ภาษา1ในบทบายศรสี ขู่ วญั กบั การสะทอ้ นความเชอ่ื ทางสงั คม รายวชิ า ภาษากบั วัฒนธรรมไทย สาขาวชิ าภาษาไทย คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสุนนั ทา
ก คำนำ เอกสารประกอบการบรรยาย เร่ือง ภาษาในบทบายศรีสูข่ วัญกับการสะท้อนความเช่ือทางสงั คม เป็นส่วนหน่ึงของรายวิชา THC3319 ภาษากบั วฒั นธรรมไทย ซง่ึ ประกอบไปด้วยประวัตแิ ละความเป็นมา ประเภทและสาเหตุของพิธบี ายศรีสูข่ วญั เนือ้ หาในเอกสารมกี ารสะท้อนความเชือ่ ของสงั คมผ่านแง่มุมของ ภาษาในบทบายศรสี ขู่ วญั เช่น ถ้อยคำทางพระพทุ ธศาสนา ความเชอ่ื เรือ่ งผีและฤกษ์มงคล เป็นตน้ คณะผจู้ ัดทำหวังเป็นอยา่ งยิ่งว่าเอกสารประกอบการบรรยายนี้จะเปน็ ประโยชน์กบั ผทู้ ่ีศึกษา หากมี ขอ้ ผดิ พลาดประการใด คณะผูจ้ ัดทำขออภยั มา ณ โอกาสน้ี คณะผูจ้ ัดทำ
ข สารบญั หน้า คำนำ ก สารบัญ ข ประวัติความเปน็ มาของพธิ บี ายศรสี ู่ขวญั 1 ประเภทของการสู่ขวัญ 2 สาเหตุของการสู่ขวัญ 3 การเปรยี บเทยี บถอ้ ยคำในบทบายศรีสู่ขวญั กับถอ้ ยคำทางพระพทุ ธศาสนา 4 การเปรียบเทียบถอ้ ยคำบทบายศรีสขู่ วญั กับถ้อยคำความเช่ือเก่ยี วกับผี 5 การเปรียบเทยี บถ้อยคำบทบายศรีสู่ขวัญกบั ถ้อยคำความเช่ือเก่ียวกับฤกษ์มงคล 6 การเปรียบเทยี บถอ้ ยคำในบทบายศรสี ูข่ วญั กบั การสรา้ งขวัญใหม้ ลี ักษณะเหมือนส่ิงที่มตี ัวตน 7 การเปรียบเทียบถ้อยคำในบทบายศรสี ู่ขวัญกับคำกรยิ าท่ปี รากฏ 8 การเปรยี บเทยี บถอ้ ยคำในบทบายศรสี ขู่ วัญกับการซำ้ คำ 9 สรปุ ผสการศกึ ษา 10 รายการอ้างอิง 11 ภาคผนวก 12
1 ภาษาในบทบายศรีสขู่ วัญกบั การสะท้อนความเช่ือทางสงั คม 1. ประวัติความเปน็ มาของพิธบี ายศรีสู่ขวัญ พธิ ีการบายศรีสู่ขวัญมีอยู่คูส่ งั คมไทยมาอย่างชา้ นาน ซ่ึงการสู่ขวัญนน้ั มีปรากฏใหพ้ บอยู่ท่วั ทกุ ภาค ของพระเทศไทยโดยเฉพาะภาคภาคกลางและภาคอีสานของไทย บญุ ธรรม ทองเรือง (2536 : 309) กลา่ ว ว่า พิธีบายศรสี ู่ขวัญ เป็นพิธีทส่ี ำคัญท่เี กีย่ วกบั ขวัญและจิตใจ เพอื่ ให้เกิดขวญั และกำลังใจทด่ี ขี น้ึ ดังนั้นวถิ ี การดำเนินชีวติ แทบทุกอย่างจึงมักจะมีการสู่ขวัญควบคู่กนั ไปเสมอการสู่ขวัญจะชว่ ยใหเ้ กิดสิรมิ งคลชีวติ อยดู่ ้วยความราบรน่ื จิตใจเขม้ แข็งโชคดยี ิ่งขน้ึ ปดั เป่าสงิ่ ท่ีไมด่ หี ายจากสรรพเคราะห์ท้ังปวง เป็นการ เรียกร้องพลงั ทางจิตชว่ ยใหม้ ีพลังใจท่เี ขม้ แขง็ สามารถฟนั ฝ่าภัยพบิ ตั ิต่าง ๆ ได้การสู่ขวัญชว่ ยทำให้เกิด มงคลทำให้ดำรงอยู่ดว้ ยความสุขราบรนื่ มีโชคลาภมากขึ้นและอาจดลบันดาลให้ผู้ทเี่ คราะห์รา้ ยพน้ จาก สรรพเคราะห์ทั้งปวงดว้ ยมูลเหตแุ หง่ การสู่ขวญั นีเ่ อง นิภา จันทชัย (2560 : 13) ไดก้ ลา่ วถึงความเป็นมาของการสูข่ วญั ว่า ประวัติความเป็นมาของพธิ ี บายศรนี นั้ ไม่มหี ลักฐานแนน่ อน แต่มีข้อสันนิษฐานว่าโดยเชื่อวา่ บายศรีนี้น่าจะได้คตมิ าจากพราหมณซ์ งึ่ เข้ามาทางเขมรน่าจะมมี าต้งั แตส่ มยั อยุธยาเพราะคำว่า “บาย” เป็นภาษาเขมรแปลว่าขา้ วสุกส่วนคำว่า “ศรี” มาจากภาษาสันสกฤตตรงกับภาษาบาลวี ่า “สริ ิ” แปลวา่ มิ่งขวัญ พธิ บี ายศรีสขู่ วัญ ยังไม่มผี ้ใู ดยืนยนั ได้อยา่ งชัดเจนวา่ เป็นมาอย่างไร ผู้ท่ีทำขวัญหรอื ทเ่ี รยี กว่าหมอขวัญก็ไม่สามารถบอกได้วา่ เร่มิ มีการทำขวญั ตั้งแต่เมื่อใดเพียง แต่สันนิษฐานว่าเห็นจะมีมาตั้งแต่สมัยดกึ ดำบรรพ์โดยความเชอ่ื ของคนไทยเชื่อกนั วา่ บรรดาคนทง้ั หลายทเี่ กิดมาในโลกมธี รรมชาติอย่างหนง่ึ เรียกกนั ว่า “ขวญั ” จะมีประจำกายของทุกคนมี หนา้ ทใี่ นการพทิ ักษ์รักษาขวัญเป็นเหมือนพีเ่ ลี้ยงที่คอยดูแลประคับประคองชวี ติ ตดิ ตามเจ้าของไปทุกหน ทุกแห่ง จากแนวคิดของนักวิชาการสามารถสรุปได้ว่า พิธบี ายศรีสู่ขวญั เปน็ พธิ ีทีส่ ำคัญที่เก่ียวกับขวัญและ จติ ใจ เพอื่ ให้เกิดขวัญและกำลังใจท่ีดีขน้ึ สว่ นในด้านประวัตคิ วามเปน็ มาของพิธีบายศรนี นั้ ไมม่ ีหลกั ฐาน แนน่ อนมเี พียงขอ้ สันนิษฐานว่าโดยเชือ่ วา่ บายศรนี น้ี า่ จะได้คติมาจากพราหมณ์ซง่ึ เข้ามาทางเขมรน่าจะมี มาต้งั แตส่ มัยอยุธยา แต่ก็มีการขอ้ สันนิษฐานว่าการสขู่ วัญนา่ จะมีมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ท่ีเกา่ กว่า สมัยาอยุธยา การสู่ขวญั ก็คือพธิ ีกรรม่ีใช้เรยี ก “ขวญั ” ซง่ึ จะมีประจำกายของทกุ คนมหี น้าที่ในการพิทักษ์ รักษาขวญั เป็นเหมอื นพเ่ี ลี้ยงที่คอยดูแลประคับประคองชีวิตติดตามเจา้ ของไปทุกหนทุกแห่ง
2 2. ประเภทของการสูข่ วญั การส่ขู วญั ของไทยมีลักษณะและรูปแบบที่หลากหลาย แต่การสู่ขวญั กส็ ามารถแบ่งแยกประเภท ออกเปน็ 3 ประเภท ใหญ่ ๆ ได้แก่ 1) การสู่ขวัญคน 2) การสขู่ วัญสัตว์ และ 3) การสขู่ วัญส่ิงของ บุญธรรม ทองเรือ่ ง (2536: 76) ได้แบ่งการส่ขู วัญออกเปน็ 3 ประเภทตามลกั ษณะและโอกาสท่ีใช้ ดังน้ี 1. การสขู่ วัญคนเปน็ เรอ่ื งเกย่ี วกับขวญั หรือจิตใจ อนั จะก่อให้เกิดขวัญหรอื กำลงั ใจดีข้นึ เพ่ือ เรียกร้องหรือระดม พลงั ทางจิตใจนอกจากนเ้ี น้ือหาในบทสูตรขวัญบางบทไดม้ ีการสอดแทรกคตธิ รรมและ แนวทางในการดำเนินชีวติ ของคนกลุม่ ตา่ ง ๆ ของสงั คม 2. การส่ขู วัญสัตวก์ ารสขู่ วัญสัตวเ์ ป็นการระลึกถงึ บุญคุณของสตั ว์ ท่ชี ว่ ยมนษุ ยใ์ นการทำมา หากินรวมไปถึงการขอขมาที่ได้ด่าวา่ เฆย่ี นตี ในระหว่างการทำงานท่สี ำคัญ 3. การสูข่ วัญสง่ิ ของการสู่ขวัญส่งิ ของเปน็ เรอ่ื งเก่ยี วกบั ความเชอ่ื ถือทว่ี า่ สิ่งของเคร่ืองใช้ ตา่ ง ๆ เป็นสิ่งทม่ี ีประโยชนต์ ่อชีวติ ของมนษุ ย์ จงึ จำเป็นต้องจดั ใหม้ ีการสู่ขวญั ให้กบั ส่งิ ของเหล่าน้ี เพื่อเปน็ การสำนึกในบญุ คณุ ชาวบ้าน เชอ่ื ว่าการสู่ขวญั สิ่งของจะทำใหผ้ เู้ ปน็ เจา้ ของมีความสุขมลี าภ เป็นสริ ิมงคล แก่เจา้ ของต่อไป นิภา จันทชัย (2560 : 17) สรปุ ไวว้ ่า การสู่ขวญั เปน็ พิธกี รรมทกี่ ระทำสืบต่อกนั มานาน แบ่งเป็นการ ส่ขู วญั ตามลักษณะและโอกาสทใี่ ช้ คอื การสขู่ วญั คน เปน็ เร่ืองเกีย่ วกับขวญั หรือจิตใจ อนั จะก่อให้เกิดขวัญ หรือกำลังใจดีข้นึ การสู่ขวญั สตั ว์ เป็นการระลกึ ถึงบุญคณุ ของสัตวท์ ชี่ ว่ ยมนุษยใ์ นการทำมาหากนิ รวมไปถึง การขอขมาที่ได้ดา่ วา่ เฆยี่ นตี ในระหว่างการทำงาน และการสู่ขวัญสิง่ ของ เปน็ เรอื่ งเกี่ยวกับความเช่ือว่า สงิ่ ของเครอ่ื งใช้ต่าง ๆ เป็นส่ิงท่ี มีประโยชนต์ ่อชีวิตของมนุษย์ เพื่อเป็นการสำนึกในบุญคณุ ทำให้ผู้เป็น เจา้ ของมคี วามสขุ เพื่อความเปน็ สริ มิ งคลแก่เจา้ ของตอ่ ไป จากแนวคิดของนักวชิ าการสามารถสรุปไดว้ า่ แบ่งการสู่ขวญั ออกเปน็ 3 ประเภทตามลักษณะและ โอกาสท่ีใช้ คือ 1. การสขู่ วัญคนเปน็ เรือ่ งเกีย่ วกบั ขวญั หรือจติ ใจ 2. การสูข่ วัญสัตว์การสู่ขวัญสัตว์เปน็ การ ระลกึ ถงึ บุญคุณของสัตว์ และ 3. การสขู่ วญั ส่งิ ของการสู่ขวญั สิ่งของเปน็ เรื่องเกย่ี วกับความเช่อื ถือท่ีวา่ สงิ่ ของเครอ่ื งใช้ตา่ ง ๆ
3 3. สาเหตุของการสขู่ วัญ มานะชยั วงษ์ประภา (2556 : 17) กว่าวว่า สาเหตทุ ่มี กี ารสูข่ วญั ปกตมิ อี ยู่ 2 ประการด้วยกัน คอื เพราะปรารภในเหตุที่ดีอยา่ งหนึ่งและปรารภในเหตุไม่ดีอย่างหน่งึ การสู่ขวัญเนอื่ งในเหตทุ ดี่ ี ก็ได้แก่ การ ทำเนอ่ื งในการได้รบั โชคลาภหรอื สง่ิ ที่พึงพอใจ เช่น ไปค้าขายได้เงินทองมามาก ได้เลอ่ื นยศถาบรรดาศกั ด์ิ แตง่ งาน ขึ้นบ้านใหม่ เจา้ นายหรือผใู้ หญ่ท่ีเคารพไปมาหาสู่ จากบ้านไปนานแล้วมาเย่ยี มบ้าน ได้ลาภพิเศษ อย่างใดอยา่ งหนึ่ง เปน็ ต้น ส่วนการสูข่ วญั เหตใุ นทางไมด่ ี จัดการส่ขู วัญเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ให้หายเสนียดจัญไรตา่ ง ๆ เชน่ เจบ็ ไข้ได้ป่วย หรอื หายจากป่วย ได้รบั ความตกใจหรืออกสั่นขวัญหายจากเหตกุ ารณ์อย่างใดอยา่ งหน่ึง เคราะหร์ ้ายเสียทรัพยส์ ินเงนิ ทอง สตั วห์ รอื ส่งิ ของหายแลว้ ได้คืนมา เปน็ ต้น ก็ทำการสู่ขวัญเพือ่ เรยี กขวญั หรือเชญิ ขวัญมาเพือ่ ให้ขวญั ผู้น้นั มาอยู่กับเนอื้ กับตวั จะได้ทำจติ ใจของผู้น้นั มีความสุขสบายศรีหายจาก เคราะหเ์ ข็นตา่ ง ๆ บุญธรรม ทองเร่ือง (2536 : 238) ได้กล่าวถึงมูลเหตุของการสู่ขวัญกล่าววา่ มาจากเหตุ 2 ประการ 1. การสขู่ วญั ในเหตุดี หมายถงึ การประกอบพิธีส่ขู วญั เนอ่ื งจากได้รับโชคลาภหรือได้รบั สง่ิ ทพี่ ึง พอใจ เชน่ ไปคา้ ขายหรอื ไปทำงานได้เงินทองมามาก เจ้านายผู้ใหญ่ทเี่ คารพนบั ถือมาเยย่ี ม ได้เล่อื นยศ บวช นาค แตง่ งาน หรือจากบ้านไปนานกลับมาเยีย่ มบา้ น ฯลฯ หรอื ถ้าเป็นสัตว์ ส่งิ ของ จะประกอบพธิ ีสูข่ วญั เม่ือไดส้ ตั วห์ รือสงิ่ ของนั้นมาใหม่หรือใชง้ านเสร็จไปตอนหน่ึง ๆ การประกอบพิธีสขู่ วญั ในลักษณะเช่นน้ถี อื เป็นสิรมิ งคลทำใหช้ วี ติ ดำรงอยูด่ ว้ ยความสขุ 2. การสู่ขวญั ในเหตุไม่ดี หมายถึง การประกอบพธิ สี ขู่ วญั เพื่อเปน็ การสะเดาะเคราะห์หรอื ไล่ส่ิงที่ เปน็ เสนยี ดจญั ไร ภัยพิบัตอิ อกไป เชน่ เจ็บไข้ไดป้ ว่ ย หรือหายจากเจ็บปว่ ยเคราะห์ร้ายไดร้ บั อันตรายอยา่ ง ใดอยา่ งหนงึ่ เสยี ทรัพย์สินเงินทอง มีถ้อยความ สัตว์หรอื สงิ่ ของหายไปแล้วได้คืนมา เปน็ ตน้ เมอื่ เกิดเหตุ ดงั กล่าวก็จะทำพิธสี ่ขู วญั เพื่อเรียกขวัญให้กลับมาอยกู่ ับเจา้ ของเพ่ือใหเ้ กิดความสขุ สบายหรอื หายจาก เคราะห์ร้ายตา่ ง ๆ สว่ นสัตว์หรอื สิง่ ของกจ็ ะหายจากภยั พิบัตทิ ้งั ปวง จากแนวคิดของนักวชิ าการสามารถสรปุ ได้วา่ สาเหตุของการสู่ขวญั มีทง้ั เหตุท่ีดแี ละไมด่ ี การสู่ขวัญ ในเหตดุ ี หมายถึง การประกอบพธิ ีส่ขู วัญเนื่องจากได้รับโชคลาภหรือไดร้ บั สงิ่ ทพ่ี งึ พอใจ เชน่ ไปคา้ ขายได้ เงนิ ทองมามาก ไดเ้ ลื่อนยศถาบรรดาศกั ดิ์แต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ การสขู่ วัญในเหตุไมด่ ี หมายถึง จดั การสู่ ขวัญเพื่อเปน็ การสะเดาะเคราะห์ให้หายเสนียดจัญไรตา่ ง ๆ เช่น เจ็บไขไ้ ดป้ ่วย หรือหายจากเจบ็ ปว่ ย เคราะห์ร้ายไดร้ บั อันตรายอย่างใดอย่างหน่ึง เสยี ทรัพย์สินเงนิ ทอง เปน็ ตน้
4 4. การเปรยี บเทียบถ้อยคำในบทบายศรีสขู่ วญั กับถอ้ ยคำทางพระพุทธศาสนา “...สาธุ เดอ น้ำอนั นไ้ี ด้ชือ่ ว่านำ้ อำมะรดิ ประสิทธิ์จากพระสังฆะเจ้าเก้า พระองค์ทา่ น ได้ทรงพระธรรมคำสง่ั สอน ใส่ในน้ำอนั น้จี ึงไดช้ ่ือมะรดิ ปูพระเจ้าใหข้ า้ วิตข้าจึงไดว้ ดิ ยาพระเจ้าให้ขา้ ฟายข้าสิได้ ฟาย ๆ ไป ไฮผ้ ี เชอ่ื ไฮ้อยปู่ า่ คากใ็ ห้มากินเสีย ฟายไปนำ้ เชื่ออยปู่ ากใ็ ห้มากนิ เสีย ฟายเม่ือเทวดาอยเู่ ค้าไม้ก็ใหม้ ากนิ เสยี เมอ่ื มดิ ฟายหลายน้ำมะริด ก็บอ่ มาก น้ำอำมะริดพากแตกออกจากกนั ผนั ธุลีกันไปทกุ แหง่ แบ่งกันไป ทุกภายยายกนั ไปทุกเม็ดหนึ่งตกไปทางอสี านงัวอยู่ ขอให้เจ้าจงมีบรวิ าร หลายพรำ่ พร้อม โอนออ่ นน้อมขวัญเขา้ นำมา เมด็ หน่ึงตกไปบรู พาตะวันออก บอกว่าใหเ้ จ้าน้จี งมีสติปัญญาเหมือนพระเจ้ามโหสด ใหเ้ จ้ามีใจจดใจเพียง เหมือนพระเจา้ เตเม เมด็ หน่ึงตกไปอาคะเนพนื้ ขอใหเ้ จ้าน้ีจงมเี คหาหลังใหญ่กว้าง...” (บุญมา บญุ เสน) ตารางที่ 1 การเปรียบเทยี บถ้อยคำในบทบายศรีสู่ขวญั กับถ้อยคำทางพระพุทธศาสนา ถ้อยคำทางพระพทุ ธศาสนาท่ปี รากฏ ถอ้ ยคำในบทบายศรสี ู่ขวัญ ความหมาย นำ้ อมฤต นำ้ อำมะรดิ นำ้ ทพิ ย์ พระสังฆเจา้ พระสงั ฆะเจา้ พระสงฆ์ พระธรรม พระธรรม คำส่ังสอนทาง พระพุทธศาสนา เทวดา เทวดา ชาวสวรรคม์ ีกายทพิ ย์ อสี าน อีสาน ทศิ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ บูรพา บูรพา ทศิ ตะวันออก อาคเนย์ อาคะเน ทศิ ตะวันออกเฉยี งใต้ มโหสถชาดก พระเจา้ มโหสด ปญั ญาบารมี เตมีย์ชาดก พระเจ้าเตเม เนกขัมมบารมี
5 จากถ้อยคำทางพระพทุ ธศาสนาท่ีปรากฏในบทบายศรีสู่ขวัญสะท้อนใหเ้ ห็นวา่ สังคมไทยสามารถ ผสมผสานความเป็นพราหมณ์และพุทธ รวมท้ังผีให้เขา้ กนั อยา่ งลงตัว อกี ท้ังการนำถ้อยคำทาง พระพุทธศาสนามาเปน็ สว่ นหนง่ึ ของบทบายศรีสู่ขวญั เพื่อสรา้ งความศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ของพธิ กี รรม การอา้ งถึง ชาดกพระชาติของพระพุทธเจ้า เพือ่ เปน็ การนำเอาความพิเศษของชาดกเรื่องน้นั ๆ มาใชอ้ ้างองิ ถึงความ ศักดส์ิ ทิ ธข์ิ องบทสวด เป็น การอา้ งถึงพระมโหสถ คือ การอวยพรให้มีปัญญามากเหมอื นพระมโหสถ เป็น ต้น อีกทั้งการกลา่ วถงึ ทิศต่าง ๆ น้ันเพราะสังคมไทยมีความเชอ่ื เรอื่ งทิศมงคล เป็นตน้ 5. การเปรียบเทียบถ้อยคำบทบายศรีสู่ขวญั กับถอ้ ยคำความเช่อื เกี่ยวกับผี “...โอมศรี ๆ ใส ๆ สม้ ปอ่ ยไฟพระเจ้าเมตตรยั ตนวิเศษ สะเกษเกล้าบารมี จกั สะใส่อาฝูงผี ใหห้ นีไปอยฟู่ ้าดินตอ่ ฟ้าละง่อกนิ คนเนอ กูกสะใสขา้ งขา้ งกห็ น กูกสะใส่คนคนก็พ่าย กูจักสะใสเขาพระสุเมรรุ าช ก็แตกเปน็ เผ่าผงธลุ ี จักสะใส่ตาผโี หง และผหี า่ ลกู สะใสตาผีป่าและผีดง กจู ักสะใส่ตาผปี า่ และลงุ ผีภูและผี กใ็ หส้ ูหนมี ื้อนี้วนั น้ี กูจักสะใภ้ตา ผีเสือ้ และผเี ส้ือบก ก็ให้สูหนี กจู ักสะสตาผีเส้ือเงือก 7 หัว 7 หาง กใ็ ห้ลูกสะใสตาผีหลวงหลาวหอกดาบ ผีนาวาเลม่ ชวนฟา้ หน้าเศรา้ และจงลงกใ็ ห้สูหนี ทดนำ้ บวกขนึ้ ผีเสื้อและผีสาง ทา้ วห้องกลางนางหอ้ งท้าย ผเี ส้อื อยดู่ งกว้าง คา่ งอยู่คงขวาง กใ็ ห้สูหนี คอื ว่านมใต้คอ หางขอมอใต้ทอ้ ง ป้องทวารหลวงผีทวารไฟหลวง ตีนทางหางคอก ก็ใหส้ ูหนี คือวา่ ขวยตุมชุมผี ผีภูและผีปู่ยา่ ตายาย ผีหญิงผีชาย มีหลานหญิงหลานชาย ผีพายและผีปอบก็ให้สูหนี (กลม ประกอบแสง) ตารางท่ี 2 การเปรยี บเทยี บถ้อยคำบทบายศรสี ขู่ วัญกับถ้อยคำความเชอ่ื เก่ยี วกบั ผี ถ้อยคำถอ้ ยคำความเชื่อเก่ียวกับผี 1. ผีโหง (ตายโหง) ผหี า่ 6. ผีหลวงหลาวหอกดาบ 2. ผปี า่ ผีดง 7. ผีนาวา 3. ผีปา้ ผลี ุงผีปู่ปยู่ ่าตายาย 8. ผีเสื้อผสี าง 4. ผีภผู ีถ้ำ 9. ผที วาร 5. ผีเงือก 7 หวั 7 หาง 10. ผีพาย (พราย)ผีปอบ
6 ถ้อยคำถ้อยคำความเชื่อเกี่ยวกบั ผีในบทบายศรสี ขู่ วัญ จะเหน็ วา่ มีการกล่าวถึงท้ังผีดแี ละผีรา้ ย ใน ส่วนของผีดี คือ ผีเทพารักษ์และผบี รรพบรุ ุษ ในส่วนผรี า้ ย คอื ผีพราย ผีปบอบ ผีห่า ผีตายโหง เป็นตน้ การกลา่ วถึงผีบรรพบรุ ุษในบทบายศรีสขู่ วญั นั้นเปน็ การเชญิ มาเพื่อขบั ไลผ่ ที ไี่ ม่ดีท่ีมาทำลายขวญั ขงบุคคล นัน้ ๆ สะท้อนความเช่ือเรื่องการนับถือผขี องคนในสังคม นอ้ งจากน้ียังสะทอ้ นถึงความกตัญญูกตเวทีขงคน รนุ่ หลังทไ่ี ม่ลมื บรรพบุรษุ แมจ้ ะลว่ งลบั ไปแลว้ แต่เมื่อมีการบายศรสี ขู่ วัญก็จะมีการกลา่ วถึงอยู่เสมอ 6. การเปรียบเทียบถ้อยคำบทบายศรีสู่ขวัญกับถอ้ ยคำความเชอ่ื เกย่ี วกับฤกษ์มงคล ฤกษ์มงคล หมายถงึ การทำกิจกรรมใด ๆ ที่ตรงกบั วันมงคลตามตำราโหราศาสตร์ของคนในชมุ ชน นั้นเรยี กว่า “วันใจเป็น” ถา้ ทำงานมงคลในวันนีเ้ ช่ือว่าจะก่อใหเ้ กดิ สิริมงคลแก่ชวี ติ และประสบผลสำเรจ็ ตามจดุ มงุ่ หมายในการประกอบพธิ ีมคี วามสขุ ความเจรญิ นอกจากนี้ความเช่ือเรื่องฤกษ์ยามยงั มีการ กล่าวถึงในบทบายศรีสขู่ วัญอีกดว้ ย “ มื้อนี้ค้ำคณู คง พระยาจักรทะวงทศราช พรมนาถเหล่าแถมพร พระอิศวรหลอนแถมโชค พระนารายโยคสิทธชิ ยั ท้าวสหสั สไน ประสาทฝนห่าแกว้ ใจผอ่ งแผ้วบรสิ ุทธิ์ อุตตะมะโชค อุตตะมะโยค อุตตะมะคถิ ี อตุ ตะมะนธิ ี อุตตะมะ ศรีพิลาศ อนิ ทะพาสพรอ้ มไตรยาง ทั้งนาวางคาดคู่ พร้อมกันอย่สู อนลอน อาทิตยจ์ ร จนั ทะฤกษ์ องั คารถูกมหาชยั พธุ พหสั ไปเปน็ โชค ศุกรเ์ สาร์ โยคเดชมงคล อันเป็นผลหลายประโยค อตุ ตะมะโชคแท้คหี ลี...” (ประยูร ดาราก้านตรง) ตารางท่ี 3 การเปรียบเทยี บถ้อยคำบทบายศรสี ูข่ วญั กบั ถ้อยคำความเชื่อเก่ียวกบั ฤกษ์มงคล ถอ้ ยคำในบทบายศรีสู่ขวัญ ถอ้ ยคำความเชื่อเกี่ยวกับฤกษ์มงคล ม้ือนีค้ ้ำคณู คำ้ คูณ (ภาษาถนิ่ อสี าน) หมายถึง เป็นสิริมงคล อุตตะมะโชค อุดมโชค หมายถึง ความเปน็ ทส่ี ุด เลศิ ยงิ่ อาทิตยจ์ ร ฤกษ์พระอาทิตยโ์ คจรเปลย่ี นตำแหนง่ จันทะฤกษ์ ฤกษ์แห่งพระจนั ทร์ ฤกษ์ องั คารถูกมหาชยั พธุ ฤกษ์ท่พี ระอังคารสมพงศ์กับพระพธุ
7 จากตารางทำให้ทราบวา่ ความเชือ่ เร่ืองฤกษ์มงคลนัน้ ถือเป็นสงิ่ ที่สำคญั เป็นอย่างยงิ่ ในการ ประกอบพธิ ีบายศรสี ู่ขวัญ เน่ืองจากทกุ ประเภทชองบทบายศรีสขู่ วัญจะกลา่ วถึงฤกษม์ งคลเสมอ เช่น ขน้ึ ตน้ ดว้ ยคำวา่ “ศรี ๆ ม้ือนี้แม่นม้ือสรรวนั ดี เป็นวนั ดี วันดถิ ี อะมุตตะโชค...” อยู่เสมอ สะทอ้ นใหเ้ ห็นวา่ บทบายศรีสู่ขวญั มกี ารรบั ความเชื่อเรื่อองฤกษ์มงคลขอองคนในสงั คมมาด้วย เน่อื งจากการบายศรสี ขู่ วัญเป็นการสร้างขวญั และกำลงั ใจขอองผู้คน ฤกษ์มงคลจงึ เป็นสงิ่ ทีข่ าดไม่ไดใ้ น พธิ กี รรมบายศรีสู่ขวญั 7. การเปรียบเทียบถ้อยคำในบทบายศรสี ูข่ วญั กับการสรา้ งขวัญให้มีลักษณะเหมือนส่ิงที่มีตัวตน (บคุ คลวัต) มนสั สุขสาย (2526 : 1) กล่าวว่า ขวญั หมายถงึ ของที่ไม่มีตัวตนเห็นไมไ่ ด้จับตอ้ งไม่ได้ เชอื่ ว่าคลา้ ย จติ หรือวญิ ญาณ ซ่งึ แฝงอยู่ในตัวตนของคนและสตั ว์ต้ังแตเ่ กิดมา และจะตอ้ งอยปู่ ระจำตวั ตลอด เวลาตกใจ เสียใจ ปว่ ยไข้ ขวญั จะหนี อาจทำให้ถงึ ตายได้ จึงต้องมีการเรยี กขวัญ สูตรขวญั เพื่อให้ขวัญกลับมาอยตู่ ัวตน จะไดส้ บาย “...มาเยอขวญั เอย ขวัญเจ้าไปมดุ สระใหญ่กนิ ปลาก็ให้มาสาม้ือนี้วนั น้ี ขวญั เจ้า ไปอยูน่ าท่งุ หลวง กินข้าวก็ให้มาสามอื้ นี้ ขวัญเจ้าไปน่ังเวา้ นำหมผู่ ีตายกใ็ ห้มาม้ือนี้ มาเยอเจา้ ขวัญตาคิ้วกอ่ ง มาเข้าถึงเจ้าอยา่ ไดเ้ หมน็ สาบมาเขา้ คาบเจา้ อย่าไดเ้ หม็นกยุ ขวัญคับใหเ้ ขา้ มาอยตู่ ดั แดงฮอบ ขวัญปอดใหเ้ ขา้ มาอยู่ปอดแดงใด ขวญั หัวใจให้เจ้าอยู่ใจอย่าเศร้ามลี ูกเคา้ ใหแ้ ผ่หลายมลี ูกชายให้เลย้ี งใหญ่...” (จำเนียร พนั ทวี) ตารางที่ 4 การเปรยี บเทียบถ้อยคำในบทบายศรีสู่ขวญั กับการสร้างขวญั ใหม้ ลี กั ษณะเหมือนสง่ิ ทมี่ ีตัวตน การสร้างขวญั ใหม้ ลี ักษณะเหมือนสิง่ ท่ีมีตัวตน มาเยอขวัญเอย ขวัญเจา้ ไปมุดสระใหญ่กนิ ปลา มาสามื้อนี้วนั น้ี ขวัญเจา้ ไปอยนู่ าทุ่งหลวง กินข้าวก็ให้มาสามอื้ นี้ ขวัญเจ้าไปน่ังเว้า นำหมู่ผตี ายกใ็ ห้มามื้อนี้
8 จากตารางสามารถสะทอ้ นใหเ้ หน็ วา่ ถึงแม้ขวญั ในทางความหมายท่นี ักวชิ าการให้ไว้ว่า เป็นส่งิ ทไี่ ม่มี ตัวตน ไมส่ ามารถจับต้องได้ แต่ในบทบายศรีทกุ บทนน้ั จะมีการเปรียบใหข้ วญั มคี วามหมายเป็นแบบ บคุ คล วัต คอื การแต่งบทบายศรใี หข้ วัญที่เปน็ ส่งิ ที่ไม่ใชค่ น เปรียบให้เปน็ คน เช่น ขวญั สามารถเดนิ ทางไปไหนก็ได้ ขวญั สามารถกินขา้ ว อาหาร หรอื น้ำได้ ขวญั สามารถพดู คุยได้ สิ่งเหลา่ น้ีเปน็ การเปรียบลักษณะหรือตัวตน ของขวัญใหม้ ลี กั ษณะของวิถชี ีวติ ของคนในสังคม เมื่อบทบาทวิถีชีวิตของคนเป็นอย่างไร บทบาทวถิ ชี วี ิต ของขวัญในตัวบคุ คลกม็ ลี ักษณะเดยี วกัน 8. การเปรียบเทียบถ้อยคำในบทบายศรสี ูข่ วัญกับคำกริยาที่ปรากฏ การสขู่ วัญมีหลายประเภท บทสวดบายศรีสขู่ วัญจงึ มีความหลากหลายตามประเภทของการสู่ขวัญ เชน่ กัน จากการศึกษาภาษาท่ีเปน็ จุดร่วมของบทบายศรีต่ละประเภท พบวา่ คำกรยิ าทป่ี รากฎในบท บายศรีมีลกั ษณะที่เหมือนกันหลายคำ เช่น คำวา่ กิน ไป มา เวา้ (พูด) เปน็ ต้น ตารางท่ี 5 การเปรียบเทยี บถ้อยคำในบทบายศรีสู่ขวญั กบั คำกรยิ าท่ปี รากฏ คำกรยิ า ถอ้ ยคำในบทบายศรีสู่ขวัญ มา 1. มาเยอขวญั เอย 2. มาเข้าถึงเจา้ 3. มาอย่ปู อดแดง 4. มาสามื้อน้ี ไป 1. ไปอย่นู าทุ่งหลวง 2. ไปน่ังเว้านำหมผู่ ี 3. ไปไกลก้อนเส้าไปถงึ ไปตีไฟ 4. ไปหนา้ ฟา้ ฮ้อง อยู่ 1. อยนู่ าทุง่ หลวง 2. อยู่ใจอย่าเศร้า 3. อยู่ตดั แดงฮอบขวญั 4. อยู่ฟา้ ดนิ ต่อ
9 ตารางที่ 5 การเปรยี บเทยี บถ้อยคำในบทบายศรสี ู่ขวญั กับคำกริยาท่ปี รากฏ (ตอ่ ) คำกรยิ า ถอ้ ยคำในบทบายศรสี ู่ขวัญ กิน 1. กินขา้ ว กินปลา 2. กนิ เมืองขวัญ 3. กนิ เหล้า หมากพลู 4. กินยาปลาปงิ้ หนี 1. หนหี มากทนั หวาน 2. หนีไปหาฝงู ผี 3. หนกี ใ็ หส้ ูหนีไปสา 4. หนีไปเล้า เจา้ ไปอยู่นา จากตารางจะเปน็ ว่าในบทบายศรีกลา่ วถึงการไป การมา การอยู่ การกิน และการหนีไปของขวญั สะทอ้ น ให้เหน็ วา่ กิรยิ าอาการของขวัญ เป็นสิ่งท่ีเจ้าของตอ้ งเอาใจใส่ เพอ่ื ไมใ่ หข้ วัญตกใจหรือโกรธถงึ ข้ันหนีออก จากตวั ของเจ้าของขวญั เม่ือขวญั หนไี ปแล้วก็ต้องเรียกขวัญกลับมาและต้องมเี คร่ืองเซน่ สงั เวยเพื่อให้ขวัญ พงึ พอใจ แสดงใหเ้ ห็นภาพของสังคมไทยทเี่ มอ่ื กระทำผดิ ต้องมีการกล่าวขอโทษหรือให้สง่ิ ขอองเพ่ือเป็น การทำขวญั ให้กับคู่กรณีทก่ี ระทำผิดต่อกนั 9. การเปรียบเทียบถ้อยคำในบทบายศรีสู่ขวัญกับการซ้ำคำ บทบายศรสี ู่ขวญั หลาย ๆ บทมกั มีการซ้ำคำในทางวรรณศลิ ป์น้นั เรียกวา่ ความงามทางด้านภาษา มกี ารยำ้ คำเพื่อเน้นความหมายและเน้นย้ำความศักด์สิ ทิ ธ์ขิ องบทบายศรีสู่ขวัญ \"ขวัญลูกน้อยผวิ แดงก็ใหม้ าวันนี้ ขวัญนาแดงผิวขาก็ให้มาวนั น้ี ขวญั เจา้ ไปถูกทำรา้ ยในเมืองใดกใ็ หม้ าวันน้ี ขวญั เจ้าไปถือกระจกเงนิ กระจกทองกใ็ ห้มาวนั นี้ ขวัญเข้าไปเย่ยี มป่าในเมืองบนก็ให้มาม้ือวนั นี้ ...” (สมาน ชนิ เพง็ )
10 จากบทบายศรที ่ียกตวั อยา่ งมาน้นั มีการซำ้ คำ “ขวัญ” “ขวัญเจา้ ” “ให้มาวนั น้ี” หากพิจารณาด้าน ความงามทางวรรณศิลป์ เป็นการซำ้ คำเพ่ือยำ้ ความหมาย แตห่ ากมองในบทบาทของพธิ ีกรรมนนั้ มี ลกั ษณะเปน็ การอ้อนวอนและเรียกขวญั กลบั มา แลพเพ่ือเพมิ่ ความศกั ดิ์สิทธิ์ของบทบายศรี ซึ่งสามารถ สะท้อนใหเ้ ห็นวา่ การซำ้ คำ มีลกั ษณะเหมือนการนยิ มสวดอ้อนวอนเพอ่ื ขอพรกับส่ิงศักด์สิ ิทธิ์ หรือการอ้อน วอนขอสิ่งของกับผหู้ ลกั ผใู้ หญ่ในสังคม 10. สรุปผสการศึกษา จากการศึกษาภาษาในบทบายศรสี ู่ขวัญกบั การสะท้อนความเช่อื ทางสังคม พบว่า คนในสังคมยงั มี ความเช่ือเกย่ี วกบั พระพุทธศาสนา พราหมณ์ ผี และมีการนำเอาความเชอ่ื ของพระพทุ ธศาสนา พราหมณ์ ผี มาผสมผสานในบทบายศรีสขู่ วญั ไดอ้ ย่างลงตวั บง่ บอกว่าคนในสังคมยงั มีความเชื่อเรื่องของฤกษ์มงคล พจิ ารณาจากบทสู่ขวญั บายศรีหลาย ๆ บทจะมีการกลา่ วถงึ ฤกษม์ งคลอยู่เสมอ อีกทง้ั รูปแบบภาษาในบท บายศรีสขู่ วญั ยงั สะทอ้ นถึงความสามารถในการใชคำภาพพจน์ (บุคคลวตั ) คำกรยิ า และความฉลาดในการ ซ้ำคำในบทบายศรีอีกด้วย
11 รายการอ้างอิง นิตินันท์ พันทวี. (2544). การศกึ ษาวรรณกรรมท้องถน่ิ ในฐานะทนุ วัฒนธรรมเพอ่ื การพฒั นา ชุมชน : กรณีศึกษาพิธีกรรมบายศรีสขู่ วญั อีสาน. (ปรญิ ญาครุศาสตรดุษฎบี ณั ฑิต). กรุงเทพฯ : จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . นภิ า จันทิชัย. (2560). บทนิพนธก์ ารส่ขู วัญในประเทศไทย : สถานภาพการศึกษาและวิจยั . (ปรญิ ญาศิลปะศาสตร์มหาบณั ฑติ ). มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม บุญธรรม ทองเรือง. (2536). วรรณกรรมคำส่ขู วัญอีสาน. (ปรญิ ญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). มหาสารคาม : มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ. มนัส สุขสาย. (2526). การบายศรสี ตู รขวญั . อุบลราชธานี : ศนู ยก์ ารศึกษานอกโรงเรียนภาค ตะวันออกเฉยี งเหนอื มานะชัย วงษป์ ระชา. (2556). พาขวัญ พานบายศรี. (ปริญญาศลิ ปศาสตรมหาบัณฑติ ). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลยั ศิลปากร.
12 ภาคผนวก
13 ผจู้ ัดทำ นายปยิ พัทธ์ ลายศรี 62121109038 นายปณั ณวัฒน์ แย้มขนุ ทอง 62121109058 นายพลวตั ร จนั ทงาม 62131109033 นายเนรมติ ร ไก่แกว้ 62131109035 รายวิชา THC3319 ภาษากับวฒั นธรรมไทย
14 ภาพการประกอบพธิ บี ายศรีส่ขู วญั
15 ภาพการประกอบพธิ บี ายศรีส่ขู วญั
16 ภาพการประกอบพธิ บี ายศรีส่ขู วญั
17 ผจู้ ดั ทำ นายปยิ พัทธ์ ลายศรี 62121109038 นายปัณณวฒั น์ แย้มขนุ ทอง 62121109058 นายพลวัตร จันทงาม 62131109033 นายเนรมิตร ไกแ่ กว้ 62131109035 รายวชิ า THC3319 ภาษากับวฒั นธรรมไทย
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: