การผลติ พันธ์ไุ มโ้ ดยใชว้ ธิ ีการตา่ ง ๆ
การขยายพันธ์พุ ืชแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ดงั นี้ 1. การขยายพันธุพ์ ชื แบบอาศยั เพศ ได้แก่ การเพาะเมล็ด เป็นการขยายพนั ธ์ุโดยใช้ส่วนของเมล็ดที่เกิด จากการผสมเกสรระหว่างเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมยี 2. การขยายพันธุแ์ บบไมอ่ าศัยเพศ เป็นการขยายพนั ธพ์ุ ชื ด้วยการใชส้ ว่ นต่างๆ ของพืช ได้แก่ ราก ลาต้น ใบ โดย ส่วนต่างๆ ของพืชเหล่าทีส่ ามารถเกิดราก และเจรญิ เตบิ โตเปน็ ต้นพืชได้ การขยายพันธุแบบไมอ่ าศัยเพศ เช่น
การเพาะเมลด็ เปน็ การขยายพันธ์โุ ดยใช้ส่วนของเมล็ดท่ีเกดิ จากการผสมเกสร ระหวา่ งเกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมยี โดยนามาเพาะในวัสดุเพาะ เช่น ทรายหยาบ แกลบดา ปุ๋ยคอก และดิน ตามอตั ราส่วนท่ีเหมาะสม การงอกของเมล็ด
คณุ ภาพของเมลด็ พนั ธ์ุ (Seed Quality) ทีด่ ตี อ้ งมคี ณุ สมบตั ิ ดงั น้ี 1. ตรงตามพันธ์ุ (True to Type) เปน็ เมลด็ ท่ไี ดผ้ ่านการรับรองวา่ ถูกตอ้ งตามพนั ธุ์ โดยไมม่ เี มล็ดพันธอุ์ ่ืน ๆ ปะปน 2. ปราศจากส่ิงเจือปน (Purity) มีความบริสุทธ์ิ ปราศจากส่ิงเจือปน เช่น ฝุ่น เมล็ดพืช และเศษวัสดุอ่ืน ๆ รวมท้ัง ปราศจากโรคและแมลงและสว่ นขยายพันธุ์ของศตั รพู ชื 3. มีความงอกสูง (High Germination) เมล็ดมีเปอร์เซ็นต์การงอกสูงตามมาตรฐานท่ีกาหนดซึ่งมีความแตกต่างกัน ตามแต่ชนิดของพชื เชน่ ตงั้ แต่ 40–98 เปอร์เซน็ ต์ วิธีการเพาะเมล็ด สามารถทาไดห้ ลายวิธีคือ 1. การเพาะเมล็ดในแปลง สามารถปฏิบตั ิได้ 3 วธิ ี คือ (1) การเพาะเมล็ดเป็นหลมุ (2) การเพาะเมล็ดเปน็ แถว (3) การเพาะเมล็ดโดยวธิ กี ารหวา่ น 2. การเพาะเมล็ดในวสั ดุเพาะ เป็นวธิ ีท่ีนิยมใชก้ ับเมลด็ พืชที่มีราคาแพง หายาก ตอ้ งการการดแู ลอย่างใกลช้ ิดในระยะตน้ กล้า
การปักชา คือ การตดั ส่วนใดสว่ นหนง่ึ ของพืช เชน่ ใบ กิง่ ลาต้น ราก ออกจากต้นเดมิ ไปเก็บไว้ในทีท่ ี่มี สภาพแวดลอ้ มที่เหมาะสม ทาใหส้ ่วนต่าง ๆ ดังกล่าวของพชื งอกราก และแตกยอด เจริญเตบิ โตเปน็ พชื ตน้ ใหมต่ ่อไปได้
ตัวอย่างวธิ กี ารปกั ชาแบบควบแนน่ วสั ดุอุปกรณ์ 1. ขวดน้าพลาสตกิ / แก้วน้าพลาสติกเหลือใช้ (ไม่ต้องเจาะร)ู 2. กรรไกรคม 3. หนงั ยางหรือเทปกาว 4. ถงุ พลาสตกิ ไว้ครอบ 5. ดิน 6. กิง่ พนั ธุ์ 1. เลอื กก่ิงพนั ธุ์ทีเ่ ราต้องการ เช่น มะนาว เลม่อน สม้ จ้ดี กุหลาบ มะเขอื มะม่วง และ อ่นื ๆ เลอื กก่งิ ที่มลี กั ษณะไมอ่ อ่ น หรอื แกจ่ นเกนิ ไป ใชก้ รรไกรคม ตดั ปลายแนวเฉยี งใหก้ ิ่งมขี นาด 12-18 ซม. ริดใบออก ให้เหลอื เอาไว้ 2-3 ใบ แลว้ ตดั ใบออกครึง่ ใบ เพื่อลดการคายน้า เอาตาบนกงิ่ และหนามออก
2. ปักก่ิงรอไวใ้ นนา้ ท่ีผสมนา้ ยาเร่งรากทนั ที ทง้ิ ไว้ 30 นาทีข้ึนไป (หากไมม่ สี ามารถละลายกะปิเลก็ นอ้ ยลงไปแทนได้) 3. เตรยี มดิน ผสมน้าและคลกุ เคล้า ใหม้ คี วามชนื้ ประมาณ 60% เม่ือจบั ดูดินจะมลี กั ษณะรว่ น ชืน้ แตไ่ มแ่ ฉะ เมอ่ื บบี ดนิ จะสามารถจบั ตัวเป็นก้อนได้ เหตทุ ไี่ ม่ใช้ดินท่ีแฉะเปน็ เพราะ หากดินมีความชื้น มากเกินไป ระหวา่ งการรอใหร้ ากงอกจะเกดิ เช้อื รากอ่ นได้ และหา้ มผสมปยุ๋ อะไรลงไปในดนิ ในขัน้ ตอนนี้ เพราะเหมือนเอาอาหารผใู้ หญ่ให้ ทารกกนิ จะเกิดโทษมากกวา่ ประโยชน์ สามารถใช้ดนิ ถุงเปลา่ ๆ ได้เลย
4. ตัดขวดออกครึง่ หนึง่ ใสด่ ินลงไปในท่อนลา่ งของขวด หรือแก้วน้า คอ่ ย ๆ กดใหด้ นิ แน่นขนึ้ ให้พอท่ีดินจะนาบกบั ก่ิงท่ีเราจะปักชา แตไ่ มต่ อ้ งอดั จนแนน่ ขนาดที่รากจะเดนิ ไม่ได้เลย 5. ใชไ้ มน้ าร่อง แล้วปกั กิง่ ชาลงไป กดดินใหแ้ นบกับก่ิงทเ่ี ราปัก หากไม่ใช้ไมน้ ารอ่ งก่อน ปลายกิง่ จะชา้ เสียหาย อาจทาให้รากไม่งอกได้
6. นาส่วนดา้ นบนของขวด หรือใชถ้ ุงพลาสตกิ มาครอบดา้ นบน 7. ใช้หนังยาง หรอื เทปกาวพนั ปดิ ไมใ่ หอ้ ากาศเขา้ ได้ 8. ตง้ั ท้ิงไว้ในท่ีร่ม หรอื แดดราไร มาตรวจสอบเมือ่ ผ่านไป 20 วนั (บางชนิด เชน่ โรสแมร่ี 2 อาทิตย์กจ็ ะออกรากแล้ว) ****หลกั การของการปกั ชาแบบควบแนน่ คือ พชื ต้องการความชนื้ ทีเ่ หมาะสมเพอื่ ช่วยให้กิ่งออกราก รวมถงึ ต้องใช้ ก่ิงที่มใี บตดิ เพราะใบกม็ ีสว่ นสาคญั ในการทาให้เกิดราก แต่แนน่ อนวา่ เม่ือมีใบกจ็ ะเกิดการคายน้า และปญั หาคือ กิ่งมกั จะสูญเสียน้ามากจนตายก่อนทจ่ี ะสร้างรากขน้ึ มาดดู น้าทดแทนได้ เราจึงไดท้ าการตัดใบออกคร่ึงหน่ึง รวมถึง รดิ ใหเ้ หลือใบอยูไ่ มม่ ากนกั และครอบถงุ เอาไว้ และการทต่ี ้องตั้งเก็บไวไ้ มใ่ ห้โดนแดด เพราะหากอุณหภมู ิสูงเกินไป จะทาให้ตาเจริญขึน้ กอ่ นจะมรี าก ยง่ิ ทาใหก้ ง่ิ สูญเสยี นา้ มากน่ันเอง****
การตดั ชาใบ การตัดชาใบท่ีมีตาติดอยู่เป็นวิธีการท่ีเปล่ียนมาจากการตัดชาใบ คือนอกจากมีใบพร้อมด้วยก้านใบ แล้วต้องมสี ว่ นของต้นและตาที่โคนกา้ นใบติดไปดว้ ย ตัวอยา่ งการตัดชาแผ่นใบ
การตอนกิ่ง คอื การทาให้กิง่ พืชออกรากในขณะอยูต่ ิดกบั ตน้ แม่ เมื่อก่งิ ตอนนัน้ ออก รากดีแล้ว จึงตดั ไปปลกู ต่อไป การตอนก่งิ เป็นการตัดทอ่ ลาเลยี งอาหารของพืชส่วนท่อ นา้ ยงั มอี ยตู่ ามปกติ จึงทาใหก้ ่งิ ท่ีทาการตอนไดร้ บั น้าอยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตนุ ้ีจงึ ทาให้ ก่งิ ตอนสดอยูเ่ สมอจนกวา่ จะออกราก
ตัวอยา่ งวธิ กี ารตอนกงิ่ วสั ดุอุปกรณ์ 1. มดี ตอนกิ่ง 2. เชอื ก 3. ตมุ้ ตอนกิ่ง (ขยุ มะพร้าวหรอื ดิน) 4. ถงุ พลาสติก 5. ดิน 6. ฮอรโ์ มนเรง่ ราก 7. ตน้ พันธ์ดุ ี
การตดิ ตา คือ การเชอ่ื มประสานส่วนของต้นพชื เข้าดว้ ยกัน เพอ่ื ใหเ้ จริญเป็นพืชต้น เดยี วกนั โดยการนา แผ่นตาจากกิ่งพันธ์ุดี ไปติดบนต้นตอการตดิ ตา เปน็ การขยายพันธใ์ุ หไ้ ด้พืชพนั ธ์ทุ ี่ดี วธิ ีนีจ้ ะใช้ตน้ ไม้ 2 ต้น ตน้ หนงึ่ เปน็ ต้นตอของพันธพุ์ ื้นเมือง อกี ต้นหนงึ่ เปน็ ตน้ ตอของพนั ธุ์พ้ืนเมือง อีกต้นหนงึ่ เปน็ ตน้ พันธ์ดุ ี จากน้ันเฉอื นตาของตน้ พนั ธ์ุดมี าตดิ บนต้นตอ พันธ์ุเมอื งโดยใช้มีดคม ๆ กรดี ต้นตอใหเ้ ป็นรปู ตวั ท(ี T) ใช้ ปลายมีดเปดิ เปลือกไมเ้ ฉอื นตา จาก กงิ่ พันธุ์ดีนามาเสียบเข้าไปในกรดี พันด้วยพลาสติกใหแ้ นน่ โดยเปดิ ส่วนของตาไว้ เมื่อตาตดิ กบั ต้นพันธ์พุ ืน้ เมอื ง แล้วจะแลว้ จะแตกกง่ิ ก้านออกมา จงึ ตัดยอดของต้นตอทิ้ง พืชที่นิยมติดตามกั เป็นไม้เน้อื อ่อนจาพวกใบเลีย้ งคู่ เช่น กุหลาบ ชบา โกสน เล็บครฑุ
ตวั อยา่ งวิธกี ารติดตา วสั ดุอปุ กรณ์ 1. มดี 2. เทปพันกง่ิ 3. ตน้ พนั ธด์ุ ี 4. ตาพันธุด์ ี
การแยกหน่อ คอื การขยายพันธุ์ สาหรบั พชื ที่มหี นอ่ หรอื มีลาตน้ อยใู่ ตด้ ิน โดยทวั่ ไป นยิ มแยกหน่อทม่ี ขี นาดเล็ก ที่เกิดอยู่รอบ ๆ ตน้ แม่ การแยกหนอ่ เป็นการขยายพันธุท์ ี่ ไมย่ าก แตจ่ ะตอ้ งอาศยั ความระมัดระวังในการขดุ หรอื ตัดแยก คืออย่าให้หน่อท่ีแยก ออกมาน้นั หกั หรอื ช้าเป็นอันขาด และตอ้ งให้มรี ากตดิ มาดว้ ยเสมอ พืชท่ีนยิ มขยายพนั ธ์ุ โดยวธิ ีนี้ ไดแ้ ก่ พชื ตระกูลหมาก ตระกูลปาล์มและตระกูลกลว้ ย เป็นต้น
การคดั เลือกพนั ธุ์ การเลือกหวั และหน่อเพ่อื ใชเ้ ปน็ ต้นพันธุ์ ควรปฏิบตั ดิ งั นี้ 1. เลอื กหัวและหน่อจากตน้ พนั ธุด์ ี มีลกั ษณะตรงตามพนั ธ์ุ 2. เลอื กหวั และหนอ่ ท่สี มบูรณแ์ ขง็ แรง 3. มีขนาดเหมาะสมในการขยายพนั ธุ์ ขนาดไม่เล็ก ไมโ่ ตจนเกนิ ไป แตกใบอ่อนประมาณ 2-3 ใบ เลอื กหัวและหน่อท่ีปราศจากโรค และแมลงรบกวน วธิ กี ารแยกหนอ่ 1. เมือ่ เลือกหัวและหน่อได้ตามต้องการแลว้ ใชเ้ สยี มหรอื ชอ้ นปลกู ขุดคยุ้ ใหเ้ หน็ ส่วนของหัวและหนอ่ ท่แี ยกออกมาจากตน้ เดิม 2. ใช้มดี คมๆเฉอื นส่วนของหวั และหนอ่ ที่ตดิ กับต้นเดิมใหข้ าดออกจากกนั 3. ใช้เสยี มหรือชอ้ นปลกู ขุดหวั และหนอ่ ทเ่ี ฉอื นขาดจากตน้ แมแ่ ล้วข้ึนมา 4. ถา้ หัวและหนอ่ มีใบติดมาก ควรตดั ใบทง้ิ บ้างเพ่อื ป้องกันการคายนา้ 5. ตัดรากท่ีตดิ มากับหัวและหน่อ 6. นาไปปลกู ในภาชนะหรอื แปลงท่ีเตรียมไว้
การทาบก่งิ คอื การนาพืชสองตน้ มาทาการต่อเช่อื มให้เปน็ ตน้ เดยี วกนั โดยมเี ซลล์ เนือ้ เยอ่ื เปน็ ตวั เชอ่ื มตดิ กนั การทาบกงิ่ ประกอบสว่ นท่เี ปน็ ต้นตอ (Stock) ทาหนา้ ท่ีเปน็ ระบบรากของตน้ พืชใหม่ และส่วนของกงิ่ พันธ์ดุ ี (Scion) อยเู่ หนือรอยตอ่ ทาหน้าท่ี เปน็ สว่ นยอดหรอื กง่ิ กา้ นลาต้นของพืชตน้ ใหม่
ตัวอยา่ งวิธีการทาบก่ิง วัสดุอุปกรณ์ 1. มีด 2.กิ่งกิง่ พันธด์ุ ี 3. ตน้ พันธุด์ ี 4. เทปพนั ก่ิง วิธีการทาบกง่ิ 1. เฉอื นตน้ ตอให้เป็นรอยแผลรูปโล่ 2. เฉือนก่ิงพันธุ์ดีให้เปน็ รอยแผล 3. เหมือนกบั ตน้ ตอ 4. นาตน้ ตอและกิง่ พนั ธ์ุดีประกบกัน 5. โดยให้รอยแผลประกบกนั สนิท 6. ใช้พลาสตกื พันรอบรอยแผลใหแ้ น่น ประมาณ 6 - 7 สปั ดาห์ แผลจะ ตดิ กันดี รากตุม้ ตน้ ตอจะงอกแทงผ่านวสั ดุ และเริ่มมสี ีน้าตาล ปลาย รากมสี ีขาว และมีจานวนมากพอ จงึ จะตดั ได้
การเสียบยอด คือ การนายอดของพันธ์ุดีมาเสียบกับต้นตอท่ีมคี วามแข็งแรง เปน็ การเปลยี่ นยอดของพันธุ์ เดิมให้เปน็ พนั ธใ์ุ หมต่ ามยอดท่ีนามาเสียบ โดยยอดทีน่ ามาเสียบจะไม่กลายพันธุ์ไปจากตน้ แม่ วิธีน้เี ป็นวธิ ี ทคี่ ่อนขา้ งยุง่ ยากแต่ไดผ้ ลเรว็ การนากิ่งพันธ์ุดมี าตอ่ บนตน้ ตอ มักใช้สาหรับการเปลีย่ นพนั ธพ์ุ ชื มากกว่าการ ขยายพนั ธุ์ นยิ มใชแ้ พรห่ ลายและได้ผลดกี ับท้ังไมผ้ ลและไม้ประดบั เช่น มะมว่ ง ขนนุ เฟอื่ งฟ้า ชบา โกศล เปน็ ตน้ ปัจจัยสาคญั ท่สี ุดในการต่อกงิ่ คือ ตน้ ตอและตน้ พนั ธ์ดุ ีเม่ือตอ่ แลว้ เน้ือเยอื่ เจริญของต้นตอและกิง่ พันธุ์ดี ตอ้ งเชื่อมตอ่ กนั ได้ สามารถเจรญิ เติบโต ออกดอก และติดผลได้
ตัวอย่างวธิ กี ารเสียบยอด/ต่อก่งิ วสั ดอุ ปุ กรณ์ 1. มีด 2.กิ่งก่งิ พันธด์ุ ี 3. ต้นพันธ์ุดี 4. เทปพันก่งิ วธิ ีการเสียบยอด 1. ตดั ยอดตน้ ตอใหส้ งู จากพน้ื ดิน ประมาณ 10 เซนตเิ มตร แล้วผ่ากลางลาต้นของ ตน้ ตอให้ ลกึ ประมาณ 3 - 4 เซนติเมตร 2. เฉอื นยอดพันธ์ุดเี ป็นรปู ลิม่ ยาวประมาณ 3 - 4 เซนติเมตร และเสียบยอดพนั ธุด์ ลี งในแผล ของตน้ ตอ ให้รอยแผลตรงกนั 4. ใช้เทปพนั ก่งิ พนั ปอ้ งกนั รอยตอ่ ใหแ้ นน่ 5. คลมุ ตน้ ทเี่ สียบยอดแลว้ ดว้ ยถงุ พลาสติก หรือนาไปเกบ็ ไวใ้ นโรงอบพลาสติก ประมาณ 5 - 7 สัปดาห์ รอยแผลจะประสานกันดี และนาออกมาพกั ไว้ในโรง เรือนเพอื่ รอการปลกู ตอ่ ไป
วธิ กี ารตอ่ กิ่งแบบฝานบวบ
การเพาะเลย้ี งเนือ้ เยื่อ เป็นวธิ ีการขยายพนั ธ์ุพชื วธิ หี นง่ึ แตม่ กี ารปฏิบตั ิภายใต้สภาพทีค่ วบคุม เร่ือง ความ สะอาดแบบปลอดเชื้อ อุณหภมู ิ และแสง ดว้ ยการนาชน้ิ สว่ นของพืชทยี่ งั มีชีวติ เช่น ลาต้น ยอด ตาข้าง ก้านช่อดอก ใบ กา้ นใบ อับละอองเกสร เป็นตน้ มาเพาะเลย้ี งบนอาหารสังเคราะห์ และชิน้ สว่ นน้นั
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: