Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ร่างแผนการศึกษาแห่งชาติ 2560

ร่างแผนการศึกษาแห่งชาติ 2560

Description: ร่างแผนการศึกษาแห่งชาติ 2560

Search

Read the Text Version

ตัวช้วี ดั เปา้ หมาย หน่วยงานรบั ผดิ ชอบ ๖๐ - ๖๔ ๖๕ - ๖๙ ๗๐ - ๗๔ หลัก/รอง ละกลไกการระดมทนุ n n - สกศ. กค. สงป. มท. ทนุ และการบริหารจัดการ การเงินเพือ่ การศึกษา งานสว่ นกลาง งสว่ นท้องถน่ิ นของสังคม บญั ชีสถานศกึ ษาตามเกณฑ ์ n - - รรายงานด้านการเงนิ สพฐ. สอศ. สกอ. า กษาที่มีระบบบญั ช ี - n n าง สถานศึกษาท่มี ีระบบบัญชี n n n างท่สี ามารถรายงานผล ถูกต้อง สพฐ. สอศ. สกอ. าจตัดสนิ ใจเหน็ ชอบ n - - นวคดิ n - - หมาย ผา่ นกระบวนการ ประกาศใช้ ๑๕ สกศ. รศึกษา ๒) ออกแบบและพัฒนาเครอื่ งมอื ทางการเงนิ ผา่ นด้านอปุ สงคแ์ ละอปุ ทาน เพื่อกำกบั การดำเนนิ งานของสถานศึกษา ระเมินประสทิ ธภิ าพการใช้ทรัพยากรและการเงินเพอ่ื การศึกษา ๔) ออกแบบระบบ กลไกการเปลยี่ นผา่ นระบบการสนองทนุ ได้อยา่ งราบรื่น

ยุทธศาสตร์/มาตรการ ๗) ยทุ ธศาสตร์การพัฒนาหลักสตู ร กระบวนการจดั การเรียนการสอน การวดั และประเมินผลผูเ้ รยี น ๗.๑) ปรบั หลกั สตู ร กระบวนการจดั การเรยี นการสอน ใหม้ คี วามยดื หยนุ่ หลากหลาย ● กา สนองตอบความตอ้ งการของผเู้ รียน ทั้งผ้ทู อ่ี ยู่ในวัยเรยี น และผทู้ ่ีอยู่ในกำลงั แรงงาน ในการจัด ๗.๒) กำหนดมาตรฐานหลกั สตู รตามระดบั ช่วงชัน้ และมาตรฐานสมรรถนะ ● ดำ วิชาชพี ๑๖ เพ่ือการจัดกระบวนการเรยี นการสอนของสถานศกึ ษา และการฝกึ ปฏิบัติ เฉพาะด้า ในสถานประกอบการ ● จำ ๗.๓) พฒั นาระบบการวัดและประเมินผลลัพธก์ ารเรียนรู้ (Learning Outcome) การสอน ของผู้เรียน ทงั้ ท่ไี ด้จากการเรยี นร้ผู า่ นการศกึ ษาในระบบ การศึกษานอกระบบ มาตรฐาน และการศกึ ษาตามอธั ยาศัย รวมทั้งประสบการณจ์ ากการปฏิบัติ เพื่อยกระดบั คณุ วฒุ ิ ● จำ ของผเู้ รียน โดยอาศัยระบบและกลไกการสะสมหนว่ ยการเรียนและการเทยี บโอน การฝกึ ปร ผลการเรยี นรู้ ตามมาตรฐานหลักสูตรและมาตรฐานสมรรถนะวิชาชีพ ภายใต้ หลกั สตู ร/ กรอบคณุ วุฒแิ หง่ ชาติ ● จำ ความตอ้ ง และพัฒน ๗.๔) การออกแบบและพฒั นาระบบและกลไกการทดสอบวดั และประเมินผลลัพธ์ ● มีร การเรียนรู้ของผ้เู รยี น (Learning Outcome) ทสี่ อดคล้องกบั มาตรฐานหลักสูตร และประเ และการจัดการเรียนการสอน ทั้งการศึกษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบ การสะสม และการศกึ ษาตามอัธยาศยั รวมทง้ั การเรยี นรู้จากประสบการณก์ ารทำงาน ความยดื ห ความต้อง ๑๖ ท่ีสอดคลอ้ งกบั ความต้องการของสถานศึกษา สถานประกอบการ และสมาคมวชิ าชีพ ทีเ่ ป็นมาตรฐานกลาง/มาตรฐานขน้ั

(ร่าง) กรอบทศิ ทางแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ 39 ตัวชีว้ ดั เป้าหมาย หนว่ ยงานรับผดิ ชอบ ๖๐ - ๖๔ ๖๕ - ๖๙ ๗๐ - ๗๔ หลัก/รอง ารศกึ ษา วิเคราะห์ ความเป็นไปได ้ n - ดตัง้ หนว่ ยงานเฉพาะ - หนว่ ยงานทท่ี ำหนา้ ทกี่ ำกบั ำเนินการจัดตั้งหน่วยงาน n - คณุ ภาพและมาตรฐานหลกั สตู ร านฯ - การจดั การเรยี นการสอน ำนวนสถานศกึ ษาท่ีจดั การเรยี น n n และการวดั และประเมนิ ผล ตามมาตรฐานหลกั สตู ร/ n สถานศกึ ษา สมาคมวชิ าชพี นสมรรถนะวิชาชีพ สถานประกอบการ ำนวนสถานประกอบการทจ่ี ดั n n กระทรวงแรงงาน ระสบการณ์ตามมาตรฐาน n สภาอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย /มาตรฐานสมรรถนะวชิ าชพี สภาหอการคา้ แหง่ ประเทศไทย ำนวนผสู้ ำเรจ็ การศกึ ษาทตี่ อบสนอง n n งการของตลาดแรงงาน n นาประเทศ ระบบและกลไกการทดสอบวดั n - เมินผลการเรยี นรขู้ องผูเ้ รียน - หนว่ ยงานทที่ ำหนา้ ทกี่ ำกบั ม และการเทียบโอนทีม่ ี คณุ ภาพและมาตรฐานหลกั สตู ร หย่นุ หลากหลาย และสนองตอบ การจดั การเรยี นการสอน งการของผเู้ รียน และการวดั และประเมนิ ผล นต่ำ ซึ่งสะท้อนทกั ษะ ความรู้ความสามารถ คณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ และสมรรถนะในการปฏิบัตงิ าน ตามกรอบคณุ วุฒิแห่งชาต ิ

40 (ร่าง) กรอบทศิ ทางแผนการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ ยทุ ธศาสตร์/มาตรการ ๗.๕) การออกแบบและพัฒนาระบบการเทียบโอนผลการเรียนรรู้ ะหว่างการศึกษา ● มีระบบค ในระบบ การศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศยั ทัง้ ภายในสถานศึกษาและ มาตรฐานหลกั ส ระหวา่ งสถานศกึ ษา ที่มคี วามยืดหยุ่น หลากหลาย และสนองตอบความตอ้ งการ ● จำนวนผ ของผู้เรียน วดั และประเมิน ๗.๖) การพฒั นาระบบคลังขอ้ สอบเพือ่ การทดสอบวดั ผลการเรียนรดู้ า้ นทักษะ ดา้ นทักษะ ควา ความร้คู วามสามารถ ของผูเ้ รยี น มาตรฐานหลักส ๗.๗) การพฒั นาระบบข้อมูลมาตรฐานหลกั สูตร มาตรฐานสมรรถนะวชิ าชีพ ● จำนวนผ เพื่อการทดสอบ วัดและประเมนิ ผลลัพธ์การเรียนรู้ (learning Outcome) วัดและประเมิน ของผู้เรียน ทีส่ ะทอ้ นทกั ษะ ความรู้ ความสามารถ และสมรรถนะตามมาตรฐาน ด้านทักษะ ควา หลักสตู ร มาตรฐานสมรรถนะวชิ าชีพ และสมรรถนะต ๗.๘) พฒั นาสื่อการจัดการเรยี นการสอนทม่ี คี วามหลากหลาย และสามารถ ● การกำห เขา้ ถึงไดโ้ ดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ โดยเฉพาะสอื่ มลั ติมีเดียผ่านระบบ หลกั เกณฑ์ คณุ เทคโนโลยสี ารสนเทศ นอกเหนอื จากสอ่ื สิ่งพิมพท์ ี่อยู่ในรูปของหนังสือ ตำรา การสร้างการมีส ในการผลิตส่อื ก ๗.๙) ส่งเสรมิ สนบั สนุนภาคเอกชนเข้ามามีส่วนรว่ มในการผลิตสอื่ ● การจัดต การเรยี นการสอน โดยเฉพาะสือ่ การเรียนการสอนผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สื่อการเรยี นการ ทีส่ อดคล้องกับโลกศตวรรษที่ ๒๑ ผ่านมาตรการทางภาษ ี สารสนเทศ (รปู ภาคเอกชนเป็น ● จำนวนส คุณภาพมาตรฐ

ตัวชว้ี ัด เปา้ หมาย หนว่ ยงานรบั ผิดชอบ ๖๐ - ๖๔ ๖๕ - ๖๙ ๗๐ - ๗๔ หลกั /รอง คลังขอ้ สอบ และข้อมลู n - - หนว่ ยงานทท่ี ำหนา้ ทก่ี ำกบั สูตรและตวั ช้วี ัด คณุ ภาพและมาตรฐานหลกั สตู ร ผู้เรียนท่ผี ่านการทดสอบ n n n การจดั การเรยี นการสอน นผลลัพธ์การเรียนรู้ และการวดั และประเมนิ ผล ามรคู้ วามสามารถตาม สูตร ผเู้ รยี นทผ่ี า่ นการทดสอบ n n n นผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ามรู้ความสามารถ ตามาตรฐานวชิ าชีพ หนดรปู แบบ/แนวทาง n - - กองทุนฯ และสถาบัน ณสมบัตแิ ละเงือ่ นไข เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา สว่ นร่วมระหวา่ งรัฐ/เอกชน การเรยี นการสอน ตั้งหนว่ ยงานผลติ และพฒั นา n - - กองทุนฯ และสถาบัน รสอนผา่ นระบบเทคโนโลยี เทคโนโลยีเพ่ือการศกึ ษา ปแบบ PPP) โดยมี นตวั ขับเคลอื่ น ส่อื การเรียนการสอนทีม่ ี n n n ฐาน

ยุทธศาสตร/์ มาตรการ ๗.๑๐) ส่งเสริม สนับสนนุ การผลติ และเผยแพรส่ ือ่ การเรียนการสอน ● สา ผ่านระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ โดยใหม้ ีการจดั ตั้งสถานีโทรทศั นเ์ พือ่ การศกึ ษา เทคโนโล เป็นการเฉพาะ โดยมีกองทนุ พฒั นาเทคโนโลยีเพอื่ การศกึ ษาเป็นหน่วยงานสนบั สนุน ระดมทุน เพื่อการศ ● จำ จำแนกตา ที่เผยแพร ● จำ การเรยี น สารสนเท ๗.๑๑) พัฒนาครูประจำการใหม้ ที กั ษะ ความรู้ความสามารถ และสมรรถนะ ● มา ตามมาตรฐานวิชาชีพ ดา้ นการพัฒนาหลกั สตู ร การจัดการเรียนการสอน การจดั กา และการวัดประเมนิ ผลลัพธ์การเรียนรู้ (Learning Outcome) ของผู้เรียน ดว้ ยระบบ การวัดแล การจดั การเรียนการสอนแบบ STEM Education/Project Based Learning/ และเชือ่ ม Problem Based Learning/Work Integrated Learning (WIL) หรือทวภิ าคี การเรยี น (Dual System) เพื่อใหผ้ ูเ้ รยี นมีทกั ษะ ความรู้ความสามารถและสมรรถนะ ด้านการคิดวิเคราะห๑์ ๗ ตามมาตรฐานหลักสตู ร มาตรฐานการจัดการเรยี นการสอน มาตรฐานวชิ าชพี ตามหลักการของกรอบคุณวุฒิแหง่ ชาติ ๘) ยทุ ธศาสตรก์ ารผลติ และพฒั นากำลงั คนเพือ่ สนองตอบตลาดแรงงานและ การพัฒนาประเทศ (สถาบันอาชีวศึกษา/สถาบันอุดมศกึ ษา) ๘.๑) สถาบนั การศกึ ษา สถานประกอบการ สมาคมวชิ าชีพ รว่ มกนั ● แผ - กำหนดความต้องการกำลังคน จำแนกตามกลุ่มอาชีพ/สาขาวชิ า ระยะ ๕ ที่สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของตลาดแรงงานและการพัฒนาประเทศ รวมท้งั กับความต แผนการลดการผลิตกำลงั คนในกลมุ่ สาขาวชิ าทเี่ กนิ ความต้องการ ระยะ ๕ – ๑๐ ปี การพฒั น ● มา กบั กรอบ คณะ/สาข ๑๗ ประกอบดว้ ย การคดิ เชงิ คณติ ศาสตรแ์ ละวทิ ยาศาสตร์ (Mathematic/Scientific Thinking) การคดิ เชงิ ระบบ (System

(รา่ ง) กรอบทศิ ทางแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ 41 ตวั ชี้วัด เปา้ หมาย หนว่ ยงานรบั ผดิ ชอบ ๖๐ - ๖๔ ๖๕ - ๖๙ ๗๐ - ๗๔ หลัก/รอง ามารถจัดตั้งกองทุนพฒั นา n - - กองทุนฯ และสถาบนั ลยเี พ่ือการศกึ ษา เพือ่ เป็นแหลง่ เทคโนโลยเี พอ่ื การศึกษา น และจัดสรรทนุ พัฒนาเทคโนโลยี ศกึ ษา ำนวนรายการ/ประเภทสอ่ื n n n ามระดับชน้ั หลกั สูตร/วชิ า รผ่ า่ นระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ ำนวนผู้ทใี่ ช้ประโยชน์จากสอ่ื n n n นการสอนผา่ นระบบเทคโนโลยี ทศ าตรฐานหลกั สูตร มาตรฐาน n n - ารเรียนการสอน มาตรฐาน สป. ศธ. สพฐ. สอศ. สกอ. ละประเมนิ ผล ที่บรู ณาการ สทศ. สกศ. มโยง และสามารถวัดผลลัพธ ์ นรู้ของผเู้ รยี น ตามระดับการศึกษา ผนการผลิตและพฒั นากำลงั คน n n - n ปี (แผนเพ่ิม/ลด) ทสี่ อดคลอ้ ง ต้องการของตลาดแรงงานและ นาประเทศ าตรฐานหลกั สูตรท่ีสอดคล้อง n - สศช. สอศ. สกอ. บคณุ วุฒิแหง่ ชาติ จำแนกตาม สถาบนั การศึกษา ขาวชิ าและสถาบนั สถานประกอบการ สมาคมวชิ าชพี สภาอุตสาหกรรมฯ สภาหอการค้าฯ matic Thinking) การคดิ วเิ คราะห์ (Critical Thinking) และการคดิ รวบยอด (Conceptual Thinking)

42 (รา่ ง) กรอบทศิ ทางแผนการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ ยุทธศาสตร/์ มาตรการ - กำหนดมาตรฐานสมรรถนะ การพัฒนาหลกั สตู ร การจัดการเรียนการสอน ● ระบบกา จำแนกตามวิชาชีพ๑๘ ตามกรอบคณุ วุฒแิ ห่งชาติ การสะสมหนว่ ย (National Qualification Framework : NQF) ระหว่างการศึก - พฒั นาระบบการทดสอบ วัดและประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้๑๙ การสะสม นอกระบบ การ หน่วยการเรียน และการเทียบโอนผลการเรยี นของผทู้ อ่ี ยูใ่ นวัยเรียน และการเทียบโ และประสบการณ์จากการทำงานของผูท้ ่อี ยู่ในกำลงั แรงงาน ท่ีมีความยืดหย ๘.๒) การยกระดบั คุณวุฒขิ องกำลงั แรงงาน - ปรับรูปแบบ/กระบวนการจัดการเรยี นการสอนท่ยี ดื หยนุ่ หลากหลาย ● จำนวนผ สนองตอบความตอ้ งการของผู้เรียนที่อยู่ในกำลังแรงงาน ท่ผี ูเ้ รยี นสามารถเลือกเรยี น ท่ไี ดร้ ับการพฒั ไดต้ ามความถนัด ความสนใจ เพ่ือพัฒนาทักษะ ความรูค้ วามสามารถ และสมรรถนะ ตามกรอบคุณว เพือ่ เติมเตม็ ในสว่ นทีข่ าด๒๐ ตามระดบั /ประ ๙) ยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาคนตลอดช่วงชวี ิต ๙.๑) การให้ความรเู้ กี่ยวกับเพศวถิ ศี กึ ษา โภชนาการ การพฒั นาดา้ นร่างกาย ● จำนวนส ทส่ี อดคลอ้ งกบั พฒั นาการตามวยั ของผเู้ รยี น รวมทงั้ พอ่ แมว่ ยั ใส และพอ่ แมท่ เ่ี ตรยี มพรอ้ ม สอื่ วิดิทัศน์ และ ในการมบี ุตร ผา่ นส่ือ ตำรา สง่ิ พิมพ์ ส่ือวดิ ิทัศน์ และส่อื อิเลก็ ทรอนิกส์ สำหรับเผยแพร ● จำนวนผ จำแนกตามช่วง ๙.๒) ส่งเสริมสนับสนนุ การจัดตั้งศนู ย์พัฒนาการ ๓ วัย ศูนยพ์ ัฒนาคณุ ภาพชวี ิต ● จำนวนศ สำหรับผทู้ ่อี ย่ใู นกำลังแรงงานในแหล่งเรยี นรูข้ องชุมชน๒๑ ● จำนวนผ จำแนกตามช่วง ๑๘ หลักสูตรและกระบวนการจัดการเรยี นการสอน ตอ้ งมีความยืดหยุ่น หลากหลาย และเปดิ โอกาสให้ผู้ทีอ่ ยใู่ นกำลังแรงงาน สามา ๑๙ ประกอบดว้ ย ทกั ษะ ความรู้ความสามารถ และสมรรถนะตามกรอบคณุ วุฒแิ หง่ ชาติ ๒๐ ผูเ้ รียนสามารถนำผลการเรยี นท่ผี ่านการทดสอบ วดั และประเมินผล ไปใชใ้ นการสะสมหน่วยการเรยี น การเทยี บโอน และยกระ ๒๑ ศูนยพ์ ฒั นา ๓ วยั เปน็ ศูนยพ์ ฒั นาการสำหรับเด็กเลก็ ท่ีให้พ่อแม่ ผูส้ งู วยั สามารถเขา้ มาดูแลเด็กเลก็ โดยให้จดั ตงั้ ในสถานศึกษ และไม่มสี ภาพของความเปน็ โรงเรยี น) ซง่ึ โอนให้ อปท. รับผิดชอบ ซึง่ สามารถจัดเป็นมมุ หนง่ึ ในแหลง่ เรยี นรขู้ องชมุ ชน นอกเห ที่เปน็ ภูมปิ ญั ญาของชมุ ชน โดยใหป้ ราชญช์ าวบ้าน ครภู ูมิปญั ญา เป็นผูถ้ า่ ยทอดความรูแ้ ละประสบการณ์ เพื่อพัฒนาทักษะวชิ า

ตวั ช้ีวดั เปา้ หมาย หน่วยงานรบั ผดิ ชอบ ๖๐ - ๖๔ ๖๕ - ๖๙ ๗๐ - ๗๔ หลกั /รอง ารทดสอบ วดั และประเมนิ ผล n - n ยการเรยี น และการเทยี บโอน กษาในระบบ การศึกษา รศกึ ษาตามอัธยาศัย โอนประสบการณ ์ ยุ่น หลากหลาย ผู้ทอี่ ยใู่ นกำลงั แรงงาน n n n ฒนาและยกระดับคุณวุฒ ิ สถาบันอาชวี ศึกษา วุฒแิ หง่ ชาติ จำแนก n สถาบันอุดมศกึ ษา ะเภทการศกึ ษา n n n สื่อ ตำรา สิ่งพิมพ์ n n ะสื่ออิเลก็ ทรอนกิ ส ์ ร่ความรู้ สธ. พม. อปท. สพฐ. ผ้รู ับบรกิ าร n n งวัย ศูนยพ์ ัฒนาการ ๓ วยั n n ผรู้ ับบริการ n n งวยั พม.อปท. สธ. สพฐ. สอศ. สกอ. สถานศกึ ษาในพน้ื ที่ ารถเขา้ ถึงโอกาสทางการศึกษาที่สนองตอบความตอ้ งการของผูเ้ รยี น โดยไมจ่ ำกัดเวลา และสถานที่ ะดับคณุ วฒุ ิตามหลกั การของกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ษาทเ่ี ปล่ียนสถานะเป็นแหลง่ เรยี นรขู้ องชมุ ชน (สถานศึกษาที่ยบุ เลกิ เนอื่ งจากมจี ำนวนนักเรยี นนอ้ ย ไม่ได้คณุ ภาพมาตรฐาน หนอื จากการจัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ และพัฒนาผทู้ ่ีอย่ใู นชุมชน ศนู ยพ์ ัฒนาคุณภาพชวี ติ เป็นศนู ยใ์ หก้ ารอบรมและพฒั นาวิชาชีพ าชพี สำหรับการประกอบอาชีพในชมุ ชน โดยมสี ถานศึกษาในพืน้ ทใ่ี ห้การสง่ เสริมสนบั สนุนเพอื่ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของชมุ ชน

ยทุ ธศาสตร/์ มาตรการ ๙.๓) ส่งเสริมสนบั สนุนการจัดการศึกษาสำหรับกล่มุ ชนต่างเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา ● จำ และวฒั นธรรม กลมุ่ ชนชายขอบ รวมทัง้ กำลงั แรงงานทเ่ี คลอื่ นยา้ ยเข้ามาพำนกั อาศยั สำหรับกล ในประเทศไทย เพื่อใหเ้ ปน็ กำลงั แรงงานท่ีมีคณุ ลักษณะของความเปน็ ไทย และวัฒน และอยรู่ ่วมกบั สังคมไทยไดอ้ ยา่ งยั่งยืน ● จำ ต่างเช้ือช กล่มุ ชนช ๙.๔) ส่งเสริมสนับสนนุ ทุกภาคส่วนของสังคมในการบรจิ าคเงนิ เพอื่ การศกึ ษา ● จำ ผ่านมาตรการภาษี ๒๒ จากแหล่ง ๙.๕) สง่ เสริมสนบั สนนุ สถานประกอบการที่มศี ักยภาพและความพรอ้ ม ● จำ ใหม้ สี ว่ นร่วมในการจดั การศกึ ษากับสถานศึกษาในการฝกึ ปฏิบตั ิ โดยสามารถ ท่ีเข้าร่วม นำค่าใชจ้ ่ายมาหกั ลดหย่อนภาษี จำแนกตา สาขาวิชา ๒๒ การบริจาคเงินทนุ การศึกษาสำหรับผเู้ รียนที่ด้อยโอกาส/ยากจน ผู้ที่มคี วามสามารถพิเศษ ผู้พิการ เปน็ ค่าเลา่ เรียน ค่าธร

(รา่ ง) กรอบทิศทางแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ 43 ตวั ช้ีวดั เป้าหมาย หนว่ ยงานรับผดิ ชอบ ๖๐ - ๖๔ ๖๕ - ๖๙ ๗๐ - ๗๔ หลัก/รอง สพฐ. อปท. ำนวนสถานศึกษาท่ีจดั การศกึ ษา n n n ตชด. ลมุ่ ชนต่างเชอื้ ชาติ ศาสนา ภาษา นธรรม กลุ่มชนชายขอบ สพฐ. อปท. ำนวนผู้เรียนทเ่ี ปน็ กลุม่ ชน ตชด. ชาติ ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม ชายขอบทเี่ ข้าเรยี นในสถานศึกษา ำนวนผู้เรยี นท่ีได้รับทุนการศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร งทนุ ทีเ่ ป็นของรัฐและมิใชข่ องรฐั ำนวนสถานประกอบการ มจดั การศึกษากบั สถานศกึ ษา สอศ. สกอ. สถานศกึ ษา ามระดับ/ประเภทการศึกษา า รรมเนยี มการเรียน ค่าใช้จา่ ยในการเรียน คา่ ครองชพี ระหว่างเรยี น สามารถนำมาหกั ลดหยอ่ นภาษเี งินไดบ้ คุ คลธรรมดา/นติ ิบคุ คล





ภาคผนวก ก. สภาพปญั หาและความทา้ ทาย และผลท่ีเกดิ ขนึ้ ของระบบการศึกษา



สมรรถนะการศกึ ษาไทยในเวทีสากล พ.ศ. 2558 สภาพปญั หาและความทา้ ทาย และผลทเี่ กดิ ขึน้ ของระบบการศึกษา ประเด็น ๐ – ๒ ปี ๓ - ๕ ปี ๖ - ๑๔ ปี โอกาสและ   ●  นโยบายส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาของรัฐท่ีให้แก่ทุกคนอย่างเท่าเทียมก ความเสมอภาค การเข้าถึงการศึกษาท่ีดีและมีคุณภาพ เน่ืองจากความแตกต่างทางเศรษฐกิจ นอกจากไมเ่ พมิ่ โอกาสและความเสมอภาคทางการศกึ ษา ยงั สรา้ งความเหลอื่ ม   ●  ผู้เรียนที่ด้อยโอกาส/ยากจน ไมส่ ามารถเข้าถึงบรกิ ารการศกึ ษาท่ีดแี ละม   ●  พ่อแมผ่ ู้เป็น   ●  เด็กปฐมวัย   ●  ผู้เรียนที่ด้อย บุคคลสำคญั ในการ จำนวน ๓๖๕,๕๐๖ คน โอกาส/ยากจน พฒั นาเดก็ ยงั ขาดโอกาส คดิ เปน็ ร้อยละ ๑๒ ของ ไม่สามารถเขา้ ถึง เรียนรู้วธิ กี ารเปน็ พอ่ แม ่ เดก็ ในชว่ งอายุ ๒-๕ ปี บรกิ ารการศึกษาที่ด ี ท่ดี ี ทัง้ ทางสขุ ภาพกาย ที่ไมไ่ ด้รบั โอกาส และมคี ุณภาพ สขุ ภาพจิต โภชนาการ ในการเขา้ เรียน   ●  ประชากรวัยเรยี น ขาดความรคู้ วามเข้าใจ ในศูนย์เด็กเลก็ หรอื ร้อยละ ๘.๐ ที่ไม่ได ้ ในวธิ ีการเลี้ยงดูเด็ก โรงเรยี นอนบุ าลเพอื่ เข้าเรียน ทีถ่ ูกตอ้ ง เตรยี มความพรอ้ ม   ●  ในปี ๒๕๕๖ นกั เรียนระดบั ประถมศกึ ษา สังกดั สพฐ. มอี ัตราการ ออกกลางคนั ประมาณ ร้อยละ ๐.๐๘ ซ่ึงม ี แนวโนม้ ลดลงแตย่ งั ไม่เปน็ ที่น่าพอใจ   ●  UNESCO ไดค้ าดประมาณจำนวน เด็กระดับประถมศกึ ษา ท่อี ยู่นอกโรงเรยี น มปี ระมาณรอ้ ยละ ๔ (อย่ใู นเขตเมอื งสงู กว่า ในชนบท และมฐี านะ ยากจน)

(ร่าง) กรอบทิศทางแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ 47 พัฒนาการศึกษาตามช่วงวัย ๑๕ - ๑๗ ปี ๑๘ - ๒๑ ป ี ๑๕ - ๕๙ ปี ๖๐ ปขี ึ้นไป กัน มิได้เพ่ิมโอกาสและความเสมอภาคแก่พลเมืองใน จและสังคม ส่งผลให้นโยบายการจัดการศึกษาของรัฐ มล้ำในการกระจายรายได้อีกด้วย มคี ุณภาพ   ●  สดั ส่วนผเู้ รยี น   ●  ผูส้ ำเร็จ   ●  ระบบการวัดและ   ●  ผสู้ ูงวัยขาด อาชีวศกึ ษา : สามญั การศึกษามงี านทำ ประเมนิ ผล การสะสม การเข้าถึงแหล่งเรยี นรู้ ปี ๒๕๕๖ เท่ากบั ลดลงจาก รอ้ ยละ หน่วยการเรียนรู้ และ เพอื่ การพัฒนาทักษะ ๓๒.๘ : ๖๗.๒ ๗๓.๓๙ ในปี ๒๕๕๕ การเทยี บโอน ไม่เอ้ือ ความรู้ ทีส่ ามารถ ไมส่ อดคลอ้ งกบั เป็นร้อยละ ๖๙.๕๗ ใหผ้ ้ทู ี่อยใู่ นวยั เรียนและ นำไปปรบั ใชเ้ พ่ือ น นโยบายของรฐั บาล ในปี ๒๕๕๖ ผูท้ ่อี ยูใ่ นกำลงั แรงงาน การทำงานหลงั เกษียณ และความตอ้ งการ สามารถยกระดับ และสามารถ ของประเทศ คณุ วฒุ ิการศกึ ษา พ่ึงตนเองได ้   ●  เส้นทาง และคุณวฒุ วิ ิชาชพี   ●  ขาดการสง่ เสรมิ ความกา้ วหนา้ ทาง ตามกรอบคณุ วฒุ ิ และให้ความสำคัญ อาชพี (Career Path) แห่งชาติ อย่างจริงจังในประเดน็ สำหรับผูจ้ บการศึกษา   ●  ระบบ การถ่ายทอดความร ู้ ระดบั ประกาศนยี บัตร การจา้ งงานการกำหนด และภมู ปิ ญั ญาของ วชิ าชพี (ปวช.) และ คา่ จ้างพจิ ารณาจาก ผสู้ งู วัย ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ วุฒกิ ารศึกษา ไมน่ ำ   ●  ขาดโอกาส ชนั้ สูง (ปวส.) ท่ียังขาด สมรรถนะของแรงงาน ในการศึกษาเรยี นรู้และ ความชัดเจน รวมถงึ มารว่ มพิจารณาดว้ ย พัฒนาศกั ยภาพของ คา่ ตอบแทนมีความ   ●  สถาบันคุณวฒุ ิ ตนเองอย่างตอ่ เนือ่ ง แตกตา่ งจากผู้จบ วชิ าชพี ยงั ไมส่ ามารถ รวมทัง้ การเขา้ ถึงข้อมูล การศกึ ษาระดบั ผลกั ดนั เรอื่ งการประเมนิ ขา่ วสารและบริการ อุดมศกึ ษาจึงสง่ ผลให้ สมรรถนะความสามารถ ทางสงั คมอนั เป็น นกั เรยี นเลอื กเรยี น เพอ่ื ให้แรงงานไดร้ ับ ประโยชนใ์ นการ ระดับอุดมศกึ ษา ค่าตอบแทนทเ่ี หมาะสม ดำรงชีวิต มากกวา่ กบั สมรรถนะของตนได้ อยา่ งเตม็ ที ่

48 (รา่ ง) กรอบทศิ ทางแผนการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ ประเดน็ ๐ – ๒ ป ี ๓ - ๕ ป ี ๖ - ๑๔ ปี พัฒน   ●  แม้รัฐบาลจะให้ สิทธิในการได้รบั การศกึ ษาโดยไม่เสีย คา่ ใชจ้ า่ ย และสนบั สนุน ค่าใชจ้ า่ ยอ่นื ๆ แตก่ ็ยงั ไม่เพียงพอทจี่ ะสรา้ ง โอกาสให้เดก็ บางกลมุ่ โดยเฉพาะเด็กยากจน และด้อยโอกาสเขา้ สู่ ระบบการศกึ ษาได ้   ●  ขาดการแนะแนว การศึกษาตอ่ ใน สายสามญั และสายอาชพี ทีเ่ หมาะสมกับความ สนใจและศกั ยภาพ ของนักเรยี น อย่างแท้จรงิ คณุ ภาพ   ●  ปี ๒๕๕๕   ●  เดก็ แรกเกดิ   ●  ผลคะแนน   และมาตรฐาน มีเดก็ เลก็ ทม่ี ีน้ำหนัก ถึง ๕ ปี ท่มี พี ัฒนาการ O-Net ของนักเรียน ขอ ตำ่ กวา่ เกณฑ์มาตรฐาน สมวัยมแี นวโน้มเพมิ่ ขึน้ ป.๖ และ ม.๓ มีค ระดับปานกลาง   ●  เดก็ ทมี่ ภี าวะ มีคะแนนเฉลีย่ ตำ่ กว่า ร้อ รอ้ ยละ ๒.๑ และ ทุพโภชนาการเรื้อรัง รอ้ ยละ ๕๐ ทกุ กลุ่ม สา ระดบั ปานกลาง และภาวะทพุ โภชาการ สาระวชิ า (ยกเว้น สุข และรุนแรง เฉียบพลัน ในระดับ สขุ ศึกษาฯ และการงาน   รอ้ ยละ ๙.๒ ปานกลางและรนุ แรง อาชีพฯ) โดยเฉพาะ อา มแี นวโนม้ เพมิ่ ข้ึน โรงเรียนขนาดเล็ก ทัก

นาการศกึ ษาตามชว่ งวัย ๑๕ - ๑๗ ป ี ๑๘ - ๒๑ ป ี ๑๕ - ๕๙ ป ี ๖๐ ปีข้นึ ไป ●  คะแนน O-Net องนกั เรียน ม.๖ คะแนนเฉล่ยี ตำ่ กว่า อยละ ๕๐ ทุกกลมุ่ าระวชิ า (ยกเวน้ ขศึกษาฯ) ●  ผู้เรยี นขาดทกั ษะ าชพี ทกั ษะชีวติ และ กษะการทำงาน   ●  กำลังแรงงาน   ●  ผ้สู งู วยั ขาด   ●  มหาวทิ ยาลยั ไทย ขาดการพฒั นาทกั ษะ ความร้ใู นการเตรยี มตัว ๑๐ แหง่ ทตี่ ิดอันดบั ความรูค้ วามสามารถ เข้าสวู่ ัยผู้สูงวัย สาขาวชิ ามหาวทิ ยาลยั และสมรรถนะ   ●  ขาดทกั ษะ ชั้นนำของโลก และมี ที่สอดคลอ้ งกบั ในการเข้าถึงแหล่ง ๑๑ แหง่ ทต่ี ดิ อนั ดับ ๑ ความต้องการของตลาด เรยี นรู้ และใชป้ ระโยชน์ ใน ๓๐๐ มหาวิทยาลยั แรงงาน และการพัฒนา จากเทคโนโลย ี ชั้นนำเอเชยี ประเทศ สารสนเทศ (QS World University Rankings 2015)

สมรรถนะการศกึ ษาไทยในเวทสี ากล พ.ศ. 2558 ประเดน็ ๐ – ๒ ปี ๓ - ๕ ป ี ๖ - ๑๔ ปี   ●  ปี ๒๕๕๕   ●  ผลการประเมนิ   ●  สถานศกึ ษา มเี ด็กเลก็ ที่มีภาวะ คุณภาพภายนอก ขนาดเลก็ รอ้ ยละ ๒๗.๒ ทพุ โภชนาการเฉยี บพลนั รอบสามของ สมศ. และ ขนาดกลาง ระดับรุนแรง พบว่า สถานศกึ ษา/ รอ้ ยละ ๒๒.๒ ไม่ผ่าน รอ้ ยละ ๒.๒ และ ศูนยพ์ ัฒนาเด็กเล็กทีม่ ี เกณฑ์การประเมิน ระดบั ปานกลางและ ระดับดีและดมี าก คณุ ภาพภายนอก รนุ แรง รอ้ ยละ ๑๖.๓ เดก็ มคี วามพร้อมศึกษา (จำนวนสถานศึกษา   ●  ปี ๒๕๕๗ ตอ่ ในช้ันต่อไป ขนาดเลก็ ท่ี สมศ. มีเด็กเล็กทีม่ ีพัฒนาการ ร้อยละ ๙๙.๔๒ ประเมิน ๒๒,๙๘๓ แห่ง สมวัย ร้อยละ ๗๒.๕   ●  ผลการประเมนิ และขนาดกลาง (ปี ๒๕๔๙ เทา่ กับ คณุ ภาพภายนอก ๖,๒๕๗ แหง่ ) ร้อยละ ๖๗.๗) รอบสามของ สมศ.   ●  ผลการประเมนิ   ●  หญิงตั้งครรภ์ พบวา่ ในระดบั กอ่ น TIMSS ในปี ๒๕๕๔ ขาดความรู้ ความเขา้ ใจ ประถมศกึ ษา พบว่า ชนั้ ม.๒ คะแนน ในการดูแลตนเอง มสี ถานศึกษาท่ีผ่าน เฉล่ียวชิ าคณติ ศาสตร์ ระหว่างตง้ั ครรภ์ ไดร้ ับ การรับรองมาตรฐาน และวิทยาศาสตร์ สารอาหารและไอโอดนี รอ้ ยละ ๙๖.๙๖ เปน็ ๔๒๗ และ ไม่เพยี งพอ ซึง่ สง่ ผลต่อ   ●  สภาพห้องเรียน ๔๕๑ คะแนน (คา่ กลาง พัฒนาการทารก ไม่เหมาะกับการเรยี น เท่ากบั ๕๐๐ คะแนน) ในครรภแ์ ละหลงั คลอด การสอน ขาดสือ่ วสั ดุ โดยประเทศไทยอยู่ใน   ●  แม่วัยใสหรอื และอปุ กรณ์ ฯลฯ อนั ดับที่ ๒๘ และ ๒๕ การต้งั ครรภ์ไมพ่ รอ้ มใน ตามลำดบั เดก็ และเยาวชนเพ่ิมขึน้ สง่ ผลใหเ้ ดก็ ท่เี กดิ มา ดอ้ ยคุณภาพเน่อื งจาก แม่วยั ใสขาดวฒุ ภิ าวะ ในการดแู ลตนเอง ระหว่างตั้งครรภ ์

(ร่าง) กรอบทิศทางแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ 49 พฒั นาการศึกษาตามชว่ งวยั ๑๕ - ๑๗ ปี ๑๘ - ๒๑ ปี ๑๕ - ๕๙ ป ี ๖๐ ปีขึน้ ไป   ●  มหาวทิ ยาลัยไทย   ●  แรงงานที่สำเรจ็ ๒ ๒ แหง่ ทต่ี ิด ๑๐๐ การศกึ ษาในแตล่ ะระดับ อันดับมหาวิทยาลัย ขาดทักษะทีจ่ ำเป็นใน ชัน้ นำเอเชีย การปฏบิ ตั ิงานและ (THE Asia University ขาดคณุ ลกั ษณะ Rankings 2015) ทพี่ งึ ประสงคใ์ นการ   ●  สถาบนั การศึกษา ทำงาน มงุ่ ผลิตบณั ฑติ ในเชิง   ●  คนไทยมกี ารศกึ ษา ง พาณชิ ย์ เน้นปรมิ าณ เฉลีย่ ๘.๐ ปี ต่ำกวา่ มากกว่าคณุ ภาพ และ เปา้ หมายทก่ี ำหนด ไม่ตรงกับความตอ้ งการ (๑๒ ป)ี ของตลาดแรงงานและ   ●  บคุ ลากรทางด้าน ยุทธศาสตร์การพัฒนา การวจิ ยั และพฒั นา ประเทศ ลดลงจาก ๙.๐๑ คน   ●  คุณภาพของ ในปี ๒๕๕๒ เหลอื บณั ฑติ ขาดทกั ษะ ๘.๐ คน ในปี ๒๕๕๔ ความรคู้ วาม สามารถ ต่ำกว่าเปา้ หมายท่ี ง และสมรรถนะใน กำหนดไว้ ๑๕ คน การปฏิบัติงานที่   ●  ผลติ ภาพแรงงาน สอดคล้องกับ ไทยมแี นวโนม้ ลดลงจาก ความต้องการของ รอ้ ยละ ๕.๒๒ ในปี ตลาดแรงงาน ๒๕๕๕ เหลอื รอ้ ยละ   ●  กรอบและทศิ ทาง ๒.๙๘ ในปี ๒๕๕๖ ความต้องการกำลงั คน ต่ำกว่าเป้าหมายท่ี จำแนกตามระดบั / กำหนดไว้ ประเภทการศกึ ษา (ร้อยละ ๓.๐ ต่อป)ี สาขาวิชา ขาดความ ชดั เจน ทำใหก้ ารผลิต และการใช้ไมส่ อดคล้อง กนั

50 (รา่ ง) กรอบทศิ ทางแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ ประเด็น ๐ – ๒ ปี ๓ - ๕ ป ี ๖ - ๑๔ ป ี พฒั น   ●  ผลการประเมนิ คุณภาพภายนอกรอบ สาม (สมศ.) พบว่า โรงเรียนทีต่ ้งั อยู่ในเมือง ผา่ นการรบั รองได้ มาตรฐานตามเกณฑ์ การประเมนิ ในสัดส่วน ทสี่ ูงกวา่ โรงเรียน ทตี่ งั้ อยนู่ อกเมือง ซง่ึ สะทอ้ นให้เหน็ ความเหลือ่ มลำ้ ดา้ น คณุ ภาพและมาตรฐาน การศกึ ษา   ●  ผลคะแนน TIMSS ในปี ๒๕๕๔ ระดับประถมศกึ ษา พบว่า โรงเรียนสาธติ มีคะแนนสงู ทส่ี ุด และ สงู กวา่ โรงเรียนสังกดั สพฐ. และนักเรยี นจาก โรงเรียนขนาดใหญ่ ทำคะแนนไดด้ ีกว่า โรงเรียนขนาดกลาง และโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งสะท้อนใหเ้ หน็ ความแตกตา่ งใน คุณภาพและมาตรฐาน ระหวา่ งขนาดโรงเรียน และสังกดั

นาการศกึ ษาตามชว่ งวัย ๑๕ - ๑๗ ป ี ๑๘ - ๒๑ ป ี ๑๕ - ๕๙ ปี ๖๐ ปีข้นึ ไป   ●  ขาดความสมดลุ   ●  ปริมาณและ ระหว่างค่าจ้างกบั คุณภาพของงานวจิ ยั ผลติ ภาพแรงงาน ในภาพรวม มรี ะดบั ต่ำ กล่าวคือ ค่าจา้ งปรบั และไม่สามารถนําไปใช สงู ขนึ้ แต่ผลิตภาพ ใหเ กิดประโยชน แรงงานยังปรับ กับสงั คมไดเมือ่ ตามไม่ทนั เปรียบเทยี บกบั สถาบัน อุดมศกึ ษาอ่ืนในระดบั โลกและระดับเอเซีย   ●  มสี ถาบัน อดุ มศกึ ษาทย่ี ังไมผ่ า่ น การรับรองมาตรฐาน คุณภาพของ สมศ.

สมรรถนะการศึกษาไทยในเวทีสากล พ.ศ. 2558 ประเดน็ ๐ – ๒ ปี ๓ - ๕ ป ี ๖ - ๑๔ ป ี   ●  ผลการสำรวจเพอื่ คัดกรองเดก็ ที่มปี ัญหา ด้านการอา่ นไมอ่ อก เขียนไมไ่ ด้ โดย สพฐ. พบว่าจำนวนนกั เรยี น ช้นั ป.๓ อยู่ในขา่ ยต้อง ปรบั ปรงุ ๑๒๗,๘๐๐ คน (จาก ๔๔๕,๐๐๐ คน) ช้ัน ป.๖ อยู่ในขา่ ยตอ้ ง ปรบั ปรุง ๗๓,๒๙๐ คน (จาก ๔๔๔,๐๐๐ คน) ผูบ้ รหิ าร ครู   ●  ครู ผ้ดู แู ลเด็ก   ●  ครแู ละบคุ ลากร   ●  ครสู อนไมค่ รบชนั้ และบคุ ลากร ขาดความรแู้ ละทักษะ ทเี่ กยี่ วข้องกบั ในโรงเรียนขนาดเล็ก ทางการศกึ ษา/ ในการดูแลเดก็ ท่ถี ูกต้อง การพัฒนาเด็ก เช่น   ●  ผ้บู ริหารไมท่ ำ ผู้ดแู ล ผเู้ ลี้ยงดเู ดก็ ไม่เพยี งพอ หนา้ ทกี่ ารสอนในวชิ า อกี ทง้ั ขาดคุณวุฒิ ท่ีมคี วามเช่ียวชาญ ความรู้เกี่ยวกบั   ●  ครหู รือผู้บรหิ าร การศกึ ษาปฐมวยั ทวี่ ่างบางตำแหนง่ หรือ โดยเฉพาะด้านจติ วทิ ยา บางแหง่ โดยเฉพาะ เดก็ เรง่ พัฒนาการเด็ก โรงเรยี นชนบทหา่ งไกล โดยไมค่ ำนงึ ถงึ ความ ไมม่ ผี มู้ าย่นื สมัคร และ พร้อมของเดก็ สง่ ผลให้ บางคร้ังผู้ที่มายนื่ เดก็ ปฐมวยั เกิด ใบสมคั รไม่มคี ุณสมบัติ ความเครยี ดและ ตรงหรือครบถว้ นตาม ไมส่ ามารถพัฒนา ตอ้ งการ ตนเองได้เตม็ ศกั ยภาพ

(รา่ ง) กรอบทศิ ทางแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ 51 พฒั นาการศกึ ษาตามชว่ งวยั ๑๕ - ๑๗ ป ี ๑๘ - ๒๑ ปี ๑๕ - ๕๙ ป ี ๖๐ ปขี ้ึนไป อ น น   ●  ขาดแคลนครู   ●  คณาจารย์   ●  ขาดแคลนคร ู   ●  คนในสังคมควร สาขาวิชาคณิต วทิ ย์ อุดมศกึ ษาทั้งประเทศ ผู้สอนในระดับ มคี วามรูเ้ กีย่ วกับ ภาษาอังกฤษ ฯลฯ และ ยงั ขาดแคลนทั้งปรมิ าณ อาชีวศกึ ษาทงั้ ปรมิ าณ การดแู ลผสู้ งู อายใุ นดา้ น ครชู ่าง และคณุ ภาพ ในดา้ น และคุณภาพ ตา่ งๆ ทง้ั ทางด้าน   ●  ขาดแคลนคร ู ประสบการณเ์ ทคนิค   ●  ครอู าชีวศกึ ษา ร่างกาย จติ ใจ ผสู้ อนท่ีมีคุณภาพ การสอน และด้าน เอกชนเงนิ เดอื นคอ่ นขา้ ง เศรษฐกจิ และสังคม (มีความรู้จริง มีเทคนคิ คณุ ธรรมจริยธรรม ต่ำ ไม่มคี วามเจริญ   ●  ขาดผูด้ แู ล การสอนทีถ่ กู ตอ้ ง และ ก้าวหนา้ ทง้ั ดา้ น ผสู้ ูงวัย/สถานภบิ าล สามารถถา่ ยทอดได้ วทิ ยฐานะและสวสั ดกิ าร ทม่ี ีคณุ ภาพและ อยา่ งถกู ต้อง) ซงึ่ จาก ตา่ งๆ ทำใหบ้ ่นั ทอน มาตรฐาน ผลการสอบวดั ความรู้ กำลังใจในการสอน ของครผู ู้สอนวิชา   ●  ครอู าชวี ศึกษา คณติ ศาสตรร์ ะดับ ขาดการสนับสนุนเร่อื ง ชั้น ม.ปลายของ สพฐ. ทุนฝึกอบรมทั้งในและ พบวา่ ครูร้อยละ ๖๐ ต่างประเทศเพอื่ เพ่มิ สอบตกวชิ าทีต่ นเอง สมรรถนะ ความชำนาญ สอน ในสาขางานทส่ี อนอย่าง ต่อเนอ่ื ง

52 (รา่ ง) กรอบทศิ ทางแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ ประเด็น ๐ – ๒ ป ี ๓ - ๕ ป ี ๖ - ๑๔ ป ี พฒั น   ●  อตั ราส่วน   ●  การเรยี กบรรจคุ รู นกั เรยี นต่อครู ของภาครฐั ช่วงกลางปี ปี ๒๕๕๔ พบวา่ ทำให้ครภู าคเอกชนท่ี - ข้อมลู UIS สอบบรรจไุ ดต้ อ้ งลาออก เทา่ กับ ๒๗ : ๑ สถาน ศกึ ษาเอกชนจงึ - ศูนยพ์ ฒั นาเด็ก ขาดคร ู อปท. เทา่ กับ ๒๐ : ๑   ●  ครูประจำการ - สพฐ. เท่ากับ ไปชว่ ยราชการทอี่ ืน่ ๑๖ : ๑ และไมม่ ีอตั ราบรรจุ โดยท้ังสองหนว่ ยงานจดั ทง้ั ครทู ต่ี ้องการจา้ งเพม่ิ รปู แบบการใหบ้ รกิ าร หรอื ทดแทนครเู กษยี ณ/ การศึกษาแตกต่างกนั ลาออก เน่ืองจาก โดย อปท. จัดรปู แบบ โรงเรยี นไมไ่ ดร้ ับ ศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ สว่ น อตั ราคืน สพฐ.จดั รปู แบบช้ันเรยี น อนบุ าล การบรหิ าร   ●  หนว่ ยงานส่วนกลางทำหน้าท่ที ง้ั ผกู้ ำกับนโยบาย แผน มาตรฐาน สง่ เสรมิ สนับ และการจัดการ ประเมินผล (Regulator) และผู้จดั การศึกษา (Service Provider) และบรหิ ารจัดกา อำนาจ ส่งผลกระทบต่อการจัดการศกึ ษา ดังน้ ี - ตลาดการศกึ ษาผกู ขาดโดยภาครฐั เป็นหลัก - นโยบายของรฐั เกิดการขดั กันซง่ึ ผลประโยชน์ และเอ้อื ประโยชน์ตอ่ สถานศกึ - ขาดการมสี ่วนร่วมในการจดั การศกึ ษาจากทกุ ภาคสว่ นของสังคม   ●  โครงสรา้ งประชากรทีล่ ดลงอย่างตอ่ เนื่องตลอดระยะเวลา ๑๐ กว่าปที ผี่ า่ นมา โรงเรยี นขนาดเล็ก (ตำ่ กว่า ๑๒๐ คนตอ่ โรง) มีจำนวนเพ่ิมขน้ึ คิดเป็นสัดสว่ นมากกว่า จำนวนโรงเรียนของรฐั ในปัจจุบัน (๓๒,๐๙๓ โรง)   ●  แนวโนม้ จำนวนประชากรวัยเรียนทลี่ ดลงตอ่ เนื่องใน ๑๐ - ๑๕ ปีขา้ งหนา้ จะ โรงเรยี นขนาดเลก็ เพมิ่ ข้ึนอยา่ งรวดเร็ว   ●  การจดั การศึกษาดำเนนิ การโดยหลายหนว่ ยงาน ทง้ั ศธ. และกระทรวงอนื่ ๆ ซ การบูรณาการการดำเนินงาน และจัดการศกึ ษาไปในทศิ ทางเดียวกัน

นาการศกึ ษาตามช่วงวัย ๑๕ - ๑๗ ป ี ๑๘ - ๒๑ ปี ๑๕ - ๕๙ ปี ๖๐ ปีขึ้นไป   ●  ผ้สู อนมี ประสบการณ ์ ไมเ่ พยี งพอทจ่ี ะถา่ ยทอด ให้ผ้เู รียนสามารถนำไป ใช้ในการปฏิบตั งิ าน จรงิ ได ้ บสนนุ ติดตามและ   ●  สถานศึกษา   ●  ขาดความรว่ มมอื   ●  การจดั การศกึ ษา ารแบบรวมศนู ย์ ม่งุ ผลิตกำลงั คนตาม ในการผลติ และพฒั นา และพัฒนาศักยภาพ ศักยภาพและ กำลังคน ขาดระบบ ของผูส้ ูงวยั ยงั ไม ่ กษาของรัฐ ความพรอ้ มของแต่ละ กลไกในการประสาน เหมาะสมและ า สง่ ผลให้จำนวน สถาบนั แตไ่ มต่ อบสนอง ความรว่ มมอื ระหว่าง สอดคลอ้ งกบั ลักษณะ าร้อยละ ๕๐ ของ ความต้องการของ ฝา่ ยผลติ ฝา่ ยผู้ใช้ และ ความตอ้ งการ ศกั ยภาพ ะทำให้จำนวน ตลาด แรงงาน และ หนว่ ยนโยบาย และปญั หาของผสู้ งู อาย ุ ซงึ่ เป็นไปไดย้ ากใน การพฒั นาประเทศ ทแ่ี ตกตา่ งกัน   ●  สถานศึกษามี ความเป็นอสิ ระ คล่องตวั แตข่ าดความรับผดิ ชอบ ทต่ี รวจสอบได้ (ธรรมาภิบาล)

สมรรถนะการศกึ ษาไทยในเวทีสากล พ.ศ. 2558 ประเดน็ ๐ – ๒ ปี ๓ - ๕ ปี ๖ - ๑๔ ป ี   ●  สถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั โดยเฉพาะโรงเรียนอนบุ าล มงุ่ เน้นจดั การศึกษา วชิ าการมากเกินไป   ●  รูปแบบการเรยี นการสอนไม่เออ้ื ให้นักเรียน/นักศึกษาได้พัฒนาอย่างเตม็

(รา่ ง) กรอบทศิ ทางแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ 53 พัฒนาการศกึ ษาตามชว่ งวยั ๑๕ - ๑๗ ปี ๑๘ - ๒๑ ป ี ๑๕ - ๕๙ ปี ๖๐ ปีขน้ึ ไป าสำหรบั เดก็ ปฐมวัยที่เน้น   ●  ขาดระบบและ   ●  สถาบัน มศกั ยภาพ กลไกการเชอื่ มโยง อาชีวศึกษาต่างๆ ระหว่างสถาบัน มีการเปล่ียนแปลง การศึกษา โครงสร้างไปเป็น สถานประกอบการ สถาบันอดุ มศกึ ษา และสมาคมวชิ าชพี ท่เี น้นการผลติ วศิ วกรรม ในการผลติ และพัฒนา แทนชา่ งเทคนคิ ทำให้ กำลงั คนทตี่ อบสนอง เกิดการขาดแคลน ความตอ้ งการของ แรงงานท่มี ที กั ษะ ตลาด แรงงานตาม อาชีพเฉพาะ แนวทางของ   ●  การผลติ แรงงาน กรอบคณุ วุฒิแหง่ ชาติ ไมต่ รงตามความตอ้ งการ   ●  การจดั การศึกษา ของตลาดแรงงาน และ ระดับอุดมศึกษาท้ัง ผ้จู บการศกึ ษาในระดับ ประเทศยงั ขาดเอกภาพ ปวช./ปวส. ไม่เข้าสู่ ในการทํางาน และ ตลาดแรงงาน แต่ไป ขาดการเชื่อมโยงกบั ศึกษาต่อในระดบั อกี ๔ องค์กรหลักของ อดุ มศกึ ษา ทำให้เกดิ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร สภาวะขาดแคลน ในการบรู ณาการและ แรงงานในระดับกลาง การใชท้ รัพยากรร่วมกัน   ●  ระบบฐานขอ้ มูล ความตอ้ งการแรงงาน ขาดความทนั สมัย ชดั เจน ทำใหไ้ มส่ ามารถ วางแผนเชอ่ื มโยงไปยัง หนว่ ยงานต่างๆ เพ่ือใช้ ประโยชน์รว่ มกนั ได ้   ●  การจัดการเรยี น การสอนเน้นการเรียน ภาคทฤษฎมี ากกว่า ภาคปฏิบัต ิ

54 (รา่ ง) กรอบทิศทางแผนการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ ประเดน็ ๐ – ๒ ป ี ๓ - ๕ ปี ๖ - ๑๔ ปี พัฒน ทรัพยากร   ●  บทบัญญัตใิ นรฐั ธรรมนญู และกฎหมายการศกึ ษา ไมส่ อดคล้องกบั บรบิ ททาง และการเงนิ (การจดั การศึกษาขัน้ พนื้ ฐานให้แกพ่ ลเมอื งโดยไมเ่ ก็บค่าใช้จา่ ย) เพอื่ การศกึ ษา   ●  แมร้ ัฐจะมนี โยบายจำกดั การรับข้าราชการ และนโยบายเกษยี ณอายุรายการก ๑๐ ปที ผ่ี า่ นมา แต่อตั ราสว่ นครูต่อนักเรยี นกม็ ิไดเ้ พ่ิมขึ้น (๑ : ๑๙) สะทอ้ นใหเ้ ห็นวา่ และความไม่มีประสทิ ธภิ าพในการบรหิ ารจดั การศึกษาของภาครัฐ   ●  การจัดสรรเงนิ ของรัฐผ่านด้านอปุ ทานหรือสถานศึกษา (supply side financ การจัดสรรความต้องการของปจั จยั การผลติ ส่งผลให ้ - รัฐรบั ภาระค่าใชจ้ า่ ยในการจดั การศกึ ษามากกวา่ ที่ควรจะเป็น - ทรพั ยากรที่มีอย่างจำกดั ไม่สามารถจัดสรรไปยังแหลง่ ผลติ บรกิ ารท่มี ีคุณภา และการลงทนุ ของรัฐผดิ ไปจากเป้าหมาย (ไมส่ ามารถเขา้ ถึงกลมุ่ เป้าหมายท่ีมีความต แทจ้ ริง) - ขาดการมีสว่ นร่วมในการระดมทนุ และการสนองทุนเพ่ือการศึกษาจากทกุ ภ   ●  จำนวนเด็กต่างดา้ วทเี่ พิ่มขนึ้ เปน็ ภาระผกู พนั ต่องบประมาณการศึกษาสงู ข้ึนเร ประเทศไทยมีนโยบายในการเปดิ โอกาสทางการศกึ ษาโดยไมเ่ สยี ค่าใช้จา่ ยใหเ้ ด็กทกุ ค ซง่ึ ในปี ๒๕๕๗ จำนวนเด็กไรส้ ญั ชาติของโรงเรียนสงั กดั สพฐ. ทไ่ี ด้รบั การอุดหนนุ กา มีจำนวน ๖๑,๖๐๗ คน อืน่ ๆ

นาการศึกษาตามช่วงวัย ๑๕ - ๑๗ ปี ๑๘ - ๒๑ ป ี ๑๕ - ๕๙ ปี ๖๐ ปขี ึน้ ไป งเศรษฐกจิ และสังคม   ●  การควบคมุ   ●  ระบบอาชวี ศกึ ษา   ●  การจดั สวัสดิการ กอ่ นกำหนด ในชว่ ง ทศิ ทางและการกํากบั ได้รบั งบประมาณตอ่ หวั สังคมใหเ้ หมาะสม ามีความสญู เปลา่ ติดตามการใช ต่ำกวา่ สายสามญั ท้งั ท่ี และสอดคลอ้ งกับ cing) ซงึ่ เป็น งบประมาณของสถาบนั วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษามี ความต้องการและ อุดมศึกษาของรฐั ต้นทุนการจดั การศึกษา ความจำเปน็ ของ าพและมาตรฐาน ดาํ เนินการโดยสํานัก สงู กว่า เน่ืองจากตอ้ ง ผู้สงู อายุแตล่ ะคน ต้องการจำเปน็ อย่าง งบประมาณ ซึง่ สกอ. ลงทนุ เครอ่ื งจกั รและ ภาคสว่ นของสังคม ไมม บี ทบาทในการ วัสดุสำหรับการฝกึ รอื่ ยๆ เนอ่ื งจาก พิจารณางบประมาณ คน ทกุ สญั ชาติ รวมดว ย ทาํ ให ารศึกษาจากภาครัฐ การดาํ เนนิ งานดา น อดุ มศึกษา ในภาพรวม ของประเทศ ขาด เอกภาพและมีประสทิ ธิ ภาพนอยเม่ือ เทยี บกบั งบประมาณ ดา นอดุ มศกึ ษาซงึ่ เทา กบั รอ้ ยละ ๔.๒ ของ GDP ●  การเปล่ยี นแปลง โครงสร้างประชากร สสู่ ังคมผ้สู งู อายุ (ageing society) มากขนึ้ ในอนาคต ส่งผลตอ่ การวางแผน การพัฒนากำลังคน โดยเฉพาะการพัฒนา กำลังแรงงานใหมใ่ ห้ สอดคลอ้ งกบั แนวโน้ม การพฒั นาในอนาคต

ภาคผนวก ข. สภาพบรบิ ททางเศรษฐกิจและสงั คม ของประเทศไทย



(รา่ ง) กสรมอรบรทถนศิ ทะกาางแรศผนึกษการไศทึกยษในาแเวหท่งีสชากตลิ พพ.ศ..ศ๒. 2๕5๖5๐8- ๒๕๗๔ 57 สภาพบรบิ ททางเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศไทย๑ ดา้ นเศรษฐกจิ - การขยายตัวทางเศรษฐกิจ พบว่า เศรษฐกิจไทยมีอัตรา การขยายตวั รอ้ ยละ ๖.๑ ในชว่ งปี ๒๕๐๔ – ๒๕๕๗ สง่ ผลใหร้ ายไดป้ ระชาชาต ิ ต่อหัว (GNI per Capita) ในปี ๒๕๕๓ เพิ่มข้ึนเป็น ๑๕๖,๖๔๓ บาท (๔,๙๓๗ เหรียญสหรัฐฯ) ทำให้ธนาคารโลกขยับฐานะประเทศไทยเป็น ประเทศรายได้ปานกลางตอนบน (Upper Middle Income Country) และในปี ๒๕๕๗ รายไดป้ ระชาชาติต่อหวั (GNI per Capita) เพมิ่ ข้นึ เปน็ ๑๘๕,๔๑๔ บาท (๕,๗๐๗ เหรียญสหรัฐฯ) ในขณะทีผ่ ลิตภณั ฑม์ วลรวมใน ประเทศต่อหัว (GDP per Capita) เท่ากับ ๒๐๒,๗๙๕ บาท (๖,๑๐๘ เหรียญสหรฐั ฯ) - เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ พบว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะประสบ ปัญหาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจรุนแรงในปี ๒๕๒๔ และปี ๒๕๔๐ แต่การ ดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหารวมทั้งการรักษาวินัยทางการเงินและการคลัง อย่างเคร่งครัด ทำให้เศรษฐกิจไทยกลับเข้าสู่เสถียรภาพและแข็งแกร่งขึ้น ซึง่ เห็นได้จากสัดส่วนหนีส้ าธารณะตอ่ GDP และสัดส่วนหน้ีสนิ ต่างประเทศ ต่อ GDP คดิ เปน็ ร้อยละ ๔๒.๒ และ ๓๓.๔ ตามลำดบั ในปี ๒๕๕๖ ซ่งึ ต่ำ เปน็ ลำดบั ท่ี ๙๘ ของโลก (จาก ๑๘๓ ประเทศ) และลำดับที่ ๖๖ ของโลก (จาก ๒๑๘ ประเทศ) และมีเงนิ สำรองเงนิ ตราตา่ งประเทศเทา่ กับ ๑๖๗.๒ ๑ ทศิ ทางแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ฉบับท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔), เอกสาร ประกอบการประชุมประจำปี ๒๕๕๘ ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สงั คมแห่งชาต ิ

58 (รา่ ง) กรอบทศิ ทางแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ ซ่ึงสะท้อนความเข้มแข็ง ของปัจจัยพ้ืนฐานทางเศรษฐกิจและสร้างความเช่ือมั่นของนักลงทุน ต่างชาติทีม่ ตี ่อประเทศไทย - โครงสรา้ งทางเศรษฐกจิ พบวา่ โครงสร้างการผลติ มกี ารเปล่ียน ผ่านจากภาคเกษตรกรรมไปสู่ภาคอุตสาหกรรมและบริการมากข้ึนตามแนว นโยบายของการพัฒนาภาครัฐและแรงขับเคล่ือนจากพลวัตของเศรษฐกิจ โลก ผ่านการสั่งสมองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตอย่างต่อเน่ือง ทำให้ โครงสร้างการผลิตภาคอุตสาหกรรมมีความสลับซับซ้อนมากขึ้นและมี การเปล่ียนผ่านจากโครงสร้างการผลิตอุตสาหกรรมขั้นปฐมเป็นโครงสร้าง การผลิตอุตสาหกรรมพ้ืนฐาน ทำให้ประเทศไทยขยับฐานะจากประเทศ รายได้ปานกลางข้ันต่ำ (Lower Middle Income Country) มาเป็น ประเทศรายได้ปานกลางข้ันกลาง (Middle Middle Income Country) รวมทั้งการส่ังสมเทคโนโลยีการผลิตและพัฒนาอุตสาหกรรมชิ้นส่วนภายใต้ เครือข่ายการผลิตของบริษัทแม่ในต่างประเทศและการเพิ่มข้ึนของสัดส่วน ทุนไทย เช่นเดียวกับการผลิตสาขาบริการที่มีความหลากหลาย มีความ เช่ียวชาญ มกี ารใชเ้ ทคโนโลยแี ละความคดิ สรา้ งสรรค์มากขึน้ ทำให้สามารถ ขยับฐานะเป็นประเทศรายได้ปานกลางขั้นสูง (Upper Middle Income Country) การเปลย่ี นแปลงดา้ นเศรษฐกจิ ทสี่ ำคญั ในชว่ งแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ ๑๐ และชว่ ง ๓ ปีแรกของแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับท่ี ๑๑ ประกอบดว้ ย - การขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วและม ี ความผันผวนมากข้ึน โดยอัตราการขยายตัวโดยเฉลี่ยลดลงเหลือร้อยละ ๓.๒ ต่อปี ในช่วง ๘ ปีที่ผ่านมา เม่ือเทียบกับอัตราขยายตัวโดยเฉลี่ย

(ร่าง) กสรมอรบรทถนิศทะกาางแรศผนกึ ษการไศทกึยษในาแเวหทง่ ีสชากตลิ พพ.ศ..ศ๒. 2๕5๖5๐8- ๒๕๗๔ 59 ร้อยละ ๕.๗ ตอ่ ปี ในชว่ งแผนพฒั นาการศึกษาแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี ๙ (๒๕๔๕ – ๒๕๔๙) - การเพิ่มผลิตภาพการผลิตของปัจจัยแรงงานเป็นไปอย่างล่าช้า เน่ืองจาก ๑) การเคล่ือนย้ายปัจจัยแรงงานจากภาคเกษตรซ่ึงผลิตภาพ การผลิตและรายได้ต่อหัวต่ำไปสู่ภาคการผลิตที่มีผลิตภาพการผลิตและ รายได้ต่อหัวสูงกว่า (Transformation Rate) ช้าลงตามลำดับ และเข้าสู่ ภาวะทรงตัวในช่วงปี ๒๕๕๒ ๒) ขาดการใช้เทคโนโลยีและสินค้าทุนที่ เหมาะสมกับการเพ่ิมผลิตภาพการผลิตของแรงงาน ๓) ความไม่สอดคล้อง ระหว่างความต้องการของตลาดแรงงานและคุณภาพของแรงงาน ๔) ขาดการรวมกลุ่มในการผลิตภาคเกษตรเพ่ือให้ได้รับผลประโยชน์ จากการประหยัดเนื่องจากขนาด ทำให้การทำงานต่ำระดับอยู่ในเกณฑ์สูง ๕) การพัฒนาคุณภาพการศึกษาเป็นไปอย่างล่าช้า การลดลงของแรง ขับเคล่อื นจากปัจจัยแรงงานท้ังในดา้ นขนาดของกำลงั แรงงานและผลติ ภาพ การผลิตของแรงงาน ส่งผลให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ไทยลดลง ทั้งในส่วนการผลิตท่ีใช้แรงงานและการผลิตสินค้าในส่วนท่ีเป็น ก่ึงทนุ เขม้ ขน้ - ผลิตภาพการผลิตของปัจจัยการผลิตมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ตามความล่าช้าในการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี การลดลงของการลงทุนเพื่อ เพ่ิมประสิทธิภาพของระบบเศรษฐกิจ และการลดลงของแรงขับเคล่ือน จากผลิตภาพการผลิตของปัจจัยแรงงาน ทำให้ผลิตภาพการผลิตของปัจจัย การผลิตไม่เพียงพอต่อการขับเคล่ือนการตัวทางเศรษฐกิจและหลุดพ้น จากการเป็นประเทศทม่ี รี ายได้ปานกลาง - หนสี้ าธารณะทมี่ แี นวโนม้ เพมิ่ ขึ้นจากรอ้ ยละ ๓๗.๙ ในชว่ งแผน พฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ที่ ๑๐ เป็นร้อยละ ๔๑.๗ ในชว่ ง ๓ ปีแรกของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี ๑๑ ซ่ึงเป็น

60 (ร่าง) กรอบทิศทางแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ ผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะส้ัน ทำให้การใช้มาตรการทาง การคลังสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจและการพัฒนาศักยภาพการขยายตัว ทางเศรษฐกิจเริ่มกลายเป็นข้อจำกัดในระยะต่อไป แม้ว่าจะดำเนินการ ภายใตก้ รอบวินยั ทางการคลงั - การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรมได้รับ การยกระดับดีข้ึน แต่ต่ำกว่ากลุ่มประเทศรายได้ขั้นสูง โดยในปี ๒๕๕๘ อันดับความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์อยูในอันดับ ที่ ๔๗ และดา้ นเทคโนโลยีอยู่ในอันดบั ท่ี ๔๔ จาก ๖๖ ประเทศ ทจ่ี ัดอนั ดับ โดย IMD ซ่ึงลดลงจากอันดับท่ี ๓๗ และ ๔๓ ในปี ๒๕๕๑ ตามลำดับ นอกจากนี้ ค่าเฉล่ียการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาต่อ GDP เท่ากับ ร้อยละ ๐.๒๗ ในช่วงปี ๒๕๔๓ – ๒๕๕๖ โดยในปี ๒๕๕๖ สัดส่วน การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๐.๔๗ ในขณะที่ ประเทศพัฒนาแล้ว อาทิ เกาหลีใต้ ญ่ีปุ่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย มีสัดส่วนการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเท่ากับร้อยละ ๔.๑๕ ๓.๔๗ ๒.๘๑ และ ๒.๑๘ ในปี ๒๕๕๖ ตามลำดับ ดา้ นสงั คม - ผลที่เกิดข้ึนจากอัตราการเจริญพันธุ์ที่ลดลงจากร้อยละ ๑.๖๒ ในปี ๒๕๕๘ เปน็ ร้อยละ ๑.๓๐ ในปี ๒๕๘๓ เปน็ ผลใหโ้ ครงสรา้ งประชากร มีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัย เน่ืองจากโครงสร้างประชากร วัยเด็กและวัยแรงงานมีจำนวนลดลงในขณะท่ีประชากรสูงอายุมีจำนวน เพม่ิ ขึ้นอยา่ งมาก โดย - กลุ่มประชากรวัยเด็กลดลงจาก ๑๑.๗๙ ล้านคน ในปี ๒๕๕๘ เหลือเพียง ๘.๑๗ ล้านคน ในปี ๒๕๘๓ อีกทั้งยังมีปัญหาพัฒนาการ ไมส่ มวยั และการตั้งครรภ์ในกลุ่มวยั รุน่ ทีม่ ีแนวโนม้ เพ่มิ ขึน้

(รา่ ง) กสรมอรบรทถนศิ ทะกาางแรศผนกึ ษการไศทกึยษในาแเวหท่งีสชากตลิ พพ.ศ..ศ๒. 2๕5๖5๐8- ๒๕๗๔ 61 - กลุ่มประชากรวัยแรงงานลดลงจาก ๔๓.๐ ล้านคน เป็น ๓๕.๒ ล้านคน ในช่วงเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังมีปัญหาผลิตภาพของแรงงาน ต่ำ ซ่ึงเห็นได้จากผลิตภาพแรงงานเฉล่ียในช่วง ๑๐ ปีท่ีผ่านมา (๒๕๔๘ - ๒๕๕๗) เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ ๒.๔ ต่อปี ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ มาเลเซีย ๑ เท่าตัว และสิงค์โปร์ ๕ เท่าตัว นอกจากน้ี กำลังแรงงานกว่า ร้อยละ ๖๕.๑ มีการศกึ ษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้นและตำ่ กวา่ - ประชากรกลุ่มผู้สูงอายุ มีแนวโน้มเพิ่มข้ึนจาก ๑๐.๓ ล้านคน (ร้อยละ ๑๖.๒) เปน็ ๒๐.๕ ล้านคน (รอ้ ยละ ๓๒.๑) ในชว่ งเวลาเดยี วกัน นอกจากน้ี ยังส่งผลให้ขนาดของครัวเรือนโดยเฉลี่ยลดลงจาก ๓.๘ คนต่อ ครัวเรือน ในปี ๒๕๔๓ เป็น ๓.๕ คนต่อครัวเรือนในปี ๒๕๕๖ และอัตรา การพ่ึงพา (Dependency Ratio) เพม่ิ ข้นึ จากรอ้ ยละ ๕๕.๒๒ ในปี ๒๕๕๓ เป็นร้อยละ ๕๗.๕ ต่อประชากรวัยแรงงาน ในปี ๒๕๕๘ ตามลำดบั - ผลจากความก้าวหน้าด้านสาธารณสุข ทำให้อายุเฉล่ียของ คนไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงข้ึนจาก ๗๑.๙๓ ปี และ ๗๘.๘๒ ปี สำหรับ เพศชายและเพศหญิง ในปี ๒๕๕๗ เป็น ๗๓.๒๘ และ ๘๐.๑๐ สำหรับ เพศชายและเพศหญิง ในชว่ งปี ๒๕๕๘ – ๒๕๖๓ ตามลำดบั รวมทัง้ ระบบ หลักประกันสุขภาพที่คนไทยกว่าร้อยละ ๙๙.๙ ได้รับจากระบบหลัก ประกันสขุ ภาพถว้ นหนา้ รอ้ ยละ ๗๓.๘ ระบบประกันสงั คม ร้อยละ ๑๖.๗ และระบบสวัสดิการรกั ษาพยาบาล/ข้าราชการรัฐวสิ าหกจิ รอ้ ยละ ๗.๑ - สถานการณ์ความยากจนของประเทศไทยแม้ว่าจะมีแนวโน้ม ลดลง ซ่ึงเห็นได้จาก สัดส่วนของคนจนลดลงจากร้อยละ ๒๐.๐๔ (จำนวน คนยากจน ๑๒.๗ ล้านคน) ในปี ๒๕๕๐ เหลือร้อยละ ๑๐.๙๔ (จำนวน คนยากจน ๗.๓ ล้านคน) ในปี ๒๕๕๖ โดยท่ีความยากจนยังกระจุกตัว หนาแน่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ และยังมีปัญหาของ ความเหล่ือมล้ำในการกระจายรายได้ ซึ่งเห็นได้จากค่าสัมประสิทธิ์ความ

62 (รา่ ง) กรอบทศิ ทางแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ ไม่เสมอภาค (Gini Coefficient) ด้านรายได้ ลดลงจาก ๐.๔๙๙ ในปี ๒๕๕๐ เหลอื ๐.๔๖๕ ในปี ๒๕๕๖ โดยทคี่ วามแตกตา่ งของรายได้ระหวา่ ง กลมุ่ คนทรี่ วยทสี่ ุดกบั กลุ่มคนทีจ่ นที่สดุ มคี วามแตกตา่ งกนั ๓๔.๙ เทา่ ในปี ๒๕๕๖ ซึ่งกลุ่มคนที่รวยท่ีสุดร้อยละ ๑๐ ถือครองรายได้สูงสุดคิดเป็น ร้อยละ ๓๖.๘ ของรายได้ทั้งหมด ในขณะท่ีกลุ่มคนที่จนท่ีสุดร้อยละ ๑๐ ถือครองรายไดเ้ พยี งร้อยละ ๑.๑ ของรายไดท้ ั้งหมด - ความเป็นสังคมเปิดทำให้การเล่ือนไหลของวัฒนธรรมท่ ี หลากหลายซ่ึงมาพร้อมกับการเคลื่อนย้ายของทุน แรงงาน ซึ่งมีเทคโนโลยี สารสนเทศเป็นแรงขับเคล่ือน ได้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างและรากฐาน วัฒนธรรมไทย กลายเป็นสังคมทใี่ ห้คุณค่ากับทรัพยส์ ินและความมงั่ ค่งั เน้น ความสะดวกสบาย ความสนุกสนาน ขาดความรับผิดชอบ เห็นแก่ตัว ละเลยเร่ืองความมีวินัย ขาดความเสียสละ ไม่มีความเอ้ือเฟ้ือเผ่ือแผ ่ ตลอดจนละเลยขนบธรรมเนียบประเพณีท่ีดีงาม ทำให้สังคมไทยเป็นสังคม พหุวัฒนธรรม และมีความขัดแย้งทางความคิดและไม่ยอมรับความคิดเห็น ท่ีแตกต่าง ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม - การขยายตัวของเศรษฐกิจและชุมชนเมือง ประกอบกับค่านิยม และพฤติกรรมในการบริโภคที่เปล่ียนไป ขาดความรับผิดชอบต่อส่วนรวม เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน มุ่งเอารัดเอาเปรียบ ทำให้ทรัพยากรถูกทำลาย และเส่ือมโทรมอย่างรวดเร็ว ส่งผลเสียต่อมลภาวะทางอากาศ น้ำ เสียง ปญั หาน้ำเสยี ปัญหาขยะมูลฝอย รวมทง้ั กากของเสียจากภาคอตุ สาหกรรม ที่สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม อันนำไปสู่ภัยพิบัติธรรมชาติ ภาวะโลกร้อน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นำมาซ่ึงความสูญเสียทางเศรษฐกิจและ สังคมที่ประมาณค่ามิได้ และต้องใช้ทรัพยากรในการแก้ปัญหาและ

(ร่าง) กสรมอรบรทถนิศทะกาางแรศผนึกษการไศทกึยษในาแเวหทง่ ีสชากตลิ พพ.ศ..ศ๒. 2๕5๖5๐8- ๒๕๗๔ 63 ผลกระทบต่อเนื่องอย่างไม่มีที่ส้ินสุด ซ่ึงสร้างภาระกับสังคมและ งบประมาณของรัฐในระยะยาว สภาพบรบิ ทดา้ นการศกึ ษาของประเทศไทย๒ ๑. ดา้ นโอกาสและความเสมอภาคทางการศกึ ษา n อัตราส่วนนักเรียนต่อประชากรกลุ่มอายุ จำแนกตามระดับ การศกึ ษา ปีการศกึ ษา ๒๕๕๑ – ๒๕๕๖ พบว่า - การศึกษาภาคบังคับ มีแนวโน้มลดลงจากร้อยละ ๑๐๑.๕ ในปี ๒๕๕๑ เป็นร้อยละ ๙๖.๗ ในปี ๒๕๕๗ โดยระดับการศึกษาท่ีมี แนวโน้มเพม่ิ ขนึ้ คอื ระดับก่อนประถมศกึ ษา โดยเพม่ิ ข้นึ จากรอ้ ยละ ๑๑๓.๐ เป็นรอ้ ยละ ๑๑๖.๓ ระดับการศึกษาที่มแี นวโนม้ ลดลง ได้แก่ ประถมศึกษา และมัธยมต้น ลดลงจากร้อยละ ๑๐๕.๒ และ ๙๔.๙ เป็น ๑๐๐.๔ และ ๘๙.๙ ในชว่ งเวลาเดยี วกัน ตามลำดับ - มธั ยมศึกษาตอนปลาย มแี นวโนม้ เพ่มิ ขึน้ จากร้อยละ ๖๗.๙ เป็นร้อยละ ๗๖.๘ ในช่วงเวลาเดียวกัน ตามลำดับ โดยสายสามัญ และ สายอาชพี เพมิ่ ขน้ึ จากรอ้ ยละ ๔๑.๖ และ ๒๖.๓ เปน็ ร้อยละ ๕๒.๐ และ ๒๔.๘ ในช่วงเวลาเดียวกนั ตามลำดับ - ระดับอุดมศึกษา มีแนวโน้มเพ่ิมข้ึนจากร้อยละ ๓๙.๕ เป็น ร้อยละ ๔๙.๓ ในช่วงเวลาเดียวกัน ตามลำดับ โดยระดับปริญญาตรี เพ่ิมข้ึนจากร้อยละ ๒๙.๓ เป็นร้อยละ ๔๐.๘ ส่วนอนุปริญญา ลดลงจาก รอ้ ยละ ๑๙.๙ เป็นร้อยละ ๑๖.๙ ในชว่ งเวลาเดียวกัน ตามลำดบั ๒ ท่มี า : สำนักประเมินผลการจัดการศกึ ษา สำนกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา ๒๕๕๘

64 (รา่ ง) กรอบทศิ ทางแผนการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ n อัตราการคงอยู่ของผู้เรียนระดับประถมศึกษา และมัธยมต้น มีแนวโน้มลดลง เหลือร้อยละ ๙๓.๑ และ ๙๒.๗ ในปีการศึกษา ๒๕๕๖ ส่วนระดับมัธยมปลายมีแนวโน้มเพ่ิมข้ึนเป็นร้อยละ ๘๖.๒ จำแนกเป็น สายสามัญและสายอาชีพ ร้อยละ ๘๙.๕ และ ๘๐.๖ ในช่วงเวลาเดียวกัน ตามลำดับ n จำนวนปีการศึกษาเฉลี่ยของคนไทยอายุ ๑๕ – ๕๙ ปี เพม่ิ ขน้ึ จาก ๘.๘ ปี ในปี ๒๕๕๑ เปน็ ๙.๐ ปี ในปี ๒๕๕๗ ๒. ดา้ นคุณภาพการศกึ ษา n ร้อยละของเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ ๕ ปี ที่มีพัฒนาการสมวัย เพิม่ ขึ้นจากร้อยละ ๖๗.๗ ในปี ๒๕๕๐ เปน็ ร้อยละ ๗๒.๕ ในปี ๒๕๕๗ n ร้อยละของเดก็ อายุ ๐ – ๕ ปี ทมี่ ีภาวะทพุ โภชนาการ ระดบั รุนแรง โดยมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน มีภาวะทุพโภชนาการเร้ือรัง (ความสงู เทยี บกบั อาย)ุ และมีภาวะทพุ โภชนาการเฉยี บพลัน (นำ้ หนกั เทยี บ กบั ความสูง) ปี ๒๕๕๕ เทา่ กับรอ้ ยละ ๒.๑ ๕.๙ และ ๒๒ ตามลำดับ n คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับชาติ (O-NET) ในกลุ่ม สาระหลัก ปีการศึกษา ๒๕๕๒ – ๒๕๕๗ จำแนกตามระดับชั้น พบวา่ - ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖ ทุกวิชาที่มีคะแนนผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนเพ่ิมขึ้น แต่ก็ยังมีคะแนนเฉลี่ยต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ ยกเว้นวิชา สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม วิชาสุขศึกษาและพลศึกษา และวิชา การงานอาชพี และเทคโนโลยี ทมี่ คี ะแนนเฉลย่ี เกนิ รอ้ ยละ ๕๐ - ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ทุกวิชาที่มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนเพ่ิมขึ้น แต่ก็ยังมีคะแนนเฉล่ียต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ ยกเว้นวิชา สขุ ศึกษาและพลศึกษา ที่มีคะแนนเฉลี่ยเกินร้อยละ ๕๐ และวชิ าภาษาไทย ท่ีมีคะแนนเฉล่ียไม่แตกต่างจากปี ๒๕๕๒

(รา่ ง) กสรมอรบรทถนศิ ทะกาางแรศผนกึ ษการไศทกึยษในาแเวหทง่ สีชากตลิ พพ.ศ..ศ๒. 2๕5๖5๐8- ๒๕๗๔ 65 - ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖ วชิ าทม่ี คี ะแนนผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น เพิม่ ขึน้ แต่ก็ยงั มคี ะแนนเฉลี่ยต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ อาทิ ภาษาไทย การงาน อาชีพแลเทคโนโลยี วิชาที่มีคะแนนผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนคงเดิม อาทิ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ และศลิ ปะ และวชิ าท่ีมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นลดลง อาทิ คณิตศาสตร์ ยกเวน้ วชิ าสขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ทีม่ คี ะแนนเฉลยี่ เกนิ รอ้ ยละ ๕๐ - หากจำแนกตามกลุ่มสาระวิชาและระดับช้ัน พบว่า เกือบ ทุกวิชามีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนลดลงเม่ือเข้าสู่ระดับการศึกษา ทส่ี งู ขึน้ - หากจำแนกตามภมู ภิ าค พบวา่ กรงุ เทพฯ มคี ะแนนผลสมั ฤทธ ิ์ ทางการเรยี นเฉลยี่ สงู กวา่ คา่ เฉลยี่ ของประเทศทกุ วชิ า รองลงมาคอื ภาคกลาง และภาคใต้ ส่วนภาคท่ีมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำสุดสองลำดับ สดุ ท้ายทกุ วิชา ไดแ้ ก่ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื และภาคเหนือ n คะแนนผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นระดบั ชาติ (N-NET) ปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๔ – ๒๕๕๗ จำแนกตามระดบั การศึกษาและสาระ พบวา่ - ระดับประถมศึกษา ทุกสาระวิชามีคะแนนผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนเฉล่ียต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ โดยสาระวิชาที่คะแนนผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนมีแนวโน้มลดลง อาทิ ทักษะการเรียนรู้ ความรู้พื้นฐาน การประกอบอาชีพ ทักษะการดำเนินชีวิต ส่วนสาระด้านการพัฒนาสังคม มีแนวโน้มเพิ่มขน้ึ เล็กน้อย - ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น สาระวิชามีคะแนนผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนเฉล่ียเกินกว่าร้อยละ ๕๐ มีเพียงสาระด้านทักษะการเรียนรู้ ส่วนสาระวิชามีคะแนนผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเฉลี่ยต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ และมีแนวโน้มลดลง อาทิ ด้านการประกอบอาชีพ ทักษะการดำเนินชีวิต

66 (รา่ ง) กรอบทิศทางแผนการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ และการพัฒนาสังคม ส่วนสาระด้านความรู้พ้ืนฐานมีแนวโน้มเพ่ิมข้ึน เล็กน้อย - ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ทกุ สาระวชิ ามคี ะแนนผลสมั ฤทธ ์ิ ทางการเรยี นเฉลยี่ ตำ่ กวา่ รอ้ ยละ ๕๐ และมีแนวโน้มลดลงทกุ สาระหลัก n เวลาเฉล่ียท่ีคนไทยอายุ ๖ ปีขึ้นไป ใช้ในการอ่านหนังสือนอก เวลาเรียน/นอกเวลาทำงาน ลดลงจาก ๓๙ นาทีต่อวัน ในปี ๒๕๕๑ เป็น ๓๗ นาทีต่อวัน ในปี ๒๕๕๖ โดยกลุ่มเยาวชน (๑๕ – ๒๔ ปี) มีเวลาใน การอ่านมากที่สดุ ๕๐ นาทตี อ่ วัน รองลงมาได้แก่ กลมุ่ วัยเด็ก (๖ – ๑๔ ป)ี มีเวลาในการอ่าน ๔๖ นาทีต่อวัน โดยภาคที่มีเวลาในการอ่านหนังสือ มากทส่ี ดุ ไดแ้ ก่ กรงุ เทพ รองลงมาไดแ้ ก่ ภาคใต้ และภาคกลาง n การจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านการศึกษา โดย IMD แม้ว่าผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศจะ ลดลง ๑ อันดับ จากอันดับที่ ๒๙ ในปี ๒๕๕๗ เป็นอันดับที่ ๓๐ ในปี ๒๕๕๘ และเป็นอนั ดบั ท่ีสามในกลมุ่ ประเทศอาเซียน รองจากสงิ คโปร์ และ มาเลเซีย แต่อันดับความสามารถในการแข่งขันด้านการศึกษาของไทย เพมิ่ ข้ึน ๖ อนั ดับ จากอันดบั ที่ ๕๔ เป็นอันดับท่ี ๔๘ ในชว่ งเวลาเดียวกนั ตามลำดับ โดยมีตัวช้ีวัดย่อยด้านการศึกษาท่ีเป็นจุดเด่นและเป็นตัวช้ีวัด ใหม่ทเ่ี พ่มิ ขึน้ ในปี ๒๕๕๗ ๒ ตัวช้วี ดั ได้แก่ รอ้ ยละของงบประมาณภาครฐั ที่ใช้ในการศึกษาต่อนักเรียนระดับมัธยมศึกษา และร้อยละของผู้หญิงท่ีม ี การศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ส่วนตัวช้ีวัดย่อยด้านการศึกษา ท่ีมีอันดับดีข้ึนมากท่ีสุด ๒ ตัวชี้วัด ได้แก่ อัตราการไม่รู้หนังสือของ ประชากรวัย ๑๕ ปีข้ึนไป และอัตราการเข้าเรียนสุทธิระดับมัธยมศึกษา และตัวช้ีวัดท่ีมีอันดับลดลง ได้แก่ ตัวช้ีวัดอัตราส่วนนักเรียนต่อครูระดับ มธั ยมศกึ ษา (ตวั ชี้วดั ดา้ นโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา) ตวั ช้ีวัด

(ร่าง) กสรมอรบรทถนิศทะกาางแรศผนกึ ษการไศทกึยษในาแเวหทง่ สีชากตลิ พพ.ศ..ศ๒. 2๕5๖5๐8- ๒๕๗๔ 67 ความคิดเห็นต่อการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน ตัวช้ีวัด ความคิดเห็นต่อทักษะด้านภาษา (ตัวช้ีวัดกลุ่มคุณภาพการศึกษา) ตัวชี้วัด ประชากรท่ีสำเรจ็ การศกึ ษาระดับอดุ มศกึ ษา ตัวช้วี ัดนักศกึ ษาต่างชาตทิ เี่ ข้า มาศึกษาในประเทศ (ตัวช้ีวัดกลุ่มการอุดมศึกษา) ตัวชี้วัดความคิดเห็น ต่อการตอบสนองความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของการศึกษา ระดับมหาวิทยาลัย และตัวชี้วัดความคิดเห็นต่อการจัดการศึกษาสาขา บริหารจัดการที่ตอบสนองต่อความต้องการภาคธุรกิจ (ตัวชี้วัดกล่มุ คุณภาพ การศึกษาทตี่ อบสนองตอ่ ภาคธรุ กิจ) n จำนวนคดเี ดก็ และเยาวชน (อายุ ๑๐ – ๑๘ ป)ี ท่ีถกู ดำเนนิ คดี โดยสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน มีแนวโน้มลดลงจาก ๔๖,๙๘๑ คน ในปี ๒๕๕๑ เหลอื ๓๗,๔๓๓ คน ในปี ๒๕๕๖ n จำนวนเดก็ อายตุ ำ่ กวา่ ๑๕ ปี ทต่ี งั้ ครรภแ์ ละคลอดบตุ ร เพมิ่ ขน้ึ จาก ๓,๐๔๓ คน ในปี ๒๕๕๑ เป็น ๓,๖๘๐ คน ในปี ๒๕๕๖ n อัตราการรู้หนังสือของประชากรอายุ ๖ ปีขึ้นไป ในปี ๒๕๕๖ คิดเป็นร้อยละ ๙๑.๑ จำแนกเป็นด้านการอ่านหนังสือ เขียนหนังสือได้ และคำนวณได้ รอ้ ยละ ๙๔.๘, ๙๔.๑ และ ๙๓.๘ ตามลำดบั n ร้อยละของกำลังแรงงานท่ีจบมัธยมศึกษาขึ้นไป เพ่ิมข้ึนจาก ร้อยละ ๔๓.๑๒ ในปี ๒๕๕๑ เป็นรอ้ ยละ ๕๑.๐๔ ในปี ๒๕๕๗ โดยระดับ อุดมศึกษามีสัดส่วนเพิ่มข้ึนมากที่สุด จากร้อยละ ๑๔.๙๓ เป็นร้อยละ ๑๙.๘๓ รองลงมาเป็นระดับมัธยมปลาย และมัธยมต้น ซ่ึงเพ่ิมข้ึนจาก ร้อยละ ๑๒.๙๑ และ ๑๕.๒๙ เป็นร้อยละ ๑๕.๑๖ และ ๑๖.๐๕ ในช่วง เวลาเดียวกัน ตามลำดบั n ทกั ษะดา้ นภาษาทตี่ อบสนองตอ่ ความตอ้ งการของผปู้ ระกอบการ ของประเทศไทย ปี ๒๕๕๒ – ๒๕๕๗ อย่ใู นอันดบั ทลี่ ดลงจากอันดบั ท่ี ๔๓

68 (ร่าง) กรอบทิศทางแผนการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๔ ในปี ๒๕๕๑ เปน็ อนั ดบั ที่ ๕๑ ในปี ๒๕๕๗ จากจำนวนประเทศทีจ่ ัดอันดับ ๕๗ และ ๖๐ ประเทศ ตามลำดับ n จำนวนบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาเทียบเท่าเต็มเวลาต่อ ประชากร ๑,๐๐๐ คน เพมิ่ ข้ึนจาก ๐.๖๕ ในปี ๒๕๕๑ เปน็ ๐.๘๐ ในปี ๒๕๕๖ และอยู่ในอันดับท่ีลดลงจากอันดับท่ี ๔๗ เป็นอันดับที่ ๕๓ โดย IMD โดยงบวิจัยและพัฒนาต่อ GDP เพ่ิมขึ้นจากร้อยละ ๐.๒๒ ในปี ๒๕๕๑ เป็นร้อยละ ๐.๓๙ ในปี ๒๕๕๕ n การใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตของประชากรอายุ ๑๕ ปี ขึ้นไป เพ่ิมขึ้นจากร้อยละ ๒๒.๕ และ ๑๗.๓ ในปี ๒๕๕๑ เป็นร้อยละ ๓๑.๗ และ ๓๑.๖ ในปี ๒๕๕๗ ๓. ด้านบริหารจดั การ n การศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน : - บริหารและจัดการศึกษาแบบรวมศูนย์อำนาจที่ส่วนกลาง สถานศึกษาขาดความอิสระ คล่องตัวในการบรหิ ารจัดการและใช้ทรัพยากร เพอื่ การศกึ ษาทส่ี ามารถแสดงความรับผิดชอบตอ่ ผเู้ รียน - การรับรู้ข้อมูลในตลาดการศึกษาที่ไม่เท่ากัน ท้ังผู้ผลิต บริการและผู้ซ้ือบริการการศึกษา ทำให้กลุ่มท่ีมีความได้เปรียบทาง เศรษฐกิจและสังคม สามารถเข้าถึงบริการการศึกษาที่มีคุณภาพและ มาตรฐานมากกวา่ กลุ่มคนทด่ี ้อยโอกาส/ยากจน - ความสามารถของตลาดในการตอบสนองมีมากกว่าความ ต้องการของผู้รบั บริการ เนื่องจากโครงสรา้ งประชากรทีล่ ดลงอย่างต่อเน่อื ง ในช่วง ๑๐ ปีท่ีผ่านมา และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องในอีก ๑๐ - ๒๐ ปีข้างหน้า และนำมาซึ่งความสูญเปล่าและความไม่มีประสิทธิภาพใน การบรหิ ารจดั การของรัฐ

(รา่ ง) กสรมอรบรทถนิศทะกาางแรศผนกึ ษการไศทกึยษในาแเวหทง่ ีสชากตลิ พพ.ศ..ศ๒. 2๕5๖5๐8- ๒๕๗๔ 69 - การผูกขาดการจัดการศึกษาโดยรัฐ ผ่านนโยบายและ มาตรการของรัฐทเี่ อ้ือประโยชนต์ ่อสถานศึกษาของรัฐ รวมทง้ั บทบัญญัติใน รัฐธรรมนูญที่ไม่สอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เป็นผลให้ขาดการมีส่วนร่วมในการระดมทุนและการสนองทุนเพื่อ การศึกษาจากทุกภาคส่วนของสังคม โดยทรัพยากรเพื่อการศึกษามาจาก ภาครัฐเป็นหลัก n การศึกษาหลังมัธยมศึกษาตอนปลาย (อาชีวศึกษาและ อุดมศึกษา) - แม้ว่าสถาบันอุดมศึกษาจะเป็นนิติบุคคล มีอิสระและความ คล่องตัวในการบริหารจัดการ แต่ก็ยังมีสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่งมี ปัญหาดา้ นธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบ - ขาดแคลนกำลังคนระดับกลาง (สายอาชีพ) แม้ว่ารัฐจะม ี นโยบายส่งเสริมการจัดการศึกษาระบบทวิภาคี สหกิจศึกษา และให้เงินกู้ ยืมแก่ผู้เรียน แต่ก็ไม่สร้างแรงจูงใจให้ประชากรวัยเรียนเข้าศึกษาใน สายอาชพี - สถาบันอุดมศึกษาผลิตกำลังคนตามศักยภาพและความ สามารถของแต่ละสถาบัน ม่งุ ผลิตเชงิ พาณชิ ย์ เนน้ ปรมิ าณมากกวา่ คุณภาพ อีกทั้งไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ส่งผลให้เกิดปัญหา การว่างงานของผู้จบระดับอุดมศึกษา ปัญหาการทำงานต่ำกว่าระดับ และ การเรียนต่อในระดับบณั ฑติ ศกึ ษาระหว่างรอหางานทำ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook