เอกสารประกอบการเรียนรู้วิชาเลือกเสรี วิชาเพลงโคราช อช03309 หลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ชุดการเรียนรู้ เร่ือง เพลงโคราช Korat folk song performance ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองนครราชสีมา สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย จังหวัดนครราชสีมา เอกสารประกอบการเรียนรู้วิชาเลือกเสรี วิชาเพลงโคราช อช03309 หลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ชดุ การเรยี นรู้เร่อื งเพลงโคราช 1 Korat folk song performance
ชุดการเรียนรู้ เรอ่ื ง เพลงโคราช Korat folk song performance ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมืองนครราชสีมา สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวดั นครราชสีมา กาหนดการรับและสง่ งาน เรื่อง เพลงโคราช เร่ือง รับงานวันที่ ลายมือชอ่ื ส่งงานวันท่ี ลายมอื ชือ่ หมายเหตุ ชุดการเรียนรู้เรอ่ื งเพลงโคราช 2 Korat folk song performance
เรื่องท่ี 1 . ภาษาโคราช เรื่องท่ี 2 เพลงโคราช เรอื่ งที่ 3 ทักษะการร้องเพลงโคราช ตรงตอ่ เวลาด้วยนะครบั คานา ชดุ การเรยี นรู้เรื่องเพลงโคราช สาหรบั นักศกึ ษา กศน. คณะผู้จัดทาไดศ้ ึกษาวเิ คราะห์สภาพปัญหาปัจจุบนั จากการสารวจความต้องการของนักศึกษาหลกั สตู รการศึกษานอกระบบและการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 โดยออกแบบการเรยี นรู้ใหม้ คี วามหลากหลาย เหมาะสมกบั นักศกึ ษาและกรอบการจัดกจิ กรรมพัฒนาคุณภาพผูเ้ รียน มีกระบวนการจดั การเรยี นรู้ ONIE MODEI การวัดและประเมินผลเปน็ ไปตามจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ซ่งึ ชุดการเรียนรู้ น้มี จี านวน 3 เรอ่ื ง ประกอบด้วยเรอ่ื งท่ี 1 ภาษาโคราช เรอ่ื งท่ี 2 เพลงโคราช เร่อื งที่ 3 ทกั ษะการร้องเพลงโคราช ชดุ การเรียนรู้เร่ืองเพลงโคราช 3 Korat folk song performance
ชุดการเรียนรชู้ ดุ น้ีประกอบดว้ ย คาชแ้ี จงสาหรบั นกั ศึกษา กศน. คาชีแ้ จงสาหรบั ครู บทบาทของครูผสู้ อน บทบาท ของนักศึกษา ผังความคดิ การใชข้ ดุ การเรียนรู้ ใบความรู้ ใบงาน และแบบทดสอบ เพ่ือใหเ้ กดิ ความรู้ความเข้าใจที่ สามารถตรวจความถูกต้องด้วยตนเองได้ ซง่ึ ครู กศน.สามารถนาไปใช้ในการจดั การเรียนการสอนทั้งในการปกติ หรอื จดั กจิ กรรมการพัฒนาคณุ ภาพผ้เู รยี น คณะผจู้ ัดทาหวังเปน็ อยา่ งยิง่ ว่าชุดการเรยี นรู้เลม่ นี้ จะมีคณุ คา่ ในการพัฒนาการเรยี นรขู้ องนักศึกษา กศน. ให้เปน็ ไปตามจุดมงุ่ หมายของกรอบการจัดกิจกรรมการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี น ตลอดจนมีประโยชน์สาหรับครผู สู้ อน และผู้สนใจ เพื่อนาไปพฒั นาคุณภาพการเรียนการสอน ให้มีคณุ ภาพการศึกษาสงู ยิ่งขึน้ ไป ประสิทธิ์ ตงั้ ประเสริฐ สารบัญ หน้า คานา 4 สารบัญ คาชแ้ี จงสาหรับนกั ศึกษา กศน. คาชีแ้ จงสาหรับครู บทบาทของครผู ้สู อน บทบาทของนักศึกษา ผังความคดิ การใชข้ ุดการเรียนรู้ แบบทดสอบกอ่ นเรียน ใบความรทู้ ี่ 1. ภาษาโคราช…………………………………….. -บนั ทกึ สรปุ การเรยี นรู้ ชุดการเรยี นรู้เรอื่ งเพลงโคราช Korat folk song performance
-ใบงานท่ี 1. ใบความรู้ท่ี 2 เพลงโคราช…………………………………………………………………………. -บันทกึ สรุปการเรยี นรู้ -ใบงานท่ี 2 ใบความรูท้ ี่ 3 ทักษะการร้องเพลงโคราช…………………………………………………… -บันทกึ สรปุ การเรยี นรู้ -ใบงานท่ี 3 แบบทดสอบหลังเรยี น บรรณานุกรม คณะทางาน คาชี้แจงสาหรบั นักศึกษา กศน. ชดุ การเรยี นรู้เรื่อง เพลงโคราช สาหรบั นกั ศกึ ษา กศน.หลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษา ขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 วชิ าเลือกเสรวี ชิ า เพลงโคราช อช03309 ประกอบด้วย เนื้อหาท้ังหมด 3 เรื่อง ดงั น้ี เรอ่ื งที่ 1 ภาษาโคราช เรอื่ งท่ี 2 เพลงโคราช เรื่องท่ี 3 ทักษะการรอ้ งเพลงโคราช ชดุ การเรยี นรู้เร่อื งเพลงโคราช 5 Korat folk song performance
คาชี้แจงสาหรับครู ขอ้ ปฏิบัติในการใช้ชุดการเรียนรู้ ชดุ การเรียนรู้เร่อื ง เพลงโคราช สาหรบั นกั ศึกษา กศน.หลักสตู รการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษา ขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 วิชาเลอื กเสรวี ชิ า เพลงโคราช อช03309 มีจุดมงุ่ หมายเพ่ือช่วยให้การดาเนินกจิ กรรม การจัดการเรียนการสอน ให้บรรลวุ ตั ถุประสงค์การเรยี นรูแ้ ละมปี ระสิทธิภาพ ครผู สู้ อน ควรดาเนนิ การดงั น้ี 1. ขั้นเตรยี มการสอน 1.1 ศึกษาคาช้แี จงในการใช้ชดุ กจิ กรรมให้เขา้ ใจก่อนอย่างละเอียดรอบคอบ 1.2 ศกึ ษาสาระสาคญั และจุดประสงค์การเรยี นรทู้ จ่ี ะดาเนินการจัดกจิ กรรม ให้เขา้ ใจชดั เจนเสยี กอ่ น 2. ข้นั สอน/จดั กระบวนการ 2.1 ดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนร้ตู ามกระบวนการเรยี นการสอนแบบ ONIE MODEL 4 ขนั้ คือ ข้ันที่ 1 กาหนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งการในการเรียนรู้ (O: Orientation) เปน็ การเรียนรู้จากสภาพ ปญั หา หรือความต้องการของผเู้ รียน และชมุ ชน สังคม โดยให้เชอื่ มโยงกับประสบการณ์เดมิ และสอดคล้องกับมาตรฐานการเรยี นรูข้ อง หลกั สูตร ขน้ั ท่ี 2 แสวงหาข้อมูลและจัดการเรียนรู้ (N: New ways of learning) การแสวงหาข้อมูล และจัดการเรียนรู้ โดยศกึ ษา ค้นควา้ หาความรู้ และรวบรวม ข้อมูลของตนเอง ขอ้ มลู ของชุมชน สังคม และข้อมูลทางวิชาการ จากสือ่ และแหลง่ เรียนรู้ท่หี ลากหลายมีการระดมความคิดเหน็ วเิ คราะห์ สังเคราะหข์ ้อมลู และสรุป เปน็ ความรู้ ขน้ั ที่ 3 ปฏบิ ตั ิและนาไปประยกุ ตใ์ ช้ (I: Implementation) ชุดการเรยี นรู้เร่อื งเพลงโคราช 6 Korat folk song performance
นาความรู้ที่ได้ไปปฏบิ ตั ิ และประยกุ ตใ์ ชใ้ ห้สอดคล้องกบั สถานการณ์ เหมาะสมกับ วัฒนธรรมและสงั คม ขน้ั ที่ 4 ประเมนิ ผลการเรียนรู้ (E: Evaluation) ประเมนิ ทบทวน แก้ไขข้อบกพร่อง ผลจากการนาความร้ไู ปประยกุ ต์ใชแ้ ลว้ สรุป เป็นความรู้ใหม่ พร้อมกบั เผยแพรผ่ ลงาน 2.2 ขณะท่ีนกั ศกึ ษาทากจิ กรรม ครูคอยใหค้ วามช่วยเหลือแนะนากระตนุ้ ใหน้ ักศึกษาทากจิ กรรม อย่างกระตือรอื รน้ และตอบข้อสงสยั ต่าง ๆ ระหวา่ งเรียนพรอ้ มท้ังสังเกตและประเมนิ พฤตกิ รรมการทางาน ของนักศึกษา 2.3 ประเมนิ ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น โดยใชแ้ บบทดสอบยอ่ ย บทบาทของครูผสู้ อน 1. ศึกษาชุดการเรียนรู้เร่ือง เพลงโคราช ใหเ้ ขา้ ใจก่อนท่ีจะนาไปใช้ 2. ครูอธบิ าย ช้แี จงเกี่ยวกับการศกึ ษาและปฏิบตั ติ ามชดุ การเรียนรู้เรื่อง เพลงโคราช และแจง้ จุดประสงค์ การเรยี นรูใ้ หน้ กั ศกึ ษาเข้าใจ 3. ครดู าเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามกระบวนการเรียนการสอนท่ีกาหนดไว้ 4. ครกู ับตดิ ตามการทาใบงาน และให้คาปรึกษาแนะนานักศกึ ษา 5. ครูทดสอบนกั ศกึ ษาโดยใช้แบบทดสอบ หลงั จาก เรียนเนื้อหาจบ เพอื่ วัดความรู้ความเขา้ ใจของนักศึกษา ชดุ การเรยี นรู้เรือ่ งเพลงโคราช 7 Korat folk song performance
บทบาทนกั ศกึ ษา 1. รบั ทราบจดุ ประสงค์การเรียนรจู้ ากครผู ู้สอน เพ่อื ให้ทราบวา่ เม่อื จบกจิ กรรมการเรยี นรู้แล้ว นักศึกษา สามารถเรียนรอู้ ะไรได้บา้ ง 2. ตง้ั ใจศกึ ษาใบความรู้ และปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามขัน้ ตอนหรอื คาชแ้ี จงของแต่ละเนื้อหา อย่างจริงจัง ตรงต่อ เวลา และมีความซื่อสัตย์ รบั ผดิ ชอบ ในการทากจิ กรรมแบบทดสอบ และส่งงานครู 3. ทาแบบทดสอบหลงั เรียน เพ่อื วดั ความรู้ความเขา้ ใจ ใหผ้ า่ นเกณทร์ ้อยละ 70 ขึ้นไป หากทาไดไ้ มถ่ งึ เกณท์ ใหน้ ักศึกษากลับไปทบทวนเนื้อหา และใบงาน อีกครงั้ 4. ชุดการเรียนรูเ้ รื่อง เพลงโคราช นามาใช้ในการจดั กจิ กรรมการพัฒนาคุณภาพผู้เรยี น หรือ หากไม่มเี วลา มาพบกลุม่ ทากจิ กรรมสามารถนาไปเรยี นรู้ได้ผา่ นดิจทิ ัลโดย e-book นี้ ขนั้ ตอนในการเรยี นด้วยชุดการเรยี นรู้ 8 ชุดการเรยี นรู้เรอ่ื งเพลงโคราช Korat folk song performance
ศกึ ษารายละเอียดของชดุ การเรยี นรูแ้ ต่ละเรอื่ ง ศึกษาผลการเรยี นรทู้ ี่คาดหวัง/จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดาเนนิ การใชช้ ดุ การเรยี นรู้ ๑. ข้นั นาเข้าสู่บทเรยี น - แจง้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - บอกส่งิ ท่นี ักศึกษาต้องปฏบิ ตั ิ - ทดสอบก่อนเรยี น ๒. ขั้นเรยี นรู้ นกั ศึกษาปฏบิ ัติกจิ กรรมตามทีร่ ะบุไวใ้ นใบงาน ๓. ขั้นสรุป สรปุ อภิปราย แลกเปล่ียนเรยี นรู้ ทดสอบหลังเรียน ไม่ผา่ น ผา่ น ทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หมายเหตุ ผ่าน หมายถึง ผเู้ รยี นทาใบงานครบ ทาแบบทดสอบไดร้ ้อยละ 70 และแบบฝึกหัดครบ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น คาช้แี จง ให้ผู้เรยี นอ่านคาถามใหเ้ ข้าใจ และเลอื กตอบเพียง 1 ข้อโดย ข้อที่ถกู ท่ีสุด 1.เชอ่ื กันวา่ บรรพบุรุษของขาวไทโคราชอพยพมาจากท่ีใด ก.อยุธยา ข.นครศรีธรรมราช ค.นครสวรรค์ ง.สุโขทยั 2.ภาษาไทยกลมุ่ หนงึ่ ท่ใี ช้พดู กันในจงั หวดั นครราชสีมาเรียกว่า ก.ภาษาเขมร ข.ภาษาลาว ค.ภาษาอสี าน ง.ภาษาโคราช ชดุ การเรียนรู้เร่อื งเพลงโคราช 9 Korat folk song performance
3.ข้อใดหมายถึงชื่อเดมิ ของเมืองโคราช ก.โคปุตะระ ข.โคตรฆะปรุ ะ ค.โคมาฆะปรุ ะ ง.ถกู ทกุ ขอ้ 4.ปราณีเป็นผู้กะตุ้มหุ้มห่อตอ่ ญาตพิ น่ี ้อง คาขีดเส้นใตห้ มายถึงข้อใด ก.ขอรบั ความชว่ ยเหลอื จากญาตพิ ีน่ ้อง ข.ชว่ ยเหลอื ญาตพิ ี่น้องเปน็ อย่างดี ค.ไม่ชอบชว่ ยเหลอื ญาติ ง.ชว่ ยเหลือตนเอง 5.ขอ้ ใดหมายถงึ การมีวาสนาทีจ่ ะเป็นคู่ครองกนั ข.ถามข่าวเอาเหย่ือ ก.บุญกึงถึงกนั ค.คดิ ออกซอกเห็น ง.บญุ หลายสายยาว 6.งูเงยี วเขี่ยวตะขาบ หมายถึงขอ้ ใด ข.อสรพิษทั้งหลาย ก.งูและตะขาบ ค.งู ง.ตะขาบ 7.จน่ แปลว่า ข.งานมาก ก.ยุง่ มาก ค.ไม่มเี วลา ง.ไมว่ า่ งเลย 8.สมใจแตง่ ตวั โกรกกรากจะไปฟังเพลงโคราช ข้อความข้างตน้ หมายถึงข้อใด ก.สมใจรีบแตง่ ตวั เพ่อื ไปฟังเพลงโคราช ข.สมใจบรรจงแต่งตัวเพอ่ื ไปฟังเพลงโคราช ค.สมใจคอ่ ย ๆ แตง่ ตวั เพ่ือไปฟงั เพลงโคราช ง.สมใจแตง่ ตวั จะไปฟังเพลงโคราช 9.เงยี บ ๆ อยา่ แซวหลาย ข.อยา่ ใชเ้ สียว ก.อยา่ หยดุ แซว ค.อยา่ งเสียงดงั ง.อยา่ เอด็ อึง 10.ไทยเบ้งิ หรือ ไทโคราช เป็นกลุ่มชาตพิ ันธของจังหวัดใด ก.นครสวรรค์ ข.นครราชสมี า ค.นครศรอี ยุธยา ง.นครศรีธรรมราช 11.ประวตั เิ พลงโคราชเกิดขึ้นในสมยั ใด ข.สมเด็จพระนารายณม์ หาราช ก.พ่อขนุ รามคาแหงมหาราช ค.พระเจา้ ตากสินมหาราช ง.พระเจ้าอูท่ อง 12.เพลงโคราชนยิ มเลน่ ในงานใด ข.เรยี กขวญั ก.ปีใหม่ ค.แก้บน ง.ผกู ดวง 13.การแสดงพื้นบ้านของชาวจังหวดั นครราชสมี าเรยี กว่า ก.เพลงฉ่อย ข.เพลงหมอลา ค.เพลงโคราช ง.เพลงลาตดั 14.ทา่ นทา้ วสุรนารเี ดิมชอ่ื ข.โม ก.แดง ค.จติ ง.โม๋ 15.ผู้ท่รี วมตวั กันเปน็ คณะเพลงโคราชเจา้ แรกคือ ข.พระยาปลัดเมืองโคราช ก.ทา้ วสุรนารี ค.นางสองเมือง อนิ ทรคาแหง ง.กาปนั บา้ นแท่น ชุดการเรียนรู้เร่อื งเพลงโคราช 10 Korat folk song performance
16.เพลงโคราช หมายถึง ก.เปน็ เพลงพน้ื บ้านทางภาคเหนือ ข.เปน็ เพลงพ้ืนบ้านทางภาคกลาง ค.เปน็ เพลงพน้ื บ้านโคราช มีลักษณะท่ีร้องเป็นเพลงฉ่อย ง.เป็นเพลงพน้ื บา้ นโคราช มีลกั ษณะทีร่ ้องเปน็ เพลงก้อม 17.หมอเพลงโคราช หมายถึง ก.ผ้ชู านาญการร้องโตต้ อบ ข.ผู้มปี ระสบการณร์ อ้ งเพลง ค.ผู้มที กั ษะการรอ้ งเพลง ง.ผู้มีปฏภิ าณไหวพริบ 18.ก้อม เปน็ ภาษาโคราชและภาษาอีกสานแปลวา่ ก.ยาว ข.ปานกลาง ค.สั้น ง.พอดี 19.รปู แบบการแสดงคลา้ ยกบั การแสดงของวงดนตรีเพลงลูกท่งุ หมอลา ปจั จุบันเรียกวา่ ก.โคราชซ่ิง ข.โคราชลาตดั ค.โคราชลกู ทุ่ง ง.โคราชหมอลา 20.ผปู้ ระกอบอาชีพเพลงโคราชนีเ้ รยี กวา่ ก.หมอลา ข.หมอแคน ค.หมอดู ง.หมอเพลง 21.ภาษาถิน่ ที่เปน็ เอกลกั ษณ์ของวถิ ชี ีวติ คนโคราช คือ ก.ภาษาอีสาน ข.ภาษาพิมาย ค.ภาษาโคราช ง.ภาษาพ้ืนบ้าน 22.เวทีเพลงโคราชหมายถึง ก.เวทีการละคร ข.เวทกี ารแสดง ค.เวทแี สดงหมอลา ง.เวทแี สดงลาตัด 23.ผู้มีใจรักในการที่จะเป็นหมอเพลงแล้ว มักไปฝากตวั เป็นศษิ ยก์ ับครเู พลงโดยตรง แล้วจงึ ยกครู เปน็ การแสดงถงึ เรื่องใด ก.ความอดทน ข.ความซือ่ สัตย์ ค.ความเพยี ร ง.ความกตัญญู 24.การไหวค้ รบู าอาจารย์ก่อนขึ้นทาการแสดงทุกครั้งเรยี กว่า ก.การไหว้ครู ข.การยกครู ค.การไหว้พ่อแก่ ง.การเคารพครู 25.เป็นท่าท่ีประกอบการแสดงตามบทกลอนทีร่ ้องน้ัน ๆ เรียกวา่ ก.ทา่ ราวง ข.ท่าราโทน ค.ทา่ ราเต้ย ง.ทา่ รา 26.การแตง่ กายหมอเพลงโคราช แต่งลกั ษณะใด ก.นงุ่ ผ้าโจงกระเบน เปน็ ผา้ พื้นทอมือสเี ข้ม ข.นงุ่ ผ้าซ่นิ เปน็ ผา้ พนื้ ทอมือสเี ขม้ ค.นุ่งผา้ โจงกระเบน เป็นผา้ พ้ืนทอมือสอี ่อนหวาน ง.นงุ่ ผา้ ซิน่ เป็นผ้าพืน้ ทอมอื สอี อ่ นหวาน 27.คนโคราชสวมเส้อื ตัดเยบ็ จากผ้าฝ้ายทอมือ เส้อื ท่ีนยิ มใช้เรียกว่า ก.เสือ้ “คอกระพุ่ม” และเสอ้ื “อแี ปะ” ข.เส้อื “คอกระโจม” และเสื้อ “อีแปะ” ชุดการเรียนรู้เรื่องเพลงโคราช 11 Korat folk song performance
ค.เส้อื “คอกระโจม” และเส้ือ “อแี มะ” ง.เสอื้ “คอกระดุม” และเสอื้ “คอจนี ” 28.ผา้ ขาวม้าคาดเอว ภาษาโคราชเรยี กวา่ ก.ใชผ้ า้ ขาวม้า “คาดพุง” ข.ใชผ้ ้าขาวม้า “เคยี นเอว” ค.ใชผ้ า้ ขาวม้า “เคียนพงุ ” ง.ใชผ้ ้าขาวม้า “คาดเอว” 29.ข้อใดคือการอนุรักษว์ ฒั นธรรมทอ้ งถ่ิน ก.ฝึกรอ้ งเพลงโคราช ข.พดู ภาษาโคราช ค.ฝกึ ท่าราโคราช ง.ถกู ทุกข้อ 30.ข้อใดคือการแสดงออกถงึ ภาษามรดกทางวฒั นธรรมประจาชาติ ก.พูดภาษาโคราช ข.พูดภาษาองั กฤษ ค.พูดภาษาไทยปนองั กฤษ ง.พูดภาษาพื้นบ้าน @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ เรอื่ งที่ 1 ภาษาโคราช ชดุ การเรียนรู้เรอ่ื งเพลงโคราช 12 Korat folk song performance
เร่ืองที่ 1 ภาษาโคราช จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธิบายภมู หิ ลงั ประวัติความเป็นมาของภาษาถนิ่ โคราชจังหวัดนครราชสมี า 2. อธบิ ายพรอ้ มยกตวั อย่างความสาคัญของภูมิหลงั ประวัติความเป็นมาของภาษาถน่ิ โคราชจงั หวัด นครราชสีมา ภาษาโคราช ความเป็นมา จงั หวดั นครราชสมี าเปน็ จังหวัดท่ีมีกลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์หลากหลายแตไ่ ทยโคราชเป็นกลมุ่ ชาตพิ ันธก์ุ ลุ่มใหญท่ ี่มี วัฒนธรรมโคราชไดแ้ ก่ มีเพลงพนื้ บา้ นทเ่ี รยี กวา่ \"เพลงโคราช\" ใชด้ นตรีพื้นบา้ น คอื มโหรีโคราชและทเี่ ปน็ เอกลกั ษณ์ สาคัญคือใชภ้ าษาโคราชในชวี ติ ประจาวนั ไม่มหี ลักฐานบง่ บอกว่ากลุ่มชาติพันธโุ์ คราชมาจากทใี่ ดแต่มีหลักฐานทาง โบราณคดีเกีย่ วกบั ชุมชนโบราณบริเวณจังหวัดนครราชสีมาจานวนมากซ่งึ กลมุ่ ชาติ-พนั ธุ์น้นี อกจากจะอยู่ท่จี ังหวัด นครราชสมี าแลว้ ยงั มีอยู่ในจงั หวดั บุรีรมั ยช์ ัยภมู ิ และบางสว่ นของจังหวัดลพบรุ บี างคร้ังอาจเรียกกลุ่มชาติพนั ธน์ุ ้วี า่ ไทยเบง้ิ หรือ ไทโคราช ไทโคราช ชาวโคราชจดั อย่ใู นกลมุ่ ชาตพิ ันธก์ุ ลมุ่ ตระกลู ภาษาไต-กะได สาขาไตพบว่ามกี ารตั้งถน่ิ ฐานในเขต จงั หวัด นครราชสมี าตงั้ แตส่ มยั กอ่ นประวัติศาสตร์ สมัยทวารวดจี นถงึ สมัยอยธุ ยาและรตั นโกสินทรก์ ็ไดร้ บั อิทธิพลวฒั นธรรม ไทยภาคกลางเป็นสาคญั และยังได้รับวัฒนธรรมเขมรและวัฒนธรรมไทยลาวเข้ามาผสมผสานอกี ด้วยทาใหก้ ลมุ่ ชาติ พันธุ์ ไทโคราชมีเอกลกั ษณเ์ ฉพาะ ทั้งภาษาพดู อาหาร รวมทง้ั การละเลน่ โดยเฉพาะเพลงโคราช ชาวไทโคราชตัง้ ถนิ่ ฐานกระจายอยตู่ ามจังหวัดต่าง ๆ เชน่ อาเภอปกั ธงชยั อาเภอหว้ ยแถลง อาเภอครบุรี อาเภอหนองบนุ นาก อาเภอ ชดุ การเรียนรู้เรอื่ งเพลงโคราช 13 Korat folk song performance
ด่านขนุ ทด ในจังหวัดบรุ ีรมั ย์ เช่นที่อาเภอนางรอง อาเภอละหานทราย อาเภอหนองกี่ อาเภอเมอื ง อาเภอ ลาปลายมาศ และจงั หวัดชยั ภูมิ ในเขตอาเภอจัตุรัส อาเภอบาเหนจ็ ณรงค์ ตน้ กาเนดิ เช่อื กนั วา่ บรรพบรุ ุษของชาวไทโคราชอพยพมาจากอยุธยา และแถบจังหวัดชายทะเลตะวนั ออก ได้แก่ จนั ทบุรีระยองนครนายก เป็นตน้ เข้ามาในบริเวณจังหวัดนครราชสีมาและพนื้ ที่ใกลเ้ คียง และได้ผสมกลมกลืนกับกลุ่ม คนพ้ืนเมืองเดิม ซง่ึ สันนษิ ฐานวา่ นา่ จะเปน็ ไท-เสยี ม หรือไทสยามลุม่ นา้ มูล เกดิ เปน็ วฒั นธรรมไทโคราช เรยี กตนเอง วา่ ไทโคราช ไทเบ้งิ หรือ ไทเดงิ้ ตอ่ มาไดม้ ีการติดต่อคา้ ขายกับชาวลาว ชาวไทยอีสานและชาวเขมร และมกี ารอพยพย้ายถนิ่ ฐานของชาวลาว ชาวไทยอสี านและชาวเขมรเข้ามาทหี ลัง ทาใหเ้ กดิ การววิ ัฒนาการของภาษา โดนมีการยืมคาไทยอสี าน และคาเขมร ปะปนเข้ามาใช้ เกดิ เป็นคาไทโคราช ซง่ึ แตกตา่ งจากภาษาไทยถ่นิ อิสานโดยท่ัวไป เพราะยงั คงรักษารากศพั ทเ์ ดมิ ไวค้ อื ภาษาไทยถนิ่ กลางน่นั เอง ภาษาไทยสาเนยี งโคราช เป็นภาษาไทยกลุ่มหนึ่งที่ใช้พดู กันในจงั หวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกลเ้ คยี ง เป็น ภาษาทใี่ กล้เคียงกบั ภาษาไทยกลาง ที่ออกสาเนียงเหนอ่ และมคี าศัพท์ร่วมกบั ภาษาไทยกลาง และรับคามาใช้จาก ภาษาไทยถิน่ อสี าน ภาษาลาว และภาษาเขมร ลักษณะทางสัทศาสตร์ ภาษาไทยสาเนียงโคราช เป็นภาษาไทยถิน่ กลาง คาศัพทท์ ั่วไปตรงกับภาษาไทยถน่ิ กลาง มสี าเนยี งค่อนขา้ ง เหน่อและหว้ นสัน้ แบบภาคกลาง แตม่ ีการผันคาต่า-สูงท่ีเป็นเอกลกั ษณ์ของตนเองที่แตกต่างจากภาษาไทยถนิ่ กลาง บ้าง โดยมักใชเ้ สยี งวรรณยกุ ต์เอก (เสียงต่า) แทนเสียงวรรณยุกตโ์ ท (เสยี งสงู ) เช่น \"โม่\" แทน \"โม้\" หรอื \"เสื่อ\" แทน \"เส้ือ\" เป็นตน้ นอกจากน้ียังยืมคาในภาษาไทยถน่ิ อสี านมาใช้ปะปนกันดว้ ยเล็กน้อย และเมือ่ พูดจบประโยคจะลงท้าย ดว้ ยคาว่า \"เบง้ิ , เหว๋ย, ด๊อก\" วิถชี ีวิตและภาษา กล่มุ ชาติพนั ธุโ์ คราชมวี ถิ ชี ีวิตแบบเรียบง่ายเหมือนชาวชนบททั่วไปคอื อยบู่ า้ นใต้ถนุ สูงแบบบ้านโคราชซง่ึ เปน็ เรอื นสามระดับ ใกล้ ๆบ้านปลูกพืชผักสวนครวั ซงึ่ อาจมที ั้งอาหารและยาใชผ้ า้ นุง่ โจงกระเบนซึง่ เป็นผา้ ไหมเรียกว่าไหม หางกระรอกซึ่งเปน็ ผา้ ทอท่ีเส้นพุ่งเป็นไหมควบสองเส้นทาให้ทอแลว้ เกิดเป็นลูกลายเหมือนหางกระรอกและวฒั นธรรม ท่สี าคัญคือภาษาโคราช ซึ่งมีวงศัพท์ เสียงและสานวนของตัวเอง เช่น จ่น แปลว่าไม่ว่างเลย เช่น วันน้ีจน่ มาก จื้น แปลว่าจืดชืด หรอื เซ็ง เชน่ ส้มตานี้จนื้ แลว้ เซาะเยาะแปลวา่ ผอมโซไม่มเี ร่ียวแรง นอกจากนอ้ี าจเพ้ยี นเสียงวรรณยกุ ตค์ าในภาษาไทยกลางได้แก่ เพี้ยนเสียงเอกเปน็ เสียงตรี เช่น กัด เป็นกั๊ด ดัด เปน็ ดด๊ั เพี้ยนเสยี งสามัญเป็นเสยี งจัตวาเช่น ปลา เป็น ปลา๋ กา เปน็ ก๋า เก่ียวกบั สานวนภาษาโคราชมีสานวนมากมายที่ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั เชน่ คาเรยี กขวญั ดังตวั อย่างเล็กน้อยดงั น้ี \"ขวัญอนี างเอยมา......กู๊...ขอใหม่ าเขา่ โครงอยา่ ได้หลาบขอให่มาเขา่ คราบอย่าไดถ้ อยสบิ ปีอย่าไปอ่ืน หมืน่ ปี อยา่ ไปไกลขอให่มาอยู่ซุมพ่อซุมแม่ ซมุ พซ่ี มุ น่องให่มาอยเู่ รือนใหญ่หกกะไดสงู ...\" หมายความว่าขวัญลกู เอยจงมาเถดิ ขอใหม้ าอยู่กับร่างกายสิบปหี มน่ื ปอี ยา่ ได้ไปไหนขอให้อยู่กับพ่อแม่พี่นอ้ ง บนเรอื นหลังใหญบ่ ันไดสงู ชดุ การเรียนรู้เรื่องเพลงโคราช 14 Korat folk song performance
การกระจายตวั เปน็ ภาษาที่ใช้มากในจังหวดั นครราชสมี าเกือบทุกอาเภอ ยกเวน้ บางอาเภอท่มี ชี าวไทยอีสานอยเู่ ป็นจานวนมากกว่า เช่น อาเภอบวั ใหญ่อาเภอสงู เนินอาเภอปักธงชยั เป็นตนั นอกจากนพี้ บวา่ มีการใช้ภาษาไทยสาเนียงโคราชในประชากร บางสว่ นของจังหวัดสระบรุ ีจังหวดั ลพบรุ ีจงั หวัดเพชรบูรณ์จังหวดั ชยั ภูมิจงั หวัดบุรรี มั ย์จังหวัดสระแกว้ อีกด้วย การปรับปรนในสังคมปจั จุบัน ปจั จุบันกลุ่มชาตพิ ันธ์ุโคราชมีความภาคภมู ิใจในความเปน็ คนโคราชร่วมกันสรา้ งสรรคส์ ังคม รกั ษา และสบื ทอดวฒั นธรรมโคราช ภาษาโคราช ภาษาโคราช เปน็ วฒั นธรรมท้องถน่ิ สาขาหน่ึงของชาวโคราช ซงึ่ มลี กั ษณะประสมประสานระหวา่ งภาษาอสี านและ ภาษาไทยกลาง แต่อยา่ งไรกต็ ามภาษาโคราชก็มีลักษณะเฉพาะตวั เกยี่ วกบั ศัพท์ สาเนียง และสานวนดังจะกลา่ วถึง ตอ่ ไปน้ี ๑ คาศพั ท์ คาศัพท์ภาษาโคราชที่ไม่ซ้ากับภาษาไทยกลางเม่ือเรยี งจากอักษร ก. ถึง ฮ. แลว้ พบวา่ มจี านวนมากมาย ถาวร สบุ งกช ได้รวบรวมไวม้ ีถงึ ๑,๐๖๕ คา สว่ นใหญ่เป็นคาศัพทท์ ใ่ี ชท้ าหนา้ ทีเ่ ป็นคานาม คากรยิ า และคา วเิ ศษณ์ ยกตวั อย่างโดยสงั เขปดงั น้ี คานาม เชน่ กาดน้ แปลวา่ ท้ายทอย ฟองของนา้ โสโครก กาเปือก แปลว่า ผลไม้หรอื ผกั ทยี่ ังเป็นลูกออ่ น ๆ อยู่ นา้ ครา กะดึ๊บ แปลวา่ ขา้ วตม้ ไส้กรอก ขี่สีก แปลวา่ ชักคะเย่อ ยงุ่ มาก, ประดงั เขา้ มา เขา่ เปยี ก แปลวา่ เช็ดก้น, ไม่แก้งก้น คือ ไม้เช็ดกน้ กนิ คาใหญ่ ๆ อย่างรวดเรว็ นา่ มต๊บั แปลวา่ นง่ั หรือยนื เปน็ วงชดิ ๆ กนั ศีรษะโนม้ เข้าหากนั นินทา ช่กั ชา แปลว่า ค่อย ๆ ลม้ ลง เป็นใบ้ เชน่ คนกืก เรยี กการเล่นต่ีชนิดหนงึ่ ท่ีไม่ออก คากรยิ า เช่น จน่ แปลว่า แก้งกน้ แปลว่า ขะโม่ม แปลวา่ กะจ้อบ แปลว่า พดู เด๋ิม แปลว่า โหงย่ แปลว่า คาวิเศษณ์ เชน่ กกื แปลว่า เสียงวา่ ต่ีกกื กะจ้อน แปลวา่ เล็ก แคระเชน่ มา้ กะจ้อนคือม้าแคระ เป็นนิดหน่อย กะต๊ะกะเติง้ แปลวา่ มไี ม่มากนัก มักใช้กับพชื ผักผลไม้ เช่น \"หว่าตน้ นีซ่ ุกพอ กะร่ะกะราย แปลวา่ กะร่ะกะราย\" แปลวา่ หว้าตน้ น้ีสุกเพียงนดิ หน่อย รรุ ะ แปลวา่ ส่งิ กอ่ สร้างท่ีดูเกา่ โทรม จวนพัง ฝนเม็ดใหญ่ตกหา่ ง ๆ และรวดเรว็ แล้วหายไป รุ่ระ่ แปลวา่ ชดุ การเรียนรู้เร่ืองเพลงโคราช 15 Korat folk song performance
คาวิเศษณภ์ าษาโคราช จะมีใช้เป็นจานวนมาก ทงั้ ขยายนามและขยายกรยิ า แตส่ ว่ นใหญม่ กั ขยายกริยา เช่น แผลเจ้อะเว่อะ แปลวา่ เปน็ บาดแผลทใ่ี หญ่มาก ปากกะโผง่ แปลวา่ เปน็ คนที่รกั ษาความลบั ไม่ได้ หน่าระซ่อง แปลว่า มากมาย หนา้ สลอน ฝนละลมึ แปลวา่ ฝนตกปรอย ๆ งอโล่งโงง่ งอลอ่ งง่อง แปลวา่ ของทยี่ าวแล้วโค้งงอถา้ เปน็ ของใหญใ่ ช้ โลง่ โงง่ ถ้าเปน็ ของเลก็ ใชล้ ่องง่อง สว่ นล่างงา่ ง มักใชก้ บั ผูห้ ญิง เช่น เพลงโคราชบทหน่ึงว่า \"ทาหนุ หนั ๆว่ิงข้นึ บนหอ ฉวยได้ไมส่ มอหมายจโิ มน สมอง เห็นเมียเปิดอ๊กลา่ งง่าง เลยรบี วางตะบอ๋ ง\" คาศัพทภ์ าษาโคราชมี ๒ ลกั ษณะคือ คาศัพทท์ ี่ใชร้ ว่ มกบั ภาษาไทยกลาง กบั คาศัพท์เฉพาะของภาษาโคราช คาศัพท์ทใ่ี ชร้ ่วมกับภาษาไทยกลาง มกั เพีย้ นเสยี งวรรณยกุ ต์แบบภาษาโคราช เชน่ คาอักษรตา่ เสียงตรี จะเพ้ยี นเป็นเสยี งโท เช่น มา้ เป็น มา่ ชา้ เป็น ช่า เช้า เป็น เชา่ คาอักษรสงู อักษรกลาง คาตายเสียงส้ันเอกจะเพ้ียนเป็นเสยี งตรี เช่น สด เปน็ ซด ขด เป็น คด จด เป็น จ๊ด ฯลฯ นอกจากนี้คาอักษรกลางคาเป็นเสยี งยาว เสียงสามัญ ภาษาโคราชยงั เพ้ียนเปน็ จัตวา เชน่ บาน เป็น บา๋ น ดา เป็น ด๋า ดาว เป็น ดา๋ ว ปลา เปน็ ปลา๋ กิน เปน็ กนิ๋ ฯลฯ ในส่วนของคาศัพท์เฉพาะของภาษาโคราชนั้นมีมากมาย ต่อไปนี้เป็นตัวอยา่ งคาศัพทด์ งั กล่าวเพยี งบางส่วน คา ความหมาย ตวั อยา่ งการใช้ กะจ้อน แคระ, เล็ก ผู้ใหญ่ลขี ่มี า้ กะจ้อน กะเจิ้บ เหยยี บ, ยา่ ฝนตกนา้ ขังอยา่ กะเจ้ิบน้าคันจะกินตนี กระดึบ๊ ผลไมอ้ ่อน ฟังทองกาลังเปน็ กระดบ๊ึ กะดืบ้ คบื , คลาน เด็กนอ้ ยกะดื้บเปน็ แล้ว กะต้อนม่อนแมน่ ขาดเปน็ ชิน้ เลก็ ชิน้ น้อย ตัดกระดาษจนกะต้อนม่อนแมน่ ท่องโร ท่องโป่ง ทอ้ งป่อง ท้องโต เด็กอดนมมนั ท่องโร นกบ้าน ไปถา่ ยอจุ จาระ ไปนกบ้านดอกวา โนน ทสี่ งู ขนาดใหญ่กวา่ ตะโมน ใช้ทาไรไ่ ด้ หนว่ ยแหน่ น้อยหนา่ ในสวนมที ง้ั หนว่ ยแหน่หน่วยโหน่ง นี หรือ ไม่ไปนี นัว ขนุ่ อร่อย น้ายาขนมจีนน้ีนวั ดี บห่อน ไม่เคย อยกู่ นั ใกล้ ๆ แคน่ ี้บห่อนจะคุยกัน ชดุ การเรียนรู้เรื่องเพลงโคราช 16 Korat folk song performance
บแพ่ เชน่ กัน, เช่นนัน้ ดีช่ัวก็สอนมันบแพ่แต่มันไมเ่ อาคา บางทีใชใ้ นความหายวา่ \"เมินเสยี เถอะ\" เชน่ คนหนึง่ พูดว่า วันนฝี้ นคอื จะตก อีกคนก็พูดว่า บแพ่แหละ บก๊ พรอ่ งไป กนิ ข้าวไม่บ๊กชาม บา้ นเอง บา้ นเรา โคราชบา้ นเอง ปรา้ ปล้าร้า กินขา้ วกะปรา้ สะเอ๊อะ เป็นไข่ ปว่ ย เปน็ ไข้ อนี างมันเปน็ ไข่ โป้ะ ทับ ถม รวม เอาดนิ มาโป้ะไวต้ รงนี้ ปะขาง ผาลไถนา คือเหลก็ ที่ใสห่ วั หมู ลกู เขยไปซื้อปะขางไถนา แป้ว ก่ิว คอด แตงลูกน้ีมันแป้ว เม่ียน เกบ็ งาไว้ หาเงินไดก้ ร็ ู้จักเก็บ รจู้ ักเมย่ี นบา้ ง แหม่น สอย เอาไมแ้ ขนบมาแหน่มฝรง่ั ที หมูสม่ หมูแหนม ทาหมูสม่ ขาย มก หมก หน้าหนาวผงิ ไฟแล้วมกมนั กนิ กัน ยอ่ น เหตวุ า่ , เพราะวา่ เพลงโคราชกลอนหน่ึงวา่ \"นกจะตายยอ่ น ตัว โคค่ืนย่อนต่าง สาวจะงามยอ่ นแตง่ แหวนจะซุกย่อนก้อย กินเขา่ จะอรอ่ ย(เอ๋ย) ยอ่ นแกง\" ยงดิน พรวนดนิ เอาฝุ่นใสพ่ ริกแล้วกต็ ้องยงดนิ อยา่ งเดน อยา่ งเก่า, อยา่ งเดิม พดู แต่ไอ้อย่างเดนน่ันแหละ อย่างสวย สวยมาก ลกู สาวฉนั ไอ้อย่างสวยเลย โหยน่ ชงิ ช้า ไกวชงิ ช้า เดก็ นอ้ ยไปเลน่ โหย่นชิงชา้ กัน ยิบ่ ผ่า เย็บผ้า, ตัดเส้อื ผ้า อนี างมันไปเรยี นย่บิ ผา่ เหยิ่ม เขยา่ , สั่น พุทรากาลังสกุ เทครวั ข้ึนเหยมิ่ กร็ ว่ งรุ ๆ แย่ แย้ ยามอดอยากก็หากนิ แยก่ ินบ้งึ ไป อตุ๊ ุ๊ อุ่นสบาย ยามหนาวไดห้ ม่ นวมกห็ ลับอุต๊ ุ๊ไปเลย อดู้ ลดู มอมแมม, เลอะเทอะ ดูเนื้อตัวตดิ โคลนอูด้ ลดู เออ้ เห่อ อุทานอย่างประหลาดใจ เอ้อเห่อคนมาแตเ่ มอื งงามแท้ ๆ น้อ ออดหลอด สะอาด, บรสิ ุทธ,์ิ หมดจด ลกู สาวใครหนองามออดหลอด อั๊วะ อวบ, อ๋ัน (ใช้กับคน) น่ากิน (ใชก้ บั พชื ) ตาลึงไดฝ้ น ยอดช่าง อัว๊ ะจรงิ ๆ เอชา, เอยา อุทานอยา่ งดใี จระคนแปลกหน้า เอยา!ใชอ่ นี างไหมนี่ สาเนียง ภาษาโคราชจะมีคาศัพท์สว่ นหนึ่งที่ใช้คาศัพท์รว่ มภาษาไทยกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจุบันน้ีการส่ือสาร คมนาคมสะดวกรวดเร็ว สือ่ มวลชนชนิดตา่ ง ๆ แพรเ่ ขา้ ไปสู่ชนบทได้ทุกรปู แบบ การศกึ ษาเจริญขนึ้ ทาใหภ้ าษาไทย กลางเข้ามาปะปนกบั ภาษาโคราชมากข้นึ คาศพั ท์ภาษาโคราชแท้ ๆ ถกู ลืมไป คนโคราชสมยั ใหม่จงึ ใชภ้ าษาโคราชโดย ใช้ศัพท์ภาษาไทยกลางเพียงแต่ออกเสยี ง เป็นสาเนยี งโคราช คือเปล่ยี นระดับวรรณยุกต์เทา่ นัน้ เช่น ท้ายทอย ออกเสยี งเป็น ทา่ ยทอย สระผม ออกเสยี งเป็น ซะผม กนิ ออกเสียงเปน็ ก๋ิน, กิน ข้าว ออกเสียงเป็น เขา่ ไป ออกเสยี งเป็น ไป๋, ไป ชดุ การเรียนรู้เรอ่ื งเพลงโคราช 17 Korat folk song performance
เดนิ ออกเสยี งเป็น เดิ๋น, เดิน มด ออกเสยี งเปน็ มด่ น้า ออกเสยี งเป็น น่าม ขา้ วตม้ ออกเสียงเปน็ เข่าตม้ ไข้หวดั ออกเสียงเป็น ไข่วดั เป็นไข้ ออกเสียงเป็น เป็นไข่ แจกการด์ ออกเสียงเปน็ แจกก้าด มีนักภาษาศาสตรไ์ ด้ศึกษาเสยี งวรรณยุกตภ์ าษาโคราชปัจจบุ ันเชน่ _ชลดิ า รินทร์พรหม_ ศกึ ษาเสยี ง วรรณยุกตภ์ าษาโคราช (ในเมอื ง) เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๙ พบว่า มเี สยี งวรรณยุกต์ ๔ หน่วยเสียง คอื ๑. หน่วยเสียงตา่ - ข้ึน เชน่ คาว่า เฉย สวน เหลอื ง เห็น หนอง ขา ฝา หนู หมี ฯลฯ ๒. หนว่ ยเสียงตา่ - ตก เชน่ คาว่า ดอก หึ อม่ิ เหล่น เดิน่ เสน่ ผง่ึ สน่ เถ่า หมอบ ฯลฯ ๓. หนว่ ยเสียงกลาง - ระดบั มี ๒ เสยี ง คือ เสยี งกลางระดับ เชน่ ชิม รมิ เย็น เต็ม ปงึ เงิน ไอ ดา เดยี ว มี ที เก ฯลฯ และหน่วยเสียงกลาง - ขึ้น เช่นปิด๊ (ปิด) ดบ๊ิ (ดบิ ) แตะ๊ (แตะ) ฟกึ (ฝกึ ) เบ๊าะ(เบาะ) กก๊ั (กกั ) ฯลฯ ๔. หนว่ ยเสียงสูง - ต่า มี ๒ หนว่ ยเสยี ง คือ เสยี งสงู - ตก เช่น ดนิ้ จ้ิม เต้น บ้ึง ใช่ ค่า ใกล้ ปา้ ย ปา้ โง่ ฯลฯ และเสยี งสูง - ระดบั เช่น ซับ (สบั ) ซดั (สตั ว์) มด (หมด) ฯลฯ สว่ น วจิ นิ ตน์ ภาณุพงศ์ ได้ศกึ ษาเสียงวรรณยกุ ต์ภาษาถ่นิ โคราชเช่นเดียวกนั โดยศกึ ษากระจาย ๑๖ อาเภอ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ ด้วยการใชร้ ายการคาสาหรับทดสอบเสียงวรรณยกุ ตข์ องวลิ เลย่ี ม เจ เก็ดนี เปน็ เครือ่ งมือ ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูลพบว่า สามารถแบง่ ภาษาโคราชดว้ ยเสียงวรรณยกุ ต์เปน็ ๒ กลมุ่ ใหญ่ ๆ คือ กลุ่มตะวันออก และกลุ่มตะวันตก โดยกลุ่มตะวันออกได้แก่ อาเภอชุมพวง อาเภอบัวใหญ่ อาเภอหว้ ยแถลง อาเภอคง อาเภอพิ มาย อาเภอโนนสูง อาเภอจักราช จะมเี สียงวรรณยุกตเ์ หมอื นกัน สว่ นกลุ่มอาเภอตะวันตกได้แก่ อาเภอโนนไทย อาเภอดา่ นขุนทด อาเภอปากชอ่ ง อาเภอปกั ธงชยั อาเภอโชคชัย อาเภอครบรุ ี และอาเภอเสงิ สาง มเี สยี ง วรรณยุกต์คลา้ ยคลึงกนั รายการคาที่นาไปทดสอบเสียงวรรณยุกตม์ ดี ังน้ี A BC DL DS ขา หู หัว ขา่ เขา่ ไข่ ผา้ เสือ้ ฆา่ ขาด หาบ สาก ๑. ขัด สัตว์ หวดั ตา ปลา กา ป่า ไก่ เตา่ กลา้ ปา้ กา้ ง ปาก ตาก กาด ๒. กดั ปดั ตัก บาน ดา ดาว บ่า อา่ ดา่ ง อ้า ด้าย บา้ บาด ดาบ อาบ ๓. คดั ดบั ดกั คาง มอื นา พ่อ ล่าง ค่า มา้ น้า คา้ นาก ลาบ คราด ๔. วดั นบั คดั คาทีแ่ ยกภาษาโคราชด้วยเสยี งวรรณยุกต์ออกเป็น ๒ กลุ่มอย่างชัดเจน คือ รายการคาในแถง A โดย กลมุ่ ตะวนั ออก จะออกเสยี งแถวที่ ๑, ๒ และ ๓ เหมอื นกัน เปน็ หู หัว ขาตา๋ ปลา๋ กา๋ บ๋านด๋าด๋าว สว่ นกลมุ่ ตะวันตกจะออกเสยี งแถวที่ ๒, ๓ และเหมอื นกนั เปน็ ตา ปลา กาบาน ดา ดาว คา มอื นา สานวนภาษาโคราช สานวนภาษาเปน็ คาพดู ทก่ี ล่ันกรองขน้ึ มาเพือ่ ความสละลวยของภาษา มคี วามคมคายและซับซ้อนกวา่ คาพูดธรรมดา สานวนภาษาโคราชมีลกั ษณะเฉพาะตวั คือ ส่วนใหญ่มเี สยี งสัมผัสคล้องจองกนั อนั แสดงเพลง โคราช เป็นต้น สานวนภาษาโคราชมคี วามผูกพันกบั วถิ ีชีวิต ตลอดจนสะท้อนใหเ้ ห็นคา่ นยิ ม จรยิ ธรรมความ ชุดการเรียนรู้เรอื่ งเพลงโคราช 18 Korat folk song performance
เชอ่ื ประเพณี และทัศนคติของคนโคราชอยา่ งชัดเจน มคี ุณค่าทางวฒั นธรรมทง้ั ดา้ นรปู ธรรม คอื แสดงภาพ การดาเนินชีวติ ตั้งแต่เกิดจนตาย และดา้ นนามธรรมคือการอบรมสั่งสอน ต่อไปนี้จะยกตัวอย่างสานวนภาษา โคราชโดยสงั เขป ๑ กลมุ่ คาสานวนภาษาท่มี ีเสยี งสัมผสั เช่น กะตมุ้ หุ่มหอ่ หมายถึง การได้รบั ความช่วยเหลืออยา่ งอบอุน่ มาจาก \"ตมุ้ \" ซง่ึ เป็นอาการของ แม่ไก่ ทป่ี กป้องลูก ไว้ใตป้ ีกทั้งสองขา้ ง กะท่อมห่อมสะหนา หมายถึง กระท่อมท่ีพักอาศยั เช่น ไดก้ นั แล้วก็พากนั ไปย่กกะท่อมห่อมสะหนา อยไู่ ป กะหม่าบ้าบ๋นิ หมายถงึ ตกใจมาก เชน่ เห็นไฟไหม่เลยกะหมา่ บ้าบิ๋นเมิ้ด กวดก๋วยสวยเสยี หมายถึง ตายอยา่ งทนั ทที ันใด กนิ๋ น่ามรอ่ นนอนไฟ หมายถึง การอย่ไู ฟของหญิงแม่ลูกอ่อน แก๊ะหัวเลาเกาหัวหญ่า หมายถึง หมดหนทางท่ีจะด้ินรนตอ่ ไป คนด๋ตี า่ ยหนา่ ลายยัง หมายถงึ คนชวั่ ยงั ลอยนวล เชน่ นี่แหละเขาวา่ คนดี๋ตาย หนา่ ลายยัง งเู งยี่ วเข่ยี วตะขาบ หมายถงึ อสรพษิ ท้ังหลาย เช่น เข่าค่ากลางคนื ใหเ่ ดินระวงั งูเงี่ยวเขยี่ วตะขาบเดิ้ง อีลกั อหี ลูด หมายถงึ ความลาบาก ทุลกั ทุเล เช่น กัว่ จะได้ทางานอลี ัก อีหลูดเจนว่า หาอย่หู ากิน หมายถึง การประกอบอาชพี เช่น เป็นยังไงหาอยูห่ ากินยังไง หวั หายตะพายขาด หมายถงึ การไปไหนๆ โดยไมบ่ อกกลา่ วให้ผ้ใู ดทราบมักใชก้ ับ คนชอบเท่ยี ว เชน่ ไปหัวหายตะพายขาด สานวน นม้ี าจากการเลีย้ งมา้ , ววั ท่ีตะพายขาดแลว้ จบั มา ผูกคืนได้ยาก ๒ กลมุ่ คาสานวนที่ไม่มเี สียงสัมผสั เชน่ กด๊ั ฟนั ขย้มุ ตดู หมายถงึ การทาสง่ิ ใดส่งิ หน่ึงสุดกาลัง เช่น ป๊า...กด๊ั ฟนั ขยุ้มตูดปานนี่ มนั ยังถอน ไม่ข้ึนนอ กาขี่ไม่ทนั ควย หมายถงึ จบั ตวั คนทาผดิ ไม่ไดท้ ันท่วงที เชน่ มัวแต่เซ่ออยู่ ก๋าข่ีไมท่ นั ควยน่ัน ก๋ินเผื่อหมา หมายถึง กินอยา่ งไม่ประมาณตน เชน่ รากแตกรากแตน๋ ยังงี่ก็ยอ่ นมันกน๋ิ เผ่ือหมา ขซ่ี บรอ่ ง หมายถึง ทาอะไรไดจ้ ังหวะพอดี เช่น มนั ชนะเขาก็ยอ่ น ข่ีซบรอ่ งดอกนา ข่นื ก๊กไมช่ ว่ ยแรงกะถา หมายถงึ การหาหนทางชว่ ยให้ผู้นั้นพน้ ทุกข์พน้ ภยั เช่น ใควา่ อะไรดี๋ ก็ทานน่ั แหลว่ ขน่ึ กก๊ ไมช่ ว่ ยแรงกะถาเอาละเด่ ๓ กล่มุ คาสานวนท่เี ป็นความเปรยี บ เสนิ ขนื่ ยังกะเข่าคา่ งบี๋ หมายถงึ คนท่ีชอบยอ ระซ่องยังก๊ะหนา่ งัวเกี๋ยน หมายถึง หน้าสลอนเหมือนหน้าวัวเทียมเกวียน มกั ใช้เปรียบเด็ก ๆ เหนียวยังกะ๊ หนงั หัวเกี๋ยน หมายถงึ ความตระหนีถ่ เี่ หนยี วนัน้ เหมือนหนงั ทีใ่ ช้ผูกอยทู่ ีห่ ัวเกวียน ใชเ้ ปรียบกับ คนทตี่ ระหน่ีมาก ๆ สนุ๊กพอปานเตะ๊ เฮ็ด หมายถงึ ทาสงิ่ ตา่ ง ๆ ไดง้ า่ ยดายเหมอื นการเตะเหด็ ไมต่ ้อง ใช้ความพยายามมาก คลอ่ งพอปานใส่ไข หมายถงึ มคี วามคล่องตัวมาก สานวนน้ีเปรียบกับล้อเกวยี น ถ้าเอาไขใส่ (น้ามนั หล่อลนื่ ) จะทาให้หมนุ คลอ่ ง ไม่หนักแรงววั ควาย ให่กนิ๋ ไม่รู่บ๊กใหจ่ ๊กไม่รเู้ มิ้ด หมายถงึ หมายถึง ใหม้ ัง่ มศี รีสุข ๔ กลุม่ คาให้พร เป็นกลมุ่ คาทกี่ ลา่ วออกมาจากความรู้สกึ ท่จี ริงใจทาใหผ้ รู้ บั พรมคี วามสุข อ่ิมเอบิ ใจ เช่น - ขอให่อยู่เยน็ เปน็ ซกุ สะนุกสบา๋ ยควมเจบ็ อย่าได้ควมไข่อยา่ มี ของช่ัวอย่าให่เห็นของเหม็นอย่าให่พบ ให่ อยดู่ ี๋กิน๋ ด๋นี ึกอย่างไหนของให่ได้ อย่างปรารถนาเดอ ชุดการเรียนรู้เรือ่ งเพลงโคราช 19 Korat folk song performance
- คาแปล ขอให้อยู่เย็นเป็นสขุ สนกุ สบาย ความเจบ็ อยา่ ได้ ความไข้อยา่ งของช่ัวอย่าใหเ้ ห็นของเหมน็ อยา่ ได้ พบ ให้อยู่ดีกินดี นกึ อย่างไหน ขอให้ไดอ้ ยา่ งปรารถนา นะ - ขอให่ได้เป็นเจา้ คนนายคน ไปทางไหนขอให่มีคนเดินหนา่ ใหม่ ีข่ีขา่ เด๋ินต๋าม ไป๋ทางไหนให่มีแตค่ นรัก ไม่มี คนชัง ใหอ่ ายหุ มั่นขว็ นยืน๋ ให่ไดผ้ วั คนรู้ ใหไ่ ด้ชู่คนงาม เดอลกู เดอ - คาแปล ขอให้ไดเ้ ป็นเจา้ คนนายคน ไปทางไหนขอใหม้ ีคนเดนิ หนา้ ให้มีขี้ขา้ เดินตาม ไปทางไหนขอให้มีแต่ คนรกั ไมม่ ีคนชงั ให้อายมุ ั่นขวญั ยนื ใหไ้ ด้ผัวคนรู้ ให้ได้ชคู้ นงามนะลูกนะ ๕ กลุ่มคาเรยี กขวัญ เปน็ กลมุ่ คาสานวนท่ีคนเฒา่ คนแก่ใช้เรยี กขวญั ให้ลกู หลานท่ปี ว่ ยไขห้ รือคนท่ีจากบา้ นไปนาน แลว้ กลบั มา อย่างปลอดภัย เพอื่ เป็นกาลังใจแก่บุคคลนน้ั เช่น -ข็วนอนี าง (ไอน้ าย) เอย มากู๊.............. ให่มาเข่าโครงอย่าไดห้ ลาบ ให่มาเขา่ คราบอย่าได้ถอย ซบิ ปอี๋ ย่าไป่อืน่ หมน่ื ปอี๋ ยา่ ไปไ๋ กล๋ ใหม่ าอยู่เรือนพ่อเรือนแม่ ใหม่ าอยซู่ ุมพี่ซุมน่อง ขว็ นพ่ีจไิ ปใ๋ ห่หน่องชัก่ ไวข่ ็วนนอ่ ง จไิ ปใ๋ ห่พี่ชก่ั ไว่ ใหผ่ กู กั๋นอยา่ งเครือมัน ใหพ่ ันก๋ันคอื เครอื ถ่วั ให่มานอนฟกู ถว่ มหนา่ ให่มานอนผ่าถ่วมตว๋ั อย่าไปกินเขา่ เด๋นผรี าก อย่าไปก๋ินหมากเดน๋ ผีคาย อย่าไปเอ๋ารากไม่ต่างหมอน อย่าไปเอ๋าขอนต่างบา้ น อยา่ ไปนอนขว่ มกน๋ิ นา่ มลาย อยา่ ไปนอนหงายกน๋ิ น่ามค่าง อย่ามวั ไปหลงในน่ามเปน็ เพื่อนปล๋า อยา่ มัวไปหลงในนาเปน็ เพอ่ื นเขา่ ใหม่ าอย่เู รือนใหญ่ฮกกะไดส๋ งู มาเดอขว็ นเอย...มากู๊ มาอย่ซู ุมพ่อซุมแม่ซุมพี่ซุมน่อง เดอขว็ นเอย...มากู๊ คาแปล - ขวญั เอยมาเถิด ขอให้มาเข้าร่างอย่าได้เข็ดหลาบหวาดกลัวเลย สิบปีอย่าไปอ่ืน หมื่นปีอย่าไปไกล ใหม้ าอยเู่ รือนพ่อเรือนแม่ทีม่ ีญาติพน่ี ้องแวดลอ้ ม ถ้าขวัญพจี่ ะไปใหน้ ้องชักชวนไว้ ขวญั น้องจะไปก็ใหพ้ ีช่ ักชวนไว้ ใหผ้ กู พนั กนั เหมอื นเครือถัว่ เครอื มัน ให้มานอน ที่นอนซ่งึ หนานุ่มและผา้ ห่มผนื หนาอย่าไปกนิ ข้าวท่ผี อี าเจียนออกมา อย่าไปกินหมากเดนผีคาย อยา่ ไปเอารากไม้ต่างหมอน อย่าไปเอาขอนไม้ตา่ งบา้ น อย่าไปนอนควา่ กนิ น้าลายอย่าไป นอนหงายกนิ น้าคา้ ง อย่ามวั ไปหลงในน้าเป็นเพ่ือนปลา อย่ามวั ไปหลงในนาเปน็ เพ่ือนข้าว ให้มาอยู่เรือนใหญ่ บนั ไดสูง มาเถิดขวัญเอย...มาอยู่กับพ่อแม่พี่น้อง มาเถิดขวัญเอย... ๖ กลมุ่ คาอธิษฐาน ใช้อธิษฐานในโอกาสทาบุญ ตักบาตร เช่น - เข่าข้าพ่ะเจา้ ขาวเหมือนดอกบ๋ัวยก่ ขื่นเหนอื หวั ถวายพร่ะพุ่ทธ ตงั้ ใจ๋ใหบ่ รซิ ุดถวายพระ่ ธรรม ขอให่ใจข้าพะ่ เจา้ จงนาถวายพร่ะสงฆ์ จ๊ดิ ใจจ๋ านงหมายทางซ่ายขัวกร๋งต่อพร่ะนิพพาน ขอใหไ่ ด้พ่บดว๋ งแก้ว ขอให่แคล่วบว่ งมาร ขอให่ทนั พระศรีอาริย์ปะติโย โหตุ๊... คาแปล - ขา้ วของขา้ พเจา้ ขาวเหมือนดอกบวั ยกขึ้นเหนอื หัวถวายพระพทุ ธ ต้งั ใจใหบ้ ริสุทธิ์ถวายพระธรรม ขอใหใ้ จขา้ พเจ้าจงนาถวายพระสงฆ์ จิตใจจานงหมายทางซ้ายขวา ตรงตอ่ พระนิพพาน ขอให้พบดวงแกว้ ขอให้ แคล้วบว่ งมาร ขอให้ทนั พระศรีอาริย์ปะติโยโหตุ... คาลงท้าย ภาษาโคราช มีคาลงท้ายเฉพาะตวั ทัง้ ในประโยคปฏเิ สธ ประโยคคาถาม และประโยคบอกเลา่ เชน่ มาไอ๋เยอ หมายถงึ มาทาไม่หรอื ชุดการเรยี นรู้เร่อื งเพลงโคราช 20 Korat folk song performance
ไมไ่ ป๋ดอกนี หมายถงึ ไม่ไปหรือ ไมเ่ ปน็ ดอกวา หมายถงึ ไม่เป็นกระมัง ไมใ่ ช่ดอกแฮะ หมายถงึ ไมใ่ ช่หรอก ไป๋แหละเดอ หมายถึง ไปละนะ ทาแล่วเด หมายถึง ทาแลว้ นะ คาปฏิเสธ จกั๊ หมายถงึ ปฏเิ สธแบง่ รับแบง่ รู้ จก๊ั เด่ หมายถึง ปฏเิ สธเดด็ ขาด จก๊ั แหล่ว หมายถงึ ปฏิเสธเชงิ ไม่พอใจ จ๊ักแหละ หมายถึง ปฏิเสธแบบให้พ้นตวั นอกจากคาปฏิเสธแล้ว ภาษาโคราชยงั มลี ักษณะเฉพาะอืน่ ๆ เชน่ คาลกั ษณะนาม คาทักทาย คาสบถ สาบาน และการพูดประโยคท่ชี วนฉงนสาหรบั ผู้ใชภ้ าษากลาง เช่น ประโยค ความหมาย เปน็ ไข่ ไม่สบาย เป็นไข้ จะไปง่ายไหม จะกลับเร็วไหม จะยากไปไหม จะกลับชา้ ไหม ถนนนีจ่ ะไปไหน ถนนสายนีไ้ ปถึงไหน, ผ่านอะไรบ้าง ไมอ่ ยากพดู หา ไม่อยากพดู ด้วย ประโยค ความหมาย กินใหญก่ นิ น้อย กนิ มาก ไอแ้ นวนนั่ ส่งิ นน้ั วนั นนี้ า้ ลกึ ปานใด นา้ ขึน้ ถึงไหนแลว้ ฝนกะ๊ บ้าน ฝนตกทีบ่ ้าน เชิง ๆ จะเก่ง ดเู หมอื นจะเกง่ ซง ๆ จะเป็นไข่ ดูเหมือนจะเป็นไข้ ไปเลน่ บ้าน ไปเทย่ี วบ้าน พูดดดั ล่าง พูดแบบชาวล่าง (ชาวกรุงเทพฯ) ของอย่างกนั นน่ั ของอย่างน้ัน เอาเมียหรือยงั แตง่ งานหรือยัง ”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””” ชดุ การเรยี นรู้เรอื่ งเพลงโคราช 21 Korat folk song performance
บันทึกสรุปการเรียนรู้ สรปุ เนอื้ หา ...................................................................................................... ........................................................................ .............................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................... ......................................... ......................................................................................... ..................................................................................... ................................................... ....................................................................................................................... .... ประโยชนท์ ี่ได้รบั .................................................................................................................. ............................................................ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................... ............................... ..................................................................................................... ......................................................................... .............................................................................................................................................................................. การนาไปใช้ในชีวติ ประจาวัน ........................................................................................................ ...................................................................... .............................................................................................................................................................................. ชดุ การเรียนรู้เร่ืองเพลงโคราช 22 Korat folk song performance
....................................................................................................................................... ....................................... ........................................................................................... ................................................................................... ............................................................................................................................................................................ .. ใบงาน ให้นกั ศกึ ษาตอบคาถามดังนี้ 1. ให้ผ้เู รยี นสรปุ ภูมหิ ลงั ประวตั คิ วามเปน็ มาของภาษาถิน่ โคราช .................................................................................................................................................... ..................................... ................................................................................................ ......................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................... .............................................................................................. ................................................ ......................................................................................................................... ................ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................... .............................................................. ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... 2. ให้ผู้เรยี นหาคาศัพท์ต่างๆ(เชน่ คานาม กริยา คาวิเศษณ์)ของภาษาถ่นิ โคราชที่ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ......................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... ............................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................. ........................ ......................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... .................................... ................................................................................................................... ...................................................................... ......................................................................................................................................................................................... .................................................................................................. ...................................................... ชดุ การเรียนรู้เรอ่ื งเพลงโคราช 23 Korat folk song performance
3. ใหผ้ ้เู รียนยกตวั อย่างสานวนภาษาโคราช ............................................................................................................................. ............................................................ .......................................................................................................................................... ............................................... ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................. ......................................................... ................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................................... .......................................... ......................................................................................................................................................................................... .................................................................................................. ....................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ...... ......................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................... ................................................... .................................................................................................................................. ....................................................... ......................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................... ................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................ . ......................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................ ......................................................... ............................................................................................................................... .......................................................... ......................................................................................................................................................................................... .................................................................................. ........................... ................................................................................................................................................... ...................................... ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................ .................................................................... ชดุ การเรียนรู้เร่ืองเพลงโคราช 24 Korat folk song performance
เรอ่ื งที่ 2 เพลงโคราช เร่ืองท่ี 2 เพลงโคราช 25 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกความหมายของเพลงโคราชไดแ้ ละหมอเพลงโคราชได้ 2. บอกประวัติความเปน็ มาของเพลงโคราชได้ 3. อธบิ ายและตระหนักเหน็ คุณค่าความสาคัญของเพลงโคราช 4. ระบแุ หลง่ เรยี นร้ภู ูมิปัญญาท้องถนิ่ และเพลงโคราชได้ 5. วิเคราะหค์ วามเป็นไปได้ในการเขา้ สู่อาชพี เพลงโคราชได้ 6. บอกชอ่ งทางการประกอบอาชพี เพลงโคราชได้ ชดุ การเรียนรู้เรอื่ งเพลงโคราช Korat folk song performance
เพลงโคราช 1. ความหมายของเพลงโคราชและหมอเพลงโคราช 1.1 จากการศึกษาเอกสารท่เี กยี่ วข้อง ชื่อผู้แต่ง ฯพณฯ สุวจั น์ ลปิ ตพัลลภ (2542 : 140) ได้ให้ความหมายของเพลงโคราช ไว้วา่ ตานานของเพลงโคราชนั้น ผรู้ ู้และหมอเพลงเลา่ ให้ฟังว่า มนี ายพรานคนหนงึ่ ชือ่ เพชรนอ้ ย ออกไปล่า สัตว์ในป่า เขตหนองบญุ นาก อาเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา คนื หน่ึงแกไปพบลูกสาวพญานาคขึน้ มาจากหนอง น้า มาน่ังร้องเพลงคนเดยี ว พรานเพชรน้อย ได้ยินเสยี งจึงแอบเขา้ ไปฟังใกล้ ๆ แกประทับใจในความไพเราะและ เน้อื หาของเพลง จงึ จาเนอ้ื และทานองมาร้องให้คนอ่นื ฟงั ลักษณะเพลงท่ีร้องเปน็ เพลงกอ้ ม หรอื เพลงคสู่ อง อกี ตานานหน่ึงเล่าวา่ ชาวโคราชได้เพลงโคราชมาจากอินเดียโดยพระยาเข็มเพชรเปน็ ผ้นู ามา พร้อม ๆ กับ ลเิ ก และลาตัด โดยให้ลิเกอยู่กรุงเทพฯลาตัดอยู่ภาคกลาง และเพลงโคราชอยู่ทนี่ ครราชสีมา เพลงโคราชระยะแรก ๆ เป็นแบบเพลงก้อมคนทเี่ รยี นรู้เพลงโคราช จากพระยาเข็มเพชร ช่อื ตาจัน บ้านสก อยู่ \"ซุมบ้านสก\" ติดกบั สถานี รถไฟชุมทางถนนจริ ะตานานทัง้ สองถึงแม้จะตา่ งกนั ในดา้ นกาเนดิ แต่ตรงกนั อย่างหน่ึงที่กล่าวว่าเพลงโคราชระยะแรก เล่นแบบเพลงก้อม กอ้ มเป็นภาษาโคราชและภาษาอีสาน แปลวา่ ส้ัน เพลงก้อมหมายถึง เพลงสั้น ๆว่าโตต้ อบกลา่ ว ลอย ๆ ทง้ั ทมี่ ีความหมายลึกซง้ึ หรอื ไมม่ คี วามหมายเลยก็ได้วัฒนธรรมไทยในปัจจุบันถกู แทนทีด่ ้วยเพลงสมยั ใหม่ เด็กและ เยาวชนหนั ไปสนใจเพลงสากลมากข้นึ ทาให้ศิลปะของไทยอันงดงามเรม่ิ จางหายไป แต่หากทา่ นใดทมี่ ีโอกาสได้มายงั เมอื งนครราชสีมาหรือเรียกกันตดิ ปากว่า เมอื งโคราช ทา่ นคงจะประจักษ์ตอ่ สายตาแล้ววา่ ความคดิ ท่ีกลา่ วในเบ้ืองต้น ไม่ถูกต้องเสมอไป การร่ายร่าของชาวชายหญิงเหลา่ น้นี อกจากจะได้ยินเสยี งหัวเราะและความเพลดิ เพลินของผู้คนท่ีสัญจรผ่าน ไปมาจะสามารถสัมผสั ไดแ้ ลว้ เนื้อเพลงยังแฝงไปด้วยคติธรรมในการดาเนนิ ชีวิตทดี่ ีงามแม้ว่าเนอื้ เพลงบางวรรค บางตอน จะขดั หูเพราะมีคาหยาบรวนไปบา้ ง แตน่ ้ันกเ็ ปน็ การบอกถงึ การแสดงน้ี นั้นกค็ ือเพลงโคราช เดก็ และเยาวชน ในปัจจบุ นั ไดห้ นั ไปสนใจกับสิ่งทีเ่ ป็นสากลมากขน้ึ จนลืมไปว่าไปวา่ ศลิ ปะและวฒั นธรรมในทอ้ งถิ่นตนเองทรงคุณค่า และงดงามเพียงใด ชอ่ื ผู้แตง่ มนตรี ตราโมท (2497 : 45) ไดใ้ หค้ วามหมายของเพลงโคราช ไว้ว่า มลี กั ษณะเช่นเดียวกับ เพลงพนื้ เมืองของท้องถน่ิ อน่ื ๆ คอื ประกอบด้วยลานา อันหมายถึงความส้นั ยาวของเสยี ง ทานองหมายถึงเสยี งสงู ๆ ต่า ๆ สลับกนั ไป และจังหวะคอื สว่ นแบง่ ย่อยท่ีเป็นระยะสมา่ เสมอ ซึ่งไดแ้ กม่ าตรา ซ่งึ ส่วนประกอบทัง้ สามนเี้ ปน็ ส่วนประกอบสาคญั ของเพลงพ้นื เมืองถ้าขาดสวนใดส่วนหนึง่ ไปจะเรยี กว่าเพลงไม่ได้ ชอ่ื ผ้แู ต่ง วเิ ชยี ร โตราพิมาย (2521 : 140) ไดใ้ ห้ความหมายของเพลงโคราช ไว้วา่ รปู แบบของเพลง โคราชนัน้ มลี ักษณะแปลกไหจากเพลงพ้ืนเมืองประเภทอ่ืน ๆ ตรงทีบ่ งั คับท้ังสมั ผสั อักษรและสมั ผัสสระ คณะของ เพลงโคราชไมจ่ ากดั แนน่ อน แต่มกี ารยดื หยุน่ ได้ตามความเหมาะสมเพลงร่นุ เก่า ชอ่ื ผ้แู ตง่ พระครโู สภิตธรรมประยตุ ( อุดมอุตฺตมปญโฺ ญ / สงสรุ ะ)ได้ใหค้ วามหมายของเพลงโคราช ไวว้ า่ เพลงโคราช(PhlengKorat or Korat Folksongs) หมายถงึ เพลงโคราชทีข่ บั เป็นทานองท้องถนิ่ เฉพาะทเ่ี ปน็ บทเพลง กลอนซึ่งประกอบด้วยเพลงก้อมเพลงคู่ 2 เพลงคู่ 4เพลงคู่ 6 เพลงคู่ 8 และเพลงคู่ 12 ท้งั เพลงรุ่นเกา่ และเพลง สมัยใหม่.(2555).ความหมายเพลงโคราช//www.koratinfo.com/samapi/koratsong/index.htmได้ใหค้ วามหมาย ของเพลงโคราช ไวว้ ่า เพลงพื้นบา้ นของชาวนครราชสมี ามีหลายอยา่ งเช่น เพลงกลอ่ มลูกเพลงกลองยาว(เถดิ เทิง) เพลงเซิ้งบัง้ ไฟเพลงแหน่ างแมวเพลงปี่แกว้ เพลงหมง่ เหม่ง เพลงลากไมเ้ พลงเชิดเพลงช้าเจ้าหงสด์ งลาไยแตเ่ พลงทีเ่ ล่น กนั แพรห่ ลายและมีอายุยนื ยาวมาจนถึงปัจจุบันนี้คือเพลงโคราช ชดุ การเรยี นรู้เรือ่ งเพลงโคราช 26 Korat folk song performance
จะเหน็ ได้วา่ จากข้อมลู ความหมายเพลงโคราชของเอกสารที่เกีย่ วข้องท้ัง 5 เล่ม ดังกล่าว ที่กล่าวไว้ สามารถสรุปไดว้ า่ เพลงโคราช เปน็ การร้องระหว่างชายหญิง คล้ายกนั ตรมึ และหมอลา แตไ่ มม่ ดี นตรปี ระกอบ ใช้วาทศลิ ป์เพียงอย่างเดยี ว และปรบมือเพื่อกากับจังหวะ1.1.2 จากการสัมภาษณภ์ ูมิปญั ญา จานวน 5 คน ได้ให้ ขอ้ มูลความหมายของเพลงโคราชไว้ดงั น้ี กาป่ัน บ้านแทน่ (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มลู ความหมายของเพลงโคราชไว้ขณะท่สี มั ภาษณภ์ มู ิปัญญาเรื่อง ความหมายของ เพลงโคราช ในวันที่ 27 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2555 ณ บ้านเลขท่ี 334 ถนนจริ ะ ตาบลในเมอื ง อาเภอเมือง นครราชสมี า จังหวดั นครราชสมี า เวลา 13.00 น. ไวว้ ่า “เพลงพ้นื บ้านโคราชมลี กั ษณะเพลงท่รี ้องเป็นเพลงกอ้ ม หรือเพลงคูส่ อง ของชาวนครราชสมี า มหี ลายอยา่ ง เช่นเพลงกลอ่ มลูก เพลงกลองยาว (เถดิ เทงิ ) เพลงเซิ้งบ้ังไฟ และเพลงแหน่ างแมว ” กาเหวา่ โชคชยั (2555) ได้ให้ข้อมลู ความหมายของเพลงโคราชไว้ขณะทส่ี ัมภาษณ์ภมู ิ ปัญญาเรอื่ ง ความหมายของเพลงโคราช ในวันท่ี 27 เดอื น สงิ หาคม พ.ศ. 2555 ณ บ้านเลขที่ 334 ถนนจริ ะ ตาบลใน เมือง อาเภอเมืองนครราชสมี า จงั หวัดนครราชสมี า เวลา 13.00 น. ไว้วา่ “ เปน็ เพลงของชาวบ้านท่รี ้องเล่นกัน ในยามวา่ งงานเพ่ือความสนุกสนาน เชน่ ในงานลงแขกเกย่ี วข้าว หรอื พบปะพดู คยุ กันในวงสุรา ชาวบา้ นทีว่ ่าเพลงได้ จะว่าเพลงเพื่อความสนุกสนานไมม่ ีพิธรี ตี รอง ” เลาะ บา้ นแทน่ (2555) ไดใ้ ห้ขอ้ มูลความหมายของเพลงโคราชไวข้ ณะทส่ี ัมภาษณภ์ ูมิปญั ญาเร่อื ง ความหมายของเพลงโคราช ในวันท่ี 27 เดอื น สิงหาคม พ.ศ. 2555 ณ ลานอนสุ าวรียท์ า้ วสรุ นารีถนนราช ดาเนนิ ตาบลในเมือง อาเภอเมืองนครราชสีมา จงั หวดั นครราชสีมา เวลา 16.00น. ไว้วา่ “เป็นเพลงของชาวบา้ น ที่รอ้ งเลน่ กนั ในยามว่างงานเพ่ือความสนุกสนาน เชน่ ในงานลงแขกเกย่ี วข้าว หรอื พบปะพดู คยุ กนั ในวงสุรา ชาวบ้าน ที่ว่าเพลงได้จะวา่ เพลงเพ่ือความสนกุ สนานไม่มีพิธรี ีตรอง” ลาไย หนองม่วง (2555) ได้ใหข้ ้อมูลความหมายของเพลงโคราชไวข้ ณะที่สัมภาษณ์ภมู ิปัญญาเร่ือง ความหมายของ เพลงโคราช ในวันท่ี 27 เดอื น สงิ หาคม พ.ศ. 2555 ณ ลานอนสุ าวรยี ์ทา้ วสุรนารถี นนราชดาเนนิ ตาบลใน เมอื ง อาเภอเมืองนครราชสมี า จังหวัดนครราชสีมา เวลา 16.00 น.ไวว้ า่ “เปน็ เพลงพื้นบ้าน เพลงก้อมหรือเพลงคู่ สอง ของชาวโคราช นยิ มเลน่ กันแพร่หลายและมีอายยุ ืนยาวมาจนถึงปัจจบุ นั ” สวา่ ง บา้ นดอนผวา (2555) ได้ใหข้ ้อมลู ความหมายของเพลงโคราชไว้ขณะท่สี ัมภาษณ์ภมู ิปญั ญาเรื่อง ความหมาย ของเพลงโคราช ในวันท่ี 27 เดอื น สิงหาคม พ.ศ. 2555 ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสรุ นารีถนนราชดาเนนิ ตาบลใน เมือง อาเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เวลา 16.00 น.ไว้“เปน็ เพลงก้อม มีหลากหลายรส ท้งั คาสั่ง สอน คาด่า กระทบกระเทยี บเปรยี บเปรย และกล่าวเป็นนัยถึงเรอื่ งเพศ บางคนฟังไม่ไดเ้ พราะเหน็ วา่ หยาบโลน เกนิ ไป” จะเห็นได้วา่ จากข้อมูลความหมายเพลงโคราชของภมู ิปัญญาทัง้ 5 คน ดังกล่าว ท่ีกล่าวไว้ สามารถสรุปได้ วา่ เพลงโคราช หมายถงึ เพลงรอ้ งโต้ตอบชายหญิง เป็นเพลงพื้นบ้านชนดิ หนึ่งชองชาวไทยโคราช มรี ปู แบบ เนือ้ หา และการเลน่ เพลงเปน็ เอกลกั ษณ์ อันสะท้อนให้เหน็ โลกทศั น์ ค่านิยม และวัฒนธรรมบางประการของชาวไทย โคราช 1.2. ความหมายของ หมอเพลงโคราช 1.2.1 จากการศึกษาเอกสารทีเ่ ก่ียวขอ้ ง ชอื่ ผู้แต่ง พระครูโสภิตธรรมประยตุ ( อุดมอตุ ฺตมปญโฺ ญ / สงสุระ)ได้ใหค้ วามหมายขอ หมอเพลงโคราชไวว้ า่ หมอเพลงโคราช(The Singers) หมายถึงผรู้ อ้ งเพลงโคราชซง่ึ ประกอบดว้ ยฝ่ายชายและฝา่ ยหญิง เพือ่ ขบั ร้องเพลงโคราชและบทกลอนอนั เกี่ยวกับเพลงโคราช ชือ่ ผแู้ ต่ง ถาวร สบุ งกช ไดใ้ หค้ วามหมายของหมอเพลง ไว้วา่ หมอเพลงหมายถึง ผ้ทู ม่ี ี ชดุ การเรยี นรู้เรอื่ งเพลงโคราช 27 Korat folk song performance
ลกั ษณะรูปร่างสง่างาม มีสติปญั ญา และเปน็ ผู้ทีร่ า่ เรงิ ชงั พดู กลา้ แสดงออก มีความสามารถเฉพาะตวั ในด้านการจดั เพลง .(2555).ความหมายหมอเพลงโคราช www.stjohn.ac.th/Department/internet_rally/rally5_47/IT_cul/ ..ได้ใหค้ วามหมายของหมอเพลงโคราชวา่ ชายหญงิ ปะทะคารมกนั ในด้านสานวนโวหารสิ่งสาคญั ของการร้องคอื การดน้ กลอนสด ร้องแกก้ นั ด้วยปฏภิ าณไหว พรบิ ทาให้เกิดความสนกุ สนานทงั้ สองฝา่ เป็นเน้ือความของเพลงพื้นเมอื งทีน่ ิยมร้องกัน .(2555).ความหมายหมอเพลงโคราช .www.koratinfo.com/samapi/koratsong/koratsng1.htm ไดใ้ ห้ความหมายของหมอเพลงโคราชว่า ผู้ประกอบอาชีพเพลงโคราชทเี่ ลน่ เปน็ อาชีพได้รับการวา่ จ้างเปน็ เงนิ ตาม ราคาท่ีกาหนดเพลงจะเลน่ ในงานฉลองหรือสมโภชต่างๆ เชน่ งานศพ งานบวชนาคทอดกฐนิ งานประจาปีหรอื เลน่ แก้บน .(2555).ความหมายหมอเพลงโคราช.www.koratinfo.com/samapi/koratsong/index.htmได้ให้ ความหมายของหมอเพลงโคราชว่า เพลงโคราชที่เล่นเป็นอาชีพมีการวา่ จา้ งเปน็ เงนิ ตามราคาทีก่ าหนด เพลงประเภท น้จี ะเล่นในงานฉลองหรือสมโภชตา่ งๆ เชน่ งานศพ งานบวชนาค ทอดกฐนิ งานประจาปี หรอื เล่นแก้บน ผู้ ประกอบอาชีพเพลงโคราชนเ้ี รียกว่า \" หมอเพลง\" การเล่นจะเล่นเปน็ พิธีการ มีเวที การแต่งกายตามแบบของหมอ เพลงและมีการยกครู จะเหน็ ได้วา่ จากข้อมลู ความหมายหมอเพลงโคราชของเอกสารที่เก่ยี วขอ้ งท้ัง 5 เล่ม ดังกลา่ ว ที่กล่าวไว้ สามารถสรปุ ไดว้ ่า หมอเพลง หมายถงึ นกั ร้องเพลงโคราช ในอดตี หมอเพลงรุ่นใหญ่หรอื หมอเพลงอาวุโส คอื หมอ เพลงอายุ 50 ปขี ึ้นไปจะต้องเปน็ ผ้รู ูแ้ ละมคี วามสามารถในการเล่นเพลงอยา่ งมาก แตป่ ัจจุบนั นิยมใชเ้ รียกผ้ทู ่ี ประกอบอาชีพหมอเพลงรุน่ เล็กคือหมอเพลงท่ีอายุ 50 ปลี งมาเป็นนักร้องเพลงโคราชซง่ึ แบง่ ตามอายุและ ประสบการณ์ 1.3. ความหมายของหมอเพลงโคราช จากการสมั ภาษณ์ กาปัน่ บา้ นแท่น (2555) ได้ให้ขอ้ มลู ความหมายของหมอเพลงโคราชไวข้ ณะท่ีสมั ภาษณ์ภูมปิ ญั ญาเรอ่ื ง ความหมายของหมอเพลงโคราช ในวนั ท่ี 27 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2555 ณ บา้ นเลขที่ 334 ถนน จริ ะ ตาบล ในเมอื ง อาเภอเมอื งนครราชสมี า จังหวดั นครราชสมี า เวลา 13.00 น. ไว้วา่ “ผู้ชายหรือผู้หญงิ ท่ีมีการฝกึ ฝนหัด ร้องกลอน เพลงด่น มีปฏิภาณไหวพริบในการต่อกลอนได้ และสามารถแตง่ สดๆต่อเหตุการณ์ท่ีเกิดขนึ้ ” กาเหว่า โชคชัย (2555) ไดใ้ ห้ขอ้ มูลความหมายของเพลงโคราชไวข้ ณะท่สี มั ภาษณภ์ มู ิ ปัญญาเรือ่ ง ความหมายของหมอเพลงโคราช ในวนั ท่ี 27 เดอื น สงิ หาคม พ.ศ. 2555 ณ บา้ นเลขที่ 334 ถนนจริ ะ ตาบลในเมือง อาเภอเมืองนครราชสมี า จังหวดั นครราชสีมา เวลา 13.00 น. ไว้ว่า “ เปน็ ผทู้ ่มี ีใจรกั มคี วามอดทน ขยนั ในการฝึกร้อง และสามารถโตต้ อบกับคู่ในการรอ้ งเพลงโคราช” เลาะ บ้านแท่น (2555) ไดใ้ หข้ ้อมลู ความหมายของหมอเพลงโคราชไว้ขณะท่ีสัมภาษณ์ภมู ิปญั ญาเรือ่ ง ความหมาย ของหมอเพลงโคราช ในวนั ท่ี 27 เดือน สงิ หาคม พ.ศ. 2555 ณ ลานอนสุ าวรยี ์ทา้ วสรุ นารีถนนราชดาเนิน ตาบลในเมอื ง อาเภอเมอื งนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เวลา 16.00น. ไวว้ ่า “เปน็ ชาวบา้ นทม่ี ีใจรักทีร่ ้องเลน่ กนั ในยามว่างงานเพื่อความสนุกสนาน เชน่ ในงานลงแขกเก่ียวขา้ ว หรอื พบปะพูดคุยกันในวงสุรา ชาวบา้ นทวี่ า่ เพลง ได้จะวา่ เพลงเพ่ือความสนกุ สนานไม่มีพธิ รี ีตรอง ” ลาไย หนองม่วง (2555) ได้ให้ขอ้ มลู ความหมายของหมอเพลงโคราชไวข้ ณะทีส่ มั ภาษณ์ภูมปิ ญั ญาเรือ่ ง ความหมายของหมอเพลงโคราช ในวนั ท่ี 27 เดอื น สิงหาคม พ.ศ. 2555 ณ ลานอนสุ าวรยี ท์ า้ วสุรนารถี นนราช ดาเนนิ ตาบลในเมอื ง อาเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสมี า เวลา 16.00 น.ไว้ว่า “ ผู้ท่ีรกั ในการร้องเพลง โคราชร้องกลอน โตต้ อบได้ อดทน ขยันร้องกลอน ” สว่าง บา้ นดอนผวา (2555) ไดใ้ ห้ข้อมูลความหมายของหมอเพลงโคราชไว้ขณะท่ีสมั ภาษณ์ภูมิปัญญาเร่ือง ความหมายของหมอเพลงโคราช ในวันท่ี 27 เดอื น สงิ หาคม พ.ศ. 2555 ณ ลานอนสุ าวรยี ์ทา้ วสุรนารถี นนราช ชดุ การเรียนรู้เรื่องเพลงโคราช 28 Korat folk song performance
ดาเนิน ตาบลในเมอื ง อาเภอเมืองนครราชสมี า จังหวดั นครราชสีมา เวลา 16.00 น.ไวห้ มอเพลงโคราช หมายถงึ ผู้ รอ้ งเพลงโคราชซ่ึงประกอบด้วยฝ่ายชายและฝ่ายหญิงเพ่ือขบั รอ้ งเพลงโคราชและบทกลอนอนั เกยี่ วกับเพลงโคราช จะเห็นได้ว่าจากข้อมลู ความหมายหมอเพลงโคราชของภูมปิ ัญญาท้ัง 5 คน ดงั กลา่ ว ท่กี ลา่ วไว้ สามารถ สรปุ ได้ว่า คนท่รี เู้ พลงโคราช ผทู้ ่ีมคี วามรูเ้ ร่ืองเพลงโคราชหากใครไดม้ าศึกษาเพลงโคราช จะรกั อย่างจับจติ จับใจผมู้ ี ความรู้ เช่น หมอมวย หมอผี คนไหนอยากรู้เรื่องเพลงโคราช ต้องไปช่วยครเู ลี้ยงหมู ช่วยทานา 2-3 ปี 2 ประวัติความเป็นมาของเพลงโคราช 2.1 จากการศึกษาเอกสารท่เี กยี่ วขอ้ ง ตานานของเพลงโคราชนน้ั ผู้รู้และหมอเพลงเล่าให้ฟงั ว่า มีนายพรานคนหนง่ึ ชื่อ เพชรน้อย ออกไปลา่ สตั ว์ ในปา่ เขตหนองบญุ นาก อาเภอโชคชยั จังหวัดนครราชสมี า คืนหนง่ึ แกไปพบลูกสาวพญานาคข้นึ มาจากหนองนา้ มาน่ังร้องเพลงคนเดียว พรานเพชรน้อย ได้ยินเสียงจงึ แอบเข้าไปฟงั ใกล้ ๆ แกประทบั ใจในความไพเราะและเน้ือหา ของเพลง จงึ จาเน้ือและทานองมาร้องให้คนอนื่ ฟงั ลกั ษณะเพลงทร่ี ้องเป็นเพลงกอ้ ม หรือเพลงคู่สอง (สวุ จั น์ ลปิ ต พลั ลภ. 2542 : 140) อกี ตานานหน่ึงเลา่ ว่า ชาวโคราชไดเ้ พลงโคราชมาจากอินเดียโดยพระยาเข็มเพชรเป็นผู้ นามา พรอ้ ม ๆ กับลิเก และลาตดั โดยให้ลเิ กอยูก่ รุงเทพฯลาตัดอย่ภู าคกลาง และเพลงโคราชอยทู่ น่ี ครราชสมี า เพลง โคราชระยะแรก ๆ เป็นแบบเพลงก้อมคนทเ่ี รียนรู้เพลงโคราช จากพระยาเข็มเพชร ชื่อตาจนั บ้านสก อยู่ \"ซุม บา้ นสก\" ตดิ กับสถานรี ถไฟชมุ ทางถนนจริ ะตานานทั้งสองถึงแมจ้ ะตา่ งกันในด้านกาเนิดแต่ตรงกันอยา่ งหน่งึ ท่ีกล่าววา่ เพลงโคราชระยะแรกเลน่ แบบเพลงก้อม(สุวจั น์ ลปิ ตพัลลภ. 2542 : 140) .(2555).ความหมายประวตั ิเพลงโคราช http://www.geocities.com/koracha130/pako.htm ไดใ้ ห้ความหมายของประวตั เิ พลงโคราชวา่ ประวัตขิ องเพลงโคราชนน้ั มกี ารเลา่ ขานกันมาวา่ มนี ายพรานคนหนงึ่ ชื่อ เพชรนอ้ ย ออกไปลา่ สัตว์ ในเขตหนองบนุ นากบ้านหนองบุนนากอาเภอโชคชยั จังหวดั นครราชสมี า คืนหนึง่ แกไปพบ ลกู สาวพญานาคข้ึนมาจากหนองน้า มานง่ั ร้องเพลงคนเดยี ว พรานเพชรน้อยไดย้ ินเสยี งจึงแอบเข้าไปฟังใกล้ ๆ แก ประทบั ใจ ในความไพเราะ และเน้อื หาของเพลงจงึ จาเน้ือและทานองมาร้องให้คนอน่ื ฟงั ลักษณะเพลงท่รี ้องเป็นเพลง กอ้ มหรือเพลงคูส่ อง อีกตานานหน่ึงเล่าว่า ชาวโคราชได้เพลงโคราชมาจากอินเดียโดยพระยาเข็มเพชรเป็นผ้นู ามาพร้อมๆ กับลิเก และลาตัดโดยให้ลิเกอยกู่ รงุ เทพฯ ลาตัดอย่ภู าคกลาง และเพลงโคราชอยู่ท่นี ครราชสีมาเพลงโคราชระยะแรกๆ เปน็ แบบเพลงกอ้ ม คนทเี่ รยี นรเู้ พลงโคราชจากพระยาเขม็ เพชร ช่อื ตาจัน บา้ นสก อยู่ \"ซุมบ้านสก\" ตดิ กบั สถานีรถไฟชุม ทางถนนจิระ ตานานทงั้ สองถงึ แม้จะต่างกนั ในด้านกาเนดิ แต่ตรงกันอย่างหนง่ึ ทกี่ ล่าวว่าเพลงโคราชระยะแรกเล่นแบบเพลง กอ้ ม กอ้ มเปน็ ภาษาโคราชและภาษาอสี าน แปลว่า สน้ั เพลงก้อมหมายถึง เพลงสัน้ ๆว่าโต้ตอบกลา่ วลอย ๆ ทง้ั ที่ มีความหมายลึกซ้ึง หรอื ไม่มีความหมายเลยก็ได้ เพลงโคราชจะเร่มิ เลน่ ตั้งแต่เมือ่ ใด ไมป่ รากฏหลกั ฐานที่แน่ชดั หลกั ฐานจากคาบอกเลา่ ต่อ ๆ กันมา มีเพียงวา่ สมัยทา้ วสุรนารี ( คณุ ย่าโม )ยังมชี ีวติ อยู่ ( พ.ศ. 2313 ถึง 2395 ) ทา่ นชอบเพลงโคราชมากเร่ืองราวของเพลงโคราช ได้ปรากฏหลัดฐานชัดเจน คือในปี พ.ศ. 2456 ที่สมเดจ็ พระศรีพชั รนิ ทราบรมราชนิ ีนาถ พระราชชนนีพนั ปีหลวงเสด็จ มานครราชสีมาทรงเปิดถนนจอมสรุ างค์ยาตร์และเสด็จไปพิมายในโอกาสรบั เสดจ็ คร้ังนั้น หมอเพลงชายรุน่ เกา่ ชอื่ เสยี ง โดง่ ดงั มากชือ่ นายหรบี่ ้านสวนขา่ ไดม้ ีโอกาสเล่นเพลงโคราชถวาย เพลงท่ีเล่นใชเ้ พลงหลัก เชน่ กลอนเพลงทวี่ า่ ชุดการเรยี นรู้เร่ืองเพลงโคราช 29 Korat folk song performance
\" ข้าพเจา้ นายหร่ีอยู่บรุ ีโคราชเปน็ นักเลงเพลงหดั บ่าวพระยากาแหง ฯ เจา้ คุณเทศาท่านตั้งให้เปน็ ขุนนาง ...ตาแหนง่ \" ความอีกตอนเอ่ยถึงการรบั เสดจ็ วา่ \" ไดส้ ดบั ว่าจะรับเสดจ็ เพ่ือเฉลมิ พระเดชพระจอมแผ่นดิน โห่สามลาฮาสามหลน่ั เสียงสนั่น....ธานนิ ทร์ \" ( สมเดจ็ พระพนั ปีหลวงทรงเป็นผบู้ งั คบั การพิเศษประจากรมทหารม้านครราชสมี า จนถึง พ.ศ. 2462 เม่อื เสด็จ นครราชสีมา นายหรี่ สวนขา่ ก็มโี อกาสเล่นเพลงถวาย ) เพลงโคราชมโี อกาสเลน่ ถวายหน้าพระท่ีน่งั ในงานชุมนุม ลกู เสอื คร้งั ที่ 1 ในนามการแสดงมหรสพของมณฑลนครราชสมี า เกีย่ วกบั กาเนดิ ของเพลงโคราชมที ง้ั ท่เี ปน็ คาเลา่ และ ตานานหลักฐานจากคาบอกเล่าของหมอเพลงอีกจานวนหนง่ึ เลา่ ต่อ ๆกันมาวา่ ในสมยั รัตนโกสนิ ทรม์ ีสงครามระหว่าง ไทยกับเขมรเมื่อไทยชนะสงครามเขมรคร้ังไร ชาวบ้านจะมีการเฉลมิ ฉลองชยั ชนะดว้ ยการขับร้องและร่ายรากนั ในหมู่ สกท่เี ขาเรยี กวา่ \"ซุมบ้านสก \" ใกล้ ๆกับชุมทางรถไฟ ถนนจิระและเริ่มเลน่ เพลงโคราชกนั ทห่ี มบู่ า้ นนี้ ท่าทางการรารุก ราถอยและการป้องหู มผี ู้สนั นิษฐานว่าประยกุ ต์มาจากการเลน่ เจรยี งทเ่ี ปน็ เพลงพ้นื บ้านของชาวสุรนิ ทร์ผสมผสาน กับ เพลงทรงเคร่อื งของภาคกลาง ช่ือผู้แต่ง ถาวร สบุ งกช ได้ให้ความหมายของประวัตเิ พลงโคราชไวว้ ่า ประวัตขิ องเพลงโคราชน้นั มีการเล่า ขานกันมาวา่ มีนายพรานคนหน่ึงชือ่ เพชรน้อย ออกไปลา่ สตั ว์ ในเขตหนองบนุ นาก บ้านหนองบุนนากอาเภอโชคชยั จงั หวัดนครราชสมี า คนื หน่งึ แกไปพบลูกสาวพญานาค ข้นึ มาจากหนองน้ามาน่ังร้องเพลงคนเดยี ว พรานเพชรน้อยได้ ยินเสียง จึงแอบเข้าไปฟังใกล้ ๆแกประทับใจในความไพเราะ และเน้ือหาของเพลงจึงจาเนือ้ และทานองมาร้องให้คน อนื่ ฟังลักษณะเพลงท่รี ้องเป็นเพลงก้อมหรือเพลงคู่สอง อีกตานานหนึ่งเล่าวา่ ชาวโคราชได้เพลงโคราชมาจากอนิ เดียโดยพระยาเข็มเพชรเปน็ ผ้นู ามาพร้อมๆ กบั ลิเก และลาตัดโดยให้ลเิ กอยกู่ รงุ เทพฯลาตดั อยูภ่ าคกลาง และเพลงโคราชอย่ทู ีน่ ครราชสีมาเพลงโคราชระยะแรกๆ เปน็ แบบเพลงก้อมคนท่เี รียนรเู้ พลงโคราชจากพระยาเข็มเพชร ช่ือตาจัน บา้ นสก อยู่ \"ซุมบ้านสก\" ติดกับสถานีรถไฟชมุ ทางถนนจิระ ตานานท้งั สองถึงแม้จะต่างกนั ในดา้ นกาเนดิ แตต่ รงกนั อย่างหนง่ึ ทกี่ ลา่ ววา่ เพลงโคราชระยะแรกเลน่ แบบเพลงก้อม กอ้ ม เปน็ ภาษาโคราชและภาษาอีสาน แปลว่า สั้น เพลงก้อมหมายถงึ เพลงสนั้ ๆว่าโต้ตอบกลา่ วลอย ๆ ทั้งท่ี มีความหมายลึกซ้งึ หรือไม่มคี วามหมายเลยก็ได้เพลงโคราชจะเริ่มเล่นตั้งแต่เมื่อใด ไมป่ รากฏหลักฐานท่ีแน่ชดั หลกั ฐาน จากคาบอกเลา่ ต่อ ๆ กนั มา มีเพียงวา่ สมัยทา้ วสุรนารี ( คุณย่าโม )ยงั มีชีวติ อยู่ ( พ.ศ. 2313 ถงึ 2395 ) ท่านชอบ เพลงโคราชมากเรื่องราวของเพลงโคราชได้ปรากฏหลดั ฐานชัดเจน คือในปี พ.ศ. 2456 ทส่ี มเด็จพระศรพี ชั รินทราบรม ราชนิ ีนาถ พระราชชนนพี นั ปีหลวงเสดจ็ มานครราชสมี าทรงเปดิ ถนนจอมสุรางคย์ าตร์ และเสด็จไปพิมายในโอกาสรับ เสด็จคร้งั นั้นหมอเพลงชายร่นุ เกา่ ชอื่ เสียงโดง่ ดังมากชื่อนายหรบี่ า้ นสวนข่าไดม้ โี อกาสเลน่ เพลงโคราชถวาย เพลงที่เลน่ ใช้เพลงหลัก เช่นกลอนเพลงทว่ี ่า \" ขา้ พเจ้านายหรี่อยู่บุรีโคราชเป็นนกั เลงเพลงหัดบ่าวพระยากาแหง ฯ เจา้ คุณเทศา ท่านตัง้ ให้เป็นขุนนาง .....ตาแหนง่ \"ความอกี ตอนเอย่ ถงึ การรับเสดจ็ ว่า \" ไดส้ ดบั ว่าจะรับเสด็จเพือ่ เฉลิมพระเดชพระ จอมแผ่นดิน โหส่ ามลาฮาสามหลั่นเสียงสนั่น....ธานนิ ทร์ \" ( สมเด็จพระพันปีหลวงทรงเป็นผูบ้ งั คบั การพเิ ศษประจา กรมทหารม้านครราชสมี า จนถงึ พ.ศ. 2462 เมอ่ื เสด็จนครราชสีมา นายหร่ี สวนข่า ก็มีโอกาสเล่นเพลง ถวาย )เพลง โคราชมโี อกาสเลน่ ถวายหน้าพระท่นี ั่งในงานชมุ นุมลกู เสอื ครง้ั ท่ี 1 ในนามการแสดงมหรสพของมณฑลนครราชสีมา เก่ียวกบั กาเนิดของเพลงโคราชมีทงั้ ทเี่ ป็นคาเล่าและตานานหลกั ฐานจากคาบอกเล่าของหมอเพลงอีกจานวนหนง่ึ เล่า ต่อ ๆกนั มาวา่ ในสมัยรัตนโกสินทร์มสี งครามระหวา่ งไทยกับเขมรเมื่อไทยชนะสงครามเขมรคร้ังไร ชาวบ้านจะมีการ เฉลิมฉลองชยั ชนะดว้ ยการขบั รอ้ งและรา่ ยรากันในหมู่สกทเ่ี ขาเรียกว่า \" ซุมบา้ นสก \" ใกล้ ๆกับชุมทางรถไฟ ถนนจิระ และเร่มิ เล่นเพลงโคราชกนั ท่ีหมู่บา้ นนี้ท่าทางการรารุกราถอยและการป้องหูมผี สู้ ันนษิ ฐานว่าประยุกตม์ าจากการเลน่ เจรยี งที่เป็นเพลงพืน้ บ้านของชาวสรุ ินทร์ผสมผสาน กับเพลงทรงเครื่องของภาคกลาง ช่อื ผแู้ ต่ง พระครโู สภติ ธรรมประยตุ ( อดุ มอุตฺตมปญโฺ ญ / สงสรุ ะ)ได้ใหค้ วามหมายของประวตั ิเพลงโคราชไว้ วา่ ตานานเพลงโคราชสมยั ก่อนนนั้ เพลงโคราชเปน็ ที่นยิ มมากเพราะการแสดงมหรสพท่ีเป็นหวั ใจของงานฉลอง ชุดการเรียนรู้เร่อื งเพลงโคราช 30 Korat folk song performance
สมโภชใดๆกต็ ามจะมีเพลงโคราชเพียงอยา่ งเดียวคนฟังเพลงก็มเี วลามากฟงั กนั ต้งั แตห่ ัวค่าจนรุ่งเชา้ เมือ่ หมอเพลงเล่น เพลงลาคือลาผฟู้ ังลาเจ้าภาพและเพื่อนหมอเพลงดว้ ยกันจะมปี ี่พาทยฆ์ ้องกลองบรรเลงรับหมอเพลงจะราตามกนั ไปยัง บา้ นเจ้าภาพเจา้ ภาพก็นาเงินคา่ หมอเพลงมาใหพ้ ร้อมทงั้ เลี้ยงขา้ วปลาอาหารและหอ่ ข้าวของกินตา่ งๆใหเ้ ป็นเสบียงใน การเดนิ ทางกลับคนฟงั จะอยู่ร่วมฟังงานจนเสรจ็ ส้ินกระบวนการจึงทยอยกลับเชน่ กันเพลงโคราชสมัยกอ่ นได้ไปเลน่ หลายจังหวัดเช่นบุรรี ัมยเ์ พชรบรู ณพ์ ิษณุโลกสุรนิ ทร์ตลอดจนถงึ ประเทศกัมพชู าสาหรับจังหวัดตา่ งๆในภาคกลางก็ไป เลน่ เป็นครัง้ คราวปัจจุบันค่านิยมของผู้ฟงั เปลยี่ นแปลงไปมากแมแ้ ต่ผู้ฟงั ในจังหวดั นครราชสีมาเองก็เสื่อมความนิยมลง มากบ้างกเ็ หน็ วา่ เพลงโคราชเปน็ เพลงหยาบคายและไมน่ ่าสนใจแม้ทางราชการส่งเสริมให้นาออกแสดงทาง วิทยกุ ระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวดั นครราชสีมากต็ ้องผ่านการตรวจอย่างรดั กมุ จะใชภ้ าษาตรงๆเหมือน สมยั กอ่ นไม่ได้ถือว่าไม่เหมาะสมในการจดั งานฉลองสมโภชใดๆมักจะมีมหรสพอื่นๆเปน็ คู่แขง่ มากมายเชน่ ภาพยนตร์ มวยเพลงลูกทุ่งลเิ กและราวงเพลงโคราชจงึ เป็นทสี่ นใจสาหรับผฟู้ ังรนุ่ เกา่ ที่มอี ายุค่อนข้างสูงแทบท้ังน้นั หมอเพลง โคราชได้รวมตัวกนั เปน็ คณะเพลงโคราชหลายคณะและเขา้ มาต้ังสานกั งานคณะอยู่ในอาเภอเมอื งเป็นส่วนใหญ่เพ่ือ ความสะดวกสาหรบั มาติดต่อหาเพลงไปเล่นหมอเพลงโคราชต้องเลน่ เพลงประยุกต์ตามใจผูฟ้ ังเชน่ เล่นเพลงหมอลา เล่นเพลงลาตัดและเพลงลกู ทุ่งพูดถึงท่าราแตกต่างกันไปมเี พลงโคราชของคณะทองสขุ กาปงั ท่ปี ระยุกตเ์ ลน่ แบบลา เพลินคอื นาเอาดนตรีสากลเข้ามาประกอบแต่ยังไมเ่ ป็นท่ีแพรห่ ลายนักการรวมตวั กันเป็นคณะเพลงโคราชปจั จบุ ันนัน้ นางสองเมืองอินทรกาแหงเป็นผู้รเิ ร่มิ ต้งั ขึน้ เป็นคนแรกเมื่อปีพ.ศ. ๒๔๙๙ตั้งอยทู่ ี่ถนนสรุ นารายณ์และต่อมาก็มีคณะ ตา่ งๆตั้งข้ึนอีกหลายคณะข้อดีคอื ทาให้สะดวกในการติดต่อจ้างไปเล่นข้อไมด่ คี ือเมื่อหมอเพลงอยู่คณะเดียวกนั ก็รู้ช้ัน เชงิ และฝีปากกันทาให้ฟังไม่สนุกสนานมผี พู้ ยายามจะรวมคณะเพลงโคราชต่างๆกอ่ ตั้งเป็นสมาคมเพลงโคราชแตย่ ัง ไม่ไดร้ ับความรว่ มมือจากหมอเพลงเท่าที่ควรจากความเช่อื ที่ว่าทา่ นทา้ วสุรนารี ( คณุ หญิงโมหรือย่าโมทช่ี าวบา้ นเรยี ก ท่าน ) ชอบเพลงโคราชในสมัยท่ที า่ นมชี วี ิตอย่จู ึงมีผู้หาเพลงโคราชไปเล่นให้ท่านฟงั เปน็ การแกบ้ นณ บริเวณใกล้ๆกับ อนสุ าวรยี ใ์ นตอนกลางคนื เปน็ ประจาอาจเปน็ ปัจจัยหนึ่งท่ีทาให้คนรนุ่ ใหม่ได้รูจ้ กั เพลงโคราชและหมอเพลงมรี ายได้ ประจาแต่ก็มีผู้สนใจไปฟงั ไม่มากนักพดู ถึงการดาเนนิ ชีวิตของหมอเพลงรนุ่ ปจั จบุ ันสว่ นใหญ่อาชพี ทานาและเล่นเพลง เปน็ อาชพี รองแตห่ มอเพลงท่ีมชี ื่อเสยี งเช่นลอยชายแพรกระโทก, ลาดวนจกั ราช, ทองสุขกาปัง, นกนอ้ ย วังม่วง, ราไพ หัวรถไฟตา่ งกล่าวเปน็ เสยี งเดียวกนั วา่ การประกอบอาชพี ของหมอเพลงโคราชยังทารายไดด้ ยี งั เป็นอาชีพทม่ี ั่นคงอยู่ หมอเพลงดังกล่าวนแ้ี ม้จะประกอบอาชีพอน่ื เชน่ ทานาทาไร่เปน็ นกั ธรุ กจิ แต่อาชีพหลกั คอื เล่นเพลงโคราช ช่ือผู้แตง่ วกิ พิ เี ดีย สารานุกรมเสรี ได้ให้ความหมายของประวัตเิ พลงโคราชไว้ว่า เพลงโคราชจะเร่มิ เล่น ตง้ั แต่เมื่อใด ไม่ปรากฏหลักฐานทแี่ น่ชัดหลกั ฐานจากคาบอกเล่าต่อ ๆ กนั มา มเี พยี งว่า สมยั ท้าว สุรนารี ( คุณยา่ โม )ยงั มีชีวติ อยู่ ( พ.ศ. 2313 ถงึ 2395 ) ทา่ นชอบเพลงโคราชมากเร่ืองราวของเพลงโคราชไดป้ รากฏหลดั ฐานชัดเจน คือ ในปี พ.ศ. 2456 ที่สมเดจ็ พระศรพี ัชรินทราบรมราชนิ นี าถ พระราชชนนพี นั ปหี ลวงเสด็จมานครราชสีมาทรงเปิดถนน จอมสุรางคย์ าตร์ และเสด็จไปพมิ ายในโอกาสรับเสดจ็ ครงั้ นั้นหมอเพลงชายรุ่นเก่าชื่อเสียงโดง่ ดังมากช่ือนายหร่ี บา้ น สวนขา่ ไดม้ โี อกาสเลน่ เพลงโคราชถวาย เพลงที่เล่นใชเ้ พลงหลกั เช่น กลอนเพลงทีว่ า่ \"ข้าพเจา้ นายหรีอ่ ยู่บรุ ีโคราชเป็น นักเลงเพลงหดั บ่าวพระยากาแหง ฯเจ้าคุณเทศา ท่านตง้ั ให้เป็นขนุ นาง .....ตาแหน่ง \"ความอีกตอนเอย่ ถึงการรบั เสด็จ ว่า \"ได้สดบั ว่าจะรบั เสด็จเพื่อเฉลมิ พระเดชพระจอมแผ่นดิน โหส่ ามลาฮาสามหล่นั เสยี งสนัน่ ....ธานนิ ทร์ \" ( สมเดจ็ พระพนั ปหี ลวงทรงเป้นผบู้ ังคับการพเิ ศษประจากรมทหารม้านครราชสีมา จนถึง พ.ศ. 2462 เมือ่ เสดจ็ นครราชสมี า นายหร่ี สวนขา่ ก็มีโอกาสเล่นเพลงถวาย )เพลงโคราชมีโอกาสเล่นถวายหน้าพระท่ีนัง่ ในงานชมุ นุมลกู เสือคร้งั ท่ี 1 ใน นามการแสดงมหรสพของมณฑลนครราชสมี า เกีย่ วกับกาเนิดของเพลงโคราชมีทั้งทเี่ ปน็ คาเลา่ และตานานหลกั ฐาน จากคาบอกเลา่ ของหมอเพลงอกี จานวนหนงึ่ เลา่ ต่อ ๆ กันมาว่า ในสมยั รตั นโกสนิ ทรม์ ีสงครามระหว่างไทยกบั เขมรเมอ่ื ไทยชนะสงครามเขมรครัง้ ไร ชาวบ้านจะมีการเฉลิมฉลองชัยชนะด้วยการขับร้องและรา่ ยรากนั ในหมสู่ กที่เขาเรียกวา่ \" ซมุ บา้ นสก \" ใกล้ ๆกับชมุ ทางรถไฟ ถนนจริ ะและเริ่มเลน่ เพลงโคราชกนั ที่หมู่บ้านน้ีท่าทางการรารกุ ราถอย และการ ชดุ การเรยี นรู้เรอ่ื งเพลงโคราช 31 Korat folk song performance
ป้องหมู ีผ้สู นั นษิ ฐานว่าประยุกต์มาจากการเลน่ เจรยี งท่ีเปน็ เพลงพน้ื บ้านของชาวสุรนิ ทร์ผสมผสาน กบั เพลงทรงเครื่อง ของภาคกลาง จะเห็นไดว้ ่าจากข้อมลู ประวัติเพลงโคราชของเอกสารท่ีเกี่ยวขอ้ งทัง้ 5 เล่ม ดงั กลา่ ว ท่กี ลา่ วไว้ สามารถ สรปุ ไดว้ า่ จากตานานของผ้รู แู้ ละหมอเพลงเลา่ วา่ มีนายพรานคนหน่งึ ช่อื เพชรนอ้ ย ออกไปลา่ สัตวใ์ นเขตหนองบุ นนาก บ้านหนองบุนนาก อาเภอโชคชยั จงั หวดั นครราชสมี า คนื หน่ึงแกไปพบลูกสาวพญานาค ขนึ้ มาจากหนองนา้ มาน่งั รอ้ งเพลงคนเดยี ว พรานเพชรน้อยไดย้ นิ เสียง จึงแอบเข้าไปฟังใกล้ๆแกประทบั ใจ ในความไพเราะและเน้ือหา ของเพลง จงึ จาเนื้อและทานองมารอ้ งให้คนอืน่ ฟังลักษณะเพลงท่ีรอ้ งเป็นเพลงก้อม หรือเพลงค่สู อง อีกตานานหน่ึง เลา่ ว่า ชาวโคราชไดเ้ พลงโคราชมาจากอินเดยี โดยพระยาเข็มเพชรเป็นผู้นามาพร้อมๆกับลเิ ล และลาตัด โดยใหล้ เิ ลอยู่ กรงุ เทพฯลาตัดอยู่ภาคกลาง และเพลงโคราชอยทู่ น่ี ครราชสีมา เพลงโคราชระยะแรกๆเปน็ แบบเพลงก้อม คนที่ เรยี นรเู้ พลงโคราช จากพระยาเขม็ เพชรชอื่ ตาจัน บ้านสก อยซู่ มุ บ้านสก ติดกับสถานีรถไฟ ชุมทางถนนจริ ะ 2.2 จากการสมั ภาษณ์ ภูมปิ ัญญาหมอเพลงโคราช กาปน่ั บ้านแท่น (2555) ได้ให้ขอ้ มลู ความหมายของประวัตเิ พลงโคราชไวข้ ณะที่สมั ภาษณ์ ภูมิปัญญาเรอื่ ง ความหมายของประวัติเพลงโคราช ในวันที่ 27 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2555 ณ บา้ นเลขที่ 336 ถนนจริ ะ ตาบลในเมือง เวลา 13.00 น. ไวว้ ่า “เกิดข้ึนในสมยั สมเด็จพระนารายณ์มหาราชชว่ งปลายกรงุ ศรีอยธุ ยานน้ั ไม่มศี ึก สงครามประเทศใดเมืองใดไม่มีศกึ สงคามศิลปวัฒนธรรมพุ่งข้นึ สมยั พระนารายณ์จะไดเ้ ห็นนักกวศี รีปราชญ์เปน็ เจา้ บทเจา้ กลอน สมเด็จพระนารายณม์ หารทรงรับส่งั ให้พระยายมราชมาสร้างเมืองโคราช คนโคราชก็เลยต้องเปน็ เจา้ บทเจ้ากลอน เหมือนสมยั กรุงศรอี ยธุ ยา ของสมเด็จพระนารายณม์ หาราช สมเดจ็ พระยมราชทรงสัง่ ให้มาสรา้ งเมอื ง ในการน้ันมา ทาไมถงึ เกิดเพลงโคราชข้ึน ตามการอ้างอิงเอาไว้ในสมัยพ.ศ.2456 สมเด็จพันตรีหลวงในสมยั รชั กาลท่ี 5 พระองค์เสดจ็ มาทรงเปดิ ถนนจอมสุรางคย์ าตรแ์ ล้วกเ็ สด็จไปเมืองพิมายทรงรับส่ังถามเจา้ เมืองสมยั น้ันวา่ คนโคราช เวลาเสร็จสนิ้ ภาระกจิ การทาไร,ทานา ยามวา่ งงานมกี ารละเล่นบนั เทิงใจผอ่ นคลายยามว่าง เจา้ เมอื งพิมายตรัสทูลวา่ มเี พลงโคราชก้อมพะย่ะค่ะ เพลงโคราชกอ้ มนี่มนั กอ้ มมอย่างไร (ทรงตรสั ถามเจา้ เมือง) ทรงสัง่ ให้หาหมอเพลง โคราชกอ้ มมาแสดงต่อหน้าพระที่น่งั ผูท้ ี่ได้รับเกรียติสงู สดุ ในชวี ติ ชอื่ นายหร่ี บ้านสวนข่า ไดถ้ กู แต่งตงั้ จากเจ้าคุณเท สา (เท่ากับเปน็ นายกเทศมนตรีสมัยน)ี้ ใหเ้ ปน็ ขุนนางตาแหน่งไพรี ทน่ี ายหรี่ร้องไปน้ันเป็นการรอ้ งแนะนาตนเองต่อ หนา้ พระทีน่ ง่ั นายหร่ไี ดถ้ ูกบันทึกใหเ้ ป็นหมอเพลงโคราชในพ.ศ.2456(ในสมยั รัชกาลที่5) แตผ่ มเชือ่ ว่าเพลงโคราช เกิดขึน้ ในสมัยสมเดจ็ พระนาราย์มหาราชเพราะมนี กั กวีศรีปราชญเ์ กดิ ขนึ้ มากมายในสมัยนนั้ และสมยั มกั จะใช้ภาษา ภาที เปน็ กลอนถามไถก่ ันเวลาทเี่ จอกันหรือทักกนั ถามสารทกุ ข์สุขดิษกันเชน่ แหวนนี้ทา่ นได้แต่ใดไรมา ทีน่ ้ีคน โคราชก็เปน็ เจ้าบทเจา้ กลอนคอื กัน ยงั เช่นยายคนหน่ึงมหี ลานถามยาย(ยายคนนชี้ อ่ื ยายยมคนอายุมากสมยั ก่อนมกั ไม่ ใสเ่ สือ้ )หลานร้องเป็นเพลงภาษาโคราชว่ายายยมนมยา่ นกลา้ ไดห้ ว่านหรือยังแลว้ ยายยมก็แก้หลานสาววา่ ยายหว่านไว้ ข้างบอ่ กาลงั รัดหน่อเทา่ หน่ออนี าง สมยั ต่อมาก็มีการละเล่นกนั ในบ้านต่างๆ ในยามเทศกาลเขา้ พรรษา-ออกพรรษา หลงั จากถวายพระตาหารพระสงฆ์ กม็ ีการโตว้ าทีกันในเรื่องเพลงโคราชจากบ้านนึงที่มสี ตปิ ญั ญาในเรื่องเพลงโคราช ใหม้ าโชว์กันและโต้วาทีกันของแตล่ ะบ้านโคราชมักจะพดู เป็นคาค่ดู งั เช่น กรงุ ทง-กรุงเทพ ,ไปนงไปนา-ก๋นิ ข่งกินเขา่ ,อยู่บ่งอยู่บ้าน,ได้ผงได้ผวั ,ไดม้ ง-ไดเ้ มีย คาเหลา่ นน้ั แหละเค้าเอามาประดษิ ฐเ์ ป็นเพลงโคราชซง้ึ สักษณะการสมั ผสั มัน แยบยลลกึ ซ้งึ กว่าลาตดั เพลงอแี ซวลาตดั มนั แคเ่ ปน็ การละเล่น และมีหลักฐานอา้ งองิ ไวแ้ ต่ก็มคี นโบราณเลา่ ว่าเพลง โคราชเกดิ ขึน้ ในสมัยนึงมพี รานคนนึงชอื่ พญาเพชรนอ้ ย ได้เข้าป่าลา่ สตั ว์ หลงทางไปถงึ แมน่ า้ แห่งหน่งี ไปเจอลกู สาว พญานาคกาลงั นง่ั ร้องเพลงกล่อมลกู ทีช่ ายฝ่งั (หนอง)พรานพญาเพชรน้อยน่ันสาหรดี แอบฟังเพลงของหญิงสาวน้นั มคี า พรา่ พรรณาตอ่ ว่าสามีซงึ่ ได้เสียกนั จนมีลกู คนหน่ึงกห็ นีหายไป บ้างกลอนก็พรรณนาถึงความหวานชื่น บ้างกลอนก็ พรรณนาถึงการพลัดพรากจากกนั บางกลอนก็สาปแช่งหกั กระดูกกนั พรานพญาเพชรน้อยก็พยายามจาไว้ทุกบท กลอน แลว้ ก็กลับมาเมืองโคราชและเล่าให้ชาวเมืองโคราชฟงั และร้องใหช้ าวโคราชฟัง ก็เลยไดใ้ ชแ้ สดงเพลงโคราช ชุดการเรียนรู้เรอ่ื งเพลงโคราช 32 Korat folk song performance
ตั้งแต่นน้ั เปน็ ต้นมา หนองใหญท่ ่ีพรานพญาเพชรนอ้ ยไปพบมานนั้ (เป็นอาเภอหนองบญุ มากในปจั จบุ ัน) อีกตานาน หน่ึงพระพญาเขม็ เพชรเป็นคนนาศิลปะเหลา่ น้ีมาจากประเทศอนิ เดยี ที่เผยแพรจ่ ากรังกาทวีปแล้วนาศลิ ปะสาเนยี งจาก รังกาทวีปมาเผยแพร่ในประเทศไทย เช่น ลิเก เอาไวภ้ าคกลาง นน้ั และจงึ เปน็ ที่มาของการออกแขกทกุ ครงั้ ที่มีการ เลน่ ลิเก เพลงลาตัด เพลงอีแซว กเ็ อาไปจากเพลงโคราช เพราะเพลงโคราชเป็นแมแ่ บบแต่การสัมผัสของเพลงอีแซว ,ลาตัด ไดล้ กึ ซึ่งเทา่ เพลงโคราชเพราะเปน็ การสัมผสั ทงี่ ่ายเกินไป(แลว้ กาปนั่ กร็ ้องเพลงโคราชใหฟ้ ัง กาปัน่ เล่าว่า “เพลงโคราชสมยั นเ้ี กือบจะสญู สิน้ ไปเม่ือปพี .ศ.2539แล้ว ผมจึงลกุ ข้ึนไปตอ่ ต้านอีกครั้ง เพราะคนรุน่ ใหม่ส่วนมากจะ หันไปฟังเพลงสตรงิ -ลกู ทุ่งผมเลยเกิดความคิดโดยการให้มีจังหวะให้มนั สนกุ ขึน้ โดยการมีอเี ลคโทน มอี ยวู่ นั หนงึ่ ผม นอนไม่หลบั ก็เลยแตง่ เพลงคนโคราชตกกระทอ่ ม เพลงโคราชจึงเปน็ ทรี่ จู้ ักคนทัว่ ไปอีกครั้งหนึ่ง ส่วนลูกศิษย์ลูกหาของ ผมกม็ สี ุนารี,ตกั้ แตน,คามอสก็นาไปประยุกตใ์ ชก้ นั ลูกศษิ ย์มหี ลายประเภทบางคนก็นาไปใช้เปน็ เพลงลกู ทุ่ง ลูกศิษย์ เพลงโคราชกแ็ ยกไปตั้งคณะเอง ผมเองเกือบลม้ เพราะเพลงโคราชเร่มิ เสื่อมคนร่นุ ใหม่มักไมช่ อบฟงั ต้งั แตน่ ้นั มาเพลง โคราชกก็ ลายเป็นเชงิ ธรุ กจิ ไปโดยปริยาย” กาเหวา่ โชคชยั (2555) ได้ใหข้ อ้ มูลความหมายของประวัติเพลงโคราชไว้ขณะทส่ี ัมภาษณ์ ภูมิปญั ญาเรอ่ื ง ประวตั ขิ องเพลงโคราช ในวันท่ี 27 เดอื นสงิ หาคม พ.ศ.2555 ณ บ้านเลขท่ี 336 ถนนจริ ะ ตาบลในเมือง เวลา 13.00 น. ไว้ว่า ”เกิดขึ้นในสมัยสมเดจ็ พระนารายณ์มหาราชช่วงปลายกรงุ ศรีอยธุ ยานน้ั ไมม่ ศี ึกสงคราม ประเทศใดเมืองใดไม่มศี ึกสงคามศลิ ปวัฒนธรรมพุง่ ขน้ึ สมัยพระนารายณจ์ ะได้เห็นนกั กวศี รีปราชญเ์ ปน็ เจา้ บทเจ้า กลอน สมเด็จพระนารายณ์มหารทรงรับสงั่ ใหพ้ ระยายมราชมาสรา้ งเมอื งโคราช คนโคราชก็เลยตอ้ งเปน็ เจา้ บทเจา้ กลอน เหมือนสมยั กรุงศรีอยุธยา ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเดจ็ พระยมราชทรงสง่ั ให้มาสร้างเมอื งในการ นน้ั มา ทาไมถึงเกดิ เพลงโคราชขึน้ ตามการอ้างอิงเอาไว้ในสมัยพ.ศ.2456 สมเดจ็ พนั ตรีหลวงในสมยั รัชกาลท่ี 5 พระองคเ์ สด็จมาทรงเปิดถนนจอมสรุ างค์ยาตร์ แล้วก็เสด็จไปเมืองพมิ ายทรงรับสั่งถามเจ้าเมอื งสมยั นน้ั วา่ คนโคราช เวลาเสรจ็ สน้ิ ภาระกจิ การทาไร,ทานา ยามวา่ งงานมีการละเล่นบนั เทิงใจผ่อนคลายยามว่าง เจ้าเมอื งพิมายตรัสทูลวา่ มีเพลงโคราชก้อมพะย่ะค่ะ เพลงโคราชกอ้ มน่ีมันกอ้ มมอย่างไร (ทรงตรัสถามเจ้าเมือง) ทรงสงั่ ใหห้ าหมอเพลง โคราชกอ้ มมาแสดงต่อหน้าพระทีน่ ั่งผ้ทู ี่ได้รับเกรียติสงู สุดในชีวิตชื่อนายหร่ี บา้ นสวนข่าไดถ้ ูกแต่งต้งั จากเจ้าคณุ เทสา (เท่ากับเป็นนายกเทศมนตรสี มยั น้)ี ให้เปน็ ขนุ นางตาแหน่งไพรี ทนี่ ายหร่รี อ้ งไปน้ันเป็นการรอ้ งแนะนาตนเองต่อหน้า พระที่นั่ง นายหรไี่ ด้ถูกบนั ทึกใหเ้ ปน็ หมอเพลงโคราชในพ.ศ.2456(ในสมยั รัชกาลท5่ี ) แต่ผมเช่อื ว่าเพลงโคราชเกดิ ขนึ้ ในสมยั สมเดจ็ พระนาราย์มหาราชเพราะมีนักกวศี รีปราชญ์เกดิ ขน้ึ มากมายในสมยั นั้น และสมัยมักจะใชภ้ าษาภาที เปน็ กลอนถามไถก่ นั เวลาท่ีเจอกันหรือทักกนั ถามสารทุกข์สุขดิบกนั เช่น แหวนนี้ท่านได้แต่ใดไรมา ทีน่ ีค้ นโคราชกเ็ ปน็ เจา้ บทเจา้ กลอนคือกัน ยงั เช่นยายคนหนงึ่ มีหลานถามยาย(ยายคนน้ชี อ่ื ยายยมคนอายมุ ากสมยั ก่อนมักไม่ใสเ่ สือ้ ) หลานรอ้ งเปน็ เพลงภาษาโคราชว่ายายยมนมย่านกลา้ ได้หวา่ นหรอื ยงั แล้วยายยมกแ็ ก้หลานสาววา่ ยายหวา่ นไว้ขา้ งบ่อ กาลังรัดหน่อเท่าหนอ่ อนี าง สมัยตอ่ มาก็มีการละเล่นกันในบ้านต่างๆ ในยามเทศกาลเข้าพรรษา-ออกพรรษาหลังจาก ถวายพระตาหารพระสงฆ์ ก็มีการโต้วาทีกนั ในเรอื่ งเพลงโคราช จากหม่บู ้านที่มสี ตปิ ัญญาในเร่อื งเพลงโคราชใหม้ าโชว์ กนั และโตว้ าทกี ันของแตล่ ะบ้าน” เลาะ บา้ นแทน่ (2555) ไดใ้ หข้ ้อมลู ความหมายของประวัติเพลงโคราชไว้ขณะทีส่ มั ภาษณภ์ ูมิปัญญาเร่ือง ประวัติเพลงโคราช ในวนั ท่ี 27 เดอื น สงิ หาคม พ.ศ. 2555 ณ ลานอนสุ าวรีย์ทา้ วสรุ นารีถนนราชดาเนิน ตาบล ในเมอื ง อาเภอเมืองนครราชสมี า จังหวัดนครราชสีมา เวลา 16.00น. ไวว้ ่า ”เพลงโคราชสมยั กอ่ นเป็นกลอนถามไถ่ กนั เวลาที่เจอกันหรือทักกนั ถามสารทุกขส์ ขุ ดิบกันเชน่ แหวนนที้ ่านได้แต่ใดไรมา ท่ีนีค้ นโคราชก็เป็นเจา้ บทเจา้ กลอนคือกนั ยงั เชน่ ยายคนหนึ่งมหี ลานถามยาย(ยายคนนี้ช่ือยายยมคนอายมุ ากสมยั ก่อนมกั ไมใ่ ส่เส้อื )หลานร้องเป็น เพลงภาษาโคราชว่า ยายยมนมยา่ นกลา้ ไดห้ วา่ นหรอื ยงั แล้วยายยมก็แก้หลานสาววา่ ยายหวา่ นไวข้ ้างบ่อกาลังรดั หน่อ ชุดการเรยี นรู้เรอ่ื งเพลงโคราช 33 Korat folk song performance
เท่าหน่ออนี าง สมยั ต่อมาก็มีการละเล่นกันในบ้านตา่ งๆ ในยามเทศกาลเข้าพรรษา-ออกพรรษาหลงั จากถวายพระตา หารพระสงฆ์ กม็ ีการโต้วาทีกันในเรอื่ งเพลงโคราช จากหมู่บ้านทมี่ ีสติปัญญาในเรอ่ื งเพลงโคราชใหม้ าโชว์กนั และ โต้วาทีกันของแตล่ ะบ้าน” ลาไย หนองม่วง (2555) ไดใ้ ห้ขอ้ มลู ความหมายของประวตั ิเพลงโคราชไวข้ ณะทส่ี มั ภาษณภ์ ูมิปญั ญาเรือ่ ง ความหมายของประวตั ิเพลงโคราช ในวันท่ี 27 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2555 ณ ลานอนสุ าวรยี ท์ า้ วสรุ นารีถนน ราชดาเนนิ ตาบลในเมือง อาเภอเมอื งนครราชสมี า จงั หวัดนครราชสมี า เวลา 16.00 น.ไว้วา่ “หลังจากเสรจ็ สน้ิ สงคราม จะใช้เวลาวา่ งมาฝึกเพลงโคราชเนอ้ื กลอนทีร่ ้องจะดูจากธรรมชาติของสัตยเ์ ช่นปลาไหนที่เขาหามาก็จะนา ปลาไหลทีไ่ ด้มาร้อยเปน็ พวง ปลาไหลกจ็ ะพันกันไปมาตรงนีจ้ ะเรียกกลอนเพลงโคราชว่า ปลาไหลพันพวงเกิดจาก การถามไถ่ทุกข์สขุ กันมกั จะเป็นกลอนเพราะคนไหนจะเปน็ คนเจา้ บทเจา้ กลอน เชน่ การถามข่าว การทานา จะร้องวา่ ยายยม นมยาน หว่านเขา่ หรือยังเกดิ จากการโตว้ าทกี่ ันของเพลงโคราชในแตล่ ะหมู่บา้ นจะโต้กันคาที่โตน้ นั้ มกั จะเปน็ คาคเู่ ชน่ ไดผ้ งไดผ้ ัว ไดม้ งได้เมยี มหี ลักฐานทางประวตั ิศาสตรอ์ า้ งอิงได้มาจกอนิ เดยี พระพุทธศาสนาจากรังกาทวีป ลเิ ก- ภาคกลางออกแขกสาเนียงอนิ เดียเพลงโคราชเปน็ แม่แบบสมั ผสั คา เช่น กลอนลงรี ตอ้ งหาคาท่ีมีสระอีไว้ เพลง โดราชลึงซ้ึงเป็นแมแ่ บบ มีสัมผสั บงั คบั เกาะกนั เปน็ ลูกโซ่ เชน่ มณฑา มณฑล มลทนิ พ่อแมพ่ ่ีเป็นเพลงโคราชฟงั ทกุ วัน กซ็ มึ ซับต้องมใี จรกั ใจชอบผทู้ ี่รกั ในการร้องเพลงโคราชรอ้ งกลอน โตต้ อบได้ อดทน ขยันร้องกลอน ” สว่าง บา้ นดอนผวา (2555) ไดใ้ ห้ข้อมูลความหมายประวัติเพลงโคราชไว้ขณะท่สี ัมภาษณ์ภูมิปัญญาเร่ือง ความหมายประวตั ิเพลงโคราช ในวนั ท่ี 27 เดือน สงิ หาคม พ.ศ. 2555 ณ ลานอนสุ าวรยี ท์ า้ วสุรนารีถนนราช ดาเนิน ตาบลในเมอื ง อาเภอเมืองนครราชสมี า จังหวัดนครราชสมี า เวลา 16.00 น.ไว้“ปี พ.ศ. 2456 ทสี่ มเด็จ พระศรพี ัชรินทราบรมราชนิ ีนาถ พระราชชนนพี นั ปีหลวงเสดจ็ มานครราชสมี าทรงเปิดถนนจอมสุรางคย์ าตร์ และเสดจ็ ไปพิมายในโอกาสรบั เสดจ็ คร้ังนัน้ หมอเพลงชายรุ่นเกา่ ชอ่ื เสยี งโดง่ ดังมากช่ือนายหรบ่ี ้านสวนขา่ ได้มโี อกาสเลน่ เพลง โคราชถวาย เพลงที่เลน่ ใช้เพลงหลัก สมเดจ็ พระพันปหี ลวง ทรงเป้นผบู้ ังคับการพิเศษประจากรมทหารมา้ นครราชสมี า จนถงึ พ.ศ. 2462 เมื่อเสด็จนครราชสมี า นายหรี่ สวนขา่ กม็ ีโอกาสเล่นเพลงถวาย เพลงโคราชมี โอกาสเลน่ ถวายหน้าพระทีน่ ั่งในงาน” จะเห็นได้ว่าจากข้อมูลความหมายหมอเพลงโคราชของภูมิปัญญาท้ัง 5 คน ดังกลา่ ว ท่กี ล่าวไว้ สามารถ สรปุ ไดว้ ่าประวัตขิ องเพลงโคราชนน้ั มีการเลา่ ขานกนั มาวา่ มีนายพรานคนหนึง่ ชอื่ เพชรน้อย ออกไปลา่ สตั ว์ ในเขต หนองบนุ นากบ้านหนองบุนนากอาเภอโชคชัยจังหวัดนครราชสมี า คนื หนง่ึ แกไปพบลูกสาวพญานาค ขน้ึ มาจากหนอง นา้ มานง่ั ร้องเพลงคนเดียว พรานเพชรน้อยได้ยินเสียง จงึ แอบเข้าไปฟงั ใกล้ ๆ แกประทบั ใจในความไพเราะ และ เนื้อหาของเพลง จึงจาเนอื้ และทานองมาร้องให้คนอื่นฟงั ลักษณะเพลงท่รี ้องเป็นเพลงก้อม หรอื เพลงคู่สองอกี ตานาน หนง่ึ เล่าวา่ ชาวโคราชได้เพลงโคราชมาจากอนิ เดีย โดยพระยาเขม็ เพชรเปน็ ผนู้ ามาพร้อมๆ กบั ลิเกและลาตดั โดยให้ ลเิ กอยู่กรุงเทพฯ ลาตดั อยู่ภาคกลาง และเพลงโคราชอย่ทู ี่นครราชสมี าเพลงโคราชระยะแรกๆ เป็นแบบเพลงก้อม คน ท่ีเรยี นรู้เพลงโคราช จากพระยาเขม็ เพชรช่อื ตาจนั บา้ นสก อยู่ \"ซุมบ้านสก\" ตดิ กับสถานีรถไฟชมุ ทางถนนจิระ เพลงโคราชจะเรม่ิ เลน่ ต้ังแต่เมอื่ ใดไมป่ รากฏหลกั ฐานทแี่ น่ชดั หลักฐานจากคาบอกเลา่ ต่อ ๆกนั มา มีเพยี งว่า สมัยท้าวสุรนารี ( คณุ ยา่ โม ) ยังมีชวี ิตอยู่ ( พ.ศ. 2313 ถึง 2395 ) ท่านชอบเพลงโคราชมากเร่ืองราวของเพลงโคราช ได้ปรากฏหลัดฐานชดั เจนคือในปี พ.ศ. 2456 ท่ีสมเดจ็ พระศรีพชั รนิ ทราบรมราชินีนาถพระราชชนนพี นั ปีหลวงเสดจ็ มานครราชสีมาทรงเปิดถนนจอมสุรางคย์ าตรแ์ ละเสดจ็ ไปพิมายในโอกาสรบั เสดจ็ ครั้งนนั้ หมอเพลงชายร่นุ เกา่ ชอ่ื เสียง ชดุ การเรียนรู้เร่อื งเพลงโคราช 34 Korat folk song performance
โดง่ ดังมากชือ่ นายหรบ่ี า้ นสวนข่าได้มโี อกาสเล่นเพลงโคราชถวาย เพลงท่เี ล่นใชเ้ พลงหลัก เช่นกลอนเพลงที่วา่ \" ขา้ พเจ้านายหรี่อยบู่ ุรโี คราชเปน็ นกั เลงเพลงหัดบ่าวพระยากาแหง ฯ เจ้าคุณเทศาท่านต้งั ให้เปน็ ขุนนาง .....ตาแหน่ง \"ความอกี ตอนเอย่ ถึงการรับเสดจ็ วา่ \" ไดส้ ดับวา่ จะรบั เสด็จเพ่อื เฉลมิ พระเดชพระจอมแผ่นดินโห่สามลาฮาสามหลั่น เสยี งสน่ัน....ธานินทร์ \"( สมเด็จพระพันปีหลวงทรงเปน็ ผบู้ ังคบั การพเิ ศษประจากรมทหารม้านครราชสมี า จนถึง พ.ศ. 2462 เม่ือเสด็จนครราชสีมา นายหร่ีสวนข่า ก็มีโอกาสเล่นเพลงถวาย ) เพลงโคราชมโี อกาสเลน่ ถวายหน้าพระทน่ี ่ังใน งานชุมนมุ ลกู เสอื ครัง้ ท่ี 1 ในนามการแสดงมหรสพของมณฑลนครราชสมี าเกี่ยวกับกาเนิดของเพลงโคราชมที ั้งทีเ่ ปน็ คาเล่าและตานานหลักฐานจากคาบอกเลา่ ของหมอเพลงอีกจานวนหน่ึงเล่าต่อๆกนั มาว่าในสมยั รัตนโกสินทรม์ ีสงคราม ระหว่างไทยกับเขมรเมื่อไทยชนะสงครามเขมรครง้ั ไรชาวบา้ นจะมกี ารเฉลิมฉลองชยั ชนะด้วยการขับร้องและรา่ ยรากนั ในหมสู่ กทีเ่ ขาเรยี กว่า \" ซมุ บ้านสก \" ใกล้ ๆกับชุมทางรถไฟถนนจิระและเริ่มเลน่ เพลงโคราชกนั ที่หมู่บา้ นนี้ ทา่ ทาง การรารุกราถอยและการป้องหมู ผี สู้ นั นิษฐานวา่ ประยุกต์มาจากการเล่นเจรียงท่ีเปน็ เพลงพื้นบา้ นของชาวสุรินทร์ ผสมผสานกับเพลงทรงเคร่อื งของภาคกลาง 3 ความสาคัญของเพลงโคราช 3.1 จากการศึกษาเอกสารที่เกยี่ วขอ้ ง .(2555).ความหมายความสาคญั ของเพลงโคราช www.koratinfo.com/samapi/koratsong/koratsng1.htm ไดใ้ ห้ความหมายของความสาคัญเพลงโคราชวา่ สมัยก่อนน้ัน เพลงโคราชเป็นทีน่ ิยมมากเพราะการแสดงมหรสพ ท่ี เปน็ หัวใจของงานฉลองสมโภชใด ๆ ก็ตามมีเพลงโคราชเพียงอยา่ งเดียว คนฟังเพลงก็มเี วลามาก ฟงั กนั ตัง้ แตห่ วั ค่าจน รงุ่ เชา้ เมือ่ หมอเพลงเล่นเพลงลา คือลาผฟู้ ังลาเจา้ ภาพ และเพอื่ นหมอเพลงด้วยกนั จะมีปี่พาทยฆ์ ้อง กลอง บรรเลงรับ หมอเพลงจะราตามกนั ไปยังบ้านเจ้าภาพเจา้ ภาพกน็ าเงนิ ค่าหมอเพลงมาให้ พร้อมทั้งเลยี้ งขา้ วปลา อาหาร และห่อ ขา้ วของกนิ ต่าง ๆ ใหเ้ ป็นเสบียง ในการเดนิ ทางกลบั คนฟังจะอย่รู ่วมฟังงานจนเสรจ็ ส้นิ กระบวนการ จงึ ทยอยกลบั เชน่ กนั เพลงโคราชสมัยก่อนได้ไปเล่นหลายจงั หวดั เช่น บรุ ีรัมย์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สรุ นิ ทร์ตลอดจนถึงประเทศ กมั พูชา สาหรบั จังหวดั ต่าง ๆ ในภาคกลาง ก็ไปเลน่ เปน็ ครั้งคราวปัจจุบันค่านิยมของผู้ฟัง เปลี่ยนแปลงไปมาก แม้แต่ ผฟู้ งั ในจังหวดั นครราชสีมาเองกเ็ ส่ือมความนิยมลงมาก บา้ งก็เหน็ ว่า เพลงโคราช เป็นเพลงหยาบคาย และไม่น่าสนใจ แม้ทางราชการสง่ เสริม ให้นาออกแสดง ทางวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวดั นครราชสีมา กต็ อ้ งผ่านการ ตรวจ อย่างรัดกมุ จะใช้ภาษาตรง ๆเหมอื นสมัยกอ่ นไม่ไดถ้ ือวา่ ไม่เหมาะสมในการจัดงานฉลองสมโภชใดๆมกั จะมี มหรสพอนื่ ๆ เป็นคแู่ ข่งมากมาย เชน่ ภาพยนตร์ มวย เพลงลกู ทงุ่ ลเิ ก และราวงเพลงโคราชจงึ เป็นทส่ี นใจ สาหรับ ผ้ฟู ังรุ่นเกา่ ที่มีอายคุ ่อนขา้ งสูงแทบทง้ั น้นั หมอเพลงโคราช ได้รวมตัวกัน เป็นคณะเพลงโคราช หลายคณะ และเขา้ มา ต้ังสานกั งานคณะอยู่ในอาเภอเมอื งเปน็ สว่ นใหญ่ เพือ่ ความสะดวก สาหรบั มาตดิ ต่อ หาเพลงไปเลน่ หมอเพลงโคราช ตอ้ งเลน่ เพลงประยุกต์ ตามใจผู้ฟัง เช่น เล่นเพลงหมอลา เล่นเพลงลาตัดและเพลงลูกท่งุ พูดถงึ ท่าราแตกตา่ งกนั ไป มเี พลงโคราชของคณะทองสุข กาปงั ท่ีประยุกต์เลน่ แบบลาเพลิน คอื นาเอาดนตรสี ากล เข้ามาประกอบ แตย่ งั ไม่เป็น ท่ีแพร่หลายนักการรวมตัวกนั เปน็ คณะเพลงโคราชปจั จุบนั นน้ั นางสองเมือง อนิ ทรกาแหงเป็นผรู้ เิ ร่มิ ตั้งข้ึนเปน็ คนแรก เม่อื ปี พ.ศ. 2499 ตงั้ อยู่ท่ี ถนนสรุ นารายณ์และต่อมากม็ คี ณะต่าง ๆ ต้ังข้นึ อีกหลายคณะ ข้อดคี ือ ทาใหส้ ะดวกใน การติดต่อจา้ งไปเลน่ ข้อไมด่ ีคือ เม่อื หมอเพลงอยู่คณะเดียวกนั กร็ ้ชู ้ันเชิงและฝปี ากกนั ทาให้ฟัง ไมส่ นกุ สนาน มีผู้ พยายามจะรวมคณะเพลงโคราชต่าง ๆก่อตั้งเปน็ สมาคมเพลงโคราช แต่ยังไม่ไดร้ ับความรว่ มมือจากหมอเพลง เทา่ ที่ควร จากความเชื่อทีว่ ่า ทา่ นท้าวสุรนารี ( คุณหญิงโม หรือย่าโมทชี่ าวบ้านเรียกท่าน ) ชอบเพลงโคราช ในสมัย ทที่ า่ นมีชวี ิตอย่จู งึ มีผ้หู าเพลงโคราชไปเลน่ ให้ท่านฟัง เป็นการแกบ้ น ณ บรเิ วณใกล้ ๆ กับอนุสาวรีย์ในตอนกลางคืน เปน็ ประจา อาจเปน็ ปัจจัยหน่ึง ที่ทาใหค้ นรุน่ ใหม่ ได้รจู้ ักเพลงโคราชและหมอเพลงมีรายไดป้ ระจา แตก่ ็มผี ู้สนใจไปฟงั ไมม่ ากนักการประกอบอาชีพ ของหมอเพลงโคราชยงั ทารายได้ดี ยังเป็นอาชพี ท่ีมนั่ คงอยู่หมอเพลงดงั กลา่ วน้ี แม้จะ ประกอบอาชีพอ่ืน เช่น ทานา ทาไร่ เปน็ นักธุรกิจแตอ่ าชีพหลักคือเลน่ เพลงโคราชสว่ นใหญห่ มอเพลงจะมีความเชือ่ ใน ชุดการเรียนรู้เร่ืองเพลงโคราช 35 Korat folk song performance
เร่อื งโชคลางพอสมควร เช่นในการก้าวขึ้นโรงเพลง จะมีการดูทศิ ตามฤกษ์รบั กา้ วแรกท่ีขึน้ จะต้องเลือกดตู ามทศิ ทาง โดยการหายใจ ถา้ ข้างซ้ายคล่อง ก็ก้าวขาซา้ ยขนึ้ ทานองเดียวกนั ถ้าขา้ งขวาหายใจสะดวก กก็ า้ วข้างขวาขนึ้ เปน็ ต้น เม่อื ขึน้ เวทีไปแล้ว ก็มีการเป่าคาถามหานิยม เพ่ือใหผ้ ู้ฟงั ช่ืนชอบตนกม็ ี หมอเพลงบางคนเชอ่ื ว่าหลังคาโรงเพลงนนั้ ถ้า หากมกี ารมัดดว้ ยตอก หรอื สง่ิ อน่ื ใดจะทาให้คาถาอาคม สติปัญญาในการวา่ เพลงเสื่อมลงไปดว้ ย ก็ขอรอ้ งใหแ้ ก้มัด ตอกออกก็มี .(2555).ความหมายความสาคัญเพลงโคราช.www.koratinfo.com/samapi/koratsong/index.htmได้ให้ ความหมายของความสาคัญเพลงโคราชว่าความสาคญั เพลงโคราชน้นั ส่วนใหญผ่ ู้มีใจรักในการที่จะเป็นหมอเพลง แลว้ มักไปฝากตวั เป็นศิษย์ กบั ครเู พลงโดยตรง มีบางรายท่บี ดิ ามารดาหรือผู้ปกครองตอ้ งการใหล้ กู เปน็ หมอเพลงก็ นาไปฝากกบั ครเู พลง และบางรายที่ครูเพลงเหน็ ว่ามีแววจะเป็นหมอเพลงท่ดี ี ก็มกั จะขอตัวไปอยดู่ ว้ ยครูจะดหู น่วย กา้ นของผู้ท่ีจะเป็นศิษย์ ดูกิริยาทา่ ทาง เสยี งและปฏภิ าณการทดสอบเพอื่ รับเปน็ ลูกศษิ ย์ อาจทาได้โดย ใหร้ ้องวา่ เพลง กอ้ มให้ฟงั ถา้ เหน็ วา่ มีแวว พอจะเปน็ หมอเพลงได้ กร็ บั ไว้ ก่อนจะหดั ต้องมีการยกครกู ่อน .(2555).ความหมายความสาคัญเพลงโคราช.http://kanchanapisek.or.th/oncc-cgi/text.cgi?no=2543 ไดใ้ ห้ความหมายของความสาคญั เพลงโคราชวา่ ด้านคุณค่า 1.เนอ้ื หาของเพลงจะแสดงวิถีชีวติ ของบุคคลในสังคมในแง่มุมตา่ ง ๆรวมท้ังแทรกความสนุกสนานในรูปความ บนั เทงิ อยา่ งดยี ่งิ หมอเพลงโคราชในอดีตไดท้ าหน้าท่ีเป็นผแู้ พร่ข่าวสารจากท่ีหน่ึงไปยังอีกทหี่ นึ่ง เป็นผ้มู ีประสบการณ์ กวา้ งไกล เพราะพบเหน็ เหตุการณ์และผู้คนหลากหลายหมอเพลงโคราชและคนฟงั เพลงโคราชในอดีตจงึ มคี วามเป็น อันหนงึ่ อนั เดียวกันเพราะเป็นคนในสังคมเดยี วกนั จึงเข้าใจปัญหาของกนั และกนั ตา่ งกเ็ ป็นปราชญท์ างภาษา เชน่ เดียวกันจึงสื่อความคดิ ผา่ นเพลงโคราชออกมาสกู่ ันได้ 2. เพลงพนื้ บา้ นเปน็ คติชนวทิ ยา ซง่ึ เป็นท่รี วมความรู้เกี่ยวกับชาตพิ นั ธ์โุ คราช ทัง้ ภาษา ความรู้ ความคดิ วัฒนธรรม ประเพณี ตลอดจนปรัชญาของชีวติ .(2555).ความหมายความสาคัญเพลงโคราช.www.baanmaha.com/community/thread24103.htmlได้ ใหค้ วามหมายของความสาคัญเพลงโคราชว่า เพลงโคราช เป็นศลิ ปะ วฒั นธรรมพื้นบา้ นของจังหวัดนครราชสีมาหรอื โคราชซึง่ ไดส้ บื ทอดกันมาเป็นเวลายาวนานโดยเพลงโคราชนนั้ มีเอกลักษณ์การร้องราเป็นภาษาโคราช ซึง่ มคี วาม ไพเราะทาใหเ้ กิดความเพลดิ เพลินและสนุกสนานแต่ปจั จบุ ันเพลงโคราชค่อยๆ ได้รับความนิยมและความสนใจน้อยลง พวกเราจงึ ควรท่ีจะช่วยกนั อนุรักษ์ และสบื สานศิลปะวัฒนธรรมอันดีงามนไ้ี วเ้ พอ่ื ใหล้ ูกหลานของเราได้สัมผสั ได้รบั ชม และรบั ความสนุกสนานเพลดิ เพลนิ ดกี ว่าการเล่าขานเปน็ ตานาน จากการสมั ภาษณ์ ภูมปิ ญั ญาหมอเพลงโคราช ไดใ้ ห้ข้อมลู ความสาคญั ของเพลงโคราช ด้านเศรษฐกจิ และ ดา้ นวัฒนธรรมและวถิ ชี ีวติ กาปั่น บ้านแท่น (2555) ได้ให้ข้อมลู ความสาคัญของเพลงโคราช ด้านเศรษฐกจิ และดา้ นวฒั นธรรม และ วิถีชวี ิต ไวข้ ณะสมั ภาษณ์ภูมปิ ัญญา เรอื่ ง เพลงโคราช ในวนั ที่ 17 เดือน สงิ หาคม พ.ศ. 2555 ณ บา้ นเลขที่ 336 ถนนจริ ะ ตาบลในเมอื ง เวลา 13.00 น.ไวว้ า่ “ด้านเศรษฐกจิ แลว้ แต่ผวู้ า่ จ้าง” และ “ดา้ นวัฒนธรรมและ วิถีชีวิตชุมชน คนโคราชมคี วามเชอื่ และศรทั ธายา่ โม เวลาไปขอพรหรือแกบ้ นมกั จะใชเ้ พลงโคราชในการขอยา่ โม” กาเหวา่ บา้ นแท่น (2555) ไดใ้ ห้ข้อมลู ความสาคัญของเพลงโคราช ด้านเศรษฐกิจและด้านวัฒนธรรมและ วถิ ชี ีวติ ไว้ขณะสมั ภาษณภ์ ูมิปญั ญา เรื่อง เพลงโคราช ในวนั ที่ 17 เดอื นสงิ หาคม พ.ศ. 2555 ณ บ้านเลขที่ 336 ถนนจิระ ตาบลในเมือง เวลา 14.00 น. ไวว้ ่า “ดา้ นเศรษฐกจิ แลว้ แต่ผู้วา่ จ้าง” และ “ดา้ น วัฒนธรรมและวิถชี วี ติ ชมุ ชน สว่ นใหญ่เป็นเร่อื งแกบ้ น และ เวลาไปขอพรย่าโมใหไ้ ดต้ งั้ สมปรารถนา มักจะใช้เพลง โคราชใหย้ า่ โมฟัง ซ่ึงเกดิ จากความเชือ่ และศรัทธา” บญุ สม สงขส์ ขุ (2555) ได้ใหข้ ้อมลู ความสาคัญของเพลงโคราช ดา้ นเศรษฐกจิ และดา้ นวัฒนธรรมและวิถี ชวี ติ ไว้ขณะสัมภาษณภ์ มู ิปัญญา เรอื่ ง เพลงโคราช ในวนั ท่ี 24 เดอื นสิงหาคม พ.ศ.2555 ณ สมาคมเพลงโคราช เวลา 14.00 น. ไว้ว่า “ดา้ นเศรษฐกิจและด้านวัฒนธรรมและวถิ ชี ีวติ ชุมชน สว่ นใหญ่เป็นเรอ่ื งแกบ้ น และ เวลาไป ชดุ การเรียนรู้เรื่องเพลงโคราช 36 Korat folk song performance
ขอพรยา่ โมให้ได้ต้งั สมปรารถนา มกั จะใชเ้ พลงโคราชให้ย่าโมฟงั ซึง่ เกดิ จากความเชือ่ และศรทั ธารกั คุณย่าโม ซึ่งเปน็ เรอ่ื งของจติ ใจ ความภาคภูมิใจต่อวีรกรรมของย่าโม ” จากการสมั ภาษณ์ ภมู ิปัญญาหมอเพลงโคราช ได้ใหข้ ้อมูลความสาคญั ของเพลงโคราช ด้านเศรษฐกิจและ ดา้ นวัฒนธรรมและวถิ ีชีวติ เพลงโคราช เป็นการรอ้ งเพลงโต้ตอบที่พฒั นาไป เปน็ การแสดงพืน้ บา้ นของชาวจังหวัด นครราชสีมาหรือ โคราช ซงึ่ ได้สบื ทอดกันมาเป็นเวลายาวนาน มีเอกลักษณ์ อยูท่ ่ีการรอ้ งราเป็นภาษาโคราช ปรากฏ หลกั ฐานชัดเจน ในปี พ.ศ. ๒๔๕๖ เม่อื สมเดจ็ พระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระราชชนนพี นั ปีหลวง เสด็จพระราช ดาเนินไปจงั หวดั นครราชสมี าเพอื่ ทรงเปิดถนนจอมสุรางค์ยาตร์ และเสดจ็ ฯ พิมาย ในโอกาสรบั เสด็จครงั้ น้ัน หมอ เพลงชายรุ่นเกา่ ช่ือเสียงโดง่ ดังมากช่ือ นายหร่ี บา้ นสวนข่า ไดม้ โี อกาส เลน่ เพลงโคราชถวาย ในสมยั กอ่ นเพลงโคราชเปน็ ที่นยิ มมาก เพราะการ แสดงมหรสพตา่ งๆ มเี พลงโคราชเพียงอยา่ งเดียว คนฟัง เพลงก็มีเวลามาก ฟังกนั ต้ังแต่หวั ค่าจนรุง่ เช้า เมอื่ หมอเพลง เล่นเพลงลา คอื ลาผูฟ้ งั ลาเจ้าภาพ และเพื่อนหมอเพลง ด้วยกนั จะมปี ี่พาทย์ ฆ้อง กลอง บรรเลงรบั หมอเพลง จะราตามกันไปยงั บ้านเจ้าภาพ เจ้าภาพกจ็ ะนาเงินค่า หมอ เพลงมาให้ พรอ้ มทง้ั เลยี้ งขา้ วปลา อาหาร และห่อข้าว ของกนิ ต่างๆ ให้เป็นเสบียงในการเดินทางกลบั คนฟงั จะอยู่ ร่วมฟังงานจนเสรจ็ สิน้ กระบวนการจึงทยอยกลับ ปจั จบุ นั คา่ นยิ มของผู้ฟังเพลงโคราชเปลี่ยนแปลง ไปมากท้ังดา้ นเนอ้ื หา รปู แบบการแสดง และความนยิ มของ คนโคราชเอง เนื้อหาของเพลงโคราชขึ้นอยู่กบั โอกาสทจ่ี ะเลน่ หมอเพลงโคราชรนุ่ เกา่ เน้นการใชป้ ฏิภาณไหวพริบเลา่ เร่ือง นิทานชาดก และเคร่งครดั มากในเรื่องสอนศีลธรรม หมอเพลงโคราชในอดีตทาหนา้ ท่ีเปน็ ผูแ้ พร่ข่าวสาร เพราะ เปน็ ผู้ มีประสบการณ์กวา้ งไกล พบเห็นเหตุการณ์และผูค้ นหลากหลาย หมอเพลงโคราชและคนฟงั เพลงโคราชในอดีต จงึ มี ความเปน็ อนั หน่งึ อนั เดยี วกัน เพราะเป็นคนในสังคม เดยี วกัน จงึ เข้าใจปญั หาของกันและกัน แตห่ มอเพลงโคราช รุ่น ใหม่ มกั เลน่ ตามคาเรยี กร้องของผู้ฟงั เพ่ือความเพลดิ เพลนิ และสนุกสนาน ด้วยเหตุนี้ เพลงโคราชจึงค่อยๆ เสื่อมความนยิ มลง แต่เน่ืองจากในยคุ ปัจจุบนั มีความเช่อื ว่าท้าวสุรนารใี นสมยั ท่ยี งั มชี วี ิตอยู่ (พ.ศ. ๒๓๑๓-๒๓๙๕) ทา่ นชอบเพลง โคราชมาก จึงมีผหู้ าเพลงโคราชไปเลน่ แกบ้ น ณ บรเิ วณ ใกล้ๆ กับอนุสาวรีย์ท้าวสรุ นารีในตอนกลางคืนเปน็ ประจา จึงเป็นปจั จัยหนึง่ ท่ที าใหห้ มอเพลงโคราช ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ท่ี อาเภอเมือง จงั หวัดนครราชสีมา ยังคงสามารถประกอบอาชีพ อยู่ได้ ตวั อยา่ งคณะเพลงโคราชทโี่ ดดเดน่ อยู่ท่ีอาเภอ เมอื ง จงั หวดั นครราชสมี า 4. แหล่งเรียนร้ใู นชมุ ชน แหล่งเรียนรู้เพลงโคราช อยู่ในตาบลในเมือง อาเภอเมอื ง จังหวัดนครราชสมี า ประกอบดว้ ย 5 ชมุ ชน ตามลาดบั ดงั น้ี 4.1 นายบุญสม สงั ข์สุข นายกสมาคมหมอเพลงโคราช 386/145 ม. 6 ต.บ้านเกาะ อ. เมือง จ. นครราชสีมา 30000 มือถอื 089 5792686 โทรสาร 044 276794 ดังภาพประกอบ ภาพประกอบ 1 37 ชุดการเรียนรู้เรือ่ งเพลงโคราช Korat folk song performance
4.2 เพลงโคราชกาปัน่ บ้านแท่น 344 จิระ ตาบลในเมือง อาเภอเมอื ง จังหวัดนครราชสีมา ดังภาพประกอบ ภาพประกอบ 2 4.3 ชุมชนวัดทุ่งสว่าง-ศาลาลอย บ้านเลขที่ 1235 ตาบล ในเมอื ง อาเภอ เมอื ง จังหวดั นครราชสีมา โทร 081 – 5473 – 409 ดงั ภาพประกอบ ภาพประกอบ 3 ภาพประกอบ 3 4.4 ชมุ ชนหน้ายา่ โม บ้านเลขที่ 1234 ตาบล ในเมือง อาเภอ เมือง จังหวดั นครราชสีมา โทร 081 – 5473 – 409 ดังภาพประกอบ ภาพประกอบ 4 4.5 หมอเพลงโคราช นายดิ้น โคพันดงุ อายุ 66 ปี บา้ นเลขท่ี 7/1 หมทู่ ี่ 3บา้ นคลองแคใตต้ าบล โนนเมืองพฒั นา อาเภอด่านขุนทด จังหวดั นครราชสีมา ดังภาพประกอบ ชุดการเรียนรู้เรือ่ งเพลงโคราช 38 Korat folk song performance
ภาพประกอบ 5 5. ความเปน็ ไปได้ในการเข้าสอู่ าชีพเพลงโคราช 5.1 จากการศึกษาจากเอกสารท่ีเกีย่ วข้อง จากการศึกษารปู แบบการแสดงเพลงโคราชจากอดตี จนถงึ ปัจจบุ นั แบ่งได้ดงั น้ี เพลงโคราชแบบดั้งเดิม เพลง โคราชแกบ้ น และเพลงโคราชประยกุ ตห์ รือเพลงโคราชซิ่ง 1). เพลงโคราชแบบดัง้ เดิม เป็นเพลงที่สืบทอดกันมาตง้ั แต่ครงั้ เปน็ เพลงโตต้ อบ ลักษณะเป็นการ แสดงแบบพนื้ บา้ นดัง้ เดิมท้ังรูปแบบ เนื้อหาและวธิ ีการเล่น ผชู้ มสว่ นใหญม่ กั เป็นผูส้ งู อายุเพราะมเี น้อื หาคอ่ นขา้ งฟงั ยาก ต้องตีความโดยมเี น้ือหาจะแสดงถึงวถิ ีชวี ิตของคนในสังคมแง่มุมต่างๆ หลักธรรมคาสอนทางศาสนา มีการเล่น เป็นเร่ืองราวและเปน็ ข้นั ตอน รวมทงั้ แทรกความสนกุ สนานไวใ้ นรปู ความบันเทงิ ขึน้ อยู่ปฏิภาณไหวพรบิ ของหมอเพลง 2). เพลงโคราชแก้บน เร่ิมเป็นท่นี ิยมภายหลังการสร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เมื่อปี พ.ศ.2477 จากความเชอ่ื ท่ีว่าทา้ วสรุ นารีชอบฟังเพลงโคราช และถา้ บนท่านด้วยเพลงโคราชกจ็ ะได้รับความส าเร็จตามที่บนไว้ รปู แบบการ แสดงเพลงโคราชแก้บนเหมือนเพลงโคราชแบบดั้งเดิม แต่มีขอ้ จากัดคือ เวลาทีใ่ ช้ในการแสดงมจี ากัด เชน่ ครง่ึ ช่วั โมง ถงึ หนง่ึ ชวั่ โมง 3). โคราชประยุกตห์ รอื เพลงโคราชซ่งิ มีรูปแบบการแสดงคล้ายกับการแสดงของวงดนตรีเพลง ลูกทงุ่ หมอลา แตเ่ ป็นการผสมผสานการเล่นเพลงโคราชแบบดัง้ เดมิ เข้าด้วย ลักษณะคือจัดเวทีคล้ายเวทแี สดงคณะ เพลงลูกทุง่ มีการจดั และตกแต่งเวทใี หส้ วยงาม มกี ารจดั ระบบแสง สี เสียง ให้เปน็ ท่ีสนใจของชม (ขนาดของเวทีและ อปุ กรณ์ประกอบอ่นื ๆ ขน้ึ อยู่กับข้อตกลงกับ ผ้วู า่ จ้าง) ใช้เครอื่ งดนตรสี ากลมาประกอบการแสดง จดั ให้มหี างเคร่ือง หรือนักเตน้ ประกอบการแสดงด้านหน้าเวที มีการน าเพลงลกู ทุ่งหรือกลอนหมอลามาใช้ในการแสดง หรือประยุกต์ใช้ ภาษาโคราชในการร้องสภาพการเปลย่ี นแปลงรูปแบบการแสดงเพลงโคราชจากอดตี จนถึงปจั จุบันสภาพการ เปลย่ี นแปลงรูปแบบการแสดงเพลงโคราชนน้ั ในที่นีผ้ ศู้ ึกษาแบง่ ออกเปน็ 2 ช่วง กลา่ วคอื ช่วงท่ี 1หมายถึง ช่วงปีพ.ศ.2456-พ.ศ.2520 และช่วงท2่ี หมายถึง ชว่ งตง้ั แตป่ ีพ.ศ.2521 จนถึงปจั จบุ ัน ตลอดระยะเวลาของการดารงอยูข่ องเพลงโคราช นบั ต้งั แต่สมัยท้าวสุรนารีจวบจนถงึ ปัจจบุ นั เพลง โคราชผา่ นการทา้ ทายจากบริบททางสังคมมาอยา่ งต่อเน่ือง จากปจั จยั ตา่ งๆ ทาใหเ้ พลงโคราชมพี ลวัตรทัง้ ส่วนที่สูญ หายไป สว่ นท่ียังดารงอย่แู ละส่วนทมี่ คี วามเปลีย่ นแปลงไป (หนง่ึ ฤทยั ขอผลกลาง, 2554) 6. การตดั สินใจเลือกประกอบอาชพี เพลงโคราช 6.1 ศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติ การสรา้ งอนสุ าวรยี ท์ า้ วสุรนารีเมอื่ ปี พ.ศ.2477 ถือเปน็ จดุ เปลีย่ นสาคัญท่ที าให้เพลงโคราชได้รับความนิยม และพัฒนาสู่การเป็นธรุ กิจบันเทิงและสร้างศลิ ปนิ เพลงโคราชมาจนกระทั่งปัจจบุ นั กล่าวคอื เพลงโคราชแก้บนเร่มิ เป็น ท่ี นยิ มภายหลงั การสร้างอนุสาวรีย์ทา้ วสุรนารี เม่อื ปี พ.ศ.2477 จากความเชื่อท่ีว่าทา้ วสุรนารีชอบฟงั เพลงโคราช และถา้ บนท่านด้วยเพลงโคราชกจ็ ะไดร้ ับความสาเร็จตามที่บนไว้ รปู แบบการแสดงเพลงโคราชแก้บนเหมือนเพลง โคราชแบบดงั้ เดมิ แต่มขี ้อจากัดคือ เวลาท่ีใชใ้ นการแสดงมจี ากัด เชน่ คร่งึ ชว่ั โมงถึงหนึง่ ชั่วโมง การรวมตัวกันโดยการจดั ต้ังเปน็ คณะเพลงโคราช เพลงโคราชได้เข้าสกู่ ระบวนการทางธรุ กิจเพ่ือสร้างความ เขม้ แข็งและพลังต่อรอง มสี านกั งานสาหรบั รับงานแสดงในสมโภชหรอื งาน แก้บน มหี วั หนา้ คณะซึง่ มักเป็นหมอเพลง ทม่ี ีชื่อเสียง มบี ทบาทในการประสานหมอเพลงโคราชและ ผมู้ าตดิ ต่อว่าจา้ ง โดยการรวมตัวเปน็ คณะเพลงโคราชนน้ี าง สองเมือง อินทรกาแหง เป็นผรู้ ิเร่ิมต้งั ขน้ึ เปน็ คนแรก เม่ือปีพ.ศ. 2499 ต้ังอยู่ที่ถนนสรุ นารายณแ์ ละต่อมากม็ ีคณะ ชดุ การเรยี นรู้เรอ่ื งเพลงโคราช 39 Korat folk song performance
ต่างๆ ตัง้ ขน้ึ อีกหลายคณะ ข้อดีคือ ทาให้สะดวกในการตดิ ต่อจา้ งไปเล่น ขอ้ ไม่ดีคอื เมอ่ื หมอเพลงอยูค่ ณะเดยี วกันกร็ ู้ ชน้ั เชิงและฝีปากกนั ทาให้ฟังไม่สนุกสนาน 6.2 ศกั ยภาพของพืน้ ทต่ี ามสภาพภมู ิอากาศ การเปลี่ยนแปลงรปู แบบการแสดงเป็นเพลงโคราชประยกุ ต์หรอื เพลง โคราชซิง่ มรี ปู แบบการแสดงคล้ายกบั การแสดงของวงดนตรเี พลงลูกท่งุ หมอลาแต่เป็นการผสมผสานการเล่นเพลง โคราชแบบดั้งเดมิ เข้าดว้ ย ลักษณะคอื จดั เวทีคล้ายเวทีแสดงคณะเพลงลูกท่งุ มีการจัดและตกแต่งเวทใี ห้สวยงาม มี การจัดระบบแสง สี เสียง ใหเ้ ปน็ ทสี่ นใจของชม (ขนาดของเวทีและอุปกรณ์ประกอบอ่ืนๆ ขึน้ อยู่กับข้อตกลงกับ ผูว้ ่า จา้ ง) ใช้เครือ่ งดนตรีสากลมาประกอบการแสดง จัดให้มหี างเครอื่ งหรือนกั เต้นประกอบการแสดงด้านหนา้ เวที มีการน าเพลงลกู ทุ่งหรือกลอนหมอลามาใชใ้ นการ แสดง หรือประยุกต์ใชภ้ าษาโคราชในการรอ้ งอยา่ งไรก็ตามปัจจบุ ันเพลงโคราชแบบด้ังเดิมได้รับความสนใจโดยเฉพาะ เพลงโคราชแก้บนทา้ วสุรนารีอนั เป็นความเชื่อที่ถือปฏบิ ัติสืบต่อกันมา การแสดงในงานต่างๆ ผู้ว่าจา้ งส่วนใหญส่ นใจ จ้างคณะเพลงโคราชซิ่ง และมีบางงานให้แสดงเพลงโคราชแบบดัง้ เดิมก่อนการแสดงเพลงโคราชซ่งิ ในเวทีเดียวกนั ปัจจยั สาคัญทส่ี ่งผลทาให้เกดิ การเปล่ียนแปลงของเพลงโคราช คือ สภาพเศรษฐกิจและอิทธพิ ลของสื่อตา่ งๆ ที่สง่ ผลตอ่ รสนยิ มของกลุ่มผฟู้ ังรุน่ ใหม่ ประกอบกบั กระแสการเปลีย่ นแปลงตามยุคสมัยโลกาภวิ ัตนป์ จั จุบันเพลง โคราชยงั ไดร้ บั ความนยิ มจากผ้ฟู ังทสี่ งู อายอุ ยู่มากโดยเฉพาะในชนบท หมอเพลงโคราชยังคงมรี ายไดจ้ ากการไปเล่น เพลงในงานกฐิน ผา้ ปา่ บวชนาค และงานอ่นื ๆ อย่เู สมอๆ และมหี มอเพลงบางสว่ นมีรายได้จากการเล่นเพลงแก้บนท่ี อนสุ าวรยี ์ทา้ วสุรนารีและท่วี ดั ศาลาลอย 6.3 ศักยภาพของภมู ิประเทศและทาเลที่ต้ัง การรวมตวั กนั ก่อตง้ั เปน็ สมาคมเพลงโคราช เพอื่ อนรุ ักษ์และสืบ สานศิลปะการแสดงเพลงโคราช โดยเฉพาะการถ่ายทอดให้กบั คนร่นุ หลงั ได้แก่การสอนเพลงโคราชในสถานศึกษา ตา่ งๆ ตามหลกั สูตรท้องถนิ่ มีการปลูกจติ สานึกลูกหลานชาวโคราชให้หันมาภาคภมู ิใจในวัฒนธรรมแขนงนมี้ ากขนึ้ และในปัจจบุ นั เทศบาลนครนครราชสีมาได้ให้การสนบั สนุน เช่น ไดจ้ ัดสถานทีส่ าหรบั เลน่ เพลงโคราชไวบ้ รเิ วณ อนุสาวรียท์ า้ วสุรนารซี ึ่งในสมัยก่อนเพลงโคราชจดั แสดงบริเวณลานโลง่ ดา้ นในศาลเจา้ ตรงข้ามอนุสาวรีย์ท้าวสรุ นารีซ่งึ มพี ้นื ท่ีคอ่ นข้างจากดั และชาวโคราชจานวนไม่น้อยเหน็ ว่า สถานที่ไมเ่ หมาะสมต่อการจดั แสดงเพลงทเ่ี ป็นที่โปรด ปรานของทา้ วสุรนารีแตเ่ มื่อมีการบูรณะพ้นื ที่บรเิ วณสานอนุสาวรียแ์ ลว้ หมอเพลงโคราชจงึ ได้ออกมาแสดงบรเิ วณเวที ดา้ นขา้ งอนุสาวรยี ท์ ้าวสรุ นารใี หด้ ูสมเกยี รตแิ ก่การแสดงเพ่ือแก้บนทา้ วสุรนารี 6.4 ศกั ยภาพของศิลปะ วฒั นธรรมประเพณแี ละวิถชี วี ิต เผยแพรเ่ พลงโคราชให้ดังไปไกลให้ มากทสี่ ดุ เทา่ ที่จะเปน็ ไปได้ เพลงชาวบ้าน สาหรบั เลน่ ในยามวา่ งงานหรือเพ่ือความสนุกสนานเชน่ การลงแขกในการ ทานา ลักษณะคือไมต่ ้องมีพธิ ี ไม่ตอ้ งสรา้ งเวที หรอื “โรงเพลง” และไมม่ กี ารแตง่ กายแบบหมอเพลงอาชีพ และเพลง อาชีพ เป็นการแสดงในงานฉลองหรือสมโภชตา่ งๆ เช่น งานบวชนาคทอดกฐนิ งานประจาปีหรือเล่นแก้บนโดยผู้ ประกอบอาชีพเพลงโคราชนเ้ี รียกวา่ “หมอเพลง” ซง่ึ การแสดงจะเปน็ แบบพิธีการ มเี วทีการแต่งกายตามแบบของ หมอเพลงและมีการไหวค้ รเู ป็นต้น รูปแบบในลักษณะน้ีหมอเพลงจะไดร้ ับคา่ ตอบแทนและมีการว่าจา้ งใหแ้ สดง 6.5 ศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ ถา่ ยทอดให้คนรุ่นใหม่ เพ่ือใหเ้ ขาไดเ้ ป็นศิลปนิ เพลงโคราชให้มากทส่ี ดุ แสวงหาและปลกู ฝงั ให้คนหันกลบั มาชอบเพลงโคราชให้มากทสี่ ุดการดารงอยู่ของเพลงโคราช ตลอดระยะเวลาทผ่ี ่าน มานับตง้ั แต่สมัยทา้ วสุรนารีจวบจนถึงปัจจุบัน เพลงโคราชผา่ นการทา้ ทายจากบรบิ ททางสังคมมาอย่างต่อเนื่อง จาก ปจั จัยตา่ งๆ ทาใหเ้ พลงโคราชมกี ารเปล่ียนแปลง โดยมที ั้งส่วนที่สูญหายไป สว่ นทย่ี ังดารงอยู่และสว่ นท่ีมีการ เปลย่ี นแปลงไป ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั การศึกษาของ หนึ่งฤทยั ขอผลกลาง (2554) ทศ่ี กึ ษาวถิ เี พลงโคราช : มติ ิและพลวัตร ของความเปลยี่ นแปลง พบวา่ มิติทย่ี ังดารงอยู่อย่างต่อเนื่อง มิติทเี่ กิดความเปลยี่ นแปลงคือ ขนบของการแสดง ภาษาท่ี ใชร้ วมท้ังสถานภาพของหมอเพลงโคราช มติ ทิ ี่ยงั ดารงอยู่คือ สุนทรียะของบทเพลง การไหว้ครแู ละการแต่งกาย ขนบของการแสดงไม่มมี ติ ิใดท่ีสูญหายไป เพียงแต่มีการปรับเปลยี่ นรูปแบบไปบา้ งเพ่ือความอยูร่ อดของเพลงโคราช ชุดการเรยี นรู้เรอื่ งเพลงโคราช 40 Korat folk song performance
สะทอ้ นให้เห็นความสามารถในการปรับตวั ของเพลงโคราชเพอ่ื ใหเ้ ขา้ กับสถานการณ์ทางสงั คมท่ีเปลี่ยนไป เพ่ือการ ดารงอยู่ และการสืบทอดของศิลปวฒั นธรรมเกา่ แก่ของจังหวัดนครราชสีมา หรือ เมืองโคราชสบื ไป ใบงาน ให้นกั ศึกษาตอบคาถามดังน้ี 1. บอกความหมายของเพลงโคราชได้และหมอเพลงโคราช .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ชุดการเรยี นรู้เรอื่ งเพลงโคราช 41 Korat folk song performance
2. บอกประวัติความเปน็ มาของเพลงโคราช .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 3. นกั ศึกษาอธิบายและตระหนกั เหน็ คณุ ค่าความสาคัญของเพลงโคราช .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 4. ระบแุ หล่งเรยี นรู้ภูมิปัญญาท้องถน่ิ และเพลงโคราช .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 5. ถ้านักศึกษาจะเลือกประกอบอาชีพหมอเพลงโคราชจะมีอย่างไร .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ชุดการเรยี นรู้เร่ืองเพลงโคราช 42 Korat folk song performance
.................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 6. นกั ศึกษามีวิธกี ารตัดสินใจประกอบอาชีพเพลงโคราชอย่างไร .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... เรือ่ งที่ 3 ทักษะการรอ้ งเพลงโคราช ชุดการเรียนรู้เรื่องเพลงโคราช 43 Korat folk song performance
เร่ืองที่ 3 ทักษะการรอ้ งเพลงโคราช จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายการยกครู การไหว้ครู การแตง่ กาย อุปกรณป์ ระกอบการรอ้ งเพลง เวทรี อ้ งเพลงโคราช ทา่ รา และภาษาโคราช 2. ฝกึ การยกครู การไหว้ครู การฝกึ เขยี นกลอนเพลงโคราช การฝกึ รอ้ งเพลงโคราช การฝึกทา่ ราเพลง โคราช และปฏบิ ตั ิข้ันตอนการรอ้ งเพลงโคราช 3. บอกและยกตัวอยา่ งการอนรุ ักษร์ ้องเพลงโคราช ทักษะการร้องเพลงโคราช 1.ความรูพ้ น้ื ฐานในการรอ้ งเพลงโคราช 1.1 การยกครูและการไหวค้ รู ผมู้ ใี จรักในการที่จะเป็นหมอเพลงแลว้ มักไปฝากตัวเปน็ ศิษย์ กับครูเพลงโดยตรง มบี างรายท่บี ดิ ามารดาหรือผปู้ กครอง ต้องการให้ ลกู เป็นหมอเพลงกน็ าไปฝากกับครเู พลง และบางรายท่ีครูเพลง เหน็ ว่ามี แววจะเป็นหมอเพลงที่ดี กม็ ักจะขอตัวไปอยดู่ ้วย ครจู ะดูหน่วยกา้ นของ ผทู้ ี่จะเป็นศิษย์ ดูกริ ิยาท่าทาง เสียงและปฏิภาณ การทดสอบเพอื่ รับ เป็นลูกศษิ ย์ อาจทาได้โดย ให้ร้องวา่ เพลงก้อมให้ฟัง ถ้าเห็นว่ามแี วว พอจะเป็นหมอเพลงได้ กร็ ับไว้ กอ่ นจะหดั ต้องมีการยกครูก่อน อุปกรณ์ทจ่ี ะใช้คือ 1. กรวย 6 กรวย ( ลกั ษณะเป็นกรวยกน้ แหลม ) 2. ดอกไม้ขาว 6 คู่ 3. เทยี น 6 เลม่ 4. ธูป 6 ดอก 5. ผ้าขาว 1 ผืน ยาวประมาณ 4 ศอก 6. เงนิ 6 บาท บางครูก็ 12 บาท ชดุ การเรยี นรู้เรื่องเพลงโคราช 44 Korat folk song performance
เมอ่ื รบั ไวเ้ ป็นศษิ ย์แล้ว ผู้ทจ่ี ะหดั เพลง กจ็ ะพกั อยู่ทีบ่ ้านครู ช่วยครทู างานในตอนกลางวนั ตอนกลางคนื จะต่อเพลงกบั ครู ซงึ่ เปน็ การต่อเพลงแบบปากต่อปาก ไม่มกี ารเขียนหรือจดไว้ เพราะคนในสมัยก่อน มี ผู้รู้หนงั สอื น้อย หมอเพลงทม่ี ีชอื่ เสยี งมากในยุคก่อน บางคนไม่รู้หนงั สอื การตอ่ กลอน ในลักษณะนีจ้ ะต่อกันคืนละ 1 กลอนเท่านัน้ ศิษยจ์ ะตอ้ งท่องจนขึ้นใจ และต้องว่าให้ ครูฟังในตอนเชา้ ก่อนทีจ่ ะออกไปทางานใหค้ รู ถา้ จาไมไ่ ด้ก็จะตอ้ งต่อกนั ใหม่ในคนื ตอ่ ไป จนกวา่ จะจาได้ นอกจากจะต่อกลอนแลว้ ครูยงั ใหฝ้ ึกการเอื้อนทานอง และ ออกเสยี งตวั กลา้ \"ร ล\" อกี ดว้ ย ศษิ ย์คนใดมีความจาดี มีปฏิภาณ ก็อาจจะใชเ้ วลาเรยี น ไม่นาน 1 - 2 ปี กอ็ อกเลน่ ได้ แตบ่ างคนเรียนช้า อาจใชเ้ วลาถึง 10 ปี เนอื้ หาทเ่ี รียน นน้ั ถา้ เป็นผู้หญิง จะเรยี นเฉพาะกลอนเพลง ถ้าผู้ชายจะเรียนคาถาอาคมดว้ ย ใน สมัยกอ่ นพวกผู้ชาย กอ่ นท่จี ะออกแสดง จะตอ้ งทาพิธเี ขา้ กรรมในโบสถ์ เป็นเวลา 7 วนั กนิ ข้าววันละ 7 ปั้น วันแรกตอ้ งทาน้ามนต์ไว้ด่ืม และตอ้ งกินพริกไทพันเม็ด เพราะ เชอื่ ว่าจะทาใหป้ ัญญาดวี ่าเพลงออก ในระหวา่ งท่ีเขา้ กรรม 7 วัน นห้ี า้ มว่าเพลง เพราะ ทาใหก้ รรมแตก เรยี กว่าถา้ ใครกรรมแตก มกั จะมีอนั เปน็ ไป ผู้เขา้ กรรม แต่ละคนจะมี ไก่สขี าว เรียกว่าไกช่ ี ไวเ้ สี่ยงทาย ในระหวา่ งทีเ่ ขา้ กรรมไก่ของใครคึก เจ้าของไก่ มกั จะเปน็ หมอเพลงที่มีช่ือต่อไป ถ้าไก่ของใครหงอย เจ้าของมักจะไมป่ ระสบความสาเรจ็ ในอาชีพหมอเพลง 1.2 การแต่งกาย ผ้หู ญิง นงุ่ ผา้ โจงกระเบน เปน็ ผ้าพ้นื ทอมือสเี ข้ม เช่น สีดา สนี า้ ตาล สกี รมทา่ คาดเข็มขัดเงิน เขม็ ขดั ทอง หรือเขม็ ขัดนาก ไม่นิยมนุ่งซนิ่ สวมเสอ้ื ตัดเย็บจากผ้าฝ้ายทอมือ เสื้อทีน่ ิยมใช้ เรียกว่า เส้ือ \"คอกระโจม\" และเส้ือ \"อแี ปะ\" หญิงชาวไทยเบ้ิงจะใช้เส้อื ประเภทนี้ไปวัด แต่งงานใชส้ ไบเฉยี งห่มทับเสื้อ หรือ สวมเสื้อแขน กระบอกหม่ สไบ ทบั เส้อื ถ้าอยู่บ้านมักใช้ผ้าคาดอกแทนการสวมเสื้อ ตัดผมทรงดอกกระทุม่ ไมน่ ยิ มดัดผม และแตง่ หนา้ เพียงใช้แป้ง เม็ดบรรจุกระป๋องทาหน้า กนิ หมากทาให้ปากแดง ใชส้ ผี ้ึงทาปากเพ่ือไม่ใหป้ ากแหง้ การบารงุ ผิวใช้ขมน้ิ ผสมกับดนิ สอ พอง ทาตวั และทาหนา้ สาหรับเครือ่ งประดบั นิยมใชท้ องมากกว่าเพชรพลอย และนยิ มใช้ตุม้ หูมากกวา่ สรอ้ ยและ แหวน สะพายยา่ มแทนกระเป๋า ของที่ใส่ในยา่ มได้แก่ เคร่ืองใช้สว่ นตวั เคร่ืองมือในการประกอบอาชีพ ข้าวห่อและอื่น ๆ ผู้ชาย ในอดีต ชายนงุ่ โจงกระเบน สวมเสื้อคอกลมไมผ่ า่ อก น่งุ กางเกงขาก๊วย กางเกงขาสน้ั กาง เกงขายาว หากอยู่ บ้านนงุ่ ผ้าถงุ และไมส่ วมเสือ้ เมอ่ื ออกนอกบา้ นสวมเส้ือคอกลม ปกฮาวาย หรอื ปกเชต้ิ มผี ้าขาวมา้ พาดบา่ เหมือนสไบ ตัดผมทรงดอกกระทุ่ม สะพายยา่ มไมส่ วมรองเท้า ผู้ชาย สว่ นใหญ่จะนุ่งผ้าโจงกระเบน ผา้ ทีจ่ ะนามานุง่ สว่ นใหญ่ จะเปน็ ผ้าไหมหางกระรอก ซึง่ เปน็ ผลติ ผลของ ชาวโคราชผลิตกนั ข้นึ มาเอง หรอื บางทีกใ็ ชผ้ ้าม่วงแทนก็มี เสือ้ ท่ีใช้นัน้ เป็นเส้ือคอกลม แขนสนั้ สไี มจ่ ากัด มีผ้าขาวม้า คาดเอว ภาษาโคราชว่าใชผ้ า้ ขาวมา้ \"เคยี นพุง\" เคร่อื งประดับอน่ื ๆ นอกจากนี้แลว้ สว่ นใหญไ่ ม่มี หมอเพลงบางคนก็ แขวนพระเครอ่ื งบ้าง ผหู้ ญงิ นุ่งผ้าโจงกระเบน เหมอื นหมอเพลงผู้ชาย ผ้าทีใ่ ช้นุง่ ก็เปน็ ผา้ ไหมหางกระรอกหรอื ผ้ามว่ ง เส้อื นิยมสวม เสอ้ื รัดรปู ไม่มปี ก แขนสั้น ในสมยั ก่อนน้นั ผหู้ ญงิ ไมส่ วมเสื้อ มแี ต่ผา้ รัดอก และใชผ้ ้าสะไบเฉียง พาดไหล่ นอกจากน้ี บางคนนยิ มใช้พลูจบี ทดั หู ทั้งน้ีเพราะผูห้ ญิงไมร่ ู้จกั ชายหชู ายตา ครเู พลงเลยสอน ให้หัดชาเลอื งดพู ลจู ีบท่ีทดั หู 1.3 อปุ กรณป์ ระกอบการรอ้ งเพลง ในสมยั ก่อนนั้นการเลน่ เพลงโคราชไม่จากดั สถานที่ อาจเล่นบนบ้านหรอื ลานบา้ นก็ได้ เพยี งแตน่ าครกตา ข้าว (ครกซ้อมมือ) มาวางควา่ ลง แลว้ หาถังตกั นา้ วางไว้บนครกน้ัน เพ่ือใหห้ มอเพลงไดด้ ่ืมแก้คอแห้ง ในยุคท่ยี ังไม่มี ไฟฟ้าแสงสว่าง ชาวบ้านมักจะทาไตช้ า้ ง หรือไต้รงุ่ ใหแ้ สงสว่างแทน ลักษณะของไตช้ ้างหรือไต้ร่งุ ทาด้วยไม้ไผ่ยาว ชุดการเรยี นรู้เรอ่ื งเพลงโคราช 45 Korat folk song performance
ประมาณ 5 ศอก ปลายข้างหน่ึงจักด้วยมดี แผ่ออกสานดว้ ยไม้ไผเ่ ป็นรูปกระทะใสด่ นิ กรุ ใส่ชนั ผสมไมผ้ ุ ๆ หรอื แกลบ จดุ ให้แสงสวา่ ง ปลายอกี ข้างหนึ่งฝงั ดนิ ใกล้ ๆ กับครก ต่อมาใช้ตะเกยี งเจา้ พายุ หรอื ตะเกยี งลาน จุดแทนไต้รุง่ เวที ก็ เปล่ียนมาเป็นลาดับ คือ มเี สา 4 เสา ยกพ้นื ปกู ระดาน สงู จากพน้ื ดนิ ประมาณ 1 เมตร หลังคามุงด้วยก้านมะพรา้ ว ท่ี กลางพ้นื เวทีกย็ ังมีถังใสน่ ้าตัง้ อยเู่ ช่นเดมิ เมื่อก่อน ทย่ี งั ไม่มีเครื่องขยายเสยี งน้ัน หมอเพลงต้องเสยี งดัง พอที่จะฟังได้ ยิน แต่ปจั จบุ นั สิง่ ที่ชว่ ยให้แสงสวา่ ง ในการเล่นเพลงโคราชคือ ไฟฟา้ และมีเคร่ือขยายเสียง ทด่ี งั กวา่ เสยี งหมอเพลงใน ครงั้ ก่อน ๆ เป็นประโยชน์ท้ังผู้ฟงั และหมอเพลง พธิ ไี หวค้ รู ก่อนขน้ึ เวที หมอเพลงจะไหวค้ รกู อ่ น เครื่องไหว้ครู ซง่ึ เจ้าภาพเป็นผู้หามาให้ประกอบด้วย ผ้าขาว 1 ผนื กรวยพระ 6 กรวย ดอกไม้ ธูป เทียน และเงินค่ายกครู 6 บาท สาหรับงานธรรมดา สว่ นงานศพ 12 บาท ผา้ ขาวนนั้ จะได้คนื จากหมอเพลง เม่ือเสร็จงานแล้ว หมอเพลงจะไหว้ครูทุกวัน โดยหวั หนา้ ทีไ่ ป จะเปน็ ผู้นาไหว้ หลงั จากแต่งตัว เสร็จก่อนขนึ้ เวที การไหวค้ รู หมอเพลงจะไหว้บุพการี และบางคนก็ไหว้พญามารดว้ ย คือขอให้พญามาร ทาลายฝา่ ย ตรงข้ามใหย้ ่อยยบั จากลอนไมไ่ ด้ ในบทไหว้ครกู ็ดไู ม่จริงจัง และแทรกอารมณข์ นั ไว้มาก 1.4 เวทีเพลงโคราช ลักษณะเวทเี พลงโคราช ในสมัยก่อนนั้นการเล่นเพลงโคราชไม่จากัดสถานท่ี อาจเล่นบนบา้ นหรอื ลานบา้ นกไ็ ด้ เพียงแตน่ าครกตา ข้าว (ครกซ้อมมือ) มาวางควา่ ลง แลว้ หาถังตักน้าวางไว้บนครกนัน้ เพื่อให้หมอเพลงได้ด่ืมแกค้ อแห้ง ในยคุ ท่ยี ังไม่มี ไฟฟา้ แสงสว่าง ชาวบา้ นมกั จะทาไตช้ า้ ง หรอื ไต้รงุ่ ให้แสงสว่างแทน ลักษณะของไตช้ ้างหรือไต้รงุ่ ทาดว้ ยไม้ไผย่ าว ประมาณ 5 ศอก ปลายขา้ งหนึ่งจกั ด้วยมดี แผ่ออกสานดว้ ยไมไ้ ผ่เปน็ รูปกระทะใส่ดนิ กรุ ใสช่ นั ผสมไม้ผุ ๆ หรอื แกลบ จดุ ใหแ้ สงสวา่ ง ปลายอีกขา้ งหน่ึงฝังดนิ ใกล้ ๆ กับครก ต่อมาใช้ตะเกยี งเจา้ พายุ หรือตะเกยี งลาน จดุ แทนไตร้ งุ่ เวที ก็ เปลย่ี นมาเปน็ ลาดบั คือ มเี สา 4 เสา ยกพืน้ ปกู ระดาน สูงจากพื้นดนิ ประมาณ 1 เมตร หลังคามงุ ดว้ ยกา้ นมะพรา้ ว ที่ กลางพน้ื เวทีกย็ งั มีถงั ใส่น้าตง้ั อยู่เชน่ เดมิ เมื่อก่อน ทีย่ ังไม่มีเคร่ืองขยายเสียงน้นั หมอเพลงตอ้ งเสยี งดัง พอท่ีจะฟงั ได้ ยนิ แตป่ จั จบุ นั ส่ิงทช่ี ่วยใหแ้ สงสว่าง ในการเลน่ เพลงโคราชคอื ไฟฟา้ และมีเคร่ืองขยายเสียง ที่ดังกวา่ เสียงหมอเพลงใน คร้งั ก่อน ๆ เปน็ ประโยชน์ทั้งผูฟ้ งั และหมอเพลง 1.5 ท่ารา ท่ารา ท่าราพอจะจาแนกออกเป็น 2 ลักษณะ คือ 1.5.1 ทา่ ราชา้ ลกั ษณะการราผชู้ าย จะกางแขนทงั้ สองขา้ งออกพองาม มือแบออกราขึ้นลงขา้ งตน้ สว่ นขา ย่างตามจังหวะ ของกลอนเพลง สมัยก่อนผู้ชายจะวาดวงแขนกวา้ ง ผหู้ ญงิ ราเหมือนฝา่ ยชาย ต่างกันที่จบี มือ และวง แขนแคบ 1.5.2. ท่าราเร็ว ฝ่ายชายจะราเหมือนทา่ ราชา้ แต่เรง่ จังหวะการราใหเ้ ร็วข้ึนตามกลอนเพลง อีกทง้ั ต้องรา รุดหนา้ เขา้ หาฝา่ ยหญงิ ทานองวา่ จะเข้าไปถูกเน้ือต้องตัว ท่าราเหมอื นทา่ ราชา้ เมื่อฝ่ายชายรุกมา หญิงก็จะราถอย หนี มือทั้งสอง ต้องคอยราปดั ปอ้ ง มใิ หฝ้ ่ายชายถูกเนื้อต้องตัวได้ แตอ่ ย่างไรกต็ ามมขี ้อห้ามสาหรับหมอเพลง ฝา่ ยชาย จะถกู เน้ือต้องตวั ฝา่ ยหญงิ ไม่ไดป้ รัชญาเบ้ืองหลงั ท่ารา มีวา่ การที่ผูช้ ายวาดวงแขนกว้าง เป็นการแสดงการปกป้อง คุ้มครองฝ่ายหญงิ ผู้หญงิ วาดวงแขนแคบ แสดงการฉอเลาะ ตอนแรกชายจะรุกหญงิ ถอย และตอนหลังหญิงจะรกุ ชายถอย แสดงว่าหญิงจะชนะทุกครงั้ ในเรื่องเพศ ลาดับขนั้ ของการเล่นเพลงโคราช การเลน่ เพลงโคราชซ่งึ กลอนเพลงมชี ือ่ เรียกตามเน้ือหาต่างๆ แต่พอจะสรปุ การเล่นเป็นขนั้ ๆ ได้ดงั น้ี ชุดการเรียนรู้เรอ่ื งเพลงโคราช 46 Korat folk song performance
1. เพลงเกรนิ่ ฝา่ ยชายจะข้นึ เวทีก่อน บอกเกร่ินใหร้ ู้ถึงเหตุท่ีจดั ใหม้ ีการเล่นเพลงข้ึนเพื่ออะไร งานอะไร ใครเป็นเจ้าภาพ มจี ุดประสงค์อย่างไร ใหผ้ ู้ทม่ี าฟงั ไดท้ ราบ และอาจมีการขออภัยผ้ชู มกอ่ น ถ้าสุ้มเสียง หรือการแสดง บกพร่อง 2. เพลงเชญิ ฝา่ ยชายจะต้องร้องเชญิ ให้ฝา่ ยหญงิ ลงจากเรอื นมาเพ่อื วา่ เพลงกับตน เพลงตดั เชญิ ฝา่ ยหญงิ จะรอ้ งแก้วา่ การทล่ี งมาช้าเพราะเป็นผหู้ ญิงก็ตอ้ งแต่งกายให้สวยงาม อาจลา่ ช้าไปบ้างต้องขออภัย 3. เพลงถามข่าว ฝา่ ยชายจะถามผู้หญิงว่า ชื่ออะไร บา้ นอยู่ท่ีไหน มีอาชีพอะไร 4. เพลงเปรยี บ เปน็ เพลงที่ท้ังสองฝ่ายกระทบกระเทยี บเสียดสีซ่ึงกนั และกนั 5. เพลงไหวค้ รู ร้องเพ่ือระลึกถึงครู อาจารย์ซง่ึ นาความรู้สั่งสอนมา ไหวท้ งั้ คุณพระรตั นตรยั และพญามาร 6. เพลงปรึกษา หลังจากไหวค้ รแู ลว้ กจ็ ะปรึกษากันว่าจะเริม่ เลน่ เรอ่ื งอะไรก่อนดี 7. เพลงเก้ยี ว เพลงเกี้ยวนมี้ ีหลายอย่าง ทง้ั เกยี้ วธรรมดาและเกยี้ วหลอก ๆ 8. เพลงชวน เกยี้ วแล้วเม่ือชอบพอกนั ก็ชวนกันหนหี รือชวนไปชมนก ชมไม้ 9. เพลงชมธรรมชาติ พรรณนาความงามของธรรมชาติ 10. เพลงเร่ือง เปน็ เพลงท่เี ล่าเร่อื งใดเรื่องหนง่ึ โดยเฉพาะ เชน่ เรือ่ งเวสสันดร สภุ มติ เกสนิ ี เปน็ ตน้ 11. เพลงลองปญั ญา เปน็ การซกั ถามประวัติของบางส่งิ บางอยา่ ง เพ่อื ทดสอบปัญญา 12. เพลงเกี้ยวแกมจาก ฝ่ายหญงิ และชายสงั่ ลากันอวยชัยใหพ้ รฝ่ายตรงกันข้าม บางทีกช็ วนไปอยู่ดว้ ยกนั 13. เพลงปลอบ เปน็ เพลงท่ีบอกอยา่ ให้เสียอกเสียใจเมื่อลา 14. เพลงจาก เป็นเพลงทีบ่ อกถึงความจาเป็นตอ้ งจากลา 15. เพลงครา่ ครวญ แสดงถงึ ความรันทดในการพลดั พรากจากกัน 16. เพลงให้พร เป็นการใหพ้ รเจ้าภาพ ผู้ดู รวมถึงหมอเพลงด้วยกนั 17. เพลงลา กล่าวลาเจ้าภาพ ผู้ดู และหมอเพลงทรี่ ว่ มเลน่ ด้วยกนั เพลงโคราชสมยั ปจั จุบนั อาจจะมกี ารแสดงอนื่ ๆ เข้าแทรกเพ่ือเปลีย่ นบรรยากาศใหผ้ ูฟ้ ังคลายความล้าจากการ ฟัง หรอื อาจเปน็ การแทรกเพ่ือทาตามคาขอผ้ชู มก็ได้ เช่นแทรกลาตัด เพลงฉ่อย หมอลา เพลงลกู ทงุ่ แหล่ ฯลฯ ในยุค กอ่ นนั้น จะมกี ารแทรกเพยี งแหลโ่ คราชเทา่ น้นั แตต่ อ่ มา อาจจะเป็นเพราะอิทธพิ ลของการแสดงอนื่ ๆ เขา้ มามี บทบาทขึน้ จึงทาใหม้ ีการผสมผสานทางดา้ นการแสดงกนั มากขน้ึ ความเช่อื ในการเล่นเพลงโคราช สว่ นใหญ่หมอเพลงจะมีความเชอ่ื ในเร่ืองโชคลางพอสมควร เช่นในการก้าวขน้ึ โรงเพลง จะมีการดูทิศ ตาม ฤกษ์รบั ก้าวแรกท่ีข้ึน จะต้องเลือกดตู ามทศิ ทาง โดยการหายใจ ถา้ ข้างซ้ายคล่อง ก็กา้ วขาซ้ายขึน้ ทานองเดยี วกนั ถา้ ขา้ งขวาหายใจสะดวก ก็กา้ วข้างขวาขึ้น เปน็ ตน้ เมื่อขึน้ เวทีไปแล้ว กม็ กี ารเปา่ คาถามหานิยม เพ่อื ให้ผู้ฟงั ชน่ื ชอบตนก็ มี หมอเพลงบางคนเชือ่ ว่าหลังคาโรงเพลงนัน้ ถ้าหากมีการมัดดว้ ยตอก หรือสิ่งอื่นใดจะทาใหค้ าถาอาคม สตปิ ัญญาใน การวา่ เพลงเสื่อมลงไปดว้ ย ก็ขอร้องใหแ้ ก้มดั ตอกออกกม็ ี 2. การฝกึ และข้นั ตอนการร้องเพลงโคราช เพลงโคราช ตั้งแตย่ ุคแรกมาจนถึงยุคปัจจุบัน เร่มิ ต้ังแตเ่ พลงสน้ั ๆ มาจนถึงเพลงยาว ๆ ทใ่ี ช้เลน่ กนั ในปัจจบุ นั นี้แบ่งได้ 5 ประเภท คือ 1.1 เพลงขดั อนั เป็นเพลงส้นั ๆ มีสัมผสั อย่แู ห่งเดยี ว คือ ระหว่างวรรคที่ 1 กบั วรรคท่ี 2 เท่านน้ั ส่วนวรรคที่ 3 และ 4 ไม่มสี มั ผสั ( สัมผัสท่ีใชเ้ ปน็ สัมผัสสระ ) เช่น 2.1.1 เออ้ เอ่อ....สะรุสะระ อแี มก่ ะทะข่ัวถัว่ เม้ิดบุญผวั แลว้ เหมอื นไข่ไก่ร่างรัง 2.1.2 เออ้ เอ่อ....สะรสุ ะระ อแี ม่กระทะข่วั หมี่ รวู้ า่ กินไมเ่ มด้ิ มึงจิขว่ั มากทาไม ( ในขอ้ 2.1.2 นี้ จะเห็นได้วา่ มกี ารเล่นอักษรเพ่มิ เข้ามาแต่ยังไม่บังคับ ลกั ษณะนจี้ ะกลายเป็นสมั ผสั บังคบั ในสมัยหลัง ) 1.2 เพลงก้อม เปน็ เพลงสน้ั ๆ เช่นเดียวกับเพลงขัดอนั แต่เพ่ิมสมั ผสั ในระหว่างวรรคที่ 3 ชุดการเรยี นรู้เร่อื งเพลงโคราช 47 Korat folk song performance
และ 4 ซ่ึงไมม่ ใี นในเพลงขัดอัน เช่น ทากะต้องกะแต้ง อยู่เหมือนกะแต๋งคอกะติก ขอให่พ่ซี ักหน่อย จะเอาไปฝากถว่ ยนา่ มพริก 1.3 เพลงหลกั เปน็ เพลงทเ่ี พิม่ จานวนวรรคจาก 4 วรรคในเพลง 2 ประเภทต้นมาเปน็ 6 วรรค เพลงประเภทน้ีจะเห็นวา่ การเริ่มใชส้ ัมผัสประเภทอักษรเดน่ ชัดข้นึ เช่น 2.3.1 อนั คนเราทุกวนั เปรียบกนั กะโคม พอคนโหค่ วันโหม ก็ลอยบนเวหา พอเมิ้ดควันโคมคืน ก็ตก๊ ลงพ้นื สธุ า...ใหญ่ 2.3.2 เกษาวา่ ผม แกแ่ ลว้ บานผีเม่อื ผมดางามดี ก็ลับมาหายดา ไมเ่ ปน็ ผลดดี อกผม จะไม่นยิ มมนั ทา...ไม 2.4 เพลงสมัยปจั จุบนั คือเพลงท่ีใช้รอ้ งเล่นกนั ในปจั จบุ นั มีขนาดยาวกวา่ สมยั ก่อน ๆ แต่ถา้ ร้องจะ ร้องช้าบางทจี ังหวะไม่สมา่ เสมอ ข้ึนอยู่กบั ผรู้ อ้ ง รอ้ งช้าหรือร้องเร็วไม่สม่าเสมอเชน่ โอโ้ อ่ ...... ประเทศของไทยเราถึงคราวแคบ มันตอ้ งมีคนแอบดอกนาพเ่ี อย .......คนแฝงเพลงโคราช สมัยเจริญจ้างเป็นเงนิ มากแ็ พง .......เองจะว่ากนั ยงั ไงจะถูกใจคน ฟังขอให้หนมุ่ นาหน้าพอ .......เหนื่อยมาจะนานอน ถ้าเขา่ ใจครรไลจร ใหช้ ่ีนิว่ นาทาง .......อปุ มาเหมอื นยังพระ.....เดินนาเณร (ตบมือ) สมัยววิ ัฒนพ์ ฒั นา เขากา้ วหน่ามใิ ชน่ ่อย มาฉนั จะเดินซ่อนรอย ขอแต่ให้พีช่ ายนา ถา้ ยังไมจ่ รจะนาไปถึงจุด๊ ฉนั คงไมย่ ดุ๊ พยายาม จะนานอ้ งเขา่ ไปเขาใหญ่ หรือดงพญา....เยน็ 1.4 เพลงจังหวะรา เพลงประเภทน้ี เป็นท่ีใชร้ อ้ งกันอยู่ในสมยั ปัจจุบนั เชน่ เดยี วกบั ที่กลา่ ว มาแลว้ ในข้อ 2.4 แตกต่างกนั ที่ตรงจงั หวะราน้ีจะเล่นสัมผัสมาก และสมา่ เสมอ สามารถเคาะจงั หวะตามได้ และ ขณะทีร่ ้อง ผูร้ ้องจะราขยม่ ตวั ไปตามจงั หวะเพลงดว้ ย โดยจะเร่มิ ราเมื่อวา่ ไปแล้วประมาณ 4 วรรค เพราะใน 4 วรรค ต้นนีจ้ ังหวะยงั ไม่กระชั้นหรอื คงท่ี อาจช้าบ้างเรว็ บา้ ง จะราด้วยก็ไดแ้ ตเ่ ป็นการราช้า ๆ ไปราจังหวะเร็วที่วรรคท่ี 5 - 8 เปน็ การจบท่อนแรก พรอ้ มท้ังตบมอื 1 ครัง้ พอขึ้นทอ่ นที่ 2 จะร้องชา้ ลงเพ่ือเตรียมจบหรอื เตรียมลง การราหลอกล่อ กันระหวา่ งชายและหญงิ คือถ้าฝา่ ยชายรอ้ ง ฝ่ายหญิงกจ็ ะราด้วย ถา้ ฝ่ายหญิงร้องฝ่ายชายกจ็ ะราดว้ ย การราจงึ เป็น การราทีละคู่ แบง่ ตามลกั ษณะกลอน จะได้เป็น 5 ประเภทคือ เพลงคู่สอง เพลงค่สู ่ี เพลงคู่แปด และเพลงคู่สิบสอง การ แบ่งเช่นน้ี เปน็ การกาหนดประเภทคล้ายแบบที่แบ่งตามวิวฒั นาการนัน่ เอง คอื เพลงคสู่ องกบั คู่สี่ เป็นเพลงก้อม สว่ น เพลงคหู่ ก กับคแู่ ปดเป็นเพลงท่ีใชร้ ้องกนั ในปจั จุบัน ซึ่งทั้งสองประเภทน้ี มคี วามแตกตา่ งกันเพียงเล็กน้อย ในดา้ น จานวนคาในวรรค สว่ นเพลงคู่สบิ สองน้นั เปน็ เพลงทดี่ ดั แปลง มาจากเพลงคแู่ ปด โดยเพม่ิ จานวนคา ในวรรคมากข้ึน และรอ้ งเร็วมาก จงั หวะถ่ยี ังไมแ่ พร่หลายนกั ในปัจจุบนั เพราะหมอเพลงสว่ นใหญ่ จะคดิ คาไม่ทัน กบั ท่ีตอ้ งว่าเร็ว ๆ จึงปรากฎใหเ้ หน็ เพียงเล็กน้อยเทา่ นน้ั แบ่งตามเนื้อหาของเพลง จะได้หลายชนิด เช่น เพลงเกรน่ิ เพลงเชญิ เพลงไหวค้ รู เพลงถามข่าว เพลงชวน เพลงชมนกชมไม้ เพลงเกี้ยวเพลงเปรยี บ เพลงสาบาน เพลงดา่ เพลงครา่ ครวญ เพลงสู่ขอ เพลงเกยี้ วแกมจาก เพลง จาก เพลงลา เพลงพาหนี เพลงปลอบ เพลงไหวพ้ ระ เพลงตวั เดยี ว เพลงเรื่อง ( นทิ าน ) เปน็ ตน้ เนอ้ื หาของเพลงโคราชมีหลายรส ท้งั คาสั่งสอนคาดา่ กระทบกระเทยี บเปรียบเปรยและกล่าวเป็นนัยถึงเรื่อง เพศ เปน็ การใชภ้ าษาเชิงสญั ลักษณ์ และการใชค้ าตรงๆ จนคนท่ีไมช่ ิน กับเพลงปฎิพากย์พน้ื บา้ น ฟังไม่ได้ เพราะ เห็นว่า หยาบโลนจนเกินไป ถา้ ผ้ฟู งั เพลงชอบใจ จะโห่ฮิ้วแทนการปรบมือ เน้อื หาของเพลงโคราชเกี่ยวขอ้ งกับสิ่งต่อไปน้ี ชดุ การเรียนรู้เรือ่ งเพลงโคราช 48 Korat folk song performance
1. สุภาษติ และคาสั่งสอน 2. เจตคติตอ่ สังคม 3. ความเชื่อถือและค่านยิ ม 4. ความเป็นอยู่ อาชีพ และสภาพสังคม 5. วรรคดไี ทย 6. นทิ านพ้นื บา้ นและนิทานชาดก 7. ประวัตศิ าสตร์และวีรสตรไี ทย 8. การใช้ปฏิภาณไหวพริบในการพูดจาโตต้ อบกนั 9. ความรัก 10. ธรรมในพุทธศาสนา เน้อื หาของเพลงโคราช ข้นึ อยูก่ บั โอกาสทจี่ ะเล่น และบางคร้งั กแ็ ลว้ แต่เจา้ ภาพที่หาเพลงโคราชไปเล่น เป็นผ้กู าหนดว่าจะใหเ้ ล่นเรื่องอะไร หมอเพลงโคราชรนุ่ เก่า จะเน้นเรือ่ งการใช้ปฏภิ าณไหวพริบ นทิ านชาดก และ เครง่ ครัดมากในเรื่องสอนศลี ธรรม หมอเพลงโคราชรนุ่ ใหม่ มกั จะเลน่ ตามคาเรียกรอ้ งของผฟู้ งั และบางคน ไมเ่ ครง่ ครดั ในเร่ืองศีลธรรมมากนัก ขอ้ สงั เกตว่า วัดหลายแห่งในชนบทของนครราชสมี า เช่นท่ี อาเภอพมิ าย และอาเภอจกั ราช เวลาเทศน์ มหาชาติ จะมกี ารแหลป่ ระกอบ เพลงแหล่เหลา่ นัน้ จะตอ้ งมีเพลงโคราชควบอยเู่ สมอ 2.1 การฝึกยกครูและการไหว้ครู การยกครูเพลงโคราช ต้องเตรียมอุปกรณ์ดงั นี้ กรวยพระ (กรวยกน้ ป้านหรือกรวยปากเปด็ ) ใส่ดอกไม้ 1ชดุ หมากพลู 1 คา เทยี น 1 เล่ม ธปู 3 ดอก เงนิ 6 บาท ในการตอ่ เพลงโคราชจากครูเพลงตอ้ งใช้ความพยายาม ขยันฝกึ ฝนประกอบกบั พรสวรรค์ ในเรยี นเพลงโคราช จะมีการอาบนา้ มนต์ โดยต้องเตรียมเคร่อื งพิธนี อกจากของยกครูอีกตา่ งหาก ได้แก่ กรวยพระใส่ดอกไม้ 6 ชดุ เทยี น 6 เลม่ ผา้ ขาว 1 ผืน เงนิ 6 บาท ธูป 18 ดอก 2.2 การเขียนกลอนโคราช เนือ้ หาของเพลงโคราช ข้ึนอยกู่ บั โอกาสทจี่ ะเลน่ และบางครงั้ ก็แลว้ แต่เจ้าภาพทห่ี าเพลงโคราชไปเล่น เปน็ ผ้กู าหนดวา่ จะให้เลน่ เรอ่ื งอะไร หมอเพลงโคราชรุ่นเกา่ จะเนน้ เรื่องการใช้ปฏิภาณไหวพริบ นิทานชาดก และเคร่งครัดมากในเรื่องสอน ศลี ธรรม หมอเพลงโคราชร่นุ ใหม่ มกั จะเล่นตามคาเรยี กร้องของผู้ฟงั และบางคน ไมเ่ ครง่ ครัดในเรือ่ งศีลธรรมมากนกั ขอ้ สงั เกตุว่า วดั หลายแห่งในชนบทของนครราชสมี า เชน่ ที่ อาเภอพมิ าย และอาเภอจกั ราช เวลาเทศน์ มหาชาติ จะมีการแหล่ประกอบ เพลงแหลเ่ หล่านน้ั จะต้องมเี พลงโคราชควบอย่เู สมอ แม้จะทราบว่า คณะสัมผัสของเพลงโคราชเป็นอย่างไร แต่การเขยี นกลอนหรือแต่งกลอน ไม่อาจกระทาได้ ง่ายนกั การบรรจุคาลงตามคณะ ให้ถูกต้องสัมผัสบังคบั ได้นนั้ ไมไ่ ดห้ มายความว่า จะสามารถรอ้ งเปน็ ทานองได้ เช่นเดียวกนั กับท่ปี รากฏในวรรณคดบี างประเภท โดยเฉพาะวรรณคดีการละคร ว่ามีกลอนบทละครบางเรอ่ื ง ทไี่ ม่ สามารถนาไปร้องหรือเลน่ ละครไดจ้ ริง เพราะแม้จะถูกต้องตามสมั ผัสบงั คบั ทุกประการ แตล่ ลี าของกลอน ไม่ สอดคลอ้ งกบั ทานองการร้อง เพลงโคราชกเ็ ช่นเดียวกัน ผ้ทู ี่จะเขียนกลอนโคราชได้นั้น จะต้องเปน็ ผู้ทรี่ ู้จักทานองจังหวะ และลานาของ เพลงโคราชไดว้ า่ เป็นอย่างไร ตอ้ งจาไดแ้ มน่ วา่ ลานาทานองและจงั หวะเปน็ อยา่ งไร นน่ั ย่อมหมายถงึ วา่ ผู้ท่จี ะจดจาลา นาจังหวะและทานองไดน้ น้ั จะต้องเป็นผู้ท่เี คยฝึกหดั ร้องเพลงโคราชใหจ้ าได้มากๆ หมนั่ ฝึกฝน จนร้เู สยี งสงู เสียงต่า เสยี งส้ัน เสยี งยาว และฟังจังหวะแม่นยา หรอื เคยชนิ เม่ือได้สัมผัสกับกลอนเพลงบ่อยๆ กจ็ ะจาไดข้ น้ึ ใจ เมอื่ จะแต่ง กลอน หรือนึกกลอนใหม่ ก็ใชค้ าไปตามทานอง หรอื จังหวะท่ีจาไดน้ ้ันเป็นเกณฑ์ ดงั นั้นแมห้ มอเพลงโคราช จะไม่ได้ ชดุ การเรยี นรู้เรือ่ งเพลงโคราช 49 Korat folk song performance
เรียนหรอื ศึกษาเก่ยี วกบั คณะสมั ผัส หรือลักษณะกลอนเพลงโคราช ในภาคทฤษฎี แต่จากการท่องกลอนบ่อยๆ ฝึกหดั วา่ เพลงด้วยความพยายาม ก็จะร้ไู ดว้ ่า คาคลอ้ งจองหรือสัมผสั และลลี าของเพลงเป็นอยา่ งไร ถา้ หากมคี วามรกู้ ารใช้ คา หรือมีความรู้แตกฉานในด้านภาษา ก็จะสามารถหาคา มาใสใ่ นกลอน ให้สามารถร้องเปน็ เพลงได้ ครเู พลงทวั่ ไป จึง แตง่ กลอนเพลงได ใ้ นลักษณะเขยี นไปตามลีลานี้ หรอื หมอเพลง ทมี่ ีประสบการณ์พอสมควร จะสามารถด้นกลอนหรือ วา่ กลอนสดได้ทันที สว่ นทีย่ ังไม่ชานาญ ใชว้ ธิ ที ่องจากลอนเพลงให้ได้มากๆ จึงจะสามารถสังเกตไดว้ ่า หมอเพลงคน เดยี วกนั ถ้าเขาเล่นตา่ งโอกาส ตา่ งสถานท่ี มักจะมีเนอ้ื ร้อง และทานองซา้ ๆ กนั อยู่มาก หรอื สงั เกตไดอ้ ีกวา่ หมอเพลง หลายๆ คน ทเ่ี รียนมา จากครูคนเดยี วกนั ก็จะมีลลี าการร้อง ทานอง จังหวะเพลงคล้ายคลึงกัน สาหรบั ผูท้ ่จี ะฝึกหดั เขียน หรือแต่งกลอนเพลงโคราช กจ็ ะต้องมีคุณสมบตั ิเช่นเดยี วกนั คือ ศกึ ษาสว่ นประกอบ ต่างๆ ของเพลงโคราชใหเ้ ข้าใจ และต้องร้องเพลงโคราชได้ เมื่อเขยี นมาแล้วกล็ องร้องดู ถ้าตรงไหนใชเ้ สียงผิดไป จาก ลลี าของเพลง ก็สามารถแก้ไข หรอื ปรบั เขา้ กับลีลานัน้ ได้ 2.3 การฝึกร้องเพลงโคราช ลาดบั ข้ันของการเลน่ เพลงโคราช การเลน่ เพลงโคราชซึง่ กลอนเพลงมีชอ่ื เรียกตามเนื้อหาต่างๆ แตพ่ อจะสรุปการเลน่ เปน็ ขั้น ๆ ได้ดังน้ี 1. เพลงเกร่ิน ฝา่ ยชายจะข้ึนเวทกี อ่ น บอกเกร่นิ ให้รถู้ งึ เหตทุ จ่ี ดั ให้มีการเลน่ เพลงข้นึ เพื่ออะไร งานอะไร ใคร เปน็ เจ้าภาพ มีจดุ ประสงค์อย่างไร ใหผ้ ู้ทมี่ าฟังไดท้ ราบ และอาจมีการขออภัยผ้ชู มก่อน ถา้ ส้มุ เสียง หรือการแสดง บกพร่อง 2. เพลงเชิญ ฝา่ ยชายจะต้องร้องเชิญให้ฝ่ายหญงิ ลงจากเรือนมาเพ่ือว่าเพลงกับตน เพลงตัดเชญิ ฝ่ายหญงิ จะร้องแกว้ า่ การท่ีลงมาชา้ เพราะเป็นผหู้ ญิงกต็ ้องแตง่ กายให้สวยงาม อาจลา่ ช้าไปบ้าง ตอ้ งขออภัย 3. เพลงถามข่าว ฝ่ายชายจะถามผ้หู ญงิ วา่ ชื่ออะไร บา้ นอยู่ท่ไี หน มีอาชพี อะไร 4. เพลงเปรียบ เปน็ เพลงท่ีทั้งสองฝ่ายกระทบกระเทียบเสียดสซี ึง่ กนั และกัน 5. เพลงไหว้ครู รอ้ งเพือ่ ระลึกถงึ ครู อาจารยซ์ ึ่งนาความรสู้ ั่งสอนมา ไหวท้ ั้งคณุ พระรตั นตรัย และพญามาร 6. เพลงปรึกษา หลงั จากไหว้ครูแลว้ ก็จะปรึกษากนั ว่าจะเร่ิมเล่นเรือ่ งอะไรก่อนดี 7. เพลงเก้ียว เพลงเกยี้ วน้มี หี ลายอยา่ ง ทัง้ เก้ยี วธรรมดาและเก้ียวหลอก ๆ 8. เพลงชวน เกีย้ วแลว้ เมอ่ื ชอบพอกัน ก็ชวนกนั หนหี รอื ชวนไปชมนก ชมไม้ 9. เพลงชมธรรมชาติ พรรณนาความงามของธรรมชาติ 10. เพลงเร่อื ง เป็นเพลงท่เี ลา่ เรื่องใดเร่ืองหนง่ึ โดยเฉพาะ เชน่ เรื่องเวสสนั ดร สภุ มติ เกสินี เปน็ ตน้ 11. เพลงลองปัญญา เป็นการซักถามประวัติของบางสง่ิ บางอย่าง เพ่ือทดสอบปญั ญา 12. เพลงเกย้ี วแกมจาก ฝ่ายหญิงและชายส่ังลากนั อวยชัยใหพ้ รฝ่ายตรงกนั ขา้ ม บางทีกช็ วนไปอยดู่ ว้ ยกนั 13. เพลงปลอบ เป็นเพลงทบ่ี อกอย่าใหเ้ สยี อกเสยี ใจเม่ือลา 14. เพลงจาก เป็นเพลงที่บอกถึงความจาเป็นต้องจากลา 15. เพลงครา่ ครวญ แสดงถึงความรนั ทดในการพลัดพรากจากกนั 16. เพลงใหพ้ ร เปน็ การให้พรเจา้ ภาพ ผู้ดู รวมถึงหมอเพลงด้วยกนั 17. เพลงลา กลา่ วลาเจา้ ภาพ ผู้ดู และหมอเพลงทรี่ ่วมเลน่ ดว้ ยกนั เพลงโคราชสมัยปจั จบุ ันอาจจะมีการแสดงอ่นื ๆ เข้าแทรกเพ่ือเปลีย่ นบรรยากาศให้ผฟู้ งั คลายความล้าจากการ ฟงั หรืออาจเปน็ การแทรกเพ่ือทาตามคาขอผ้ชู มกไ็ ด้ เชน่ แทรกลาตัด เพลงฉอ่ ย หมอลา เพลงลูกทงุ่ แหล่ ฯลฯ ในยุค ก่อนนัน้ จะมีการแทรกเพยี งแหล่โคราชเทา่ น้ัน แตต่ อ่ มา อาจจะเปน็ เพราะอทิ ธิพลของการแสดงอ่นื ๆ เข้ามามี บทบาทขน้ึ จงึ ทาให้มีการผสมผสานทางด้านการแสดงกนั มากขนึ้ ชดุ การเรยี นรู้เรื่องเพลงโคราช 50 Korat folk song performance
Search