เทศกาลตรุษจีน
นางสาวณิชา ลุงติ๊ เลขที่ 11 ชั้น ปวส1 สาขาการจัดการทั่วไป อาจารย์ผู้สอน อรินทยา ใจเอ
ตรุษจีนเป็นงานเฉลิมฉลองที่ยาวที่สุด และสำคัญ ที่สุดในปฏิทินจีน แม้จะไม่สามารถหาต้นตอได้ว่ามี จุดเริ่มต้นในยุคสมัยไหน แต่ก็เชื่อกันว่ายึดถือ ประเพณีนี้กันมากว่า 4,000 ปีแล้ว เดิมนั้นยังไม่ได้ เรียกว่าเทศกาลตรุษจีน แต่มีชื่อเรียกต่างกันไป ตามยุคสมัย แต่ที่รู้จักกันมากที่สุดคือวันชุงเจ๋ จัด ขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ จัด กันนานถึง 15 วัน เนื่องจากแต่ก่อนนั้นช่วงเวลานี้ ของประเทศจีนจะปกคลุมไปด้วยหิมะ ไม่สามารถ ทำการเกษตรได้ เมื่อเข้าถึงฤดูใบไม้ผลิ จึงจะ สามารถเพาะปลูกได้ตามปกติ ชาวจีนจึงกำหนดให้ วันแรกของฤดูใบไม้ผลิตในแต่ละปีเป็นวันสำคัญ นั่นเอง
ตรุษจีนเป็นงานเฉลิมฉลองที่ยาวที่สุด และสำคัญ ที่สุดในปฏิทินจีน แม้จะไม่สามารถหาต้นตอได้ว่ามี จุดเริ่มต้นในยุคสมัยไหน แต่ก็เชื่อกันว่ายึดถือ ประเพณีนี้กันมากว่า 4,000 ปีแล้ว เดิมนั้นยังไม่ได้ เรียกว่าเทศกาลตรุษจีน แต่มีชื่อเรียกต่างกันไป ตามยุคสมัย แต่ที่รู้จักกันมากที่สุดคือวันชุงเจ๋ จัด ขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ จัด กันนานถึง 15 วัน เนื่องจากแต่ก่อนนั้นช่วงเวลานี้ ของประเทศจีนจะปกคลุมไปด้วยหิมะ ไม่สามารถ ทำการเกษตรได้ เมื่อเข้าถึงฤดูใบไม้ผลิ จึงจะ สามารถเพาะปลูกได้ตามปกติ ชาวจีนจึงกำหนดให้ วันแรกของฤดูใบไม้ผลิตในแต่ละปีเป็นวันสำคัญ นั่นเอง
ปัจจุบันเทศกาลตรุษจีนมีการจัดขึ้นแทบจะทั่วทุก มุมโลก ทั้งที่จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเก๊า มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย รวมถึงในชุมชนชาวจีน หรือ CHINA TOWN ตา โพ้นทะเลด้วย
อย่างที่เราทราบกันดี ว่าการจุดประทัดนั้นเป็นอีก หนึ่งธรรมเนียมปฏิบัติสำคัญของวันนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ จุดเฉยๆ ไปงั้น เพราะมันเป็นไปตามตำนานโบราณ เกี่ยวกับความเชื่อเรื่อง ปีศาจเหนียน ที่จะออก อาละวาดกินคนในช่วงฤดูใบไม้ผลินี่เอง
ปีศาจเหนียน เป็นสัตว์ป่าที่ดุร้าย อาศัยอยู่ในป่าทึบ ชอบออกอาละวาดกินคนเป็นประจำ พระเจ้าจึง ลงโทษมันโดยอนุญาตให้มันลงมาจากเขาได้เพียง หนึ่งครั้งใน 365 วัน ซึ่งวันที่มันจะลงจากเขามา คือ วันที่ฤดูหนาวหมดไป ผู้คนเริ่มออกมาเฉลิมฉลอง ใช่ แล้ว วันเฉลิมฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลินั่นเอง
แต่ด้วยความที่มันกลัวสีแดง เสียงดัง และไฟ ชาว บ้านจึงคิดหาวิธีรับมือมันได้ไม่ยาก ด้วยการนำ กระดาษสีแดงมาติดไว้บนประตูหน้าบ้าน แขวนโคม ไฟสีแดง พร้อมกับจุดประทัด และตีฆ้องรัวกลอง อย่างต่อเนื่อง เมื่อเหนียนมาถึงหมู่บ้าน เห็นทุกๆ ครัวเรือนมีแสงไฟสว่างไสว มีเสียงประทัดดังสนั่น จึงตกใจเผ่นหนีกลับเข้าป่าไป และไม่กล้าออกมา อาละวาด
กระทรวงวัฒนธรรม ได้เผยแพร่ เรื่องความเชื่อโชคลาง ในวันตรุษจีน ไม่พูดคำหยาบหรือพูดคำที่ไม่เป็นมงคล ความหมายเป็นนัย และคำว่า สี่ ซึ่งออกเสียงคล้าย ความตายก็จะต้องไม่พูดออกมา ต้องพูดถึงความตายหรือการใกล้ตาย รวมถึงเรื่องผีสาง เป็นเรื่องที่ต้องห้าม เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในปีเก่าๆ ก็ จะไม่เอามาพูดถึง ควรพูดแต่เรื่องอนาคต และทุกอย่างที่ดีกับปีใหม่และ การเริ่มต้นใหม่ หากร้องไห้ในวันปีใหม่ จะมีเรื่องเสียใจไปตลอดปี ดังนั้นแม้แต่เด็กดื้อที่ปฎิบัติ ตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะทน และไม่ตีสั่งสอน
การแต่งกายและความสะอาด ในวันตรุษจีนไม่ ควรสระผมเพราะนั้นจะหมายถึงเราชะล้าง ความโชคดีของเราออกไป เสื้อผ้าสีแดงเป็นสีที่นิยมสวมใส่ในช่วงเทศกาล นี้ สีแดงถือเป็นสีสว่าง สีแห่งความสุข จะนำ ความสว่างและเจิดจ้ามาให้แก่ผู้สวมใส่
เชื่อกันว่าอารมณ์และการปฏิบัติตนในวันปีใหม่ จะส่งให้มีผลดีหรือผลร้ายได้ตลอดทั้งปี เด็ก ๆ และคนโสด เพื่อรวมไปถึงญาติใกล้ชิดจะ ได้ อั่งเปา เป็นซองสีแดงใส่ด้วย ธนบัตรใหม่ เพื่อโชคดี คนที่เชื่อโชคลางมากๆ ก่อนออกจากบ้านเพื่อไป เยี่ยมเยียนเพื่อนหรือญาติ อาจมีการเชิญซินแส เพื่อหาฤกษ์ที่เหมาะสมในการออกจากบ้านและ ทางที่จะไปเพื่อ เป็นความเป็นสิริมงคล บุคคลแรกที่พบและคำพูดที่ได้ยินคำแรกของปี มีความหมายสำคัญมากถือว่าจะส่งให้มีผลได้ ตลอดทั้งปี การได้ยินนกร้องเพลงหรือเห็นนกสีแดงหรือนก นางแอ่น ถือเป็นโชคดี
การเข้าไปหาใครในห้องนอนในวันตรุษ ถือเป็น โชคร้ายดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนป่วยก็ต้องแต่งตัว ออกมานั่งในห้องรับแขก ไม่ควรใช้มีดหรือกรรไกรในวันตรุษเพราะเชื่อว่า จะเป็นการตัดโชคดี ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าชาวจีนทุกคนจะคงยังเชื่อตามความ เชื่อที่มีมาแต่ทุกคนก็ยังคงยึดถือ และปฎิบัติตาม เพราะสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนธรรมเนียม และ วัฒนธรรม
อั่งเปา สัญลักษณ์ที่ทุกคนทราบดีในวันตรุษจีนคือ อั่งเปาสี แดง โดยมีธรรมเนียมคือ ผู้ใหญ่ที่ผ่านการแต่งงานมา และทำงานมีรายได้แล้ว จะมอบซองสีแดง(ที่มีเงิน จำนวนหนึ่งข้างใน) ให้กับเด็กๆที่มีอายุต่ำกว่า หรือยังไม่ ได้ทำงาน พร้อมกล่าวสวัสดีปีใหม่ ซึ่งสีแดงของอั่งเปา นั้นมีความหมายถึงโชคดี และเงินที่ใส่ในซองอั่งเปานั้น มักจะมีจำนวนเป็นเลขนำโชคของจีนนั่นคือเลข 8
ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ นั้นผูกไว้กับทุกสิ่งทุก อย่าง ตั้งแต่ อาหาร ไปจนถึงเสื้อผ้า อาหารค่ำนั้น ประกอบด้วยอาหารทะเล และอาหารนึ่งเช่นขนมจีบ ซึ่งแต่ละอย่างจะมีความหมายต่างๆกัน อาหารอัน โอชะอย่างเช่นกุ้งจะหมายถึงชีวิตที่รุ่งเรืองและ ความสุข เป๋าฮื้อแห้งหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี สลัดปลาสดจะนำมาซึ่งโชคดี จี้ไช่ (ผมเทวดา) สา ร่ายดูคล้ายผมแต่กินได้จะนำความความร่ำรวยมา ให้ และขนมต้ม (JIAOZI) หมายถึงบรรพชนอวยพร
ในวันฉลองตรุษจีน อาหารจะถูกรับประทานมากกว่า วันอื่นๆในปี อาหารชนิดต่างๆที่ปฏิบัติกันจนเป็น ประเพณี จะถูกจัดเตรียมเพื่อญาติพี่น้องและเพื่อน ฝูง รวมไปถึงคนรู้จักที่ได้เสียไปแล้ว ในวันตรุษ ครอบครัวชาวจีนจะทานผักที่เรียกว่า ไช่ ถึงแม้ผัก ชนิดต่างๆที่นำมาปรุง จะเป็นเพียงรากหรือผักที่มี ลักษณะเป็นเส้นใยหลายคนก็เชื่อว่าผักต่างๆมีความ หมายที่เป็น มงคลในตัวของมัน
เม็ดบัว - มีความหมายถึง การมีลูกหลานที่เป็นชาย เกาลัด - มีความหมายถึง เงิน สาหร่ายดำ - คำของมันออกเสียงคล้าย ความ ร่ำรวย เต้าหู้หมักที่ทำจากถั่วแห้ง - คำของมันออกเสียง คล้าย เต็มไปด้วยความร่ำรวย และ ความสุข หน่อไม้ - คำของมันออกเสียงคล้าย คำอวยพรให้ ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุข เต้าหู้ที่ทำจากถั่วสด นั้นจะไม่นำมารวมกับอาหารในวันนี้ เนื่ องจากสีขาว ซึ่งเป็นสีแห่งโชคร้าย สำหรับปีใหม่และหมายถึง การไว้ทุกข์
ปลาทั้งตัว - เป็นตัวแทนแห่งการอยู่ร่วมกันและ ความอุดม-สมบรูณ์ ไก่ - สำหรับความเจริญก้าวหน้า ซึ่งไก่นั้นจะต้อง ยังมีหัว หางและเท้าอยู่ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็น ถึงความสมบูรณ์ เส้นหมี่ - ไม่ควรตัดเนื่องจากหมายถึงชีวิตที่ ยืนยาว อาหารจำนวน มากที่ถูกตระเตรียมในเทศกาลนี้มี ความหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์และความร่ำรวย ของบ้าน
การใส่เสื้อผ้าสีแดงถือเป็นสีที่เป็นมงคล เป็นการไล่ปีศาจร้ายให้ออกไป และการใส่สีดำหรือ ขาวเป็นสิ่งต้องห้าม ซึ่งสีเหล่านี้ถือว่าเป็นสีแห่งการ ไว้ทุกข์ หลังจากอาหารค่ำทุกคนในครอบครัวนั่งกัน จนเช้าเพื่อรอวันใหม่โดยการเล่นเกม เล่นไพ่ หรือดู รายการทีวีที่เกี่ยวกับวันตรุษจีน และในวันนี้จะต้อง ไม่โกรธ ริษยา หรือ ไม่พอใจ เพื่อเป็นสิริมงคลที่ดี สำหรับปีที่กำลังจะมาถึง
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: