Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่มรายงานการนิเทศ 2-2563

เล่มรายงานการนิเทศ 2-2563

Published by ภัทราวลัย ลิ้นโป, 2022-01-11 06:57:20

Description: เล่มรายงานการนิเทศ 2-2563

Keywords: นิเทศ

Search

Read the Text Version

ฃแ

บันทึกข้อความ สว่ นราชการ โรงเรียนวดั เขานางเภา ที่ พเิ ศษ / 2564 วนั ที่ 31 มนี าคม 2564 เรอ่ื ง รายงานผลการนิเทศภายในโรงเรียน ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 เรยี น ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นวัดเขานางเภา ตามที่กลุ่มบริหารงานวชิ าการ งานนิเทศการสอน โรงเรยี นวัดเขานางเภา ได้กำหนดให้ มีการนิเทศการจัดการเรียนการสอนแก่บุคลากรภายในโรงเรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 เพื่อให้ครูได้ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการเรียนการสอนให้เป็นไปตามกระบวนการการเรียน การสอนท่ีถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ซ่ึงได้ดำเนินการข้ึนในระหว่างวันท่ี 8 พฤศจิกายน 2563 ถึง วนั ท่ี 31 มนี าคม 2564 น้ัน บัดนี้ ทางกลุ่มบริหารงานวิชาการ ได้ดำเนินการนิเทศการจัดการเรียนการสอนของ ครูเสร็จส้ินแล้ว จึงรายงานผลการนิเทศการสอนในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 ตามที่แนบมา ด้วยนี้ จงึ เรียนมาเพื่อโปรดทราบและพจิ ารณาอนุมตั ิ (นางสมใจ เผอื กเหลก็ ) หัวหน้ากลมุ่ บริหารงานวชิ าการ เสนอเพ่ือพจิ ารณา ............................................................................................................................. ................................... ..................................................................................................................................................... ........... ................................................................................................................................................................ ลงช่ือ............................................................ (นางสาวภทั ราวลยั ลน้ิ โป) ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นวดั เขานางเภา รายงานผลการนิเทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 โรงเรยี นวัดเขานางเภา (2)

คำนำ กระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 โดยหลกั สตู รมุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพการศึกษา สร้างคนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพใน การศึกษาต่อและประกอบอาชีพ ครูจึงมีบทบาทท่ีสำคัญที่จะจัดการเรียนรู้ให้บรรลุเป้าหมายของ หลักสูตร แผนการจัดการเรียนรู้จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งในการจัดกิจกรรม การเรียนการสอน เพราะเป็นเครื่องมือบ่งช้ีถึงรายละเอียดของมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่ือการเรียนรู้ ตลอดจนวิธีการวัดผลและ ประเมินผลการเรียนรู้ เพ่ือให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดท่ี กำหนดไว้ โรงเรียนจึงได้จัดทำโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน โดยมีกิจกรรมนิเทศ กำกับ ติดตาม การจัดการเรียนการสอนของครู ในเพ่ือนำข้อมูลท่ีได้ไปพัฒนา ปรับปรุงการจัดการ เรียนการสอนต่อไป หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานการนิเทศภายในเล่มน้ี จะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการเรียนรู้ และเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา ทางกลุ่มบริหารงานวิชาการ โรงเรียนวัดเขานางเภาขอขอบคุณคณะกรรมการนิเทศตลอดจนผู้บริหาร คณะครูและบุคลากรของ โรงเรียนในการจดั ทำไว้ ณ โอกาสนี้ กลุ่มบริหารงานวิชาการ โรงเรียนวัดเขานางเภา รายงานผลการนิเทศภายใน(ด้านการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 โรงเรียนวดั เขานางเภา (3)

สารบัญ รายงานผลการนิเทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 โรงเรียนวดั เขานางเภา (4)

รายงานผลการนิเทศภายในโรงเรียนวดั เขานางเภา ประจำภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 ความเป็นมาและความสำคัญของปญั หา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ในหมวด 16 การปฏิรูปประเทศ มาตรา 258จ.(3) ให้มีกลไกและระบบการผลิตคดั กรองและพฒั นาผู้ประกอบวิชาชีพครแู ละอาจารยใ์ ห้ ไดผู้มจี ิตวิญญาณของความเป็นครูมีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงได้รบั ค่าตอบแทนท่ีเหมาะสมกับ ความสามารถและประสิทธภิ าพใน การสอน รวมทง้ั มีกลไกสร้างระบบคุณธรรมในการบรหิ ารงาน บคุ คลของผู้ประกอบวิชาชีพครู(4) ปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนระดับเพ่ือให้ผู้เรยี นสามารถเรียน ได้ตามความถนัดและปรบั ปรงุ โครงสรา้ งของหน่วยงานที่เกย่ี วขอ้ งเพอ่ื บรรลุเป้าหมายดังกล่าว โดยให้ สอดคล้องกันท้ังในระดับชาติและระดับ พื้นที่นอกจากนี้ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561- 2580) ตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อให้ประเทศไทยบรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความม่ันคง ม่ังค่ัง ยั่งยืน เป็นประเทศ พัฒนา ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง” โดยยุทธศาสตร์ท่ี 4.3 ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ มีเป้าหมายการพัฒนาทีสำคัญเพ่ือพัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัย ให้เป็นคนดี เก่งและมีคุณภาพ มีทักษะท่ีจำเป็นในศตวรรษท่ี 21 (4.2) การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต มุ่งเน้นการพัฒนาคน เชิงคุณภาพในทุกช่วงวัย ตั้งแต่ช่วงการตั้งครรภ์ ปฐมวัย วัยเด็ก วัยรุ่น วัยเรียน วัยผู้ใหญ่วัยแรงงาน และวยั ผสู้ ูงอายุ เพือ่ สร้างทรพั ยากรมนษุ ย์ท่ีมศี ักยภาพมที กั ษะ ความรู้ เปน็ คนดี มีวนิ ยั เรยี นรู้ได้ ดว้ ย ตนเองในทุกช่วงวัย (4.3) ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษท่ี 21 โดยมุ่งเน้นผู้เรียนให้มีทักษะการเรียนรู้และมีใจใฝ่เรียนรู้ตลอดเวลา มีการออกแบบระบบการเรียนรู้ ใหม่ การเปลี่ยนบทบาทครูการเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการศึกษาและการพัฒนาระบบ การเรียนรู้ตลอดชีวิต สอดคล้องกับแผนการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2560-2579 ในยุทธศาสตร์ที่ 3 การพฒั นาศักยภาพคน ทุกชว่ งวัยและการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ มีเป้าหมายให้ผูเ้ รยี นมที ักษะและ คุณลักษณะพื้นฐานของพลเมืองไทยทักษะและคุณลักษณะท่ีจำเป็นในศตวรรษท่ี 21 มีทักษะความรู้ ความสามารถและสมรรถนะตาม มาตรฐานการศึกษา มาตรฐานวิชาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ ตามศักยภาพสถานศึกษาทุกระดับการศึกษา สามารถจัดกิจกรรม/กระบวนการเรียนรู้ตามหลักสูตร อย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน รวมท้ังแหล่งเรียนรู้ ส่ือ ตำราเรียนและนวัตกรรม ประชาชนสามารถ เข้าถึงได้โดยไม่จำกัดเวลาและสถานท่ีมีระบบและกลไกการวัด การติดตามและประเมินผล มีประสิทธิภาพมีระบบการผลิตครูอาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาได้มาตรฐาน ระดับสากล ครูอาจารย์ตลอดจนบุคลากรทางการศึกษาได้รับการพัฒนาสมรรถนะตามมาตรฐาน การพัฒนา คุณภาพศึกษาให้เกิดคุณภาพน้ัน ส่ิงหน่ึงที่เป็นคุณภาพของผู้เรียน ท่ีเชื่อม่ันว่าคุณภาพ ผู้เรียนจะเกิด ไดแ้ ละบรรลหุ ลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 และมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละ ตวั ชี้วัด (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) และหลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 นั้น จะต้องมี รายงานผลการนิเทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 โรงเรียนวดั เขานางเภา (5)

กระบวนการสู่ความสำเร็จ มีองค์ประกอบและปัจจัยคือคุณภาพของผู้เรียนที่โรงเรียนต้องประกัน คณุ ภาพต่อผู้ปกครอง และผู้มีส่วนไดส้ ่วนเสียโรงเรียนต้องประกันคุณภาพต่อผ้ปู กครองและผู้มสี ่วนได้ ส่วนเสียว่าผู้เรียนจะต้องมีคุณภาพและมาตรฐานตามหลักสูตร มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ดังน้ันการพัฒนา คุณภาพผู้เรียนจะต้องมีกระบวนการสู่ความสำเร็จในการพัฒนา 3 กระบวนการคือ กระบวนการบริหาร กระบวนการเรียนการสอน และกระบวนการนิเทศการศึกษา ซึ่งกระบวนการ นิเทศการศึกษา เป็นภารกิจจำเป็นต่อการจัดการศึกษาที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากบุคคลหลายฝ่าย โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ทางด้าน การพัฒนาคุณภาพการเรยี นการสอน บุคลากรท่ีเก่ียวข้องในหน่วยงานจัด การศึกษา จำเป็นต้องพัฒนาและปรับปรุง ตนเองให้ทันต่อการเปล่ียนแปลง เพื่อให้การปฏิบัติงาน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงการนิเทศการศึกษาเป็นกระบวนการท่ีมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือ ช้ีแนะและพัฒนางานให้ประสบผลสำเร็จทันต่อสภาพการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อีกทั้งเป็น องค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเหลือสนับสนุนให้กระบวนการบริหาร และกระบวนการเรียนการสอนมี คุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของประเทศ ทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมระบบประกัน คณุ ภาพการศึกษาทต่ี ้องพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีทกั ษะท่ีจำเป็นในศตวรรษท่ี 21 เพ่ือเขา้ สู่การปฏิรูป การศึกษาและการจัดการศึกษาในยุคประเทศไทย 4.0 ตลอดทั้งมาตรฐานการศึกษาของชาติที่มุ่งเน้น ให้ผู้เรียนมีคุณภาพ มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีทักษะวิชาการทักษะอาชีพ ทักษะชีวิต ทักษะการ เป็นผู้นำและทักษะการนำไปสู่การสร้างนวัตกร กระบวนการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ขั้นพื้นฐาน การนิเทศการศึกษาจึงมีความสำคัญต่อการพัฒนา ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในการ จัดการการศึกษาในสถานศึกษา เพ่ือให้ผู้บริหารและครูผู้สอนมีความรู้ ความเข้าใจในด้านการบริหาร จัดการด้านหลักสูตร การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ รวมท้ังการปฏิบัติงานอ่ืน ๆ ทสี่ ่งผลตอ่ การพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา จากผลการทดสอบ O - NET ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2562 ของโรงเรียน วัดเขานางเภา ในพบว่าค่าเฉล่ียระดับโรงเรียนสูงกว่าระดับประเทศใน 3 รายวิชา คือวิชาภาษาไทย (������̅= 57.43) วิชาคณิตศาสตร์ ������̅= 38.00) และวิชาวิทยาศาสตร์(������̅=37.05) สำหรับรายวิชา ภาษาอังกฤษต่ำกว่าระดับประเทศ (������̅=28.25) ผลการทดสอบ NT ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 ปีการศึกษา 2561 ของโรงเรียนวัดเขานางเภา มีคะแนนเฉลี่ยรวมความสามารถท้ัง 3 ด้าน คือ ด้าน ภาษา ด้านคำนวณและด้านเหตุผล ต่ำกว่าระดับประเทศ (������̅= 42.56) ซึ่งอยู่ในระดับพอใช้ และผล การประเมิน RT ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 ปีการศึกษา 2562 ของโรงเรียนวัดเขานางเภ า มีคะแนนเฉล่ียรวมท้ัง 2 สมรรถนะ คือ การอ่านออกเสียงและการอ่านรู้เร่ือง สูงกว่าระดับประเทศ (������̅=64.17) ซ่งึ อยู่ในระดับดี จากผลการประเมินคุณภาพผู้เรียน ปีการศึกษา2562 โรงเรียนวัดเขานางเภา มีผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ระดับดขี ึ้นไป เฉล่ียร้อยละ 82.28 มีผลการประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ อยู่ในระดับดีเยี่ยม มีผลการประเมินการอ่านคิดวิเคราะห์ เขียน อยู่ในระดับดีขึ้นไป เฉลีย่ ร้อยละ 74.68 มีผลการประเมินสมรรถนะสำคัญตามหลกั สตู รอยู่ในระดับดีเย่ียม ผลการประเมิน ตนเองภายในสถานศกึ ษา (SAR) ปีการศกึ ษา 2562 ระดับปฐมวยั อยูใ่ นระดบั คุณภาพยอดเยย่ี ม ระดับ การศึกษาข้ันพ้ืนฐานอย่ใู นระดับคุณภาพยอดเย่ียม และจากผลการตดิ ตาม ตรวจสอบและประเมนิ ผล รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ด้านการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 โรงเรียนวดั เขานางเภา (6)

การจัดการศึกษาจากสำนักงานจากสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา ปีการศึกษา 2563 อยู่ในระดับดี มีการประเมินผลการจัดการศึกษาเกย่ี วกับการบริหารจัดการหลักสูตรเพื่อยกระดับผลสมั ฤทธ์ิทางการ เรยี น อยใู่ นระดับคณุ ภาพควรปรบั ปรงุ จากการวิเคราะห์ผลการทดสอบ O - NET ผลการทดสอบ NT ผลการประเมิน RT ผลการ ประเมินคุณภาพผู้เรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 8 กลุ่มสาระ ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ผลการประเมินการอ่านคดิ วิเคราะห์ เขียน ผลการประเมินสมรรถนะ ผลการประเมินตนเอง ภายในสถานศึกษา (SAR) และผลการติดตาม ตรวจสอบและ ประเมินผลจากสำนักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษา ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนวัดเขานางเภา จึงได้จัดทำและใช้แผนนิเทศภายใน ปีการศึกษา 2563 เป็นเครื่องมือสำหรับการสนับสนุน ส่งเสริม การมีส่วนร่วม การให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ การนำผลการนิเทศภายในมาวางแผนพัฒนาคุณคุณภาพของสถานศึกษา เพ่ือเป็นแนวทาง ในการพัฒนามาตรฐานทางการศกึ ษาใหไ้ ด้มาตรฐาน เปน็ ระบบและมีคณุ ภาพ วัตถุประสงค์ 1. เพ่ือประเมินผลการนิเทศภายในโรงเรียนแบบมีส่วนร่วมของโรงเรียนวัดเขานางเภา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ของโรงเรียนวัดเขานางเภา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสรุ าษฎรธ์ านี เขต 1 2. เพ่ือปรับปรุงและพัฒนาผลการนิเทศภายในโรงเรียนวัดเขานางเภา โดยกระบวนการ แบบมแี บบมีสว่ นรว่ ม ผรู้ บั ผิดชอบและผมู้ ีส่วนร่วม ผู้ที่ดำเนินการในการนิเทศการสอนครั้งน้ี ประกอบด้วยผู้บริหาร และครูผู้สอนที่แต่งตั้งตาม คำส่ังของโรงเรียนวัดเขานางเภา ภาคเรียนที่ 3 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 3 คน จำแนกเป็น ผบู้ ริหาร 1 คน และครู จำนวน 2 คน ระยะเวลาในการดำเนินการ ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 (วันท่ี 9 พฤศจกิ ายน 2563 ถึงวนั ที่ 31 มนี าคม 2564) รายงานผลการนิเทศภายใน(ด้านการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 โรงเรียนวดั เขานางเภา (7)

นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ 1. การนิเทศภายใน หมายถึง การให้คำแนะนำช่วยเหลือช้ีแนะ เพื่อแก้ไข ปรับปรุง พัฒนาการ จดั กิจกรรมการเรียนรู้ของครูให้มปี ระสิทธิภาพ ที่ส่งผลใหน้ กั เรยี นมีคุณภาพตามมาตรฐาน ของหลักสตู ร 2. การนิเทศบูรณาการโดยใช้พ้ืนท่ีเป็นฐาน หมายถึง การให้คำแนะนำช่วยเหลือช้ีแนะ เพ่ือ แก้ไข ปรับปรุงพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรขู้ องครูท่สี ่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนทั้งในระดับสำนกั งาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับสำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษา ระดับโรงเรียน โดยมุ่งเน้นให้ เกิดการทำงานร่วมกัน ด้วยการประสานงาน ประสานคน ประสานวิธีการทำงาน และประสาน งบประมาณการทำงานร่วมกัน เพื่อลด ความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานการพัฒนาคุณภาพการศึกษา การดำเนนิ งานตามนโยบายและจุดเน้นสำคัญ เพื่อการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา 3. ห้องเรียนเป็นฐาน หมายถึง การคำนึงถึงคุณภาพของห้องเรียนท่ีมีคุณภาพของครูและ ผู้เรียน โดย ครูจัดการเรียนรู้ในกลมสาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนใน ห้องเรียนหรือนอกห้องเรียนที่มุ่งเน้นการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ครูมีการนำผลการ วดั และประเมินผลการเรยี นรู้ไปใชพ้ ัฒนาผ้เู รียน ที่คำนึงถึงความแตกต่างของผ้เู รยี นเป็นรายบคุ คล มุ่ง ให้ผู้เรียนทุกคนในห้องเรียนเป็น ห้องเรียนแห่งการเรียนรู้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และสร้างองค์ความรู้ ด้วยตัวของผู้เรียนเอง ผู้เรียนมีคุณภาพ เป็นไปตามที่หลักสูตรต้องการมีทักษะทางวิชาการทักษะ อาชพี และทกั ษะชีวติ 4. คุณภาพการศึกษาข้ันพื้นฐาน หมายถึง ความสำเร็จที่เกิดจาการบริหารและการจัด การศึกษาข้ันพื้นฐานตามนโยบาย เป้าหมายของทิศทางการขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาข้ันพื้นฐาน ของสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และประสิทธิผลท่ีเกิดขึ้นกับผู้เรียนท่ีแสดงถึง สมรรถนะที่จำเป็นในศตวรรษท่ี ๒๑ และตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนตามหลักสูตรและ มาตรฐานการประกัน คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา 5. การนิเทศด้วย ICT หมายถึง การให้คำแนะนำช่วยเหลือช้ีแนะ เพื่อแก้ไข ปรับปรุง พัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครูการเรียนรู้ของผู้เรียนในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสารที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมสนับสนุน และพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา ตามบริบทของสถานศึกษา 6. การสอนตรงตามมาตรฐานและตวั ชว้ี ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง แตล่ ะกลุ่มสาระการ เรยี นรู้ โดยปฏิบัติกิจกรรม หมายถึง การจัดเตรยี มการสอนสำหรับผู้เรียนโดยยึดผู้เรยี นเป็นศูนย์กลาง ตรงตามตามมาตรฐานและตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน โดยมสี ื่อการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสมตรงตามมาตรฐานและตัวช้วี ดั 7. กิจกรรมการนิเทศภายในโรงเรียนวัดเขานางเภา หมายถึง กิจกรรมตามโครงการพัฒนา คุณภาพการศึกษา แผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ 2564 ท่ีผู้รายงานได้จัดทำขึ้นและกำหนด แนวทางในการดำเนินกิจกรรมร่วมกับครูและคณะกรรมการนิเทศ โรงเรียน โดยมีการร่วม รายงานผลการนิเทศภายใน(ด้านการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรยี นวดั เขานางเภา (8)

ปรกึ ษาหารือช่วยเหลือซ่ึงกันและกันในการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ให้ บรรลุผลสำเร็จในการทีจ่ ะนำมาซึ่งผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของนักเรยี น 8. ผู้บริหาร หมายถึง ผู้อำนวยการและปฏิบัติหนา้ ท่ีแทนรองผู้อำนวยการโรงเรียนวดั เขานางเภา ตามคำส่งั ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 9. ครู หมายถึง ครทู ่ปี ฏบิ ตั หิ น้าท่สี อนในโรงเรียนวดั เขานางเภา ภาคเรยี นท่ี 2ปีการศกึ ษา2563 10. นักเรยี น หมายถึง นกั เรยี นโรงเรยี นวัดเขานางเภา ภาคเรยี นท่ี 2ปีการศกึ ษา2563 11. คณะกรรมการนิเทศภายใน หมายถงึ ผู้บริหารและครูโรงเรียนวดั เขานางเภา ที่ได้รบั การ แต่งต้ังให้เป็นคณะกรรมการนิเทศภายในตามคำสั่งโรงเรียน ซึ่งมีหน้าท่ีเป็นผู้นิเทศการจัดการเรียน การสอนและการเรยี นร้ขู องครูผู้สอนให้กับนักเรียน 12. ผรู้ บั การนเิ ทศ หมายถึง ครผู ้สู อน โรงเรียนวัดเขานางเภาภาคเรียนที่ 2ปีการศึกษา2563 ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะไดร้ ับ ผลของการนิเทศในครั้งน้ีจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง สำหรับโรงเรียนท่ีจัดทำโครงการพัฒนา คณุ ภาพการศึกษา กิจกรรมนเิ ทศภายในโรงเรียน ดังน้ี 1. เพ่ือเป็นข้อมลู สารสนเทศและแนวทางสำหรับผู้รายงาน เพ่ือใช้ในการวางแผน พัฒนาและ ปรบั ปรงุ การนเิ ทศภายในโรงเรยี นให้เหมาะสมและมปี ระสทิ ธิภาพย่ิงขนึ้ 2. เปน็ ข้อมูลและสารสนเทศสำหรับครผู ู้สอน โรงเรียนวดั เขานางเภา โดยเฉพาะผบู้ ริหารและ คณะกรรมการนิเทศภายใน เพื่อเป็นข้อมูลและแนวทางในการพัฒนาการนิเทศภายในโรงเรียนให้มี ประสิทธิภาพยง่ิ ข้ึน รายงานผลการนิเทศภายใน(ดา้ นการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนวดั เขานางเภา (9)

บทที่ 2 หลกั การ แนวคดิ เอกสารท่เี กย่ี วข้อง การรายงานผลการนิเทศภายใน การพฒั นาคุณภาพการศึกษา ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 มเี นื้อหาสาระท่เี กยี่ วข้อง ดังน้ี 1. การนเิ ทศภายใน 2. กจิ กรรมการนิเทศในโรงเรยี น 3. การบรหิ ารงาน 4 ฝา่ ย 4. การขบั เคลื่อนนโยบายสู่การปฏบิ ัติ การนิเทศภายใน การนิเทศภายใน เป็นกระบวนการในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ซ่ึงมีวัตถุประสงค์เพ่ือ ชว่ ยเหลือครใู นการปรับปรุงการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เป็นไปอย่างมีประสทิ ธิภาพ มีนักการ ศกึ ษาได้ให้ความหมายของการนเิ ทศภายใน ตามววิ ัฒนาการของการศึกษา ดงั นี้ กรองทอง จิรเดชากุล. (2550 : 4) ได้สรุปความหมายการนิเทศภายในไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้ การนิเทศภายในสถานศึกษา หมายถึง การส่งเสริม สนับสนุน หรือให้ความช่วยเหลือครูใน สถานศึกษาให้ประสบความสำเร็จในการปฏบิ ตั ิงานตามภารกิจหลกั ได้แก่ การจัดกิจกรรม การเรยี น การสอน หรือการสร้างเสริมพัฒนาการของนักเรียนทุกด้าน ทั้งทางด้านร่างกาย สังคม อารมณ์ จิตใจ และสติปัญญา ให้เตม็ ตามวัยและศักยภาพ สันติ บุญภิรมย์. (2552 : 292) ได้สรุปความหมายของการนิเทศการศึกษา หมายถึง ส่วนหน่ึงของการบริหารการศึกษาที่ผู้บริหารการศึกษาได้มอบหมายให้ผู้ทำหน้าท่ีการศึกษา คือ ศึกษานิเทศก์ได้ช่วยครูและบุคลากรทางการศึกษาอ่ืนๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนให้ผู้เรียนมี พฤติกรรมการเรียนรู้บรรลุไปตามความหมายมุ่งหมายของหลักสูตร สอดคล้องกับการจัดการศึกษา ของชาตโิ ดยสว่ นรวม ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์. (2553 : 223) สรุปว่าการนิเทศภ ายใน หมายถึง กระบวนการจัดการบริหารการศึกษาเพ่ือชี้แนะ ใหค้ วามช่วยเหลือและความรว่ มมอื กับครูและบุคคล ที่เก่ยี วข้องกับการจัดการศึกษา เพื่อปรับปรุงการเรยี นการสอนของครู และเพิ่มคณุ ภาพของบทเรยี น ใหเ้ ปน็ ไปตามจดุ มงุ่ หมายของการศึกษาภายในสถานศึกษา วัชรา เล่าเรียนดี. (2554 : 113) ได้ให้ความหมายของการนิเทศภายในโรงเรียน คือ การ พฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียนโดยการชว่ ยเหลือปฏบิ ัตงิ านรว่ มกับครูในโรงเรยี นดว้ ยวธิ ีการชว่ ยเหลือสนับสนุน แนะนำให้ครูสามารถปรบั ปรงุ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการสอนของตนเองให้มปี ระสิทธิภาพและนำไปสู่ การพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนน่ันเอง การนิเทศภายในโรงเรียนจงึ เป็นความร่วมมือร่วมใจกันเพ่ือ การแกไ้ ขปรบั ปรุงและพัฒนางานในวชิ าชีพครใู หม้ ีประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธิผล รายงานผลการนิเทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 โรงเรยี นวดั เขานางเภา (10)

กมลเทพ ลำเหลือ. (2552 : 10) ได้สรุปไว้ว่า การนิเทศภายในโรงเรียน หมายถึง ความ ร่วมมือระหว่างข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาภายในโรงเรียน ในการจัดกิจกรรมการเรียน การสอน การปรับปรุง พฒั นาและส่งเสรมิ การเรียนการสอนใหเ้ กิดประสิทธภิ าพสูงสดุ แก่ผูเ้ รียน สวัสดิ์ เตชะเมา. (2552 : 10) ได้สรุปไว้ว่า การนิเทศภายในโรงเรียน คือกระบวนการ ทำงานภายในโรงเรียนเพื่อช่วยเหลือครุผู้สอนให้สามารถพัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้บรรลุตาม หลกั การ จุดหมายและโครงสรา้ งของหลักสตู รโดยความร่วมมือของบุคลการภายในโรงเรียน โสภณ ทองจิตร. (2554 : 17) ได้สรุปไว้ว่า การนิเทศภายในโรงเรียน เป็นการดำเนิน กิจกรรมร่วมกันอย่างเป็นข้ันตอนระหว่างผู้บริหารและบุคลากรภายในโรงเรียน ในการแนะนำ ช่วยเหลือ ส่งเสริมเก่ียวกับการเรียนการสอนในโรงเรียนเพื่อปรับปรุงคุณภาพการศึกษาอันส่งผลต่อ ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของนกั เรยี น ประมวล โตโคกสูง. (2554 : 23)ได้สรุปไว้ว่า การนิเทศภายในโรงเรียน คือ กระบวนการ สง่ เสริม แนะนำ ชีน้ ำ ปรึกษาหารือ ประสานมอบหมายความรับผิดชอบและปรับปรงุ พัฒนา โดยการ ปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างผู้บริหารกับครูในโรงเรียน เพื่อให้ครูปรบั เปลยี่ นกระบวนการเรียนการสอน ในโรงเรียนทีม่ ปี ระสิทธิภาพและสง่ ผลตอ่ คณุ ภาพการศึกษาของนักเรียน มุง่ เนน้ ใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุด แก่ผ้เู รยี น จากทไ่ี ด้กล่าวมาแล้วข้างตน้ สรุปไดว้ า่ การนเิ ทศภายใน หมายถงึ การดำเนินงาน การให้ ร่วมมือของผู้บริหารกับบุคลากรภายในโรงเรียน ให้คำปรึกษา ช้ีแนะ ช่วยเหลือ ในการท่ีจะ ปรับปรุง แก้ไข พัฒนาการสอนของครูให้ประสบความสำเร็จ กระบวนการบริหารของผู้บริหาร โรงเรียน เพื่อชว่ ยใหค้ รูทำหน้าทขี่ องตนให้ดขี ึ้น ซึง่ ต้องอาศัยหลักวิเคราะหอ์ ยา่ งมีเหตผุ ล มีคุณภาพ ให้มปี ระสิทธิภาพสง่ ผลต่อพัฒนาการทกุ ด้านและผลสัมฤทธิส์ งู สดุ ทางการเรยี นของนกั เรียนใหส้ ูงข้นึ ขอบข่ายการนเิ ทศภายในโรงเรยี น การนิเทศภายในโรงเรยี น เป็นการนิเทศการปฏบิ ัติงานตามขอบข่ายงานในสถานศึกษาซ่ึง อยู่ในความรับผิดชอบของผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อให้บรรลุภารกิจของสถานศึกษาอย่างมี ประสทิ ธิภาพ ก็ตอ้ งมกี ารกำหนดขอบขา่ ยของการนเิ ทศภายใน ดงั นี้ กรองทอง จิรเดชากุล (2550: 7-9)ได้ให้ขอบข่ายของการนเิ ทศภายในโรงเรียนประกอบดว้ ย งาน 4 งาน ไดแ้ ก่ 1. งานด้านวิชาการ เป็นงานที่เกี่ยวกับการนำหลักสูตรไปใช้ ให้บรรลุตามจุดมุ่งหมายของ หลักสูตรสถานศึกษา ตลอดจนคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตร ได้แก่ 1) การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถ่ิน 2) การนำ หลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ และการออกแบบการจัดการเรียนรู้ 3) การส่งเสริมและสนับสนุนให้ครู จัดทำและใช้แผนการจัดการเรียนรู้ 4) การจัดการเรียนการสอนตามแนวปฏิรูปการเรียนรู้ แบบ รายงานผลการนิเทศภายใน(ด้านการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนวดั เขานางเภา (11)

บูรณาการและเน้นทักษะการคิด 5) การจัดหา พัฒนาสื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษา 6) การ สนับสนุนให้ครูผลิตและใช้สื่อการเรียนรู้ 7) การจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร 8) การจัดมุมหนังสือ ห้องสมุด และแหล่งเรียนรู้ในสถานศึกษา 9) การวัดและประเมินผลตามสภาพจริง 10) การสอน ซ่อมเสริม 11) การวิจัยเพื่อพัฒนาการศึกษา 12) การประกันคุณภาพการศึกษา 13) การนิเทศ ภายในโรงเรียน 14) การส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูจัดทำแฟ้มข้อมูลนกั เรียนเป็นรายบุคคล 15) การ ประเมินคณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษา 16) การจดั ศูนย์โสตทศั นปู กรณ์ 17) การจดั บริการแนะแนว 2. งานด้านบริหารบุคคล เป็นการจัดดำเนินการ เพือ่ ให้บุคลากรในสถานศึกษาไดร้ ู้ และเข้าใจหน้าท่ีและความรับผิดชอบของตน การติดตามดูแล ช่วยเหลือให้ปฏิบัติงานท่ีได้รับ มอบหมาย ให้ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างบรรยากาศในการทำงานให้ผู้ร่วมงาน ทุกคนเกิดความสำนึกในหน้าที่ที่รับผิดชอบสร้างความร่ว มมือร่วมใจในการปฏิบัติงานส่งเสริมให้ บุคลากรในสถานศึกษาพัฒนาตนเองให้มีความสามารถในการปฏิบัติงานสูงข้ึนได้แก่ 1) การวางแผน อัตรากำลังและกำหนดตำแหนง่ 2) การกำหนดความต้องการหนา้ ทแ่ี ละความรับผดิ ชอบของบุคลากร 3) การมอบหมายหน้าที่และความรับผิดชอบ 4) การปฐมนิเทศบุคลากรใหม่ 5) การจัดสวัสดิการ 6) การนิเทศติดตามผลการปฏิบัติงาน 7) การพัฒนาบุคลากร 8) การส่งเสริมให้นักเรียนได้ศึกษาต่อ 9) การประเมินผลการปฏิบัติงาน 10) การพิจารณาความดีความชอบ 11) การกำหนดมาตรฐานการ ปฏิบตั ิงานของบคุ ลากร 12) งานวินัยและนิติกร 3. งานด้านบริหารทั่วไป เป็นงานท่ีเก่ียวข้องกับระบบสำนักงานซ่ึงมีข้อกำหนด กฎเกณฑ์และวิธีการท่ีแน่นอนได้แก่ 1) งานธุรการและสารบรรณ 2) งานทะเบียนและรายงาน 3) งานข้อมูลและสารสนเทศ 4) งานจัดทำแผนปฏิบัตกิ ารและการจัดระบบการศึกษา 5) งานอาคาร สถานท่ี สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย 6) งานประชาสัมพันธ์ 7) งานสวัสดิการ 8) งานพ.ร.บ. การศกึ ษา 9) งานระเบียบ กฎหมาย กฎกระทรวงและขอ้ ปฏิบตั ติ ่างๆ 10) กจิ กรรม 5 ส. 4. งานด้านงบประมาณ เป็นงานท่ีเกี่ยวข้องกับระบบการเงินและพัสดุได้แก่ 1) งาน งบประมาณ 2) งานจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี 3) งานจัดต้ังและการของบประมาณประจำปี 4) งานเบิกจ่ายงบประมาณ 5) งานรายงานการใช้จ่ายเงินงบประมาณประจำปี 6) การตรวจสอบ ติดตาม และประเมินประสทิ ธภิ าพการบริหารงบประมาณ 7) การบริหารการเงิน 8) การบรหิ ารการ บัญชี 9) การบริหารงานพัสดุ 10) ระบบทรพั ยากรและการลงทุนเพือ่ การศึกษา ธีระศักดิ์ เล่ือยไธสง. (2550 : 2) กล่าวว่า ขอบข่ายการนิเทศภายในมีดังน้ี 1) การ เสริมสร้างประสบการณ์ทางวิชาชีพ ให้โอกาสครูได้เข้าอบรมสัมมนา ประชุมปฏิบัติการหรือศึกษาต่อ เพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์และเพิ่มวิทยฐานะ ส่งเสริมให้ครูได้ปฏิบัติงานตามภารกิจหลักคือการ สอนอย่างเต็มศักยภาพโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การจัดบริการวิชาการแก่ครูด้วยส่ือ นวัตกรรม หรอื เทคนคิ วิธีการทีห่ ลากหลายตรงกบั ความตอ้ งการจำเป็น เชน่ เอกสาร ตำรา คมู่ ือครู แผนการสอน ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ ส่ือสารมวลชน หรือแหล่งวิทยากรอ่ืนๆ 2) การพัฒนาทักษะการทำงานกลุ่ม รายงานผลการนิเทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 โรงเรยี นวดั เขานางเภา (12)

ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม ส่งเสริมวิถีประชาธิปไตย (คาราวะธรรม ปัญญาธรรม สามัคคีธรรม) ส่งเสริมความสามารถในการติดต่อประสานงาน การสื่อสาร การพูด การเขียนอย่างสร้างสรรค์ สง่ เสรมิ คุณธรรม จริยธรรม ความมนี ำ้ ใจเออื้ อาทรตอ่ กนั สุทิน สุทธิสิน. (2555 : 18) ได้สรุปขอบข่ายงานนิเทศภายในโรงเรียนได้เป็น 3 งาน ดังนี้ 1) งานหลักสูตร/งานวิชาการ งานส่วนใหญ่จะเป็นการช้ีแจงเกี่ยวกับสูตร ประเมินและให้ ความเห็นเกี่ยวกับการใช้หลักสูตร ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงหลักสูตร เสนอแนะเกี่ยวกับการใช้ หลกั สูตรท้องถน่ิ การจัดหารเอกสารประกอบหลักสูตร เปน็ ต้น 2) งานสนบั สนนุ วิชาการ เป็นงาน ท่ีจะช่วยส่งเสริมหรือสนับสนุนให้งานหลักดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและคุณภาพยิ่ งข้ึน ประกอบด้วย งานกิจการนักเรียน งานธุรการการเงนิ งานอาคารสถานท่ี และงานความสมั พนั ธ์กับ ชมุ ชน 3) งานนิเทศการสอน/งานพัฒนาบุคลากร เป็นหน้าท่ีของผู้บริหารโรงเรียน จะต้องทำ หน้าท่ีชว่ ยเหลือผู้สอนในด้านการสอน การใช้สอ่ื การสอน การประเมินผลและอ่ืนๆ เพ่ือช่วยให้การ เรียนการสอนภายในโรงเรยี นประถมศึกษา ได้รับความสำเรจ็ ตามเป้าหมายของหน่วยงาน จากที่กล่าวมาข้างต้น สรุปได้ว่าขอบข่ายการนิเทศภายใน ประกอบด้วย 2 งาน คือ 1) ด้านวิชาการ โดยการนำหลักสูตรไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนโดยเน้นทักษะกระบวนการ มี การใช้สื่อเทคโนโลยีและแหล่งเรียนรู้ในสถานศึกษา มีการวิจัยเพื่อพัฒนาเพื่อการประกันคุณภาพ การศึกษาของสถานศึกษา 2) ด้านพัฒนาบุคลากร โดยส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรในสถานศึกษาให้ เข้าใจและมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตน ส่งเสริมในเกิดความรู้ความสามารถในการจัดการเรียน การสอน โดยการสนับสนนุ สอื่ นวตั กรรมท่หี ลากหลาย การเข้ารับการอบรมสมั มนาเพ่ือเพ่ิมพูนความรู้ ความจำเปน็ ของการนิเทศภายในโรงเรียน การนิเทศเป็นส่ิงจำเป็นสำหรับทุกหน่วยงาน ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงท่ีเกี่ยวข้องกับงานที่ ตอ้ งปฏิบัติย่อมหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปด้วย โดยเฉพาะอย่างย่ิงความเจริญกา้ วหน้าทางวชิ าการและ เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามามีบทบาทในการดำเนินงาน ความจำเป็นในการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับ การเปล่ียนแปลงให้บรรลุผลสำเร็จ และมีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นภาระรับผิดชอบโดยตรงของ ผู้บริหารหน่วยงานน้ันๆผู้บริหารสามารถใชก้ ารนิเทศเป็นเคร่ืองมอื ในการแก้ปัญหาหรือความต้องการ นัน้ ได้ ดังท่นี กั วิชาการศึกษาได้กลา่ วไว้ ดังน้ี กรองทอง จิรเดชากุล. (2550 : 4) ได้กำหนดความจำเป็นของการนิเทศภายในคือ 1) เพ่ือปรับปรุงคุณภาพของการจัดการศึกษาให้ได้มาตรฐานใกล้เคียงกัน 2) ปริมาณศึกษานิเทศก์ไม่ เพียงพอกับความต้องการของครูและสถานศึกษา 3)บุคลากรภายในสถานศึกษามีความรู้ความสามารถ มีความคุ้นเคยและใกล้ชิดปัญหามากที่สุด 4) บรรยากาศในการนิเทศมีความเป็นกันเองและสามารถ ปฏบิ ัตงิ านนิเทศได้อยา่ งต่อเน่อื ง สันติ บุญภิรมย์. (2552 : 309) ได้กล่าวถึงความจำเป็นของการนิเทศภายใน สถานศึกษา ไว้ว่า เมื่อสภาพของสังคมเปล่ียนแปลงในด้านต่างๆ สถานศึกษาจำเป็นอย่างย่ิงที่ รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 โรงเรยี นวัดเขานางเภา (13)

จะต้องเปลี่ยนแปลงตาม โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางด้านวิชา เนื้อหาสาระ เนื่องด้วยวิชาการ เป็นการให้ความรู้ความเข้าใจและทักษะท่ีผู้เรียนใช้เป็นทุนท่ีได้สะสมไว้เมื่ออยู่ในวัยเรียน หากทุนใน วยั เรียนไมส่ ามารถนำมาใช้ได้เมื่อคราวจำเป็นในการดำเนินชวี ิตเสยี แล้ว ความล้มเหลวก็จะเกิดขนึ้ แก่ บุคคลนั้นหรอื บุคคลหลายคนในเขตบริการทางการศกึ ษาของสถานศึกษานน้ั สถานศึกษาก็จะประสบ กบั ปัญหาความเช่อื มัน่ อย่างรนุ แรงหากไม่มีการปรับปรงุ และพัฒนางานวิชาการของตนเอง สวสั ดิ์ เตชะเมา. (2552 : 13) ไดส้ รปุ ไว้ว่าความจำเป็นของการนิเทศภายในสถานศกึ ษา เป็นผลมาจากความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยี นวตั กรรมต่างๆ กา้ วไปอย่างรวดเรว็ สิง่ ที่จะช่วยใหก้ ารจัด กิจกรรมการเรียนการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การนิเทศจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้กระบวนการ เรยี นการสอนของครบู รรลเุ ปา้ ประสงค์ทว่ี างไวแ้ ละนักเรยี นไดร้ บั ประโยชนอ์ ยา่ งสงู สุด ประมวล โตโคกสงู (2554 : 29)ไดส้ รุปไว้วา่ ความจำเปน็ ของการนิเทศภายในสถานศึกษา มีความจำเปน็ อย่างยงิ่ ต่อการส่งเสริมพฒั นาคณุ ภาพการเรียนการสอน มคี วามจำเป็นตอ่ การเจริญงอก งามของผู้สอนให้ไดป้ ฏบิ ัติงานในหน้าท่ีตามวิชาชีพของตนเองไดป้ ระสบความสำเรจ็ มีความจำเปน็ ต่อ การทำให้ผู้สอนเปน็ บคุ คลที่ทนั สมัยอยเู่ สมอ วัชรา เล่าเรียนดี. (2554 : 116) ได้สรุปความจำเป็นของการนิเทศภายในว่าการดำเนินงาน การนิเทศภายในเป็นการดำเนินการการนิเทศการศึกษา และต้องการนิเทศการสอนภายในโรงเรียน โดยบุคลากรในโรงเรียนซ่ึงมีความสำคัญและเหมาะสมอย่างย่ิงในปัจจุบันและอนาคต เพราะการ นิเทศควรต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเน่ืองจากเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนา คุณภาพการศึกษาในโรงเรยี นและคณุ ภาพของครใู นโรงเรยี น ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์. (2553 : 224 - 225) กล่าวว่า ความจำเป็นของการนิเทศ ภายในสถานศึกษา มดี ังน้ี 1. ศึกษานเิ ทศกม์ ีจำนวนจำกัด ไมส่ ามารถนิเทศไดอ้ ย่างท่ัวถึงและเจาะลกึ ถงึ การ เรียนการสอนในหอ้ งเรียน มีการขยายตัวในด้านจำนวนสถานศกึ ษา และขนาดของสถานศกึ ษา 2. การศึกษาด้านอาชีวศึกษา มีความหลากหลายในวิชาชีพความชำนาญ ความรู้ เฉพาะสาขา ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติการจัดการศึกษานิเทศก์ให้ครบตามสาขา และเพียงพอจึงเป็นสง่ิ ท่ี ทำไดจ้ ำกดั 3. การนิเทศภายในสถานศึกษาเป็นการใช้ทรัพยากรในสถานศึกษาให้เกิดประโยชน์ สูงสุด ซ่ึงบุคลากรมีจำนวนมากและมีความชำนาญในสาขา เป็นการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพ การศกึ ษาดว้ ย 4. การนิเทศภายในสถานศึกษาก็จะได้สร้างความใกล้ชิดความคุ้นเคยกันและการ ทำงานร่วมกันมคี วามรสู้ ึกเปน็ เจ้าของร่วมกนั เกดิ สมั พนั ธภาพทีด่ ีต่อกนั ในการทำงาน 5. การประสานในสถานศึกษาจะสะดวก เพราะความค้นุ เคยกันมีประชาสมั พันธ์งานได้ทวั่ ถงึ รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 โรงเรยี นวดั เขานางเภา (14)

จากท่ีได้กล่าวมาแล้วข้างต้นสรุปได้ว่า การนิเทศภายในมีความจำเป็น เน่ืองจากการ เปลี่ยนแปลงของสังคมครูจะต้องมีการปรับปรุงตนเองอยู่ตลอดเวลาอันจะเป็นการรักษามาตรฐาน การศึกษาและจะเพ่ิมพูนประสิทธิภาพการเรียนการสอนให้ดีข้ึนการนิเทศภายในโรงเรียน คือ กระบวนการทำงานร่วมกันระหวา่ งผู้บริหารและบุคลากรในโรงเรียนเพื่อท่ีจะปรับปรงุ งานต่างๆ เพิ่ม ประสทิ ธิภาพของการเรียนการสอนพัฒนาหลักสูตรและการนำหลักสตู รไปใช้ ทำให้ผลสัมฤทธท์ิ างการ เรยี นของนกั เรียนสูงข้ึน หลักการนเิ ทศภายในโรงเรียน การนิเทศภายในโรงเรียนเป็นการจัดการของบุคลากรภายในโรงเรียน เพ่ือให้เกิดความ ร่วมมือหรือประสานงานกันของบุคลากรท่ีเกี่ยวข้องภายในโรงเรียนจัดขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพ่ือ ปรบั ปรุงคุณภาพการจดั การศกึ ษาใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพสงู สุด และมผี ู้รหู้ ลายท่านสรุปหลัก การนิเทศภายในโรงเรียนเอาไว้ ดังนี้ ปรียาพร วงศ์อนตุ รโรจน.์ (2553 : 227) กำหนดหลกั การนิเทศภายในสถานศกึ ษา ดังน้ี 1. การนิเทศควรมีการบริหารงานเป็นระบบ และมีการวางแผนการดำเนินงานเป็น โครงการ 2. การนิเทศต้องถือหลักการมีส่วนร่วมในการทำงาน คือ มีความเป็นประชาธิปไตย เคารพความคิดเห็นของผู้อ่ืน เห็นความแตกต่างระหว่างบุคคล เน้นความร่วมมือร่วมใจกันในการ ดำเนนิ งาน และใช้ความรคู้ วามสามารถในการปฏบิ ัตงิ าน เพื่อใหง้ านนั้นไปสู่เปา้ หมายท่ตี อ้ งการ 3. การนิเทศเป็นงานสรา้ งสรรค์ เป็นการแสวงหาความสามารถพิเศษของแตล่ ะบุคคล แตล่ ะบคุ คลได้แสดงออก และพฒั นาความสามารถเหลา่ นน้ั ไดอ้ ยา่ งเต็มที่ 4. การนิเทศเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเรียนการสอน โดยให้ครูอาจารย์ได้ เรียนรู้ว่าปัญหาของตนเองเปน็ อย่างไร จะหาวธิ แี กไ้ ขปัญหานน้ั ไดอ้ ยา่ งไร 5. การนิเทศเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ดีข้ึน สร้างความเข้าใจ ระหว่างกนั สร้างมนษุ ยสัมพันธ์มีวิธีการทำงานท่ีดี และความสามารถทีจ่ ะอย่รู ว่ มกันได้ 6. การนิเทศเป็นการสร้างความผูกพันและความม่ันคงต่องานอาชีพรวมท้ังความ เชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง เกิดความพึงพอใจในการทำงาน 7. การนิเทศเป็นการพัฒนาและสง่ เสริมวิชาชีพครู ให้มีความรู้สึกภาคภูมิใจในอาจารย์ เป็นอาชพี ท่ีตอ้ งใชว้ ิชาความรู้และความสามารถ และสามารถที่จะพฒั นาได้ กรองทอง จริ เดชากลุ . (2550 : 5) ไดก้ ำหนดหลกั การนิเทศภายใน ดังน้ี 1. การดำเนินการนิเทศจะต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องตามข้ันตอนที่ หรือกระบวนการนเิ ทศภายใน รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ด้านการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 โรงเรียนวดั เขานางเภา (15)

2. บุคลากรทเ่ี ป็นหลกั สำคญั ในการดำเนินการพัฒนาระบบนิเทศภายใน คอื ผบู้ ริหาร สถานศึกษา 3. การนิเทศภายในจะต้องสอดคล้องกับความต้องการหรือความจำเป็นในการพัฒนา ครูและนกั เรยี น ดังน้ัน หลักการสำคัญของการนิเทศภายใน จึงควรเป็นกระบวนการ (การทำงานเป็น ขั้นตอนที่/มีความต่อเน่ือง/เป็นระบบ/ไม่หยุดน่ิง/มีปฏิสัมพันธ์) ทำงานร่วมกันระหว่างผู้บริหาร สถานศึกษา ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ โดยมีเป้าหมายสูงสุดอยู่ท่คี ุณภาพและผลสัมฤทธิ์ในการเรยี นรู้ ของนกั เรียนและเนน้ บรรยากาศทเี่ ป็นประชาธปิ ไตย จากหลักการนิเทศภายในดังกล่าวข้างต้น สรุปได้ว่า ผู้บริหารโรงเรียนควรยึดหลักการ นิเทศภายในโรงเรียน 8 ประการ คือ 1) การนิเทศเร่ิมจากสภาพปัจจุบันท่ีโรงเรียนกำลังเผชิญอยู่ 2) การนเิ ทศควรมคี วามถกู ต้องตามหลกั วิชาการ 3) การนิเทศควรเป็นวทิ ยาศาสตร์ มีขัน้ ตอนทใ่ี นการ ปฏิบัติ 4) การนิเทศควรเป็นประชาธิปไตย 5) การนิเทศควรเป็นการเสริมสร้างและสร้างสรรค์ 6) การนิเทศควรเป็นการพัฒนางาน 7) การนิเทศควรใช้กลวิธี และเครื่องมือใหม่ ๆ 8) การนิเทศต้องมี จุดมุ่งหมายทแี่ นน่ อนสามารถประเมินผลได้ สันติ บุญภิรมย์. (2552 : 311) ได้สรุปหลักการนิเทศภายในสถานศึกษาว่า การนิเทศ ภายในไม่ใช่ทำได้ตามอำเภอใจของผู้บริหารสถานศึกษาหรือครูผู้สอนแต่เพียงอย่างเดียว แต่การ นิเทศภายในเป็นการทำงานท่ีเป็นระบบและเป็นการปฏิบัติงานในเชิงการบริหารด้วย พร้อมท้ังมีการ กำหนดแนวทางในการปฏิบัติ หากผ้มู สี ่วนรบั ผิดชอบในการจัดการศึกษาสามารถผลักดนั ใหก้ ารนิเทศ ภายในสถานศึกษาประสบความสำเร็จอย่างมีคุณภาพแล้วทำให้เชื่อม่ันได้ว่าการศึกษาโดยภาพรวม สามารถบรรลุตามความมุ่งหมายได้อย่างแน่นอน วัชรา เล่าเรยี นดี. (2554 : 117) ได้ให้หลักการนิเทศภายในโรงเรียน มี 7 ประการ คือ 1) การให้ความร่วมมือร่วมใจ 2) การสร้างความผูกพันต่อภาระหน้าท่ี ด้วยความเต็มใจของ บุคลากรในโรงเรียน 3) การประสานสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน 4) การประสานกันทุกฝ่าย 5) เป็น ประชาธิปไตย 6) การยึดหลักความแตกต่างของมนุษย์และพัฒนาการของมนุษย์แต่ละวัย 7) การมี เป้าหมายเดยี วกนั คือ คณุ ภาพการศกึ ษาของผ้เู รยี น ดงั นน้ั หลกั การนิเทศภายในโรงเรียนควรเปน็ หลักการทำงานรว่ มกัน ชว่ ยเหลือกันรวมทั้ง พัฒนาส่งเสริมในด้านการจัดการเรียนการสอนมีการปรึกษาหารือการประเมินงานร่วมกัน เพื่อ แก้ปญั หาตา่ งๆ มาปฏบิ ัตใิ ช้ใหม้ ากที่สุด รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ด้านการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรยี นวัดเขานางเภา (16)

เทคนิคและวิธกี ารนเิ ทศภายในโรงเรยี น เทคนิคและการนเิ ทศเปน็ กิจกรรมท่ีผนู้ เิ ทศและผรู้ ับการนเิ ทศร่วมกนั คดิ ปฏิบตั ิเพอ่ื ให้เกิด การพัฒนา โดยการปรบั ปรุงแกไ้ ขปญั หาต่างๆใหบ้ รรลุวตั ถุประสงค์อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ชาญชัย อาจิณสมาจาร. (2556 : 63-85) ได้แบ่งกิจกรรมการนิเทศภายในโรงเรียนไว้ 5 ประการ คือ 1. การสังเกตการณ์สอนหรือการเยย่ี มชั้นเรยี น เป็นเทคนคิ ที่ได้ผลเปน็ อย่างมากในการ นิเทศการศึกษา การเยี่ยมเยียนเป็นการติดตามผลงานของการสังเกตการณ์สอนจุดท่ีจะให้ความสนใจก็ คือ พัฒนาการของบทเรียนไม่ใช่ตัวครูหรือจุดอ่อนของครูเพราะมันเป็นผลต่อความเจริญงอกงามและ การปรับปรงุ ครู 2. การสาธิตการสอน เปน็ เคร่ืองมือที่มปี ระสทิ ธิภาพในการจูงใจต่อความเจรญิ งอกงาม ทางวิชาชีพของครูและก่อให้เกิดความม่ันใจแก่ครู ผู้นิเทศหรือครูที่มีประสบการณ์ในการสอน จะเป็นผู้ สาธติ การสอนใหค้ รูอ่นื ๆ 3. การเย่ียมเยียนเพ่ือสังเกตการณ์สอน หมายถึง การไปสังเกตการณ์สอนของครูคน อืน่ ๆ เปน็ ภารกจิ ท่ีมีความสำคัญต่อความเจริญงอกงามของครูและมีประโยชน์ต่อการสอนของครู 4. การศึกษาเป็นหมู่คณะหรือการประชุมปฏิบัติการเป็นกิจกรรมที่สามารถนำมาศึกษา สภาพการเรยี นการสอนในลักษณะต่างๆ 5. การประชุม การประชุมจะมีลักษณะเป็นทางการ เพราะมีการวางแผนลว่ งหน้าและ มีลักษณะไม่เป็นทางการเพราะบรรยากาศระหว่างสมาชิกผู้เข้าร่วมประชุมจะมีลักษณะของความเป็น มิตร การประชุมมีประโยชน์ถ้าสมาชิกในหมู่คณะมีความสัมพันธ์อันดีให้ความร่วมมือและร่วมกัน ปฏบิ ตั ิงาน ปรียาพร วงศอ์ นุตรโรจน์. (2553: 229 -231)ได้เสนอวธิ ีการที่สถานศกึ ษาสามารถนำมาใช้คือ 1) การเชิญวิทยากรจากภายนอกมาให้ความรู้ ซึ่งสามารถจัดเป็นการบรรยายที่เน้นการถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจของวิทยากรไปสู่ครูอาจารย์ การให้ความรู้ของวิทยากรสามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่ การ บรรยายโดยวิทยากรคนเดียวมาบรรยาย การบรรยายโดยวิทยากรหลายคน การบรรยายโดยใช้วัสดุ อุปกรณ์ 2) การเชิญสถานประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมและบริษัทมาสาธิตอุปกรณ์ต่างๆ ในการ เรียนการสอนปจั จุบันโดยเฉพาะด้านวิชาชีพ การอาชีวศึกษาต้องการเครื่องมือและอปุ กรณ์ในการฝึกมาก 3) การไปศึกษาดูงานตามหน่วยงาน เพ่ือศึกษาดูงานในด้านท่ีสัมพันธ์กับงานของครูอาจารย์ 4) สถานศึกษาจัดแหล่งและบริการทางวิชาการ เป็นเทคนิควิธีท่ีเป็นการส่งเสริมทางด้านวิชาการให้กับครู อาจารย์ 5) การสนทนาทางวิชาการเป็นการจัดประชมุ สมั มนาเพอื่ แลกเปลี่ยนความร้โู ดยการจัดกิจกรรม ที่มีหัวข้อ 6) การสาธิตการสอนเป็นการแสดงที่อาจจะจำลองสถานการณ์จริง หรือท่ีเรียกว่าบทบาท สมมุติ โดยการกำหนดสถานการณ์ขึ้นแล้วให้ผู้ทำกิจกรรมตอบสนองหรือลองปฏิบัติไปตามที่ควรจะเป็น ในการนำมาใช้ในการนิเทศ 7) การประชุม การประชุมสัมมนาท่ีใช้ในการนิเทศมีหลายลักษณะ เช่น รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรยี นวัดเขานางเภา (17)

การประชุมชีแ้ จงจากฝ่ายบริหารสถานศกึ ษา การประชุมกลมุ่ ย่อย ตลอดจนการประชุมสมั มนา 8) การ สังเกตการณ์สอนในช้ันเรยี น เป็นเทคนิควิธีท่ีทำการสังเกตการณ์สอนในสถานการณ์จริงของครูอาจารย์ เพื่อวิเคราะห์สภาพการปฏิบัติงานของครูอาจารย์เหล่านั้นการสังเกตภายในห้องเรียนจะช่วยให้ทราบจุด ดี หรอื จดุ ออ่ นของการสอน เพือ่ เป็นแนวทางในการนเิ ทศได้ สันติ บุญภิรมย์. (2552 : 303) ได้สรุปเทคนิคการนิเทศการศึกษา ว่าเป็นวิชาการท่ี ศึกษานิเทศก์และผู้บริหารทุกระดับได้ช่วยเหลือครูผู้สอนให้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นท้ังในระดับบุคคลและ ระดับกลมุ่ บุคคลการที่จะใชเ้ ทคนคิ วิธีใดนั้นเปน็ ดุลยพินจิ ของศึกษานิเทศก์เองแตอ่ ยา่ งไรก็ตามเทคนิค การนเิ ทศรายบุคคลและรายกลมุ่ ไม่ควรกระทำโดยอสิ ระแตค่ วรจะกระทำให้มีความสัมพันธเ์ กี่ยวเนื่องกัน จากกิจกรรมการนิเทศดังกล่าว ยังมีกิจกรรมอ่ืนๆ อีก เช่น การระดมความคิด การวิจัย เชิงปฏิบัติการ การสัมมนา การใช้แบบสอบถาม เป็นต้น ผู้นิเทศจึงต้องเข้าใจลักษณะของกิจกรรม และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์เวลา และปัญหาของโรงเรียน โดยผู้วิจัย สามารถสังเคราะห์ตัวแปรไดด้ ังตารางสังเคราะห์บทบาทของผบู้ ริหารในการนเิ ทศภายในโรงเรยี น กจิ กรรมการนิเทศในโรงเรยี น กิจกรรมการนิเทศภายในโรงเรียน มีหลากหลายวิธีให้เลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหา และความจำเป็น ซึ่งมีนักการศึกษาได้ให้หัวข้อกิจกรรมเก่ียวกับกิจกรรมการนิเทศภายในโรงเรียน ดังนี้ กรองทอง จิรเดชากุล. (2550 : 52 -70) สรุปได้ว่า กิจกรรมการนิเทศภายในโรงเรียน หมายถึง การให้คำปรึกษาแนะนำ การให้ศึกษาเอกสารทางวิชาการ การสนทนาทางวิชาการ การ เย่ียมช้ันเรยี น การศกึ ษาดงู าน การสงั เกตการณ์ การสอน การประชุมนเิ ทศ สุภาวดี เหลี่ยวเจริญ. (2551) กล่าวไว้ว่า กิจกรรมการนิเทศภายใน ในที่น้ีหมายถึงหัวข้อ กิจกรรมที่จะนำไปเป็นแนวทางในการออกแบบวิธีการนิเทศภายในตามวัตถุประส งค์หรือพิจารณา กำหนดรายละเอียดในการดำเนินการนิเทศแต่ละครั้งหรือแต่ละรายการให้เป็นไปตามหลักการและ กระบวนการนิเทศ เช่น 1) เชิญวทิ ยากรให้ความรู้ 2) จัดประชุมชี้แจงเรื่องใหมๆ่ 3) สาธิตการสอน โดยครูในโรงเรียนหรือเชิญวิทยากรมาสาธิต 4) การสัมมนาเสนอแนวทางประจำภาคเรียน/ประจำปี การศึกษา 5) การนำเสนอผลงานของแต่ละหน่วยงาน 6) การศึกษาดูงาน / นิทรรศการ 7) การจัด ประกวดหรือนิทรรศการผลงานครู 8) ส่งครูไปฝึกปฏิบัติงาน 9) สังเกตการณ์สอน / เยี่ยมชั้นเรียน 10) การให้คำปรึกษาแนะนำ 11) การปรบั ปรุงปฏิบัติการในเรื่องต่างๆ ร่วมกัน 12) การร่วมกันวิจัย ในชัน้ เรยี นหรอื การวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ัตกิ าร ประยูรศรี วงศ์ศรี. (2551) ได้เสนอแนะกิจกรรมการนิเทศ โดยพิจารณาเลือกวิธีการหรือ กิจกรรมต่อไปนี้ตามความเหมาะได้แก่ การปฐมนิเทศ การสาธิตการจัดกระบวนการเรียนรู้ การ ประชมุ การอบรม รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ด้านการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 โรงเรยี นวัดเขานางเภา (18)

บุศรินทร์ ทับแบน. (2552 : 35) ได้สรุปว่า กิจกรรมการนิเทศภายในโรงเรียน หมายถึง การ ประชุมก่อนเปิดภาคเรียน การให้คำแนะนำและปรึกษา การเย่ียมชั้นเรียนการสาธิตการสอน การวจิ ัย ในชน้ั เรียน การให้ศึกษาเอกสารวิชาการและการศกึ ษาดงู าน ตลอดจนการจัดนิทรรศการ สรุปได้ว่า กจิ กรรมการนิเทศภายในโรงเรียน หมายถึง การให้ความรู้ เช่น การประชมุ จัด อบรม ปฐมนิเทศ การเย่ียมชั้นเรียน การวิจัยในช้ันเรียน การให้ศึกษาเอกสารวิชาการ การไป ฝกึ งาน เป็นตน้ การบริหารงาน 4 ฝา่ ย การนิเทศภายในโรงเรียน เป็นการนิเทศการปฏิบตั ิงานของครแู ละบุคลากรทางการศึกษาตาม ขอบข่าย และภารกิจการบรหิ ารโรงเรียนสงั กัดสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานที่เป็นนิติ บุคคล ซ่ึงอยู่ในความ รับผิดชอบของผู้บริหารโรงเรียน เพ่ือให้บรรลุภารกิจของโรงเรียนอย่างมี ประสิทธิภาพ ประกอบด้วยงาน 4 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านวิชาการ งานด้านวชิ าการ เป็นงานทเ่ี ก่ียวกับการพัฒนาหลักสูตรไปใช้ให้บรรลุตาม จุดหมายของหลักสูตร สถานศึกษา ตลอดจนคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตร ได้แก่ 1.1 การพัฒนาหลกั สูตรสถานศกึ ษา 1.2 การนำหลักสูตรสถานศึกษาไปใชแ้ ละการออกแบบการจัดการเรียนรู้ 1.3 การส่งเสริมและสนบั สนนุ ให้ครจู ดั ทำและใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ 1.4 การจัดการเรียนการสอนตามแนวปฏิรปู การเรยี นรูแ้ บบบูรณาการ และเนน้ ทักษะการคิด 1.5 การจดั หาพฒั นาส่ือและเทคโนโลยที างการศึกษา 1.6 การสนบั สนุนใหค้ รผู ลิตและใช้ส่อื การเรยี นรู้ 1.7 การจดั กิจกรรมเสรมิ หลกั สูตร 1.8 การจดั มุมหนงั สือ ห้องสมดุ และแหล่งเรียนรใู้ นสถานศกึ ษา 1.9 การวัดและประเมนิ ผลตามสภาพจริง 1.10 การสอนซ่อมเสรมิ 1.11 การวิจัยเพ่ือพัฒนาการศกึ ษา 1.12 การประกนั คุณภาพการศกึ ษา 2. ด้านบริหารบุคคล งานด้านบริหารบุคคล เป็นการจัดดำเนินการ เพ่ือให้บุคลากรใน สถานศึกษาได้รู้และเข้าใจหน้าที่ และความรับผิดชอบของตน การติดตามดูแลช่วยเหลือให้ปฏิบัตงิ าน ท่ีได้รับมอบหมายให้ประสบความสำเร็จ อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างบรรยากาศในการทำงานให้ ผู้ร่วมงานทุกคนเกิดความสำนึกในหน้าท่ีท่ีรับผิดชอบ สร้างความร่วมมือร่วมใจในการปฏิบัติงาน สง่ เสรมิ ใหบ้ ุคลากรในสถานศกึ ษาพฒั นาตนเองให้มีความสามารถ ในการปฏิบัตงิ านสงู ขึ้น ได้แก่ รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 โรงเรียนวดั เขานางเภา (19)

2.1 การวางแผนอัตรากำลงั และกำหนดตำแหนง่ 2.2 การกำหนดความต้องการ หนา้ ทแี่ ละความรบั ผิดชอบของบุคลากร 2.3 การมอบหมายหน้าท่ีและความรับผิดชอบ 2.4 การปฐมนิเทศบคุ ลากรใหม่ 2.5 การจดั สวสั ดกิ าร 2.6 การนิเทศ ตดิ ตามผลการปฏิบัตงิ าน 2.7 การพัฒนาบุคลากร 2.8 การสง่ เสรมิ ใหน้ ักเรียนได้ศึกษาตอ่ 2.9 การประเมนิ ผลปฏิบตั งิ าน 2.10 การพจิ ารณาความดคี วามชอบ 2.11 การกำหนดมาตรฐานการปฏบิ ัตงิ านของบคุ ลากร 2.12 งานวินยั และนิติกร 3. ดา้ นบริหารทวั่ ไป งานด้านบรหิ ารทัว่ ไปเปน็ งานท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั ระบบสำนักงาน ซ่งึ มี ขอ้ กำหนดกฎเกณฑ์และวธิ กี ารทีแ่ น่นอน ไดแ้ ก่ 3.1 งานธุรการและสารบรรณ 3.2 งานทะเบียนและรายงาน 3.3 งานข้อมลู และสารสนเทศ 3.4 งานจัดทำ แผนปฏบิ ัตกิ ารและการจดั ระบบการศึกษา 3.5 งานอาคารสถานท่ี ส่งิ แวดล้อม และความปลอดภัย 3.6 งานประชาสัมพนั ธ์ 3.7 งานสวัสดกิ าร 3.8 งานพระราชบญั ญัตกิ ารศึกษา 3.9 งานระเบยี บ กฎหมาย กฎกระทรวง และข้อปฏบิ ตั ติ ่างๆ 3.10 กิจกรรม 5 ส. 4. ด้านงบประมาณ งานดา้ นงบประมาณ เปน็ งานทเี่ กย่ี วข้องกับระบบการเงินและพัสดุ ไดแ้ ก่ 4.1 งานงบประมาณ 4.2 งานจัดทำแผนปฏบิ ตั กิ ารประจำปี 4.3 งานจดั ตัง้ และการของบประมาณประจำปี 4.4 งานเบกิ จา่ ยงบประมาณ 4.5 งานรายงานการใช้จา่ ยเงินงบประมาณประจำปี 4.6 การตรวจสอบ ตดิ ตาม และประเมินประสทิ ธภิ าพการบรหิ ารงบประมาณ 4.7 การบริหารการเงิน 4.8 การบรหิ ารการบัญชี รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 โรงเรียนวดั เขานางเภา (20)

4.9 การบรหิ ารงานพสั ดุ 4.10 ระบบทรัพยากรและการลงทนุ เพื่อการศึกษา การขบั เคลื่อนนโยบายส่กู ารปฏิบตั ิ วอลเตอร์ วิลเลียม (Walter Williams) กล่าวว่าการนำนโยบายไปปฏิบัติเป็นเร่ืองของ การศึกษาว่าองค์กรบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถนำและกระตุ้นให้ทรัพยากรทางการ บริหารทง้ั มวลปฏบิ ตั งิ านใหบ้ รรลตุ ามนโยบายท่ีระบไุ ว้หรือไมแ่ ตไ่ หนเพียงใด แวนมิเตอร์และแวนฮฮร์น (Van Meter and Van Horn) กล่าวว่าการนำนโยบายไปปฏิบัติ หมายถึงการกระทำเพื่อบรรลุเป้าหมายตามท่ีกำหนดไว้ในนโยบายเป็นเบื้องต้นการกระทำหรือการ ดำเนนิ การดงั กล่าวอาจจะโดยภาครฐั หรือเอกชนท้ังในลักษณะของกลุ่มหรอื บุคคลก็ได้ วรเดช จนั ทรศร ให้ความหมายว่าการศึกษาการนำนโยบายไปปฏิบัติเป็นการแสวงหาวิธีการ และแนวทางเพ่ือปรับปรุงนโยบายแผนงานและการปฏิบัติงานในโครงการให้ดีขึ้น เน้ือหาสาระของ การศกึ ษาการนำนโยบายไปปฏบิ ตั ิจึงเน้นการแสวงหาคำอธิบายเก่ยี วกับปรากฏการณ์หรอื สภาพความ เป็นจริงที่เกิดขึ้นในกระบวนการของการนำนโยบายไปปฏิบัติ (Implementation Processes) เพ่ือท่ีจะศึกษาบทเรียนพัฒนาแนวทางและสร้างกลยทุ ธ์เพื่อทจ่ี ะทำให้การนำนโยบายไปปฏิบัติบังเกิด ความสำเร็จ อน่ึงนักวิชาการส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันในประเด็นการนำนโยบายไปปฏิบัติ 2 ประเด็น กล่าวคือประเด็นแรกคือการนำนโยบายไปปฏิบัติเป็นกระบวนการนั่นคือมีความต่อเน่ือ งไม่หยุดนิ่งมี ข้ันตอนในการดำเนินกิจกรรมมิใช่กิจกรรมท่ีเกิดข้ึนช่ัวครั้งช่ัวคราวแล้วเลือนหายไปไม่ใช่กิจกรรมท่ี ขยักขย่อนแต่เป็นกิจกรรมที่ต่อเนื่องไม่หยุดย้ังและแต่ละข้ันตอนมีความสัมพันธ์กันตลอดเวลาและ ประเด็นที่สองคอื การนำนโยบายไปปฏบิ ตั เิ ป็นการดำเนินการให้สำเร็จลลุ ว่ งตามเปา้ หมายของนโยบาย เพ่ือทำความเข้าใจถึงกระบวนการนำนโยบายไปปฏิบัติโดยเฉพาะอย่างย่ิงเป็นขั้นตอนท่ีสำคัญท่ีสุด ของข้ันตอนนโยบาย 2. ผู้ท่ีมีส่วนเก่ียวข้องในการนำนโยบายสาธารณะไปปฏิบัติ การนำนโยบายไป ปฏิบัติ เป็นเร่ืองท่ีมีความสลับซับซ้อนและมีองค์กรหลายองค์กร รวมท้ังบุคคลจากหลายฝ่ายเข้ามา ปฏิบัตงิ านร่วมกนั หรอื มีบทบาทและอทิ ธิพล อันส่งผลให้การนำนโยบายไปปฏิบัติประสบความสำเร็จ หรือประสบกับความล้มเหลวได้ ในท่ีน้ีจะพิจารณาบทบาทขององค์กรอันได้แก่ ฝ่ายการเมือง ระบบ ราชการข้าราชการ และผไู้ ด้รบั ผลจากนโยบาย ตามลำดับ 2.1 ฝ่ายการเมือง ฝ่ายการเมืองในท่ีน้ีครอบคลุมถึงรัฐสภา และคณะรัฐมนตรีสององค์กร น้ีจะมีบทบาทในการกำหนดขอบเขตของการนำนโยบายไปปฏิบัติของระบบราชการ ซึ่งอาจทำโดย การออกกฎหมาย หรือการกำหนดขึ้นเป็นมติคณะรัฐมนตรี การออกกฎกระทรวง ตลอดจนการวาง ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ เพื่อให้หน่วยราชการท่ีเก่ียวข้องถือเป็นแนวทางไปปฏิบัติ โดยส่วนใหญ่ องค์กรทั้งสองน้ีมีหน้าท่ีในการริเร่ิมกำหนดหรือเสนอนโยบายจัดสรรงบประมาณ หรือรับข้อเรียกร้อง ปัญหาจากกลุ่มผลประโยชน์ กลุ่มการเมืองหรือประชาชนท่ัวไปมาแปลงเป็นนโยบายเพ่ือให้ฝ่าย ข้าราชการประจำรับไปปฏิบัติ แต่การกำหนดนโยบายมักจะไม่กำหนดในรายละเอียดของนโยบาย เพียงแต่จะพิจารณาว่าหน่วยราชการใดมีความสามารถท่ีจะรับผิดชอบในการนำนโยบายไปปฏิบัติได้ แต่หากพิจารณาในภาพรวมแล้วจะเห็นวา่ บทบาทของฝ่ายการเมืองท่ีมีผลตอ่ กระบวนการนำนโยบาย รายงานผลการนิเทศภายใน(ด้านการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรยี นวัดเขานางเภา (21)

ไปปฏิบัติ กล่าวคือหากนโยบายใดท่ีได้รับความเห็นชอบ ดูแล เอาใจใส่ และติดตามผลอย่างต่อเนื่อง หน่วยราชการต่างๆ จะให้ความสำคัญในการนำไปปฏิบัติมากเป็นพิเศษ ทำให้โอกาสในการนำ นโยบายไปปฏิบตั ิประสบความสำเร็จมีมากข้นึ 2.2 ระบบราชการ ในที่นี้ได้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ ถือได้ว่าเป็นองค์กรท่ีสำคัญท่ีสุด ทั้งในกระบวนการกำหนดนโยบายและการนำนโยบายไปปฏิบัติในการนำนโยบายไปปฏิบัตินั้นหน่วย ราชการจะมบี ทบาทเป็นอย่างมาก จนอาจกล่าวได้วา่ การเป็นผู้รับผิดชอบในการนำนโยบายไปปฏิบัติ เป็นภารกิจหลักของระบบราชการ อน่ึงปัญหาจากการที่บทบาทของระบบราชการท่ีมักกระทบต่อ ความสำเร็จของการนำนโยบายไปปฏิบัติ อาทิเช่น ระบบราชการมักจะเลือกนำนโยบายของรัฐไป ปฏิบัติ แต่เฉพาะนโยบายที่เป็นประโยชน์แก่ตนเองหรือหากนโยบายใดต้องอาศัยความร่วมมือหรือ การประสานการปฏิบัติกับหน่วยราชการหลายๆ หน่วยแล้ว นโยบายมักจะมีแนวโน้มว่าจะประสบ ความลม้ เหลวในการนำไปปฏิบตั ิเสมอ 2.3 ข้าราชการเน่ืองจากข้าราชการจัดถือเป็นบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแท้จริงต่อ ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของการนำนโยบายไปปฏิบตั ิโดยเฉพาะผู้บริหารระดบั สูงของหน่วยงาน ซึ่งถือว่าเป็นหัวรถจักรหรือหัวเรือใหญ่ท่ีจะทำให้การนำนโยบายไปปฏิบัติประสบอุปสรรคหรือความ ราบรื่นเพียงใดในระดับหนึ่งผู้บริหารโครงการจะเป็นผู้แปลงความสนับสนุนหรือเจตนารมณ์ของ ผู้บริหารระดับสูงอย่างไรก็ตามก็มิใช่ว่าข้าราชการระดับล่างจะไม่มีความสำคัญเน่ืองจากข้าราชการ ระดับล่างมักจะเป็นผู้ดำเนินงานตามโครงการและเป็นผู้มีปฏิบัติสัมพันธ์กับ ผู้รับบริการหรือกลุ่มผู้ ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายโดยตรงและอย่างใกล้ชิดข้าราชการระดับล่างน้ีมีอิสระและมีอำนาจ หรือวิจารณญาณในการตัดสินใจเป็นอย่างมากจนบางครัง้ ผู้บังคับบัญชาควบคุมไม่ได้ดังนนั้ การปฏิบัติ ของข้าราชการต่อผูร้ บั บริการอาจสง่ ผลท้ังทางบวกหรอื ทางลบตอ่ ผลสำเรจ็ ของนโยบายได้ 2.4 ผู้ได้รบั ผลนโยบายได้แกผ่ ู้รบั บริการ (Clients) ผู้ได้รับประโยชน์(Beneficiaries) หรือ ผู้เสียผลประโยชน์ซ่ึงรวมทั้งในแง่ของบุคคล (Individuals) และกลุ่ม (Groups) ในกระบวนการของ การนำนโยบายไปปฏิบัติผู้รับบริการหรือผู้ได้รับประโยชน์ในฐาน ะที่เป็นบุคคลจะเป็นผู้ติดต่อกับ ขา้ ราชการระดับล่างโดยตรงซึ่งหากผู้รับบริการสามารถรวมตัวเป็นกลุ่มได้อาจก่อให้เกิดอำนาจในการ ต่อรองกับฝ่ายการเมืองหรือระบบราชการให้อำนาจประโยชน์ตอ่ กลุ่มตนได้ ความสำเรจ็ ของการนำนโยบายไปปฏบิ ัติ ความสำเรจ็ หรือความล้มเหลวของการนำนโยบายไปปฏิบัติน้ันเป็นส่วนสำคัญส่วนหน่ึงที่ ต้องให้ความสำคัญในการพิจารณาเป็นอย่างมากเน่ืองจากจะเป็นจุดท่ีทำให้ทราบถึงผลของการนำ นโยบายไปปฏิบัติน้ันว่าเป็นเช่นไรอย่างไรถึงจะเรียกว่าการนำนโยบายไปปฏิบัติประสบความสำเร็จ และอย่างไรถึงจะเรียกว่าประสบความล้มเหลวในการให้ความหมายหรือเกณฑ์มาตรฐานกำหนดว่า อย่างไรถงึ จะเรียกวา่ ประสบผลสำเรจ็ นน้ั มีวชิ าการไดใ้ ห้ความเหน็ ไวห้ ลายประการอาทิเช่น มาร์คมัวร์ (Mark Moore) ถือว่าการท่ีกลุ่มเป้าหมายได้รับบริการหน่ึงในสาม (1/3) ก็คือ วา่ เป็นผลสำเรจ็ รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 โรงเรยี นวัดเขานางเภา (22)

เพรสแมนและวินดาฟสกี้ (Pressman and Wildavsky) เหน็ ว่าการทีก่ ลมุ่ เป้าหมายไดร้ ับ บริการเพียงคร่ึงหนึ่งของจำนวนทั้งหมดท่ีกำหนดไว้ในเป้าหมายของโครงการก็ยังถือว่าเป็นความ ล้มเหลว บาร์แดด (Bardareh) เห็นว่าหากพิจารณาการนำนโยบายไปปฏิบัติเป็นกระบวนการต่อ- เน่ืองแล้ววัตถุประสงค์ท่ีกำหนดข้ึนและถูกนำไปดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมย์ก็สามารถ พจิ ารณาถงึ ความสำเร็จได้ 3 ลักษณะดงั น้ี 1. ดำเนินการใหป้ ระสบผลตามวัตถุประสงค์ทีก่ ำหนดไวใ้ นนโยบาย 2. ดำเนนิ การให้ทันตามระยะเวลากำหนด 3. ดำเนนิ การใชจ้ ่ายงบประมาณตามท่ีกำหนด กลีนน์ (Glynn) ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่าความล้มเหลวจะเกิดขึ้นเมื่อการดำเนินงานไม่เป็นไป ตามเกณฑ์ทงั้ 3 ลักษณะขา้ งต้น ในทัศนะของนักวิชาการไทย อาทิ วรเดช จันทรศรได้ให้ข้อพิจารณาว่าการประเมินหรือ พิจารณาตัดสินระดับความสำเร็จของการนำนโยบายไปปฏบิ ัติควรพิจารณาจากผลการปฏิบัติในระยะ ส้ันว่ามีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของนโยบายเพียงใดและถ้าเป็นไปได้ท่ีจะต้องดูถึงผลกระทบ ของนโยบายในระยะยาวด้วยว่าสามารถบรรลวุ ัตถปุ ระสงคต์ ามทตี่ ้งั ไวเ้ พียงใดโดยนบั ดงั กลา่ ว ความสำเร็จของการนำนโยบายไปปฏิบัติก็คือผลการปฏิบัติท่ีสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ของนโยบายในระยะส้ันและมีทิศทางที่ช่วยทำให้เกิดผลกระทบของนโยบายแผนงานและโครงการใน ส่วนที่พึงปรารถนาได้ในระยะเวลาที่ต้องการ (ส่วนความล้มเหลวในการนำนโยบายไปปฏิบัติคือการ ปฏิบัติหรือความไม่สามารถปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมายของนโยบายได้ตามท่ีต้องการ) และการประเมิน ความสำเร็จของการนำนโยบายไปปฏิบัติสามารถทำไดร้ ะหวา่ งท่ีนโยบายนั้นยังอยใู่ นกระบวนการของ การนำไปปฏบิ ัติ ขั้นตอนการนำนโยบายสาธารณะไปปฏบิ ัติ ขั้นตอนของการนำนโยบายไปปฏิบัติน้ันสามารถพิจารณาออกได้เป็น 2 ขั้นตอนหลักคือ ในระดบั มหภาค (Macro) และขน้ั ตอนในระดบั จลุ ภาค (Micro) 1. ข้นั ตอนของการนำนโยบายสาธารณะไปปฏิบัตใิ นระดับมหภาคประกอบดว้ ย 2ข้นั ตอน หลักคือ ข้ันการแปลงนโยบายเมื่อนโยบายได้ถูกประกาศใช้ในรูปกฎหมายมติคณะรัฐมนตรีหรือ กฎกระทรวงแล้วโดยปกตินโยบายจะระบุว่าให้หน่วยราชการใดหน่วยราชการหน่ึงเป็นผู้รับผิดชอบ หลักซ่ึงจะต้องเป็นผู้ท่ีเปลี่ยนแปลงนโยบายนั้นออกมาเป็นแนวทางในการปฏบิ ัติแผนงานหรอื โครงการ ในประเทศไทยผู้รับผิดชอบดังกล่าวได้แก่กระทรวงทบวงหรือกรมในข้ันตอนแปลงนโยบายน้ีถือว่ามี ความสำคัญเป็นอย่างมากในการนำนโยบายไปปฏบิ ตั ิและจำเปน็ ต้องให้ความระมดั ระวงั เป็นอยา่ งมาก เนื่องจากมีปัจจัยหลายปัจจัยท่ีส่งผลทำให้นโยบายต้องถูกแปรเปลี่ยนไปจากวัตถุประสงค์เดิมเช่น ความคลุมเครือของนโยบายเองความหลากหลายของเป้าหมายนโยบายความเข้าใจของหน่วยงาน รับผิดชอบต่อวัตถุประสงค์นโยบายนั้นๆ และหน่วยงานที่รับผิดชอบในการแปลงนโยบายน้ันมีความ ร่วมมือและความจริงใจในการนำนโยบายไปปฏิบัติเพียงใด ขั้นตอนการยอมรับหลังจากท่ีกระทรวง รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 โรงเรยี นวดั เขานางเภา (23)

ทบวงกรมหรือราชการบริหารส่วนกลางได้แปลงนโยบายแล้วก็ต้องพยายามให้หน่วยงานในระดับ ท้องถนิ่ ยอมรับแนวทางแผนงานและโครงการหรือผลของการแปลงนโยบายนนั้ ไปปฏิบัติต่อไปอน่งึ การ ที่หน่วยงานส่วนกลางสามารถให้หน่วยปฏิบัติในท้องถ่ินยอมรับและจัดทำโครงการสนองนโยบายท่ี ส่วนราชการวางไว้น้ันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่นลักษณะหน่วยงานในท้องถ่ินสภาพแวดล้อมทาง เศรษฐกจิ สังคมตลอดจนประโยชน์ที่หน่วยงานรัฐจะให้แกท่ ้องถิ่นอยา่ งไรกต็ ามการท่ีหน่วยงานท้องถิ่น ยอมรับโครงการของหน่วยงานกลางก็ยังไม่สามารถรับประกันถึงความสำเร็จของนโยบายได้ถ้าหาก หนว่ ยงานท้องถิ่นขาดความร่วมมือร่วมใจอย่างแทจ้ ริงอีกท้ังความสำเรจ็ ในการนำนโยบายไปปฏบิ ัติยัง ขนึ้ อยู่กบั หนว่ ยงานและผูป้ ฏิบตั ิในทอ้ งถิน่ เป็นสำคัญดังนัน้ จึงจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจถึงขน้ั ตอน ของการนำนโยบายไปปฏิบัตใิ นระดบั จลุ ภาคด้วย 2. ข้ันตอนของการนำนโยบายสาธารณะไปปฏิบัติในระดับจุลภาคจุดเร่มิ ต้นที่แท้จริงของ การนำนโยบายไปปฏิบัติอยู่ท่ีข้ันตอนในระดับจุลภาคซึ่งเป็นเร่ืองท่ีนโยบายจากส่วนกลางถูกนำมา ปฏิบัติในสภาพแวดล้อมของแต่ละท้องถ่ินซึ่งมีความแตกต่างกัน โดยการปฏิบัติจะอยู่ที่หน่วยงานใน ระดับท้องถ่ินจะทำการยอมรับนโยบายจากรัฐบาลหรือหน่วยงานส่วนกลางเข้าเป็นนโยบายของ ท้องถิ่นมากน้อยเพียงใดและจะทำการปรับปรุงวิธีการในการปฏิบัติงานของตนเองให้สอดคล้องกับ นโยบายการปฏิบัติงานและแผนงานที่ส่วนกลางกำหนดไว้หรือไม่โดยระดับจุลภาคนี้สามารถแยกออก ไดเ้ ป็น 3 ข้นั ตอนหลกั คือ ข้ันระดมพลงั ในขัน้ นีห้ น่วยงานในทอ้ งถิ่นจะต้องดำเนนิ การ 2 กจิ กรรมคอื - การพิจารณารับนโยบายหน่วยงานในระดับท้องถิ่นจะพิจารณาว่านโยบาย จากส่วนกลางมีความสำคัญเร่งด่วนตรงตามเป้าหมายของหน่วยงานและสามารถสนองตอบกับความ ต้องการของทอ้ งถนิ่ หรอื ไมเ่ พยี งใด - การแสวงหาความสนับสนุนเป็นการแสวงหาความสนับสนุนทางส่วนตัวจาก สมาชกิ ในหน่วยงานตลอดจนบคุ คลสำคญั หรอื องคก์ รอืน่ ๆ ทอี่ ยใู่ นท้องถนิ่ ข้ันการปฏิบัติขั้นตอนน้ีครอบคลุมถึงขบวนการในการปรับเปล่ียนโครงการที่ได้มี การยอมรับแล้วออกมาในรูปของการปฏิบัติจริงในขั้นน้ีจึงเป็นเร่ืองที่เกี่ยวกับผู้ปฏิบัติหรือผู้ให้บริการ ตามโครงการโดยตรงโดยการสร้างความสำเร็จของการปฏิบัติให้เกิดในขั้นนี้ข้ึนอยู่กับการแสวงหา วิธีการในการปรับแนวทางในการปฏิบัติงานหรือปรับโครงการและ/หรือแผนงานท่ีส่วนกลาง กำหนดให้สอดคล้องสนองตอบกับความต้องการของท้องถ่ินในแต่ละช่วงเวลาอีกท้ังหนว่ ยงานท้องถ่ิน ยังจะต้องแสวงหาวิธกี ารทจ่ี ะปรับพฤตกิ รรมของตวั ผปู้ ฏิบัติให้เข้ากบั แนวทางในการปฏิบัติหรือเข้ากับ แผนและหรอื โครงการนน้ั ดว้ ย ขน้ั การสรา้ งความเป็นปรกึ แผ่นหรอื ความต่อเนอ่ื งในขนั้ ตอนนเ้ี ป็นขนั้ ตอนที่ตอ่ จาก ข้นั ตอนการปฏิบตั ิเพราะความสำเร็จหรือผลลัพธ์ในระยะยาวของนโยบายใดก็ตามจะเกดิ ข้ึนไม่ไดห้ าก นโยบายน้ันไม่ถูกนำไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่องโดยผู้ปฏิบัติหมายถึงนโยบายนั้นจะถูกปรับเปล่ียนและ ได้รับการยอมรบั เป็นหนา้ ท่ปี ระจำวนั ของผูป้ ฏบิ ตั ิดว้ ย รายงานผลการนิเทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 โรงเรยี นวัดเขานางเภา (24)

ปจั จยั ท่สี ่งผลกระทบตอ่ ความสำเร็จในการนำนโยบายสาธารณะไปปฏบิ ตั ิ ในการนำนโยบายไปปฏิบัติให้ได้ผลบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้จริงน้ันมีเงื่อนไขหรือ ปัจจัยหลายประการท่ีอาจส่งผลให้การนำนโยบายไปปฏิบัติประสบความสำเร็จหรือประสบกับความ ล้มเหลวได้ในท่ีสุดซ่ึงปัจจัยดังกล่าวอาจมาจากเง่ือนไขของนโยบายเองหรืออาจเกิดข้ึนภายนอก เงอ่ื นไขของนโยบายกเ็ ปน็ ไปไดป้ จั จยั ท่สี ง่ ผลกระทบต่อความสำเร็จในที่นีไ้ ด้แก่ 1. ปัจจัยด้านนโยบายนโยบายเป็นแนวทางปฏิบัติอย่างมีวัตถุประสงค์ที่ถูกควบคุม และดำเนนิ การโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐท้งั นี้ก็เพื่อให้วตั ถปุ ระสงค์ท่กี ำหนดไว้นน้ั สามารถบรรลุผลในระดับ ปฏิบัติการพิจารณาถึงความชัดเจนของนโยบายและความสอดคล้องของนโยบายต่อสภาพปัญหาจึง น่าจะเป็นส่วนสำคัญท่ีนำไปสู่การวิเคราะห์ถึงภาวะท่ีเกิดข้ึนในการนำนโยบายไปปฏิบัติว่ามีความ ราบรื่นมากน้อยเพียงใดทั้งน้ีเพราะการนำนโยบายไปปฏิบัติเป็นกระบวนการที่มีความต่อเน่ืองจาก ระดับที่เป็นเจตนารมย์กระทั่งถึงขั้นตอนท่ีเป็นผลลัพธ์อันเน่ืองมาจากนโยบายน้ันๆ ในส่วนท่ีควร พจิ ารณาคือความสอดคล้องของนโยบายต่อสภาพปัญหา - ความสอดคล้องของนโยบายต่อสภาพปัญหาการสร้างกรอบความคิดและ แนวทางแก้ปัญหาควรอยู่บนรากฐานในการวิเคราะห์ที่ถูกต้องเพราะการขาดซ่ึงแนวคิดและทฤษฎีที่ เหมาะสมในการวิเคราะห์ปัญหาเพ่ือกำหนดนโยบายย่อมนำไปสู่ความล้มเหลวของผลลัพธ์ภายหลัง การปฏิบัติได้การกำหนดนโยบายนั้นควรจะให้เวลาพอเพียงในการนำไปปฏิบัติและสามารถท่ีจะนำ นโยบายนัน้ ไปปฏบิ ตั จิ ริงได้ - ความชดั เจนของนโยบายนโยบายท่ีดีและเอือ้ อำนวยและสง่ ผลต่อความสำเร็จ ในการปฏิบัติที่ควรจะมีความเป็นรูปธรรมเฉพาะเจาะจงและมีความมั่นคงแน่นอนการกำหนด วัตถุประสงค์ควรมีความชัดเจนและสามารถนำไปปฏิบัติมีการจัดลำดับความสำคัญของวัตถุประสงค์ แ ล ะ ค ว ร เปิ ด โอ ก าส ให้ ก ลุ่ ม ที่ มี ส่ ว น เกี่ ย ว ข้ อ งกั บ น โย บ าย ได้ เข้ าไป มี บ ท บ าท ใน ก าร ป ร ะ เมิ น ผ ล กล่มุ เป้าหมายนโยบายและประเมินผลการปฏบิ ตั ขิ องหน่วยงานด้วย 2. ปัจจัยด้านองค์การกระบวนการนำนโยบายไปปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายน้ัน จะต้องมีส่วนเก่ียวข้องกับองค์การหรือหน่วยงานท่ีรับผิดชอบในการนำนโย บายไปปฏิบัติว่าองค์การ น้ันมีความสามารถท่ีจะปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับความคาดหวังเพียงใดลักษณะโครงสร้างของ หนว่ ยงานจึงเปน็ สว่ นสำคญั ที่นำมาพิจารณาในท่ีนี้ 3 ประการคอื - การพ่ึงพิงระหว่างหน่วยงานการพึ่งพิงระหว่างหน่วยงานเกิดขึ้นมาจากการ พิจารณาองค์การในระบบเปิดซึ่งเน้นว่าองค์การจะต้องมีความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมภายนอก เพือ่ ให้ได้มาซง่ึ ทรพั ยากรทีจ่ ำเป็นสำหรบั การอยู่รอดขององคก์ ารการพงึ่ พิงท่ีอาจจะเปน็ การพึ่งพิงดา้ น งบประมาณบุคลากรหรอื การมีแผนงานท่ที ำรว่ มกนั - การประสานงานระหว่างหน่วยงาน ด้านการประสานงานน้ีจัดเป็นยุทธวิธี ทางการเมือง ซึ่งอาจจะเป็นการประสานงานเพือ่ ต่อต้านหรือเป็นการประสานงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย เดยี วกนั - การสนับสนุนจากหน่วยงานระดับเหนือ การนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติโดย หนว่ ยงานท่ีรบั ผดิ ชอบการบรหิ ารในระดบั ลา่ งนั้น ความสัมพนั ธเ์ ชิงเก้ือหนุนจากหน่วยงานระดับเหนือ รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรยี นวดั เขานางเภา (25)

ท่ีมีต่อหน่วยงานระดับล่าง จะนำไปสู่ความราบรื่นในการปฏิบัติตามนโยบายมากข้ึน การให้การ สนบั สนนุ นี้ อาทิเชน่ การใหค้ วามสนบั สนุนเชิงวิชาการ การฝกึ อบรม เป็นตน้ 3. ปัจจัยด้านข้าราชการ ภายใต้การปฏิบัติงานของข้าราชการระดับล่างนั้นมักจะ เผชิญเงื่อนไขหลายประการของกลุ่มเป้าหมาย ดังน้ัน ในด้านของข้าราชการแล้ว ควรจะต้องมี องค์ประกอบดังนี้ - ความรู้ความสามารถ เนื่องจากข้าราชการระดับล่างจะเป็นผู้ปฏิบัตินโยบาย ดังน้ัน ควรจะต้องมีความรู้ เช่น ความรู้ด้านข้อมูล ความรู้ด้านทฤษฎีต่างๆ การเช่ือมโยงระหว่าง ภาคทฤษฎีและปฏบิ ตั ิรวมทั้งมีความเข้าใจในวัตถุประสงคน์ โยบาย เปน็ ตน้ - ความตง้ั ใจจริงพิจารณาได้จากพฤติกรรมการทำงานเพอื่ ให้บรกิ ารแกป่ ระชาชน - การปรับตวั ของขา้ ราชการระดับลา่ ง 4. ปจั จัยด้านทรัพยากรองค์การ ภายใต้กระบวนการจัดสรรทรัพยากรให้ประสบผลใน การนำนโยบายไปปฏบิ ัตินัน้ จะตอ้ งมีความพรอ้ มด้านทรัพยากรองค์การ อันได้แก่ - ปัจจัยด้านงบประมาณ นับว่าเป็นหัวใจของกระบวนการนำนโยบายไปปฏิบัติ เน่อื งจากมีผลกระทบทส่ี ำคญั คือ เปน็ ปจั จยั ที่เสริมใหน้ โยบายบรรลเุ ปา้ หมายท่ีกำหนด - จำนวนบุคลากร หรือทีมงาน มีเพียงพอหรือไม่เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณ งานที่รับผดิ ชอบ 5. ปัจจัยด้านการใช้ข้อมูลและกระบวนการติดต่อ การใช้ข้อมูลและกระบวนการ ติดต่อสื่อสารนั้นมีความสำคัญในข้ันตอนของการนำนโยบายไปปฏิบัติ และเป็นการเช่ือมโยงระหว่าง การกำหนดนโยบายและการนำนโยบายไปปฏบิ ตั ิองค์ประกอบย่อมทค่ี วรพจิ ารณาคือ - การใช้ข้อมูลในกลุ่มเป้าหมายในพ้ืนที่ ซ่ึงมีความสำคัญต่อหน่วยงาน ค่อนข้างมาก เพราะการได้ทราบข้อมูลจากลุ่มเป้าหมายในพื้นท่ี จะทำให้การนำโครงการใดๆ ลงสู่ ระดับปฏบิ ตั ิมคี วามสอดคล้องตรงกบั ความตอ้ งการและปัญหาซง่ึ เกิดข้นึ ในแต่ละแหง่ ได้มากทส่ี ุด - การใช้ข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงานการนำนโยบายไปปฏิบัติท่ีมีหลาย หน่วยงานต้องมาปฏิบัติภารกิจร่วมกันน้ันจะต้องทราบข้อมูลร่วมกันได้แก่โครงการ/แผนงานที่ ดำเนินการน้ันเป็นลักษณะเช่นใดระดับของความต้องการที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคตซ่ึงจะทราบได้ จากการแสดงออกถึงความตอ้ งการและความคาดหวงั ของชมุ ชนสดุ ทา้ ยคือการจะทราบวา่ มีทรัพยากร ชุมชนเพยี งพอหรอื ไม่ 6. ปัจจัยด้านประชาชน การกำหนดนโยบายท่ีนำไปสู่ความสำเร็จ สามารถแก้ไข ปัญหาที่เกิดขึ้นได้จริง ต้องคำนึงถึงประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ซ่ึงการนำนโยบายไปปฏิบัติจะประสบ ความสำเร็จมากน้อยเพียงใดขึน้ อยู่กับความต้องการของประชาชน การสนับสนนุ จากผนู้ ำท้องถ่ินและ ท่าทีของประชาชนท่ีมีต่อข้าราชการ ซึ่งมักมีผลจากข้าราชการระดับล่างที่รับผิดชอบการนำนโยบาย ไปปฏบิ ัติในพน้ื ท่ี 7. ปัจจัยด้านลักษณะชุมชน ปัจจัยด้านลักษณะของชุมชนท่ีเป็นเงื่อนไขต่อ ความสำเร็จของการนำนโยบายไปปฏิบัติ ได้แก่ ทรัพยากรเชิงเศรษฐกิจ สภาพทางเศรษฐกิจและ รายงานผลการนิเทศภายใน(ด้านการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรยี นวดั เขานางเภา (26)

สงั คมกอ่ นนำนโยบายไปปฏิบัติ ความคิดเห็นหรือท่าทีของประชาชนท่ีมตี ่อนโยบาย ผู้มคี วามเห็นด้วย หรือด้านนโยบายกลมุ่ ผลประโยชน์ทางการเมอื งใหก้ ารสนับสนนุ นโยบายเพยี งใด รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 โรงเรียนวดั เขานางเภา (27)

บทที่ 3 การดำเนินการนิเทศ การรายงานผลการนเิ ทศการสอนครงั้ นี้ ได้ดำเนนิ การตามขัน้ ตอนดงั น้ี 1. ขนั้ การวางแผนการดำเนินการ 2. ขน้ั ดำเนินการ 3. ขน้ั รวบรวม และรายงานผลการดำเนนิ การ 4. สถติ ิทใี่ ชใ้ นการรายงานผล ข้นั การวางแผนการดำเนินการ ในการนิเทศภายในการจัดการเรียนการสอนของครูโรงเรียนวัดเขานางเภา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 มีขนั้ ตอนการวางแผนดำเนินการ ดงั ตาราง 3.1 ตาราง 3.1 ตารางแสดงข้นั การวางแผนดำเนินการ ขน้ั การวางแผนดำเนนิ การ ระยะเวลาการดำเนินการ ผู้ดำเนินการ 1.ประชมุ วางแผนการทำการนเิ ทศการ 4 พ.ย. 63 กลุ่มงานวิชาการ จัดการเรียนการสอน 2. แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการนเิ ทศ 5 พ.ย. 63 กลุม่ งานวชิ าการ ภายใน 3. ประชุมคณะกรรมการดำเนนิ การนิเทศ 9 พ.ย. 63 คณะกรรมการนิเทศ 4. กำหนดปฏิทินการนิเทศ 11 พ.ย. 63 ครผู ูส้ อน 5. ดำเนินการนเิ ทศภายใน 9 พ.ย. 2563 - 31 มี.ค. 64 คณะกรรมการนเิ ทศ 6. สรปุ ผลการดำเนนิ การนิเทศภายใน 1-5 เม.ย. 64 คณะกรรมการนิเทศ 7. รายงานผลการนิเทศภายใน 10 เม.ย. 64 หัวหนา้ กล่มุ งานวิชาการ รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ด้านการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 โรงเรียนวัดเขานางเภา (28)

เครือ่ งมือทใ่ี ชใ้ นการดำเนนิ การนเิ ทศ 1. แบบนิเทศการตรวจเยี่ยมช้ันเรียน 2. แบบบันทกึ ผลนิเทศการเยย่ี มนเิ ทศชั้นเรียน 3. แบบนิเทศการสังเกตการสอนในช้นั เรียน ข้นั การดำเนนิ การ 1. วิธีดำเนินการนิเทศการสอนของครูโรงเรียนวัดเขานางเภา ดำเนินการโดยคณะกรรมการนิเทศ ท่ีได้รับการแต่งต้ังตามคำสั่ง โดยเข้านิเทศและให้คำแนะนำในกระบวนการจัดการเรียนการสอนของครู ผู้รับการนิเทศ โดยเป็นการนิเทศแบบกัลยาณมิตร ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศต่างเป็นกัลยาณมิตรท่ีดีต่อ กัน มกี ารรับฟังความคิดเห็นซ่ึงกันและกัน เพ่ือพฒั นางานและพัฒนาการจดั การเรียนการสอนให้ดีข้ึน 2. การให้คะแนน ผ้นู ิเทศจะให้คะแนนผรู้ ับการนิเทศตง้ั แต่ 1 – 5 ตามระดับท่ีมีการปฏิบัติ ตามความเปน็ จริง เกณฑ์การใหค้ ะแนนการนเิ ทศการเรียนการสอน แล้วหาค่าเฉลยี่ เพื่อเปรยี บเทียบ กบั เกณฑจ์ ากมาตราสว่ นประมาณคา่ (Rating Scale) 5 ระดับ ดงั นี้ คะแนนเฉลย่ี ความหมาย 4.51-5.00 เหมาะสมมากท่สี ุด 3.51-4.50 เหมาะสมมาก 2.51-3.50 เหมาะสมปานกลาง 1.51-2.50 เหมาะสมน้อย 1.00-1.50 เหมาะสมน้อยท่ีสุด ขั้นรวบรวมและรายงานผลการดำเนนิ การ 3.1 รวบรวมผลการนเิ ทศการสอนจากคณะกรรมการ 3.2 นำผลการนิเทศมาวิเคราะห์ และรายงานผล โดยทำเป็นรูปเล่มเพื่อเป็นข้อมูล สารสนเทศของโรงเรียน สถิติที่ใช้ในการรายงานผล 4.1 ค่าเฉลย่ี (Arithmetic Mean) คำนวณจากสูตรดังนี้ เมือ่ แทน ค่าเฉลีย่ แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมดในกลมุ่ แทน จำนวนสมาชิกทงั้ หมดในกล่มุ รายงานผลการนิเทศภายใน(ดา้ นการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 โรงเรียนวัดเขานางเภา (29)

4.2 ค่าสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) คำนวณจากสูตรดังน้ี เมอื่ แทน สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน แทน คะแนนแต่ละตวั แทน จำนวนสมาชกิ ในกล่มุ น้ัน รายงานผลการนิเทศภายใน(ด้านการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 โรงเรียนวดั เขานางเภา (30)

บทท่ี 4 ผลการนเิ ทศการศกึ ษา ผลการดำเนินงาน ในการนิเทศการสอนของครูผู้สอน โรงเรียนวัดเขานางเภา ประจำภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 ผลการนิเทศการสอน มี 4 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 รายงานผลการนิเทศเปน็ รายบุคคล ตอนท่ี 2 รายงานผลการนิเทศเป็นรายด้าน ตอนที่ 3 รายงานการสงั เกตการณก์ ารสอนในชน้ั เรยี น ตอนที่ 4 รายงานผลการประเมินแผนการจัดการเรียน ตอนท่ี 1 รายงานผลการนิเทศเปน็ รายบุคคล จากการดำเนินการนิเทศการสอนของครู โรงเรียนวัดเขานางเภา ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 โดยคณะกรรมการดำเนนิ งานได้ให้คะแนนตามลำดับที่มกี ารปฏิบัติ ผลการนิเทศเป็นรายบุคคล ปรากฏผลดงั ตารางท่ี 4.1 ตารางที่ 4.1 ตารางแสดงคะแนนเฉลย่ี ของการนิเทศการสอนเป็นรายบุคคล คะแนนเฉลย่ี รายด้าน ชื่อ-สกุล ้ดานการจัด คา่ เฉลีย่ ระดับคณุ ภาพ บรรยากาศชั้นเ ีรยน ้ดานค ูร ู้ผสอน ้ดานนักเ ีรยน 1. นายพีระยศ แทน่ จนั ทร์ 4.60 4.88 5.00 4.83 มากท่สี ุด มาก 2. นางภทั รยี า ศรีเมอื ง 4.40 4.50 4.40 4.44 มากทส่ี ุด 3. นางสมใจ เผือกเหล็ก 4.40 4.88 5.00 4.78 มากทส่ี ุด 4. นางเสาวนยี ์ นุ้ยบตุ ร 4.80 4.63 4.80 4.72 มาก มาก 5. นางสาววาสนา นวลน่มิ 3.80 4.75 4.20 4.33 มากที่สุด มากทส่ี ุด 6. นางสาวปารชิ าต หวานดี 4.00 4.75 4.60 4.50 มากท่สี ุด มากทส่ี ุด 7. นางสาวสมุ ณฑา รักษายศ 5.00 4.50 5.00 4.78 8. นางสาวกัญญาวีร์ ช่วงเสน 5.00 4.25 5.00 4.67 9. นางสาวจรยิ า ศรสี พุ รรณพงศา 4.80 4.88 4.60 4.78 รวม 4.53 4.67 4.73 4.65 รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ด้านการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 โรงเรียนวดั เขานางเภา (31)

จากตาราง 4.1 พบว่าผลการนิเทศการสอนเป็นรายบุคคล โรงเรียนวัดเขานางเภา ภาคเรียน ท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 ในภาพรวมอยู่ในระดับมากทสี่ ุด ไดค้ ่าคะแนนเฉล่ีย 4.65 มผี ลการนิเทศอยใู่ น ระดับคณุ ภาพ มาก ถึง มากทส่ี ดุ ได้ค่าคะแนนเฉลย่ี ตั้งแต่ 4.33 ถึง 4.83 ตอนท่ี 2 รายงานผลการนเิ ทศเปน็ รายดา้ น จากการดำเนินการนิเทศการสอนของครูโรงเรียนวัดเขานางเภา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โดยคณะกรรมการดำเนินงานได้ให้คะแนนตามลำดับท่ีมีการปฏิบัติ แล้วนำคะแนนมาหา ค่าเฉลยี่ และสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ผลการนิเทศเปน็ รายดา้ นของการนิเทศ ปรากฏผลดงั ตาราง 4.2 ตาราง 4.2 แสดงผลคะแนนเฉลี่ยและส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานของการนเิ ทศการสอนเป็นรายดา้ น รายการนเิ ทศ 4.53 ระดบั คณุ ภาพ ดา้ นการจดั บรรยากาศชั้นเรยี น 4.67 .424 มากที่สุด 1. มีป้ายนเิ ทศเพ่ือแสดงขา่ วสารและความร้ตู ่าง ๆ .500 มากที่สดุ การบรหิ ารจดั การห้องเรียน 4.11 2. มีปา้ ยแสดงข้อมูลสถติ ิของห้องเรยี นทเ่ี ป็นปัจจบุ ัน 5.00 .782 มาก 3. มีสัญลักษณ์ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ 4.22 .000 มากท่ีสดุ 4. มีมมุ การแสดงผลงานนกั เรียน 4.67 .667 มาก 5. ห้องเรียนสะอาด บรรยากาศในหอ้ งเรียนเอื้อต่อ .500 มากทส่ี ดุ การเรยี นรู้ 4.67 ด้านครูผู้สอน 4.33 .217 มากทส่ี ดุ 6. มกี ารจดั ทำแผนการจดั การเรียนรู้ และใช้แผนการ .707 มาก จดั การเรียน 4.33 7. จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ แบบ Active Learning 4.33 .707 มาก 8. ใชส้ อื่ เทคโนโลยใี นการจัดการเรียนรู้ 5.00 .707 มาก 9. ใชก้ ารเสรมิ แรงเชงิ บวกในการจัดการเรยี นรู้ .000 มากที่สุด (Positive Reinforcement) 5.00 10. มีขอ้ มลู นกั เรยี นเปน็ รายบุคคล 4.56 .000 มากที่สดุ 11. มีวิจยั ชัน้ เรียนเพ่ือพฒั นาการเรยี นรู้ 4.78 .527 มากที่สุด 12. ดูแลเอาใจใสน่ ักเรยี นอยา่ งทั่วถึง 5.00 .441 มากทสี่ ดุ 13. แตง่ กายเหมาะสมกบั ความเป็นครู .000 มากทส่ี ุด รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรยี นวัดเขานางเภา (32)

ตาราง 4.2 แสดงผลคะแนนเฉลย่ี และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของการนเิ ทศการสอนเปน็ รายดา้ น (ตอ่ ) รายการนิเทศ 4.73 ระดับคณุ ภาพ ดา้ นนักเรยี น 5.00 .300 มากทส่ี ุด 14. ตั้งใจปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการเรียนทไ่ี ด้รับมอบหมาย 4.67 .000 มากท่สี ดุ 15. นักเรยี นทกุ คนมีสว่ นรว่ มในการจดั การเรยี นรู้ .500 มากท่สี ดุ (Involve Everyone 4.78 16. นักเรียนสนกุ และความสุขในการเรยี น 4.67 .441 มากท่สี ุด 17. นกั เรียนกระตือรือร้นและกลา้ แสดงออก 4.56 .500 มากทส่ี ุด 18. นกั เรยี นมีระเบยี บวินยั 4.64 .527 มากทีส่ ุด .209 มากทส่ี ุด รวม จากตารางท่ี 4.2 พบว่า ผลการนิเทศเป็นรายด้านของครู โรงเรียนวัดเขานางเภา ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 256- ในภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับคุณภาพมากที่สุด ได้ค่าคะแนนเฉล่ีย 4.68 เรียงลำดับจากคา่ เฉล่ียมากไปหาน้อย ดังนี้ ดา้ นบคุ ลดิ ภาพ มีค่าเฉล่ีย 4.85 รองลงมาด้านการวดั และ ประเมนิ ผล (ขนั้ สรปุ ) มีค่าเฉล่ีย 4.65 ด้านการเตรยี มความพร้อม(ขั้นนำ) มีค่าเฉลี่ย 4.64 และ ด้าน ดา้ นการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (ข้นั สอน) มคี า่ เฉล่ีย 4.57 ตามลำดบั ตอนที่ 3 รายงานการสงั เกตการณก์ ารสอนในช้ันเรยี น จากการดำเนินการนิเทศการสอนของครูโรงเรียนวัดเขานางเภา ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 คณะกรรมการดำเนินการนิเทศการจัดการเรยี นการสอนโดยมีการสังเกตการณ์สอนในชั้นเรียน แล้วนำคะแนนมาหาค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ผลการการสังเกตการณ์สอนในช้ันเรียน ปรากฏผลดังตาราง 4.3 ตาราง 4.3 แสดงผลคะแนนเฉลีย่ และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานของการสงั เกตการณก์ ารสอนในชนั้ เรียน รายการ ระดับคณุ ภาพ 1. ครูดำเนนิ การสอนตามลำดบั ของแผนการจดั การเรยี นรู้ 4.78 .411 มากท่ีสุด 2. จดั กิจกรรมการเรียนรดู้ ้วยวธิ ีการทห่ี ลากหลาย 4.78 .411 มากท่ีสุด 3. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ใหผ้ ู้เรียนฝึกคน้ ควา้ สงั เกต 4.56 .726 มากทส่ี ดุ รวบรวมขอ้ มลู วิเคราะห์ คดิ อย่างหลากหลายและ สร้างสรรค์ สามารถสร้างองค์ความรู้ได้ดว้ ยตนเอง 4. กระตนุ้ ให้ผู้เรยี นมีส่วนรว่ มแสดงความคิดเห็น คน้ ควา้ 4.56 .527 มากทส่ี ดุ แสวงหาคำตอบดว้ ยตนเอง ตาราง 4.3 แสดงผลคะแนนเฉลี่ยและส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐานของการสังเกตการณ์การสอนในช้นั เรยี น (ต่อ) รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ด้านการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 โรงเรยี นวัดเขานางเภา (33)

รายการ ระดบั คุณภาพ 5. ให้ผเู้ รยี นมกี ารเรียนรจู้ ากส่ือท่หี ลากหลายรูปแบบ 4.78 .411 มากที่สุด 6. มีการสอดแทรกคณุ ธรรม จริยธรรม ใหแ้ รงเสริม 5.00 .000 มากท่สี ุด ผู้เรียนในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 7. จัดบรรยากาศการเรยี นรู้ทดี่ งึ ดูดความสนใจ กอ่ ให้เกดิ 4.67 .500 มากทส่ี ดุ ความสขุ และเพลิดเพลนิ แกผ่ ้เู รยี น 8. มีกระบวนการวัดผลและประเมินผลตามสภาพจริง 4.67 .500 มากที่สดุ 9. มีเคร่ืองมือการวัดผลและประเมนิ ผลทมี่ ีคณุ ภาพ 4.44 .527 มาก 10. นกั เรียนมสี ว่ นร่วมในการวดั ผลและประเมนิ ผล 4.11 .333 มาก รวม 4.63 .278 มากทสี่ ุด จากตารางที่ 4.3 พบว่า ผลการนิเทศเป็นรายด้านการสอนของครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สุราษฎร์ธานี ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2561 ใน ภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับคุณภาพมากท่ีสุด ได้ค่าคะแนนเฉล่ีย 4.68 เรียงลำดับจากค่าเฉล่ีย มากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านบุคลิดภาพ มีค่าเฉล่ีย 4.85 รองลงมาด้านการวัดและประเมินผล (ขั้นสรุป) มีค่าเฉล่ีย 4.65 ด้านการเตรียมความพร้อม(ขั้นนำ) มีค่าเฉล่ีย 4.64 และ ด้านด้านการจัดกิจกรรม การเรยี นรู้ (ขนั้ สอน) มคี ่าเฉลีย่ 4.57 ตามลำดับ ตอนที่ 4 รายงานผลการประเมนิ แผนการจัดการเรยี น จากการดำเนินการนิเทศการสอนของครูโรงเรียนวัดเขานางเภา ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 จากการดำเนินการนิเทศการจัดการเรียนการสอน คณะกรรมการนิเทศการสอนดำเนินการ ประเมนิ แผนการจดั การเรยี นรขู้ องครูผูส้ อน แล้วนำคะแนนมาหาคา่ เฉล่ีย และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน ผลการการสังเกตการณส์ อนในช้ันเรียน ปรากฏผลดงั ตาราง 4.4 ตาราง 4.4 แสดงผลคะแนนเฉลีย่ และส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐานของการประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้ รายการ ระดับคุณภาพ 1. ชือ่ หน่วยการเรียนรูน้ า่ สนใจ กะทัดรัด ชัดเจน 5.00 .000 ครอบคลุมเน้ือหาสาระ 2. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชี้วัด/ผลการเรียนรู้/ 5.00 .000 สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์มีความเช่ือมโยงกนั อยา่ งเหมาะสม ตาราง 4.4 แสดงผลคะแนนเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของการประเมนิ แผนการจัดการเรยี นรู้ (ต่อ) รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ด้านการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 โรงเรียนวัดเขานางเภา (34)

รายการ ระดบั คุณภาพ 3. ความสอดคล้องของสาระสำคญั /ความคิดรวบยอด 5.00 .000 กบั มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชี้วัด/ ผลการเรยี นรู้ 4. ความสอดคล้องของสาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด 5.00 .000 กับสาระการเรียนรู้ 5. ความเชอ่ื มโยงสมั พนั ธ์กนั ระหว่างชือ่ หนว่ ยการ 5.00 .000 เรียนรู้ มาตรฐานการ เรยี นรู้/ตวั ช้วี ัด/ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด สาระการเรียนรู้ และ กจิ กรรมการเรียนรู้ 6. กจิ กรรมการเรียนรู้สอดคล้องกบั มาตรฐานการ 5.00 .000 เรียนรู้/ตวั ชวี้ ัด/ ผลการเรยี นรู้ และสาระการเรียนรู้ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้มคี วามครอบคลุมในการพฒั นา 5.00 .000 ผูเ้ รยี นให้มีความรู้ ทกั ษะ/กระบวนการ สมรรถนะ สำคัญของผเู้ รียน และคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้มีความเหมาะสมสามารถนำ 4.78 .441 ผเู้ รยี นไปสกู่ ารสรา้ ง ช้นิ งาน/ภาระงาน 9. มีการประเมินผลตามสภาพจรงิ และสอดคล้องกบั 4.78 .441 มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ัด/กิจกรรมการเรยี นรู้ 10. ประเดน็ และเกณฑ์การประเมนิ สามารถสะท้อน 4.44 .527 คุณภาพผูเ้ รียนตาม มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้วี ัด/ผล การเรยี นรู้ 11. สอ่ื การเรียนรู้ในแตล่ ะกิจกรรม มคี วามเหมาะสม 4.67 .500 กับเวลา และ การนำไปประยุกต์ใช้ได้จรงิ 12. กำหนดเวลาไดเ้ หมาะสมกบั กจิ กรรม และสามารถ 5.00 .000 นำไปปฏบิ ตั จิ ริงได้ รวม 4.89 .042 จากตารางที่ 4.4 พบว่า ผลการนิเทศเป็นรายด้านการสอนของครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สุราษฎร์ธานี ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2561 ใน ภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับคุณภาพมากท่ีสุด ได้ค่าคะแนนเฉลี่ย 4.68 เรียงลำดับจากค่าเฉลี่ย มากไปหาน้อย ดังน้ี ด้านบุคลิดภาพ มีค่าเฉลี่ย 4.85 รองลงมาด้านการวัดและประเมินผล (ข้ันสรุป) มีค่าเฉลี่ย 4.65 ด้านการเตรียมความพร้อม(ขั้นนำ) มีค่าเฉล่ีย 4.64 และ ด้านด้านการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ (ขัน้ สอน) มีคา่ เฉลี่ย 4.57 ตามลำดับ รายงานผลการนิเทศภายใน(ด้านการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 โรงเรยี นวดั เขานางเภา (35)

บทท่ี 5 การสรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 โรงเรยี นวดั เขานางเภา (36)

9. สรปุ ผลการนิเทศ การนิเทศภายในคร้งั นี้เปน็ การแบบมีส่วนร่วม มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) 1. เพ่ือประเมินผลการนิเทศ ภายในโรงเรียนแบบมสี ว่ นรว่ มของโรงเรยี นวดั เขานางเภา ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 ของ โรงเรยี นวดั เขานางเภา สังกดั สำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาสรุ าษฎรธ์ านี เขต 1 2. เพ่อื ปรบั ปรุงและพฒั นาผลการนเิ ทศภายในโรงเรยี นวัดเขานางเภา โดยกระบวนการแบบมแี บบมี สว่ นรว่ ม กล่มุ เป้าหมายในการในการนเิ ทศครั้งนี้คือครูและบคุ ลากรทางการศึกษา โรงเรียนวดั เขา นางเภา ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 โรงเรยี นวดั เขานางเภา อำเภอกาญจนดษิ ฐ์ จังหวัดสุ ราษฎรธ์ านี สำนกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาสุราษฎรธ์ านี เขต 1 จำนวน 8 คน เคร่ืองมือท่ีใช้ในการนเิ ทศครั้งน้ี ประกอบด้วย ๑)แบบบันทึกการนเิ ทศบูรณาการโดยใช้พ้ืนท่ี เป็นฐาน ๒)แบบบนั ทึกการเยี่ยมชนั้ เรยี น ๓) แบบสงั เกตการณ์สอน สรปุ ผลการนิเทศ จากการนเิ ทศภายในโรงเรยี นวัดเขานางเภา สรุปไดด้ ังนี้ 1. เพือ่ ประเมนิ ผลการนเิ ทศภายในโรงเรยี นแบบมสี ่วนรว่ มของโรงเรียนวดั เขานางเภา ภาค เรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ของโรงเรียนวัดเขานางเภา สงั กัดสำนกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษา ประถมศกึ ษาสุราษฎรธ์ านี เขต 1 2. เพือ่ ปรบั ปรงุ และพัฒนาผลการนิเทศภายในโรงเรียนวัดเขานางเภา โดยกระบวนการแบบมีแบบมี สว่ นร่วม อภปิ รายผล จากการนิเทศภายในโรงเรยี นวัดเขานางเภา อภิปรายได้ดังน้ี ๑. การนิเทศการกำหนดแนวทางในการพฒั นาการจัดการเรยี นการสอนของครู พบวา่ ครทู ุกคนมี การกำหนดตารางวิเคราะหต์ ัวช้ีวัดในแต่ละมาตรฐานทกุ กลุม่ สาระ มีแผนการสอน/ระบุกิจกรรมการ เรยี นรูท้ สี่ อดคล้องกบั ตัวชีว้ ดั มีการใชส้ ื่อในการจัดการเรียนการสอนช่วยในการเรยี นรู้ของนกั เรยี น มี เคร่ืองมือวดั ผลท่หี ลากหลาย ซ่ึงสอดคล้องกับการดำเนนิ งานดา้ นวิชาการของสถานศึกษา ซึ่งการ นิเทศภายในของสถานศึกษาน้นั เน้นการนิเทศการจัดการเรียนร้ขู องครูคือการนำหลักสูตรสถานศกึ ษา รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 โรงเรยี นวดั เขานางเภา (37)

ไปใช้และการออกแบบการจัดการเรียนรู้ สง่ เสริมและสนบั สนนุ ใหค้ รูจดั ทำและใชแ้ ผนการจดั การ เรยี นรู้ สนับสนุนให้ครผู ลิตและใชส้ ื่อการเรยี นรู้ และการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง ๒. การนิเทศการจดั การเรียนการสอนด้านการอ่านออกเขยี นได้ของนักเรียน พบว่า ครูทุก ระดับช้ันมีเตรียมการ/ ประเมินการอา่ นของนักเรยี น จัดทำแผนและพฒั นาการเขยี น(การคัดลายมอื การเขยี นสื่อความ) ของนักเรียน มกี ารจดั ทำข้อมลู สารสนเทศและรายงานข้อมลู ใหผ้ ้บู ังคบั บญั ชา ทราบซึง่ สอดคล้องกบั การดำเนินงานดา้ นวิชาการการนิเทศตดิ ตามการจดั การเรยี นการสอนซ่งึ เน้น การจดั การเรยี นการสอนตามแนวปฏริ ูปการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการ และเนน้ ทกั ษะการคิด ๓. การนิเทศการจัดการเรยี นการสอนที่ใช้ BBL พบวา่ โรงเรียนปรบั ปรุงห้องเรยี น ชั้น ป.๑ เหมาะสม สวยงาม มีความพร้อมสำหรับการจัดการเรียนการสอน ครผู ้สู อนชั้นป.๑ ออกแบบและจดั กระบวนการจดั การเรยี นรทู้ ่ีกระตุ้นเพ่ือพฒั นาสมองและสร้างความสนใจให้กับนกั เรียน มอี อกแบบใบ งานสอดคล้องกบั การทำงานของสมองของนักเรยี น โดยมสี ่ือและนวัตกรรมการเรยี นรู้ที่แปลกใหม่ นอกจากนีโ้ รงเรียนยงั มกี ารปรับปรงุ อาคารสถานที่ สนามเด็กเล่นที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ของผเู้ รียน นักเรยี นสามารถเล่นท่สี นามเดก็ เลน่ อยา่ งน้อยวนั ละ ๒๐ นาที ซึ่งสอดคล้องกบั การดำเนินงาน ทางด้านวิชาการท่สี ่งเสรมิ สนับสนนุ การนำหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้และการออกแบบการจดั การ เรียนรู้ จดั การเรยี นการสอนตามแนวปฏิรูปการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการ และเนน้ ทกั ษะการคดิ เน้นการ การจดั กจิ กรรมเสริมหลกั สูตรและพฒั นาอาคารสถานท่ีใหเ้ อือ้ ต่อการเรยี นร้ขู องผู้เรยี น ๔. การนิเทศติดตามการจดั กจิ กรรมการลดเวลาเรยี นเพม่ิ เวลารู้ พบว่า โรงเรียนมีการปรับ โครงสรา้ งเวลาเรยี นของหลกั สตู รสถานศกึ ษา โดยบูรณาการในการจัดกกิจกรรมตา่ งๆ และกจิ กรรม วันหยุดสุดสปั ดาห์ ครมู ีการจัดทำแผนการจดั กจิ กรรมครอบ คลมุ ทั้ง ๔ H จดั การเรยี นรพู้ ฤติกรรม การเรียนรขู้ ั้นสูงและมีการทบทวนหลังการจัดกิจกรรม ซ่ึงสอดคลอ้ งกับแวนมเิ ตอรแ์ ละแวนฮฮร์น (Van Meter and Van Horn) กล่าวว่าการนำนโยบายไปปฏิบัตหิ มายถึงการกระทำเพื่อบรรลุ เป้าหมายตามที่กำหนดไวใ้ นนโยบายเป็นเบื้องต้นการกระทำหรือการดำเนนิ การดงั กลา่ วอาจจะโดย ภาครัฐหรือเอกชนท้ังในลักษณะของกลุ่มหรอื บุคคลก็ไดแ้ ละวรเดช จนั ทรศร ใหค้ วามหมายวา่ การศกึ ษาการนำนโยบายไปปฏบิ ัติเป็นการแสวงหาวิธีการและแนวทางเพือ่ ปรับปรุงนโยบายแผนงาน และการปฏบิ ัติงานในโครงการใหด้ ีขึ้น ๕. การนิเทศติดตามการจดั กจิ กรรมการคดิ คำนวณของครูผสู้ อน พบว่าครผู ูส้ อนมีการจดั เตรียม เอกสารแบบฝึกทักษะคดิ เลขเร็วไวส้ ำหรับนกั เรยี น และดำเนนิ การจัดกจิ กรรมกบั นักเรียนโดย กำหนดเวลาท่ชี ดั เจนในการฝึกทักษะคดิ เลขในใจ ซึง่ สอดคล้องกบั การดำเนินงานของวชิ าการที่ สง่ เสรมิ สนับสนนุ การจัดการเรยี นการสอนตามแนวปฏริ ปู การเรียนรู้แบบบรู ณาการ และเนน้ ทักษะ การคิด การจัดหาพัฒนาสื่อและเทคโนโลยที างการศกึ ษา โดยสนบั สนุนใหค้ รูผลติ และใช้สือ่ การเรียนรู้ รายงานผลการนิเทศภายใน(ด้านการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 โรงเรยี นวัดเขานางเภา (38)

๖. การนเิ ทศติดตามการจดั กจิ กรรมการบูรณาการการอ่านเขียนสู่การแกโ้ จทย์ปญั หา พบว่า ครูผสู้ อนมีเอกสารการบรู ณาการการอา่ น การคิดเลขสู่การแกโ้ จทย์ ปญั หาคณติ ศาสตร์ สำหรับ นกั เรยี น ช้นั ป.๑-๖ ในทุกระดับชั้น มแี นวทางในการนำเอกสารบูรณาการการอ่าน การคดิ เลขส่กู าร แกโ้ จทย์ไปใช้อยา่ งชดั เจน และนำสกู่ ารปฏบิ ัตใิ นช้ันเรยี นซ่งึ สอดคล้องกับการจดั การเรียนการสอน ตามแนวปฏริ ปู การเรียนรู้จดั หาพฒั นาสอื่ และเทคโนโลยที างการศึกษา โดยสนบั สนุนให้ครูผลติ และใช้ สอื่ การเรยี นรูก้ ารจัดมุมหนงั สือ ห้องสมดุ และแหลง่ เรยี นรู้ในสถานศึกษาอย่างต่อเนอื่ ง ๗. การนเิ ทศติดตามการยกระดบั คณุ ภาพ NT และ O-NET พบว่าโรงเรียนมขี อ้ มลู สารสนเทศ ผลการสอบ NT/O-NET ของนกั เรยี นชัน้ ป.๓ และ ป.๖ โดยครูมีการวิเคราะหข์ ้อมูล กำหนด เป้าหมายในการยกระดบั คุณภาพของสถานศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๒ มกี ารจัดทำแผนยกระดบั คณุ ภาพการศึกษา ครูมีการวเิ คราะห์ มาตรฐานและตัวช้วี ดั จัดทำแผนการจดั การเรยี นรู้ทม่ี ีการ พัฒนาโดยตัวครูผู้สอน พัฒนาผูเ้ รียน ครูออกแบบแผนการจดั การเรยี นรทู้ ก่ี ำหนดนวัตกรรมเหมาะสม กับการเรียนรขู องผู้เรยี น ซง่ึ สอดคล้องกับการดำเนนิ งานวชิ าการทเ่ี น้นการพฒั นาหลักสตู รไปใช้ให้ บรรลุตามจุดหมายของหลักสูตร สถานศึกษา ตลอดจนคุณลักษณะอนั พึงประสงคต์ ามท่ีกำหนดไวใ้ น หลกั สูตร นอกจากนี้ การดำเนนิ การนิเทศเพื่อพฒั นาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนวัดเขานางเภาด้วย รูปแบบการพฒั นาคุณภาพผู้เรียนบนพืน้ ฐานหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้วย“บันได 4 ขน้ั ” (3PL MODEL) ของโรงเรยี นวัดเขานางเภา ยงั เป็นกระบวนการสร้างแรงกระตนุ้ การทำงานให้กบั ครู และบคุ ลากรทางการศึกษาในการจัดการเรียนรู้ การจดั กิจกรรมโครงการตา่ งๆ ใหก้ ับนักเรยี น บน พื้นฐานหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งโดยยึดนักเรยี นสศู่ ูนยก์ ลางในการเรยี นรู้ มกี ระบวนการ ทำงานที่เป็นระบบ เปน็ ข้นั ตอน กระตุ้นความอยากรขู้ องผู้เรียนผา่ นกิจกรรมต่างๆ สามารถสร้างสรรค์ ผลงานท่นี ำไปปรบั ใช้ในชวี ิตประจำวันได้ นกั เรียนเกิดการเรียนรู้บนพ้นื ฐานของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เกิดการกลา้ แสดงออกอยา่ งมีหลกั การและได้รบั การยอมรับจากชมุ ชนหรอื หนว่ ยงานภายนอกและ ผลตอบแทนที่ได้รบั คือ รางวลั ทีเ่ ป็นสิ่งส่งเสรมิ กำลังใจในการท่ีจะปฏบิ ัติต่อไปในอนาคต ปัญหาข้อเสนอแนะ เนอ่ื งด้วยผนู้ ิเทศมภี าระงานที่ต้องรบั ผิดชอบทัง้ ในสว่ นของผบู้ ริหารทต่ี อ้ งเดนิ ทางไปราชการ ประชมุ สัมมนา อบรมบ่อยคร้ัง สง่ ผลให้การนเิ ทศไม่ไปเป็นตามปฏทิ นิ ท่ีวางไว้ และจากการดำเนนิ การ นิเทศด้วย “การพัฒนาคุณภาพผเู้ รียนบนพนื้ ฐานหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งดว้ ย“บนั ได 4 ขั้น” (3PL MODEL)นนั้ มีขอ้ เสนอแนะในการนำไปใช้ ดงั นี้ รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 โรงเรียนวัดเขานางเภา (39)

1. ควรให้นักเรียนได้มสี ว่ นรว่ มในการกำหนดกิจกรรมมากขนึ้ โดยคำนงึ ถงึ ความต้องการ ความ สนใจและความถนดั ของนกั เรยี น 2. ควรใหช้ มุ ชนไดม้ ีส่วนรว่ มในการพัฒนากจิ กรรมท่ีมากข้ึน เพอื่ ตอบสนองความต้องการของ ชุมชนและใหไ้ ด้กิจกรรมทห่ี ลากหลายขึน้ บรรณานุกรม รายงานผลการนิเทศภายใน(ดา้ นการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 โรงเรียนวดั เขานางเภา (40)

กมลเทพ ลำเหลือ. (2552). การศึกษาทักษะการนิเทศของผู้ที่ทำหน้าท่ีการนิเทศภายในโรงเรียน สงั กดั สำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาขอนแกน่ เขต 1. ปริญญาครศุ าสตรมหาบัณฑติ (การบริหาร การศกึ ษา).เลย : บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั ราชภฎั เลย กรองทอง จิรเดชากลุ . (2550). คมู่ อื การนิเทศภายในโรงเรยี น. กรงุ เทพฯ : ธารอกั ษร ชาญชัย อาจิณสมาจาร. (2556). การนิเทศการศึกษา. ปัตตานี : สถาบันเพื่อความก้าวหน้าทาง วิชาการ ธรี ะศกั ดิ์ เลื่อยไธสง. (2550). การนิเทศภายใน. กรุงเทพฯ : ธนรชั การพมิ พ์ ประมวล โตโคกสงู . (2554). การศึกษาบทบาทของผู้บรหิ ารในการนิเทศภายในโรงเรียนตามทัศนะ ของครูวิชาการ สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7. ครุศาสตรมหาบัณฑิต (การบรหิ ารการศึกษา). นครราชสมี า : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลัย ราชภัฏนครราชสมี า ปรยี าพร วงศอ์ นุตรโรจน.์ (2553). การบรหิ ารงานวิชาการ. กรุงเทพฯ : ศูนยส์ อื่ เสรมิ กรงุ เทพฯ วัชรา เล่าเรียนดี. (2554). นิเทศการสอน. นครปฐม : ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะ ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศลิ ปากร สวัสด์ิ เตชะเมา. (2552). ความต้องการการนิเทศภายในของครูในกลุ่มโรงเรียนปง 1 สำนักงาน เขต พื้นท่กี ารศกึ ษาพะเยา เขต 2. ครศุ าสตรมหาบณั ฑิต (การบริหารการศึกษา). เชียงราย : มหาวิทยาลัยราชภฎั เชยี งราย สทุ ิน สทุ ธิสิน.(2555). การดำเนนิ งานการนิเทศภายในของผู้บริหารตามทัศนะของครูในโรงเรยี น มธั ยมศึกษา สงั กัดสำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 11. ปริญญาศึกษาศาสตร มหาบณั ฑิต(การบริหารการศกึ ษา). สงขลา : บัณฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ สันติ บุญภิรมย.์ (2552). หลักการบรหิ ารการศึกษา. กรงุ เทพฯ : บุค๊ พอยท์ โสภณ ทองจิตร.(2554). การฏบิ ัติงานตามกระบวนการนเิ ทศการศกึ ษาภายในของผู้นิเทศ การศึกษา ในโรงเรียนเครอื ขา่ ยบางกุ้ง จงั หวดั สุราษฎรธ์ านี. ครุศาสตรมหาบัณฑิต(การ บริหาร การศึกษา). สรุ าษฎรธ์ านี : บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั ราชภฎั สุราษฎรธ์ านี รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ด้านการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 โรงเรยี นวดั เขานางเภา (41)

ภาคผนวก รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ด้านการจัดการเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 โรงเรียนวัดเขานางเภา (42)

คำสงั่ โรงเรียนวดั เขานางเภา ท่ี ๓๑/๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตง้ั คณะกรรมการนิเทศภายใน --------------------------------- เพ่อื ให้การนเิ ทศภายในของโรงเรยี นวดั เขานางเภา เป็นไปด้วยความเรียบรอ้ ย ตามความ มุ่งมนั่ ทจ่ี ะพฒั นากระบวนการจัดการเรียนการสอนให้มีคณุ ภาพ โดยมกี ารวางแผนการศึกษาและ กระบวนการจัดการเรียนรู้ให้เกดิ ผลดตี อ่ การพฒั นาการในด้านต่างๆ ของผเู้ รียนท่จี ะนำไปส่คู ุณภาพ ตามมาตรฐานท่ีกำหนดไว้ จงึ แต่งตงั้ บุคคลทำหน้าท่เี ปน็ คณะกรรมการนเิ ทศภายใน ประจำปี การศึกษา ๒๕๖๓ ดังต่อไปน้ี ๑. นางสาวภัทราวลยั ล้ินโป ผอู้ ำนวยการโรงเรียนวดั เขานางเภา ประธาน คณะกรรมการ ๒. นายพีระยศ แท่นจนั ทร์ ครโู รงเรยี นวดั เขานางเภา กรรมการ ๓. นางสมใจ เผือกเหลก็ ครูโรงเรียนวัดเขานางเภา กรรมการและ เลขานกุ าร ใหค้ ณะกรรมการนิเทศภายในทไ่ี ดร้ บั การแต่งตั้งตามคำสงั่ นี้ ปฏิบัติหน้าที่โดยใช้เครอ่ื งมือ แบบนเิ ทศ ติดตาม และประเมนิ ผลการนเิ ทศภายใน และให้รายงานผลกการนิเทศภายใน ตาม ระยะเวลาท่ีกำหนดในปฏิทนิ การนิเทศภายใน เพื่อเปน็ ประโยชน์ตอ่ ผู้เรียนและโรงเรียนโดยสว่ นรวม ต่อไป ทัง้ น้ี ตงั้ แตบ่ ัดนเ้ี ปน็ ต้นไป สงั่ ณ วันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ (นางสาวภัทราวลัย ล้ินโป) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนวดั เขานางเภา รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 โรงเรยี นวดั เขานางเภา (43)

เคร่อื งมือการนิเทศภายใน รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ด้านการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 โรงเรียนวัดเขานางเภา (44)

แบบนิเทศการตรวจเยี่ยมชนั้ เรยี น โรงเรียน.......................................สำนกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 1 ช่อื ผู้/รบั การนิเทศ ..........................................................ผู้นเิ ทศ............................................................ วันเดอื นปีท่ีนิเทศ......................................... คำช้ีแจง ใหก้ าเคร่อื งหมาย  ในช่องทางขวามอื ตามระดับความคิดเห็นดังน้ี เกณฑ์ 5 = ดีมาก 4 = ดี 3 = ปานกลาง 2 = น้อย 1 = ปรับปรุง ท่ี รายการ ระดับผลการประเมิน หมายเหตุ 54321 ด้านการจดั บรรยากาศชน้ั เรยี น 1 มีปา้ ยนิเทศเพื่อแสดงขา่ วสารและความรู้ต่าง ๆ การบริหารจัดการหอ้ งเรยี น 2 มปี ้ายแสดงขอ้ มลู สถติ ิของห้องเรยี นทีเ่ ป็นปัจจบุ นั 3 มีสญั ลกั ษณช์ าติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 4 มีมมุ การแสดงผลงานนักเรยี น 5 ห้องเรียนสะอาด บรรยากาศในหอ้ งเรียนเอื้อตอ่ การเรียนรู้ ด้านครผู ู้สอน 6 มีการจดั ทำแผนการจดั การเรยี นรู้ และใช้แผนการจดั การเรยี น 7 จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ แบบ Active Learning 8 ใช้ส่ือเทคโนโลยใี นการจดั การเรยี นรู้ 9 ใชก้ ารเสรมิ แรงเชิงบวกในการจัดการเรยี นรู้ (Positive Reinforcement) 10 มขี ้อมลู นักเรยี นเปน็ รายบุคคล 11 มวี จิ ัยชนั้ เรยี นเพอ่ื พฒั นาการเรียนรู้ 12 ดูแลเอาใจใส่นกั เรยี นอย่างท่ัวถึง 13 แตง่ กายเหมาะสมกบั ความเป็นครู ด้านนักเรยี น 14 ต้ังใจปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการเรยี นทไ่ี ด้รบั มอบหมาย 15 นกั เรยี นทุกคนมสี ่วนร่วมในการจดั การเรยี นรู้ (Involve Everyone 16 นักเรยี นสนุก และความสขุ ในการเรียน 17 นกั เรยี นกระตือรือร้นและกล้าแสดงออก 18 นักเรยี นมรี ะเบยี บวนิ ยั ข้อเสนอแนะของผู้นเิ ทศ .......................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................... (......................................................) (......................................................) ผู้รับการนเิ ทศ ผนู้ ิเทศ ตำแหนง่ ................................................. ตำแหนง่ .............................................. รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนวัดเขานางเภา (45)

แบบบนั ทึกผลนิเทศการเยี่ยมนิเทศชนั้ เรียน โรงเรียน............................................................................................................................................ ผูร้ บั การนิเทศ..............................................................................................ช้ัน................................. วัน เดอื น ปี วเิ คราะห์ผลการเยีย่ ม สรปุ ผลการเยยี่ มนเิ ทศ การใหค้ ำปรกึ ษาแนะนำ ทน่ี ิเทศ นิเทศช้นั เรยี น ชัน้ เรยี น ...................... ....................................... ....................................... .............................................. ...................... ....................................... ....................................... .............................................. ...................... ....................................... ....................................... .............................................. ....................................... .............................................. ....................................... ....................................... .............................................. ....................................... ....................................... .............................................. ....................................... ....................................... .............................................. ....................................... ....................................... .............................................. ....................................... ....................................... .............................................. ....................................... ....................................... .............................................. ....................................... ....................................... .............................................. ....................................... ....................................... .............................................. ....................................... ....................................... .............................................. ....................................... ....................................... .............................................. ....................................... ....................................... .............................................. ....................................... ....................................... .............................................. ....................................... ....................................... .............................................. ....................................... ....................................... .............................................. ....................................... ....................................... .............................................. ....................................... ....................................... .............................................. ....................................... ....................................... .............................................. ....................................... ลงช่อื ..................................................................ผูน้ เิ ทศ (................................................................) รับทราบ/ปรบั ปรงุ /ดำเนนิ การตามคำแนะนำ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................... ................................................................. ลงช่อื ..................................................................ผูร้ บั การนเิ ทศ (...................................................................) รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 โรงเรียนวดั เขานางเภา (46)

แบบนิเทศการสังเกตการสอนในชั้นเรียน โรงเรยี น.................................................สำนักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาสุราษฎรธ์ านี เขต 1 ชื่อผูส้ อน/รบั การนเิ ทศ .......................................................................................................................... วชิ า.....................................................................................................ระดับช้ัน...................................... ครัง้ ท.ี่ ..........วันเดอื นปที ่นี เิ ทศ ........................................ผนู้ ิเทศ............................................................ ท่ี รายการ ระดับคณุ ภาพ ขอ้ สังเกต 543 2 1 1 ครูดำเนนิ การสอนตามลำดบั ของแผนการจดั การเรยี นรู้ 2 จัดกิจกรรมการเรยี นรดู้ ว้ ยวิธีการทหี่ ลากหลาย 3 จัดกิจกรรมการเรยี นรใู้ หผ้ ู้เรยี นฝึกคน้ คว้า สงั เกต รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ คดิ อยา่ งหลากหลายและ สร้างสรรค์ สามารถสรา้ งองคค์ วามรไู้ ด้ดว้ ยตนเอง 4 กระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเหน็ ค้นควา้ แสวงหาคำตอบดว้ ยตนเอง 5 ใหผ้ ้เู รียนมีการเรียนรจู้ ากสื่อที่หลากหลายรปู แบบ 6 มกี ารสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม ใหแ้ รงเสรมิ ผูเ้ รยี นในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 7 จัดบรรยากาศการเรียนรูท้ ีด่ งึ ดดู ความสนใจ กอ่ ให้เกิด ความสุขและเพลิดเพลินแก่ผเู้ รยี น 8 มีกระบวนการวัดผลและประเมนิ ผลตามสภาพจริง 9 มเี ครอ่ื งมอื การวดั ผลและประเมนิ ผลท่มี คี ณุ ภาพ 10 นักเรยี นมีสว่ นรว่ มในการวดั ผลและประเมินผล รวม ระดบั คุณภาพ 5 = มากท่ีสุด 4 = มาก 3 = ปานกลาง 2 = น้อย 1= ไมป่ ฏิบตั ิ สรปุ เรือ่ งท่ีต้องปรบั ปรุง ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................ .................................................. .............. ข้อเสนอแนะในการนำผลการปรบั ปรุงไปพฒั นาใหด้ กี ว่าเดิม ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ลงชือ่ .................................................ผ้รู ับการนเิ ทศ ลงชื่อ....................................................ผู้นิเทศ (...........................................................) (............................................... ................) รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนวดั เขานางเภา (47)

แบบประเมินแผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี.......... เรอ่ื ง.................................................................................เวลา ...........ชว่ั โมง รหสั วิชา.....................รายวิชา........................................................................ระดับช้ัน......................... ชื่อ-สกุลครผู สู้ อน..................................................กลุ่มสาระการเรยี นร้.ู ................................................. ระดบั การประเมนิ 4 หมายถงึ มคี วามสอดคล้อง/เชอ่ื มโยง/เหมาะสมมากที่สดุ 3 หมายถงึ มีความสอดคลอ้ ง/เชือ่ มโยง/เหมาะสมมาก 2 หมายถึง มีความสอดคล้อง/เชือ่ มโยง/เหมาะสมน้อย 1 หมายถึง มีความสอดคล้อง/เชอ่ื มโยง/เหมาะสมน้อยทสี่ ุด ที่ รายการ ระดบั การประเมนิ 4321 1 ช่อื หนว่ ยการเรียนรนู้ า่ สนใจ กระทดั รัด ชัดเจน ครอบคลุมเน้ือหาสาระ 2 มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวดั /ผลการเรียนรู้/สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน และคณุ ลกั ษณะ อันพึงประสงค์มีความเชื่อมโยงกนั อย่างเหมาะสม 3 ความสอดคล้องของสาระสำคญั /ความคิดรวบยอดกบั มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ัด/ ผลการเรยี นรู้ 4 ความสอดคล้องของสาระสำคญั /ความคิดรวบยอดกบั สาระการเรียนรู้ 5 ความเชอื่ มโยงสัมพันธก์ ันระหว่างช่อื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ เรยี นรู้/ตัวชี้วัด/ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด สาระการเรียนรู้ และกจิ กรรมการเรียนรู้ 6 กิจกรรมการเรยี นรสู้ อดคล้องกับมาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ดั / ผลการเรยี นรู้ และสาระ การเรยี นรู้ 7 กจิ กรรมการเรียนรมู้ ีความครอบคลุมในการพัฒนาผูเ้ รยี นให้มีความรู้ ทกั ษะ/กระบวนการ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน และคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ 8 กจิ กรรมการเรียนรูม้ ีความเหมาะสมสามารถนำผเู้ รียนไปสู่การสรา้ ง ช้ินงาน/ภาระงาน 9 มีการประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ และสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรยี นรู้/ ตวั ชีว้ ัด/กจิ กรรม การเรียนรู้ 10 ประเดน็ และเกณฑก์ ารประเมนิ สามารถสะทอ้ นคุณภาพผ้เู รยี น ตาม มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ 11 สอื่ การเรียนร้ใู นแต่ละกิจกรรม มีความเหมาะสมกับเวลา และ การนำไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ดจ้ รงิ 12 กำหนดเวลาไดเ้ หมาะสมกับกิจกรรม และสามารถนำไปปฏิบัติจริงได้ รวม การแปลความหมาย คะแนน 12 – 20 ปรบั ปรุง คะแนน 21 – 30 พอใช้ คะแนน 31 - 39 ดี คะแนน 40 – 48 ดมี าก ลงช่อื ..................................................................ผ้นู ิเทศ (................................................................) รบั ทราบ/ปรบั ปรุง/ดำเนนิ การตามคำแนะนำ ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ..................................................................ผ้รู ับการนิเทศ (...................................................................) รายงานผลการนิเทศภายใน(ด้านการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 โรงเรียนวัดเขานางเภา (48)

ภาพประกอบการนเิ ทศ รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 โรงเรยี นวัดเขานางเภา (49)

นิเทศการจัดการเรยี นการสอน ครกู ัญญาวีร์ ช่วงเสน ชัน้ อนบุ าล 2 รายงานผลการนเิ ทศภายใน(ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน) ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 โรงเรียนวดั เขานางเภา (50)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook