คอลมั นแ์ นะนำทำกนิ ทัว่ ถน่ิ ไทย การปลูกมนั ฝรงั่ และการแปรรูป พนม เกิดแสง * ช่วงเดอื นกมุ ภำพันธ์ – มีนำคม เปน็ ชว่ งทผี่ ลผลติ มนั ฝรั่งออกส่ตู ลำด พนื้ ท่ีเพำะปลูกส่วนใหญอ่ ยู่ในภำคเหนอื ตอนบนและ บำงจังหวัดในภำคตะวันออกเฉียงเหนอื โดยพนั ธทุ์ น่ี ิยมปลูกไดแ้ ก่ พันธุ์ สปุนตำ และพนั ธแ์ุ อตแลนตกิ ปจั จบุ นั หน่มุ สำวไทยสมยั ใหมต่ ลอดจนเด็กๆนิยมบริโภคอำหำร แบบตะวนั ตกเพมิ่ มำกขึ้นท้งั อำหำรประเภทเรง่ ดว่ น และ อำหำรว่ำงประเภทขบเคยี้ ว มนั ฝรง่ั ซึ่งเปน็ วตั ถุดิบหลักในกำรผลิตอำหำรดังกลำ่ ว จึงมีควำมต้องกำรบรโิ ภคเพิ่มข้นึ โดยเฉพำะ อย่ำงย่งิ โรงงำนอตุ สำหกรรมแปรรปู มันฝรง่ั ทอดไดข้ ยำยตวั อย่ำงรวดเรว็ และมีควำมตอ้ งกำรมันฝรัง่ เพอื่ เปน็ วัตถุดบิ ประมำณ ปี ละ 124,100 ตัน โดยท่ีรำคำขำยหวั มันสดเฉลี่ยที่ตลำดขำยส่ง 35 บำท/กก. มนั ฝรั่งจดั เป็นพืชเศรษฐกจิ ทสี่ ำคญั ในภำคเหนือ ใหผ้ ลตอบแทนสงู เม่ือเปรยี บเทียบกบั พชื อ่ืน ๆ หลำยชนิด โดยประมำณ กำรจะมีผลกำไรอยู่ระหวำ่ ง 6,000 - 9,000 บำทต่อไร่ แหลง่ ปลูกทสี่ ำคัญอยู่ในจงั หวดั เชียงใหม่ ลำพนู และตำก ซงึ่ มีผลผลติ รวมกนั ประมำณร้อยละ 90 ของผลผลิตทงั้ หมด นอกจำกนี้ ยังมกี ำรผลติ มันฝรง่ั ในจังหวัด เชียงรำย สกลนคร และ เลย โดย สำมำรถปลกู มันฝรั่งไดถ้ งึ 200,000 ไร่ รอ้ ยละ 90 เปน็ กำรผลติ มนั ฝรั่งเพือ่ เป็น วตั ถดุ บิ สำหรบั แปรรปู ส่งโรงงำน โดยมรี ำคำรับ ซ้อื ระหวำ่ ง 5-13 บำทต่อกิโลกรมั ส่วนกำรบริโภคหัวมนั สดคดิ เปน็ ร้อยละ 10 หวั พันธุ์มันฝรงั่ ทใ่ี ช้ปลูกในประเทศไทย ส่วนใหญจ่ ะนำเขำ้ มำจำกต่ำงประเทศ หำกเปน็ พนั ธุ์จำกประเทศในแถบยโุ รป เช่น เนเธอร์แลนด์สกอ๊ ตแลนด์ เยอรมนั ซึ่งจะเกบ็ เกยี่ วหวั พันธใ์ุ นเดือนสงิ หำคม – กันยำยน เมือ่ ส่งมำปลูกในไทยในชว่ งเดอื น พฤศจกิ ำยน-ธนั วำคม ซึง่ พ้นระยะพกั ตวั พอดี .......................................................................................................................................................................................................... * นกั วิชาการศึกษา ชานาญการพิเศษ สานักสง่ เสริมและฝึกอบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ e mail : [email protected]
อำเภอสันทรำย จังหวัดเชยี งใหม่ กเ็ ปน็ อีกพืน้ ทหี่ นง่ึ ทีม่ กี ำรปลกู มันฝรง่ั กนั มำก ซ่ึงจะนยิ มปลูกหลงั ฤดูกำรทำนำ คือ เดอื นพฤศจิกำยนถึงกลำงเดือนธันวำคม และเกบ็ เกี่ยวประมำณเดอื นกมุ ภำพันธุ์ – มีนำคม แตถ่ ำ้ เปน็ พ้นื ทภ่ี เู ขำสงู จำก ระดับนำ้ ทะเลตง้ั แต่ 800 เมตรขน้ึ ไป ซึ่งเปน็ เขตทีม่ อี ุณหภูมิตำ่ เหมำะกบั กำรปลูกมนั ฝรงั่ กำรปลกู อำจจะแบง่ เป็น 2 รนุ่ คือ รนุ่ หน่งึ ปลกู เดือนมนี ำคม – เมษำยน เก็บเกย่ี วเดือนมิถนุ ำยน – กรกฎำคม และรนุ่ สอง ปลูกเดือนกรกฎำคม – สิงหำคม เกบ็ เกย่ี ว เดือนตลุ ำคม-พฤศจกิ ำยน คณุ นงนชุ ปรุ ณพรรค์ เจำ้ พนกั งำนเกษตร สำนักงำนเกษตรอำเภอสันทรำย ได้กล่ำวว่ำกำรปลกู มันฝรัง่ ในประเทศไทยมี 2 ประเภท คือ ปลูกสำหรบั บริโภคสด และปลูกมันฝรั่งแปรรปู สง่ โรงงำน โดยเฉพำะอยำ่ งย่งิ พื้นทภี่ ำคเหนอื และทำงตอนลำ่ ง ของภำคตะวนั ออกเฉียงเหนอื เปน็ พ้ืนทที่ ม่ี ีควำมเหมำะสมสำหรบั ปลูกมนั ฝร่ังอย่ำงมำก มนั ฝรง่ั เป็นพืชล้มลกุ ตระกูลเดยี วกบั พริก มะเขือ มะเขอื เทศ ยำสบู ฯลฯ หวั มันฝรงั่ เกิดจำกสว่ นของลำตน้ ทำหนำ้ ที่ สะสมอำหำรและขยำยพนั ธุ์ ซงึ่ จะเรมิ่ สร้ำงหัวหลงั ปลูกไปแลว้ 1-3 สัปดำห์ โดยเฉล่ียจะใหผ้ ลผลิตระหว่ำง 6 – 1 หวั ต่อต้น ขน้ึ อยู่กบั สภำพแวดลอ้ มทเ่ี หมำะสมและควำมอุดมสมบรู ณ์ของดนิ คณุ นงนุช ปรุ ณพรรค์ เจำ้ พนักงำนเกษตร สำนกั งำนเกษตรอำเภอสันทรำย อำเภอสันทรำย จ.เชียงใหม่ มพี นื้ ทีป่ ลูกมันฝรง่ั ประมำณ 2,600ไร่ รวม 543 ครวั เรอื นโดยพันธ์ทนี่ ิยมปลกู ไดแ้ ก่ พนั ธุ์ สปุนตำ และพนั ธ์แุ อตแลนติก กำรปลูกมนั ฝรง่ั ใน เขตหนำวท่เี หมำะสมจะใหผ้ ลผลิตสงู กว่ำในเขตรอ้ น เน่อื งจำกมี สภำพแวดล้อม เชน่ อณุ หภมู ิ ควำมยำวของวนั ทเี่ หมำะสมกับกำรเจริญเตบิ โต หัวมนั ฝรัง่ ดินทีม่ กี ำรระบำยน้ำดี อำจเป็นดนิ ร่วนหรือดนิ รว่ นปนทรำย ระดบั ควำมเป็นกรดเปน็ ด่ำงของดนิ (pH) ท่เี หมำะสมอยรู่ ะหวำ่ ง 5.5 – 6.5 สภำพดินเหนียวจัดไม่ เหมำะกบั กำรปลกู มนั ฝร่งั เพรำะกำรระบำยนำ้ และอำกำศไมด่ ี เปน็ อปุ สรรคต่อกำรสร้ำงหัว คณุ นงนุช กลำ่ ววำ่ มนั ฝรงั่ เปน็ พืชที่ชอบอำหำรหนำวเย็น จะเจริญเตบิ โต ได้ดีในอุณหภูมเิ ฉลย่ี ตลอดฤดูปลูกระหวำ่ ง 15 - 18 องศำเซลเซยี ส ถ้ำอุณหภูมิสงู กวำ่ 21 องศำเซลเซียส จะมีกำรเจรญิ ทำงลำตน้ อย่ำงรวดเรว็ แต่กำรลงหวั จะน้อย และผลผลติ จะ ตำ่ ลงอยำ่ งมำกเมื่ออุณหภมู สิ ูงถึง 30 องศำเซลเซียส อณุ หภูมิต่ำกว่ำ 18 องศำเซลเซยี สจะทำให้มันฝรงั่ เตบิ โตช้ำแตก่ ำรลงหวั จะ เพม่ิ มำกขนึ้ ดงั นนั้ กำรปลูกมันฝร่ังในฤดฝู น จงึ จำเป็นตอ้ งปลุกบนพ้นื ที่สงู ทีม่ รี ะดับควำมสงู จำกระดับน้ำทะเลตง้ั แต่ 800 เมตร ขน้ึ ไป เพื่อให้มีอุณหภูมิต่ำพอทม่ี นั ฝรั่งจะลงหวั
พนั ธุ์แอตแลนติค (Atlantic)เป็นพันธุ์สำหรับแปรรูปเปน็ มนั ทอดแผ่นบำง (Potato Chip) มอี ำยเุ ก็บเก่ยี วประมำณ 100 - 120 วัน ทรงต้นตงั้ ตรง พมุ่ หนำ ใบใหญ่สเี ขียวเขม้ หัวกลมขนำดกำนกลำงถงึ เล็กผิวสีเหลืองออ่ นเปน็ ร่ำงแหเลก็ นอ้ ย เน้อื สขี ำวครมี ให้ผลผลติ สงู พันธุส์ ปนุ ตา้ (Spunta) เป็นพนั ธสุ์ ำหรบั กำรบริโภคสดจดั เป็นพันธเ์ุ บำปำนกลำง มีอำยเุ ก็บเกี่ยวประมำณ 100 - 120 วัน เจริญเตบิ โตเรว็ ทรงต้นสูง ทรงพมุ่ แน่น ใบเล็ก ทนแลง้ ไดด้ ี โคนตน้ สีมว่ ง ดอกขำว หัวรปู ร่ำงยำวและมีขนำดใหญ่ ผวิ เรียบสี เหลือง ตำดนิ้ เน้ือสีเหลือง ใหผ้ ลผลิตสูง พนั ธุส์ ปนุ ตา้ นิยมนามาประกอบอาหาร เช่น สตูว์เนอ้ื กำรปลกู มนั ฝรงั่ นนั้ สำมำรถปลูกท้งั หวั หรอื ผ่ำหัวพันธอ์ุ อกเป็นช้ิน ๆ กำรปลกู ทั้งหวั จะมขี อ้ ดี คอื จะมอี ำหำรสะสมทจี่ ะ ช่วยเร่งกำรเจรญิ เติบโตได้ดีกวำ่ และผลผลิตจะสงู กวำ่ กำรปลูกดว้ ยหัวพันธุ์ที่ผำ่ เป็นชิน้ แตข่ ้อเสีย คือ สน้ิ เปลอื งหัวพันธม์ุ ำกอำจ ถึงประมำณ 400 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่ แต่เมอ่ื ผำ่ หัวพันธุป์ ลูกจะใช้ประมำณ 100 - 150 กโิ ลกรัมเทำ่ นนั้ แตก่ ำรผ่ำหัวพนั ธุก์ ม็ ีข้อเสยี คอื จะทำให้เชือ้ โรคเขำ้ ทำลำยและเนำ่ เสียได้ง่ำย มีโอกำสตโิ รคจำกหวั พันธุท์ เ่ี ปน็ โรคไปยังหวั พนั ธท์ุ ่ีดี โดยติดไป กับมดื ทใี่ ช้ผำ่ ได้ ง่ำย ดงั นน้ั จึงควรปฏบิ ตั ิในกำรผำ่ หวั พนั ธุ์มันฝรงั่ ดังน้ี วิธีการผา่ หวั พนั ธุ์ เมื่อหัวพนั ธเ์ุ รม่ิ แตกตำข้ำงพอสังเกตเห็นได้ก็พร้อมทีจ่ ะนำไปผำ่ ได้ ควรผำ่ หวั พันธ์กุ ่อนปลูกอยำ่ ง นอ้ ย 1 สปั ดำห์ กำรผำ่ ใชม้ ีดคมชุบแอลกอฮอล์ หรือน้ำยำฆ่ำเช้ือโรค ผ่ำกลำงหวั แบง่ ครงึ่ ตำมยำว โดยผ่ำจำกดำ้ นทำ้ ยไปดำ้ นหัว จำกนนั้ ตดั แบง่ เป็นช้ิน ๆ ตำมแนวยำวและแนวตัง้ ให้ 1 ชิน้ มตี ำอยอู่ ยำ่ งยอ้ ย 1 ตำ
หลังจำกผำ่ เสรจ็ แต่ละหวั ควรจุ่มใบมดี ในแอลกอฮอล์ 70 เปอรเ์ ซน็ ต์ หรอื นำ้ ยำฆ่ำเชอื้ โรค กอ่ นจะทจี่ ะผ่ำหวั ต่อไป เพือ่ ปอ้ งกันกำรตดิ โรค นำหัวพันธ์ุทผ่ี ่ำแล้วไปแชย่ ำฆำ่ เชอื้ รำ เชน่ สำรละลำยเมตำเล็กซิล (เอพรอน) อัตรำส่วน 1 ชอ้ นแกง ผสมนำ้ 20 ลิตร แช่นำน 5 นำที แลว้ นำไปผง่ึ ใหแ้ หง้ จำกนนั้ นำไปเพำะในแปลงเพำะท่ีใชท้ รำยหรือขเี้ ถำ้ แกลบเปน็ วัสดเุ พำะ โดยเกล่ยี ทรำยให้เรยี บหนำ ประมำณ 3-5 เซนตเิ มตร นำหวั พนั ธมุ์ ำวำงเรยี งบนแปลงเพำะ โดยวำงสว่ นตำอยู่ดำ้ นลำ่ งกลบด้วยทรำยบำง ๆ หนำประมำณ 1 เซนติเมตร รดนำ้ ให้ชนื้ อยเู่ สมอระวงั อยำ่ ใหเ้ ปียกแฉะหรือน้ำขงั หลังจำกชำประมำณ 1 สปั ดำห์ หนอ่ จะงอกยำว 1-2 เซนตเิ มตร นำไปปลูกได้ กำรเตรยี มดินให้ไถดนิ ลกึ อยำ่ งน้อย 20 เซนตเิ มตร ตำกดนิ ไวก้ ่อนปลูก 10 - 15 วัน หำกดนิ เปน็ กรดมำกควร ใชโ้ ดโล ไมท์หวำ่ นใหท้ ว่ั แปลง อัตรำ 200 - 500 กิโลกรัม/ไร่ ข้ึนอยูก่ บั ระดบั ควำมเปน็ กรดของดนิ (คำ่ pH ทเ่ี หมำะสมควรอยู่ระหว่ำง 5.5-6.5) จำกนนั้ ไถพรวนอีก2-3 คร้งั เพื่อให้ดินรว่ นซุยดี จงึ ยกร่องหรอื ยกแปลงปลูก กำรปลูก สำมำรถปลูกได้ 3 วธิ ีคอื กำรปลกู แบบแถวเดี่ยวไมย่ กรอ่ ง กำรปลูกแบบแถวเดีย่ วยกรอ่ ง และกำรปลูกแบบ ยก แปลงปลกุ แบบแถวคู่ กำรยกแปลงปลุกแบบแถวคู่ จะยกแปลงปลูกขนำดกว้ำง 1-1.2 เมตร ยำวตำมพน้ื ท่ี ขดุ หลมุ ปลกู แถวคบู่ นหลงั แปลง ระยะ ระหว่ำงแถว 40 - 80 เซนตเิ มตร ระยะระหวำ่ งหลมุ 30 - 40 เซนตเิ มตรใสป่ ุ๋ยคอก 800-1000 กก./ไร่และปุ๋ยเคมี สตู ร 15-15-15 อัตรำ 150 กก./ไร่ รองกน้ หลมุ วำงหัวพันธุ์ลงในหลมุ แลว้ กลบดนิ หนำ 5-10 เซนตเิ มตรไถกลบดินในแปลง 2รอบ
เกษตรกรสำมำรถเลือกแบบใดแบบหน่ึงได้ ทงั้ น้ขี นึ้ อยู่กบั ควำมชำนำญ และควรพจิ ำรณำวำ่ จะนำเครือ่ งจักรกลทนุ่ แรง มำช่วยหรือไม่ สำหรบั กำรเตรยี มดนิ และควำมลกึ ของกำรปลูก มขี อ้ ควำมคำนงึ ถงึ คอื สันรอ่ งควรมคี วำมกว้ำงคอ่ นข้ำงมำก และปลำยสนั ร่องโคง้ มนซึ่งจะชว่ ยทำใหห้ วั มนั ฝรั่งมขี นำดใหญ่ และควรวำงหัวพนั ธุใ์ หอ้ ยู่สูงกว่ำระดบั ท้องรอ่ ง เพือ่ ว่ำกรณที ี่มี นำ้ ขงั ในร่อง หวั มันฝร่ังจะไม่แชอ่ ยใู่ นน้ำ ในกำรใสป่ ยุ๋ นน้ั คุณนงนชุ แนะนำว่ำ ควรจะใสท่ ัง้ ป๋ยุ คอกและปุ๋ยเคมีกำรใส่ปยุ๋ ควคำนงึ ควำมอุดมสมบูรณข์ องดินทใี่ ช้ ปลกู มันฝรัง่ วำ่ มธี ำตุอำหำรอยแู่ ล้วมำกน้อยเพียงใด โดยกำรนำดนิ ไปตรวจวเิ ครำะห์ แลว้ จึงพจิ ำรณำใชช้ นิดและอตั รำปยุ๋ ที่ เหมำะสม ตำมคำ่ วิเครำะหด์ นิ ท้งั น้ีควรแบง่ กำรใสป่ ๋ยุ ให้มันฝรง่ั เปน็ 3 คร้ัง ดังน้ี ครงั้ ท่ี 1 ใส่ปุ๋ยสตู ร 15-15-15 อตั รำ 100 -150กโิ ลกรมั /ไร่ โดยใสร่ องกน้ หลุมกอ่ นปลกู ครงั้ ท่ี 2 เมื่อมันฝร่ังอำยุได้ 15-20 วัน ใสป่ ุ๋ยยูเรียอตั รำ 25 กโิ ลกรมั /ไร่ โดยใส่เป็นแถวขำ้ งตน้ พรอ้ มกับพนู ดินกลบโคนต้นสงู ประมำณ 20-25 เซนติเมตร เนอ่ื งจำกหวั มนั ฝรงั่ เกดิ จำกลำตน้ ใตด้ ินทเ่ี รยี กว่ำไหล ซ่งึ อกออกมำจำกส่วนโคนของลำตน้ ตรง สว่ นปลำยของไหลนจี้ ะพองตัวออกทำหน้ำทเ่ี ก็บสะสมอำหำรเปน็ หวั มนั ฝร่ัง แตถ่ ำ้ ไหลน้ีเกิดโผลพ่ น้ ดนิ ขนึ้ มำกจ็ ะเจริญเปน็ ลำ ต้นมีใบตำมปกติ ดงั นั้นจงึ จำเป็นต้องพนู ดนิ กลบโคนต้นเพ่อื ให้มกี ำรลงหวั ดีรวมทง้ั เป็นกำรป้องกนั ไมใ่ หห้ ัวมนั ฝรง่ั ถกู แสงแดด ซึง่ จะทำใหห้ ัวเกดิ สีเขยี ว ไมเ่ ปน็ ทต่ี อ้ งกำรของตลำดหรือโรงงำน ครั้งท่ี 3 เมอ่ื มันฝร่ังอำยุได้ 30 วัน ใส่ปุ๋ยโปตสั เซยี่ มซลั เฟต อตั รำ 25 กโิ ลกรัม/ไร่ โดยใส่โรยเป็นแถวพรอ้ มกับพูนดนิ กลบ โคนอีกครงั้ หนง่ึ
มนั ฝรงั่ เปน็ พชื ทตี่ ้องกำรน้ำสม่ำเสมอ ควำมถขี่ องกำรใหน้ ำ้ จะ ผนั แปรตำมระยะกำรเจรญิ เติบโตของมนั ฝร่งั ในระยะแรก หลงั จำกปลกู มนั ฝรงั่ ต้องกำรนำ้ นอ้ ย และจะคอ่ ย ๆ เพ่มิ ขน้ึ สงู สุดเมอ่ื ต้นเจริญเตบิ โตคลมุ ดนิ เต็มท่ี และตอ้ งกำรปริมำณน้ำมำก จนตน้ ฝรง่ั แก่ดงั นนั้ ชว่ งแรกปลูกควรใหน้ ้ำปรมิ ำณ น้อยเพยี งพอแกก่ ำรงอกเทำ่ นั้นถ้ำน้ำมำกเกนิ ไปอำจทำใหห้ วั พนั ธุ์ทป่ี ลกู เน่ำ เสยี หลงั มันฝรง่ั งอกแลว้ ให้น้ำปรมิ ำณมำกขึน้ และสม่ำเสมอ หลงั จำกท่ีมนั ฝรงั่ ลงหัวแล้วถ้ำได้รับนำ้ ไม่สม่ำเสมอจะใหห้ ัวทีม่ ี ลักษณะผิดปกติ กำรให้นำ้ โดยทวั่ ไป ใชว้ ิธีปล่อยน้ำไปตำมรอ่ งใหน้ ้ำไหลซมึ ไปสู่บรเิ วณรำก เกษตรกรอำจช่วยตักรดได้ ใหด้ นิ มี ควำมช้ืนพอเหมำะ ไมแ่ ห้งหรอื แฉะเกินไป ทำใหผ้ วิ ไมส่ วยและมโี อกำสเนำ่ เสยี ได้ง่ำย เม่ือใกล้ช่วงเก็บเกี่ยวควรงดใหน้ ำ้ ก่อนขุด ประมำณ 2 สัปดำห์ เมอื่ มันฝรั่งอำยุ 40-50วัน หรอื ระยะทรงพุม่ เรม่ิ ชิดกนั ใหค้ ัดเลือกตน้ ทีไ่ มม่ อี ำกำรของโรคและแมลงเขำ้ ทำลำยไว้ โดยใช้ ไมร้ วกยำว 1เมตร ปักแสดงไว้ขำ้ งตน้ เพ่ือเปน็ เคร่อื งหมำยในตอนเก็บหวั พนั ธุ์ไวท้ ำพันธ์ตุ อ่ ไป ควรทำกำรกำจดั วชั พชื ไปพรอ้ มกบั กำรใสปยุ๋ และพูนโคน กำรพ่น สำรเคมีคุมกำรงอกของเมลด็ วชั พชื เช่น เมทริบูซนิ (เซง็ คอร)์ ฉดี พน่ หลังจำกปลกู มันฝรง่ั เสรจ็ ก่อนงอก จะลดปรมิ ำณวชั พชื ลงได้มำก ชว่ งทมี่ ันฝรง่ั ลงหัวแล้วไม่ควรพรวนดินกำจัด วชั พชื จะทำให้หวั มันฝร่ังไดร้ บั กำรกระทบกระเทือน ทำใหห้ วั เกดิ รอยแผลได้ โรคและแมลงที่เปน็ ศตั รขู องมนั ฝร่ังที่สำคญั ๆมี ดงั นี้ โรคใบไหม้ เร่ิมแรกแผลบนใบเป็นจดุ ช้ำฉ่ำนำ้ มีลกั ษณะกลม จะลกุ ลำมขยำยเป็นแผลใหญ่ ตรงกลำงแผลแห้งสีนำ้ ตำล ขอบ แผลเปียกชื้นสีดำ เนอื้ เย่อื ใบรอบ ๆ ขอบแผลมีสีเหลืองซีดและฉ่ำนำ้ ในสภำพอำกำศช้นื จะปรำกฏเสน้ ใยและสปอร์สีขำวหรอื เทำท่ีวงรอบนอกของแผลดำ้ นทอ้ งใบ แผลจะเร่มิ ปรำกฏตรงปลำยหรือริม ๆ ขอบใบ ขนำดแตกต่ำงกันไปตง้ั แต่ 2-3 มิลลเิ มตร ถึง 3-4 เซนตเิ มตร กรณีทเ่ี ป็นโรครนุ แรงใบจะแห้งและดำ จะเกดิ แผลเน่ำแหง้ สนี ำ้ ตำลแกห่ รอื สีดำตำมแนวของลำต้นและกง่ิ กำ้ น เมือ่ เปน็ มำกจะหกั พบั และแหง้ ตำย
สาเหตุของโรคและการแพรร่ ะบาด เกิดจำกเชอื้ รำไฟทอฟเทอรำ่ ซึ่งอำศัยอยู่ในเศษ ซำกพืชทเี่ ป็นโรคและต้นพชื ที่หลงเหลือ จำกกำรเก็บเกยี่ ว กำรระบำดเกดิ จำกสปอร์ถูกพัดพำหรอื ถูกนำให้แพร่กระจำย ไปโดยลม นำ้ ฝน แมลง และเคร่ืองตำ่ งๆ การปอ้ งกนั กาจดั หลีกเลยี่ งกำรปลกู พืชลงในแปลงเก่ำทเ่ี คยมโี รคระบำด กำรใช้สำรเคมีควรเน้นหนกั ไปในกำรปอ้ งกนั กำรเกดิ โรคหรือ ตดิ เช้ือ ควรเร่มิ พ่นเม่ือพืชมขี นำด 15-30 เซนติเมตร อยำ่ งน้อย 10 วนั กอ่ นทีโ่ รคจะเกิดขนึ้ โดยพน่ ทุก ๆ 7-10 วนั หรอื 3-5 วันต่อครง้ั เมื่ออำกำศเรม่ิ ชน้ื หมอกน้ำค้ำงจดั หรอื ฝนชกุ และมกี ำรระบำดรุนแรง จำกนัน้ ใหพ้ น่ ตดิ ต่อกนั ไปจนเกบ็ เกีย่ ว สำรป้องกนั กำจดั โรคพืชทใ่ี ช้ไดผ้ ลดี เช่น โพรพเี นบ เมตำแฃกซลิ เอฟโฟไซท์ อะลูมนิ ัม่ แมนโคเซบ็ มำเนบ็ ซเี นบ็ และ คอบเปอรอ์ ๊อกซี คลอไรด์ ส่วนโรคทเ่ี กิดจำกเช้อื แบคทเี รยี เช่น โรคเหีย่ ว และโรคทเี่ กดิ จำกเชอื้ ไวรัสทำให้ใบด่ำงและ ตน้ แคระแกรน ยงั ไมม่ ียำปอ้ งกนั กำจดั ทีไ่ ดผ้ ลดี กำรควบคมุ โรค คอื ถำ้ พบตน้ เปน็ โรคให้ถอนท้งิ ทนั ที แล้งนำไปฝงั หรอื เผำทำลำย สำหรับโรคที่เกดิ จำกไวรสั ควรพน่ สำรฆ่ำแมลง เพอื่ กำจดั เพล้ยี ออ่ นที่เปน็ พำหะของโรค กำรควบคุมแมลง พวกเพล้ียออ่ น พ่นดว้ ยสำรคำรบ์ ำริล (เซพวิน 85 ) สลบั กบั คำรโ์ บซลั แฟน (พอสซ)์ ทุก 10 วัน ถำ้ มหี นอน ชอนใบและเพลย้ี ไฟระบำด ควรพน่ ด้วยสำรฆำ่ แมลงอมิ คิ ำโคลพรคิ (คอนฟดิ อร์ 100 เอสแอล) สลบั ไซเพอรเ์ มทรนิ /ไฟซำโลน (พำรซ์ อน) ฉีดพน่ ทุก ๆ 5-7 วนั ไสเ้ ดอื นฝอย เกดิ จำกไส้เดือนฝอยรำกปม เมลลอยโดยนี จะเขำ้ ทำลำยรำกกอ่ นจนเกดิ รำกปม แลว้ จงึ เขำ้ ทำลำยหัวมนั ฝรัง่ เกิด ปุ่มปมเหมอื นหดู ทำให้หัวมลี ักษณะบิดเบย้ี ว เกษตรกรนิยมเรียกว่ำ โรคหดู การป้องกันกาจัด ดูแลรกั ษำแปลงให้สะอำด หมนั่ กำจดั วัชพืชทีเ่ ปน็ พืชอำศัยของไสเ้ ดือนฝอยรำกปม และเกบ็ หวั มันฝร่งั ท่ี เป็นโรคหดู ออกนอกแปลง ไถพรวนดนิ ให้ดแี ละลึก และควรไถตำกดินทง้ิ ไว้ระยะหนง่ึ ก่อนทำกำรปลกู ปลูกพืชทไี่ ม่เป็นพชื อำศัยของไส้เดือนฝอยรำกปม หมนุ เวียนเพอ่ื ลดปริมำณของไสเ้ ดอื นฝอย
กำรใช้สำรเคมี ควรใชด้ ว้ ยระมดั ระวงั สำรเคมที ใ่ี ชป้ ้องกนั กำจดั ไส้เดือนฝอยรำกปมมหี ลำยชนดิ เช่น รักบ้ี ไวเดท เปน็ ตน้ การแพรร่ ะบาดของ หนอนผเี สื้อจะทำลำยโดยชอบใบมนั ฝรง่ั และเจำะเข้ำไปในกง่ิ กำ้ น และเจำะทำลำยหัวในระยะปลูกและ จะระบำดรุนแรงเจำะทำลำยหวั มนั ฝรง่ั ช่วงเก็บรกั ษำในโรงเกบ็ จงึ ไม่ควรปลกู มนั ฝรั่งหรือพืชอำหำรของแมลงชนดิ น้ีต่อเนื่องกัน ตลอดปี ควรปลูกสลบั กับพชื อ่นื เชน่ ขำ้ วโพด หรอื ข้ำวฟำ่ ง ควรทำควำมสะอำดแปลงเกบ็ เศษพืช ทำกำรพูนโคนใหด้ ี และใหน้ ำ้ แก่มันฝร่ังอยำ่ งสมำ่ เสมอ กำรเกบ็ เกย่ี วมันฝรง่ั พนั ธุ์แอตแลนติค และพนั ธุส์ ปนุ ต้ำ ซ่งึ เปน็ พนั ธ์เุ บำปำนกลำงจะมอี ำยเุ ก็บเกยี่ วประมำณ 100 - 120 วนั ตน้ มนั ฝรง่ั ที่แกใ่ บจะเปล่ยี นเปน็ สีเหลือง ลำต้นจะล้มเอนรำบไปกบั พืน้ ดนิ ควรขดุ มนั ฝร่งั เมอื่ แกจ่ ดั เต็มทเ่ี มือ่ ลำตน้ และใบเริ่ม แหง้ ตำยเทำ่ น้ัน ควรแยกหัวมนั จำกตน้ พนั ธุท์ ีค่ ดั เลือกไว้ไม่ปนกบั ต้นอืน่ เพือ่ เก็บไว้ทำพันธตุ์ ่อไป ไมค่ วรรบี ขุดหวั มันฝรง่ั ทอี่ ำยุออ่ นเกนิ ไป เพรำะผวิ บำงถลอกได้งำ่ ยเวลำขดุ และทำใหต้ ดิ เชือ้ โรคไดง้ ่ำย เกบ็ รักษำไดไ้ มน่ ำน หวั มนั ทอ่ี อ่ นจะมปี ริมำณนำ้ ตำลสูงและปรมิ ำณแป้งตำ่ ทำให้ไม่ได้คณุ ภำพตำมท่โี รงงำนตอ้ งกำร คดั แยกหัวทเี่ ปน็ แผล หรอื เปน็ โรคเน่ำ หัวรูปร่ำงผดิ ปกตแิ ละหวั สีเขียวทงิ้ ไป แล้วทำกำรคดั ขนำด หวั มันฝรั่งตำมเกรดท่ตี ลำดหรอื โรงงำนแปรรปู
ต้องกำร อย่ำเกบ็ เกี่ยวมนั ฝรั่งขณะท่ีมฝี นตก จะทำให้มนั ฝรัง่ เปียกชืน้ เม่ือนำไปเกบ็ รักษำจะทำใหเ้ นำ่ เสยี งำ่ ยระวงั อยำ่ ให้ หวั มนั ฝรงั่ กระทบกระแทกเสยี ดสีกนั อยำ่ ใหห้ วั มันเกิดควำมร้อนมำกเกนิ ไป อำจจะทำใหเ้ นื้อมนั ฝรง่ั มีสี ดำคลำ้ ในภำยหลงั ระหวำ่ งเกบ็ รกั ษำ หวั มันท่ีแยกไวเ้ พ่ือทำพนั ธุเ์ มือ่ คดั เลอื กและเก็บมำแลว้ ให้นำมำผึง่ ในท่ีรม่ 10-15 วัน จำกน้ันนำเขำ้ ในโรงเกบ็ ทพ่ี รำง แสงหรอื หอ้ งเย็นต่อไป ทั้งนี้ควรตรวจตรำและคัดแยกนำเอำเฉพำะหวั มันฝรง่ั ทไ่ี มม่ กี ำรทำลำยจำกหนอนผเี สื้อ หรอื แมลง ชนดิ อ่นื ๆ เข้ำเกบ็ รกั ษำ หำกมกี ำรระบำดในโรงเก็บ ก็อำจใช้สำรประเภทเชื้อแบคทเี รีย สำรเฟนรำรีเลท สำรเอทรมิ ฟอสหรอื สำรคำร์โบซลั แฟน อย่ำงใดอย่ำงหนงึ่ พ่นเดอื นละ 1-2 คร้งั มนั ฝรัง่ ท่ีเตรียมส่งโรงงำน รำคำมันฝรงั่ ในปนี ้ีเปรยี บเทียบกบั รำคำทเี่ กษตรกรตอ้ งกำรขำยน้นั พบวำ่ มันฝรง่ั เบอร์ O รำคำท่ีรบั ซือ้ เฉล่ยี 14 บำท/กก. แตเ่ กษตรกรต้องกำรรำคำขำยเฉลยี่ ที่ 20 บำท/กก. เบอร์ A รำคำทีร่ บั ซ้ือเฉลี่ย 11 บำท/กก. แตเ่ กษตรกรต้องกำรรำคำขำยเฉลีย่ ท่ี 18 บำท/กก. เบอร์ B รำคำทรี่ บั ซ้อื เฉลย่ี 9 บำท/กก. แต่เกษตรกรตอ้ งกำรรำคำขำยเฉลย่ี ท่ี 14 บำท/กก. และเบอร์ C รำคำทรี่ ับซอ้ื เฉลยี่ 8 บำท/กก. แตเ่ กษตรกรตอ้ งกำรรำคำขำยเฉลยี่ ท่ี 13 บำท/กก. ดว้ ยเหตนุ มี้ นั ฝรงั่ ท่ตี กเกรดหรอื โรงงำนปฎเิ สธทีจ่ ะรบั ซือ้ เกษตรกรจำเปน็ ตอ้ งขำยออกไปในรำคำถูกมำกๆแทบจะ ไม่ไดร้ ำคำ กลมุ่ แมบ่ ำ้ นเกษตรกรเจดีย์แมค่ รวั อำเภอสันทรำยโดยมี คณุ บัวคำ วภิ ำษำ เปน็ หวั หนำ้ กลุ่มมีสมำชกิ กล่มุ ประมำณ 100คน จึงรวมตัวกันเพ่อื ท่ีจะนำมนั ฝรงั่ ที่ตกเกรดมำแปรรปู เพ่อื เพมิ่ มูลคำ่ โดยทำเปน็ มนั ฝร่ังแผน่ ทอดรสต่ำงๆเชน่ รสบำบีควิ รสหมูหยอง และยังทำเปน็ มนั ฝรงั่ แทง่ ทอด ในระยะเริม่ แรกมีสมำชกิ รวมตัวกนั ประมำณ 50 คน ร่วมกันลงหนุ้ คนละ 100 บำท ผลติ มันทอดวันเวน้ วนั และมเี จ้ำหน้ำที่เคหกิจจำกสำนักงำนเกษตรจงั หวัดเปน็ ผใู้ หค้ ำแนะนำในกำรผลิต กำรทอด และกำรบรรจุ ถงุ และได้รบั กำรสนันสนุนเงินทนุ เร่ิมแรกจำกสำนกั งำนเกษตรอำเภอสันทรำย 6000 บำท
กลุ่มแม่บำ้ นเกษตรกรเจดยี แ์ มค่ รวั หมู่ 3 ต.แม่แฝกใหม่ อ.สันทรำย จ.เชียงใหม่ เนน้ แปรรปู มนั ฝร่ังทอดกรอบ โดยใชห้ วั มันสดครงั้ ละ 150-200 กโิ ลกรมั ซึง่ จะไดม้ ันฝร่งั ทอด ประมำณ 20 กโิ ลกรมั มนั ฝรัง่ ทตี่ กเกรดนำมำแปรรูปเปน็ มนั ฝร่ังทอดกรอบ แทนทจ่ี ะขำยไปในรำคำถูก เริ่มจำกกำรนำหัวมนั ฝรงั่ สดมำลำ้ งนำ้ เพอื่ ทำควำมสะอำด แล้วนำไปปลอกเปลือกดว้ ยเครื่องขดั ผิว ซงึ่ ได้รับกำร สนบั สนุนจำกสำนกั งำนเกษตรจงั หวัดเชยี งใหม่ ทำใหช้ ว่ ยประหยดั เวลำและแรงงำนในกำรปอกไปไดม้ ำกทีเดยี วเนอื่ งจำก สำมำรถสไลด์หัวมนั ฝรง่ั ใหเ้ ป็นแผ่นบำงๆอยำ่ งสม่ำเสมอกนั ลำ้ งทำควำมสะอำดหวั มนั ฝรั่งสด
นำเข้ำเครอื่ งขดั ผิว และสไลด์หัวมันฝรง่ั ให้เป็นแผน่ บำงๆอยำ่ งสมำ่ เสมอกัน ลำ้ งน้ำสะอำด 1-2คร้งั และทงิ้ ไวใ้ หส้ ะเดด็ น้ำ นำเข้ำต้อู บเพอ่ื ทำใหม้ นั ฝรง่ั แห้งก่อนนำไปทอดทีอ่ ณุ หภมู ิ 175องศำ ประมำณ 4-5 นำทกี อ่ นนำจำหนำ่ ยตอ่ ไป มันฝร่ังแผน่ ทอดรสตำ่ งๆเชน่ รสบำบคี ิว รสหมหู ยอง และยงั ทำเป็นมันฝร่ังแทง่ ทอด
ในด้ำนปัญหำ รำคำหัวมันฝรง่ั สดในปีน(้ี 2556) พบวำ่ มนั ฝร่ังทุกเบอร์ รำคำที่ไดร้ บั ซอ้ื เฉลยี่ เปรียบเทียบกบั รำคำที่ เกษตรกรตอ้ งกำรขำยนน้ั ไมเ่ ปน็ ไปตำมควำมพอใจของเกษตรกร ซง่ึ ศูนยว์ จิ ยั เศรษฐกจิ และพยำกรณ์ทำงกำรเกษตร โดยแมโ่ จ้ โพลล์ มหำวทิ ยำลัยแม่โจ้ ได้สำรวจ ควำมคิดเหน็ ของเกษตรกรผปู้ ลูกมนั ฝรง่ั ทม่ี พี นื้ ทเ่ี พำะปลูกตง้ั แต่ 10 ไร่ ขึน้ ไป จำนวน 139 รำย ในเรื่อง “มนั ฝรง่ั กบั แนวโนม้ รำคำผลผลติ ” ระหวำ่ งวันที่ 18 มกรำคม ถงึ 18 กมุ ภำพนั ธ์ 2556 ทั้งน้ี บริษทั หรือ โรงงำนรับซ้อื ยังเปน็ ผกู้ ำหนดรำคำอย่เู หมือนเดิม รอ้ ยละ 36.0 เชื่อวำ่ รำคำอำจมีกำรปรบั เพ่ิมขึน้ โดยใหเ้ หตุผลวำ่ เพรำะมตี ลำด รบั ซือ้ ที่เพิ่มขน้ึ ตลำดเปดิ กวำ้ งข้ึน และร้อยละ 23.0 เช่ือวำ่ รำคำอำจมีกำรปรบั ลดลง โดยใหเ้ หตผุ ลวำ่ เพรำะคุณภำพมันฝรง่ั อำจ ไม่ไดม้ ำตรฐำน รวมถงึ มีกำรนำเข้ำผลผลิตจำกต่ำงประเทศเข้ำมำแขง่ ขนั ทำให้มีปรมิ ำณผลผลิตทีม่ ำกข้ึนทำใหร้ ำคำลดลง จำกผลกำรสำรวจนีแ้ สดงให้เหน็ วำ่ เกษตรกรผ้ปู ลกู มันฝรั่งทำงภำคเหนอื ตอนบนและในบำงจงั หวัดทำงภำค ตะวนั ออกเฉียงเหนอื น้นั ยังคงประสบกับปญั หำด้ำนรำคำโดยตลอด เน่อื งจำกรำคำทีร่ บั ซอ้ื ไมค่ มุ้ กับต้นทุนกำรผลติ ซง่ึ ถึงแมว้ ำ่ ผลผลิตในตลำดจะมจี ำนวนน้อยกต็ ำม แต่เกษตรกรยังไมก่ ล้ำท่จี ะเพิ่มปรมิ ำณกำรผลติ เพรำะกลวั รำคำตกตำ่ ดังนัน้ หนว่ ยงำนที่เกีย่ วขอ้ งควรเข้ำไปชว่ ยเหลอื และแก้ไขปญั หำดงั กล่ำว เพอื่ ควำมเปน็ อยทู่ ีด่ ขี ้นึ ของเกษตรกรกล่มุ ผปู้ ลกู มนั ฝรั่ง และเกษตรกรเองก็ควรรวมตัวกันเพ่ือชว่ ยเหลือกนั และกันให้เกิดควำมเขม้ แข็งในกำรบริหำรจดั กำรของสหกรณ์ เพื่อให้ เกิดพลงั ในกำรตอ่ รองกำรขำยมนั ฝรั่งให้ไดผ้ ลตอบแทนทคี่ มุ้ ค่ำ ทง้ั นกี้ เ็ พ่อื ใหเ้ กษตรกรสำมำรถลมื ตำอำ้ ปำกได้ดว้ ยตนเอง สนใจรำยละเอียดเพ่ิมเติมติดต่อท่ี สำนักงำนเกษตรอำเภอสันทรำย 92 หมู่ 12 ถนนสนั ทรำย – พรำ้ วตำบลหนองหำร อำเภอสนั ทรำย จังหวดั เชียงใหม่ รหสั ไปรษณยี ์ 50290โทรศพั ท์/โทรสำร 0 5349 8986 E-mail : [email protected] คณุ บวั คำ วภิ ำษำ กล่มุ แมบ่ ้ำนเกษตรกรเจดีย์แมค่ รัว หมู่ 3 ต.แมแ่ ฝกใหม่ อ.สันทรำย จ.เชยี งใหม่ โทร.053848536 เอกสำรอ้ำงอิง อรสำ ดสิ สถำพร จริ ภำ จอมไธสง สนอง จรนิ ทร เทคโนโลยกี ำรผลติ และกำรจัดกำรมันฝรงั่ “ แผนกำรทำงำนใน กำรปลูกมนั ฝรั่ง ” กรมส่งเสริมกำรเกษตร กรมวิชำกำรเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำรเกษตร ควำมคดิ เหน็ ของเกษตรกรผปู้ ลกู มันฝรง่ั ที่มีพ้นื ทเี่ พำะปลกู ตงั้ แต่ 10 ไร่ ขน้ึ ไป จำนวน 139 รำย ในหวั ขอ้ เรอ่ื ง “มนั ฝรัง่ กบั แนวโน้มรำคำผลผลติ ” ระหวำ่ งวันท่ี 18 มกรำคม ถงึ 18 กุมภำพันธ์ 2556 ศนู ยว์ จิ ัยเศรษฐกจิ และพยำกรณ์ ทำงกำรเกษตร โดยแมโ่ จโ้ พลล์ มหำวทิ ยำลยั แมโ่ จ้ หรอื หำกทำ่ นท่ีสนใจขอ้ มลู ในรปู แบบ ดวี ดี ี เรือ่ ง การปลกู มนั ฝรง่ั และการแปรรูป สำมำรถติดต่อสั่งซ้ือได้ท่ี สำนัก สง่ เสริมและฝกึ อบรม มหำวิทยำลัยเกษตรศำสตร์ ลำดยำว จตจุ ักร กทม.10900 โทร 02-5792294 และ 02-9428460 ตอ่ 500 หรอื http://www.eto.ku.ac.th/media/index.html ฉบบั หน้ำจะนำท่ำนไปดู การปลูกพรกิ ไทย ที่จงั หวดั จนั ทบรุ คี รับ
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: