเปน็ ส่อื การสอนสาหรับเด็กปฐมวยั อาจเปน็ สอ่ื ประเภทวสั ดุ อุปกรณ์ เทคนิค วิธกี ารต่างๆ และเป็นสื่อ รูปธรรมท่ีเด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการจับต้อง โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ส่ือที่ใช้ควรเป็นสิ่งใกล้ตัวเด็ก เป็นของจริง และให้เด็กได้เรียนรู้ หรือมีประสบการณ์ตรงจากส่ือการสอนนั้น และควรนาสื่อท่ีให้ผู้รับรู้ โดยประสาทสมั ผัสทง้ั หา้ ใหม้ ากท่สี ุด และควรนาเอาทรัพยากรต่างๆ ในท้องถ่ินน้ันๆ มาใช้เป็นส่ือให้มากและ ท่ีสาคัญสื่อต้องน่าสนใจ (เชียรศรี วิวิธสิริ, 2527) นอกจากน้ีจะต้องมีการจัดส่ิงแวดล้อมรอบตัวเด็กท่ีมี ลักษณะและคุณสมบัติเหมาะสมอนั เปน็ สถานการณท์ ่กี ระตุน้ ให้เดก็ ทากิจกรรมเพ่ือตอบสนองต่อสถานการณ์ น้ันๆ และเกดิ ประสบการณ์ต่างๆ ตามจดุ มุ่งหมายของผูส้ อน (มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช, 2527) การจัดประสบการณ์ทางด้านภาษาเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาการสอน แบบภาษาธรรมชาติ (Whole Language Approach) ครูผู้สอนจะต้องพัฒนาตนเองในด้านการวางแผนและ พัฒนาการสอน ให้เข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ ท่ีจะสนับสนุนพัฒนาการทางภาษาของเด็ก ทุกด้านไปพร้อมๆ กัน และเพื่อต้องการให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาอย่างมีความสุข (สานักงานคณะกรรมการ การศึกษาแห่งชาติ, 2542) การสอนภาษาแบบธรรมชาติ เป็นการใช้ภาษาส่ือสารในชีวิตประจาวัน โดยเด็ก จะต้องคุ้นเคยกับภาษาได้โดยธรรมชาติ โดยผ่านกิจกรรมในชีวิตประจาวัน ตามความสนใจในการใช้ภาษา ในกิจกรรม ซึ่งได้เรียนรู้โดยไม่รู้ตัวในชีวิตประจาวัน เมื่อเด็กใช้ภาษาที่ผิดก็ไม่กล่าวตาหนิเลยทันที ค่อยๆ พัฒนาภาษาโดยผ่านกระบวนการด้านต่างๆ ตามลาดับ ให้กลมกลืนกับธรรมชาติการเรียนรู้และกิจกรรม ที่เด็กสนใจ ซึ่งเป็นแนวทางในการจัดประสบการณ์ทางภาษาที่ผสมผสานแนวคิดการสอนภาษาที่สัมพันธ์กับ ลักษณะหน้าท่ีของภาษา และการสอนทักษะย่อยของภาษาเข้าด้วยกันในลักษณะ “องค์รวม–ส่วนย่อย-องค์รวม” (Whole – Part - Whole) โดยเด็กได้เรียนรู้ภาษาอย่างมีจุดมุ่งหมาย การใช้จริงแล้วสอนทักษะย่อยที่จาเป็น สาหรับการใช้ภาษาในครง้ั นนั้ เพื่อให้เด็กสามารถนาทกั ษะทเ่ี รียนรู้ไปประยุกต์ใช้ (สานักวิชาการและมาตรฐาน การศึกษาสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๕๑) ซ่ึงสอดคล้องกับ อารี สัณหฉวี (2551) ที่กล่าวว่า สามารถสอดแทรกวัฒนธรรมไทย ได้แก่ การส่งเสริมการเล่านิทาน การเล่าเร่ือง การใชค้ าคล้องจอง การฝึกมารยาทในการพูดและติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น จุดสาคัญของการสอนภาษา คือ การ ทาใหป้ ระสบการณ์การเรยี นสนกุ สนาน เด็กไมม่ คี วามรู้สึกเกิดปมดอ้ ยวา่ อา่ นไมอ่ อก เขียนไม่ถูก ซึ่งเป็นสิ่งที่จะ ทาให้เด็กไมช่ อบการอ่านและเขียนตลอดไป ซ่ึงยากท่ีจะแก้ไข ในระดับช้ันอนุบาลมีลักษณะการสอนภาษาคือ การเตรียมความพรอ้ มในการอา่ น การสรา้ งนสิ ัยรักการอ่าน รู้จักหนังสือ พูดสื่อสารเร่ืองราวความรู้สึก ชอบขีด เขียนเพื่อส่ือสาร จะเป็นการสอนเน้นการร้องเพลง ท่องคากลอน เล่นเกมตัวหนังสือ ครูอ่านหนังสือให้เด็กฟัง ทกุ วนั เพือ่ ใหเ้ ห็นว่าหนังสือมีเรื่องสนุกให้คุ้นเคยกับหนังสือ เปิดหน้าหนังสือ ช่วยให้เด็กเกิดความสนุกสนาน ในการเรยี นภาษา และมีทัศนคติท่ดี ีตอ่ การเรยี นรู้ ชว่ ยให้เดก็ ได้รับการพฒั นาทางภาษาทั้งดา้ นการฟัง พูด อ่าน และเขียนอย่างครอบคลุมทุกด้านและเต็มตามศักยภาพ อีกท้ังยังช่วยให้ครูและผู้ปกครองเกิดความเข้าใจใน พฒั นาการทางด้านภาษาของเดก็ เพ่มิ ขน้ึ (ฉนั ทนา ภาคบงกช, ม.ป.ป.) ปัจจุบัน จะเห็นว่าผู้คน ทุกเพศทุกวัยล้วนใช้เวลาอยู่กับส่ือเทคโนโลยี ซ่ึงใช้ติดต่อส่ือสารการ ทางาน การเป็นเคร่ืองมืออานวยความสะดวก และเพื่อความสนุกสนาน ความบันเทิง กล่าวได้ว่า สื่อ เทคโนโลยี เข้ามามีบทบาทในชีวิตของผู้คนและกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของผู้ใหญ่และเด็ก (ชนิพรรณ จาติเสถียรและคณะ, 2560) เนื่องจากเทคโนโลยีเข้ามาเก่ียวข้องกับเด็กปฐมวัยในทุกรูปแบบ ต่างๆ ได้แก่ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ แท็ปเล็ต กล้องถ่ายภาพดิจิตอล สมาร์ทโฟน (พนิดา ชาตยาภา,

4 2559) สภาพปัจจุบันท่ีพบเห็นในสังคมไทยรวมทั้งในโรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี การใช้สื่อเทคโนโลยี ของเด็กปฐมวัยไม่ได้ใช้เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ แต่ผู้ใหญ่ให้เด็กใช้สื่อเทคโนโลยีในฐานะของเล่น เพื่อความ สนกุ สนาน ความบันเทิงรวมทั้งเป็นเครื่องมือท่ีช่วยให้เด็กอยู่นิ่ง ได้นาน ไม่ซุกซน ไม่ดื้อ และยังพบว่า เด็ก ถูกปล่อยให้อยู่กับส่ือเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์พกพา แท็ปเล็ต เครื่องเล่นวีดิโอเกม และสมาร์ทโฟน เป็นเวลานานและใช้ตามลาพังอย่างอิสระเท่าท่ีต้องการ จากลักษณะดังกล่าวได้ส่งผลเสีย ต่อเด็ก โดยเฉพาะพัฒนาการทางภาษา พบว่า ไม่มีทักษะในการส่ือสาร ไม่มีการสนทนาโต้ตอบกับผู้อื่น ซ่ึง เป็นอุปสรรคต่อพัฒนาการด้านต่างๆ ท้ังยังส่งผลต่อการใช้ภาษาในการติดต่อสื่อสาร สอดคล้องกับ การศึกษาของสถาบนั แห่งชาติเพอื่ การพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า พัฒนาการเด็ก ปฐมวัยไทย (0-5ปี) ในรอบ 15 ปีท่ีผ่านมา เด็กปฐมวัยประมาณ 30% หรือ 1 ใน 3 ของเด็กเล็กใน ประเทศมีพัฒนาการล่าช้า ซึ่งถือว่าสูงมาก โดยพบว่ามีพัฒนาการทางภาษาล่าช้า ถึง 20% ตามด้วย พัฒนาการทางปฏิภาณไหวพริบและการเข้ากับสังคม อีก 5% ซ่ึงพัฒนาการท้ัง 2 ด้านจะมีผลต่อระดับ สติปัญญา และสาเหตุที่ทาให้พัฒนาการล่าช้า มาจาก 3 สาเหตุคือ 1) ขาดภาวะโภชนาการท่ีดีและมี คุณค่า โดยเฉพาะการไม่เห็นความสาคัญของอาหารเช้าและเกลือแร่ท่ีมีผลต่อสมอง 2) ปัจจัยการเล้ียงดู หรือคนเล้ียงมีปัญหา โดยเฉพาะในครอบครัวเดี่ยวที่มีถึง 30% โอกาสการเล้ียงดูลูกมีน้อย เด็กจึงอยู่ใน ความดูแลของพี่เล้ียงเด็ก สถานรับเล้ียงเด็กและศูนย์เด็กเล็ก และ 3) การใช้ ส่ือโทรทัศน์หรือสมาร์ทโฟน กับเด็กควรหยุดการใช้สื่อเทคโนโลยี แต่ควรใช้วิธีเล่านิทานหรือการเล่นเพ่ือกระตุ้นประสาทสัมผัส (สถาบันวิจยั สงั คม, 2555) การประเมินตามแบบรายงานพฒั นาการเด็กปฐมวัย ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี มพี ัฒนาการด้านร่างกายอยู่ในเกณฑ์ดี คิดเป็นร้อยละ 64.41 พอใช้ คิดเป็นร้อยละ 35.59 พัฒนาการด้าน อารมณ์ จิตใจ อยู่ในเกณฑด์ ี คดิ เป็นรอ้ ยละ 68.93 พอใช้ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 31.07 พัฒนาการดา้ นสังคม อยู่ใน เกณฑ์ดี คดิ เป็นรอ้ ยละ 67.51 พอใช้ คิดเปน็ ร้อยละ 32.49 พฒั นาการด้านสติปัญญา อยู่ในเกณฑ์ดี คิดเป็น ร้อยละ 73.45 พอใช้ คิดเป็นร้อยละ 26.559 รวมทั้งจากผลการสารวจพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีในการ เล้ียงเด็กระดบั ปฐมวัยของพ่อแม่-ผู้ปกครอง โรงเรียนอนบุ าลอุบลราชธานี พบว่า พ่อแม่-ผู้ปกครอง มีเหตุผลใน การตัดสนิ ใจใหเ้ ด็กเลน่ อุปกรณเ์ ทคโนโลยีในครัง้ แรก คอื คิดว่าสามารถสร้างเสริมพฒั นาการได้ ร้อยละ 82.31 และเหตุผลที่ให้เด็กใช้อุปกรณ์มากที่สุดคือ ไม่มีเวลาเล่นกับเด็ก ร้อยละ 51.68 ระยะเวลาที่เด็กดูโทรทัศน์ เฉลี่ย 1-2 ช่ัวโมงต่อวัน ร้อยละ 40.16 ระยะเวลาที่เด็กใช้โทรศัพท์มือถือ/สมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต/ไอแพด เฉลี่ย 1-2 ช่ัวโมงต่อวัน ร้อยละ 91.57 สถานที่ที่เด็กใช้โทรศัพท์มือถือ/สมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต/ไอแพด มากทส่ี ดุ คอื ทีบ่ า้ น รองลงมาคอื ระหวา่ งการเดินทางและในร้านอาหาร จากเหตุผลดังกล่าวโรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี จึงได้ออกแบบรูปแบบการบริหารจัด การศึกษาปฐมวัยโดยใช้ PHET Model ในการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยเพ่ือพัฒนาภาษาส่ือสาร ตามแนวภาษาธรรมชาติ โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี เพื่อพัฒนาเด็กโดยองค์รวม ท่ีมุ่งพัฒนาการใช้ ภาษาสื่อสารของเด็กปฐมวัย โดยการจัดประสบการณ์ตามแนวภาษาธรรมชาติ เพ่ือให้เด็กได้พัฒนา ความรู้ ความเข้าใจโลกท่ีอยู่รอบตัว และปลูกฝังคุณลักษณะและการเป็นผู้แสวงหาความรู้เช่ือมโยงสู่ ทักษะชีวิต ผ่านกระบวนการจัดประสบการณ์ของครูที่มุ่งส่งเสริมความร่วมมือ มิตรภาพ และการ ช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน อันเป็นผลมาจากการปฏิบัติกิจกรรม การแก้ปัญหาร่วมกัน อันจะส่งผลให้ เด็กอยรู่ ว่ มกนั อย่างมีความสขุ ในสังคมและประเทศชาตติ ่อไป

5 วตั ถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาสภาพการใช้ PHET Model ในการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยเพื่อพัฒนาภาษา ส่ือสารตามแนวภาษาธรรมชาติ โรงเรยี นอนุบาลอบุ ลราชธานี 2. เพ่ือพัฒนา PHET Model ในการบริหารจัดการของผู้บริหาร ครู ในการจัดกิจกรรมเสริม ประสบการณ์ให้นักเรียนปฐมวัยมีทักษะในด้านภาษาส่ือสารตามแนวภาษาธรรมชาติ โรงเรียนอนุบาล อุบลราชธานี 3. เพื่อพัฒนานักเรียนปฐมวัยให้เกิดทักษะภาษาสื่อสารตามแนวภาษาธรรมชาติ โรงเรียน อนบุ าลอุบลราชธานี เป้าหมาย 1. PHET Model มีความเหมาะสมในการบรหิ ารจัดการศึกษาปฐมวัยเพื่อพัฒนาภาษาส่ือสารตาม แนวภาษาธรรมชาติ โรงเรยี นอนบุ าลอบุ ลราชธานี 2. ครูผู้สอนมีความรู้ ทักษะและกระบวนการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ เพ่ือการใช้ภาษา สอ่ื สารตามแนวภาษาธรรมชาติ อย่างน้อยร้อยละ 90 3. ผู้เรียนมีพัฒนาการทางภาษา โดยการใช้ภาษาส่ือสารตามแนวภาษาธรรมชาติสู่ อย่างน้อย รอ้ ยละ 90 2. กระบวนการผลติ ผลงาน/นวัตกรรม หรือข้ันตอนการดาเนินงาน 2.1 การออกแบบผลงาน/นวัตกรรม การพัฒนาคุณภาพการศึกษาปฐมวยั โรงเรียนอนบุ าลอุบลราชธานี ยึดหลักการบริหารแบบมี ส่วนร่วม เน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษา จึงได้คิดค้นนวัตกรรม การใช้ PHET Model ในการ บริหารจัดการศึกษาปฐมวัยเพื่อพัฒนาภาษา สื่อสารตามแนวภาษาธรรมชาติ โรงเรียนอนุบาล อบุ ลราชธานี มาใช้ในการบริหารจดั การศกึ ษาปฐมวัย ซ่ึงสง่ ผลตามโครงการที่ระบุไว้ในแผนปฏิบัติการ ประจาปีของโรงเรยี น การใช้ PHET Model ในการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยเพ่ือพัฒนาภาษาส่ือสารตามแนว ภาษาธรรมชาติ โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี เป็นการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยท่ีมุ่งสู่การพัฒนา คุณภาพของโรงเรียนอย่างสมดุล เพื่อให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคมและ สติปัญญาเปน็ องคร์ วม ดว้ ยกจิ กรรมทห่ี ลากหลายผ่านสอื่ กระบวนการเรยี นรูแ้ ละเทคโนโลยี มีทักษะ ชีวิตทีจ่ าเป็นและดารงชีวิตประจาวันตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อยู่ร่วมกับสังคมได้อย่าง มีความสุข ในการดาเนินการใหบ้ รรลตุ ามจดุ หมาย ซึ่งมรี ายละเอียดในการพัฒนานวตั กรรมดังนี้ ข้ันตอนที่ 1 สารวจและวิเคราะห์สภาพปัจจุบัน ปัญหา ความต้องการในการบริหารจัด การศึกษาปฐมวัยจากเอกสาร ผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อจัดลาดับความสาคัญ วางแผนและ กาหนดกรอบในการพฒั นานวัตกรรม ข้ันตอนที่ 2 ขั้น P : Participation (การมีส่วนร่วม) เป็นการบริหารแบบมีส่วนร่วม โดยการปรึกษาหารือ ประชุมร่วมกันระหว่างผู้บริหาร หัวหน้างานปฐมวัยและครูผู้สอนระดับปฐมวัย

6 เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหา ร่วมกันออกแบบกระบวนการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ เพือ่ พฒั นาทกั ษะภาษาสอ่ื สารตามแนวภาษาธรรมชาติ โรงเรียนอนบุ าลอุบลราชธานี ข้นั ตอนที่ 3 ข้นั H : Heart & Hands (การตระหนัก เต็มใจทางาน) เป็นการบริหารแบบ จูงใจให้ผู้ร่วมงานมีความเต็มใจในการทางาน รับผิดชอบในองค์การที่ตนปฏิบัติอยู่ด้วยความเต็มใจ นาเอา กระบวนการจดั กจิ กรรมเสริมประสบการณ์ท่ีรว่ มกนั ออกแบบไปใช้ในช้ันเรียนอย่างเต็มศักยภาพ ขั้นตอนท่ี 4 ข้ัน E: Evaluation (การประเมินผล) เป็นการบริหารกระบวนการที่กระทา ต่อจากการวัดผล แลว้ วินจิ ฉัย ตดั สิน ลงความเห็น สรปุ คุณค่าท่ีได้จากการวดั ผลอย่างมีกฎเกณฑ์ และ มคี ุณธรรม สู่การประเมินพัฒนาการอย่างเปน็ ระบบ ขั้นตอนที่ 5 ข้ัน T : Target (การมุ่งสู่จุดหมาย) เป็นการบริหารที่ผู้บริหารโรงเรียน กระจายอานาจให้ครู บุคลากรทางการศึกษาได้มีโอกาสเป็นผู้นาและผู้ตามในการทางาน เพ่ือให้ วิชาการมีความเข้มแข็ง มีคุณภาพและสมรรถนะสูง ส่งเสริมให้สามารถขับเคลื่อนการบริหารจัด การศกึ ษาปฐมวัยให้บรรลุจุดหมายทก่ี าหนดไว้ สรุป “PHET Model” เป็นรูปแบบการบริหารจัดการ เน้นการมีส่วนร่วมท่ีผู้ร่วมงาน ตระหนักและเตม็ ใจทางาน เพ่ือนาไปสู่การประเมินผลอย่างเป็นระบบ โดยใช้กระบวนการจัดกิจกรรม เสรมิ ประสบการณ์การเรยี นรู้เพอ่ื พัฒนาภาษาส่ือสารตามแนวภาษาธรรมชาติในชั้นเรียน (SPAR) (S : Stimulation (การกระตุ้น) P : Plan (การวางแผน) A : Active Learning (การเรียนรู้จากการ ปฏิบัติ) R : Reflection (การสะท้อนผล)) และส่งผลต่อการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยให้บรรลุตาม จดุ หมายของหลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย โรงเรยี นอนุบาลอบุ ลราชธานี กรอบแนวคิดนวัตกรรม PHET Model คูม่ ือการใช้ PHET Model ในการบริหารจัดการศกึ ษาปฐมวยั P : Participation (การมีส่วนรว่ ม) H : Heart&Hand (การตระหนกั เต็มใจทางาน) เพอ่ื พัฒนาภาษาส่อื สาร ตามแนวภาษาธรรมชาติ E : Evaluation (การประเมนิ ผล) โรงเรยี นอนุบาลอุบลราชธานี T : Target (การมุ่งสู่จุดหมาย) รปู แบบการจัดกจิ กรรมเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ คมู่ ือการจดั กจิ กรรมเสริม ประสบการณ์การเรยี นรู้ เพ่ือพัฒนาภาษาส่อื สารตามแนวภาษาธรรมชาติในชัน้ เรยี น เพอ่ื พัฒนาภาษาส่อื สาร ตามแนวภาษาธรรมชาติในชั้นเรียน S : Stimulation (การกระตนุ้ )  งง โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี P : Plan (การวางแผน)  แงม้ A : Active Learning (การเรียนรูจ้ ากการปฏิบตั ิ)  งอก R : Reflection (การสะท้อนผล)  งาม นักเรยี นระดับปฐมวัยโรงเรยี นอนุบาลอบุ ลราชธานี มที ักษะภาษาสอ่ื สารตามแนวภาษาธรรมชาติ

กระบวนการขบั เคล่อื น PHET Model 7 PRH นกั เรียนระดบั ปฐมวัย โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี งาม มที ักษะภาษาสื่อสาร TE ตามแนวภาษาธรรมชาติ P AH งอก TE PPH แง้ม TE PSH งง TE นยิ ามศัพท์เฉพาะ ขั้นตอนการดาเนินงาน หมายถึง ขั้นตอนการปฏิบัติของผู้บริหารและหัวหน้างานปฐมวัย ในการนาพาครูผู้สอนระดับปฐมวัยให้มีความรู้ ความเข้าใจและทักษะสามารถจัดกิจกรรมเสริม ประสบการณ์ โดยการใช้ภาษาสื่อสารตามแนวภาษาธรรมชาติ 5 ขั้นตอน ภายใต้รูปแบบการบริหาร จัดการศกึ ษาปฐมวัย PHET Model ข้ันตอนท่ี 1 สารวจและวิเคราะห์สภาพปัจจุบัน ปัญหา หมายถึง การสารวจความต้องการ ในการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยจากเอกสาร ผู้ที่มีส่วนเก่ียวข้องทุกฝ่าย เพ่ือจัดลาดับความสาคัญ และกาหนดกรอบในการพัฒนานวัตกรรม ขนั้ ตอนท่ี 2 ขนั้ P : Participation (การมีส่วนรว่ ม) การบรหิ ารจดั การทเี่ ปิดโอกาสให้บคุ ลากร ทุกฝ่ายที่เกีย่ วข้องคือ ผูบ้ ริหาร หัวหนา้ งานปฐมวัย ครูผู้สอนระดับปฐมวัย ไดม้ สี ว่ นร่วมในการวางแผน ออกแบบกระบวนการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ในช้นั เรยี น ขัน้ ตอนท่ี 3 ขนั้ H : Heart & Hands (การตระหนัก เต็มใจทางาน) หมายถึง การบริหารแบบ จูงใจให้ผู้ร่วมงานมีความเต็มใจในการทางาน รับผิดชอบในองค์การท่ีตนปฏิบัติอยู่ด้วยความเต็มใจ นาเอากระบวนการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณท์ ี่ร่วมกันออกแบบไปใช้ในชนั้ เรียนอยา่ งเตม็ ศกั ยภาพ

8 ข้ันตอนท่ี 4 ขั้น E: Evaluation (การประเมินผล) หมายถึง การบริหารกระบวนการท่ี กระทาตอ่ จากการวดั ผล – สังเกตพฤติกรรม แลว้ วนิ จิ ฉัย ตัดสิน ลงความเห็น สรุปคุณค่าที่ได้จากการ วดั ผลอยา่ งมีกฎเกณฑ์ และมคี ุณธรรม สกู่ ารประเมนิ พัฒนาการอย่างเปน็ ระบบ ขั้นตอนที่ 5 ขั้น T : Target (การมุ่งสู่จุดหมาย) หมายถึง การบริหารที่ผู้บริหารโรงเรียน กระจายอานาจให้ครู บุคลากรทางการศึกษาได้มีโอกาสเป็นผู้นาและผู้ตามในการทางาน เพื่อให้ วิชาการมีความเข้มแข็ง มีคุณภาพและสมรรถนะสูง ส่งเสริมการให้ทีมขับเคลื่อนการบริหาร จดั การศึกษาปฐมวัยใหบ้ รรลุจุดหมายทก่ี าหนดไว้ นวัตกรรม หมายถึง PHET Model ซึ่งเป็นการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยเพ่ือพัฒนาภาษา ส่ือสารตามแนวภาษาธรรมชาติ โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี 5 ขน้ั ตอน คอื 1) สารวจและวเิ คราะห์ สภาพปัจจุบัน ปัญหา 2) ข้ัน P : Participation (การมีส่วนร่วม) 3) ข้ัน H : Heart & Hands (การ ตระหนัก เต็มใจทางาน) 4) ขั้น E: Evaluation (การประเมินผล) และ 5) ข้ัน T : Target (การมุ่งสู่ จุดหมาย) ผ่านกระบวนการการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ตามแนวภาษาธรรมชาติในชั้น เรียน ผ่านกระบวนการ SPAR (S : Stimulation (การกระตุ้น) P : Plan (การวางแผน) A : Active Learning (การเรียนรู้จากการปฏบิ ตั ิ) R : Reflection (การสะทอ้ นผล)) ดงั น้ี 1) S : Stimulation (การกระตุ้น) หมายถึง การท่ีครูผู้สอนใช้วิธีการที่หลากหลายเพื่อจุด ประกายให้เด็กมคี วามสงสัย อยากรู้ มปี ระเด็นคาถามทเี่ ด็กอยากรู้ 2) ) P : Plan (การวางแผน) หมายถงึ การท่คี รผู ูส้ อนและเด็กร่วมกันวางแผนและค้นหาคาตอบ จากประเดน็ คาถามเพ่ือเชือ่ มโยงจากประสบการณ์เดมิ สู่ประสบการณใ์ หม่ 3) A : Active Learning (การเรียนรู้จากการปฏิบัติ) หมายถึง การที่เด็กได้ร่วมกิจกรรมจาก การฟัง พูด อ่าน (อ่านภาพ) เขียน (วาดภาพ, ลอกข้อความ) ท้ังรายบุคคลและกลุ่มย่อยเพื่อเสริมสร้าง ประสบการณใ์ หม่ 4) R : Reflection (การสะท้อนผล) หมายถึง การท่ีเด็กสามารถนาประสบการณ์การใช้ภาษา ส่ือสารเช่ือมโยง ไปใช้ในกิจกรรมประจาวันและการปฏิบัติจริง โดยการนาเสนอผลงาน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสะทอ้ นผล ภาษาสื่อสาร หมายถึง การถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดและความคิดเห็น เพื่อให้ผู้อ่ืนได้รู้ ไดเ้ ข้าใจ ภาษาธรรมชาติ หมายถงึ การที่เดก็ ได้เรียนรกู้ ารใช้ภาษาทั้งการฟัง พดู อ่าน เขียนไปตาม ธรรมชาติ อย่างมคี วามหมาย สอดคลอ้ งเหมาะสมกับวยั โดยไมแ่ ยกวา่ ตอ้ งอา่ นกอ่ น หรอื เขยี นก่อน แตจ่ ะเน้นใหเ้ ด็กได้ลงมือทาด้วยตนเอง เช่น อ่านนทิ าน เล่าเรือ่ งราว ฟังนทิ านทค่ี รหู รือเพื่อนเล่า เขียนคาทตี่ นสนใจจากเร่ืองท่ีได้อา่ นหรือได้ฟงั การบรหิ ารจดั การศึกษาปฐมวัย หมายถงึ การบรหิ ารจดั การศึกษาปฐมวยั โดยรูปแบบ PHET Model เพ่ือพัฒนาภาษา ส่ือสารตามแนวภาษาธรรมชาติ โรงเรยี นอนุบาลอุบลราชธานี การจดั การศึกษาปฐมวัย หมายถึง การจดั กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ การประเมนิ พฒั นาการสาหรับนักเรยี นชว่ งอายุ 3 – 6 ปี ของโรงเรียนอนบุ าลอุบลราชธานี ปกี ารศึกษา 2560

2.2 กระบวนการจัดกิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์การเรียน กจิ กรรม S การกระตุ้น - ปร (Stimulation) ครใู ชส้ ่อื ของจริง รปู ภาพ นทิ าน เพลง - ผล เปน็ สือ่ กระตนุ้ ให้ผู้เรียนเกดิ ความสงสยั P (Plan) การวางแผน - เลอื ครแู ละผู้เรยี นวางแผนการสบื ค้นข้อมลู ท่ีอยากเรียนรู้ - กา A - เตร (Active - ลอ Learning) การเรยี นรจู้ ากการปฏบิ ตั ิ ผลง R ผเู้ รียนสบื ค้นข้อมูลตามประเดน็ คาถาม ท้ังการสืบค้น (งาน (Reflection) รายบุคคลและรายกลุ่ม จากการปฏิบตั ิจรงิ (การทดลอง งานฉ การทาอาหาร), การนาเสนอ, บทเพลง, สื่อของจรงิ , งาน การแสดงบทบาทสมมุต,ิ แหล่งเรยี นรู้ และผลงาน ตา่ ง สร้างสรรค์ (ปน้ั , ประดษิ ฐ์, ตัดปะ, วาดภาพ ฯลฯ) การสะท้อนผล ผลง ผเู้ รยี นนาเสนอผลงานและสามารถนาไปประยุกตใ์ ช้ ผ่านผลงานศลิ ปะ, การเลา่ เร่ืองราว-นิทาน, บทเพลง, การจัดแสดงผลงาน, การแสดงละคร บทบาทสมมุติ

9 นร้เู พื่อพฒั นาภาษาสอื่ สารตามแนวภาษาธรรมชาตใิ นชัน้ เรียน ผลงาน/กิจกรรม ทักษะทางภาษา ระเด็นคาถาม งง ฟัง พดู อ่าน เขียน ลงาน (คา/ข้อความ) อกประเดน็ คาถาม แงม้ ฟงั พูด อา่ น เขียน าหนดการ วางแผน (ขยายคา/ข้อความ เป็นประโยค) รยี มสื่อ อุปกรณ์ องทาดู หนทู าได้ งานรายบุคคล / รายกลมุ่ งอก ฟัง พูด อ่าน เขยี น นสาน งานปน้ั งานประดษิ ฐ์ (สร้างคา/ข้อความ นาไปสู่เร่อื ง) ฉกี ตัดปะ.งานวาดภาพระบายสี, นศิลปะสรา้ งสรรค์จากสีชนิด งๆ) งาน / ข้อมลู การนาไปใช้ ฟัง พดู อ่าน เขียน งาม (นาเสนอผลงานเปน็ เร่ืองราว)

10 2.3 ประสิทธิภาพของการดาเนนิ งานในระดับผ้ปู ฏบิ ัติ ประสทิ ธภิ าพของการใช้ PHET Model ในการบริหารจดั การศกึ ษาปฐมวัยเพื่อพฒั นาภาษา ส่ือสารตามแนวภาษาธรรมชาติ โรงเรยี นอนุบาลอบุ ลราชธานี ผา่ นรปู แบบการจดั กิจกรรมเสริม ประสบการณ์การเรียนรู้ตามแนวภาษาธรรมชาติในช้ันเรียน (SPAR) ได้ดาเนนิ การตามข้ันตอนดังนี้ ระยะ กจิ กรรมเด็ก กจิ กรรมครู ผลทีไ่ ด้รับ การเรยี นรู้ S:Stimulation สนทนา สารวจความสนใจของ สนทนา แนะนาแนวคิดให้เด็ก - การสนทนาแลกเปล่ยี น การกระตุ้น เด็ก จากนทิ าน/สถานการณ/์ ไดส้ ารวจความสนใจ ดงั นี้ เรียนรู้ -ประเด็นคาถามของ ใหเ้ ด็กงง เหตุการณ์ ดงั น้ี 1.ช้ีชวน และจัดสภาพ แวดล้อม เดก็ 1.เลา่ เร่ืองจากประสบการณ์ ทน่ี ่าศึกษา เพื่อเปน็ การกระตุ้น -ผลงาน/การนาเสนอของ เดก็ สงสัย ตง้ั ของเดก็ และ ต้ังประเด็นคาถาม และจดุ ประกายความสงสัยจาก เด็ก - ประเดน็ คาถาม ทีส่ นใจ การเล่านทิ าน/เหตุการณ์ บันทึกพฤติกรรมการสื่อสาร 2.สรา้ งผลงาน นาเสนอ โดย 2. ใช้คาถามกระตุ้นและ การฟงั พูด อ่านและเขยี น P:Plan การ เลา่ เร่อื ง แสดงทา่ ทาง เชือ่ มโยงนิทาน/เหตกุ ารณ์ ของเด็ก การวางแผน บทบาทสมมตุ ิ 3.สงั เกตและบันทกึ พฤตกิ รรม ให้เด็กแง้ม 3.สรุปประเด็นคาถาม ของเดก็ -กาหนดการวางแผน 1.รว่ มวางแผนการทากจิ กรรม 1.ใช้คาถามกระตุน้ ให้เดก็ รว่ ม -ผลงาน/ชิน้ งาน/การ การวางแผน เพ่ือค้นหาคาตอบ กิจกรรมร่วมวางแผน ค้นหา นาเสนอและบตั รภาพ และคน้ หา 2.เดก็ สร้างผลงาน ลองทาดู คาตอบตามประเดน็ คาถาม -บันทกึ พฤติกรรมการ คาตอบตาม หนทู าได้ นาเสนอผลงาน 2.บันทึกคาพดู เขยี นคา/ข้อความ สอ่ื สารการฟังพูด อา่ นและ ประเดน็ คาถาม 3.ร่วมสนทนาสิง่ ทีเ่ ดก็ ตอ้ งการ ตามภาพผลงานท่เี ด็กสร้าง เขียน ร้จู กั จากผลงาน คา/ข้อความสู่ 3. กระต้นุ ให้เด็กนาเสนอ A:Active บตั รภาพ ประสบการณใ์ หม่ -ได้เรยี นรกู้ ระบวนการ Learning 4.นาเสนอประสบการณเ์ ดมิ สู่ 4.สงั เกตและบนั ทึกพฤตกิ รรม เรียนรู้ของตนเองและผู้อ่ืน การเรียนรู้ ประสบการณ์ใหม่ ของเด็ก -ครูได้รบั รู้กระบวนการ จากการปฏิบตั ิ เรียนรู้ของเดก็ รายบุคคล เพ่อื ใหเ้ ดก็ งอก 1.ลงมอื ปฏบิ ตั ิตามขน้ั ตอน 1.อานวยความสะดวกในการ และรายกลุม่ 2. สร้างชิ้นงานรายบคุ คลและ จดั ประสบการณต์ ามทว่ี างแผน -เด็กไดร้ บั ประสบการณ์การ สรา้ งผลงาน งานกลุ่มยอ่ ย นาเสนอผลงาน 2.กระตนุ้ ใหเ้ ดก็ นาข้อความ/ ทากิจกรรมและนาเสนอ และประสบการณ์ โดยนา ขอ้ ความ จากบตั รคา บัตรภาพมาสรา้ งผลงานเลา่ เป็น ผลงานรายบุคคลและราย ใหม่ บัตรภาพมาสร้างผลงานเลา่ ประโยค/เร่อื งราว กลุม่ เรอื่ งราวและนาเสนอ 3.ครูเขยี นบนั ทึกข้อความให้ -บนั ทึกพฤติกรรมการ ประสบการณใ์ หม่ เดก็ ดูลีลาการเขียนแล้วอ่านให้ สอ่ื สารการฟังพดู อา่ นและ 3.เดก็ ยืนข้างซ้ายดลู ลี าการ เด็กฟงั เด็กอา่ นตามแล้วใหเ้ ดก็ เขยี น เขียนข้อความอา่ นตามครูและ ลอกขอ้ ความตามแบบตาม ลอกข้อความตามแบบตาม ความสนใจ ความสนใจ 4.สังเกตและบนั ทึกพฤติกรรม ของเด็ก

11 ระยะ กจิ กรรมเด็ก กิจกรรมครู ผลทไี่ ดร้ บั การเรยี นรู้ R:Reflection 1.สรุปกจิ กรรมเดก็ รว่ มจดั 1.เปน็ ผ้ใู หค้ าปรึกษาในการจัด -เดก็ ไดร้ บั ประสบการณก์ าร การสะทอ้ นผล นาเสนอผลงาน เพ่ือให้เด็กงาม แสดงนิทรรศการ ผลงาน บรรยากาศ/เวทีแลกเปลยี่ น -ไดแ้ ลกเปลี่ยนเรยี นรกู้ าร นาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวัน การเชือ่ มโยงสู่ 2.นาเสนอรายบุคคล รายกลุ่ม เรยี นรู้ -ไดร้ คู้ วามสามารถของเด็ก กจิ วตั รชวี ติ รายบคุ คล กลุ่มย่อยและ ประจาวัน ยอ่ ยและกลุม่ ใหญ่ แลกเปลีย่ น 2.ครคู อยกระตุน้ /ช้ีแนะ/ กลุ่มใหญ่ -ผลสรปุ พฤติกรรมทาง เรยี นรู้ ส่งเสรมิ ในการทากิจกรรมให้ ภาษาดา้ นการส่ือสารการฟัง พดู อา่ นและเขยี น 3.การเช่อื มโยงสู่การนาไปใชใ้ น นาเสนอ /การจดั แสดง ชวี ติ ประจาวนั และการสะท้อน 3.ให้คาปรกึ ษา/สง่ เสริมการ ความคิดเหน็ นาไปใช้ในชีวิตประจาวัน 4.ใหก้ ารเสรมิ แรง 5.สงั เกตและบนั ทึกพฤตกิ รรม ของเด็ก 2.4 การใช้ทรพั ยากร ในการใช้ PHET Model ในการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยเพื่อพัฒนาภาษาส่ือสารตามแนว ภาษาธรรมชาติ โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี โรงเรียนได้ใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่ คือ บุคลากร (Man) งบประมาณ (Money) วสั ดุ (Material) และการบรหิ ารจดั การ (Management) ทมี่ อี ยู่อย่างเต็มตามศักยภาพ คือ จัดการประชุมเพื่อทาความเข้าใจกับครูผู้สอนและผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการนา PHET Model ในการบริหาร จัดการศึกษาปฐมวัยเพื่อพัฒนาภาษาสื่อสารตามแนวภาษาธรรมชาติ และกระตุ้นให้ครูผู้สอนและผู้ท่ี เก่ียวข้อง นาไปใช้ในชั้นเรียน และประยุกต์ใช้ทรัพยากรท่ีมีอย่ใู นการจัดกิจกรรมประสบการณ์ประจาวัน ท้ังส่ือประเภทวสั ดุ อปุ กรณ์ เทคนิค วิธีการต่างๆ และเป็นส่ือรูปธรรมที่เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการ จบั ตอ้ ง เพื่อให้เดก็ ไดเ้ รยี นรู้ หรือมีประสบการณ์ตรงจากส่ือการสอนน้ัน เช่น หนังสือนิทาน ตุ๊กตา สีเทียน สนี า้ กระดาษ บลอ็ กไม้ ดนิ นา้ มนั สอ่ื วัสดุ อุปกรณต์ า่ งๆ ทมี่ ีในห้องเรียน 3. ผลการดาเนินงาน/ผลสมั ฤทธ์ิ/ประโยชนท์ ่ไี ดร้ บั 3.1 ผลการดาเนินงาน/ผลสัมฤทธิ์ ส่งผลต่อพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม สติปัญญา ดังผลการประเมินพัฒนาการท้ัง 4 ด้านของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จานวน 9 ห้องเรยี น จานวนเดก็ 373 คน ตามแบบรายงานพัฒนาการเด็กปฐมวัย (แบบ อ.1) ปีการศึกษา 2560 ดงั นี้ มีพฒั นาการดา้ นรา่ งกายอยูใ่ นเกณฑ์ดี คิดเป็นรอ้ ยละ 94.10 พอใช้ คิดเป็นรอ้ ยละ 5.90 พัฒนาการ ดา้ นอารมณ์ จติ ใจ อยู่ในเกณฑ์ดี คิดเป็นร้อยละ 98.66 พอใช้ คิดเป็นร้อยละ 1.34 พัฒนาการด้านสังคม อยู่ในเกณฑ์ดี คิดเป็นร้อยละ 98.93 พอใช้ คิดเป็นร้อยละ 1.07 พัฒนาการด้านสติปัญญา อยู่ในเกณฑ์ดี คิดเปน็ ร้อยละ 98.66 พอใช้ คิดเป็นร้อยละ 1.34 สูงกว่าเป้าหมายทต่ี ้ังไว้ 3.2 ประโยชนท์ ีไ่ ดร้ ับ 1. สง่ ผลตอ่ เดก็ 1) พัฒนาการด้านร่างกาย เด็กได้ปฏิบัติกิจกรรมและเคล่ือนไหวส่วนต่างๆของ ร่างกายด้วยการหยิบ จับวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ได้เคล่ือนไหว การประสานสัมพันธ์กันระหว่างมือกับตา สามารถทางานได้คล่องแคล่วขน้ึ

12 2) พฒั นาการดา้ นอารมณ์ จิตใจ เด็กสนใจกระตือรือร้นท่ีได้ทากิจกรรม เด็กมีความ พึงพอใจในความสามารถของตนเองและผู้อ่ืน มีความสนใจ สนุกสนาน มีความสุขกับการทากิจกรรม รกั ช่นื ชมศิลปะ มีความมนั่ ใจในตนเอง กลา้ แสดงออกมากขึน้ 3) พัฒนาการด้านสังคม เด็กมีความสนใจในการทากิจกรรมมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน และผู้อ่ืน เด็กได้เรียนรู้กระบวนการเรียนรู้ร่วมกับผู้อ่ืน ให้ความช่วยเหลือ แบ่งปันซึ่งกันและกัน รู้จัก การรอคอย มคี วามรบั ผดิ ชอบและทางานรว่ มกนั อย่างมคี วามสุข 4) พัฒนาการด้านสติปัญญา เด็กสามารถร่วมสนทนาโต้ตอบ ฟัง อ่านและพูด เล่าเร่ืองราวจาก ผลงาน ข้อความง่ายๆ จากการวาดภาพตามความคิด จินตนาการในการสร้างสรรค์ผลงาน รู้จักสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัว จาแนกแยกแยะเปรยี บเทียบจัดหมวดหมู่ รจู้ กั วางแผน ตัดสินใจเลือกและแก้ปัญหาในการทางานมีสามารถด้านการ คดิ วเิ คราะห์ การเช่ือมโยงการคดิ อยา่ งมเี หตุผล การตัดสนิ ใจและการประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้เหมาะสมตามวยั 2. ส่งผลต่อครู 1) ครูมีเอกสาร คู่มือและแผนการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาภาษาส่ือสารตามแนว ภาษาธรรมชาติ เปน็ แบบอยา่ งเผยแพรแ่ ก่ครู บคุ คลากรทจ่ี ัดการศึกษาระดับปฐมวยั 2) ครูมีเครื่องมอื ในการส่งเสรมิ พัฒนาเด็ก สรา้ งความมน่ั ใจให้กับครู 3) ครูได้ส่งเสริม พัฒนาให้เด็กเกิดการเรียนรู้จากการฝึกทักษะพื้นฐานทางการใช้ ภาษาสอื่ สารตามแนวภาษาธรรมชาติได้อย่างเหมาะสม 4) ครูได้กระตนุ้ ให้เดก็ ไดเ้ รียนรู้จากความสนใจของเด็ก สามารถเรียนรู้กระบวนการ เรียนรรู้ ว่ มกบั ผอู้ ื่นอย่างมีความสุข 5) ครูได้รูปแบบการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ มีเอกสาร นวัตกรรมการจัด ประสบการณ์ ซึ่งเหมาะสมกบั การปฏบิ ตั หิ นา้ ท่คี รผู ูส้ อนปฐมวัย 3. สง่ ผลต่อสถานศึกษา 1) สถานศึกษามีเอกสารคู่มือในการเยยี่ มชมและนิเทศการจัดการศึกษาระดบั ปฐมวยั 2) สถานศึกษาเป็นแบบอย่างและมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาร่วมกับเครือข่าย และหน่วยงานอ่ืนๆกบั การสร้างเจตคตทิ ี่ดีใหเ้ ด็ก 3) ศูนย์เด็กปฐมวัยต้นแบบโรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี มีเอกสารนวัตกรรมและ แหลง่ เรยี นรูเ้ ปน็ ทศ่ี กึ ษาดงู าน 4. สง่ ผลตอ่ ผ้ปู กครอง 1) ผ้ปู กครองมีความพึงพอใจ ช่นื ชมในความสามารถและพฒั นาการของบตุ รหลาน 2) ผปู้ กครองให้การสนบั สนนุ จัดหาวัสดุอุปกรณแ์ ละร่วมเปน็ วิทยากรดว้ ยความพงึ พอใจ 3) ผู้ปกครองมอบความไว้วางใจและเชื่อม่ันในการจัดการศึกษาปฐมวัย ส่งผลให้นาบุตร หลานมาเข้าเรียนเป็นจานวนมาก 5. ส่งผลต่อชมุ ชน 1) ชุมชนได้มสี ว่ นรว่ มในการจัดการศกึ ษาโดยสรา้ งจิตสานกึ ท่ดี ตี อ่ ผู้เรยี น 2) ชุมชนมีความภาคภูมิใจท่ีได้ร่วมเป็นวิทยากรและผู้เรียนเป็นต้นแบบในการพัฒนา การศึกษาในระดับชาติต่อไป 3)ชมุ ชนจดั การศึกษาที่สนองนโยบาย และสอดคล้องกับมาตรฐานและพระราชบญั ญัติการศกึ ษาชาติ

13 4. ปัจจยั ความสาเร็จเป็นส่งิ ทชี่ ่วยให้งานประสบความสาเรจ็ ผูม้ สี ่วนร่วมในความสาเร็จ โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานีให้ความสาคัญกับการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยโดยการทางาน เป็นทีม คุณภาพของงานเป็นการระเบิดจากภายในสู่ภายนอก คุณภาพของการบริหาร จัดการศึกษา ปฐมวัยต้องเกิดจากความร่วมมือของบุคลากรในโรงเรียน โดยบุคคลภายนอกและหน่วยงานต่างๆ ให้การ สนับสนุน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดาเนินงานโดยผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครอง และชุมชน เพ่ือประโยชน์กับคุณภาพของผูเ้ รยี น คณุ ภาพของโรงเรยี นและขยายผลสชู่ มุ ชนต่อไป การใช้รูปแบบการบรหิ ารจัดการศึกษาปฐมวัยโดยการใช้ภาษาส่ือสารตามแนวภาษาธรรมชาติ ของโรงเรยี นอนบุ าลอบุ ลราชธานี ประสบความสาเรจ็ ดงั นี้ 4.1 เด็กมีโอกาสได้รับการจัดประสบการณ์ตามความสนใจ ได้เรียนรู้กระบวนการของตนเองและ ผู้อ่ืน ได้วางแผนกาหนดแนวทางการปฏิบัติร่วมกัน ได้ปฏิบัติกิจกรรมทั้งรายบุคคลและรายกลุ่ม และการ นาเสนอผลงานการจัดแสดงนทิ รรศการและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 4.2 ครู ผู้ปกครอง ชุมชนและเด็กได้มีส่วนร่วมในการจัดเตรียมส่ือ วัสดุ อุปกรณ์ และใช้เทคนิค การจดั ประสบการณท์ ่ีหลากหลาย 4.3 ผู้ปกครอง ได้สนับสนุนสื่อ วัสดุอุปกรณ์ตลอดจนการร่วมเป็นวิทยากรกระตุ้นเด็กให้คิดและ เชื่อมโยงสู่การปฏบิ ตั ิ 4.4 ผู้ปกครองและวิทยากรในชุมชน ได้แนะนา ตอบคาถามและกระตุ้นให้เด็กปฏิบัติเพื่อสืบค้น หาคาตอบด้วยตนเอง 4.5 ผู้บริหารสถานศึกษานานโยบายจากผู้บริหารระดับสูงมาปฏิบัติ นิเทศติดตาม แนะแนวทาง ให้การสนับสนุนงบประมาณ เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ให้ความสาคัญกับการจัดการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ สรา้ งขวัญและกาลงั ใจแกค่ รผู สู้ อนและผเู้ รียนสง่ ผลให้การดาเนินงานเกดิ ประสิทธภิ าพและประสทิ ธผิ ล 4.6 การจัดแหล่งเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียนเอื้ออานวยความสะดวกต่อการเรียนซ่ึงมี องคป์ ระกอบเก้อื หนุนกนั ดงั น้ี ผู้บริหารระดับสูง (หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย 2560) ผู้บริหารสถานศกึ ษา (หลักสตู รสถานศึกษาปฐมวัย) ครู ชุมชน/แหล่งเรียนรู้ เดก็ ผู้ปกครอง

14 5. บทเรียนทีไ่ ดร้ บั (Lesson Learned) ผลดตี อ่ การบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยของโรงเรียน โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี มุ่งจัดการศึกษาปฐมวัยเพ่ือพัฒนาเด็กอายุ ๓-๖ ปีให้ได้รับ การพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคมและสติปัญญาเป็นองค์รวม ด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย ผ่านส่ือกระบวนการเรียนรู้และเทคโนโลยี มีทักษะชีวิตที่จาเป็นและดารงชีวิตประจาวันตามหลัก ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง อยรู่ ่วมกันในสงั คมได้อย่างมีความสขุ โดยการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ชมุ ชนและทุกฝ่ายท่เี กย่ี วข้อง บนพน้ื ฐานของประเพณวี ฒั นธรรมไทยภายใต้การบริหารแบบมีส่วนร่วม การดาเนินงานไปสู่การปฏิบัติด้วยการกาหนดโครงการ/กิจกรรม ตามแผนปฏิบัติการประจาปี มีการรายงานผลการดาเนินโครงการทุกกิจกรรมเม่ือเสร็จส้ินภารกิจหรือส้ินปีการศึกษา มีการนาผล การประเมิน ข้อเสนอแนะไปปรับปรุงการปฏิบัติงานตามแผน ทาให้เกิดผลการพัฒนาอย่างรอบด้าน ทงั้ ดา้ นผู้เรยี น ครูและบุคลากรทางการศกึ ษา สถานศึกษาและชมุ ชน ประโยชน์และคุณค่าจากบทเรียนท่ีได้รับจากการใช้ PHET Model ในการบริหารจัด การศึกษาปฐมวัยเพื่อพัฒนาภาษาส่ือสารตามแนวภาษาธรรมชาติ ส่งผลต่อการจัดประสบการณ์การ เรียนรู้ เพ่ือพัฒนาการใช้ภาษาในการสื่อสารของเด็กปฐมวัย เป็นการพัฒนาความสามารถในการฟัง พูด อ่าน เขียนโดยองคร์ วม มงุ่ พฒั นาเด็กทงั้ ชีวติ และจติ ใจ สง่ ผลตอ่ พฒั นาการทุกด้าน ท้ังรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ ทักษะทางสังคม และสติปัญญา รวมท้ังคุณธรรม จริยธรรมและความรู้สึกถึงสุนทรียศาสตร์ ทาให้เด็กมี พฒั นาการตามเปา้ หมายทกุ รายการ ซ่งึ เปน็ ประโยชนแ์ ละมคี ณุ ค่า ตามรายการดังนี้ เดก็ รจู้ กั แสวงหาข้อมูล เด็กได้เรียนร้จู ากความสนใจ ฝกึ การเปน็ ผนู้ าผตู้ ามทดี่ ี ผ่านกระบวนการเรยี นรู้ ใช้ภาษา ส่งเสรมิ ให้เดก็ มีบทบาทและมี ได้อย่างสนุกสนาน ส่วนรว่ มในกระบวนการเรียนรู้ ฝกึ การทางานร่วมกนั ฝกึ ลกั ษณะนิสยั ท่ดี ี ลดการยึดตวั เอง ในการทากจิ กรรม สามารถนาความรู้ เปน็ การสง่ เสริมการเรียนรู้ ไปในชวี ติ ประจาวนั แบบประชาธิปไตย เปน็ การส่งเสรมิ ศักยภาพ สง่ เสริมทกั ษะการคิด ของเด็กแต่ละบคุ คล ทาให้เด็กกล้าคดิ กลา้ แสดงออก เดก็ เกิดความเชื่อมนั่ ในตนเอง

15 6. การขยายผล/เผยแพร/่ การไดร้ บั การยอมรับ/รางวัลที่ได้รับ 6.1 การขยายผล/เผยแพร่ 1) ได้รับการยอมรับให้เผยแพร่และขยายผลงานให้กับผู้มาศึกษาดูงาน ทั้งในและ นอกโรงเรยี น 2) ได้รับการยอมรับให้เผยแพร่และขยายผลงานให้กับบุคคลกรหน่วยงานต่างๆโดย การจดั นิทรรศการแสดงผลงาน 3) ไดร้ ับการยอมรับให้เผยแพร่และขยายผลงานให้กบั นกั ศึกษาฝกึ ประสบการณ์ของ มหาวิทยาลัยราชภฏั อบุ ลราชธานี มหาวทิ ยาลัยราชธานี และมหาวทิ ยาลัยการจดั การอสี เทริ น์ 4) ได้รับการยอมรับให้เผยแพร่และขยายผลงาน โดยการปฏิบัติหน้าที่วิทยากร รว่ มกับสานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานเี ขต 1 และหนว่ ยงานอื่นๆ 5) ไดร้ ับการยอมรับให้เผยแพร่ผลงานทางอนิ เทอรเ์ นต็ 6) ได้รับการยอมรับให้เผยแพร่ผลงานกับคณะครูเครือข่ายศูนย์เด็กปฐมวัยต้นแบบ ของจังหวดั 6.2 การไดร้ บั การยอมรบั /รางวัลทไี่ ดร้ บั โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี ได้รับรางวัลจากกระทรวงศึกษาธิการ ในการจัดการศึกษา ระดับก่อนประถมศึกษาได้อย่างมีคุณภาพดีเยี่ยม จนได้รับรางวัลพระราชทาน ๓ คร้ังภายใน ๑๐ ปี คือ ปีการศึกษา ๒๕๔๔, ๒๕๔๙ และ ๒๕๕๓ และได้รับความไว้วางใจจากผู้ปกครองและชุมชนส่ง บุตรหลานมาจับสลากเข้าเรียนเป็นจานวนมากทุกปี และได้รับรางวัลต่างๆ มากมายท้ังนักเรียน ครู และสถานศกึ ษา 7. ผลสะทอ้ นทีเ่ กิดจากผลงาน/นวัตกรรม ของสถานศกึ ษา ผลสะท้อนท่ีเกิดจากผลงาน/นวัตกรรม ต่อการพัฒนาเด็กตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตร ผล สะท้อนท่เี กิดจากผลงาน/นวัตกรรมของผูม้ สี ่วนได้ สว่ นเสีย 1. ผลสะท้อนท่ีเกิดจากผลงาน/นวัตกรรมต่อการพัฒนาเด็กตามจุดมุ่งหมายหลักสูตร โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี ได้มีการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยท้ังด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สตปิ ญั ญา มากกว่าร้อยละ 90 2. ผลสะท้อนท่ีเกิดจากผลงาน/นวัตกรรม ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีความพึงพอใจต่อผลงาน นวัตกรรมของสถานศึกษา

16 บรรณานกุ รม อนบุ าลอบุ ลราชธานี, โรงเรียน.(2560). ธรรมนูญโรงเรียนปีการศึกษา 2560. เอกสารอัดสาเนา,. เชยี รศรี วิวธิ สริ .ิ (2527). สือ่ สาหรบั การศกึ ษาผูใ้ หญ่และการศกึ ษานอกโรงเรยี น : กรงุ เทพ: มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ ประสานมติ ร, ฉันทนา ภาคบงกช. (2537). แนวการส่งเสริมพัฒนาการทางแนวภาษาตามแนวการสอนภาษา โดยรวม(เอกสารประกอบคาบรรยาย) กรงุ เทพ : โรงเรียนอนุบาลหนนู อ้ ย. ถา่ ยเอกสาร. ภรณี คุรรุ ตั นะ. (2542). การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย.กรุงเทพฯ : สานักงานคณะกรรมการการศึกษา แหง่ ชาติ. มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช.(2527). เอกสารการสอนชดุ วชิ าการเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิต ระดบั ปฐมวัยศึกษา หนว่ ยที่ 8. พิมพค์ รง้ั ที่ 2. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช. คณะกรรมการการประถมศึกษาแหง่ ชาติ. (2542).พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542. กรงุ เทพมหานคร : บริษัทพรกิ หวานกราฟฟคิ จากดั , สานกั งานวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2551). การจัดการศึกษาปฐมวยั ตามหลกั สูตรและ การจัดการสาหรับเด็กปฐมวยั . กรุงเทพมหานคร : บริษทั พรกิ หวานกราฟฟิค จากดั , อารี สันหฉว.ี (2550) สอนภาษาไทยแนวสมดลุ ภาษา. กรุงเทพฯ : สมาคมเพ่อื การศกึ ษาเด็ก. ชนิพรรณ จาติเสถียร. (2560). การวิจัยและพฒั นากระบวนการการฝึกอบรมครปู ระจาการดา้ น การประเมินเด็กปฐมวัย โดยใช้แนวคิดจิตตปัญญาศึกษาและการช้ีแนะทางปัญญา. วารสารครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั , 45(2), 1-20. พนิดา ชาตยาภา. (2559) เทคโนโลยีกับเด็กปฐมวัยในศตวรรษท่ี 21. วารสารวไลยอลงกรณ์ ปรทิ ศั น,์ 6(2), 151-162. สานักงานวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา. (2560).หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช 2560 (อายุ 3-5 ปี). กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์คุรสุ ภา, สถาบันวิจยั สงั คม จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั . (2555). สมั มนาการพัฒนาและดูแลเดก็ ปฐมวัยกับ การคุ้มครองทางสังคม.เม่ือวันที่ 9 มกราคม 2555: สบื ค้นเม่อื วนั ที่ 1 กรกฎาคม 2561, จาก http://www.qlf.or.th/Mobile/contentId