Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ด้านอาชีพ

ด้านอาชีพ

Published by ภัทราวลัย ลิ้นโป, 2023-06-15 00:58:18

Description: ด้านอาชีพ

Search

Read the Text Version

1 การจัดทำผลงาน/นวัตกรรมการปฏิบัติทเี่ ปน็ เลศิ (Best Practice) ช่อื ผลงาน การน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติเพื่อเสริมสร้างทักษะอาชีพสำหรับนักเรียน โดยนวัตกรรรม FACTOR MODEL ดา้ น หนึ่งนกั เรียน หนง่ึ อาชีพ : มงี านทำ - มอี าชีพ  วถิ คี นดี : มที ัศนคติที่ถูกตอ้ งตอ่ บ้านเมอื ง  มีคณุ ธรรมนำชวี ติ : มพี นื้ ฐานชีวติ ทม่ี ่นั คง - มีคุณธรรม  หน่ึงนกั เรยี น หน่งึ อาชพี : มีงานทำ – มีอาชีพ  จติ อาสาด้วยหัวใจ : การเป็นพลเมอื งดี โรงเรยี น/หน่วยงาน โรงเรียนวดั เขานางเภา ขนาดโรงเรียน  ขนาดใหญ/่ ขนาดใหญพ่ ิเศษ  ขนาดกลาง  ขนาดเลก็ สังกัด สำนกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาสุราษฎรธ์ านี เขต ๑ โทรศัพท์ ๐๗๗-๔๕๒๓๘๑ อเี มล watkhaonangphao๐๗๗@gmail.com

2 รายละเอยี ดเอกสารการนำเสนอผลงาน/นวตั กรรมการปฏบิ ัตทิ เี่ ปน็ เลิศ (Best Practice ) ๑. ความสำคญั ของผลงาน/นวัตกรรมการปฏิบัตทิ ีเ่ ป็นเลิศ (Best Practice) พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรสี นิ ทรมหาวิชราลงกรณ มหศิ รภูมิพลราชวรางกรู กิติสริ สิ ม บรู ณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ในหลวงรัชกาลท่ี ๑๐) ทรงสืบสานพระราชปณิธาน ด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถ บพติ ร (ในหลวงรชั กาลที่ ๙) เพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทยทั้งปวง คือ การสร้างคนดีให้แก่บ้านเมอื ง จึง ทรงมีพระบรมราโชบายดา้ นการศึกษาพ้ืนฐานแก่ผู้เรียน ๔ ด้าน ประกอบดว้ ย (๑) การมีทัศนคติที่ถูกตอ้ งต่อ บ้านเมือง (๒) การพ้ืนฐานชีวิตท่ีมั่นคง-มีคุณธรรม (๓) การมีงานทำ-มีอาชีพ และ (๔) การเป็นพลเมืองดี ซึง่ สอดคล้องกับพระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 กำหนดความมุ่งหมายของการศึกษา โดยเน้นการจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนา คน ไทยให้เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ท้ังร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและ วฒั นธรรมใน การดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ดังมาตรา 6 ในกระบวนการเรียนรู้ต้องมุ่งปลูกฝัง จิตสำนกึ ท่ีถูกต้องเกี่ยวกบั การเมอื งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข รู้จักรกั ษาและสง่ เสรมิ สิทธิ หนา้ ท่ี เสรภี าพ ความเคารพกฎหมาย ความเสมอภาค และศักดศิ์ รีความเปน็ มนุษย์ มคี วามภาคภมู ิใจในความเปน็ ไทย รู้จกั รักษาผลประโยชน์สว่ นรวมและของประเทศชาติ รวมทงั้ ส่งเสริมศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมของชาติ การกีฬา ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย และความรู้อันเป็นสากล ตลอดจน อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม มีความสามารถในการประกอบอาชีพ รูจ้ กั พึ่งตนเอง มีความริเริ่ม สร้างสรรค์ ใฝร่ ู้และเรียนรู้ด้วยตนเองอยา่ งตอ่ เน่ือง ในมาตราที่ 7 และในมาตราท่ี 8 ระบวุ ่า การจัดการศึกษา ให้ยึดหลักว่าเป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา โดยมีการ พัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โรงเรียนควรจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จาก ประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็น ทำเป็นรักการอ่านและเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเน่ือง มาตรา 24(3) ส่งเสรมิ สนบั สนนุ ให้ผ้สู อนสามารถจัดบรรยากาศสภาพแวดลอ้ ม ส่ือการเรียน และอำนวยความสะดวก เพื่อให้ผูเ้ รียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้รวมทั้งสามารถใช้การวิจยั เป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการเรียนรู้ ทั้งนี้ ผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจากส่ือการเรียนการสอนและแหล่งวิทยาการประเภทต่าง ๆ มาตรา 24(5) มีจัดการเรียนรู้ให้เกิดข้ึนได้ทุกเวลาทุกสถานที่ มีการประสานความร่วมมือกับบิดามารดา ผู้ปกครอง และบุคคลในชุมชนทุกฝ่าย เพ่ือร่วมกันพัฒนาผู้เรยี นตามศักยภาพ มาตรา 24(6) รัฐต้องส่งเสริม การดำเนินงานและการจัดตั้งแหล่งการเรียนรู้ตลอดชวี ิตทุกรูปแบบ ได้แก่ ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์ หอ ศิลป์ สวนสัตว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศูนย์การกีฬาและ นันทนาการ แหล่งข้อมูล และแหล่งการเรยี นรู้อื่นอย่างพอเพยี งและมีประสิทธิภาพ ดังน้ัน โรงเรียนทุกแห่งมี หน้าท่ีดำเนนิ งานให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพมิ่ เตมิ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 โรงเรียนจึงมีความจำเป็นต้องส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักและใช้ ประโยชน์จากแหล่งการเรยี นรู้ต่าง ๆ กระทรวงศึกษาธิการ ได้ตระหนักถึงความสำคัญและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและ เสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการพัฒนาการ เรยี นรู้ท่ตี อบสนองต่อการเปล่ียนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑ และพหุปญั ญาของมนุษย์ท่ีหลากหลาย จงึ ได้กำหนด นโยบายท่ีสอดคลอ้ งกบั พระราโชบาย ด้านการศึกษาในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ในการสรา้ งคนดใี หแ้ ก่บา้ นเมืองโดย จัดให้มีรูปแบบ วิธีการ หรือกระบวนการในการดูแลช่วยเหลือผู้เรียน เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมี

3 คุณภาพ มีความสุข และได้รับการปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยทั้งด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงการสร้าง ทักษะให้ผู้เรียนมีความสามารถในการดูแลตนเองจากภัยอันตรายต่างๆ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางสังคม ร้จู ักแยกแยะสง่ิ ผิดขชอบ/ชั่ว-ดี ปฏบิ ัติแต่ส่ิงท่ีชอบ สงิ่ ท่ีดีงาม รู้จักปฏิเสธสิ่งท่ผี ิด ส่งิ ทช่ี ่ัว รวมทงั้ นโยบายดา้ น การพัฒนาทักษะทางอาชีพ โดยส่งเสริมการจัดการศึกษาที่เน้นพัฒนาทักษะอาชีพของผู้เรียนเพื่อพัฒนา คุณภาพชีวติ สร้างอาชีพและรายได้ท่ีเหมาะสม จนสามารถเลี้ยงตวั เองและครอบครัวได้ โรงเรียนวดั เขานางเภา สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสรุ าษฎร์ธานี เขต ๑ ได้น้อม นำพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวิชราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกรู กิติสริ ิสมบรู ณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพติ ร พระวชิรเกล้า เจา้ อยู่หวั (ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐) เป็นแนวทางในการพัฒนาการศกึ ษาของโรงเรียนวดั เขานางเภา ในด้านหนึ่ง นกั เรยี น หนงึ่ อาชพี : มีงานทำ – มอี าชีพ ขบั เคล่อื นการดำเนินงานภายใต้วิสัยทศั น์ของโรงเรียนวัดเขานางเภา ท่วี ่า “โรงเรียนวัดเขานางเภา บริหารจัดการศกึ ษาเชิงคุณภาพ มงุ่ พฒั นาครแู ละนักเรยี นให้มคี วามรู้ ค่คู ุณธรรม มีคุณภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน น้อมนำศาสตร์พระราชาสูก่ ารเรียนร้ใู นศตวรรษท่ี 21” โดยนอ้ ม นำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติเพ่ือเสริมสร้างทักษะอาชีพสำหรับนักเรียน โดยนวัตกรรรม FACTOR MODEL ภายใต้การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึงแนวคิด หลักการสำคัญที่ เกยี่ วข้องกับ “การนอ้ มนำพระราโชบายด้านการศกึ ษาสู่การปฏิบัติเพ่ือเสรมิ สร้างทกั ษะอาชพี สำหรับนักเรียน โดยนวัตกรรรม FACTOR MODEL” คือ การศึกษาข้อมูล วิเคราะห์ข้อเท็จจริง (Fact) ปรับเปลี่ยนกระบวน (Adaptiveness) อาศัยความร่วมมือ (Coordinating) กระบวนการทำงานเป็นทีม (Teamwork) การ ติดต่อสื่อสารแบบเปิด (Open Communication) โดยแลกเปล่ียนเรียนรู้และรายงานผล (Report) เพ่ือ เสริมสรา้ งทักษะอาชีพสำหรบั นกั เรยี นโรงเรียนวัดเขานางเภา เป็นพ้นื ฐานสำหรบั การมีงานทำ-มอี าชีพต่อไป ๒. จดุ ประสงคแ์ ละเป้าหมายของผลงาน/นวัตกรรมการปฏิบัติท่เี ป็นเลศิ (Best Practice) ๒.๑ จุดประสงค์ เพื่อน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติในการเสริมสร้างทักษะอาชีพสำหรับ นกั เรยี น โดยนวตั กรรรม FACTOR MODEL ๒.๒ เป้าหมาย ๒.๒.๑ เปา้ หมายเชงิ ปรมิ าณ (๑) นักเรียน ร้อยละ ๘๐ ได้รบั การเสรมิ สร้างความร้ดู ้านทักษะอาชีพ (๒) นักเรียน ร้อยละ ๘๐ ได้รับการฝึกทักษะพื้นฐานด้านอาชีพตามความถนัดและ ความสนใจของตนเอง ๒.๒.๒ เปา้ หมายเชิงคณุ ภาพ (๑) นักเรยี นมคี วามรู้และทกั ษะด้านอาชีพ (๒) นักเรยี นนำความรู้เกย่ี วกับอาชีพไปใช้ในชวี ิตประจำวนั ได้ ๓. กระบวนการผลิตผลงานหรือขั้นตอนการดําเนนิ งาน ๓.๑ การออกแบบผลงาน/นวตั กรรม จากการศึกษาสภาพปัญหาการบริหารจัดการของสถานศึกษา จึงได้จัดทำกรอบแนวคิดในการ พฒั นาเพื่อ แกไ้ ขปัญหาทีเ่ กดิ ข้ึน โดยไดใ้ ชห้ ลักทฤษฎีและหลักวิชาการที่เกี่ยวขอ้ ง และนำวงจรคุณภาพ PDCA ของเดมมิ่ง (Deming Cycle) มาใช้ในการดำเนินการทั้งการขับเคลื่อนในภาพรวมและการขับเคล่ือน “การ

4 น้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสกู่ ารปฏิบัติในการเสริมสร้างทักษะอาชพี สำหรบั นักเรียน โดยนวัตกรรรม FACTOR MODEL” โดยมขี ้นั ตอนการออกแบบนวตั กรรม ดงั นี้ ขน้ั ตอนที่ ๑ วางแผน (Plan) ๑.๑) ศกึ ษาความรู้เกี่ยวกับการน้อมนำพระบรมราโชบายด้านการศึกษาในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ สู่การปฏิบัติ มาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานเพ่ือมุ่งสร้างพ้ืนฐานให้แก่ผู้เรียน ๔ ด้าน ได้แก่ มีทัศนคติที่ ถกู ตอ้ งตอ่ บ้านเมอื ง มีพ้ืนฐานชีวติ ท่ีม่ันคง-มีคณุ ธรรม มงี านทำ-มีอาชพี และเปน็ พลเมอื งดี ๑.๒) ศึกษา วิเคราะห์ ยุทธศาสตร์ นโยบายท่ีเก่ียวข้อง ของกระทรวงศึกษาธิการ และ หน่วยงานต้นสังกัดมาจัดทำเป็นแผนพัฒนาของโรงเรียนเพื่อให้มีความสอดคล้องของงานตามภารกิจ 4 ด้าน ประกอบด้วย ดา้ นวชิ าการ ด้านงบประมาณ ดา้ นบรหิ ารบคุ คล และด้านบริหารทว่ั ไป ๑.๓) แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำแผนปฏิบัติการ และประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาข้ัน พื้นฐาน เพ่ือทบทวน ความต้องการ ทิศทางการพัฒนาการศึกษาโดยน้อมนำพระบรมราโชบายด้านการศึกษา ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ สู่การปฏิบัติในสถานศึกษา กำหนดจุดเน้นและเป้าหมายการพัฒนาของโรงเรียน วดั เขานางเภา ๑.๔) ประชุมช้ีแจงคณะครูในการน้อมนำพระบรมราโชบายด้านการศึกษาในหลวงรัชกาลท่ี ๑๐ สู่การปฏิบัติ เพื่อจัดทำเป็นโครงการและกิจกรรม โดยมุ่งเน้นการจัดกิจกรรมเสริมทักษะอาชีพให้กับ นกั เรยี น ๑.๕) กิจกรรมการน้อมนำพระบรมราโชบายดา้ นการศกึ ษาในหลวงรชั กาลที่ ๑๐ สกู่ ารปฏบิ ัติ ขั้นตอนท่ี ๒ ดำเนินการ (Do) สร้างนวัตกรรมการน้อมนำพระบรมราโชบายด้านการศึกษาในหลวง รชั กาลที่ ๑๐ สูก่ ารปฏบิ ตั ิ ๒.๑) สร้างนวัตกรรม “การน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติเพ่ือเสริมสร้าง ทักษะอาชีพสำหรับนักเรยี น โดยนวตั กรรรม FACTOR MODEL” จากแนวคิดและทฤษฎีต่างๆ ท่ีเกยี่ วข้องกับ การบรหิ ารจัดการ การบรหิ ารแบบมีส่วนร่วม เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ โดยมีองค์ประกอบ ของนวัตกรรมดังต่อไปนี้ ภาพท่ี ๑ นวัตกรรม “การน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาส่กู ารปฏิบัติเพ่ือเสริมสร้างทักษะอาชีพสำหรับ นักเรียนโดยนวัตกรรรม FACTOR MODEL”

5 Fact (การศกึ ษาข้อมูล/วิเคราะห์ขอ้ เทจ็ จรงิ ) คือการวเิ คราะห์บริบทของสถานศกึ ษา วดั แววอาชีพ ของนักเรียนเพื่อเปน็ ข้อมูลพื้นฐาน ตลอดจนแหลง่ เรียนรู้ภายใน แหล่งเรียนรู้ภายนอก ตลอดจนแหล่งเรียนใน ท้องถ่ิน เพ่ือนำข้อมูลที่ได้มาวางแผนการขับเคล่ือนการจัดการเรียนรู้สำหรับผู้เรียนโดยน้อมนำพระบรมรา โชบายด้านการศกึ ษาในหลวงรัชกาลท่ี ๑๐ สู่การปฏบิ ตั ิ Adaptiveness (ปรับเปล่ียนกระบวน) คือการปรับเปลี่ยนกระบวนการบริหารจัดการ การจัด กิจกรรมสำหรับผู้เรียนใหสอดคล้องกับบริบทและความต้องการของนักเรียน โดยน้อมนำพระบรมราโชบาย ด้านการศึกษาในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ สกู่ ารปฏบิ ัติเพอื่ เสรมิ ทกั ษะอาชีพใหก้ ับนกั เรียน Coordinating (ความร่วมมือ) คือ การจัดกิจกรรมโดยน้อมนำพระบรมราโชบายด้านการศึกษาใน หลวงรัชกาลที่ ๑๐ สู่การปฏิบัติเพื่อเสริมทักษะอาชีพให้กับนักเรียน โดยประสานความร่วมมือจากผู้มีส่วน เกีย่ วข้องจากทกุ ภาคส่วน Teamwork (การทำงานเป็นทีม) คือ กระบวนการทำงานเป็นทีมของผู้บริหาร ครูผู้สอน บุคลากร ทางการศึกษาในการขับเคลื่อนกิจกรรมโดยน้อมนำพระบรมราโชบายด้านการศึกษาในหลวงรัชกาลท่ี ๑๐ สู่ การปฏิบตั เิ พ่ือเสรมิ ทักษะอาชีพให้กับนกั เรียน Open Communication (การติดต่อสื่อสารแบบเปิด) คือ การบริหารจัดการสถานศึกษา จัด กิจกรรมการเรียนรู้ให้กับนักเรียน โดยน้อมนำพระบรมราโชบายด้านการศึกษาในหลวงรัชกาลท่ี ๑๐ สู่การ ปฏิบัติ เพอ่ื เสริมทักษะอาชีพใหก้ ับนักเรียน สง่ เสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดกิจกรรม การสะท้อนผลการ จดั การเรียนร้จู ากการจดั กิจกรรมจากผู้ที่เก่ียวข้องเพื่อวิเคราะห์ปัญหา อุปสรรคทีเ่ กิดขึ้นจากการจัดกิจกรรรมสู่ การพัฒนา ปรบั ปรุงการบริหารจัดการและการจดั การเรยี นรู้อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง Report (รายงานผล) คือ การรายงานผลการจัดกิจกรรมโดยน้อมนำพระบรมราโชบายด้าน การศึกษาในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ สูก่ ารปฏิบตั ิเพ่ือเสริมทักษะอาชพี ให้กับนกั เรียน มกี ารจัดกจิ กรรมนำเสนอผล ทไี่ ด้จากการเรยี นรู้เพ่ือเสรมิ ทกั ษะอาชีพในรปู แบบต่างๆ ๓.๒ การดำเนนิ งานตามกจิ กรรม เป้าหมายการจัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะอาชีพของนักเรียนโรงเรียนวัดเขานางเภาเพ่ือการมี งานทำ – มีอาชีพตามพระราโชบายในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ มีดงั น้ี ระดับปฐมวัย : นักเรียนสามารถบอกอาชีพของสมาชิกในครอบครัวของตนเอง อาชีพที่คน เองชอบ สามารถทำงานทไี่ ดร้ ับมอบหมายจนสำเรจ็ ได้เหมาะสมตามวยั ระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑-๓ : นักเรียนสามารถระบุอาชีพท่ีตนเองตนใจได้ และอธิบาย อาชีพต่างๆ ในชุมชนได้ อธิบายลักษณะอาชีพต่างๆ มีทักษะ สมรรถนะเบ้ืองต้นที่นำไปสู่อาชีพท่ีสนใจ ตลอดจนมเี จตคตทิ ่ีดีตอ่ ทุกอาชีพ ระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔-๖ : นักเรียนมีความรู้ ทักษะ ความสามารถในการประกอบ อาชีพสุจริตที่ตนเองสนใจและเหมาะสมตามวัย ทำโครงงานอาชีพท่ีตนเองสนใจได้และใช้เวลาว่างในการ ชว่ ยเหลือครอบครัว การน้อมนำพระบรมราโชบายด้านการศึกษาในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ สู่การปฏิบั ตินักเรียน โดย นวัตกรรรม FACTOR MODEL” ของโรงเรียนวัดเขานางเภา มขี ้ันตอนการดำเนนิ กิจกรรมภายใต้วงจรคุณภาพ PDCA ซึ่งมีรายละเอียด ดงั น้ี

6 ขน้ั ตอนท่ี ๑ P : Plan การวางแผน ใชก้ ระบวนการวางแผนงานเพือ่ ให้บรรลุเป้าหมายที่ต้ังไวด้ ังนี้ ๑) ศึกษาสภาพปัจจุบันจากทุกฝ่ายที่มีส่วนเก่ียวข้องกับการจัดการศึกษาสำหรับ นกั เรียน เพอ่ื ให้ไดข้ อ้ มูลพ้ืนฐานและนำมาวิเคราะห์ถงึ สาเหตขุ องปญั หา (F : Fact) และกำหนดคุณลกั ษณะอัน พงึ ประสงค์สำหรบั การจดั กจิ กรรมเสรมิ ทกั ษะอาชีพให้กับนักเรียนร่วมกัน ๒) ประชุม วางแผน ร่วมกับครูประจำช้ัน ครูผู้สอน เพ่ือทำความเข้าใจนโยบาย ค่านิยมที่พึง ประสงค์ ด้านการมีการมีงาน - มีอาชีพ ตามพระราโชบายในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ตามหลักการ บรหิ ารเชงิ กลยุทธ์ ๓) แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน ตามโครงการและมอบหมายหน้าท่ีรับผิดชอบ เพื่อกำหนดกิจกรรมส่งเสริมท่ีเหมาะสมกับนักเรียน สอดคล้องกับค่านิยมท่ีพึงประสงค์ ด้านการมีงาน - มี อาชพี ตามพระราโชบายในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ๔) สร้างเครื่องมือประเมนิ ผลตามวตั ถุประสงค์ของโครงการ ได้แก่ แบบประเมินการ เสริมสร้างทักษะอาชีพของนักเรียน แบบสอบถามเกี่ยวกับความพึงพอใจของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ท่ีมีต่อการ ดำเนนิ กจิ กรรม 5) จัดหาทรัพยากร งบประมาณ รวมท้ังจัดสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนให้เอ้ือต่อ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ของนกั เรยี น ขั้นตอนท่ี ๒ A : Action การปฏบิ ตั ิงานตามแผน ดำเนินการจัดกิจกรรมเสริมทักษะอาชีพสำหรับนักเรียน โดยการจัดกิจกรรมบูรณา การการจัดการเรียนการสอนหรือโครงการตามท่ีวางแผนไว้ให้สอดคล้องกับความต้องการและความสามารถ ของนักเรียน (A : Adaptiveness) ดังน้ี กิจกรรมการจดั มุมประสบการณ์ด้านอาชีพ กจิ กรรมโครงงานอาชีพ กิจกรรมแนะแนวการประกอบอาชีพ กิจกรรมสวนครัวของหนู กิจกรรมวัดแววอาชีพ กิจกรรมอาชีพท่ีฉัน อยากเป็น กิจกรรมอาชีพที่ฉัยชอบ กิจกรรมโครงงานบ้านวิทยาศาสตร์น้อย กิจกรรมชุมนุม กิจกรรมบริษัท สร้างการดี กิจกรรมบูรณาการอาชีพในท้องถิ่น กิจกรรมการทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้ด้านอาชีพในชุมชน เป็น ต้น ซึ่งในการจัดกิจกรรมจะอาศัยความร่วมมือของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมในทุกภาคส่วน (C : Coordinating) ขนั้ ตอนที่ ๓ C : Check หรือ การตรวจสอบ ๑) ตรวจสอบการดำเนินกิจกรรมโดยการน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การ ปฏิบัตเิ พื่อเสริมสร้างทักษะอาชีพสำหรบั นักเรยี น ตามแผนและตวั ชว้ี ัดขององค์ประกอบการจัดกิจกรรม “การ มีงานทำ – มีอาชีพ” ตามพระราโชบายในหลวงรัชกาลท่ี ๑๐ ท่ีวางไว้ โดยมีเคร่ืองมือการติดตาม ตรวจสอบ การจดั กิจกรรม ดังนี้ องค์ประกอบที่ ๑ การเลี้ยงดูลูกหลานในครอบครัวหรือการฝึกอบรมใน สถานศึกษาตอ้ งมุ่งใหเ้ ด็กและเยาวชนรักงาน สูง้ าน ทำจนงานสำเรจ็ ตัวช้ีวัด คือ ครอบครัวหรือสถานศึกษาสร้างความตระหนักให้ผู้เรียนเป็นผู้ รักงาน สูง้ านและทำงานจนสำเร็จตามทไี่ ด้รบั มอบหมาย องค์ประกอบที่ ๒ การฝึกอบรมท้ังในหลักสูตรและนอกหลักสูตร ต้องมี จุดมุง่ หมายใหผ้ เู้ รยี นทำงานเปน็ และมีงานทำในท่ีสดุ

7 ตวั ชว้ี ัด คือ (๑) จัดหลักสูตรให้ผู้เรียนสู่เส้นทางอาชีพที่สนใจได้ (๒) ผู้เรียน บอกแนวทางในการประกอบอาชีพในโลกปัจจุบันได้ (๓) ผู้เรียนมีสมรรถนะพื้นฐานในการประกอบอาชีพที่ สนใจได้ องค์ประกอบท่ี ๓ ต้องสนับสนุนผู้สำเร็จหลักสูตรมีอาชีพ มีงานทำจนสามารถ เล้ียงตัวเองและครอบครัวได้ ตวั ช้ีวัด คือ (๑) ผเู้ รียนมีสมรรถนะพื้นฐานในการประกอบอาชีพท่ีสนใจได้ (๒) ผเู้ รียนเข้ารว่ มกิจกรรมฝึกทกั ษะอาชีพตามความถนดั และความสนใจของตนเอง ๒) สังเกตพฤติกรรมนักเรียนก่อนและหลังจากเข้าร่วมกิจกรรมเสริมทักษะอาชีพ เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และผลการประเมนิ นักเรยี นตามเครอ่ื งมอื แบบประเมินการจดั กจิ กรรม ๓) นำข้อมูลท่ีได้มาวิเคราะห์และนำเสนอผลท่ีได้จากการใช้วิธีการหรือกิจกรรมใน การแกป้ ัญหาร่วมกันของผูบ้ ริหารและครูผู้สอน (T : Teamwork) ขั้นตอนที่ ๔ Act หรือ การปรบั ปรุง มกี ารดำเนินการดงั นี้ ๑) การทบทวนการปฏิบัตงิ านหลังเสร็จสิ้นแต่ละกิจกรรมซ่ึงเป็นการทบทวนวิธีการ ทำงานทั้งด้านความสำเร็จและปัญหาที่เกิดขึ้น เพ่ือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จากการทำกิจกรรมเพ่ือแก้ปัญหาที่ เกิดข้นึ ๒) สะท้อน ผลการจัดการเรียนรู้จากการจดั กิจกรรมจากผทู้ ่ีเก่ียวข้องเพื่อวิเคราะห์ ปัญหา อุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการจัดกิจกรรรมสู่การพัฒนา ปรับปรุงการบริหารจัดการและการจัดการเรียนรู้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยร่วมมือกันของครู ผ้บู รหิ าร และผู้ทม่ี ีสว่ นเกย่ี วขอ้ ง (O : Open Communication) ๓) นเิ ทศ กำกบั ตดิ ตาม และประเมินผลการจัดกิจกรรมเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง ๔) สรปุ และรายงานผลการดำเนนิ งาน (R : Report) ๕) เผยแพร่ประชาสมั พันธแ์ ละขยายผลเพ่ือสร้างเครอื ขา่ ยการดำเนนิ งานของกิจกรรม ๓.๓ การใชท้ รพั ยากรมอี ย่อู ยา่ งเหมาะสม คุ้มคา่ สอดคล้องกับบริบทของโรงเรียน มีการใช้ทรัพยากรทางการศึกษาเพื่อจัดกิจกรรม “การน้อมนำพระราโชบายด้าน การศึกษาสู่การปฏิบัติเพื่อเสริมสร้างทักษะอาชีพสำหรับนักเรียน โดยนวัตกรรรม FACTOR MODEL” ให้ ประสบผลสำเร็จโดยมีปจั จัยสำคญั ๔ อย่างคือ คน (Man) โดยอาศัยความร่วมมือของบุคลากรทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน อยา่ งเหมาะสมตามความรู้ ความสามารถ เงิน (Money) มีการบริหารงบประมาณในการจัดกิจกรรมต่างๆ อย่างประหยัด โปรง่ ใส คุ้มคา่ เป็นไปตามแผนงบประมาณท่วี างไว้ วัสดุ อุปกรณ์ (Materials) โดยจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ที่เหมาะสม เพียงพอกับ การจัดกิจกรรมตา่ งๆ ทวี่ างไว้ การบริหารจัดการ (Management) โดยการประสานงานและการบริหารหน้าที่ ต่างๆ อย่างเหมาะสม มีการวางแผนการดำเนินงาน การบริหารทรัพยากรบุคคล และการควบคุมการจัด กิจกรรมต่างๆ จนการดำเนนิ กิจกรรมประสบผลสำเร็จ

8 ๔. ผลการดำเนินงาน/ผลสัมฤทธ์ิ/ประโยชนท์ ีไ่ ดร้ ับ ๔.๑ ผลทเี่ กดิ ตามจดุ ประสงค์ นวัตกรรม “การน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติในการเสริมสร้างทักษะ อาชีพสำหรับนักเรยี น โดยนวัตกรรรม FACTOR MODEL” สามารถเสรมิ สร้างความรู้และทักษะให้กบั นักเรยี น โรงเรียนวดั เขานางเภา ๔.๒ ผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายของงาน นักเรียน ร้อยละ 58.54 ได้รับการเสริมสร้างความรู้ด้านทักษะอาชีพได้รับการฝึกทักษะ พื้นฐานด้านอาชีพตามความถนัดและความสนใจของตนเอง และสามารถนำความรู้เกี่ยวกับอาชีพไปใช้ใน ชวี ติ ประจำวนั ได้ ดงั ตารางที่ ๑ จำนวนนกั เรียนตามผลการประเมิน จำนวน คิดเปน็ ระดบั ชน้ั จำนวน ด้านทกั ษะอาชพี นักเรยี นที่ รอ้ ยละ นักเรียน ระดับคณุ ภาพ (คน) ได้รับระดับ ไมผ่ า่ น ผา่ น ดี ดีเยยี่ ม ดีขนึ้ ไป ปฐมวัย ๑๗ ๐ ๐ ๑ ๑๔ ๑๕ ๘๘.๒๔ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ๗ ๐ ๐ ๑ ๕ 6 85.71 ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ๑๓ ๐ ๐ ๓ ๘ 11 84.62 ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓ ๑๑ ๐ ๐ ๔ ๔ 8 72.73 ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ ๑๖ ๐ ๐ ๔ ๘ 12 75.00 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๕ ๑๑ ๐ ๐ ๑ ๕ 6 54.55 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๖ ๗ ๐ ๐ ๑ ๕ 5 71.43 รวม 8๒ ๐ ๐ ๑๔ ๓๕ ๔๘ 58.54 ๔.๓ ประสิทธิภาพของการดำเนินงาน “การน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติในการเสริมสร้างทักษะอาชีพสำหรับ นักเรียน โดยนวัตกรรรม FACTOR MODEL” มีการดำเนินงานเป็นไปตามข้ันตอนกระบวนการที่วางไว้ ผู้มี ส่วนเก่ียวข้องในการเสรมิ สร้างทักษะอาชพี สำหรับนักเรยี นมีความพึงพอใจในการจดั กจิ กรรมอยู่ในระดับดีมา ๔.๔ ประโยชน์ทีไ่ ด้รับ ๑. ประโยชน์ต่อนักเรียน นักเรยี นได้รับการเสริมสรา้ งทักษะอาชพี ตามพระราโชบายในหลวง รัชกาลที่ 10 2) ประโยชน์ต่อครู ครูได้พัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับ การพัฒนาเสรมิ สร้างทักษะอาชีพ มีการปรบั เปลี่ยนกระบวนการจดั การสอนสำหรับนักเรียนอยู่อย่างต่อเน่ือง และสอดคลอ้ งกับความสนใจของนักเรยี น ตามพระราโชบายในหลวงรัชกาลที่ 10 3) ประโยชน์ต่อโรงเรียน โรงเรียนมีรปู แบบการพัฒนาผู้เรยี นเสริมสร้างทักษะอาชีพตามพระ ราโชบายในหลวง รัชกาลที่ 10 มพี ืน้ ฐานการมีงานทำ-มอี าชีพ โรงเรียนมีแหลง่ เรยี นรู้สำหรบั ผ้เู รยี นและบุคคล ทวั่ ไปเกยี่ วกบั การจดั การเรยี นการสอนตามพระราโชบายในหลวง รชั กาลท่ี 10 4) ประโยชน์ต่อชุมชน โรงเรยี น ชุมชนและหนว่ ยงานท่ีเกยี่ วข้องได้เข้ามามีบทบาทและสว่ น รว่ มในการจัดการศกึ ษาเพ่ือเสริมทกั ษะอาชพี ใหก้ บั นกั เรยี น

9 ๕) ผู้บริหาร ครู นักเรียน ชุมชนและผู้มีส่วนเก่ียวข้องเกิดความตระหนักและสำนึกในพระ มหากรณุ าธิคุณของในหลวงรัชกาลท่ี 10 ที่มีตอ่ การศึกษา ๕. ปัจจัยความสำเร็จ การน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติเพ่ือเสริมสร้างทักษะอาชีพสำหรับนักเรียน โดย นวตั กรรรม FACTOR MODEL ของโรงเรียนวดั เขานางเภา มปี จั จยั ความสำเร็จท่เี กี่ยวข้อง ดังนี้ 1. รูปแบบการน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติเพื่อเสริมสร้างทักษะอาชีพสำหรับ นักเรียนโดยนวัตกรรรม FACTOR MODEL เป็นรูปแบบที่ใช้กระบวนการ PDCA ซึ่งเป็นกระบวนการที่มีการ วางแผนงาน การดำเนนิ งาน การตรวจสอบและปรบั กระบวนการดำเนนิ งานท่เี ป็นระบบและขั้นตอน ทำให้ผล การดำเนนิ งานสำเร็จตามจดั ประสงค์ท่ีกำหนดไว้ 2. การจดั กิจกรรมของครูเป็นกิจกรรมการจัดการเรยี นรู้เชิงรกุ (Active Learning) มงุ่ เน้นใหน้ ักเรียได้ ลงมือปฏิบัติจริง จึงทำให้ผู้เรียนเรยี นรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ ทำให้ผลการดำเนินงานเป็นไปตามจุดประสงค์ที่ กำหนดไว้ 3. มีการนิเทศ กำกับ ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผล รวมทัง้ นำผลการตรวจสอบและประเมินผล เพอ่ื การปรับปรุงการปฏบิ ัติงานและแกไ้ ขปญั หาอย่างต่อเนอื่ ง 4. รูปแบบการน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติเพื่อเสริมสร้างทักษะอาชีพสำหรับ นักเรียนโดยนวตั กรรรม FACTOR MODEL เป็นรปู แบบท่ีสามารถประยุกตใ์ ชท้ รัพยากรที่มอี ยู่อย่างเหมาะสม คมุ้ ค่า สอดคลอ้ งกับบรบิ ทของโรงเรยี น 5. ผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง ตลอดจนชุมชน ตระหนัก ให้การช่วยเหลือและให้ความสำคัญ และมีส่วนร่วมในการจดั กจิ กรรมเสรมิ สร้างทักษะอาชพี สำหรับนักเรยี นโดยนวัตกรรรม FACTOR MODEL ๖. บทเรียนทไ่ี ด้รับ ( Lesson Learned) บทเรียนท่ีได้รับจากการดำเนินงานการนอ้ มนำพระราโชบายด้านการศกึ ษาสกู่ ารปฏบิ ัติเพอ่ื เสรมิ สร้าง ทักษะอาชพี สำหรบั นกั เรียนโดยนวตั กรรรม FACTOR MODEL ของโรงเรียนวัดเขานางเภา มีดังนี้ 1) รูปแบบการน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติเพ่ือเสริมสร้างทักษะอาชีพสำหรับ นักเรียนโดยนวัตกรรรม FACTOR MODEL ของโรงเรียนวัดเขานางเภา จะต้องออกแบบให้สอดคล้องกับ จุดประสงค์และเป้าหมายโดย และสอดคล้องกับบริบท มีการศึกษาแนวคิดสำคัญมารองรับ อย่างมีเหตุผล กจิ กรรมในโครงการจะต้องมีความเช่อื มโยงกนั การดำเนินงานเป็นระบบและเป็นขน้ั ตอน สามารถนำไปปฏิบัติ ได้จรงิ 2) การมวี ิสัยทศั น์ ความพร้อม และเป้าหมายที่ชัดเจนของผู้บรหิ ารสถานศึกษา ครผู ู้สอน และผู้มีส่วน ทเี่ กยี่ วข้อง จะทำใหก้ ารดำเนินการพัฒนาผู้เรยี นใหม้ ีมีงานทำ-มอี าชพี ตามพระบรม ราโชบายในหลวงรชั กาลท่ี 10 3) การดำเนินการโครงการ กิจกรรมท่ีประสบความสำเร็จต้องมีการนิเทศ กำกับ ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล อยา่ งเป็นขั้นตอน เป็นระบบ รวมทั้งนำผลการตรวจสอบและประเมนิ ผล สำหรับการปรบั ปรุง การปฏบิ ัติงานและแก้ไขปญั หาอยา่ งต่อเนอื่ ง ๗. การเผยแพร/่ การไดร้ บั การยอมรับ การน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติเพ่ือเสริมสร้างทักษะอาชีพสำหรับนักเรียน โดย นวตั กรรรม FACTOR MODEL ของโรงเรียนวัดเขานางเภา มีการเผยแพร่ ดังนี้

10 ๑. การจัดนิทรรศการผลงานของนกั เรียนท้งั ภายในสถานศึกษา และนอกสถานศกึ ษา ๒. เผยแพรผ่ ลงานนวัตกรรมการน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏบิ ัตเิ พื่อเสริมสรา้ ง ทกั ษะอาชีพสำหรับนักเรียนโดยนวตั กรรรม FACTOR MODEL ของโรงเรียนวัดเขานางเภา ให้สถานศึกษาใน สังกัด และการเวป๊ ไซต์ ๓. การเผยแพร่ผลการดำเนินงานกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนผ่าน face book โรงเรียน และ youtube ๔. การเผยแพร่ผลงานนวัตกรรมการน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติเพ่ือ เสริมสร้างทักษะอาชีพสำหรับนักเรียนโดยนวัตกรรรม FACTOR MODEL ของโรงเรียนวัดเขานางเภา ใน รปู แบบ e-book การไดร้ ับการยอมรบั นกั เรยี นโรงเรียนวัดเขานางเภา ได้เข้ารว่ มการแขง่ ขันศิลปหัตถกรรมนักเรียน ประจำปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ ได้รับต่างๆ เช่น ๑. ได้รับรางวัลระดับเหรียญเงิน รองชนะเลิศอับดับท่ี ๑ กิจกรรมการประกวดโครงงานชีพ ระดับชน้ั ป.๔-๖ ๒. ไดร้ บั รางวลั ระดับเหรียญทอง กจิ กรรมการแข่งขนั ร้องเพลงสากล ประเภทหญิง ระดบั ชัน้ ป.๑-๓ ๓. ได้รับรางวลั ระดับเหรียญเงิน กจิ กรรมการปนั้ ดินน้ำมัน ระดับชนั้ ปฐมวัย ๘. การขยายผลตอ่ ยอดสูค่ วามยั่งยืน โรงเรียนวดั เขานางเภาได้มีการขยายผลการดำเนินงานการน้อมนำพระราโชบายด้านการศกึ ษาสู่การ ปฏิบัติเพ่ือเสริมสร้างทักษะอาชีพสำหรับนักเรียนโดยนวัตกรรรม FACTOR MODEL เพ่ือการต่อยอดสู่ความ ยง่ั ยนื ดังนี้ 1. ส่งผลงานการน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติเพ่ือเสริมสร้างทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนโดยนวัตกรรรม FACTOR MODEL เข้าร่วมประกวด โรงเรียนที่มีวิธีปฏิบัติท่ีเป็นเลิศ (Best Practice) การน้อมนำพระบรมราโชบายด้านการศึกษาในหลวงรัชการที่ 10 สู่การปฏิบัติระดับเขตพื้นท่ี การศกึ ษา 2. นำผลการจัดกิจกรรมเสริมทักษะอาชีพของนักเรียนเข้าร่วมจัดนิทรรศการ ในโอกาสต่างๆ เชน่ การประชุมบุคลากรในศูนย์เครอื ขา่ ย งานเปิดบา้ นวชิ าการ เปน็ ต้น 9. ข้อเสนอแนะในการนำผลงาน/นวตั กรรมไปใช้ 1. กจิ กรรมท่กี ำหนดไว้ สามารถเพ่มิ ปรบั ลด ไดต้ ามบริบทของ สถานศึกษา 2. พระบรมราโชบายดา้ นการศกึ ษา ในหลวงรัชกาลท่ี 10 ท้ัง 4 ดา้ น สถานศึกษาสามารถนำรูปแบบ FACTOR MODEL นไี้ ปประยกุ ต์ใช้ในการพฒั นานักเรยี นได้อย่างต่อเนอื่ งตามเปา้ หมายและคุณลักษณะอนั พึง ประสงคท์ ี่วางไว้ ขอรับรองว่าขอ้ มูลดงั กล่าวข้างต้นเปน็ จริงทกุ ประการ (นางสาวภัทราวลยั ลิ้นโป) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนวัดเขานางเภา ๑๕/มถิ ุนายน/๒๕๖๖

11 ภาคผนวก

12 ประชมุ ครูและบคุ ลากรทางการศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษาและผู้ท่ีเก่ียวข้อง เพ่อื วางแผนการดำเนนิ งาน

13 การวดั แววความสามารถพิเศษของนกั เรยี นโรงเรียนวดั เขานางเภา

14 กิจกรรมปลูกผักสวนครัวของนกั เรยี นระดบั ปฐมวัย

15 กจิ กรรมโครงงานบา้ นวิทยาศาสตร์น้อย

16 กิจกรรมชมุ นมุ

17 กิจกรรมศกึ ษาแหลง่ เรียนรอู้ าชพี ในท้องถนิ่

18 กิจกรรมศกึ ษาแหลง่ เรียนรอู้ าชพี ในท้องถนิ่

19 การเสริมทักษะอาชีพผ่านกิจกรรมทศั นศกึ ษา ตวั อย่างการกจิ กรรมการจัดการเรียนการสอน อาชีพท่ีฉันชอบ

20 ตัวอย่างผลงานนกั เรียนขากการกจิ กรรมการจัดการเรียนการสอน อาชพี ท่ีฉนั ชอบ

21 การเผยแพร่การจัดกิจกรรมผ่านช่อง youtubeกิจกรรมการศึกษาแหลง่ เรยี นรู้น https://www.youtube.com/watch?v=r532VtD9IqU การเผยแพร่การจัดกิจกรรมผ่าน facebook โรงเรยี นจกรรม

22 ผลการประเมนิ ด้านทกั ษะอาชีพของนักเรียนโรงเรียนวดั เขานางเภา

23 ตารางค่าเฉล่ีย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานของการประเมินความพึงพอใจในการดำเนินกิจกรรมของ ผู้เกี่ยวข้องในการเข้าร่วมกิจกรรม “การน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติเพื่อเสริมสร้าง ทักษะอาชพี สำหรับนกั เรียน โดยนวัตกรรรม FACTOR MODEL”ของโรงเรยี นวดั เขานางเภา รายการ 4.95 S.D. ความหมาย .215 มากท่ีสดุ 1. โรงเรียน มีแผนและวิธีการดำเนินงานของ 4.91 การน้อมนำพระราโชบายด้านการศกึ ษาสู่การปฏิบัติ .283 มากท่ีสดุ เพ่ือเสริมสร้างทักษะอาชีพสำหรับนักเรียน ให้กับ 4.83 ผู้เรยี นและบุคลากรในโรงเรียน .380 มากที่สุด 2. การพัฒนาครู/บคุ ลากรเพื่อนำไปสูก่ ระบวนการ 4.84 ส่งเสริมและสนับสนุนการการน้อมนำพระราโชบายด้าน 4.88 .372 มากทส่ี ดุ การศึกษาสู่การปฏิบัติเพ่ือเสริมสร้างทักษะอาชีพสำหรับ 4.91 .332 มากท่สี ุด นกั เรยี น โดยนวัตกรรรม FACTOR MODEL” .283 มากทส่ี ุด 3. กระบวนการสง่ เสรมิ การสรา้ งวนิ ยั ในการนอ้ มนำ 4.83 พระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบตั ิเพ่อื .380 มากท่สี ุด เสริมสรา้ งทกั ษะอาชีพสำหรับนักเรียน โดย 4.73 นวตั กรรรม FACTOR MODEL”ผเู้ รยี นและบคุ ลากร 4.76 .446 มากทสี่ ดุ ในโรงเรียน 4.75 .429 มากที่สดุ 4. การบรู ณาการหลักสูตรการเรียนการสอนและ 4.84 .435 มากทีส่ ดุ ความเหมาะสมขององคค์ วามรู้ .356 มากทสี่ ดุ 5. การปลกู ฝงั ความรู้ ความเขา้ ใจใน กระบวนการ การมีส่วนร่วมให้กับนักเรียนและบุคลากรภายใน โรงเรยี น 6. การมสี ่วนร่วมของนักเรียนและบุคลากรภายใน โรงเรียนเพื่อดำเนินงานการน้อมนำพระราโชบาย ด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติเพ่ือเสริมสร้างทักษะ อาชีพสำหรับนักเรียน 7. การประยกุ ต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งใน การน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติ เพอื่ เสริมสร้างทักษะอาชพี สำหรบั นกั เรียน 8. การส่งเสริมและจัดสภาพแวดล้อมท่ีเอ้ือต่อการ นอ้ มนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัตเิ พื่อ เสรมิ สร้างทกั ษะอาชีพสำหรับนักเรยี นในโรงเรียน 9. การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การจัดโครงการ/ กจิ กรรม 10. ผลสำเร็จในการดำเนินกจิ กรรมตามโครงการ รวม

24 การจัดนิทรรศการร่วมกบั หนว่ ยงานทเี่ ก่ียวข้อง

25 การนำนกั เรียนเข้าร่วมแขง่ ศลิ ปหตั ถกรรมนักเรียน

26 ตวั อย่างผลงานจน่ กั เรยี นเขา้ รว่ มแขง่ ศลิ ปหัตถกรรมนักเรยี น

27 การนำเสนอ แลกเปลย่ี นเรยี นรใู้ นระดับเครอื ข่ายสถานศึกษา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook