บทท่ี 2 เพลงโคราช จานวน 40 ชั่วโมง สาระสาคญั 1. ควำมหมำยของเพลงโครำช หมำยถึง เป็นเพลงพ้นื บำ้ นโครำชมีลกั ษณะท่ีร้องเป็ นเพลงกอ้ ม 2. หมอเพลงโครำช หมำยถึง เป็นบุคคลที่มีควำมชำนำญ ปฎิภำณไหวพริบ ในกำร้องเพลง โตต้ อบ 3. ประวตั ิควำมเป็นมำของเพลงโครำช ผูร้ ู้และหมอเพลงเล่ำใหฟ้ ังวำ่ มีนำยพรำนคนหน่ึงชื่อ เพชรนอ้ ย ออกไปล่ำสัตวใ์ นเขตหนองบุนนำก บำ้ หนองบุนนำก อำเภอโชคชยั จงั หวดั นครรำชสีมำ คืนหน่ึงแก ไปพบลูกสำวพญำนำค ข้ึนมำจำกหนองน้ำ มำนง่ั ร้องเพลงคนเดียว พรำนเพชรนอ้ ยไดย้ นิ เสียงจึงแอบเขำ้ ไปฟัง ใกล้ ๆ แกป้ ระทบั ใจในควำมไพเรำะ และเน้ือหำของเพลง จึงจำเน้ือและทำนองมำร้องใหค้ นอ่ืนฟังลกั ษณะเพลงท่ี ร้องเป็นเพลงกอ้ ม หรือเพลงคูส่ อง อีกตำนำนหน่ึงเล่ำวำ่ ชำวโครำชไดเ้ พลงโครำชมำจำกอินเดียโดยพระยำเขม็ เพชรเป็ นผูน้ ำมำพร้อมๆ กบั ลิเก และลำตดั โดยใหล้ ิเกอยูก่ รุงเทพฯ ลำตดั อยภู่ ำคกลำงและเพลงโครำชอยทู่ ี่นครรำชสีมำ เพลงโครำชระยะแรก ๆ เป็นแบบเพลงกอ้ ม คนท่ีเรียนเพลงโครำช จำกพระยำเข็มเพชร ช่ือตำจนั บำ้ นสก อยู่ ซุมบำ้ นสก ติดกบั สถำนี รถไฟ ชุมทำงจิระ 4. เพลงโครำชมีควำมสำคญั ในดำ้ นวฒั นธรรมและวถิ ีชีวติ คือ เป็นกำรบง่ บอกเอกลกั ษณ์ ควำม เชื่อถือควำมเป็นอยแู่ ละสภำพสงั คมของคนโครำช 5. แหล่งเรียนรู้เพลงโครำช มีอยทู่ ุกหมูบ่ ำ้ นของจงั หวดั นครรำชสีมำ ไดแ้ ก่ ชุมชนวดั หวั สะพำน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ และ ชุมชนวดั ศำลำลอย ตำบลในเมือง อำเภอ เมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ 6. ควำมเป็นไปไดใ้ นกำรเขำ้ สู่อำชีพหมอเพลงโครำช ในเร่ืองกำรลงทุน อยทู่ ี่ใจชอบไมก่ ำรลงทุนนอ้ ย กวำ่ อำชีพอื่น กำรตลำด มีกำรนำเทปออกจำหน่ำยตำมแผง และกำรจำหน่ำยเทปทว่ั ไป แสดงไดท้ ้งั งำนพธิ ีกรรม เช่น แสดงแกบ้ น งำนพธิ ีกำร เช่น แสดงตำมงำนบวช งำนบุญ แสดงไดท้ ุกจงั หวดั แต่ นิยมมำกคือ จงั หวดั นครรำชสีมำ จงั หวดั นครสวรรค์ และลพบุรี 7. กำรตดั สินใจเลือกประกอบอำชีพเพลงโครำช ในเรื่อง ศกั ยภำพของทรัพยำกรธรรมชำติใน พ้ืนที่ ไดแ้ ก่ กำรวำ่ จำ้ งเป็นเงินตำมรำคำท่ีกำหนด เพลงประเภทน้ีจะเล่นในงำนฉลองหรือสมโภชตำ่ ง ๆ เช่น งำน ศพ งำนบวชนำค ทอดกฐินงำนประจำปี หรือเล่นแกบ้ น ศกั ยภำพของพ้นื ท่ีตำมลกั ษณะภูมิอำกำศ ไดแ้ ก่กำร 51
แสดงจะข้ึนกบั ฤดูกำล เช่น ในกำรวำ่ จำ้ งฤดูฝนจะรับงำนกำรแสดงนอ้ ย ศกั ยภำพภูมิประเทศและทำเลที่ต้งั ไดแ้ ก่ เพลงโครำชที่เล่นเป็ นอำชีพ จะมีกำรวำ่ จำ้ งเล่นในงำนฉลองหรือสมโภชตำ่ ง ๆ เช่น งำนศพ งำนบวชนำค ทอดกฐินงำนประจำปี หรือเล่นแกบ้ น ท่ีไม่ตรงกบั เทศกำลเขำ้ พรรษำ หรือฤดูฝนท่ีมีกำรทำนำ ศกั ยภำพของ ศิลปะ วฒั นธรรมและวถิ ีชีวติ ไดแ้ ก่ วดั หลำยแห่งในชนบทของนครรำชสีมำ เช่นท่ีอำเภอพิมำย และอำเภอจกั รำช เวลำเทศน์มหำชำติ จะมีกำรแหล่ประกอบ เพลงแหล่เหล่ำน้นั จะตอ้ งมีเพลงโครำชควบอยเู่ สมอ และ เป็น เพลงของชำวบำ้ นท่ีร้องเล่นกนั ในยำมวำ่ งงำนเพ่ือควำมสนุกสนำน เช่น ในงำนลงแขก ไถนำ หรือเกี่ยวขำ้ ว หรือ พบปะพดู คุยกนั ในวงสุรำชำวบำ้ นที่วำ่ เพลงได้ จะวำ่ เพลงโตต้ อบกนั เพื่อควำมสนุกสนำน ไม่มีพธิ ีรีตรอง ไมต่ อ้ ง สร้ำงเวทีหรือ \" โรงเพลง \" และไม่มีกำรแต่งกำยแบบหมอเพลงอำชีพ และ ศกั ยภำพของทรัพยำกรมนุษย์ ไดแ้ ก่ มีใจรัก ตอ้ งกำรสืบสำนกำรร้องเพลงโครำชไวใ้ หล้ ูกหลำน และเป็นอำชีพสุตจริต รำยไดส้ ูงพอเล้ียงตวั และ ครอบครัวได้ ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั 1. บอกควำมหมำยของเพลงโครำชไดแ้ ละหมอเพลงโครำชได้ 2. บอกประวตั ิควำมเป็นมำของเพลงโครำชได้ 3. อธิบำยและตระหนกั เห็นคุณค่ำควำมสำคญั ของเพลงโครำช 4. ระบุแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญำทอ้ งถิ่นและเพลงโครำชได้ 5. วเิ ครำะห์ควำมเป็นไปไดใ้ นกำรเขำ้ สู่อำชีพเพลงโครำชได้ 6. สำมำรถตดั สินใจประกอบอำชีพเพลงโครำชได้ 52
เพลงโคราช 1. ควำมหมำยของเพลงโครำชและหมอเพลงโครำช 1.1 จำกกำรศึกษำเอกสำรท่ีเกี่ยวขอ้ ง ชื่อผแู้ ตง่ สุวจั น์ ลิปตพลั ลภ (2542 : 140) ไดใ้ หค้ วำมหมำยของเพลงโครำช ไวว้ ำ่ ตำนำนของเพลงโครำชน้นั ผรู้ ู้และหมอเพลงเล่ำใหฟ้ ังวำ่ มีนำยพรำนคนหน่ึง ชื่อ เพชรนอ้ ย ออกไปล่ำ สตั วใ์ นป่ ำ เขตหนองบุญนำก อำเภอโชคชยั จงั หวดั นครรำชสีมำ คืนหน่ึงแกไปพบลูกสำวพญำนำคข้ึนมำจำก หนองน้ำ มำนงั่ ร้องเพลงคนเดียว พรำนเพชรนอ้ ย ไดย้ นิ เสียงจึงแอบเขำ้ ไปฟังใกล้ ๆ แกประทบั ใจในควำม ไพเรำะและเน้ือหำของเพลง จึงจำเน้ือและทำนองมำร้องใหค้ นอ่ืนฟัง ลกั ษณะเพลงท่ีร้องเป็นเพลงกอ้ ม หรือ เพลงคูส่ อง อีกตำนำนหน่ึงเล่ำวำ่ ชำวโครำชไดเ้ พลงโครำชมำจำกอินเดีย โดยพระยำเขม็ เพชรเป็นผนู้ ำมำ พร้อม ๆ กบั ลิเก และลำตดั โดยใหล้ ิเกอยกู่ รุงเทพฯ ลำตดั อยภู่ ำคกลำง และเพลงโครำชอยทู่ ี่นครรำชสีมำ เพลง โครำชระยะแรก ๆ เป็นแบบเพลงกอ้ ม คนท่ีเรียนรู้เพลงโครำช จำกพระยำเขม็ เพชร ชื่อตำจนั บำ้ นสก อยู่ \"ซุม บำ้ นสก\" ติดกบั สถำนีรถไฟชุมทำงถนนจิระ ตำนำนท้งั สองถึงแมจ้ ะตำ่ งกนั ในดำ้ นกำเนิดแต่ตรงกนั อยำ่ งหน่ึงท่ี กล่ำววำ่ เพลงโครำชระยะแรกเล่นแบบเพลงกอ้ ม ก้อม เป็นภำษำโครำชและภำษำอีสำน แปลวำ่ ส้ัน เพลงกอ้ มหมำยถึง เพลงส้นั ๆ วำ่ โตต้ อบกล่ำว ลอย ๆ ท้งั ท่ีมีควำมหมำยลึกซ้ึง หรือไมม่ ีควำมหมำยเลยก็ไดว้ ฒั นธรรมไทยในปัจจุบนั ถูกแทนท่ีดว้ ยเพลง สมยั ใหม่ เด็กและเยำวชนหนั ไปสนใจเพลงสำกลมำกข้ึนทำใหศ้ ิลปะของไทยอนั งดงำมเริ่มจำงหำยไป แต่หำก ท่ำนใดท่ีมีโอกำสไดม้ ำยงั เมืองนครรำชสีมำหรือเรียกกนั ติดปำกวำ่ เมืองโครำช ท่ำนคงจะประจกั ษต์ อ่ สำยตำแลว้ วำ่ ควำมคิดที่กล่ำวในเบ้ืองตน้ ไมถ่ ูกตอ้ งเสมอไป กำรร่ำยร่ำของชำวชำยหญิงเหล่ำน้ีนอกจำกจะไดย้ นิ เสียงหวั เรำะและควำมเพลิดเพลินของผคู้ นท่ี สญั จรผำ่ นไปมำจะสำมำรถสัมผสั ไดแ้ ลว้ เน้ือเพลงยงั แฝงไปดว้ ยคติธรรมในกำรดำเนินชีวติ ท่ีดีงำมแมว้ ำ่ เน้ือ เพลง บำงวรรค บำงตอน จะขดั หูเพรำะมีคำหยำบรวนไปบำ้ ง แตน่ ้นั กเ็ ป็ นกำรบอกถึงกำรแสดงน้ี น้นั กค็ ือเพลงโครำช เด็กและเยำวชนในปัจจุบนั ไดห้ นั ไปสนใจกบั ส่ิงที่เป็นสำกลมำกข้ึนจนลืมไปวำ่ ไปวำ่ ศิลปะและ วฒั นธรรมในทอ้ งถิ่นตนเองทรงคุณค่ำและงดงำมเพยี งใด ช่ือผแู้ ตง่ มนตรี ตรำโมท (2497 : 45) ไดใ้ หค้ วำมหมำยของเพลงโครำช ไวว้ ำ่ มีลกั ษณะเช่นเดียวกบั เพลงพ้นื เมืองของทอ้ งถิ่นอ่ืน ๆ คือประกอบดว้ ยลำนำ อนั หมำยถึงควำมส้นั ยำวของ เสียง ทำนองหมำยถึงเสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ สลบั กนั ไป และจงั หวะคือส่วนแบ่งยอ่ ยท่ีเป็นระยะสม่ำเสมอ ซ่ึงไดแ้ ก่ 53
มำตรำ ซ่ึงส่วนประกอบท้งั สำมน้ีเป็นส่วนประกอบสำคญั ของเพลงพ้ืนเมืองถำ้ ขำดสวนใดส่วนหน่ึงไปจะเรียกวำ่ เพลงไม่ได้ ช่ือผแู้ ตง่ วเิ ชียร โตรำพิมำย (2521 : 140) ไดใ้ หค้ วำมหมำยของเพลงโครำช ไวว้ ำ่ รูปแบบของเพลงโครำชน้นั มีลกั ษณะแปลกไหจำกเพลงพ้นื เมืองประเภทอ่ืน ๆ ตรงที่บงั คบั ท้งั สัมผสั อกั ษร และสัมผสั สระ คณะของเพลงโครำชไม่จำกดั แน่นอน แตม่ ีกำรยดื หยนุ่ ไดต้ ำมควำมเหมำะสมเพลงรุ่นเก่ำ ชื่อผแู้ ตง่ พระครูโสภิตธรรมประยตุ ( อุดม อุตฺตมปญฺโญ / สงสุระ) ไดใ้ หค้ วำมหมำยของเพลง โครำช ไวว้ ำ่ เพลงโครำช (Phleng Korat or Korat Folksongs) หมำยถึง เพลงโครำชท่ีขบั เป็นทำนองทอ้ งถิ่น เฉพำะท่ีเป็นบทเพลง กลอน ซ่ึงประกอบดว้ ยเพลงกอ้ ม เพลงคู่ 2 เพลงคู่ 4 เพลงคู่ 6 เพลงคู่ 8 และเพลงคู่ 12 ท้งั เพลงรุ่นเก่ำและเพลงสมยั ใหม่ .(2555).ควำมหมำยเพลงโครำช//www.koratinfo.com/samapi/koratsong/index.htm ไดใ้ ห้ ควำมหมำยของเพลงโครำช ไวว้ ำ่ เพลงพ้นื บำ้ นของชำวนครรำชสีมำมีหลำยอยำ่ ง เช่น เพลงกล่อมลูกเพลงกลอง ยำว(เถิดเทิง) เพลงเซิ้งบ้งั ไฟเพลงแห่นำงแมว เพลงปี่ แกว้ เพลงหมง่ เหมง่ เพลงลำกไม้ เพลงเชิด เพลงชำ้ เจำ้ หงส์ ดงลำไย แต่เพลงท่ีเล่นกนั แพร่หลำย และมีอำยยุ นื ยำวมำจนถึงปัจจุบนั น้ี คือ เพลงโครำช จะเห็นไดว้ ำ่ จำกขอ้ มูลควำมหมำยเพลงโครำชของเอกสำรที่เก่ียวขอ้ งท้งั 5 เล่ม ดงั กล่ำว ที่ กล่ำวไว้ สำมำรถสรุปไดว้ ำ่ เพลงโครำช เป็นกำรร้องระหวำ่ งชำยหญิง คลำ้ ยกนั ตรึม และหมอลำ แต่ไมม่ ี ดนตรีประกอบ ใชว้ ำทศิลป์ เพียงอยำ่ งเดียว และปรบมือเพื่อกำกบั จงั หวะ 1.1.2 จำกกำรสมั ภำษณ์ภูมิปัญญำ จำนวน 5 คน ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมหมำยของเพลงโครำชไวด้ งั น้ี กำป่ัน บำ้ นแทน่ (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมหมำยของเพลงโครำชไวข้ ณะท่ีสัมภำษณ์ภูมิปัญญำ เรื่อง ควำมหมำยของเพลงโครำช ในวนั ท่ี 27 เดือน สิงหำคม พ.ศ. 2555 ณ บำ้ นเลขท่ี 334 ถนนจิระ ตำบล ในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ เวลำ 13.00 น. ไวว้ ำ่ “เพลงพ้ืนบำ้ นโครำชมีลกั ษณะ เพลงที่ร้องเป็ นเพลงกอ้ มหรือเพลงคู่สอง ของชำวนครรำชสีมำ มีหลำยอยำ่ ง เช่นเพลงกล่อมลูก เพลงกลองยำว (เถิดเทิง) เพลงเซิ้งบ้งั ไฟ และเพลงแห่นำงแมว ” กำเหวำ่ โชคชยั (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมหมำยของเพลงโครำชไวข้ ณะที่สัมภำษณ์ภูมิ ปัญญำเร่ือง ควำมหมำยของเพลงโครำช ในวนั ท่ี 27 เดือน สิงหำคม พ.ศ. 2555 ณ บำ้ นเลขท่ี 334 ถนนจิระ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ เวลำ 13.00 น. ไวว้ ำ่ “ เป็นเพลงของชำวบำ้ นที่ ร้องเล่นกนั ในยำมวำ่ งงำนเพ่ือควำมสนุกสนำน เช่นในงำนลงแขกเก่ียวขำ้ ว หรือพบปะพูดคุยกนั ในวงสุรำ ชำวบำ้ นท่ีวำ่ เพลงไดจ้ ะวำ่ เพลงเพอ่ื ควำมสนุกสนำนไม่มีพิธีรีตรอง ” เลำะ บำ้ นแท่น (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมหมำยของเพลงโครำชไวข้ ณะที่สัมภำษณ์ภูมิปัญญำเรื่อง ควำมหมำยของเพลงโครำช ในวนั ท่ี 27 เดือน สิงหำคม พ.ศ. 2555 ณ ลำนอนุสำวรียท์ ำ้ วสุรนำรี ถนนรำช ดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ เวลำ 16.00น. ไวว้ ำ่ “เป็นเพลงของ ชำวบำ้ นท่ีร้องเล่นกนั ในยำมวำ่ งงำนเพื่อควำมสนุกสนำน เช่นในงำนลงแขกเก่ียวขำ้ ว หรือพบปะพูดคุยกนั ในวง สุรำ ชำวบำ้ นที่วำ่ เพลงไดจ้ ะวำ่ เพลงเพอื่ ควำมสนุกสนำนไมม่ ีพธิ ีรีตรอง” 54
ลำไย หนองม่วง (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมหมำยของเพลงโครำชไวข้ ณะที่สัมภำษณ์ภูมิปัญญำ เร่ือง ควำมหมำยของเพลงโครำช ในวนั ที่ 27 เดือน สิงหำคม พ.ศ. 2555 ณ ลำนอนุสำวรียท์ ำ้ วสุรนำรี ถนน รำชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ เวลำ 16.00 น.ไวว้ ำ่ “เป็นเพลงพ้นื บำ้ น เพลงกอ้ มหรือเพลงคู่สอง ของชำวโครำช นิยมเล่นกนั แพร่หลำยและมีอำยยุ นื ยำวมำจนถึงปัจจุบนั ” สวำ่ ง บำ้ นดอนผวำ (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมหมำยของเพลงโครำชไวข้ ณะที่สัมภำษณ์ภูมิ ปัญญำเร่ือง ควำมหมำยของเพลงโครำช ในวนั ท่ี 27 เดือน สิงหำคม พ.ศ. 2555 ณ ลำนอนุสำวรียท์ ำ้ วสุรนำรี ถนนรำชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ เวลำ 16.00 น.ไว้ “เป็นเพลงกอ้ ม มีหลำกหลำยรส ท้งั คำสง่ั สอน คำด่ำ กระทบกระเทียบเปรียบเปรย และกล่ำวเป็นนยั ถึงเร่ืองเพศ บำงคนฟังไม่ได้ เพรำะเห็นวำ่ หยำบโลนเกินไป” จะเห็นไดว้ ำ่ จำกขอ้ มูลควำมหมำยเพลงโครำชของภูมิปัญญำท้งั 5 คน ดงั กล่ำว ท่ีกล่ำวไว้ สำมำรถ สรุปไดว้ ำ่ เพลงโครำช หมำยถึงเพลงร้องโตต้ อบชำยหญิง เป็นเพลงพ้ืนบำ้ นชนิดหน่ึงชองชำวไทยโครำช มีรูปแบบเน้ือหำ และกำรเล่นเพลงเป็นเอกลกั ษณ์ อนั สะทอ้ นใหเ้ ห็นโลกทศั น์ ค่ำนิยม และวฒั นธรรมบำงประกำร ของชำวไทยโครำช 1.2. ควำมหมำยของ หมอเพลงโครำช 1.2.1 จำกกำรศึกษำเอกสำรท่ีเก่ียวขอ้ ง ช่ือผแู้ ต่ง พระครูโสภิตธรรมประยตุ ( อุดม อุตฺตมปญฺโญ / สงสุระ) ไดใ้ หค้ วำมหมำยขอ หมอเพลงโครำชไวว้ ำ่ หมอเพลงโครำช (The Singers) หมำยถึง ผรู้ ้องเพลงโครำช ซ่ึงประกอบดว้ ยฝ่ ำยชำยและ ฝ่ ำยหญิง เพอื่ ขบั ร้องเพลงโครำช และ บทกลอน อนั เกี่ยวกบั เพลงโครำช ช่ือผแู้ ตง่ ถำวร สุบงกช ไดใ้ หค้ วำมหมำยของหมอเพลง ไวว้ ำ่ หมอเพลง หมำยถึง ผทู้ ี่มี ลกั ษณะรูปร่ำงสง่ำงำม มีสติปัญญำ และเป็ นผทู้ ่ีร่ำเริง ชงั พดู กลำ้ แสดงออก มีควำมสำมำรถเฉพำะตวั ในดำ้ นกำร จดั เพลง .(2555).ควำมหมำยหมอเพลงโครำช www.stjohn.ac.th/Department/internet_rally/rally5_47/IT_cul/ .. ไดใ้ หค้ วำมหมำยของหมอเพลงโครำชวำ่ ชำยหญิง ปะทะคำรมกนั ในดำ้ นสำนวนโวหำร ส่ิงสำคญั ของกำรร้อง คือ กำรดน้ กลอนสด ร้องแกก้ นั ดว้ ยปฏิภำณไหวพริบ ทำใหเ้ กิดควำมสนุกสนำนท้งั สองฝ่ ำ เป็นเน้ือควำมของ เพลงพ้ืนเมืองที่นิยมร้องกนั .(2555).ควำมหมำยหมอเพลงโครำช .www.koratinfo.com/samapi/koratsong/koratsng1.htm ไดใ้ หค้ วำมหมำยของหมอเพลงโครำชวำ่ ผปู้ ระกอบอำชีพเพลงโครำชที่เล่นเป็นอำชีพ ไดร้ ับกำรวำ่ จำ้ งเป็นเงิน ตำมรำคำที่กำหนดเพลงจะเล่นในงำนฉลองหรือสมโภชต่ำง ๆ เช่น งำนศพ งำนบวชนำค ทอดกฐินงำนประจำปี หรือเล่นแกบ้ น .(2555).ควำมหมำยหมอเพลงโครำช.www.koratinfo.com/samapi/koratsong/index.htm ไดใ้ ห้ ควำมหมำยของหมอเพลงโครำชวำ่ เพลงโครำชที่เล่นเป็ นอำชีพ มีกำรวำ่ จำ้ งเป็นเงินตำมรำคำที่กำหนด เพลง ประเภทน้ีจะเล่นในงำนฉลองหรือสมโภชตำ่ ง ๆ เช่น งำนศพ งำนบวชนำค ทอดกฐินงำนประจำปี หรือเล่นแก้ 55
บน ผปู้ ระกอบอำชีพเพลงโครำชน้ีเรียกวำ่ \" หมอเพลง\" กำรเล่นจะเล่นเป็นพธิ ีกำร มีเวที กำรแต่งกำยตำมแบบ ของหมอเพลงและมีกำรยกครู จะเห็นไดว้ ำ่ จำกขอ้ มูลควำมหมำยหมอเพลงโครำชของเอกสำรท่ีเกี่ยวขอ้ งท้งั 5 เล่ม ดงั กล่ำว ที่ กล่ำวไว้ สำมำรถสรุปไดว้ ำ่ หมอเพลง หมำยถึงนกั ร้องเพลงโครำช ในอดีตหมอเพลงรุ่นใหญห่ รือหมอเพลง อำวโุ ส คือ หมอเพลงอำยุ 50 ปี ข้ึนไปจะตอ้ งเป็นผูร้ ู้และมีควำมสำมำรถในกำรเล่นเพลงอยำ่ งมำก แตป่ ัจจุบนั นิยมใชเ้ รียกผทู้ ่ีประกอบอำชีพหมอเพลงรุ่นเลก็ คือหมอเพลงที่อำยุ 50 ปี ลงมำเป็นนกั ร้องเพลงโครำชซ่ึงแบ่งตำม อำยแุ ละประสบกำรณ์ 1.3. ควำมหมำยของหมอเพลงโครำช จำกกำรสัมภำษณ์ กำป่ัน บำ้ นแทน่ (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมหมำยของหมอเพลงโครำชไวข้ ณะที่สมั ภำษณ์ภูมิปัญญำเรื่อง ควำมหมำยของหมอเพลงโครำช ในวนั ที่ 27 เดือน สิงหำคม พ.ศ. 2555 ณ บำ้ นเลขท่ี 334 ถนน จิระ ตำบล ในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ เวลำ 13.00 น. ไวว้ ำ่ “ผชู้ ำยหรือผหู้ ญิงที่มีกำรฝึกฝนหดั ร้องกลอน เพลงด่น มีปฏิภำณไหวพริบในกำรต่อกลอนได้ และสำมำรถแตง่ สดๆตอ่ เหตุกำรณ์ท่ีเกิดข้ึน” กำเหวำ่ โชคชยั (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมหมำยของเพลงโครำชไวข้ ณะท่ีสัมภำษณ์ภูมิ ปัญญำเรื่อง ควำมหมำยของหมอเพลงโครำช ในวนั ท่ี 27 เดือน สิงหำคม พ.ศ. 2555 ณ บำ้ นเลขที่ 334 ถนน จิระ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ เวลำ 13.00 น. ไวว้ ำ่ “ เป็นผทู้ ่ีมีใจรัก มี ควำมอดทน ขยนั ในกำรฝึกร้อง และสำมำรถโตต้ อบกบั คู่ในกำรร้องเพลงโครำช” เลำะ บำ้ นแท่น (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมหมำยของหมอเพลงโครำชไวข้ ณะที่สมั ภำษณ์ภูมิ ปัญญำเร่ือง ควำมหมำยของหมอเพลงโครำช ในวนั ที่ 27 เดือน สิงหำคม พ.ศ. 2555 ณ ลำนอนุสำวรียท์ ำ้ วสุร นำรี ถนนรำชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ เวลำ 16.00น. ไวว้ ำ่ “เป็น ชำวบำ้ นที่มีใจรักท่ีร้องเล่นกนั ในยำมวำ่ งงำนเพื่อควำมสนุกสนำน เช่นในงำนลงแขกเกี่ยวขำ้ ว หรือพบปะพูดคุย กนั ในวงสุรำ ชำวบำ้ นที่วำ่ เพลงไดจ้ ะวำ่ เพลงเพื่อควำมสนุกสนำนไมม่ ีพิธีรีตรอง ” ลำไย หนองม่วง (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมหมำยของหมอเพลงโครำชไวข้ ณะที่สมั ภำษณ์ภูมิ ปัญญำเร่ือง ควำมหมำยของหมอเพลงโครำช ในวนั ที่ 27 เดือน สิงหำคม พ.ศ. 2555 ณ ลำนอนุสำวรียท์ ำ้ วสุร นำรี ถนนรำชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ เวลำ 16.00 น.ไวว้ ำ่ “ ผทู้ ่ีรัก ในกำรร้องเพลงโครำช ร้องกลอน โตต้ อบได้ อดทน ขยนั ร้องกลอน ” สวำ่ ง บำ้ นดอนผวำ (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมหมำยของหมอเพลงโครำชไวข้ ณะท่ีสัมภำษณ์ภูมิ ปัญญำเรื่อง ควำมหมำยของหมอเพลงโครำช ในวนั ที่ 27 เดือน สิงหำคม พ.ศ. 2555 ณ ลำนอนุสำวรียท์ ำ้ วสุร นำรี ถนนรำชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ เวลำ 16.00 น.ไว้ หมอเพลง โครำช หมำยถึง ผรู้ ้องเพลงโครำช ซ่ึงประกอบดว้ ยฝ่ ำยชำยและฝ่ ำยหญิง เพื่อขบั ร้องเพลงโครำช และ บทกลอน อนั เก่ียวกบั เพลงโครำช จะเห็นไดว้ ำ่ จำกขอ้ มูลควำมหมำยหมอเพลงโครำชของภูมิปัญญำท้งั 5 คน ดงั กล่ำว ท่ีกล่ำวไว้ สำมำรถสรุปไดว้ ำ่ คนท่ีรู้เพลงโครำช ผทู้ ่ีมีควำมรู้เรื่องเพลงโครำชหำกใครไดม้ ำศึกษำเพลงโครำช จะรักอยำ่ งจบั 56
จิตจบั ใจผมู้ ีควำมรู้ เช่น หมอมวย หมอผี คนไหนอยำกรู้เรื่องเพลงโครำช ตอ้ งไปช่วยครูเล้ียงหมู ช่วยทำนำ 2-3 ปี 1.2 ประวตั ิควำมเป็นมำของเพลงโครำช 1.2.1 จำกกำรศึกษำเอกสำรท่ีเก่ียวขอ้ ง ตำนำนของเพลงโครำชน้นั ผรู้ ู้และหมอเพลงเล่ำใหฟ้ ังวำ่ มีนำยพรำนคนหน่ึงชื่อ เพชรนอ้ ย ออกไปล่ำสตั วใ์ นป่ ำ เขตหนองบุญนำก อำเภอโชคชยั จงั หวดั นครรำชสีมำ คืนหน่ึงแกไปพบลูกสำว พญำนำคข้ึนมำจำกหนองน้ำ มำนงั่ ร้องเพลงคนเดียว พรำนเพชรนอ้ ย ไดย้ นิ เสียงจึงแอบเขำ้ ไปฟังใกล้ ๆ แก ประทบั ใจในควำมไพเรำะและเน้ือหำของเพลง จึงจำเน้ือและทำนองมำร้องให้คนอ่ืนฟัง ลกั ษณะเพลงที่ร้องเป็น เพลงกอ้ ม หรือเพลงคูส่ อง (สุวจั น์ ลิปตพลั ลภ. 2542 : 140) อีกตำนำนหน่ึงเล่ำวำ่ ชำวโครำชไดเ้ พลงโครำชมำจำกอินเดีย โดยพระยำเขม็ เพชรเป็ นผู้ นำมำ พร้อม ๆ กบั ลิเก และลำตดั โดยใหล้ ิเกอยกู่ รุงเทพฯ ลำตดั อยภู่ ำคกลำง และเพลงโครำชอยทู่ ี่นครรำชสีมำ เพลงโครำชระยะแรก ๆ เป็ นแบบเพลงกอ้ ม คนท่ีเรียนรู้เพลงโครำช จำกพระยำเขม็ เพชร ชื่อตำจนั บำ้ นสก อยู่ \"ซุมบำ้ นสก\" ติดกบั สถำนีรถไฟชุมทำงถนนจิระ ตำนำนท้งั สองถึงแมจ้ ะต่ำงกนั ในดำ้ นกำเนิดแตต่ รงกนั อยำ่ ง หน่ึงที่กล่ำววำ่ เพลงโครำชระยะแรกเล่นแบบเพลงกอ้ ม (สุวจั น์ ลิปตพลั ลภ. 2542 : 140) .(2555).ควำมหมำยประวตั ิเพลงโครำช http://www.geocities.com/koracha130/pako.htm ไดใ้ หค้ วำมหมำยของประวตั ิเพลงโครำชวำ่ ประวตั ิของเพลงโครำชน้นั มีกำรเล่ำขำนกนั มำวำ่ มีนำยพรำนคนหน่ึง ช่ือ เพชรนอ้ ย ออกไปล่ำสัตว์ ในเขตหนองบุนนำก บำ้ นหนองบุนนำก อำเภอโชคชยั จงั หวดั นครรำชสีมำ คืนหน่ึง แกไปพบลูกสำวพญำนำค ข้ึนมำจำกหนองน้ำ มำนงั่ ร้องเพลงคนเดียว พรำนเพชรนอ้ ยไดย้ นิ เสียง จึงแอบเขำ้ ไป ฟังใกล้ ๆ แกประทบั ใจ ในควำมไพเรำะ และเน้ือหำของเพลง จึงจำเน้ือและทำนองมำร้องใหค้ นอ่ืนฟัง ลกั ษณะ เพลงท่ีร้องเป็ นเพลงกอ้ ม หรือเพลงคูส่ อง อีก ตำนำนหน่ึงเล่ำวำ่ ชำวโครำชไดเ้ พลงโครำชมำจำกอินเดีย โดยพระยำเขม็ เพชรเป็ นผูน้ ำมำพร้อมๆ กบั ลิเก และลำตดั โดยใหล้ ิเกอยกู่ รุงเทพฯ ลำตดั อยภู่ ำคกลำง และเพลงโครำชอยทู่ ่ีนครรำชสีมำ เพลงโครำช ระยะแรกๆ เป็นแบบเพลงกอ้ ม คนท่ีเรียนรู้เพลงโครำช จำกพระยำเขม็ เพชร ช่ือตำจนั บำ้ นสก อยู่ \"ซุมบำ้ นสก\" ติดกบั สถำนีรถไฟชุมทำงถนนจิระ ตำนำนท้งั สองถึงแมจ้ ะต่ำงกนั ในดำ้ นกำเนิดแต่ตรงกนั อยำ่ งหน่ึงที่กล่ำววำ่ เพลงโครำชระยะแรกเล่นแบบ เพลงกอ้ ม กอ้ ม เป็นภำษำโครำชและภำษำอีสำน แปลวำ่ ส้นั เพลงกอ้ มหมำยถึง เพลงส้นั ๆ วำ่ โตต้ อบกล่ำวลอย ๆ ท้งั ที่มีควำมหมำยลึกซ้ึง หรือไม่มีควำมหมำยเลยก็ได้ เพลงโครำชจะเร่ิมเล่นต้งั แตเ่ ม่ือใด ไมป่ รำกฏหลกั ฐำนท่ีแน่ชดั หลกั ฐำนจำกคำบอกเล่ำต่อ ๆ กนั มำ มี เพียงวำ่ สมยั ทำ้ วสุรนำรี ( คุณยำ่ โม ) ยงั มีชีวติ อยู่ ( พ.ศ. 2313 ถึง 2395 ) ท่ำนชอบเพลงโครำชมำก เรื่องรำวของ 57
เพลงโครำชไดป้ รำกฏหลดั ฐำนชดั เจน คือในปี พ.ศ. 2456 ที่สมเด็จพระศรีพชั รินทรำบรมรำชินีนำถ พระรำชชนนี พนั ปี หลวง เสด็จมำนครรำชสีมำทรงเปิ ดถนนจอมสุรำงคย์ ำตร์ และเสดจ็ ไปพิมำย ในโอกำสรับเสด็จคร้ังน้นั หมอ เพลงชำยรุ่นเก่ำช่ือเสียงโด่งดงั มำกช่ือนำยหรี่ บำ้ นสวนข่ำ ไดม้ ีโอกำสเล่นเพลงโครำชถวำย เพลงท่ีเล่นใชเ้ พลง หลกั เช่น กลอนเพลงที่วำ่ \" ขำ้ พเจำ้ นำยหรี่อยบู่ ุรีโครำชเป็นนกั เลงเพลงหดั บำ่ วพระยำกำแหง ฯ เจำ้ คุณเทศำ ท่ำนต้งั ใหเ้ ป็ นขนุ นำง .....ตำแหน่ง \" ควำมอีกตอนเอ่ยถึงกำรรับเสด็จวำ่ \" ไดส้ ดบั วำ่ จะรับเสด็จเพ่ือเฉลิมพระเดชพระจอมแผน่ ดิน โห่สำมลำ ฮำสำมหลน่ั เสียงสนนั่ ....ธำนินทร์ \" ( สมเด็จพระพนั ปี หลวง ทรงเป็นผบู้ งั คบั กำรพิเศษประจำกรมทหำรมำ้ นครรำชสีมำ จนถึง พ.ศ. 2462 เมื่อเสด็จ นครรำชสีมำ นำยหรี่ สวนขำ่ กม็ ีโอกำสเล่นเพลงถวำย ) เพลงโครำชมีโอกำสเล่นถวำยหนำ้ พระท่ีนง่ั ในงำน ชุมนุมลูกเสือคร้ังที่ 1 ในนำมกำรแสดงมหรสพของมณฑลนครรำชสีมำ เก่ียวกบั กำเนิดของเพลงโครำช มีท้งั ที่ เป็นคำเล่ำและตำนำนหลกั ฐำนจำกคำบอกเล่ำของหมอเพลงอีกจำนวนหน่ึงเล่ำต่อ ๆ กนั มำวำ่ ในสมยั รัตนโกสินทร์มีสงครำมระหวำ่ งไทยกบั เขมร เม่ือไทยชนะสงครำมเขมรคร้ังไร ชำวบำ้ นจะมีกำรเฉลิมฉลองชยั ชนะ ดว้ ยกำรขบั ร้องและร่ำยรำกนั ในหมู่สกท่ีเขำเรียกวำ่ \" ซุมบำ้ นสก \" ใกล้ ๆ กบั ชุมทำงรถไฟ ถนนจิระและเริ่ม เล่นเพลงโครำชกนั ท่ีหมูบ่ ำ้ นน้ี ท่ำทำงกำรรำรุกรำถอย และกำรป้องหู มีผสู้ นั นิษฐำนวำ่ ประยกุ ตม์ ำจำกกำรเล่น เจรียง ที่เป็นเพลงพ้ืนบำ้ นของชำวสุรินทร์ผสมผสำน กบั เพลงทรงเคร่ืองของภำคกลำง ชื่อผแู้ ต่ง ถำวร สุบงกช ไดใ้ หค้ วำมหมำยของประวตั ิเพลงโครำชไวว้ ำ่ ประวตั ิของเพลงโครำชน้นั มีกำร เล่ำขำนกนั มำวำ่ มีนำยพรำนคนหน่ึงช่ือ เพชรนอ้ ย ออกไปล่ำสตั ว์ ในเขตหนองบุนนำก บำ้ นหนองบุนนำก อำเภอโชคชยั จงั หวดั นครรำชสีมำ คืนหน่ึงแกไปพบลูกสำวพญำนำค ข้ึนมำจำกหนองน้ำ มำนงั่ ร้องเพลงคนเดียว พรำนเพชรนอ้ ยไดย้ นิ เสียง จึงแอบเขำ้ ไปฟังใกล้ ๆ แกประทบั ใจ ในควำมไพเรำะ และเน้ือหำของเพลง จึงจำเน้ือ และทำนองมำร้องใหค้ นอ่ืนฟัง ลกั ษณะเพลงที่ร้องเป็นเพลงกอ้ ม หรือเพลงคูส่ อง อีกตำนำนหน่ึงเล่ำวำ่ ชำวโครำชไดเ้ พลงโครำชมำจำกอินเดีย โดยพระยำเขม็ เพชรเป็นผูน้ ำมำพร้อมๆ กบั ลิเก และลำตดั โดยใหล้ ิเกอยกู่ รุงเทพฯ ลำตดั อยภู่ ำคกลำง และเพลงโครำชอยทู่ ี่นครรำชสีมำ เพลงโครำช ระยะแรกๆ เป็นแบบเพลงกอ้ ม คนที่เรียนรู้เพลงโครำช จำกพระยำเขม็ เพชร ชื่อตำจนั บำ้ นสก อยู่ \"ซุมบำ้ นสก\" ติดกบั สถำนีรถไฟชุมทำงถนนจิระ ตำนำนท้งั สองถึงเมจ้ ะต่ำงกนั ในดำ้ นกำเนิดแต่ตรงกนั อยำ่ งหน่ึงท่ีกล่ำววำ่ เพลงโครำชระยะแรกเล่นแบบเพลงกอ้ ม กอ้ ม เป็นภำษำโครำชและภำษำอีสำน แปลวำ่ ส้นั เพลงกอ้ มหมำยถึง เพลงส้นั ๆ วำ่ โตต้ อบกล่ำวลอย ๆ ท้งั ที่มีควำมหมำยลึกซ้ึง หรือไม่มีควำมหมำยเลยกไ็ ด้ เพลงโครำชจะเร่ิมเล่นต้งั แต่เมื่อใด ไม่ปรำกฏหลกั ฐำนท่ีแน่ ชดั หลกั ฐำนจำกคำบอกเล่ำต่อ ๆ กนั มำ มีเพยี งวำ่ สมยั ทำ้ วสุรนำรี ( คุณยำ่ โม ) ยงั มีชีวติ อยู่ ( พ.ศ. 2313 ถึง 2395 ) ทำ่ นชอบเพลงโครำชมำก เรื่องรำวของเพลงโครำชไดป้ รำกฏหลดั ฐำนชดั เจน คือในปี พ.ศ. 2456 ท่ีสมเด็จพระศรี พชั รินทรำบรมรำชินีนำถ พระรำชชนนีพนั ปี หลวง เสด็จมำนครรำชสีมำทรงเปิ ดถนนจอมสุรำงคย์ ำตร์ และเสด็จ 58
ไปพิมำย ในโอกำสรับเสด็จคร้ังน้นั หมอเพลงชำยรุ่นเก่ำชื่อเสียงโด่งดงั มำกช่ือนำยหรี่ บำ้ นสวนข่ำ ไดม้ ีโอกำส เล่นเพลงโครำชถวำย เพลงที่เล่นใชเ้ พลงหลกั เช่น กลอนเพลงที่วำ่ \" ขำ้ พเจำ้ นำยหรี่อยบู่ ุรีโครำชเป็นนกั เลงเพลงหดั บ่ำวพระยำกำแหง ฯ เจำ้ คุณเทศำ ท่ำนต้งั ใหเ้ ป็นขนุ นำง ..... ตำแหน่ง \" ควำมอีกตอนเอ่ยถึงกำรรับเสดจ็ วำ่ \" ไดส้ ดบั วำ่ จะรับเสดจ็ เพือ่ เฉลิมพระเดชพระจอมแผน่ ดิน โห่สำม ลำ ฮำสำมหลนั่ เสียงสนนั่ ....ธำนินทร์ \" ( สมเดจ็ พระพนั ปี หลวง ทรงเป็นผบู้ งั คบั กำรพเิ ศษประจำกรมทหำรมำ้ นครรำชสีมำ จนถึง พ.ศ. 2462 เม่ือเสด็จนครรำชสีมำ นำยหร่ี สวนข่ำ กม็ ีโอกำสเล่นเพลง ถวำย ) เพลงโครำชมี โอกำสเล่นถวำยหนำ้ พระท่ีนงั่ ในงำนชุมนุมลูกเสือคร้ังที่ 1 ในนำมกำรแสดงมหรสพของมณฑลนครรำชสีมำ เกี่ยวกบั กำเนิดของเพลงโครำช มีท้งั ท่ีเป็นคำเล่ำและตำนำนหลกั ฐำนจำกคำบอกเล่ำของหมอเพลงอีกจำนวนหน่ึง เล่ำตอ่ ๆ กนั มำวำ่ ในสมยั รัตนโกสินทร์มีสงครำมระหวำ่ งไทยกบั เขมร เม่ือไทยชนะสงครำมเขมรคร้ังไร ชำวบำ้ น จะมีกำรเฉลิมฉลองชยั ชนะ ดว้ ยกำรขบั ร้องและร่ำยรำกนั ในหมูส่ กที่เขำเรียกวำ่ \" ซุมบำ้ นสก \" ใกล้ ๆ กบั ชุมทำง รถไฟ ถนนจิระและเริ่มเล่นเพลงโครำชกนั ที่หมูบ่ ำ้ นน้ี ทำ่ ทำงกำรรำรุกรำถอย และกำรป้องหู มีผสู้ ันนิษฐำนวำ่ ประยกุ ตม์ ำจำกกำรเล่นเจรียง ท่ีเป็นเพลงพ้ืนบำ้ นของชำวสุรินทร์ผสมผสำน กบั เพลงทรงเคร่ืองของภำคกลำง ช่ือผแู้ ตง่ พระครูโสภิตธรรมประยตุ ( อุดม อุตฺตมปญฺโญ / สงสุระ) ไดใ้ หค้ วำมหมำยของประวตั ิเพลง โครำชไวว้ ำ่ ตำนำนเพลงโครำชสมยั ก่อนน้นั เพลงโครำชเป็นท่ีนิยมมำก เพรำะกำรแสดงมหรสพ ท่ีเป็นหวั ใจ ของงำนฉลองสมโภชใด ๆ ก็ตำม จะมีเพลงโครำชเพยี งอยำ่ งเดียว คนฟังเพลงกม็ ีเวลำมำก ฟังกนั ต้งั แต่หวั ค่ำจนรุ่ง เชำ้ เมื่อหมอเพลงเล่นเพลงลำ คือ ลำผฟู้ ังลำเจำ้ ภำพ และเพอื่ นหมอเพลงดว้ ยกนั จะมีป่ี พำทย์ ฆอ้ ง กลอง บรรเลง รับ หมอเพลงจะรำตำมกนั ไปยงั บำ้ นเจำ้ ภำพ เจำ้ ภำพกน็ ำเงินค่ำหมอเพลงมำให้ พร้อมท้งั เล้ียงขำ้ วปลำ อำหำร และห่อขำ้ ว ของกินต่ำง ๆ ใหเ้ ป็นเสบียง ในกำรเดินทำงกลบั คนฟังจะอยรู่ ่วมฟังงำน จนเสร็จสิ้นกระบวนกำร จึง ทยอยกลบั เช่นกนั เพลงโครำชสมยั ก่อน ไดไ้ ปเล่นหลำยจงั หวดั เช่น บุรีรัมย์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลกสุรินทร์ ตลอด จนถึงประเทศกมั พชู ำ สำหรับจงั หวดั ตำ่ ง ๆ ในภำคกลำง ก็ไปเล่นเป็นคร้ังครำวปัจจุบนั ค่ำนิยมของผฟู้ ัง เปล่ียนแปลงไปมำก แมแ้ ต่ผูฟ้ ัง ในจงั หวดั นครรำชสีมำเอง ก็เสื่อมควำมนิยมลงมำก บำ้ งกเ็ ห็นวำ่ เพลงโครำช เป็นเพลงหยำบคำย และไมน่ ่ำสนใจ แมท้ ำงรำชกำรส่งเสริม ใหน้ ำออกแสดง ทำงวทิ ยกุ ระจำยเสียงแห่งประเทศ ไทย จงั หวดั นครรำชสีมำก็ตอ้ งผำ่ นกำรตรวจ อยำ่ งรัดกมุ จะใชภ้ ำษำตรง ๆ เหมือนสมยั ก่อนไม่ไดถ้ ือวำ่ ไม่ เหมำะสมในกำรจดั งำนฉลองสมโภชใดๆ มกั จะมีมหรสพอื่นๆ เป็นคู่แข่งมำกมำย เช่นภำพยนตร์ มวย เพลงลูกทุง่ ลิเก และรำวง เพลงโครำชจึง เป็นที่สนใจ สำหรับผฟู้ ังรุ่นเก่ำท่ีมีอำยคุ ่อนขำ้ งสูงแทบท้งั น้นั หมอเพลงโครำช ไดร้ วมตวั กนั เป็นคณะเพลงโครำช หลำยคณะ และเขำ้ มำต้งั สำนกั งำนคณะ อยใู่ นอำเภอเมืองเป็นส่วนใหญ่ เพอ่ื ควำมสะดวก สำหรับมำติดต่อ หำเพลงไปเล่น หมอเพลงโครำช ตอ้ งเล่นเพลงประยกุ ต์ ตำมใจผฟู้ ัง เช่น เล่นเพลง หมอลำ เล่น เพลงลำตดั และเพลงลูกทุ่ง พดู ถึงทำ่ รำแตกต่ำงกนั ไป มีเพลงโครำชของคณะทองสุขกำปัง ท่ี ประยกุ ต์ เล่นแบบลำเพลิน คือนำเอำดนตรีสำกล เขำ้ มำประกอบ แต่ยงั ไม่เป็นท่ีแพร่หลำยนกั กำรรวมตวั กนั เป็ น คณะเพลงโครำชปัจจุบนั น้นั นำงสองเมือง อินทรกำแหง เป็นผรู้ ิเร่ิมต้งั ข้ึนเป็ นคนแรก เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ต้งั อยทู่ ่ี ถนนสุรนำรำยณ์และต่อมำก็มีคณะต่ำง ๆต้งั ข้ึนอีกหลำยคณะ ขอ้ ดีคือ ทำใหส้ ะดวก ในกำรติดต่อจำ้ งไปเล่น ขอ้ 59
ไมด่ ีคือ เม่ือหมอเพลงอยคู่ ณะเดียวกนั กร็ ู้ช้นั เชิงและฝีปำกกนั ทำใหฟ้ ัง ไมส่ นุกสนำน มีผพู้ ยำยำมจะรวมคณะ เพลงโครำชต่ำงๆ ก่อต้งั เป็นสมำคมเพลงโครำช แตย่ งั ไม่ไดร้ ับควำมร่วมมือจำกหมอเพลงเท่ำท่ีควรจำกควำมเช่ือ ที่วำ่ ทำ่ นทำ้ วสุรนำรี ( คุณหญิงโม หรือ ยำ่ โมท่ีชำวบำ้ นเรียกทำ่ น ) ชอบเพลงโครำช ในสมยั ที่ทำ่ นมีชีวติ อยู่ จึงมี ผหู้ ำเพลงโครำชไปเล่นใหท้ ่ำนฟัง เป็นกำรแกบ้ น ณ บริเวณใกล้ ๆ กบั อนุสำวรีย์ ในตอนกลำงคืนเป็นประจำ อำจ เป็นปัจจยั หน่ึง ท่ีทำใหค้ นรุ่นใหม่ ไดร้ ู้จกั เพลงโครำช และหมอเพลงมีรำยไดป้ ระจำ แต่ก็มีผสู้ นใจไปฟังไมม่ ำก นกั พดู ถึงกำรดำเนินชีวติ ของหมอเพลงรุ่นปัจจุบนั ส่วนใหญ่อำชีพทำนำ และเล่นเพลงเป็นอำชีพรองแตห่ มอ เพลง ท่ีมีช่ือเสียงเช่น ลอยชำย แพรกระโทก, ลำดวน จกั รำช, ทองสุข กำปัง, นกนอ้ ย วงั มว่ ง, รำไพ หวั รถไฟ ตำ่ ง กล่ำวเป็นเสียงเดียวกนั วำ่ กำรประกอบอำชีพ ของหมอเพลงโครำชยงั ทำรำยไดด้ ี ยงั เป็นอำชีพท่ีมน่ั คงอยู่ หมอ เพลงดงั กล่ำวน้ี แมจ้ ะประกอบอำชีพอื่นเช่น ทำนำ ทำไร่ เป็นนกั ธุรกิจ แตอ่ ำชีพหลกั คือ เล่นเพลงโครำช๒ ชื่อผแู้ ต่ง วกิ ิพีเดีย สำรำนุกรมเสรี ไดใ้ หค้ วำมหมำยของประวตั ิเพลงโครำชไวว้ ำ่ เพลงโครำชจะเริ่มเล่น ต้งั แต่เมื่อใด ไมป่ รำกฏหลกั ฐำนที่แน่ชดั หลกั ฐำนจำกคำบอกเล่ำต่อ ๆ กนั มำ มีเพียงวำ่ สมยั ทำ้ ว สุรนำรี ( คุณยำ่ โม ) ยงั มีชีวติ อยู่ ( พ.ศ. 2313 ถึง 2395 ) ทำ่ นชอบเพลงโครำชมำก เร่ืองรำวของเพลงโครำชไดป้ รำกฏหลดั ฐำน ชดั เจน คือในปี พ.ศ. 2456 ที่สมเดจ็ พระศรีพชั รินทรำบรมรำชินีนำถ พระรำชชนนีพนั ปี หลวง เสดจ็ มำ นครรำชสีมำทรงเปิ ดถนนจอมสุรำงคย์ ำตร์ และเสด็จไปพิมำย ในโอกำสรับเสด็จคร้ังน้นั หมอเพลงชำยรุ่นเก่ำ ชื่อเสียงโด่งดงั มำกชื่อนำยหรี่ บำ้ นสวนขำ่ ไดม้ ีโอกำสเล่นเพลงโครำชถวำย เพลงที่เล่นใชเ้ พลงหลกั เช่น กลอน เพลงท่ีวำ่ \" ขำ้ พเจำ้ นำยหร่ีอยบู่ ุรีโครำชเป็ นนกั เลงเพลงหดั บ่ำวพระยำกำแหง ฯ เจำ้ คุณเทศำ ท่ำนต้งั ใหเ้ ป็ นขนุ นำง .....ตำแหน่ง \" ควำมอีกตอนเอ่ยถึงกำรรับเสดจ็ วำ่ \" ไดส้ ดบั วำ่ จะรับเสด็จเพื่อเฉลิมพระเดชพระจอมแผน่ ดิน โห่สำมลำ ฮำสำมหลน่ั เสียงสนนั่ ....ธำนินทร์ \" ( สมเด็จพระพนั ปี หลวง ทรงเป้นผบู้ งั คบั กำรพิเศษประจำกรม ทหำรมำ้ นครรำชสีมำ จนถึง พ.ศ. 2462 เมื่อเสด็จนครรำชสีมำ นำยหร่ี สวนข่ำ กม็ ีโอกำสเล่นเพลงถวำย ) เพลง โครำชมีโอกำสเล่นถวำยหนำ้ พระท่ีนงั่ ในงำนชุมนุมลูกเสือคร้ังท่ี 1 ในนำมกำรแสดงมหรสพของมณฑล นครรำชสีมำ เกี่ยวกบั กำเนิดของเพลงโครำช มีท้งั ท่ีเป็นคำเล่ำและตำนำนหลกั ฐำนจำกคำบอกเล่ำของหมอเพลง อีกจำนวนหน่ึง เล่ำตอ่ ๆ กนั มำวำ่ ในสมยั รัตนโกสินทร์มีสงครำมระหวำ่ งไทยกบั เขมร เม่ือไทยชนะสงครำมเขมร คร้ังไร ชำวบำ้ นจะมีกำรเฉลิมฉลองชยั ชนะ ดว้ ยกำรขบั ร้องและร่ำยรำกนั ในหมู่สกที่เขำเรียกวำ่ \" ซุมบำ้ นสก \" ใกล้ ๆ กบั ชุมทำงรถไฟ ถนนจิระและเริ่มเล่นเพลงโครำชกนั ท่ีหมูบ่ ำ้ นน้ี ทำ่ ทำงกำรรำรุกรำถอย และกำรป้องหู มี ผสู้ นั นิษฐำนวำ่ ประยกุ ตม์ ำจำกกำรเล่นเจรียง ท่ีเป็นเพลงพ้นื บำ้ นของชำวสุรินทร์ผสมผสำน กบั เพลงทรงเครื่อง ของภำคกลำง จะเห็นไดว้ ำ่ จำกขอ้ มูลประวตั ิเพลงโครำชของเอกสำรที่เกี่ยวขอ้ งท้งั 5 เล่ม ดงั กล่ำว ท่ีกล่ำวไว้ สำมำรถสรุปไดว้ ำ่ จำกตำนำนของผรู้ ู้และหมอเพลงเล่ำวำ่ มีนำยพรำนคนหน่ึงช่ือเพชรนอ้ ย ออกไปล่ำสตั วใ์ น เขตหนองบุนนำก บำ้ นหนองบุนนำก อำเภอโชคชยั จงั หวดั นครรำชสีมำ คืนหน่ึงแกไปพบลูกสำวพญำนำค ข้ึนมำจำกหนองน้ำ มำนง่ั ร้องเพลงคนเดียว พรำนเพชรนอ้ ยไดย้ นิ เสียง จึงแอบเขำ้ ไปฟังใกลๆ้ แกประทบั ใจ ใน ควำมไพเรำะและเน้ือหำของเพลง จึงจำเน้ือและทำนองมำร้องใหค้ นอ่ืนฟังลกั ษณะเพลงที่ร้องเป็นเพลงกอ้ ม หรือ เพลงคู่สอง อีกตำนำนหน่ึงเล่ำวำ่ ชำวโครำชไดเ้ พลงโครำชมำจำกอินเดียโดยพระยำเข็มเพชรเป็ นผนู้ ำมำพร้อมๆ 60
กบั ลิเล และลำตดั โดยใหล้ ิเลอยกู่ รุงเทพฯลำตดั อยภู่ ำคกลำง และเพลงโครำชอยทู่ ี่นครรำชสีมำ เพลงโครำช ระยะแรกๆเป็นแบบเพลงกอ้ ม คนท่ีเรียนรู้เพลงโครำช จำกพระยำเขม็ เพชรชื่อ ตำจนั บำ้ นสก อยซู่ ุมบำ้ นสก ติด กบั สถำนีรถไฟ ชุมทำงถนนจิระ 1.2.2 จำกกำรสมั ภำษณ์ ภูมิปัญญำหมอเพลงโครำช กำปั่น บำ้ นแทน่ (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมหมำยของประวตั ิเพลงโครำชไวข้ ณะที่สมั ภำษณ์ ภูมิปัญญำ เร่ือง ควำมหมำยของประวตั ิเพลงโครำช ในวนั ท่ี 27 เดือน สิงหำคม พ.ศ. 2555 ณ บำ้ นเลขท่ี 336 ถนนจิระ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ เวลำ 13.00 น. ไวว้ ำ่ “เกิดข้ึนในสมยั สมเดจ็ พระ นำรำยณ์มหำรำชช่วงปลำยกรุงศรีอยธุ ยำน้นั ไม่มีศึกสงครำมประเทศใดเมืองใดไมม่ ีศึกสงคำมศิลปวฒั นธรรมพุง่ ข้ึน สมยั พระนำรำยณ์จะไดเ้ ห็นนกั กวศี รีปรำชญเ์ ป็นเจำ้ บทเจำ้ กลอน สมเด็จพระนำรำยณ์มหำรทรงรับสั่งใหพ้ ระ ยำยมรำชมำสร้ำงเมืองโครำช คนโครำชก็เลยตอ้ งเป็นเจำ้ บทเจำ้ กลอน เหมือนสมยั กรุงศรีอยธุ ยำ ของสมเด็จพระ นำรำยณ์มหำรำช สมเดจ็ พระยมรำชทรงสง่ั ใหม้ ำสร้ำงเมืองในกำรน้นั มำ ทำไมถึงเกิดเพลงโครำชข้ึน ตำมกำร อำ้ งอิงเอำไวใ้ นสมยั พ.ศ.2456 สมเดจ็ พนั ตรีหลวงในสมยั รัชกำลท่ี 5 พระองคเ์ สด็จมำทรงเปิ ดถนนจอมสุรำงค์ ยำตร์แลว้ กเ็ สด็จไปเมืองพิมำยทรงรับส่ังถำมเจำ้ เมืองสมยั น้นั วำ่ คนโครำชเวลำเสร็จสิ้นภำระกิจกำรทำไร,ทำนำ ยำมวำ่ งงำนมีกำรละเล่นบนั เทิงใจผอ่ นคลำยยำมวำ่ ง เจำ้ เมืองพิมำยตรัสทูลวำ่ มีเพลงโครำชกอ้ มพะยะ่ ค่ะ เพลง โครำชกอ้ มนี่มนั กอ้ มมอยำ่ งไร (ทรงตรัสถำมเจำ้ เมือง) ทรงส่งั ใหห้ ำหมอเพลงโครำชกอ้ มมำแสดงต่อหนำ้ พระท่ี นงั่ ผทู้ ่ีไดร้ ับเกรียติสูงสุดในชีวติ ช่ือนำยหรี่ บำ้ นสวนข่ำ ไดถ้ ูกแตง่ ต้งั จำกเจำ้ คุณเทสำ (เท่ำกบั เป็น นำยกเทศมนตรีสมยั น้ี)ใหเ้ ป็ นขนุ นำงตำแหน่งไพรี ที่นำยหรี่ร้องไปน้นั เป็นกำรร้องแนะนำตนเองตอ่ หนำ้ พระท่ี นง่ั นำยหร่ีไดถ้ ูกบนั ทึกใหเ้ ป็นหมอเพลงโครำชในพ.ศ.2456(ในสมยั รัชกำลที่5) แต่ผมเชื่อวำ่ เพลงโครำชเกิดข้ึน ในสมยั สมเด็จพระนำรำยม์ หำรำชเพรำะมีนกั กวศี รีปรำชญเ์ กิดข้ึนมำกมำยในสมยั น้นั และสมยั มกั จะใชภ้ ำษำภำที เป็นกลอนถำมไถ่กนั เวลำท่ีเจอกนั หรือทกั กนั ถำมสำรทุกขส์ ุขดิษกนั เช่น แหวนน้ีทำ่ นไดแ้ ตใ่ ดไรมำ ที่น้ีคน โครำชกเ็ ป็ นเจำ้ บทเจำ้ กลอนคือกนั ยงั เช่นยำยคนหน่ึงมีหลำนถำมยำย(ยำยคนน้ีชื่อยำยยมคนอำยมุ ำกสมยั ก่อนมกั ไมใ่ ส่เส้ือ)หลำนร้องเป็นเพลงภำษำโครำชวำ่ ยำยยมนมยำ่ นกลำ้ ไดห้ วำ่ นหรือยงั แลว้ ยำยยมกแ็ กห้ ลำนสำววำ่ ยำย หวำ่ นไวข้ ำ้ งบ่อกำลงั รัดหน่อเท่ำหน่ออีนำง สมยั ต่อมำกม็ ีกำรละเล่นกนั ในบำ้ นต่ำงๆ ในยำมเทศกำลเขำ้ พรรษำ- ออกพรรษำหลงั จำกถวำยพระตำหำรพระสงฆ์ กม็ ีกำรโตว้ ำทีกนั ในเร่ืองเพลงโครำชจำกบำ้ นนึงที่มีสติปัญญำใน เรื่องเพลงโครำชใหม้ ำโชวก์ นั และโตว้ ำทีกนั ของแต่ละบำ้ นโครำชมกั จะพดู เป็นคำคูด่ งั เช่น กรุงทง-กรุงเทพ ,ไป นงไปนำ-กิ๋นขง่ กินเขำ่ ,อยบู่ ง่ อยบู่ ำ้ น,ไดผ้ งไดผ้ วั ,ไดม้ ง-ไดเ้ มีย คำเหล่ำน้นั แหละเคำ้ เอำมำประดิษฐเ์ ป็ นเพลง โครำชซ้ึงสักษณะกำรสมั ผสั มนั แยบยลลึกซ้ึงกวำ่ ลำตดั เพลงอีแซวลำตดั มนั แค่เป็นกำรละเล่น และมีหลกั ฐำน อำ้ งอิงไวแ้ ต่ก็มีคนโบรำณเล่ำวำ่ เพลงโครำชเกิดข้ึนในสมยั นึงมีพรำนคนนึงชื่อพญำเพชรนอ้ ย ไดเ้ ขำ้ ป่ ำล่ำสตั ว์ หลงทำงไปถึงแม่น้ำแห่งหน่ีง ไปเจอลูกสำวพญำนำคกำลงั นง่ั ร้องเพลงกล่อมลูกท่ีชำยฝั่ง(หนอง)พรำนพญำเพชร 61
นอ้ ยนนั่ สำหรีดแอบฟังเพลงของหญิงสำวน้นั มีคำพร่ำพรรณำต่อวำ่ สำมีซ่ึงไดเ้ สียกนั จนมีลูกคนหน่ึงกห็ นีหำยไป บำ้ งกลอนกพ็ รรณนำถึงควำมหวำนชื่น บำ้ งกลอนกพ็ รรณนำถึงกำรพลดั พรำกจำกกนั บำงกลอนก็สำปแช่งหกั กระดูกกนั พรำนพญำเพชรนอ้ ยก็พยำยำมจำไวท้ ุกบทกลอน แลว้ กก็ ลบั มำเมืองโครำชและเล่ำใหช้ ำวเมืองโครำช ฟัง และร้องใหช้ ำวโครำชฟัง ก็เลยไดใ้ ชแ้ สดงเพลงโครำชต้งั แต่น้นั เป็ นตน้ มำ หนองใหญท่ ่ีพรำนพญำเพชรนอ้ ย ไปพบมำน้นั (เป็นอำเภอหนองบุญมำกในปัจจุบนั ) อีกตำนำนหน่ึงพระพญำเขม็ เพชรเป็นคนนำศิลปะเหล่ำน้ีมำ จำกประเทศอินเดียที่เผยแพร่จำกรังกำทวปี แลว้ นำศิลปะสำเนียงจำกรังกำทวปี มำเผยแพร่ในประเทศไทย เช่น ลิเก เอำไวภ้ ำคกลำง น้นั และจึงเป็นที่มำของกำรออกแขกทุกคร้ังท่ีมีกำรเล่นลิเก เพลงลำตดั เพลงอีแซว ก็เอำไป จำกเพลงโครำช เพรำะเพลงโครำชเป็นแม่แบบแต่กำรสัมผสั ของเพลงอีแซว,ลำตดั ไดล้ ึกซ่ึงเท่ำเพลงโครำชเพรำะ เป็นกำรสมั ผสั ที่ง่ำยเกินไป(แลว้ กำปั่นกร็ ้องเพลงโครำชให้ฟัง กำป่ันเล่ำวำ่ “เพลงโครำชสมยั น้ีเกือบจะสูญสิ้นไป เม่ือปี พ.ศ.2539แลว้ ผมจึงลุกข้ึนไปต่อตำ้ นอีกคร้ัง เพรำะคนรุ่นใหมส่ ่วนมำกจะหนั ไปฟังเพลงสตริง-ลูกทุ่งผม เลยเกิดควำมคิดโดยกำรใหม้ ีจงั หวะใหม้ นั สนุกข้ึนโดยกำรมีอีเลคโทน มีอยวู่ นั หน่ึงผมนอนไม่หลบั กเ็ ลยแต่ง เพลงคนโครำชตกกระท่อม เพลงโครำชจึงเป็นท่ีรู้จกั คนทวั่ ไปอีกคร้ังหน่ึง ส่วนลูกศิษยล์ ูกหำของผมกม็ ีสุนำรี,ต้กั แตน,คำมอสก็นำไปประยกุ ตใ์ ชก้ นั ลูกศิษยม์ ีหลำยประเภทบำงคนกน็ ำไปใชเ้ ป็นเพลงลูกทุง่ ลูกศิษยเ์ พลงโครำช ก็แยกไปต้งั คณะเอง ผมเองเกือบลม้ เพรำะเพลงโครำชเริ่มเส่ือมคนรุ่นใหมม่ กั ไมช่ อบฟัง ต้งั แต่น้นั มำเพลงโครำช กก็ ลำยเป็นเชิงธุรกิจไปโดยปริยำย” กำเหวำ่ โชคชยั (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมหมำยของประวตั ิเพลงโครำชไวข้ ณะที่ สัมภำษณ์ ภูมิปัญญำเร่ือง ประวตั ิของเพลงโครำช ในวนั ท่ี 27 เดือนสิงหำคม พ.ศ.2555 ณ บำ้ นเลขท่ี 336 ถนนจิระ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ เวลำ 13.00 น. ไวว้ ำ่ ”เกิดข้ึนในสมยั สมเดจ็ พระนำรำยณ์มหำรำชช่วงปลำยกรุงศรีอยธุ ยำน้นั ไมม่ ีศึกสงครำมประเทศใดเมืองใดไม่มีศึกสงคำม ศิลปวฒั นธรรมพงุ่ ข้ึน สมยั พระนำรำยณ์จะไดเ้ ห็นนกั กวศี รีปรำชญเ์ ป็ นเจำ้ บทเจำ้ กลอน สมเดจ็ พระนำรำยณ์มหำ รทรงรับส่ังใหพ้ ระยำยมรำชมำสร้ำงเมืองโครำช คนโครำชก็เลยตอ้ งเป็นเจำ้ บทเจำ้ กลอน เหมือนสมยั กรุงศรี อยธุ ยำ ของสมเด็จพระนำรำยณ์มหำรำช สมเด็จพระยมรำชทรงสัง่ ใหม้ ำสร้ำงเมืองในกำรน้นั มำ ทำไมถึงเกิด เพลงโครำชข้ึน ตำมกำรอำ้ งอิงเอำไวใ้ นสมยั พ.ศ.2456 สมเดจ็ พนั ตรีหลวงในสมยั รัชกำลท่ี 5 พระองคเ์ สดจ็ มำ ทรงเปิ ดถนนจอมสุรำงคย์ ำตร์ แลว้ กเ็ สด็จไปเมืองพมิ ำยทรงรับส่งั ถำมเจำ้ เมืองสมยั น้นั วำ่ คนโครำชเวลำเสร็จสิ้น ภำระกิจกำรทำไร,ทำนำ ยำมวำ่ งงำนมีกำรละเล่นบนั เทิงใจผอ่ นคลำยยำมวำ่ ง เจำ้ เมืองพมิ ำยตรัสทูลวำ่ มีเพลง โครำชกอ้ มพะยะ่ คะ่ เพลงโครำชกอ้ มน่ีมนั กอ้ มมอยำ่ งไร (ทรงตรัสถำมเจำ้ เมือง) ทรงส่งั ใหห้ ำหมอเพลงโครำช กอ้ มมำแสดงต่อหนำ้ พระที่นง่ั ผทู้ ี่ไดร้ ับเกรียติสูงสุดในชีวิตช่ือนำยหร่ี บำ้ นสวนข่ำไดถ้ ูกแตง่ ต้งั จำกเจำ้ คุณเทสำ (เทำ่ กบั เป็นนำยกเทศมนตรีสมยั น้ี)ใหเ้ ป็นขนุ นำงตำแหน่งไพรี ท่ีนำยหร่ีร้องไปน้นั เป็ นกำรร้องแนะนำตนเองต่อ 62
หนำ้ พระที่นง่ั นำยหรี่ไดถ้ ูกบนั ทึกใหเ้ ป็นหมอเพลงโครำชในพ.ศ.2456(ในสมยั รัชกำลที่5) แต่ผมเช่ือวำ่ เพลง โครำชเกิดข้ึนในสมยั สมเด็จพระนำรำยม์ หำรำชเพรำะมีนกั กวศี รีปรำชญเ์ กิดข้ึนมำกมำยในสมยั น้นั และสมยั มกั จะใชภ้ ำษำภำที เป็นกลอนถำมไถ่กนั เวลำท่ีเจอกนั หรือทกั กนั ถำมสำรทุกขส์ ุขดิบกนั เช่น แหวนน้ีท่ำนไดแ้ ต่ ใดไรมำ ท่ีน้ีคนโครำชก็เป็นเจำ้ บทเจำ้ กลอนคือกนั ยงั เช่นยำยคนหน่ึงมีหลำนถำมยำย(ยำยคนน้ีช่ือยำยยมคนอำยุ มำกสมยั ก่อนมกั ไม่ใส่เส้ือ)หลำนร้องเป็นเพลงภำษำโครำชวำ่ ยำยยมนมยำ่ นกลำ้ ไดห้ วำ่ นหรือยงั แลว้ ยำยยมกแ็ ก้ หลำนสำววำ่ ยำยหวำ่ นไวข้ ำ้ งบ่อกำลงั รัดหน่อเท่ำหน่ออีนำง สมยั ตอ่ มำก็มีกำรละเล่นกนั ในบำ้ นต่ำงๆ ในยำม เทศกำลเขำ้ พรรษำ-ออกพรรษำหลงั จำกถวำยพระตำหำรพระสงฆ์ กม็ ีกำรโตว้ ำทีกนั ในเรื่องเพลงโครำช จำก หมูบ่ ำ้ นท่ีมีสติปัญญำในเร่ืองเพลงโครำชใหม้ ำโชวก์ นั และโตว้ ำทีกนั ของแตล่ ะบำ้ น” เลำะ บำ้ นแทน่ (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมหมำยของประวตั ิเพลงโครำชไวข้ ณะที่สัมภำษณ์ภูมิ ปัญญำเรื่อง ประวตั ิเพลงโครำช ในวนั ท่ี 27 เดือน สิงหำคม พ.ศ. 2555 ณ ลำนอนุสำวรียท์ ำ้ วสุรนำรี ถนน รำชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ เวลำ 16.00น. ไวว้ ำ่ ”เพลงโครำช สมยั ก่อนเป็นกลอนถำมไถ่กนั เวลำท่ีเจอกนั หรือทกั กนั ถำมสำรทุกขส์ ุขดิบกนั เช่น แหวนน้ีทำ่ นไดแ้ ตใ่ ดไรมำ ที่น้ีคนโครำชกเ็ ป็ นเจำ้ บทเจำ้ กลอนคือกนั ยงั เช่นยำยคนหน่ึงมีหลำนถำมยำย(ยำยคนน้ีช่ือยำยยมคนอำยมุ ำก สมยั ก่อนมกั ไม่ใส่เส้ือ)หลำนร้องเป็นเพลงภำษำโครำชวำ่ ยำยยมนมยำ่ นกลำ้ ไดห้ วำ่ นหรือยงั แลว้ ยำยยมก็แก้ หลำนสำววำ่ ยำยหวำ่ นไวข้ ำ้ งบ่อกำลงั รัดหน่อเท่ำหน่ออีนำง สมยั ตอ่ มำก็มีกำรละเล่นกนั ในบำ้ นตำ่ งๆ ในยำม เทศกำลเขำ้ พรรษำ-ออกพรรษำหลงั จำกถวำยพระตำหำรพระสงฆ์ ก็มีกำรโตว้ ำทีกนั ในเรื่องเพลงโครำช จำก หมูบ่ ำ้ นท่ีมีสติปัญญำในเรื่องเพลงโครำชใหม้ ำโชวก์ นั และโตว้ ำทีกนั ของแตล่ ะบำ้ น” ลำไย หนองม่วง (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมหมำยของประวตั ิเพลงโครำชไวข้ ณะที่สมั ภำษณ์ภูมิ ปัญญำเร่ือง ควำมหมำยของประวตั ิเพลงโครำช ในวนั ท่ี 27 เดือน สิงหำคม พ.ศ. 2555 ณ ลำนอนุสำวรีย์ ทำ้ วสุรนำรี ถนนรำชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ เวลำ 16.00 น.ไวว้ ำ่ “หลงั จำกเสร็จสิ้นสงครำม จะใชเ้ วลำวำ่ งมำฝึกเพลงโครำชเน้ือกลอนท่ีร้องจะดูจำกธรรมชำติของสตั ยเ์ ช่นปลำ ไหนที่เขำหำมำกจ็ ะนำปลำไหลที่ไดม้ ำร้อยเป็ นพวง ปลำไหลกจ็ ะพนั กนั ไปมำตรงน้ีจะเรียกกลอนเพลงโครำชวำ่ ปลำไหลพนั พวง เกิดจำกกำรถำมไถ่ทุกขส์ ุขกนั มกั จะเป็นกลอนเพรำะคนไหนจะเป็นคนเจำ้ บทเจำ้ กลอน เช่นกำร ถำมขำ่ ว กำรทำนำ จะร้องวำ่ ยำยยม นมยำน หวำ่ นเข่ำหรือยงั เกิดจำกกำรโตว้ ำท่ีกนั ของเพลงโครำชในแต่ละ หมู่บำ้ นจะโตก้ นั คำที่โตน้ ้นั มกั จะเป็นคำคูเ่ ช่นไดผ้ งไดผ้ วั ไดม้ งไดเ้ มีย มีหลกั ฐำนทำงประวตั ิศำสตร์อำ้ งอิงไดม้ ำ จกอินเดีย พระพทุ ธศำสนำจำกรังกำทวปี ลิเก- ภำคกลำงออกแขกสำเนียงอินเดียเพลงโครำชเป็นแม่แบบสมั ผสั คำ เช่น กลอนลงรี ตอ้ งหำคำที่มีสระอีไว้ เพลงโดรำชลึงซ้ึงเป็นแมแ่ บบ มีสัมผสั บงั คบั เกำะกนั เป็นลูกโซ่ เช่น 63
มณฑำ มณฑล มลทิน พอ่ แม่พีเ่ ป็นเพลงโครำชฟังทุกวนั ก็ซึมซบั ตอ้ งมีใจรักใจชอบผทู้ ่ีรักในกำรร้องเพลงโครำช ร้องกลอน โตต้ อบได้ อดทน ขยนั ร้องกลอน ” สวำ่ ง บำ้ นดอนผวำ (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมหมำยประวตั ิเพลงโครำชไวข้ ณะท่ีสัมภำษณ์ภูมิ ปัญญำเร่ือง ควำมหมำยประวตั ิเพลงโครำช ในวนั ที่ 27 เดือน สิงหำคม พ.ศ. 2555 ณ ลำนอนุสำวรียท์ ำ้ วสุร นำรี ถนนรำชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ เวลำ 16.00 น.ไว้ “ปี พ.ศ. 2456 ที่สมเด็จพระศรีพชั รินทรำบรมรำชินีนำถ พระรำชชนนีพนั ปี หลวง เสด็จมำนครรำชสีมำทรงเปิ ดถนน จอมสุรำงคย์ ำตร์ และเสดจ็ ไปพิมำย ในโอกำสรับเสด็จคร้ังน้นั หมอเพลงชำยรุ่นเก่ำชื่อเสียงโด่งดงั มำกช่ือนำยหร่ี บำ้ นสวนขำ่ ไดม้ ีโอกำสเล่นเพลงโครำชถวำย เพลงท่ีเล่นใชเ้ พลงหลกั สมเด็จพระพนั ปี หลวง ทรงเป้นผบู้ งั คบั กำรพิเศษประจำกรมทหำรมำ้ นครรำชสีมำ จนถึง พ.ศ. 2462 เมื่อเสด็จนครรำชสีมำ นำยหรี่ สวนข่ำ ก็มีโอกำสเล่น เพลงถวำย เพลงโครำชมีโอกำสเล่นถวำยหนำ้ พระท่ีนง่ั ในงำน” จะเห็นไดว้ ำ่ จำกขอ้ มูลควำมหมำยหมอเพลงโครำชของภูมิปัญญำท้งั 5 คน ดงั กล่ำว ท่ีกล่ำวไว้ สำมำรถสรุปไดว้ ำ่ ประวตั ิของเพลงโครำชน้นั มีกำรเล่ำขำนกนั มำวำ่ มีนำยพรำนคนหน่ึงช่ือ เพชรนอ้ ย ออกไป ล่ำสัตว์ ในเขตหนองบุนนำก บำ้ นหนองบุนนำก อำเภอโชคชยั จงั หวดั นครรำชสีมำ คืนหน่ึงแกไปพบลูกสำว พญำนำค ข้ึนมำจำกหนองน้ำ มำนงั่ ร้องเพลงคนเดียว พรำนเพชรนอ้ ยไดย้ นิ เสียง จึงแอบเขำ้ ไปฟังใกล้ ๆ แก ประทบั ใจ ในควำมไพเรำะ และเน้ือหำของเพลง จึงจำเน้ือและทำนองมำร้องใหค้ นอ่ืนฟัง ลกั ษณะเพลงท่ีร้องเป็น เพลงกอ้ ม หรือเพลงคู่สอง อีกตำนำนหน่ึงเล่ำวำ่ ชำวโครำชไดเ้ พลงโครำชมำจำกอินเดีย โดยพระยำเขม็ เพชรเป็ น ผนู้ ำมำพร้อมๆ กบั ลิเก และลำตดั โดยใหล้ ิเกอยกู่ รุงเทพฯ ลำตดั อยภู่ ำคกลำง และเพลงโครำชอยทู่ ่ีนครรำชสีมำ เพลงโครำชระยะแรกๆ เป็นแบบเพลงกอ้ ม คนที่เรียนรู้เพลงโครำช จำกพระยำเขม็ เพชร ชื่อตำจนั บำ้ นสก อยู่ \"ซุม บำ้ นสก\" ติดกบั สถำนีรถไฟชุมทำงถนนจิระ เพลงโครำชจะเร่ิมเล่นต้งั แต่เม่ือใด ไมป่ รำกฏหลกั ฐำนที่แน่ชดั หลกั ฐำนจำกคำบอกเล่ำตอ่ ๆ กนั มำ มี เพยี งวำ่ สมยั ทำ้ วสุรนำรี ( คุณยำ่ โม ) ยงั มีชีวติ อยู่ ( พ.ศ. 2313 ถึง 2395 ) ท่ำนชอบเพลงโครำชมำก เร่ืองรำวของ เพลงโครำชไดป้ รำกฏหลดั ฐำนชดั เจน คือในปี พ.ศ. 2456 ท่ีสมเด็จพระศรีพชั รินทรำบรมรำชินีนำถ พระรำชชนนี พนั ปี หลวง เสดจ็ มำนครรำชสีมำทรงเปิ ดถนนจอมสุรำงคย์ ำตร์ และเสดจ็ ไปพมิ ำย ในโอกำสรับเสดจ็ คร้ังน้นั หมอ เพลงชำยรุ่นเก่ำช่ือเสียงโด่งดงั มำกชื่อนำยหรี่ บำ้ นสวนข่ำ ไดม้ ีโอกำสเล่นเพลงโครำชถวำย เพลงท่ีเล่นใชเ้ พลง หลกั เช่น กลอนเพลงที่วำ่ \" ขำ้ พเจำ้ นำยหร่ีอยบู่ ุรีโครำชเป็นนกั เลงเพลงหดั บำ่ วพระยำกำแหง ฯ เจำ้ คุณเทศำ ท่ำน ต้งั ใหเ้ ป็นขนุ นำง .....ตำแหน่ง \" ควำมอีกตอนเอย่ ถึงกำรรับเสดจ็ วำ่ \" ไดส้ ดบั วำ่ จะรับเสด็จเพ่ือเฉลิมพระเดชพระจอมแผน่ ดิน โห่สำมลำ ฮำสำมหลน่ั เสียงสนนั่ ....ธำนินทร์ \" ( สมเด็จพระพนั ปี หลวง ทรงเป็นผบู้ งั คบั กำรพิเศษประจำกรมทหำรมำ้ นครรำชสีมำ จนถึง พ.ศ. 2462 เม่ือเสด็จ นครรำชสีมำ นำยหร่ี สวนขำ่ ก็มีโอกำสเล่นเพลงถวำย ) เพลงโครำชมีโอกำสเล่นถวำยหนำ้ พระที่นง่ั ในงำน ชุมนุมลูกเสือคร้ังท่ี 1 ในนำมกำรแสดงมหรสพของมณฑลนครรำชสีมำ เก่ียวกบั กำเนิดของเพลงโครำช มีท้งั ที่ 64
เป็นคำเล่ำและตำนำนหลกั ฐำนจำกคำบอกเล่ำของหมอเพลงอีกจำนวนหน่ึงเล่ำต่อ ๆ กนั มำวำ่ ในสมยั รัตนโกสินทร์มีสงครำมระหวำ่ งไทยกบั เขมร เมื่อไทยชนะสงครำมเขมรคร้ังไร ชำวบำ้ นจะมีกำรเฉลิมฉลองชยั ชนะ ดว้ ยกำรขบั ร้องและร่ำยรำกนั ในหมูส่ กที่เขำเรียกวำ่ \" ซุมบำ้ นสก \" ใกล้ ๆ กบั ชุมทำงรถไฟ ถนนจิระและเร่ิม เล่นเพลงโครำชกนั ท่ีหมู่บำ้ นน้ี ทำ่ ทำงกำรรำรุกรำถอย และกำรป้องหู มีผสู้ นั นิษฐำนวำ่ ประยกุ ตม์ ำจำกกำรเล่น เจรียง ที่เป็นเพลงพ้ืนบำ้ นของชำวสุรินทร์ผสมผสำน กบั เพลงทรงเคร่ืองของภำคกลำง 1.3 ควำมสำคญั ของเพลงโครำช 1.3.1 จำกกำรศึกษำเอกสำรท่ีเก่ียวขอ้ ง .(2555).ควำมหมำยควำมสำคญั ของเพลงโครำชwww.koratinfo.com/samapi/koratsong/koratsng1.htm ไดใ้ หค้ วำมหมำยของควำมสำคญั เพลงโครำชวำ่ สมยั ก่อนน้นั เพลงโครำชเป็ นที่นิยมมำก เพรำะกำรแสดง มหรสพ ท่ีเป็นหวั ใจของงำนฉลองสมโภชใด ๆ ก็ตำม มีเพลงโครำชเพียงอยำ่ งเดียว คนฟังเพลงก็มีเวลำมำก ฟัง กนั ต้งั แต่หวั ค่ำจนรุ่งเชำ้ เมื่อหมอเพลงเล่นเพลงลำ คือลำผฟู้ ังลำเจำ้ ภำพ และเพื่อนหมอเพลงดว้ ยกนั จะมีป่ี พำทย์ ฆอ้ ง กลอง บรรเลงรับ หมอเพลงจะรำตำมกนั ไปยงั บำ้ นเจำ้ ภำพ เจำ้ ภำพก็นำเงินคำ่ หมอเพลงมำให้ พร้อมท้งั เล้ียง ขำ้ วปลำ อำหำร และห่อขำ้ ว ของกินต่ำง ๆ ใหเ้ ป็ นเสบียง ในกำรเดินทำงกลบั คนฟังจะอยรู่ ่วมฟังงำน จนเสร็จสิ้น กระบวนกำร จึงทยอยกลบั เช่นกนั เพลงโครำชสมยั ก่อน ไดไ้ ปเล่นหลำยจงั หวดั เช่น บุรีรัมย์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุรินทร์ ตลอดจนถึงประเทศกมั พูชำ สำหรับจงั หวดั ต่ำง ๆ ในภำคกลำง ก็ไปเล่นเป็นคร้ังครำว ปัจจุบนั คำ่ นิยม ของผฟู้ ัง เปลี่ยนแปลงไปมำก แมแ้ ต่ผฟู้ ัง ในจงั หวดั นครรำชสีมำเอง ก็เส่ือมควำมนิยมลงมำก บำ้ งกเ็ ห็นวำ่ เพลง โครำช เป็นเพลงหยำบคำย และไมน่ ่ำสนใจ แมท้ ำงรำชกำรส่งเสริม ใหน้ ำออกแสดง ทำงวทิ ยกุ ระจำยเสียงแห่ง ประเทศไทย จงั หวดั นครรำชสีมำ ก็ตอ้ งผำ่ นกำรตรวจ อยำ่ งรัดกุม จะใชภ้ ำษำตรง ๆ เหมือนสมยั ก่อนไมไ่ ดถ้ ือวำ่ ไมเ่ หมำะสม ในกำรจดั งำนฉลองสมโภชใดๆ มกั จะมีมหรสพอื่นๆ เป็ นคู่แขง่ มำกมำย เช่น ภำพยนตร์ มวย เพลง ลูกทุ่ง ลิเก และรำวง เพลงโครำชจึงเป็ นที่สนใจ สำหรับผูฟ้ ังรุ่นเก่ำที่มีอำยคุ อ่ นขำ้ งสูงแทบท้งั น้นั หมอเพลง โครำช ไดร้ วมตวั กนั เป็ นคณะเพลงโครำช หลำยคณะ และเขำ้ มำต้งั สำนกั งำนคณะ อยใู่ นอำเภอเมืองเป็นส่วน ใหญ่ เพ่ือควำมสะดวก สำหรับมำติดต่อ หำเพลงไปเล่น หมอเพลงโครำช ตอ้ งเล่นเพลงประยกุ ต์ ตำมใจผฟู้ ัง เช่น เล่นเพลงหมอลำ เล่นเพลงลำตดั และเพลงลูกทุง่ พดู ถึงทำ่ รำแตกตำ่ งกนั ไป มีเพลงโครำชของคณะทองสุข กำปัง ท่ีประยกุ ต์ เล่นแบบลำเพลิน คือนำเอำดนตรีสำกล เขำ้ มำประกอบ แต่ยงั ไมเ่ ป็ นท่ีแพร่หลำยนกั กำรรวมตวั กนั เป็น คณะเพลงโครำชปัจจุบนั น้นั นำงสองเมือง อินทรกำแหง เป็นผรู้ ิเร่ิมต้งั ข้ึนเป็ นคนแรก เม่ือปี พ.ศ. 2499 ต้งั อยทู่ ่ี ถนน สุรนำรำยณ์และต่อมำกม็ ีคณะตำ่ ง ๆ ต้งั ข้ึนอีกหลำยคณะ ขอ้ ดีคือ ทำใหส้ ะดวก ในกำรติดต่อจำ้ งไปเล่น ขอ้ ไมด่ ีคือ เมื่อหมอเพลงอยคู่ ณะเดียวกนั กร็ ู้ช้นั เชิงและฝีปำกกนั ทำใหฟ้ ัง ไมส่ นุกสนำน มีผพู้ ยำยำมจะรวมคณะ เพลงโครำชต่ำง ๆ ก่อต้งั เป็นสมำคมเพลงโครำช แต่ยงั ไมไ่ ดร้ ับควำมร่วมมือ จำกหมอเพลงเท่ำท่ีควร จำกควำมเชื่อที่วำ่ ท่ำนทำ้ วสุรนำรี ( คุณหญิงโม หรือ ยำ่ โมที่ชำวบำ้ นเรียกท่ำน ) ชอบเพลงโครำช ในสมยั ท่ีท่ำน มีชีวติ อยู่ จึงมีผหู้ ำเพลงโครำชไปเล่นใหท้ ่ำนฟัง เป็นกำรแกบ้ น ณ บริเวณใกล้ ๆ กบั อนุสำวรีย์ ในตอนกลำงคืน เป็นประจำ อำจเป็นปัจจยั หน่ึง ที่ทำใหค้ นรุ่นใหม่ ไดร้ ู้จกั เพลงโครำช และหมอเพลงมีรำยไดป้ ระจำ แตก่ ม็ ีผสู้ นใจ ไปฟังไม่มำกนกั กำรประกอบอำชีพ ของหมอเพลงโครำชยงั ทำรำยไดด้ ี ยงั เป็นอำชีพท่ีมนั่ คงอยู่ หมอเพลง 65
ดงั กล่ำวน้ี แมจ้ ะประกอบอำชีพอ่ืน เช่น ทำนำ ทำไร่ เป็นนกั ธุรกิจ แต่อำชีพหลกั คือเล่นเพลงโครำชส่วนใหญ่หมอ เพลงจะมีควำมเช่ือในเรื่องโชคลำงพอสมควร เช่นในกำรกำ้ วข้ึนโรงเพลง จะมีกำรดูทิศ ตำมฤกษร์ ับ กำ้ วแรกที่ ข้ึน จะตอ้ งเลือกดูตำมทิศทำง โดยกำรหำยใจ ถำ้ ขำ้ งซำ้ ยคล่อง ก็กำ้ วขำซำ้ ยข้ึน ทำนองเดียวกนั ถำ้ ขำ้ งขวำหำยใจ สะดวก กก็ ำ้ วขำ้ งขวำข้ึน เป็ นตน้ เม่ือข้ึนเวทีไปแลว้ ก็มีกำรเป่ ำคำถำมหำ นิยม เพ่อื ใหผ้ ฟู้ ังชื่นชอบตนก็มี หมอ เพลงบำงคนเช่ือวำ่ หลงั คำโรงเพลงน้นั ถำ้ หำกมีกำรมดั ดว้ ยตอก หรือสิ่ง อื่นใดจะทำให้คำถำอำคม สติปัญญำใน กำรวำ่ เพลงเสื่อมลงไปดว้ ย ก็ขอร้องใหแ้ กม้ ดั ตอกออกกม็ ี .(2555).ควำมหมำยควำมสำคญั เพลงโครำช.www.koratinfo.com/samapi/koratsong/index.htm ไดใ้ ห้ ควำมหมำยของควำมสำคญั เพลงโครำชวำ่ ควำมสำคญั เพลงโครำชน้นั ส่วนใหญ่ผูม้ ีใจรักในกำรที่จะเป็นหมอ เพลงแลว้ มกั ไปฝำกตวั เป็นศิษย์ กบั ครูเพลงโดยตรง มีบำงรำยที่บิดำมำรดำหรือผปู้ กครอง ตอ้ งกำรใหล้ ูกเป็ น หมอเพลงกน็ ำไปฝำกกบั ครูเพลง และบำงรำยท่ีครูเพลง เห็นวำ่ มีแววจะเป็นหมอเพลงที่ดี กม็ กั จะขอตวั ไปอยดู่ ว้ ย ครูจะดูหน่วยกำ้ นของผทู้ ี่จะเป็นศิษย์ ดูกิริยำท่ำทำง เสียงและปฏิภำณ กำรทดสอบเพอ่ื รับเป็นลูกศิษย์ อำจทำได้ โดย ใหร้ ้องวำ่ เพลงกอ้ มใหฟ้ ัง ถำ้ เห็นวำ่ มีแวว พอจะเป็ นหมอเพลงได้ กร็ ับไว้ ก่อนจะหดั ตอ้ งมีกำรยกครูก่อน .(2555).ควำมหมำยควำมสำคญั เพลงโครำช.http://kanchanapisek.or.th/oncc-cgi/text.cgi?no=2543 ได้ ใหค้ วำมหมำยของควำมสำคญั เพลงโครำชวำ่ ดำ้ นคุณคำ่ ๑. เน้ือหำของเพลงจะแสดงวถิ ีชีวติ ของบุคคลในสังคมในแง่มุมต่ำง ๆ รวมท้งั แทรกควำม สนุกสนำนในรูปควำมบนั เทิงอยำ่ งดียง่ิ หมอเพลงโครำชในอดีตไดท้ ำหนำ้ ท่ีเป็นผแู้ พร่ขำ่ วสำรจำกที่หน่ึงไปยงั อีก ท่ี หน่ึง เป็นผมู้ ีประสบกำรณ์กวำ้ งไกล เพรำะพบเห็นเหตุกำรณ์และผคู้ นหลำกหลำย หมอเพลงโครำชและคนฟัง เพลงโครำชในอดีตจึงมีควำมเป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั เพรำะเป็นคนในสังคมเดียวกนั จึงเขำ้ ใจปัญหำของกนั และ กนั ตำ่ งกเ็ ป็นปรำชญท์ ำงภำษำเช่นเดียวกนั จึงสื่อควำมคิดผำ่ นเพลงโครำชออกมำสู่กนั ได้ ๒. เพลงพ้นื บำ้ นเป็นคติชนวทิ ยำ ซ่ึงเป็นที่รวมควำมรู้เกี่ยวกบั ชำติพนั ธุ์โครำช ท้งั ภำษำ ควำมรู้ ควำมคิด วฒั นธรรม ประเพณี ตลอดจนปรัชญำของชีวติ .(2555).ควำมหมำยควำมสำคญั เพลงโครำช.www.baanmaha.com/community/thread24103.html ไดใ้ ห้ ควำมหมำยของควำมสำคญั เพลงโครำชวำ่ เพลงโครำช เป็นศิลปะ วฒั นธรรมพ้ืนบำ้ นของจงั หวดั นครรำชสีมำ หรือโครำช ซ่ึงไดส้ ืบทอดกนั มำเป็นเวลำยำวนำน โดยเพลงโครำชน้นั มีเอกลกั ษณ์กำรร้องรำเป็นภำษำโครำช ซ่ึงมี ควำมไพเรำะ ทำใหเ้ กิดควำมเพลิดเพลินและสนุกสนำน แต่ปัจจุบนั เพลงโครำชค่อยๆ ไดร้ ับควำมนิยมและควำม สนใจนอ้ ยลง พวกเรำจึงควรท่ีจะช่วยกนั อนุรักษ์ และสืบสำนศิลปะวฒั นธรรมอนั ดีงำมน้ีไว้ เพอ่ื ใหล้ ูกหลำนของ เรำไดส้ มั ผสั ไดร้ ับชมและรับควำมสนุกสนำนเพลิดเพลินดีกวำ่ กำรเล่ำขำนเป็นตำนำน จำกกำรสัมภำษณ์ ภูมิปัญญำหมอเพลงโครำช ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมสำคญั ของเพลงโครำช ดำ้ นเศรษฐกิจ และดำ้ นวฒั นธรรมและวถิ ีชีวติ กำปั่น บำ้ นแทน่ (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมสำคญั ของเพลงโครำช ดำ้ นเศรษฐกิจ และดำ้ นวฒั นธรรม และวถิ ีชีวติ ไวข้ ณะสัมภำษณ์ภูมิปัญญำ เรื่อง เพลงโครำช ในวนั ที่ 17 เดือนสิงหำคม พ.ศ. 2555 ณ บำ้ นเลขท่ี 336 ถนนจิระ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ เวลำ 13.00 น. ไวว้ ำ่ 66
“ดำ้ นเศรษฐกิจ แลว้ แตผ่ วู้ ำ่ จำ้ ง” และ “ดำ้ นวฒั นธรรมและวถิ ีชีวติ ชุมชน คนโครำชมีควำมเช่ือ และศรัทธำยำ่ โม เวลำไปขอพรหรือแกบ้ นมกั จะใชเ้ พลงโครำชในกำรขอยำ่ โม” กำเหวำ่ บำ้ นแท่น (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมสำคญั ของเพลงโครำช ดำ้ นเศรษฐกิจและดำ้ น วฒั นธรรมและวถิ ีชีวติ ไวข้ ณะสมั ภำษณ์ภูมิปัญญำ เรื่อง เพลงโครำช ในวนั ท่ี 17 เดือนสิงหำคม พ.ศ. 2555 ณ บำ้ นเลขท่ี 336 ถนนจิระ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ เวลำ 14.00 น. ไวว้ ำ่ “ดำ้ นเศรษฐกิจ แลว้ แตผ่ วู้ ำ่ จำ้ ง” และ “ดำ้ นวฒั นธรรมและวถิ ีชีวติ ชุมชน ส่วนใหญ่เป็นเร่ืองแกบ้ น และ เวลำไปขอพรยำ่ โมใหไ้ ดต้ ้งั สมปรำรถนำ มกั จะใชเ้ พลงโครำชใหย้ ำ่ โมฟัง ซ่ึงเกิดจำกควำมเชื่อและศรัทธำ” บุญสม สงขส์ ุข (2555) ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมสำคญั ของเพลงโครำช ดำ้ นเศรษฐกิจและดำ้ นวฒั นธรรม และวถิ ีชีวติ ไวข้ ณะสมั ภำษณ์ภูมิปัญญำ เร่ือง เพลงโครำช ในวนั ท่ี 24 เดือนสิงหำคม พ.ศ.2555 ณ สมำคมเพลง โครำช เวลำ 14.00 น. ไวว้ ำ่ “ดำ้ นเศรษฐกิจและดำ้ นวฒั นธรรมและวถิ ีชีวติ ชุมชน ส่วนใหญเ่ ป็ นเรื่องแกบ้ น และ เวลำไปขอพรยำ่ โมใหไ้ ดต้ ้งั สมปรำรถนำ มกั จะใชเ้ พลงโครำชใหย้ ำ่ โมฟัง ซ่ึงเกิดจำกควำมเชื่อและศรัทธำรัก คุณยำ่ โม ซ่ึงเป็นเรื่องของจิตใจ ควำมภำคภูมิใจต่อวรี กรรมของยำ่ โม ” จำกกำรสัมภำษณ์ ภูมิปัญญำหมอเพลงโครำช ไดใ้ หข้ อ้ มูลควำมสำคญั ของเพลงโครำช ดำ้ นเศรษฐกิจ และดำ้ นวฒั นธรรมและวถิ ีชีวติ เพลงโครำช เป็ นกำรร้องเพลงโตต้ อบท่ีพฒั นำไป เป็ นกำรแสดงพ้นื บำ้ นของชำว จงั หวดั นครรำชสีมำหรือ โครำช ซ่ึงไดส้ ืบทอดกนั มำเป็นเวลำยำวนำน มีเอกลกั ษณ์ อยูท่ ่ีกำรร้องรำเป็นภำษำ โครำช ปรำกฏหลกั ฐำนชดั เจน ในปี พ.ศ.2456 เม่ือสมเด็จพระศรีพชั รินทรำบรมรำชินีนำถ พระรำชชนนีพนั ปี หลวง เสด็จพระรำชดำเนินไปจงั หวดั นครรำชสีมำเพอื่ ทรงเปิ ดถนนจอมสุรำงคย์ ำตร์ และเสด็จฯ พมิ ำย ในโอกำส รับเสด็จคร้ังน้นั หมอเพลงชำยรุ่นเก่ำ ชื่อเสียงโด่งดงั มำกชื่อ นำยหรี่ บำ้ นสวนขำ่ ไดม้ ีโอกำส เล่นเพลงโครำช ถวำย ในสมยั ก่อนเพลงโครำชเป็นท่ีนิยมมำก เพรำะกำร แสดงมหรสพต่ำงๆ มีเพลงโครำชเพียงอยำ่ งเดียว คน ฟัง เพลงกม็ ีเวลำมำก ฟังกนั ต้งั แต่หวั ค่ำจนรุ่งเชำ้ เม่ือหมอเพลง เล่นเพลงลำ คือ ลำผฟู้ ัง ลำเจำ้ ภำพ และเพื่อนหมอ เพลง ดว้ ยกนั จะมีปี่ พำทย์ ฆอ้ ง กลอง บรรเลงรับ หมอเพลง จะรำตำมกนั ไปยงั บำ้ นเจำ้ ภำพ เจำ้ ภำพก็จะนำเงินคำ่ หมอเพลงมำให้ พร้อมท้งั เล้ียงขำ้ วปลำ อำหำร และห่อขำ้ ว ของกินตำ่ งๆ ใหเ้ ป็ นเสบียงในกำรเดินทำงกลบั คนฟัง จะอยู่ ร่วมฟังงำนจนเสร็จสิ้นกระบวนกำรจึงทยอยกลบั ปัจจุบนั ค่ำนิยมของผฟู้ ังเพลงโครำชเปล่ียนแปลง ไปมำกท้งั ดำ้ นเน้ือหำ รูปแบบกำรแสดง และควำมนิยม ของ คนโครำชเอง เน้ือหำของเพลงโครำชข้ึนอยูก่ บั โอกำสที่จะเล่น หมอเพลงโครำชรุ่นเก่ำเนน้ กำรใชป้ ฏิภำณไหวพริบเล่ำ เรื่อง นิทำนชำดก และเคร่งครัดมำกในเร่ืองสอนศีลธรรม หมอเพลงโครำชในอดีตทำหนำ้ ท่ีเป็นผแู้ พร่ข่ำวสำร เพรำะ เป็นผมู้ ีประสบกำรณ์กวำ้ งไกล พบเห็นเหตุกำรณ์และผคู้ นหลำกหลำย หมอเพลงโครำชและคนฟังเพลง โครำชในอดีต จึงมีควำมเป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั เพรำะเป็ นคนในสงั คม เดียวกนั จึงเขำ้ ใจปัญหำของกนั และกนั แตห่ มอเพลงโครำช รุ่นใหม่ มกั เล่นตำมคำเรียกร้องของผฟู้ ังเพ่อื ควำมเพลิดเพลิน และสนุกสนำน ดว้ ยเหตุน้ี เพลงโครำชจึงค่อยๆ เสื่อมควำมนิยมลง แตเ่ น่ืองจำกในยคุ ปัจจุบนั มีควำมเช่ือวำ่ ทำ้ วสุรนำรีใน สมยั ที่ยงั มีชีวติ อยู่ (พ.ศ. 2313-2359) ท่ำนชอบเพลง โครำชมำก จึงมีผหู้ ำเพลงโครำชไปเล่นแกบ้ น ณ บริเวณ 67
ใกลๆ้ กบั อนุสำวรียท์ ำ้ วสุรนำรีในตอนกลำงคืนเป็ นประจำ จึงเป็นปัจจยั หน่ึงท่ีทำใหห้ มอเพลงโครำช ซ่ึงส่วน ใหญอ่ ยทู่ ่ี อำเภอเมือง จงั หวดั นครรำชสีมำ ยงั คงสำมำรถประกอบอำชีพ อยไู่ ด้ ตวั อยำ่ งคณะเพลงโครำชที่โดดเด่น อยทู่ ี่อำเภอเมือง จงั หวดั นครรำชสีมำ 4. แหล่งเรียนรู้ในชุมชน แหล่งเรียนรู้เพลงโครำช อยใู่ นตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ จงั หวดั นครรำชสีมำ ประกอบดว้ ย 5 ชุมชน ตำมลำดบั ดงั น้ี 4.1 นำยบุญสม สงั ขส์ ุข นำยกสมำคมหมอเพลงโครำช 386/145 ม. 6 ต.บำ้ นเกำะ อ. เมืองฯ จ. นครรำชสีมำ 30000 โทรศพั ทเ์ คล่ือนที่ 089 5792686 โทรสำร 044 276794 ดงั ภำพประกอบ ภำพประกอบ 1 4.2 เพลงโครำชกำป่ัน บำ้ นแทน่ 344 จิระ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ จงั หวดั นครรำชสีมำ ดงั ภำพประกอบ ภำพประกอบ 2 4.3 ชุมชนวดั ทุง่ สวำ่ ง-ศำลำลอย บำ้ นเลขท่ี 1235 ตำบล ในเมือง อำเภอเมืองฯ จงั หวดั นครรำชสีมำ โทร 081 – 5473 – 409 ดงั ภำพประกอบ 68
ภำพประกอบ 3 4.4 ชุมชนหนำ้ ยำ่ โม บำ้ นเลขท่ี 1234 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ จงั หวดั นครรำชสีมำ โทร 081 – 5473 – 409 ดงั ภำพประกอบ ภำพประกอบ 4 4.5 หมอเพลงโครำช นำยดิ้น โคพนั ดุง อำยุ 66 ปี บำ้ นเลขที่ 7/1 หมูท่ ี่ 3 บำ้ นคลองแคใต้ ตำบลโนนเมืองพฒั นำ อำเภอด่ำนขนุ ทด จงั หวดั นครรำชสีมำ ดงั ภำพประกอบ ภำพประกอบ 5 5. ควำมเป็นไปไดใ้ นกำรเขำ้ สู่อำชีพเพลงโครำช 5.1 จำกกำรศึกษำจำกเอกสำรท่ีเกี่ยวขอ้ ง จำกกำรศึกษำรูปแบบกำรแสดงเพลงโครำชจำกอดีตจนถึงปัจจุบนั แบ่งไดด้ งั น้ี เพลงโครำชแบบ ด้งั เดิม เพลงโครำชแกบ้ น และเพลงโครำชประยกุ ตห์ รือเพลงโครำชซ่ิง 1). เพลงโครำชแบบด้งั เดิม เป็นเพลงที่สืบทอดกนั มำต้งั แต่คร้ังเป็นเพลงโตต้ อบ ลกั ษณะเป็นกำร แสดงแบบพ้ืนบำ้ นด้งั เดิมท้งั รูปแบบ เน้ือหำและวธิ ีกำรเล่น ผชู้ มส่วนใหญม่ กั เป็นผสู้ ูงอำยเุ พรำะมีเน้ือหำค่อนขำ้ ง ฟังยำก ตอ้ งตีควำมโดยมีเน้ือหำจะแสดงถึงวถิ ีชีวติ ของคนในสงั คมแง่มุมต่ำงๆ หลกั ธรรมคำสอนทำงศำสนำ มี 69
กำรเล่นเป็ นเรื่องรำวและเป็นข้นั ตอน รวมท้งั แทรกควำมสนุกสนำนไวใ้ นรูปควำมบนั เทิงข้ึนอยปู่ ฏิภำณไหวพริบ ของหมอเพลง 2). เพลงโครำชแกบ้ น เร่ิมเป็ นท่ีนิยมภำยหลงั กำรสร้ำงอนุสำวรียท์ ำ้ วสุรนำรี เม่ือปี พ.ศ.2477 จำกควำม เชื่อที่วำ่ ทำ้ วสุรนำรีชอบฟังเพลงโครำช และถำ้ บนทำ่ นดว้ ยเพลงโครำชก็จะไดร้ ับควำมส ำเร็จตำมท่ีบนไว้ รูปแบบกำรแสดงเพลงโครำชแกบ้ นเหมือนเพลงโครำชแบบด้งั เดิม แตม่ ีขอ้ จ ำกดั คือ เวลำท่ีใชใ้ นกำรแสดงมี จำกดั เช่น คร่ึงชว่ั โมงถึงหน่ึงชว่ั โมง 3). โครำชประยกุ ตห์ รือเพลงโครำชซิ่ง มีรูปแบบกำรแสดงคลำ้ ยกบั กำรแสดงของวงดนตรีเพลง ลูกทุ่ง หมอลำ แต่เป็นกำรผสมผสำนกำรเล่นเพลงโครำชแบบด้งั เดิมเขำ้ ดว้ ย ลกั ษณะคือจดั เวทีคลำ้ ยเวทีแสดง คณะเพลงลูกทุ่งมีกำรจดั และตกแต่งเวทีใหส้ วยงำม มีกำรจดั ระบบแสง สี เสียง ใหเ้ ป็นที่สนใจของชม (ขนำดของ เวทีและอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ ข้ึนอยกู่ บั ขอ้ ตกลงกบั ผวู้ ำ่ จำ้ ง) ใชเ้ คร่ืองดนตรีสำกลมำประกอบกำรแสดง จดั ใหม้ ี หำงเคร่ืองหรือนกั เตน้ ประกอบกำรแสดงดำ้ นหนำ้ เวที มีกำรน ำเพลงลูกทุง่ หรือกลอนหมอลำมำใชใ้ นกำรแสดง หรือประยกุ ตใ์ ชภ้ ำษำโครำชในกำรร้อง สภำพกำรเปล่ียนแปลงรูปแบบกำรแสดงเพลงโครำชจำกอดีตจนถึงปัจจุบนั สภำพกำรเปลี่ยนแปลงรูปแบบกำรแสดงเพลงโครำชน้นั ในที่น้ีผศู้ ึกษำแบง่ ออกเป็น 2 ช่วง กล่ำวคือ ช่วงที่ 1หมำยถึง ช่วงปี พ.ศ.2456-พ.ศ.2520 และช่วงท่ี2 หมำยถึง ช่วงต้งั แต่ปี พ.ศ.2521 จนถึงปัจจุบนั ตลอดระยะเวลำของกำรดำรงอยขู่ องเพลงโครำช นบั ต้งั แตส่ มยั ทำ้ วสุรนำรีจวบจนถึงปัจจุบนั เพลง โครำชผำ่ นกำรทำ้ ทำยจำกบริบททำงสงั คมมำอยำ่ งต่อเน่ือง จำกปัจจยั ตำ่ งๆ ทำใหเ้ พลงโครำชมีพลวตั รท้งั ส่วนท่ี สูญหำยไป ส่วนท่ียงั ดำรงอยแู่ ละส่วนที่มีควำมเปลี่ยนแปลงไป (หน่ึงฤทยั ขอผลกลำง, 2554) 6. กำรตดั สินใจเลือกประกอบอำชีพเพลงโครำช 6.1 ศกั ยภำพของทรัพยำกรธรรมชำติ กำรสร้ำงอนุสำวรียท์ ำ้ วสุรนำรีเม่ือปี พ.ศ.2477 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคญั ท่ีทำใหเ้ พลงโครำชไดร้ ับควำม นิยมและพฒั นำสู่กำรเป็นธุรกิจบนั เทิงและสร้ำงศิลปิ นเพลงโครำชมำจนกระทงั่ ปัจจุบนั กล่ำวคือ เพลงโครำชแก้ บนเร่ิมเป็นที่ นิยมภำยหลงั กำรสร้ำงอนุสำวรียท์ ำ้ วสุรนำรี เมื่อปี พ.ศ.2477 จำกควำมเชื่อท่ีวำ่ ทำ้ วสุรนำรีชอบฟัง เพลงโครำช และถำ้ บนทำ่ นดว้ ยเพลงโครำชกจ็ ะไดร้ ับควำมสำเร็จตำมที่บนไว้ รูปแบบกำรแสดงเพลงโครำชแก้ บนเหมือนเพลงโครำชแบบด้งั เดิมแต่มีขอ้ จำกดั คือ เวลำที่ใชใ้ นกำรแสดงมีจำกดั เช่น คร่ึงชวั่ โมงถึงหน่ึงชวั่ โมง กำรรวมตวั กนั โดยกำรจดั ต้งั เป็นคณะเพลงโครำช เพลงโครำชไดเ้ ขำ้ สู่กระบวนกำรทำงธุรกิจเพื่อสร้ำง ควำมเขม้ แขง็ และพลงั ตอ่ รอง มีสำนกั งำนสำหรับรับงำนแสดงในสมโภชหรืองำน แกบ้ น มีหวั หนำ้ คณะซ่ึงมกั เป็นหมอเพลงที่มีช่ือเสียง มีบทบำทในกำรประสำนหมอเพลงโครำชและ ผมู้ ำติดต่อวำ่ จำ้ ง โดยกำรรวมตวั เป็น คณะเพลงโครำชน้ีนำงสองเมือง อินทรกำแหง เป็นผรู้ ิเริ่มต้งั ข้ึนเป็นคนแรก เมื่อปี พ.ศ. 2499 ต้งั อยทู่ ี่ถนนสุร นำรำยณ์และต่อมำกม็ ีคณะต่ำงๆ ต้งั ข้ึนอีกหลำยคณะ ขอ้ ดีคือ ทำใหส้ ะดวกในกำรติดต่อจำ้ งไปเล่น ขอ้ ไมด่ ีคือเมื่อ หมอเพลงอยคู่ ณะเดียวกนั ก็รู้ช้นั เชิงและฝีปำกกนั ทำใหฟ้ ังไม่สนุกสนำน 70
6.2 ศกั ยภำพของพ้นื ที่ตำมสภำพภูมิอำกำศ กำรเปลี่ยนแปลงรูปแบบกำรแสดงเป็นเพลงโครำช ประยกุ ตห์ รือเพลงโครำชซ่ิง มีรูปแบบกำรแสดงคลำ้ ยกบั กำรแสดงของวงดนตรีเพลงลูกทุ่ง หมอลำแตเ่ ป็ นกำร ผสมผสำนกำรเล่นเพลงโครำชแบบด้งั เดิมเขำ้ ดว้ ย ลกั ษณะคือจดั เวทีคลำ้ ยเวทีแสดงคณะเพลงลูกทุง่ มีกำรจดั และ ตกแต่งเวทีใหส้ วยงำม มีกำรจดั ระบบแสง สี เสียง ใหเ้ ป็นท่ีสนใจของชม (ขนำดของเวทีและอุปกรณ์ประกอบ อ่ืนๆ ข้ึนอยกู่ บั ขอ้ ตกลงกบั ผวู้ ำ่ จำ้ ง) ใชเ้ คร่ืองดนตรีสำกลมำประกอบกำรแสดง จดั ให้มีหำงเครื่องหรือนกั เตน้ ประกอบกำรแสดงดำ้ นหนำ้ เวที มีกำรน ำเพลงลูกทุง่ หรือกลอนหมอล ำมำใชใ้ นกำร แสดง หรือประยกุ ตใ์ ชภ้ ำษำโครำชในกำรร้องอยำ่ งไรกต็ ำมปัจจุบนั เพลงโครำชแบบด้งั เดิมไดร้ ับควำมสนใจ โดยเฉพำะเพลงโครำชแกบ้ นทำ้ วสุรนำรีอนั เป็นควำมเชื่อที่ถือปฏิบตั ิสืบต่อกนั มำ กำรแสดงในงำนต่ำงๆ ผวู้ ำ่ จำ้ ง ส่วนใหญส่ นใจจำ้ งคณะเพลงโครำชซิ่ง และมีบำงงำนให้แสดงเพลงโครำชแบบด้งั เดิมก่อนกำรแสดงเพลงโครำช ซ่ิงในเวทีเดียวกนั ปัจจยั สำคญั ที่ส่งผลทำใหเ้ กิดกำรเปลี่ยนแปลงของเพลงโครำช คือ สภำพเศรษฐกิจและอิทธิพลของส่ือ ต่ำงๆ ท่ีส่งผลตอ่ รสนิยมของกลุ่มผฟู้ ังรุ่นใหม่ ประกอบกบั กระแสกำรเปล่ียนแปลงตำมยคุ สมยั โลกำภิวตั น์ ปัจจุบนั เพลงโครำชยงั ไดร้ ับควำมนิยมจำกผฟู้ ังที่สูงอำยอุ ยมู่ ำกโดยเฉพำะในชนบท หมอเพลงโครำชยงั คงมี รำยไดจ้ ำกกำรไปเล่นเพลงในงำนกฐิน ผำ้ ป่ ำ บวชนำค และงำนอื่นๆ อยเู่ สมอๆ และมีหมอเพลงบำงส่วนมีรำยได้ จำกกำรเล่นเพลงแกบ้ นท่ีอนุสำวรียท์ ำ้ วสุรนำรีและที่วดั ศำลำลอย 6.3 ศกั ยภำพของภูมิประเทศและทำเลท่ีต้งั กำรรวมตวั กนั ก่อต้งั เป็ นสมำคมเพลงโครำช เพื่ออนุรักษ์ และสืบสำนศิลปะกำรแสดงเพลงโครำช โดยเฉพำะกำรถ่ำยทอดใหก้ บั คนรุ่นหลงั ไดแ้ ก่กำรสอนเพลงโครำชใน สถำนศึกษำตำ่ งๆ ตำมหลกั สูตรทอ้ งถ่ิน มีกำรปลูกจิตสำนึกลูกหลำนชำวโครำชใหห้ นั มำภำคภูมิใจในวฒั นธรรม แขนงน้ีมำกข้ึน และในปัจจุบนั เทศบำลนครนครรำชสีมำไดใ้ หก้ ำรสนบั สนุน เช่น ไดจ้ ดั สถำนที่สำหรับเล่นเพลง โครำชไวบ้ ริเวณอนุสำวรียท์ ำ้ วสุรนำรีซ่ึงในสมยั ก่อนเพลงโครำชจดั แสดงบริเวณลำนโล่งดำ้ นในศำลเจำ้ ตรงขำ้ ม อนุสำวรียท์ ำ้ วสุรนำรีซ่ึงมีพ้ืนท่ีค่อนขำ้ งจำกดั และชำวโครำชจำนวนไม่นอ้ ยเห็นวำ่ สถำนท่ีไมเ่ หมำะสมตอ่ กำร จดั แสดงเพลงที่เป็ นที่โปรดปรำนของทำ้ วสุรนำรีแต่เม่ือมีกำรบูรณะพ้นื ท่ีบริเวณสำนอนุสำวรียแ์ ลว้ หมอเพลง โครำชจึงไดอ้ อกมำแสดงบริเวณเวทีดำ้ นขำ้ งอนุสำวรียท์ ำ้ วสุรนำรีให้ดูสมเกียรติแก่กำรแสดงเพื่อแกบ้ น ทำ้ วสุรนำรี 6.4 ศกั ยภำพของศิลปะ วฒั นธรรมประเพณีและวถิ ีชีวติ เผยแพร่เพลงโครำชใหด้ งั ไปไกลให้ มำกที่สุดเทำ่ ท่ีจะเป็นไปได้ เพลงชำวบำ้ น สำหรับเล่นในยำมวำ่ งงำนหรือเพื่อควำมสนุกสนำนเช่นกำรลงแขกใน กำรทำนำ ลกั ษณะคือไม่ตอ้ งมีพิธี ไมต่ อ้ งสร้ำงเวที หรือ “โรงเพลง” และไมม่ ีกำรแต่งกำยแบบหมอเพลงอำชีพ และเพลงอำชีพ เป็นกำรแสดงในงำนฉลองหรือสมโภชต่ำงๆ เช่น งำนบวชนำคทอดกฐิน งำนประจำปี หรือเล่นแก้ บนโดยผปู้ ระกอบอำชีพเพลงโครำชน้ีเรียกวำ่ “หมอเพลง” ซ่ึงกำรแสดงจะเป็นแบบพธิ ีกำร มีเวทีกำรแต่งกำยตำม แบบของหมอเพลงและมีกำรไหวค้ รูเป็ นตน้ รูปแบบในลกั ษณะน้ีหมอเพลงจะไดร้ ับค่ำตอบแทนและมีกำรวำ่ จำ้ ง ใหแ้ สดง 71
6.5 ศกั ยภำพของทรัพยำกรมนุษย์ ถ่ำยทอดใหค้ นรุ่นใหม่ เพ่ือให้เขำไดเ้ ป็ นศิลปิ นเพลงโครำชใหม้ ำก ที่สุด แสวงหำและปลูกฝังใหค้ นหนั กลบั มำชอบเพลงโครำชใหม้ ำกที่สุด กำรดำรงอยขู่ องเพลงโครำช ตลอด ระยะเวลำท่ีผำ่ นมำนบั ต้งั แต่สมยั ทำ้ วสุรนำรีจวบจนถึงปัจจุบนั เพลงโครำชผำ่ นกำรทำ้ ทำยจำกบริบททำงสังคมมำ อยำ่ งตอ่ เนื่อง จำกปัจจยั ตำ่ งๆ ทำใหเ้ พลงโครำชมีกำรเปลี่ยนแปลง โดยมีท้งั ส่วนท่ีสูญหำยไป ส่วนท่ียงั ดำรงอยู่ และส่วนที่มีกำรเปล่ียนแปลงไป ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั กำรศึกษำของ หน่ึงฤทยั ขอผลกลำง (2554) ที่ศึกษำวถิ ีเพลง โครำช : มิติและพลวตั รของควำมเปล่ียนแปลง พบวำ่ มิติท่ียงั ดำรงอยอู่ ยำ่ งต่อเน่ือง มิติที่เกิดควำมเปลี่ยนแปลงคือ ขนบของกำรแสดง ภำษำท่ีใชร้ วมท้งั สถำนภำพของหมอเพลงโครำช มิติท่ียงั ดำรงอยคู่ ือ สุนทรียะของบทเพลง กำรไหวค้ รูและกำรแตง่ กำย ขนบของกำรแสดงไม่มีมิติใดท่ีสูญหำยไป เพียงแตม่ ีกำรปรับเปล่ียนรูปแบบไปบำ้ ง เพือ่ ควำมอยรู่ อดของเพลงโครำช สะทอ้ นใหเ้ ห็นควำมสำมำรถในกำรปรับตวั ของเพลงโครำชเพือ่ ให้เขำ้ กบั สถำนกำรณ์ทำงสังคมท่ีเปล่ียนไป เพื่อกำรดำรงอยู่ และกำรสืบทอดของศิลปวฒั นธรรมเก่ำแก่ของจงั หวดั นครรำชสีมำ หรือ เมืองโครำชสืบไป การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ 1. บรรยำย 2. ศึกษำคน้ ควำ้ ดว้ ยตนเองจำกเอกสำร อินเทอร์เน็ต และแหล่งเรียนรู้ในชุมชน 3. สมั ภำษณ์ภูมิปัญญำ 4. พบกลุ่ม อภิปรำยแลกเปล่ียนเรียนรู้ 5. ส่ือ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน CAI สื่อและแหล่งเรียนรู้ 1. ส่ือเอกสำร 1.1 หนงั สือ โครำชของเรำ ผแู้ ต่ง สุวจั น์ ลิปตพลั ลภ ปี ที่พิมพ์ 2542 โรงพมิ พ์ บริษทั มงั กรกำร พิมพ์ (1994) จำกดั 1.2 หนงั สือเพลงโครำช เล่ม 1-2 มหำวทิ ยำลยั รำชภฎั นครรำชสีมำ ปี ท่ีพิมพ์ 2555 จำนวน 1,000 เล่ม เพ่ือเฉลิมพระเกียรติพระบำทสมเดจ็ พระเจำ้ อยหู่ วั เนื่อในวโรกำสทรงเจริยพระชนมำยุ 7 รอบ 5 ธนั วำคม 2554 2. สื่ออิเล็กทรอนิกส์ 2.1 CD เรื่อง เพลงโครำช 2.2 เรื่อง ประวตั ิควำมเป็ นมำของเพลงโครำช 3. ส่ือภูมิปัญญำ 3.1 นำยกำปั่น บำ้ นแทน่ บำ้ นเลขท่ี 334 จิระ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ โทร 044- 264467 72
3.2 นำงกำเหวำ่ บำ้ นแทน่ บำ้ นเลขท่ี 334 จิระ ตำบล ในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ โทร 044- 264467 3.3 นำยใหญ่ วิเศษพลกรัง บำ้ นเลขท่ี 1235 ชุมชนวดั ทุ่งสวำ่ ง-ศำลำลอย ตำบลในเมือง อำเภอ เมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ โทร 081 – 5473 – 409 3.4 นำงเล็ก หวงั ตรงกลำง บำ้ นเลขท่ี 1234 ชุมชนหนำ้ ยำ่ โม ตำบลในเมือง อำเภอเมือง นครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ โทร 081 – 5473 – 409 3.5 นำยบุญสม สังขส์ ุข เป็นผใู้ หส้ ัมภำษณ์ คณะครู กศน.ตำบล กศน.อำเภอเมืองนครรำชสีมำ เป็นผู้ สัมภำษณ์ นำยกสมำคมหมอเพลงโครำช 386/145 ม. 6 ต.บำ้ นเกำะ อ. เมืองนครรำชสีมำ จ. นครรำชสีมำ 30000 โทร 089 5792686 โทรสำร 044 276794 4. สื่อแหล่งเรียนรู้ในชุมชน 4.1 ชุมชนวดั หวั สะพำน ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จงั หวดั นครรำชสีมำ 4.2 ลำนอนุสำวรียค์ ุณยำ่ โม ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จงั หวดั นครรำชสีมำ 4.3 ชุมชนวดั ศำลำลอย ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จงั หวดั นครรำชสีมำ 4.4 สมำคมหมอเพลงโครำช 386/145 ม. 6 ต.บำ้ นเกำะ อ. เมือง จ. นครรำชสีมำ 30000 มือถือ 089 5792686 โทรสำร 044 276794 การวดั ผลประเมนิ ผล 1. กำรประเมินควำมกำ้ วหนำ้ 1.1 ซกั ถำม 1.2 สังเกต 2. กำรประเมินผลรวม 2.1 ตอบแบบสอบถำม 2.2 สะทอ้ นผล 73
กจิ กรรมท่ี 4 ใหผ้ เู้ รียนศึกษำเน้ือหำ แลว้ สรุป ดงั น้ี 1. บอกควำมหมำยของเพลงโครำชไดแ้ ละหมอเพลงโครำช ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................... 2. บอกประวตั ิควำมเป็นมำของเพลงโครำช ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................... 3. นกั ศึกษำอธิบำยและตระหนกั เห็นคุณค่ำควำมสำคญั ของเพลงโครำช ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................... 4. ระบุแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญำทอ้ งถ่ินและเพลงโครำช ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................... 5. ถำ้ นกั ศึกษำจะเลือกประกอบอำชีพหมอเพลงโครำชจะมีวิธีกำรอยำ่ งไร ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................... 74
6. นกั ศึกษำมีวธิ ีกำรตดั สินใจประกอบอำชีพเพลงโครำชอยำ่ งไร ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................... 75
บทท่ี 3 ทกั ษะการร้องเพลงโคราช จานวน 80 ช่ัวโมง สาระสาคญั 1. ควำมรู้พ้ืนฐำนในกำรร้องเพลงโครำช 1.1 กำรยกครู หมำยถึง กำรไหวค้ รูบำอำจำรยก์ ่อนข้ึนทำกำรแสดงทุกคร้ัง 1.2 กำรไหวค้ รูหมำยถึง เป็นพิธีกรรมที่จดั ข้ึนเพ่ือรำลึกถึงครูบำอำจำรยจ์ ดั ทำข้ึนปี ละ 1 คร้ัง 1.3 อุปกรณ์ประกอบกำรร้องเพลงหมำยถึง ใชเ้ พยี งกำรปรบมือเป็นกำรใหจ้ งั หวะในระหวำ่ งกำร ร้องเพลง 1.4 เวทีเพลงโครำชหมำยถึงเวทีกำรแสดง 1.5 ทำ่ รำหมำยถึงเป็นท่ำรำที่ประกอบกำรแสดงตำมบทกลอนท่ีร้องน้นั ๆ 1.6 ภำษำโครำชหมำยถึงภำษำถิ่นที่เป็นเอกลกั ษณ์ของวถิ ีชีวิตคนโครำช 2. กำรฝึกร้องเพลงโครำช 2.1 กำรฝึกกำรยกครูและกำรไหวค้ รูเป็นกำรไหวค้ รูบำอำจำรยท์ ่ีประสิทธ์ิประศำสตร์วชิ ำกำรร้อง เพลง กำรต่อกลอนเพลงโครำช 2.2 กำรฝึกเขียนกลอนโครำชน้นั จะเป็นกำรฝึกตอ่ กลอนโดยผเู้ รียนจะตอ้ งฝึกท่องคำกลอนท่ีครู เพลงแต่งไว้ 2.3 กำรฝึกร้องเพลงโครำชเป็นกำรฝึกร้องคำกลอนใหส้ อดคลอ้ งทำนองขอเพลงโครำช 2.4 กำรฝึกท่ำรำเพลงโครำชเพอื่ ใหก้ ำรร้องเพลงโครำชดูสนุกสนำนน่ำสนใจมำกข้ึนจึงไดใ้ ชท้ ่ำรำ ประกอบกำรร้องตำมคำกลอน 2.5 ข้นั ตอนกำรร้องเพลงโครำชผเู้ รียนตอ้ งหดั ร้องคำเอ้ือนเพลงตอนตน้ ก่อน 3. ข้นั กำรอนุรักษเ์ พลงโครำช 3.1 ระดบั บุคคล 3.2 ระดบั คอบครัว 3.3 ระดบั ชุมชน ผลการเรียนรู้ทคี่ าดหวงั 1. อธิบำยกำรยกครู กำรไหวค้ รู กำรแตง่ กำย อุปกรณ์ประกอบกำรร้องเพลง เวทีร้องเพลงโครำช ท่ำรำ และภำษำโครำชได้ 2. สำมำรถฝึกกำรยกครู กำรไหวค้ รู กำรฝึกเขียนกลอนเพลงโครำช กำรฝึกร้องเพลงโครำช กำรฝึกท่ำ รำเพลงโครำช และปฏิบตั ิข้นั ตอนกำรร้องเพลงโครำชได้ 3. สำมำรถอนุรักษก์ ำรร้องเพลงโครำชได้ 76
ทกั ษะการร้องเพลงโคราช 1.ความรู้พืน้ ฐานในการร้องเพลงโคราช 1.1 กำรยกครูและกำรไหวค้ รู ผมู้ ีใจรักในกำรที่จะเป็นหมอเพลงแลว้ มกั ไปฝำกตวั เป็ น ศิษย์ กบั ครูเพลงโดยตรง มีบำงรำยท่ีบิดำมำรดำหรือผปู้ กครอง ตอ้ งกำรใหล้ ูกเป็ นหมอเพลงกน็ ำไปฝำกกบั ครูเพลง และบำงรำยท่ีครู เพลง เห็นวำ่ มีแววจะเป็ นหมอเพลงท่ีดี กม็ กั จะขอตวั ไปอยดู่ ว้ ย ครูจะ ดูหน่วยกำ้ นของผทู้ ่ีจะเป็ นศิษย์ ดูกิริยำทำ่ ทำง เสียงและปฏิภำณ กำร ทดสอบเพอ่ื รับเป็ นลูกศิษย์ อำจทำไดโ้ ดย ให้ร้องวำ่ เพลงกอ้ มใหฟ้ ัง ถำ้ เห็นวำ่ มีแวว พอจะเป็ นหมอเพลงได้ ก็รับไว้ ก่อนจะหดั ตอ้ งมีกำร ยกครูก่อน อุปกรณ์ที่จะใชค้ ือ 1. กรวย 6 กรวย ( ลกั ษณะเป็นกรวยกน้ แหลม ) 2. ดอกไมข้ ำว 6 คู่ 3. เทียน 6 เล่ม 4. ธูป 6 ดอก 5. ผำ้ ขำว 1 ผนื ยำวประมำณ 4 ศอก 6. เงิน 6 บำท บำงครูก็ 12 บำท เม่ือรับไวเ้ ป็นศิษยแ์ ลว้ ผทู้ ่ีจะหดั เพลง ก็จะพกั อยทู่ ่ีบำ้ นครู ช่วยครูทำงำนในตอนกลำงวนั ตอน กลำงคืนจะตอ่ เพลงกบั ครู ซ่ึงเป็นกำรตอ่ เพลงแบบปำกต่อปำก ไมม่ ีกำรเขียนหรือจดไว้ เพรำะคนในสมยั ก่อน มี ผรู้ ู้หนงั สือนอ้ ย หมอเพลงที่มีชื่อเสียงมำกในยคุ ก่อน บำงคนไม่รู้หนงั สือ กำรต่อกลอนในลกั ษณะน้ีจะต่อกนั คืน ละ 1 กลอนเท่ำน้นั ศิษยจ์ ะตอ้ งท่องจนข้ึนใจ และตอ้ งวำ่ ใหค้ รูฟังในตอนเชำ้ ก่อนที่จะออกไปทำงำนใหค้ รู ถำ้ จำ ไม่ไดก้ ็จะตอ้ งต่อกนั ใหม่ในคืนต่อไป จนกวำ่ จะจำได้ นอกจำกจะต่อกลอนแลว้ ครูยงั ใหฝ้ ึกกำรเอ้ือนทำนอง และ ออกเสียงตวั กล้ำ \"ร ล\" อีกดว้ ย ศิษยค์ นใดมีควำมจำดี มีปฏิภำณ ก็อำจจะใชเ้ วลำเรียนไมน่ ำน 1 - 2 ปี กอ็ อกเล่นได้ แตบ่ ำงคนเรียน ชำ้ อำจใชเ้ วลำถึง 10 ปี เน้ือหำท่ีเรียนน้นั ถำ้ เป็นผูห้ ญิง จะเรียนเฉพำะกลอนเพลง ถำ้ ผชู้ ำยจะเรียนคำถำอำคมดว้ ย ในสมยั ก่อนพวกผชู้ ำย ก่อนท่ีจะออกแสดง จะตอ้ งทำพิธีเขำ้ กรรมในโบสถ์ เป็นเวลำ 7 วนั กินขำ้ ววนั ละ 7 ป้ัน วนั แรกตอ้ งทำน้ำมนตไ์ วด้ ่ืม และตอ้ งกินพริกไทพนั เมด็ เพรำะเช่ือวำ่ จะทำใหป้ ัญญำดีวำ่ เพลงออก ในระหวำ่ งที่เขำ้ กรรม 7 วนั น้ีหำ้ มวำ่ เพลง เพรำะทำใหก้ รรมแตก เรียกวำ่ ถำ้ ใครกรรมแตก มกั จะมีอนั เป็ นไป ผเู้ ขำ้ กรรม แตล่ ะคน จะมีไก่สีขำว เรียกวำ่ ไก่ชี ไวเ้ ส่ียงทำย ในระหวำ่ งท่ีเขำ้ กรรมไก่ของใครคึก เจำ้ ของไก่ มกั จะเป็นหมอเพลงที่มีชื่อ ตอ่ ไป ถำ้ ไก่ของใครหงอย เจำ้ ของมกั จะไม่ประสบควำมสำเร็จในอำชีพหมอเพลง 77
1.2 กำรแตง่ กำย ผหู้ ญิง นุ่งผำ้ โจงกระเบน เป็ นผำ้ พ้นื ทอมือสีเขม้ เช่น สีดำ สี น้ำตำล สีกรมท่ำ คำดเขม็ ขดั เงิน เขม็ ขดั ทอง หรือเขม็ ขดั นำก ไมน่ ิยมนุ่ง ซิ่น สวมเส้ือตดั เยบ็ จำกผำ้ ฝ้ำยทอมือ เส้ือที่นิยมใช้ เรียกวำ่ เส้ือ \"คอ กระโจม\" และเส้ือ \"อีแปะ\" หญิงชำวไทยเบิง้ จะใชเ้ ส้ือประเภทน้ีไปวดั แต่งงำนใชส้ ไบเฉียงห่มทบั เส้ือ หรือ สวมเส้ือแขน กระบอกห่มสไบทบั เส้ือ ถำ้ อยบู่ ำ้ นมกั ใชผ้ ำ้ คำดอกแทนกำรสวมเส้ือ ตดั ผมทรงดอกกระทุม่ ไมน่ ิยมดดั ผม และแต่งหนำ้ เพียงใชแ้ ป้งเมด็ บรรจุกระป๋ องทำหนำ้ กิน หมำกทำใหป้ ำกแดง ใชส้ ีผ้งึ ทำปำกเพื่อไม่ใหป้ ำกแหง้ กำรบำรุงผิวใชข้ มิ้น ผสมกบั ดินสอพอง ทำตวั และทำหนำ้ สำหรับเครื่องประดบั นิยมใชท้ อง มำกกวำ่ เพชรพลอย และนิยมใชต้ ุม้ หูมำกกวำ่ สร้อยและแหวน สะพำยยำ่ ม แทนกระเป๋ ำ ของที่ใส่ในยำ่ มไดแ้ ก่ เครื่องใชส้ ่วนตวั เครื่องมือในกำร ประกอบอำชีพ ขำ้ วห่อและอื่น ๆ ผชู้ ำย ในอดีต ชำยนุ่งโจงกระเบน สวม เส้ือคอกลมไม่ผำ่ อก นุ่งกำงเกงขำก๊วย กำงเกงขำส้นั กำง เกงขำยำว หำกอยู่ บำ้ นนุ่งผำ้ ถุงและไม่สวมเส้ือ เมื่อออกนอกบำ้ นสวมเส้ือคอกลม ปกฮำวำย หรือปกเชิ้ต มีผำ้ ขำวมำ้ พำดบ่ำ เหมือน สไบ ตดั ผมทรงดอกกระทุม่ สะพำยยำ่ มไมส่ วมรองเทำ้ ผชู้ ำย ส่วนใหญจ่ ะนุ่งผำ้ โจงกระเบน ผำ้ ท่ีจะนำมำนุ่งส่วนใหญ่ จะเป็นผำ้ ไหมหำงกระรอก ซ่ึงเป็น ผลิตผลของชำวโครำชผลิตกนั ข้ึนมำเอง หรือบำงทีก็ใชผ้ ำ้ ม่วงแทนก็มี เส้ือที่ใชน้ ้นั เป็ นเส้ือคอกลม แขนส้ัน สีไม่ จำกดั มีผำ้ ขำวมำ้ คำดเอว ภำษำโครำชวำ่ ใชผ้ ำ้ ขำวมำ้ \"เคียนพงุ \" เคร่ืองประดบั อ่ืน ๆ นอกจำกน้ีแลว้ ส่วนใหญไ่ ม่มี หมอเพลงบำงคนกแ็ ขวนพระเคร่ืองบำ้ ง ผหู้ ญิง นุ่งผำ้ โจงกระเบน เหมือนหมอเพลงผชู้ ำย ผำ้ ท่ีใชน้ ุ่งก็เป็นผำ้ ไหมหำงกระรอกหรือผำ้ มว่ ง เส้ือ นิยมสวมเส้ือรัดรูป ไมม่ ีปก แขนส้นั ในสมยั ก่อนน้นั ผหู้ ญิงไม่สวมเส้ือ มีแตผ่ ำ้ รัดอก และใชผ้ ำ้ สะไบเฉียง พำด ไหล่ นอกจำกน้ีบำงคนนิยมใชพ้ ลูจีบทดั หู ท้งั น้ีเพรำะผูห้ ญิงไมร่ ู้จกั ชำยหูชำยตำ ครูเพลงเลยสอน ใหห้ ดั ชำเลืองดูพลูจีบที่ทดั หู 1.3 อุปกรณ์ประกอบกำรร้องเพลง ในสมยั ก่อนน้นั กำรเล่นเพลงโครำชไม่จำกดั สถำนท่ี อำจเล่นบนบำ้ นหรือลำนบำ้ นก็ได้ เพียงแต่นำครก ตำขำ้ ว (ครกซอ้ มมือ) มำวำงควำ่ ลง แลว้ หำถงั ตกั น้ำวำงไวบ้ นครกน้นั เพ่ือใหห้ มอเพลงไดด้ ื่มแกค้ อแหง้ ในยคุ ที่ ยงั ไมม่ ีไฟฟ้ำแสงสวำ่ ง ชำวบำ้ นมกั จะทำไตช้ ำ้ ง หรือไตร้ ุ่งใหแ้ สงสวำ่ งแทน ลกั ษณะของไตช้ ำ้ งหรือไตร้ ุ่ง ทำดว้ ย ไมไ้ ผย่ ำวประมำณ 5 ศอก ปลำยขำ้ งหน่ึงจกั ดว้ ยมีด แผอ่ อกสำนดว้ ยไมไ้ ผเ่ ป็นรูปกระทะใส่ดินกรุ ใส่ชนั ผสมไมผ้ ุ ๆ หรือแกลบ จุดใหแ้ สงสวำ่ ง ปลำยอีกขำ้ งหน่ึงฝังดินใกล้ ๆ กบั ครก ตอ่ มำใชต้ ะเกียงเจำ้ พำยุ หรือตะเกียงลำน จุด แทนไตร้ ุ่ง เวที ก็เปล่ียนมำเป็ นลำดบั คือ มีเสำ 4 เสำ ยกพ้ืนปูกระดำน สูงจำกพ้นื ดินประมำณ 1 เมตร หลงั คำมุง ดว้ ยกำ้ นมะพร้ำว ท่ีกลำงพ้นื เวทีก็ยงั มีถงั ใส่น้ำต้งั อยเู่ ช่นเดิม เม่ือก่อน ท่ียงั ไม่มีเคร่ืองขยำยเสียงน้นั หมอเพลงตอ้ ง 78
เสียงดงั พอที่จะฟังไดย้ นิ แต่ปัจจุบนั สิ่งท่ีช่วยใหแ้ สงสวำ่ ง ในกำรเล่นเพลงโครำชคือ ไฟฟ้ำและมีเครื่อขยำยเสียง ท่ีดงั กวำ่ เสียงหมอเพลงในคร้ังก่อน ๆ เป็นประโยชนท์ ้งั ผฟู้ ังและหมอเพลง พิธีไหวค้ รู ก่อนข้ึนเวที หมอเพลงจะไหวค้ รูก่อน เครื่องไหวค้ รู ซ่ึงเจำ้ ภำพเป็นผูห้ ำมำใหป้ ระกอบดว้ ย ผำ้ ขำว 1 ผนื กรวยพระ 6 กรวย ดอกไม้ ธูป เทียน และเงินค่ำยกครู 6 บำท สำหรับงำนธรรมดำ ส่วนงำนศพ 12 บำท ผำ้ ขำวน้นั จะไดค้ ืนจำกหมอเพลง เมื่อเสร็จงำนแลว้ หมอเพลงจะไหวค้ รูทุกวนั โดยหวั หนำ้ ท่ีไป จะเป็นผนู้ ำไหว้ หลงั จำก แตง่ ตวั เสร็จก่อนข้ึนเวที กำรไหวค้ รู หมอเพลงจะไหวบ้ ุพกำรี และบำงคนก็ไหวพ้ ญำมำรดว้ ย คือขอใหพ้ ญำมำร ทำลำยฝ่ ำยตรงขำ้ มใหย้ อ่ ยยบั จำกลอนไมไ่ ด้ ในบทไหวค้ รูก็ดูไม่จริงจงั และแทรกอำรมณ์ขนั ไวม้ ำก 1.4 เวทีเพลงโครำช ลกั ษณะเวทีเพลงโครำช ในสมยั ก่อนน้นั กำรเล่นเพลงโครำชไมจ่ ำกดั สถำนที่ อำจเล่นบนบำ้ นหรือลำนบำ้ นกไ็ ด้ เพียงแต่นำครกตำ ขำ้ ว (ครกซอ้ มมือ) มำวำงคว่ำลง แลว้ หำถงั ตกั น้ำวำงไวบ้ นครกน้นั เพอ่ื ใหห้ มอเพลงไดด้ ่ืมแกค้ อแหง้ ในยคุ ที่ยงั ไม่มีไฟฟ้ำแสงสวำ่ ง ชำวบำ้ นมกั จะทำไตช้ ำ้ ง หรือไตร้ ุ่งให้แสงสวำ่ งแทน ลกั ษณะของไตช้ ำ้ งหรือไตร้ ุ่ง ทำดว้ ยไม้ ไผย่ ำวประมำณ 5 ศอก ปลำยขำ้ งหน่ึงจกั ดว้ ยมีด แผอ่ อกสำนดว้ ยไมไ้ ผเ่ ป็นรูปกระทะใส่ดินกรุ ใส่ชนั ผสมไมผ้ ุ ๆ หรือแกลบ จุดใหแ้ สงสวำ่ ง ปลำยอีกขำ้ งหน่ึงฝังดินใกล้ ๆ กบั ครก ต่อมำใชต้ ะเกียงเจำ้ พำยุ หรือตะเกียงลำน จุด แทนไตร้ ุ่ง เวที กเ็ ปลี่ยนมำเป็ นลำดบั คือ มีเสำ 4 เสำ ยกพ้นื ปูกระดำน สูงจำกพ้นื ดินประมำณ 1 เมตร หลงั คำมุง ดว้ ยกำ้ นมะพร้ำว ท่ีกลำงพ้นื เวทีกย็ งั มีถงั ใส่น้ำต้งั อยเู่ ช่นเดิม เมื่อก่อน ที่ยงั ไม่มีเครื่องขยำยเสียงน้นั หมอเพลงตอ้ ง เสียงดงั พอท่ีจะฟังไดย้ นิ แต่ปัจจุบนั สิ่งที่ช่วยใหแ้ สงสวำ่ ง ในกำรเล่นเพลงโครำชคือ ไฟฟ้ำและมีเคร่ืองขยำยเสียง ท่ีดงั กวำ่ เสียงหมอเพลงในคร้ังก่อน ๆ เป็นประโยชน์ท้งั ผูฟ้ ังและหมอเพลง 1.5 ทำ่ รำ ทำ่ รำ ท่ำรำพอจะจำแนกออกเป็ น 2 ลกั ษณะ คือ 1.5.1 ท่ำรำชำ้ ลกั ษณะกำรรำผชู้ ำย จะกำงแขนท้งั สองขำ้ งออกพองำม มือแบออกรำข้ึนลงขำ้ งตน้ ส่วน ขำ ยำ่ งตำมจงั หวะ ของกลอนเพลง สมยั ก่อนผชู้ ำยจะวำดวงแขนกวำ้ ง ผหู้ ญิงรำเหมือนฝ่ ำยชำย ตำ่ งกนั ที่จีบมือ และวงแขนแคบ 1.5.2. ทำ่ รำเร็ว ฝ่ ำยชำยจะรำเหมือนทำ่ รำชำ้ แต่เร่งจงั หวะกำรรำใหเ้ ร็วข้ึนตำมกลอนเพลง อีกท้งั ตอ้ งรำ รุดหนำ้ เขำ้ หำฝ่ ำยหญิง ทำนองวำ่ จะเขำ้ ไปถูกเน้ือตอ้ งตวั ท่ำรำเหมือนท่ำรำชำ้ เม่ือฝ่ ำยชำยรุกมำ หญิงก็จะรำถอย หนี มือท้งั สอง ตอ้ งคอยรำปัดป้อง มิใหฝ้ ่ ำยชำยถูกเน้ือตอ้ งตวั ได้ แต่อยำ่ งไรก็ตำมมีขอ้ หำ้ มสำหรับหมอเพลง ฝ่ ำย ชำย จะถูกเน้ือตอ้ งตวั ฝ่ ำยหญิงไมไ่ ดป้ รัชญำเบ้ืองหลงั ทำ่ รำ มีวำ่ กำรท่ีผชู้ ำยวำดวงแขนกวำ้ ง เป็นกำรแสดงกำร ปกป้อง คุม้ ครองฝ่ ำยหญิง ผหู้ ญิงวำดวงแขนแคบ แสดงกำรฉอเลำะ ตอนแรกชำยจะรุกหญิงถอย และตอนหลงั หญิงจะรุก ชำยถอย แสดงวำ่ หญิงจะชนะทุกคร้ัง ในเรื่องเพศ 79
ลำดบั ข้นั ของกำรเล่นเพลงโครำช กำรเล่นเพลงโครำชซ่ึงกลอนเพลงมีช่ือเรียกตำมเน้ือหำต่ำงๆ แต่พอจะสรุปกำรเล่นเป็ นข้นั ๆ ไดด้ งั น้ี 1. เพลงเกร่ิน ฝ่ ำยชำยจะข้ึนเวทีก่อน บอกเกริ่นใหร้ ู้ถึงเหตุท่ีจดั ใหม้ ีกำรเล่นเพลงข้ึนเพ่อื อะไร งำน อะไร ใครเป็นเจำ้ ภำพ มีจุดประสงคอ์ ยำ่ งไร ใหผ้ ทู้ ี่มำฟังไดท้ รำบ และอำจมีกำรขออภยั ผชู้ มก่อน ถำ้ สุ้มเสียง หรือ กำรแสดง บกพร่อง 2. เพลงเชิญ ฝ่ ำยชำยจะตอ้ งร้องเชิญใหฝ้ ่ ำยหญิงลงจำกเรือนมำเพ่อื วำ่ เพลงกบั ตน เพลงตดั เชิญ ฝ่ ำยหญิงจะร้องแกว้ ำ่ กำรที่ลงมำชำ้ เพรำะเป็นผูห้ ญิงก็ตอ้ งแต่งกำยใหส้ วยงำม อำจล่ำชำ้ ไปบำ้ งตอ้ งขออภยั 3. เพลงถำมขำ่ ว ฝ่ ำยชำยจะถำมผหู้ ญิงวำ่ ชื่ออะไร บำ้ นอยทู่ ี่ไหน มีอำชีพอะไร 4. เพลงเปรียบ เป็นเพลงที่ท้งั สองฝ่ ำยกระทบกระเทียบเสียดสีซ่ึงกนั และกนั 5. เพลงไหวค้ รู ร้องเพื่อระลึกถึงครู อำจำรยซ์ ่ึงนำควำมรู้สัง่ สอนมำ ไหวท้ ้งั คุณพระรัตนตรัย และพญำ มำร 6. เพลงปรึกษำ หลงั จำกไหวค้ รูแลว้ ก็จะปรึกษำกนั วำ่ จะเริ่มเล่นเร่ืองอะไรก่อนดี 7. เพลงเก้ียว เพลงเก้ียวน้ีมีหลำยอยำ่ ง ท้งั เก้ียวธรรมดำและเก้ียวหลอก ๆ 8. เพลงชวน เก้ียวแลว้ เม่ือชอบพอกนั กช็ วนกนั หนีหรือชวนไปชมนก ชมไม้ 9. เพลงชมธรรมชำติ พรรณนำควำมงำมของธรรมชำติ 10. เพลงเรื่อง เป็นเพลงท่ีเล่ำเร่ืองใดเรื่องหน่ึงโดยเฉพำะ เช่น เร่ืองเวสสนั ดร สุภมิต เกสินี เป็นตน้ 11. เพลงลองปัญญำ เป็นกำรซกั ถำมประวตั ิของบำงสิ่งบำงอยำ่ ง เพ่อื ทดสอบปัญญำ 12. เพลงเก้ียวแกมจำก ฝ่ ำยหญิงและชำยส่งั ลำกนั อวยชยั ใหพ้ รฝ่ ำยตรงกนั ขำ้ ม บำงทีกช็ วนไปอยู่ ดว้ ยกนั 13. เพลงปลอบ เป็นเพลงที่บอกอยำ่ ใหเ้ สียอกเสียใจเมื่อลำ 14. เพลงจำก เป็นเพลงท่ีบอกถึงควำมจำเป็นตอ้ งจำกลำ 15. เพลงคร่ำครวญ แสดงถึงควำมรันทดในกำรพลดั พรำกจำกกนั 16. เพลงใหพ้ ร เป็นกำรใหพ้ รเจำ้ ภำพ ผูด้ ู รวมถึงหมอเพลงดว้ ยกนั 17. เพลงลำ กล่ำวลำเจำ้ ภำพ ผดู้ ู และหมอเพลงที่ร่วมเล่นดว้ ยกนั เพลงโครำชสมยั ปัจจุบนั อำจจะมีกำรแสดงอ่ืน ๆ เขำ้ แทรกเพื่อเปลี่ยนบรรยำกำศใหผ้ ฟู้ ังคลำยควำมลำ้ จำก กำรฟัง หรืออำจเป็นกำรแทรกเพอ่ื ทำตำมคำขอผชู้ มกไ็ ด้ เช่นแทรกลำตดั เพลงฉ่อย หมอลำ เพลงลูกทุง่ แหล่ ฯลฯ ในยคุ ก่อนน้นั จะมีกำรแทรกเพียงแหล่โครำชเทำ่ น้นั แต่ต่อมำ อำจจะเป็นเพรำะอิทธิพลของกำรแสดงอ่ืน ๆ เขำ้ มำมีบทบำทข้ึน จึงทำใหม้ ีกำรผสมผสำนทำงดำ้ นกำรแสดงกนั มำกข้ึน ควำมเชื่อในกำรเล่นเพลงโครำช ส่วนใหญห่ มอเพลงจะมีควำมเช่ือในเร่ืองโชคลำงพอสมควร เช่นในกำรกำ้ วข้ึนโรงเพลง จะมีกำรดูทิศ ตำม ฤกษร์ ับ กำ้ วแรกที่ข้ึน จะตอ้ งเลือกดูตำมทิศทำง โดยกำรหำยใจ ถำ้ ขำ้ งซำ้ ยคล่อง กก็ ำ้ วขำซำ้ ยข้ึน ทำนองเดียวกนั ถำ้ ขำ้ งขวำหำยใจสะดวก กก็ ำ้ วขำ้ งขวำข้ึน เป็ นตน้ เมื่อข้ึนเวทีไปแลว้ ก็มีกำรเป่ ำคำถำมหำนิยม เพอื่ ใหผ้ ฟู้ ังช่ืน 80
ชอบตนกม็ ี หมอเพลงบำงคนเชื่อวำ่ หลงั คำโรงเพลงน้นั ถำ้ หำกมีกำรมดั ดว้ ยตอก หรือส่ิงอื่นใดจะทำให้ คำถำอำคม สติปัญญำในกำรวำ่ เพลงเสื่อมลงไปดว้ ย กข็ อร้องใหแ้ กม้ ดั ตอกออกกม็ ี 2. การฝึ กและข้ันตอนการร้องเพลงโคราช เพลงโครำช ต้งั แตย่ คุ แรกมำจนถึงยคุ ปัจจุบนั เร่ิมต้งั แต่เพลงส้ัน ๆ มำจนถึงเพลงยำว ๆ ที่ใชเ้ ล่น กนั ในปัจจุบนั น้ีแบ่งได้ 5 ประเภท คือ 1.1 เพลงขดั อนั เป็นเพลงส้ัน ๆ มีสัมผสั อยแู่ ห่งเดียว คือ ระหวำ่ งวรรคท่ี 1 กบั วรรคที่ 2 เทำ่ น้นั ส่วนวรรคท่ี 3 และ 4 ไมม่ ีสมั ผสั ( สมั ผสั ท่ีใชเ้ ป็นสมั ผสั สระ ) เช่น 2.1.1 เออ้ เอ่อ....สะรุสะระ อีแมก่ ะทะขวั่ ถวั่ เมิด้ บุญผวั แลว้ เหมือนไขไ่ ก่ร่ำงรัง 2.1.2 เออ้ เออ่ ....สะรุสะระ อีแมก่ ระทะขว่ั หมี่ รู้วำ่ กินไมเ่ มิด้ มึงจิขว่ั มำกทำไม ( ในขอ้ 2.1.2 น้ี จะเห็นไดว้ ำ่ มีกำรเล่นอกั ษรเพิม่ เขำ้ มำแต่ยงั ไม่บงั คบั ลกั ษณะน้ีจะกลำยเป็นสมั ผสั บงั คบั ในสมยั หลงั ) 1.2 เพลงกอ้ ม เป็นเพลงส้ัน ๆ เช่นเดียวกบั เพลงขดั อนั แต่เพ่มิ สัมผสั ในระหวำ่ งวรรคท่ี 3 และ 4 ซ่ึงไมม่ ีในในเพลงขดั อนั เช่น ทำกะตอ้ งกะแตง้ อยูเ่ หมือนกะแต๋งคอกะติก ขอให่พ่ีซกั หน่อย จะเอำไป ฝำกถ่วยน่ำมพริก 1.3 เพลงหลกั เป็นเพลงท่ีเพมิ่ จำนวนวรรคจำก 4 วรรคในเพลง 2 ประเภทตน้ มำเป็น 6 วรรค เพลงประเภทน้ีจะเห็นวำ่ กำรเร่ิมใชส้ ัมผสั ประเภทอกั ษรเด่นชดั ข้ึนเช่น 2.3.1 อนั คนเรำทุกวนั เปรียบกนั กะโคม พอคนโห่ควนั โหม ก็ลอยบนเวหำ พอเมิ้ดควนั โคม คืน กต็ ก๊ ลงพ้นื สุธำ...ใหญ่ 2.3.2 เกษำวำ่ ผม แก่แลว้ บำนผเี ม่ือผมดำงำมดี กล็ บั มำหำยดำ ไมเ่ ป็นผลดีดอกผม จะไมน่ ิยม มนั ทำ...ไม 2.4 เพลงสมยั ปัจจุบนั คือเพลงที่ใชร้ ้องเล่นกนั ในปัจจุบนั มีขนำดยำวกวำ่ สมยั ก่อน ๆ แต่ถำ้ ร้อง จะร้องชำ้ บำงทีจงั หวะไมส่ ม่ำเสมอ ข้ึนอยกู่ บั ผรู้ ้อง ร้องชำ้ หรือร้องเร็วไมส่ ม่ำเสมอเช่น โอโ้ อ่ ...... ประเทศของไทยเรำถึงครำวแคบ มนั ตอ้ งมีคนแอบดอกนำพเี่ อย .......คนแฝงเพลงโครำช สมยั เจริญจำ้ งเป็นเงินมำก็แพง .......เองจะวำ่ กนั ยงั ไงจะถูกใจคน ฟังขอใหห้ นุ่มนำหนำ้ พอ .......เหน่ือยมำจะนำนอน ถำ้ เขำ่ ใจครรไลจร ใหช้ ี่นิ่วนำทำง .......อุปมำเหมือนยงั พระ.....เดินนำเณร (ตบมือ) สมยั ววิ ฒั น์พฒั นำ เขำกำ้ วหน่ำมิใช่น่อย มำฉนั จะเดินซ่อนรอย ขอแต่ใหพ้ ่ีชำยนำ ถำ้ ยงั ไมจ่ รจะนำไปถึงจุด๊ ฉนั คงไมย่ ดุ๊ พยำยำม จะนำนอ้ งเขำ่ ไปเขำใหญ่ หรือดงพญำ....เยน็ 81
1.4 เพลงจงั หวะรำ เพลงประเภทน้ี เป็นท่ีใชร้ ้องกนั อยใู่ นสมยั ปัจจุบนั เช่นเดียวกบั ท่ีกล่ำว มำแลว้ ในขอ้ 2.4 แตกต่ำงกนั ที่ตรงจงั หวะรำน้ีจะเล่นสัมผสั มำก และสม่ำเสมอ สำมำรถเคำะจงั หวะตำมได้ และ ขณะที่ร้อง ผรู้ ้องจะรำขยม่ ตวั ไปตำมจงั หวะเพลงดว้ ย โดยจะเร่ิมรำเม่ือวำ่ ไปแลว้ ประมำณ 4 วรรค เพรำะใน 4 วรรคตน้ น้ีจงั หวะยงั ไมก่ ระช้นั หรือคงที่ อำจชำ้ บำ้ งเร็วบำ้ ง จะรำดว้ ยก็ไดแ้ ตเ่ ป็นกำรรำชำ้ ๆ ไปรำจงั หวะเร็วท่ี วรรคท่ี 5 - 8 เป็นกำรจบท่อนแรก พร้อมท้งั ตบมือ 1 คร้ัง พอข้ึนท่อนที่ 2 จะร้องชำ้ ลงเพ่ือเตรียมจบหรือเตรียมลง กำรรำหลอกล่อกนั ระหวำ่ งชำยและหญิง คือถำ้ ฝ่ ำยชำยร้อง ฝ่ ำยหญิงกจ็ ะรำดว้ ย ถำ้ ฝ่ ำยหญิงร้องฝ่ ำยชำยกจ็ ะรำ ดว้ ย กำรรำจึงเป็นกำรรำทีละคู่ แบง่ ตำมลกั ษณะกลอน จะไดเ้ ป็น 5 ประเภทคือ เพลงคู่สอง เพลงคู่สี่ เพลงคูแ่ ปด และเพลงคูส่ ิบสอง กำร แบง่ เช่นน้ี เป็นกำรกำหนดประเภทคลำ้ ยแบบที่แบ่งตำมววิ ฒั นำกำรนน่ั เอง คือเพลงคู่สองกบั คู่สี่ เป็นเพลงกอ้ ม ส่วนเพลงคู่หก กบั คู่แปดเป็นเพลงท่ีใชร้ ้องกนั ในปัจจุบนั ซ่ึงท้งั สองประเภทน้ี มีควำมแตกตำ่ งกนั เพยี งเลก็ นอ้ ย ในดำ้ นจำนวนคำในวรรค ส่วนเพลงคูส่ ิบสองน้นั เป็ นเพลงที่ดดั แปลง มำจำกเพลงคูแ่ ปด โดยเพ่ิมจำนวนคำ ใน วรรคมำกข้ึน และร้องเร็วมำก จงั หวะถี่ยงั ไม่แพร่หลำยนกั ในปัจจุบนั เพรำะหมอเพลงส่วนใหญ่ จะคิดคำไม่ทนั กบั ท่ีตอ้ งวำ่ เร็ว ๆ จึงปรำกฎใหเ้ ห็น เพยี งเล็กนอ้ ยเท่ำน้นั แบง่ ตำมเน้ือหำของเพลง จะไดห้ ลำยชนิด เช่น เพลงเกร่ิน เพลงเชิญ เพลงไหวค้ รู เพลงถำมข่ำว เพลง ชวน เพลงชมนกชมไม้ เพลงเก้ียวเพลงเปรียบ เพลงสำบำน เพลงด่ำ เพลงคร่ำครวญ เพลงสู่ขอ เพลงเก้ียวแกมจำก เพลงจำก เพลงลำ เพลงพำหนี เพลงปลอบ เพลงไหวพ้ ระ เพลงตวั เดียว เพลงเร่ือง ( นิทำน ) เป็นตน้ เน้ือหำของเพลงโครำชมีหลำยรส ท้งั คำส่งั สอนคำด่ำ กระทบกระเทียบเปรียบเปรยและกล่ำวเป็นนยั ถึง เร่ืองเพศ เป็ นกำรใชภ้ ำษำเชิงสัญลกั ษณ์ และกำรใชค้ ำตรงๆ จนคนท่ีไม่ชิน กบั เพลงปฎิพำกยพ์ ้ืนบำ้ น ฟังไม่ได้ เพรำะเห็นวำ่ หยำบโลนจนเกินไป ถำ้ ผฟู้ ังเพลงชอบใจ จะโห่ฮิ้วแทนกำรปรบมือ เน้ือหำของเพลงโครำชเกี่ยวขอ้ งกบั สิ่งต่อไปน้ี 1. สุภำษิต และคำสัง่ สอน 2. เจตคติต่อสงั คม 3. ควำมเช่ือถือและคำ่ นิยม 4. ควำมเป็นอยู่ อำชีพ และสภำพสงั คม 5. วรรณคดีไทย 6. นิทำนพ้นื บำ้ นและนิทำนชำดก 7. ประวตั ิศำสตร์และวรี สตรีไทย 8. กำรใชป้ ฏิภำณไหวพริบในกำรพดู จำโตต้ อบกนั 9. ควำมรัก 10. ธรรมในพทุ ธศำสนำ เน้ือหำของเพลงโครำช ข้ึนอยกู่ บั โอกำสที่จะเล่น และบำงคร้ัง ก็แลว้ แต่เจำ้ ภำพท่ีหำเพลงโครำชไปเล่น เป็นผกู้ ำหนดวำ่ จะใหเ้ ล่นเร่ืองอะไร หมอเพลงโครำชรุ่นเก่ำ จะเนน้ เรื่องกำรใชป้ ฏิภำณไหวพริบ นิทำนชำดก และ 82
เคร่งครัดมำกในเร่ืองสอนศีลธรรม หมอเพลงโครำชรุ่นใหม่ มกั จะเล่นตำมคำเรียกร้องของผฟู้ ัง และบำงคน ไม่ เคร่งครัดในเรื่องศีลธรรมมำกนกั ขอ้ สงั เกตุวำ่ วดั หลำยแห่งในชนบทของนครรำชสีมำ เช่นที่ อำเภอพมิ ำย และอำเภอจกั รำช เวลำเทศน์ มหำชำติ จะมีกำรแหล่ประกอบ เพลงแหล่เหล่ำน้นั จะตอ้ งมีเพลงโครำชควบอยเู่ สมอ 2.1 กำรฝึกยกครูและกำรไหวค้ รู กำรยกครูเพลงโครำช ตอ้ งเตรียมอุปกรณ์ดงั น้ี กรวยพระ (กรวยกน้ ป้ำนหรือกรวยปำกเป็ ด) ใส่ดอกไม้ 1ชุด หมำกพลู 1 คำ เทียน 1 เล่ม ธูป 3 ดอก เงิน 6 บำท ในกำรต่อเพลงโครำชจำกครูเพลงตอ้ งใชค้ วำมพยำยำม ขยนั ฝึกฝนประกอบกบั พรสวรรค์ ในเรียนเพลง โครำชจะมีกำรอำบน้ำมนต์ โดยตอ้ งเตรียมเคร่ืองพิธีนอกจำกของยกครูอีกตำ่ งหำก ไดแ้ ก่ กรวยพระใส่ดอกไม้ 6 ชุด เทียน 6 เล่ม ผำ้ ขำว 1 ผนื เงิน 6 บำท ธูป 18 ดอก 2.2 กำรเขียนกลอนโครำช เน้ือหำของเพลงโครำช ข้ึนอยกู่ บั โอกำสท่ีจะเล่น และบำงคร้ัง กแ็ ลว้ แต่เจำ้ ภำพที่หำเพลงโครำชไปเล่น เป็ นผกู้ ำหนดวำ่ จะให้ เล่นเรื่องอะไร หมอเพลงโครำชรุ่นเก่ำ จะเนน้ เรื่องกำรใชป้ ฏิภำณไหวพริบ นิทำนชำดก และเคร่งครัดมำกในเร่ือง สอนศีลธรรม หมอเพลงโครำชรุ่นใหม่ มกั จะเล่นตำมคำเรียกร้องของผฟู้ ัง และบำงคน ไม่เคร่งครัดในเรื่อง ศีลธรรมมำกนกั ขอ้ สังเกตวำ่ วดั หลำยแห่งในชนบทของนครรำชสีมำ เช่นท่ี อำเภอพิมำย และอำเภอจกั รำช เวลำเทศน์ มหำชำติ จะมีกำรแหล่ประกอบ เพลงแหล่เหล่ำน้นั จะตอ้ งมีเพลงโครำชควบอยเู่ สมอ แมจ้ ะทรำบวำ่ คณะสมั ผสั ของเพลงโครำชเป็นอยำ่ งไร แต่กำรเขียนกลอนหรือแต่งกลอน ไมอ่ ำจกระทำ ไดง้ ่ำยนกั กำรบรรจุคำลงตำมคณะ ใหถ้ ูกตอ้ งสมั ผสั บงั คบั ไดน้ ้นั ไม่ไดห้ มำยควำมวำ่ จะสำมำรถร้องเป็นทำนอง ได้ เช่นเดียวกนั กบั ท่ีปรำกฏในวรรณคดีบำงประเภท โดยเฉพำะวรรณคดีกำรละคร วำ่ มีกลอนบทละครบำงเรื่อง ท่ี ไมส่ ำมำรถนำไปร้องหรือเล่นละครไดจ้ ริง เพรำะแมจ้ ะถูกตอ้ งตำมสมั ผสั บงั คบั ทุกประกำร แต่ลีลำของกลอน ไม่ สอดคลอ้ งกบั ทำนองกำรร้อง เพลงโครำชกเ็ ช่นเดียวกนั ผทู้ ี่จะเขียนกลอนโครำชไดน้ ้นั จะตอ้ งเป็ นผทู้ ี่รู้จกั ทำนองจงั หวะ และลำนำ ของเพลงโครำชไดว้ ำ่ เป็นอยำ่ งไร ตอ้ งจำไดแ้ ม่นวำ่ ลำนำทำนองและจงั หวะเป็ นอยำ่ งไร นนั่ ยอ่ มหมำยถึงวำ่ ผทู้ ี่ จะจดจำลำนำจงั หวะและทำนองไดน้ ้นั จะตอ้ งเป็ นผทู้ ่ีเคยฝึกหดั ร้องเพลงโครำชใหจ้ ำไดม้ ำกๆ หมน่ั ฝึกฝน จนรู้ เสียงสูง เสียงต่ำ เสียงส้ัน เสียงยำว และฟังจงั หวะแมน่ ยำ หรือเคยชิน เม่ือไดส้ มั ผสั กบั กลอนเพลงบ่อยๆ กจ็ ะจำ ไดข้ ้ึนใจ เม่ือจะแต่งกลอน หรือนึกกลอนใหม่ ก็ใชค้ ำไปตำมทำนอง หรือจงั หวะที่จำไดน้ ้นั เป็นเกณฑ์ ดงั น้นั แม้ หมอเพลงโครำช จะไมไ่ ดเ้ รียนหรือศึกษำเก่ียวกบั คณะสัมผสั หรือลกั ษณะกลอนเพลงโครำช ในภำคทฤษฎี แต่ จำกกำรท่องกลอนบ่อยๆ ฝึกหดั วำ่ เพลงดว้ ยควำมพยำยำม กจ็ ะรู้ไดว้ ำ่ คำคลอ้ งจองหรือสัมผสั และลีลำของเพลง เป็นอยำ่ งไร ถำ้ หำกมีควำมรู้กำรใชค้ ำ หรือมีควำมรู้แตกฉำนในดำ้ นภำษำ กจ็ ะสำมำรถหำคำ มำใส่ในกลอน ให้ สำมำรถร้องเป็ นเพลงได้ ครูเพลงทว่ั ไป จึงแตง่ กลอนเพลงได ้้ในลกั ษณะเขียนไปตำมลีลำน้ี หรือหมอเพลง ที่มี 83
ประสบกำรณ์พอสมควร จะสำมำรถดน้ กลอนหรือวำ่ กลอนสดไดท้ นั ที ส่วนท่ียงั ไม่ชำนำญ ใชว้ ธิ ีทอ่ งจำกลอน เพลงใหไ้ ดม้ ำกๆ จึงจะสำมำรถสงั เกตไดว้ ำ่ หมอเพลงคนเดียวกนั ถำ้ เขำเล่นตำ่ งโอกำส ตำ่ งสถำนท่ี มกั จะมีเน้ือ ร้อง และทำนองซ้ำๆ กนั อยมู่ ำก หรือสงั เกตไดอ้ ีกวำ่ หมอเพลงหลำยๆ คน ท่ีเรียนมำ จำกครูคนเดียวกนั กจ็ ะมีลีลำ กำรร้อง ทำนอง จงั หวะเพลงคลำ้ ยคลึงกนั สำหรับผทู้ ่ีจะฝึกหดั เขียน หรือแตง่ กลอนเพลงโครำช ก็จะตอ้ งมีคุณสมบตั ิเช่นเดียวกนั คือ ศึกษำ ส่วนประกอบต่ำงๆ ของเพลงโครำชให้เขำ้ ใจ และตอ้ งร้องเพลงโครำชได้ เม่ือเขียนมำแลว้ ก็ลองร้องดู ถำ้ ตรงไหน ใชเ้ สียงผดิ ไป จำกลีลำของเพลง กส็ ำมำรถแกไ้ ข หรือปรับเขำ้ กบั ลีลำน้นั ได้ 2.3 กำรฝึกร้องเพลงโครำช ลำดบั ข้นั ของกำรเล่นเพลงโครำช กำรเล่นเพลงโครำชซ่ึงกลอนเพลงมีชื่อเรียกตำมเน้ือหำต่ำงๆ แตพ่ อจะสรุปกำรเล่นเป็ นข้นั ๆ ไดด้ งั น้ี 1. เพลงเกร่ิน ฝ่ ำยชำยจะข้ึนเวทีก่อน บอกเกริ่นใหร้ ู้ถึงเหตุท่ีจดั ใหม้ ีกำรเล่นเพลงข้ึนเพอ่ื อะไร งำนอะไร ใครเป็นเจำ้ ภำพ มีจุดประสงคอ์ ยำ่ งไร ใหผ้ ทู้ ่ีมำฟังไดท้ รำบ และอำจมีกำรขออภยั ผชู้ มก่อน ถำ้ สุ้มเสียง หรือ กำรแสดง บกพร่อง 2. เพลงเชิญ ฝ่ ำยชำยจะตอ้ งร้องเชิญใหฝ้ ่ ำยหญิงลงจำกเรือนมำเพื่อวำ่ เพลงกบั ตน เพลงตดั เชิญ ฝ่ ำยหญิงจะร้องแกว้ ำ่ กำรท่ีลงมำชำ้ เพรำะเป็นผหู้ ญิงกต็ อ้ งแต่งกำยใหส้ วยงำม อำจล่ำชำ้ ไปบำ้ ง ตอ้ งขออภยั 3. เพลงถำมขำ่ ว ฝ่ ำยชำยจะถำมผหู้ ญิงวำ่ ช่ืออะไร บำ้ นอยทู่ ี่ไหน มีอำชีพอะไร 4. เพลงเปรียบ เป็นเพลงท่ีท้งั สองฝ่ ำยกระทบกระเทียบเสียดสีซ่ึงกนั และกนั 5. เพลงไหวค้ รู ร้องเพื่อระลึกถึงครู อำจำรยซ์ ่ึงนำควำมรู้ส่งั สอนมำ ไหวท้ ้งั คุณพระรัตนตรัย และพญำ มำร 6. เพลงปรึกษำ หลงั จำกไหวค้ รูแลว้ กจ็ ะปรึกษำกนั วำ่ จะเริ่มเล่นเรื่องอะไรก่อนดี 7. เพลงเก้ียว เพลงเก้ียวน้ีมีหลำยอยำ่ ง ท้งั เก้ียวธรรมดำและเก้ียวหลอก ๆ 8. เพลงชวน เก้ียวแลว้ เมื่อชอบพอกนั กช็ วนกนั หนีหรือชวนไปชมนก ชมไม้ 9. เพลงชมธรรมชำติ พรรณนำควำมงำมของธรรมชำติ 10. เพลงเรื่อง เป็นเพลงท่ีเล่ำเร่ืองใดเรื่องหน่ึงโดยเฉพำะ เช่น เรื่องเวสสันดร สุภมิต เกสินี เป็นตน้ 11. เพลงลองปัญญำ เป็นกำรซกั ถำมประวตั ิของบำงส่ิงบำงอยำ่ ง เพอื่ ทดสอบปัญญำ 12. เพลงเก้ียวแกมจำก ฝ่ ำยหญิงและชำยสัง่ ลำกนั อวยชยั ใหพ้ รฝ่ ำยตรงกนั ขำ้ ม บำงทีกช็ วนไปอยดู่ ว้ ยกนั 13. เพลงปลอบ เป็นเพลงท่ีบอกอยำ่ ใหเ้ สียอกเสียใจเมื่อลำ 14. เพลงจำก เป็นเพลงท่ีบอกถึงควำมจำเป็นตอ้ งจำกลำ 15. เพลงคร่ำครวญ แสดงถึงควำมรันทดในกำรพลดั พรำกจำกกนั 16. เพลงใหพ้ ร เป็นกำรใหพ้ รเจำ้ ภำพ ผดู้ ู รวมถึงหมอเพลงดว้ ยกนั 17. เพลงลำ กล่ำวลำเจำ้ ภำพ ผดู้ ู และหมอเพลงท่ีร่วมเล่นดว้ ยกนั 84
เพลงโครำชสมยั ปัจจุบนั อำจจะมีกำรแสดงอื่น ๆ เขำ้ แทรกเพื่อเปล่ียนบรรยำกำศใหผ้ ฟู้ ังคลำยควำมลำ้ จำก กำรฟัง หรืออำจเป็นกำรแทรกเพ่อื ทำตำมคำขอผชู้ มกไ็ ด้ เช่นแทรกลำตดั เพลงฉ่อย หมอลำ เพลงลูกทุง่ แหล่ ฯลฯ ในยคุ ก่อนน้นั จะมีกำรแทรกเพยี งแหล่โครำชเท่ำน้นั แต่ต่อมำ อำจจะเป็นเพรำะอิทธิพลของกำรแสดงอ่ืน ๆ เขำ้ มำมีบทบำทข้ึน จึงทำใหม้ ีกำรผสมผสำนทำงดำ้ นกำรแสดงกนั มำกข้ึน 2.4 กำรฝึกท่ำรำเพลงโครำช กำรรำประกอบกำรร้องเพลงโครำช มีท่ำรำท่ีพอจะจำแนกไดเ้ ป็น 2 ลกั ษณะ คือ 1. ทำ่ รำชำ้ ลกั ษณะกำรรำ ผชู้ ำยจะกำงแขนท้งั สองขำ้ งออกพองำม มือแบออกรำข้ึนลงขำ้ งตน้ ส่วนขำ ยำ่ ง ตำมจงั หวะ ของกลอนเพลง สมยั ก่อนผชู้ ำยจะวำดวงแขนกวำ้ ง ผหู้ ญิงรำเหมือนฝ่ ำยชำย ต่ำงกนั ท่ีจีบมือ และวง แขนแคบ 2. ทำ่ รำเร็ว ฝ่ ำยชำยจะรำเหมือนทำ่ รำชำ้ แต่เร่งจงั หวะกำรรำใหเ้ ร็วข้ึนตำม กลอนเพลง อีกท้งั ตอ้ งรำรุดหนำ้ เขำ้ หำฝ่ ำย หญิง ทำนองวำ่ จะเขำ้ ไปถูกเน้ือตอ้ งตวั ท่ำ รำเหมือนทำ่ รำชำ้ เม่ือฝ่ ำยชำยรุกมำ หญิงก็ จะรำถอยหนี มือท้งั สอง ตอ้ งคอยรำปัด ป้อง มิใหฝ้ ่ ำยชำยถูกเน้ือตอ้ งตวั ได้ แต่ อยำ่ งไรกต็ ำม มีขอ้ หำ้ มสำหรับหมอเพลง ฝ่ ำยชำย จะถูกเน้ือตอ้ งตวั ฝ่ ำยหญิงไม่ได้ ภูมิปัญญำดำ้ นนนั ทนำกำรของเพลง โครำช ไดบ้ ง่ บอกถึงเบ้ืองหลงั ท่ำรำ ประกอบเพลงโครำชกล่ำวกนั วำ่ กำรที่ 85
ผชู้ ำยวำดวงแขนกวำ้ ง เป็นกำรแสดงกำรปกป้องคุม้ ครองฝ่ ำยหญิง ส่วนกำรที่ผูห้ ญิงวำดวงแขนแคบ แสดงกำร ฉอเลำะ ออเซำะ ท่ำรำตอนแรกชำยจะเป็นฝ่ ำยรุก หญิงจะเป็นฝ่ ำยถอย และตอนหลงั หญิงจะรุก ชำยจะถอย แสดง ใหเ้ ห็นวำ่ หญิงจะเป็นฝ่ ำยชนะทุกคร้ัง ในเรื่องเพศ ตำมควำมเช่ือของคนสมยั ก่อนที่ฝ่ ำยชำยตอ้ งยอมออ่ นขอ้ ให้ ฝ่ ำยหญิงที่ถือวำ่ เป็นเพศแม่ 2.5 ข้นั ตอนกำรเล่นเพลงโครำช เพลงโครำช มีลกั ษณะและวธิ ีเล่น ดงั น้ี 1. ผเู้ ล่น ประกอบดว้ ยสองฝ่ ำย คือ ฝ่ ำยชำยและฝ่ ำยหญิง ซ่ึงปกติจะมีชำย 2 คน และหญิง 2 คน ในสมยั ก่อนไมม่ ี สังกดั คณะ ซ่ึงใครที่วำ่ เพลงเก่งกส็ ำมำรถข้ึนมำร้องเพลงได้ ส่วนใหญ่จะประทะคำรมกนั อยำ่ งเผด็ มนั 2. กำรแต่งกำย ท้งั ชำยและหญิงมกั จะสวมเส้ือตำมสมยั นิยม และนุ่งโจงกระเบน ฝ่ ำยชำยจะมีผำ้ คำดเอวบำงทีเป็นผำ้ ขำวมำ้ ไหม, ฝ้ำยหรือผำ้ แพร สำมเหลี่ยม หรือส่ีเหลี่ยมผนื ผำ้ ตำมถนดั 3. โรง ลกั ษณะโรง ยกพ้นื สูง 1 เมตร หรืออำจสูงกวำ่ น้นั ตำมควำมเหมำะสม ขนำดกวำ้ งยำวขำ้ งละ 3 เมตร เป็ น ส่ีเหล่ียมจตั ุรัส ตรงกลำงโรง มีตะเกียงเจำ้ พำยุ ถำ้ ในสมยั น้ีกใ็ ชไ้ ฟฟ้ำ มีเครื่องเสียง เช่น ไมโครโฟนและลำโพง สำหรับหลงั คำ สมยั ก่อนมุงแฝก ปัจจุบนั มุงดว้ ยสงั กะสีหรือกระเบ้ือง ทำในลกั ษณะเพงิ ตรง ๆ เพื่อกนั น้ำคำ้ ง กนั แดด และกนั ฝน เพรำะโรงเพลงโครำชมกั ต้งั อยกู่ ลำงแจง้ เพ่ือใหผ้ ชู้ มไดม้ องเห็นอยำ่ งชดั เจน ข้นั กำรอนุรักษเ์ พลงโครำช 1 ระดบั บุคคล 2 ระดบั คอบครัว 3 ระดบั ชุมชน การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ 6. บรรยำย 7. ศึกษำคน้ ควำ้ ดว้ ยตนเองจำกเอกสำร อินเทอร์เน็ต และแหล่งเรียนรู้ในชุมชน 8. สมั ภำษณ์ภูมิปัญญำ 9. พบกลุ่ม อภิปรำยแลกเปล่ียนเรียนรู้ 10. สำธิตและฝึกปฏิบตั ิ ณ แหล่งเรียนรู้ในชุมชน 11. ฝึกปฏิบตั ิดว้ ยตนเองจนเกิดควำมชำนำญท่ีบำ้ นหรือ ณ แหล่งเรียนรู้ฝึกเขียนและตรวจสอบควำม เป็นไปไดข้ องโครงกำรประกอบอำชีพเพลงโครำช 12. สรุปและนำเสนอโครงกำรประกอบอำชีพเพลงโครำช 86
ส่ือและแหล่งเรียนรู้ 1. ส่ือเอกสำร 1.2 หนงั สือ โครำชของเรำ ผแู้ ต่ง ฯพณฯ สุวจั น์ ลิปตพลั ลภ ปี ท่ีพมิ พ์ 2542 โรงพิมพ์ บริษทั มงั กรกำรพมิ พ์ (1994) จำกดั 1.3 หนงั สือเพลงโครำช เล่ม 1-2 มหำวทิ ยำลยั รำชภฎั นครรำชสีมำ ปี ที่พิมพ์ 2555 จำนวน 1,000 เล่ม เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบำทสมเด็จพระเจำ้ อยหู่ วั เน่ือในวโรกำสทรงเจริยพระชนมำยุ 7 รอบ 5 ธนั วำคม 2554 2. ส่ืออิเลคทรอนิกส์ 2.1 CD เรื่อง เพลงโครำช 2.2 เรื่อง ประวตั ิควำมเป็ นมำของเพลงโครำช 3. ส่ือภูมิปัญญำ 3.1 นำยกำป่ัน บำ้ นแทน่ บำ้ นเลขที่ 334 จิระ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ โทร 044- 264467 3.2 นำงกำเหวำ่ บำ้ นแท่น บำ้ นเลขที่ 334 จิระ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ โทร 044- 264467 3.3 นำยใหญ่ วิเศษพลกรัง บำ้ นเลขที่ 1235 ชุมชนวดั ทุง่ สวำ่ ง-ศำลำลอย ตำบลในเมือง อำเภอ เมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ โทร 081 – 5473 – 409 3.4 นำงเล็ก หวงั ตรงกลำง บำ้ นเลขที่ 1234 ชุมชนหนำ้ ยำ่ โม ตำบลในเมือง อำเภอเมือง นครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ โทร 081 – 5473 – 409 3.5 นำยบุญสม สงั ขส์ ุข เป็นผใู้ หส้ ัมภำษณ์ คณะครู กศน.ตำบล เป็ นผสู้ มั ภำษณ์ นำยกสมำคมหมอเพลงโครำช 386/145 ม. 6 ต.บำ้ นเกำะ อ. เมืองนครรำชสีมำ จ. นครรำชสีมำ 30000 โทร 089 5792686 โทรสำร 044 276794 4. สื่อแหล่งเรียนรู้ในชุมชน 4.1 ชุมชนวดั หวั สะพำน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ 4.2 ลำนอนุสำวรียค์ ุณยำ่ โม ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ 4.3 ชุมชนวดั ศำลำลอย ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ 4.4 สมำคมเพลงโครำช 386/145 ม. 6 ต.บำ้ นเกำะ อ. เมืองนครรำชสีมำ จ. นครรำชสีมำ 30000 โทร.089 -5792686 โทรสำร 044 276794 87
การวดั ผลประเมนิ ผล 2. กำรประเมินควำมกำ้ วหนำ้ 1.1 ซกั ถำม 1.2 สังเกต 2. กำรประเมินผลรวม 2.1 ตอบแบบสอบถำม 2.2 สะทอ้ นผล 88
กจิ กรรมท่ี 5 คาชี้แจง ให้นักศึกษาศึกษาเนื้อหา แล้วตอบคาถาม ดังนี้ 1 อธิบำยกำรยกครู กำรไหวค้ รู กำรแต่งกำย อุปกรณ์ประกอบกำรร้องเพลง เวทีร้องเพลงโครำช ทำ่ รำ และภำษำโครำช ใส่สมุดบนั ทึกกำรเรียนรู้ ส่งครูท่ีปรึกษำ 2 ใหน้ กั ศึกษำฝึกปฏิบตั ิตำมขอ้ ต่อไปน้ี แลว้ มำทดสอบกบั หมอเพลงโครำช / ภูมิปัญญำทอ้ งถิ่น / ครูท่ี ปรึกษำ 2.1 ฝึกกำรยกครู และกำรไหวค้ รู 2,2 ฝึกเขียนกลอนเพลงโครำชไดอ้ ยำ่ งนอ้ ย 2 วรรค 2.3 ฝึกร้องเพลงโครำช ไดอ้ ยำ่ งนอ้ ย 1 วรรค 2.4 ฝึกทำ่ รำเพลงโครำช และปฏิบตั ิข้นั ตอนกำรร้องเพลงโครำช ประกอบกำรรำ 2.5 ฝึกท่ำรำเพลงโครำช และปฏิบตั ิข้นั ตอนกำรร้องเพลงโครำช ประกอบกำรรำ บนั ทึกใส่เคร่ืองเล่น มือถือ แลว้ ส่งครูทำงไลนก์ ลุ่ม กศน.ตำบล 6. อธิบำยกำรอนุรักษร์ ้องเพลงโครำช ใส่สมุดบนั ทึกกำรเรียนรู้ ส่งครูที่ปรึกษำ 89
บรรณานุกรม ถำวร สุบงกช และคณะ เพลงโครำช : กำรศึกษำในเชิงวเิ ครำะห์และวจิ ำรณ์ นครรำชสีมำ : เนื่องใน โอำกำสฉลอง 80 ปี วทิ ยำลยั ครูนครรำชสีมำ (มหำวทิ ยำลยั รำชภฏั นครรำชสีมำ) ปรีชำ อุยตระกูล กบั นฤมล ปิ ยวทิ ย์ กำรศึกษำวฒั นธรรมพ้นื บำ้ นท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั เด็กในจงั หวดั นครรำชสีมำ รำยงำนกำรวจิ ยั ฉบบั อดั สำเนำ 2533 วทิ ยำลยั ครูนครรำชสีมำ วฒั นธรรมพ้ืนบำ้ นนครรำชสีมำ,โครำชออฟเซ็ทกำรพมิ พ,์ นครรำชสีมำ 2530 ศูนยว์ ฒั นธรรมจงั หวดั นครรำชสีมำ ของดีโครำช เล่มที่ 1 จดหมำยจำกโครำช สำนกั งำนคณะ กรรมกำรวฒั นธรรมแห่งชำติ 2525. ศูนยว์ ฒั นธรรมจงั หวดั นครรำชสีมำ ของดีโครำช เล่มท่ี 3 บนั ทึกจำกโครำช สำนกั งำนคณะกรรมกำร วฒั นธรรมแห่งชำติ 2525. วรี ะ เลิศจนั ทึก, เพลงโครำชในกระแสโลกำภิวตั น์,วทิ ยำนิพนธ์ศิลปะศำสตร์มหำบณั ฑิต มหำวทิ ยำลยั มหำสำรคำม,2541 ถำวร สุบงกชและคณะ ,เพลงโครำช โรงพิมพ์ ทีพีพริ้นท์ จำกดั ปี ท่ีพมิ พ์ 2536 สำนกั งำนวฒั นธรรมจงั หวดั นครรำชสีมำ, ปูมเมืองโครำช ,บมจ. สมบูรณ์กำรพิมพ,์ 2549 สุวจั น์ ลิปตพลั ลภ ,โครำชของเรำ , บริษทั มงั กรกำรพิมพ์ ,2542 กำปั่น บำ้ นแท่น ,เรื่องเล่ำจำกครูเพลง ,สำนกั พมิ พ์ ตะวนั รุ่ง ซินดิเคท,2554 ณฏั ฐพนั ธ์ เขจรนนั ทน์ และคณะ, กำรบริหำรกำรดำเนินงำนและกำรผลิต, บริษทั เอก๊ ซเปอร์ เน็ท จำกดั , 2545 http://edu.stou.ac.th/EDU/UploadedFile/7.pdf http://pco.kpru.ac.th/webplan/jobbudget%20sicha/koomuakrongkarn/%E0%B8%B4.pdf กำปั่น บำ้ นแท่น ศิลปิ นแห่งชำติ สำขำศิลปกำรแสดงพ้นื บำ้ น บำ้ นเลขท่ี 336 ถนนจิระ ตำบลใน เมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ โทรศพั ท์ 081-8762164 ,044-264467 กำเหวำ่ โชคชยั บำ้ นเลขท่ี 336 ถนนจิระ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ โทรศพั ท์ 081-8762164 ,044-264467 สวำ่ ง บำ้ นดอนผวำ บำ้ นเลขท่ี346 บำ้ นบุญนิมิต หมู่ท่ี 11ตำบลทะเล อำเภอเมืองนครรำชสีมำ จงั หวดั นครรำชสีมำ บุญสม สงั ขส์ ุข นำยกสมำคมหมอเพลงโครำช เลขที่ 386/145 ม. 6 ต.บำ้ นเกำะ อ. เมือง จ. นครรำชสีมำ 30000 มือถือ 089 5792686 โทรสำร 044 276794 90
คณะผ้จู ัดทา ทปี่ รึกษา ดร.สุประณีต ยศกลำง ผอู้ ำนวยกำรสำนกั งำน กศน.จงั หวดั นครรำชสีมำ นำงกรแกว้ แบบกลำง ผอู้ ำนวยกำร กศน.อำเภอเมืองนครรำชสีมำ นำยเอกภพ โตมรศกั ด์ิ ประธำนกรรมกำรสถำนศึกษำ นำยจนั ทร์ บุตรนนั ท์ กรรมกำรสถำนศึกษำ นำยบุญสม สงั ขส์ ุข ภูมิปัญญำ นำงบำเพญ็ ไทยสะเทือน ครู นำงระพี ยะสูงเนิน บรรณำรักษช์ ำนำญกำรพิเศษ คณะทางาน นำยประสิทธ์ิ ต้งั ประเสริฐ ครูชำนำญกำรพเิ ศษ หวั หนำ้ คณะทำงำน คณะทำงำน นำยเฉลำ ชยั ฉิมพลี ครูอำสำสมคั ร กศน. คณะทำงำน คณะทำงำน นำงนวลถนอม พขิ นุ ทด ครูอำสำสมคั ร กศน. คณะทำงำน คณะทำงำน นำงศรีเพญ็ เพียสุรินทร์ ครู กศน.ตำบล คณะทำงำน คณะทำงำน นำงสุภำพร ผลำผล ครู กศน.ตำบล คณะทำงำน คณะทำงำน นำงนนั ทนำกร สุขใหม่ ครู กศน.ตำบล คณะทำงำน คณะทำงำน นำงสำวแววดำว ฟอพมิ ำย ครู กศน.ตำบล คณะทำงำนและเลขำนุกำร นำงภคพร ใจรักษำ ครู กศน.ตำบล นำงนิตภำพร เกิดกลำง ครู กศน.ตำบล นำงสำวรัชนีย์ ฉ่ำสูงเนิน ครู กศน.ตำบล นำงเตือนใจ โพธ์ิสุ ครู กศน.ตำบล นำงสำวฐำปนีย์ จำรัสประเสริฐ ครู กศน.ตำบล นำงสำวภมร เอนกศิลป์ ครู กศน.ตำบล 91
92
Search