วิจัยในชน้ั เรียน เรอ่ื ง การพฒั นาการเรียนการสอนโดยใช้สอ่ื ออนไลนอ์ ย่างถกู วธิ ี ของนกั เรียนระดับชน้ั ปวช. ปีท่ี 1 แผนกวชิ าอิเล็กทรอนกิ ส์ นายสถาพร ธรรมโม ตาแหน่ง พนักงานราชการครู ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 สาขาวชิ าอเิ ล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยการอาชีพสอง สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการ
บทคัดย่อ การวิจัยครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือหาประสิทธิภาพของการเรียนวิชาวงจรไฟฟ้ากระแสตรง เพ่ือการใช้ งานสื่อออนไลน์ในการจัดการเรียนอย่างถูกวิธี เช่น การใช้ห้องเรียนออนไลน์ Google Classroom และการ จัดการเรียนการสอนออนไลน์ (Live สด) ผ่าน Google Meet เพื่อนาไปใช้จัดการเรียนการสอนใน สถานะการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อโควิด-19 โดยกาหนดการทดลองกับกลุ่มประชากรนักศึกษา แผนกวิชาอิเล็กทรอนิกส์ ระดับช้ัน ปวช.1 วิทยาลัยการอาชีพสอง จานวน 10 คน ระยะเวลาในการทดลอง จานวน 18 สปั ดาห์
คำนำ การวจิ ัยในชั้นเรยี น การศกึ ษาการพฒั นาการเรียนการสอนโดยใช้ส่อื ออนไลน์อย่างถูกวิธี ของนักเรียน ระดับช้ัน ปวช. ปที ่ี 1 กลุ่ม 1 แผนกวิชาอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 ให้เกิดประโยชน์ สูงสุดต่อตัวผูเ้ รียน ขอขอบคุณผู้อานวยการ รองผู้อานวยการฝ่ายวิชาการ หัวหน้างานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ส่ิงประดิษฐ์ และหัวหน้าแผนกวิชาอิเล็กทรอนิกส์ ท่ีให้คาแนะนาในการดาเนินการวิจัยจนกระทั่งงานวิจัย สาเรจ็ ด้วยดี นายสถาพร ธรรมโม ครูผูส้ อน
สารบญั หนา้ เรอ่ื ง ก ข บทคัดย่อ ค คำนำ สำรบัญ 1 บทท่ี 1 บทนา 1 1 ควำมเปน็ มำและควำมสำคญั ของปญั หำ 1 วัตถปุ ระสงค์กำรศึกษำคน้ คว้ำ 1 สมมตุ ิฐำนกำรวจิ ัย 2 ขอบเขตของกำรศึกษำคน้ ควำ้ ประโยชน์ท่คี ำดว่ำจะไดร้ บั 3 นิยำมศพั ท์เฉพำะ 4 6 บทท่ี 2 เอกสารท่ีเกย่ี วข้อง กำรพัฒนำกำรเรยี นกำรสอน 9 ทฤษฎกี ำรเรียนรู้และสอื่ กำรเรยี นกำรสอนเพอื่ ให้เกิดกำรเรียนรู้ 9 ควำมรู้เก่ียวกับส่ือออนไลน์ 9 10 บทท่ี 3 วิธีการดาเนินการ ประชำกรและกลุ่มตวั อย่ำง 12 กำรสร้ำงเครื่องมือ 13 กำรเกบ็ รวบรวมข้อมูล กำรวิเครำะห์ขอ้ มูล 14 15 บทที่ 4 ผลการดาเนินการ 16 ผลกำรวิจัย สรปุ ผลกำรวจิ ยั บทท่ี 5 สรุป อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ อภิปรำยผลกำรศึกษำ ขอ้ เสนอแนะ บรรณำนุกรม ภำคผนวก
บทที่ 1 บทนำ 1.1 ควำมเปน็ มำและควำมสำคญั ของปญั หำในกำรวิจัย การเรียนการสอนในระบบการเรียนการสอนมีมากมายหลายรูปแบบ จุดมุ่งหมายเพื่อให้มีการพัฒนา ผูเ้ รียนท้ังทางด้านวิชาการ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ดา้ นความรู้ความสามารถ เพ่ือให้นักเรียนได้มีความสามารถ ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้นักเรียนไม่เกิดความเบ่ือหน่ายกับการเรียนการสอนแบบเก่า ๆ จึงได้นาการ เรียนการสอนโดยการใช้ส่ือออนไลน์มาให้นักเรียนได้ลองใช้เพื่อจะได้คุ้นเคยในการวิจัยได้ทาเป็นข้ันตอน และ เป็นทสี่ นใจของนกั เรยี น เพื่อให้นักเรียนเรยี นอย่างมีความสขุ และมีประสิทธภิ าพ 1.2 วัตถุประสงค์ของกำรวจิ ยั 1.2.1 เพอ่ื พฒั นาผเู้ รยี นใช้สอื่ การเรียนการสอนออนไลน์กับรายวชิ าวงจรไฟฟ้ากระแสตรง 1.2.2 เพอื่ ประเมนิ ประสิทธภิ าพของส่อื การเรียนการสอนออนไลน์ 1.2.3 เพือ่ ศกึ ษาความพึงพอใจของผู้เรียนที่มตี ่อระบบและสือ่ การเรยี นการสอนออนไลน์ 1.3 สมมุติฐำนกำรวจิ ัย นักเรียนท่สี ามารถใช้สอื่ ออนไลนใ์ นการเรยี นการสอนสามารถมีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นมากกว่า นักเรยี นท่ไี มส่ ามารถใช้สอ่ื ออนไลนใ์ นการเรียนได้ 1.4 ขอบเขตของกำรวิจัย สื่อการเรียนรูปแบบออนไลน์ท่ีสามารถเข้าถึง เนื้อหาและวิธีการเรียนที่มีความหลากหลายมากขึ้นใน รายวิชาวงจรไฟฟ้ากระแสตรง เพื่อไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยคัดจาก กลุ่มเป้าหมายจานวนนักเรียน แผนกอิเล็กทรอนิกส์ ระดับช้ัน ปวช.1 วิทยาลัยการอาชีพสอง อาเภอสอง จังหวดั แพร่ 1. ศึกษาโปรแกรมการทางานของส่ือออนไลน์ท่คี รูผูส้ อนได้นามาใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน เชน่ Google Classroom และ Google Meet 2. ศกึ ษาหลักการทางานของของสื่อออนไลน์เพ่อื ทจ่ี ะให้เกิดประสทิ ธิภาพของการเรยี นของผู้เรยี นให้ เปน็ ไปตามวตั ถุประสงค์จากแผนการเรียน 3. ใช้ส่ืออย่างถกู วิธแี ละการปฏบิ ตั ิในการเรียนการสอนอย่างถกู ต้อง ประเภทกล่มุ ประชำกรและกลุ่มตัวอยำ่ ง ประชากร นักเรยี นแผนกอิเลก็ ทรอนิกส์ ระดบั ช้ัน ปวช.1 วิทยาลัยการอาชพี สอง อาเภอสอง จงั หวดั แพร่ 1.5 ควำมสำคัญและประโยชนท์ จ่ี ะไดร้ บั จำกกำรวจิ ัย การวิจัยเรื่อง การพัฒนาการเรยี นการสอนโดยใช้สือ่ ออนไลน์ เพ่ือให้ผูเ้ รียนได้ศึกษาใชส้ ่ือออนไลน์ ได้ถูกต้องก่อนท่ีจะต่อวงจรจริง เพ่ือท่ีจะให้นักศึกษาเข้าใจดีก่อนที่จะนาอุปกรณ์มาใช้งานจริงและเพื่อที่จะให้ ร้จู กั ในหลักการทางานของอปุ กรณ์ที่ถกู ต้องย่ิงข้นึ
2 1.6 นยิ ำมศัพท์ หลักในการการสื่อออนไลน์ จะต้องมีความรู้เรื่องโปแกรมพื้นฐานโดยท่ัว ๆ ไป และรู้จักเคร่ืองมือ และอุปกรณ์ที่ใช้ในเรียนออนไลน์ เพื่อให้การใช้งานถูกต้องตามมาตรฐานสากล ดังนั้น การเลือกใช้เคร่ืองมือ และอปุ กรณจ์ ึงเป็นส่วนสาคญั เพราะการเลือกใช้อุปกรณ์ และเทคนคิ การใชเ้ ครื่องมือทีถ่ ูกต้องเสมอ
บทที่ 2 เอกสารทเ่ี กย่ี วข้อง ในการวิจัย เพ่ือหาประสิทธภิ าพของการเรียน วิชาวงจรไฟฟ้ากระแสตรง เพอ่ื การพัฒนาการเรียนการ สอนโดยใช้สื่อออนไลน์อย่างถูกวิธี ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือใช้ในการกาหนดกรอบ แนวคิดในการวจิ ัย ดังน้ี 1. การพัฒนาสื่อออนไลนใ์ นการจัดการเรียนการสอน 2. ทฤษฎีการเรียนรูแ้ ละสอื่ การเรยี นการสอนเพือ่ ใหเ้ กิดการเรยี นรู้ 3. ความรูเ้ ก่ียวกับสอ่ื ออนไลน์ 2.1 การพฒั นาสื่อออนไลน์ในการจัดการเรยี นการสอน การรพัฒนาการเรียนรู้และการพัฒนานักเรียนเปน็ ปัจจัดหลักท่สาคัญในการจัดกระบวนการให้ผู้เรียน เขา้ ส่มู าตรฐานและไดร้ บั การพฒั นาตนเอง กระบวนการจดั การศกึ ษาต้องยดึ หลักวา่ ผู้เรียนทุกคนมคี วามสามารถเรียนรูแ้ ละพฒั นาตนเองได้ และ ถือว่าผู้เรียนมีความสาคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถ พัฒนาตามธรรมชาติ และเตม็ ศักยภาพ” ผสู้ อนจึงจาเป็นต้องปรับเปล่ยี นบทบาทของตนเองจากการเปน็ ผูบ้ อกความรใู้ ห้จบไปในแตล่ ะครงั้ ที่เข้า สอนมาเป็นผู้เอ้ือ อานวยความสะดวก(Facilitator)ในการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนกล่าวคือเป็นผู้กระตุ้นส่งเสริม สนับสนุนจัดสิ่งเร้าและจัดกิจกกรมให้ผู้เรียน เกิดการพัฒนาให้เต็มตามศักยาภาพ ความสามารถ ความถนัด และความสนใจของแต่ละบุคคล การจัดกิจกรรมจึงต้องเป็นกิจกรรมที่ ผู้เรียนได้คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ สร้างสรรค์ศึกษาและค้นคว้าได้ลงมือปฏิบัติจนเกิดการเรียนรู้และค้นพบความรู้ด้วยตนเองเป็นสาระ ความรู้ ด้วยตนเอง รักการอ่าน รักการเรียนรู้อันจะนาไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต(Long-life Education) และเป็น บุคคลแห่งการเรียนรู้ (Learning Man ) ผู้สอนจึงต้องสอนวิธีการแสวงหาความรู้ (Learn how to learn ) มากกวา่ สอนตวั ความรู้ การพัฒนาเพอื่ ยกระดับคุณภาพนกั เรียนจึงต้องจดั ระเบียบและข้นั ตอนดงั น้ี 1. วิเคราะห์สภาพทว่ั ไปของสถานที่ ห้องเรียนและตวั ผเู้ รียน 2. พัฒนาโดยการวิเคราะห์หลักสูตร เพื่อพัฒนานวัตกรรมในแต่ละบทเรียนโดยเน้นด้านความรู้และ ด้านกระบวนการ 3. พัฒนาจดั หาสอ่ื เคร่อื งมอื ชว่ ยในการใช้ส่ือการสอน ICT ช่วยในการจัดการเรียนรู้ 4. สร้างและพัฒนานวัตกรรมและกิจกรรมท่ีหลากหลายให้ผู้เรียนได้รับองค์ความรู้และสนุกสนานกับ การเรยี นรู้กิจกรรมต่าง ๆ 5. ปรบั เปล่ยี นห้องเรยี นให้มีบรรยากาศเป็นหอ้ งเรยี นแห่งการเรยี นรู้ 6. เช่ือมโยงห้องเรียนให้มีองค์ความรู้ในห้องและนอกห้องเรียนสู้องค์ความรู้ท่เป็นสากลโดยใช้สื่อท่ จัดทาข้นึ เองและส่ือออนไลน์ 7.มีการวดั ผลประเมินผลเพื่อการพัฒนาผูเ้ รียนไปสู่เปา้ หมายท่ีตง้ั ไว้ ตลอดจนสนับสนุนผู้ท่ีเรียนดี เก่ง ใหไ้ ด้ศกึ ษา และซอ่ มเสริมนักเรยี นทีอ่ อ่ นโดยใช้บทเรยี นออนไลนแ์ ละบทเรยี นสาเร็จรูปร่วมกบั ผปู้ กครอง 8.ประเมนิ ผลทกุ ระยะ เพอื่ ให้ทราบสภาพจรงิ แก้ไขและวางแผนพัฒนาผู้เรียนอย่างตอ่ เนอื่ ง
4 2.2 ทฤษฎีการเรียนรู้ องค์ประกอบการเรยี นรู้ และส่อื การเรียนการสอน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้กระบวนการเรียนรู้ เพ่ือการพัฒนาผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ โดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ช่วยสอนวิชาอิเล็กทรอนิกส์กาลัง นั้น ผู้วิจัยได้อาศัยแนวคิดจากทฤษฎีเรียนรู้ต่างๆ มาใช้เป็นแนวทางในการ พัฒนาสือ่ อิเลก็ ทรอนิกสเ์ พื่อพฒั นานักเรียนทเ่ี รยี นวชิ าน้ี ดังนี้ 2.2.1 ทฤษฎกี ารเรียนรู้ สาหรับ http : // www. Nectec.or.th / courseware /cai /, 15 สิงหาคม 2549. ได้กล่าวถึง ทฤษฎีการเรียนรขู้ องกาเย่ ไวด้ ังน้ี 2.2.1.1 การจูงใจ (Motivation Phase) การคาดหวังของผู้เรียนเป็นแรงจูงใจในการเรยี นรู้ 2.2.1.2 การรับรู้ตามเป้าหมายที่ต้ังไว้ (Apprehending Phase) ผู้เรียนจะรับรู้ส่ิงท่ีสอดคล้องกับ ความต้ังใจ 2.2.1.3 การปรงุ แต่งสิง่ ที่รับรไู้ ว้เป็นความจา (Acquisition Phase) เพื่อให้เกิดความจาระยะส้ันและ ระยะยาว 2.2.1.4 ความสามารถในการจา (Retention Phase) 2.2.1.5. ความสามารถในการระลกึ ถงึ สิ่งทไ่ี ด้เรียนร้ไู ปแล้ว (Recall Phase ) 2.2.1.6. การนาไปประยุกตใ์ ชก้ ับสิง่ ทเ่ี รยี นรไู้ ปแลว้ (Generalization Phase) 2.2.1.7. การแสดงออกพฤตกิ รรมที่เรียนรู้ (Performance Phase) 2.2.1.8. การแสดงผลการเรียนรู้กลับไปยังผู้เรียน (Feedback Phase) ผู้เรียนได้รับทราบผลเร็วจะ ทาใหม้ ผี ลดแี ละประสิทธภิ าพสูง 2.2.2 องค์ประกอบท่สี าคญั ทกี่ ่อใหเ้ กิดการเรียนรู้ องค์ประกอบที่สาคัญที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ จากแนวคิด ของกาเย่ (อ้างถึงใน http : // www. Nectec.or.th /courseware /cai / , 15 สงิ หาคม 2549.) ดงั น้ี 2.2.2.1 ผู้เรียน (Learner) มรี ะบบสมั ผัสและ ระบบประสาทในการรบั รู้ 2.2.2.2 สงิ่ เรา้ (Stimulus) คือ สถานการณ์ตา่ งๆ ที่เปน็ ส่งิ เร้าใหผ้ ู้เรยี นเกดิ การเรียนรู้ 2.2.2.3 การตอบสนอง (Response) คือ พฤตกิ รรมทเี่ กิดข้นึ จากการเรยี นรู้ 2.2.3 ส่ือการเรยี นการสอน 2.2.3.1 ความหมายของ “สื่อการเรยี นการสอน” กิดานันท์ มลิทอง (2548 : 100) ได้ให้ความหมายของ “ส่ือการเรียนการสอน” ไว้ว่าส่ือ เป็นคา ท่ีมาจากภาษาละตินว่า “Medium” แปลว่าระหว่าง “Between” หมายถึง ส่ิงใดก็ตามที่บรรจุข้อมูล สารสนเทศหรอื เปน็ ตวั กลางใหข้ ้อมลู สง่ ผ่านจากผู้สง่ หรือ แหลง่ ส่งไปยังผรู้ บั เพื่อให้ผสู้ ่งและผ้รู ับสามารถส่ือสาร กันได้ตรงตามวัตถุประสงค์ ในการศึกษาเมื่อผู้สอนนาส่ือมาใช้ประกอบ การสอนจะเรียกว่า“ส่ือการสอน (Instructional Media)”และเมื่อนามาให้ผู้เรียนใช้เรียกว่า“ส่ือการเรียน (Learning Media)” โดยเรียก รวมกันว่า “ส่ือการเรียนการสอน” หรือเรียกส้ันๆว่า “ส่ือการสอน” 14 หมายถึง สื่อใดก็ตามไม่ว่าที่เป็นวัสดุ บรรจุเนื้อหาเก่ียวกับการเรียนการสอน หรือเป็นอุปกรณ์ถ่ายทอดเพ่ือถ่ายทอดเนื้อหาจากผู้สอนไปยังผู้เรียน ทาให้ผูเ้ รยี นสามารถเกดิ การเรียนรตู้ ามวัตถปุ ระสงค์ หรือจดุ มุง่ หมายท่ีผู้สอนวางไว้เปน็ อย่างดี 2.2.3.2 คุณค่าของส่ือการสอน กดิ านันท์ มลิทอง (2548 : 108 - 109) ได้กล่าวถึงคุณค่าของสื่อการสอนไว้ว่า ส่ือการสอนเป็นส่ิงสาคัญใน การเรียนรู้ เนื่องจากเป็นตัวกลางในการถ่ายทอดเนื้อหาจากผู้สอนไปยังผู้เรียน หรือเป็นสื่อท่ีผู้เรียนใช้เรียนรู้ ด้วยตนเอง ดงั นั้นสอื่ การสอนจึงสามารถนามาใช้ประโยชน์ได้ทง้ั กับผเู้ รียนและผู้สอน ดังน้ี
5 สือ่ กับผู้เรยี น 1. เป็นสิ่งช่วยให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจ เนื้อหาบทเรียนท่ียุ่งยากซับซ้อนได้ง่ายข้ึนในระยะเวลาอันสั้น และช่วยให้เกิดความคิดรวบยอดในเรื่องน้ันได้ อยา่ งถูกต้องและรวดเร็ว 2.สื่อจะช่วยกระตุ้นและสร้างความสนใจให้กับผู้เรียน ทาให้เกิดความสนุกสนาน และไม่รูส้ ึก เบือ่ หนา่ ยการเรยี น 3.การใช้สื่อทาให้ผู้เรียนมีความเข้าใจตรงกันหากเป็นเรื่องของนามธรรมและยากต่อความ เขา้ ใจ และช่วยให้เกิดประสบการณ์ร่วมกันในวชิ าที่เรยี น 4.สอื่ ช่วยใหผ้ ู้เรียนมีสว่ นรว่ มในกิจกรรมการเรยี นการสอนมากขึน้ ทาใหเ้ กดิ มนุษยสัมพันธ์อัน ดใี นระหว่างผูเ้ รยี นกบั ผู้เรยี นและกบั ผู้สอนดว้ ย 5.สร้างเสริมลักษณะท่ีดีในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์ จากการใชส้ ่อื เหล่านั้น 6.ช่วยแก้ปัญหาเรื่องของความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยการจัดให้มีการใช้สื่อในการศึกษา รายบุคคล สือ่ กับผ้สู อน 1. การใช้ส่ือวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ประกอบการเรยี นการสอนเป็นการชว่ ยให้บรรยากาศในการ สอนน่าสนใจย่ิงขึ้น ทาให้ผู้สอนมีความกระตือรือร้นในการสอนมากกว่าวิธีการท่ีเคยใช้การบรรยายแต่เพียง อยา่ งเดยี ว และเป็นการสร้างความเชอื่ มัน่ ในตัวเองให้เพมิ่ ขนึ้ ดว้ ย 2. ช่วยแบ่งเบาภาระผู้สอนในด้านการเตรียมเน้ือหา เพราะสามารถนาสื่อมาใช้ซ้าได้ และ บางครัง้ ใหผ้ เู้ รียนศึกษาเนือ้ หาจากสือ่ ไดเ้ อง 3. เป็นการกระตุ้นให้ผู้สอนต่ืนตัวอยู่เสมอ ในการเตรียมและผลิตวัสดุและ เรื่องราวใหม่ๆ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ส่อื การสอน ตลอดจนคิดค้นเทคนคิ วธิ ีการตา่ งๆ เพือ่ ใหก้ ารเรยี นร้นู ่าสนใจยง่ิ ขนึ้ 2.2.3.3 หลักการเลอื กส่ือการเรียนการสอน กิดานันท์ มลิทอง (2548 : 109 -110) ได้กล่าวถึงหลักการเลือกส่ือการเรียนการสอน เพ่ือนามาใช้ ประกอบการเรยี นการสอน เพอื่ ให้เกิดการเรียนรอู้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพนน้ั เป็นส่ิงสาคญั ยิ่ง ไว้ดังน้ี 1. สอ่ื นั้นตอ้ งสมั พนั ธ์กับเนื้อหาบทเรียนและจุดมงุ่ หมายทีจ่ ะสอน 2.เลือกส่ือที่มีเนื้อหาถูกต้อง ทันสมัย น่าสนใจ และเป็นสื่อที่ให้ผลต่อการเรียน การสอนมาก ทส่ี ดุ ช่วยใหผ้ ู้เรยี นเขา้ ใจเนื้อหาน้ันไดด้ ีเปน็ ลาดับข้ันตอน 3. เปน็ ส่ือทเ่ี หมาะสมกับวยั ระดับช้นั ความรแู้ ละประสบการณ์ของผู้เรียน 4. สื่อน้ันควรสะดวกในการใช้ มีวธิ ีใช้ไม่ซบั ซ้อน ยุ่งยาก จนเกนิ ไป 5. ตอ้ งเป็นส่อื ทม่ี คี ุณภาพ มเี ทคนคิ การผลติ ท่ีดี มีความชดั เจนและเป็นจริง 6. มรี าคาไม่แพงจนเกินไป หรือถ้าผลติ เองควรคมุ้ กบั เวลาและการลงทุน 2.2.3.4 การสอนด้วยส่ือตามแนวคิดของกาเย่ (อ้างถึงในเว็บไซต์ NECTEC’s Web Base Learning :15 สงิ หาคม 2549) ดงั น้ี 1. เร้าความสนใจมีโปรแกรมท่ีกระตุ้นความสนใจของผู้เรียน เช่น ใช้การ์ตูน หรือ กราฟฟิกท่ี ดงึ ดดู สายตา ความอยากรู้อยากเหน็ จะเป็นแรงจูงใจให้ผเู้ รยี นสนใจในบทเรียน การต้งั คาถามกเ็ ปน็ อีกสิง่ หนงึ่
6 2. บอกวัตถปุ ระสงค์ ผ้เู รียนควรทราบถงึ วัตถุประสงค์ ใหผ้ ู้เรียนสนใจในบทเรยี นเพือ่ ให้ทราบ วา่ บทเรยี นเกี่ยวกับอะไร 3. กระตุ้นความจาผู้เรียน สร้างความสมั พันธใ์ นการโยงข้อมูลกับความร้ทู ่ีมีอยกู่ ่อน เพราะส่ิง น้ีสามารถทาให้เกิดความทรงจาในระยะยาวได้เม่ือได้โยงถึงประสบการณ์ผู้เรียน โดยการตั้งคาถาม เก่ียวกับ แนวคดิ หรือเนอื้ หาน้ันๆ 4. เสนอเน้ือหา ข้ันตอนนี้จะเป็นการอธิบายเนื้อหาให้กับผู้เรียนโดยใช้สื่อชนิดต่างๆ ในรูป กราฟฟิก หรอื เสียง วดี ีทศั น์ 5. การยกตัวอย่าง การยกตัวอย่างสามารถทาได้โดยยกกรณีศึกษาการเปรียบเทียบ เพ่ือให้ เข้าใจได้ซาบซ้งึ 6. การฝึกปฏิบัติ เพื่อให้เกิดทักษะหรือพฤติกรรม เป็นการวัดความเข้าใจว่าผู้เรียนได้เรียน ถูกตอ้ ง เพอ่ื ให้เกดิ การอธบิ ายซา้ เม่ือรบั สงิ่ ทผี่ ดิ 7. การใหค้ าแนะนาเพม่ิ เตมิ เชน่ การทาแบบฝกึ หดั โดยมคี าแนะนา 8. การสอบเพื่อวดั ระดับความเข้าใจ 2.3. เอกสารทเ่ี ก่ยี วข้องกบั สอื่ ออนไลน์ สือ่ หรือ Media ท่ใี ช้เปน็ ส่อื การสอน จะเปน็ สิง่ ใด ๆ ก็ได้ที่ใช้เป็นอปุ กรณ์ถ่ายทอดเนื้อหาสาระจากผ้สู อน หรือจากสง่ิ ทจ่ี ะใชเ้ รียนไปยังผู้เรียนจนทาให้สามารถเกิดการเรียนรู้ตามวตั ถปุ ระสงค์ ทกี่ าหนดไว้ได้เป็นอย่างดี ดังน้ันส่ืออิเล็กทรอนิกส์จึงมีวัตถุประสงค์เดียวกัน เพียงแต่เฉพาะเจาะจงว่าสิ่งนั้นเป็นผลพวงมาจากการนาสิ่ง ตา่ ง ๆ ทางอิเล็กทรอนิกสม์ าใช้ ซึง่ โดยทัว่ ไปได้แก่การใชอ้ ุปกรณ์ IT ทต่ี ้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์ และอปุ กรณท์ ้ัง Hardware และ Softwere เป็นองค์ประกอบหลัก การสอนโดยใช้ Electronic Book หรือ E-Book , C.A.I. (Computer Assisted Instructor) หรืออ่ืน ๆ ท่ีมีอุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็จัดไว้ในส่ือ อิเล็กทรอนิกส์ท้ังส้ิน ดังนั้นการศึกษาค้นคว้าในเร่ืองดังต่อไปนี้ จึงเป็นส่วนหน่ึงที่ผู้วิจัยใช้เป็นแนวทางใน การ พฒั นา สือ่ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ ซึ่งไดแ้ ก่ 2.3.1 หนังสืออิเลก็ ทรอนกิ ส์ 2.3.1.1.ความหมายของหนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์ นักการศึกษาหลายท่านได้ให้ความหมายของ หนงั สอื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ ไว้ดังน้ี กิดานนั ท์ มลทิ อง (2548 : 156) กลา่ วไว้วา่ หนังสืออิเลก็ ทรอนกิ ส์ คือการบนั ทึกเนือ้ หาจากส่งิ พมิ พ์ ในลักษณะหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Book : E-Book) ลงแผ่นซีดี นับเป็น ส่ือทางทัศนะที่มี ประโยชน์ยิ่ง เพราะซีดี แผ่นหนึ่งสามารถบันทึกข้อมลู สารสนเทศจากสิ่งพิมพ์กระดาษได้หลายพันเลม่ และยัง สามารถใช้ในลักษณะส่ือประสม และสื่อหลายมิติได้ด้วย และยังได้กล่าวว่า หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ มิใช่มีเพียง ข้อความตัวอักษรและภาพเหมือนหนังสือธรรมดาเท่าน้ัน แต่ยังมีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ เพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพ การใช้งาน เช่น ภาพแอนิเมชัน วีดีทัศน์ และเสียงประกอบเน้ือหา การใช้จุดเช่ือมโยงหลายมิติ เพื่อเชื่อมโยง ข้อมูล จากท่ีหน่ึงไปยังอีกท่ีหนึ่งในเล่มเดียวกัน หรือแม้กระทั่งการเช่ือมโยงไปยังเว็บไซด์ต่างๆบนอินเตอร์เน็ต การอ่านหนังสือสามารถอ่านได้ด้วยคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ทั้งแบบตั้งโต๊ะและแบบพกพา และแบบสาหรับ อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะซ่ึงจะมีหน้าจอยาวเหมือนแบบหนังสือ นอกจากน้ีแล้วการใช้หนังสือ อเิ ล็กทรอนิกส์ ในการเรยี นการสอนจะทาให้ผู้เรยี นสามารถรับรู้ได้ท้ังการดู และการฟังในเวลาเดียวกนั ผู้เรียน สามารถอ่านเนื้อหา ดูภาพประกอบทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวและเสียง รวมท้ังการเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาที่ ตอ้ งการด้วยความสะดวกรวดเร็ว ในบางสว่ นจะทาจดุ
7 วิภพ ไชยธรรม (2545 : 11)ได้กล่าวถึงหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ อิเล็กทรอนิกส์บุ๊กว่าเป็นสิ่งที่มี ความคล้ายคลึงกับไฮเปอร์บุ๊ก เพราะเป็นส่ิงท่ีถูกออกแบบขึ้นมาเพ่ือให้เป็นเอกสารท่ีมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ ซึ่ง สามารถท่ีจะถูกเขียนและอ่านบนเคร่ืองคอมพิวเตอร์ โดยมีแนวคิดที่พยายามเอาเทคโนโลยีเหล่าน้ีมาแทนท่ี เพื่อที่จะลดข้อจากัดของกระดาษ ดังนั้นจึงได้มีการศึกษาเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์บุ๊กเพื่อท่ีจานาโครงสร้างของ อิเล็กทรอนกิ ส์บกุ๊ ไปประยกุ ต์ใช้กับการสร้างบทเรียนไฮเปอรบ์ ุก๊ Baker (อา้ งถึงใน วิภพ ไชยธรรม, 2545:11) ได้ให้ความหมายของหนังสอื อิเลก็ ทรอนิกส์ หรือ อเิ ล็กทรอนกิ ส์บุ๊ก ไว้วา่ เป็นรูปแบบใหม่ของหนังสอื ท่ีได้สรา้ ง และเรียบเรียง แตล่ ะหน้าโดยไม่ไดใ้ ชก้ ารพมิ พโ์ ดยหมกึ พิมพ์ แต่เป็นการเรียบเรียงขอ้ มูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ซ่ึง รายละเอียดต่างๆ ของข้อมูลสามารถเคลื่อนที่ได้ และข้อมูลเป็นข้อมูลท่ีสามารถจัดเตรียมหน้าของหนังสือให้ เป็นขอ้ มลู ท่ีสามารถให้เกดิ การปฏสิ มั พันธ์กบั ผ้ใู ช้ได้ จากการท่ีผู้วิจัยได้สร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมา ได้ประยุกต์การเช่ือมโยง นาภาพ เคลื่อนไหว เสียง Slide Adobe Acrobat และแบบทดสอบท่ีสร้างข้ึนด้วยโปรแกรม Microsoft Excel ซึ่งมีนักเทคโนโลยี ทางการศึกษาได้กลา่ วไวว้ ่าเปน็ ลักษณะของส่ือประสม หรอื สอื่ หลายมติ ิ ซงึ่ ไดก้ ลา่ วไวด้ งั นี้ กดิ านันท์ มลิทอง (2548 : 204) ไดก้ ล่าวไวว้ ่า สื่อหลายมิติสามารถใช้ได้ท้ังในวงการบันเทิง วงการธุรกิจ วง การศกึ ษาและอีกหลายวงการ และได้ยกตัวอย่างของส่อื หลายมิตทิ ่ใี ชใ้ น วงการศึกษาไวด้ งั นี้ 1. บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน CAI 2. การเรียนอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (Electronic- Learning : E_Learning) 3. การศึกษาทางไกล (Distance Education) 4. หนงั สอื อเิ ล็กทรอนิกส์ (Electronic Book) 5. การใชง้ านสาหรับผพู้ ิการ 6. ความเป็นจรงิ เสมือน (Virtual Reality) กิดานันท์ มลิทอง (2548 : 205) ยังได้กล่าวไว้อีกว่า การใช้ส่ือหลายมิติในการเรียน การสอน สามารถเอ้อื การเรยี นรู้ไดอ้ ยา่ งย่งิ เน่ืองจากคุณสมบตั หิ ลายประการ เชน่ 1. เป็นการค้นคว้าและค้นหาแบบใหม่ ถ้ามีการเช่ือมโยงบนเว็บไซต์จะเชื่อมโยงไม่มีที่สิ้นสุด 18 2. เหมาะสมกับทกุ รปู แบบการเรยี นรู้ เพือ่ ให้ผู้เรียนไดม้ ีรปู แบบการเรียนรู้ ท่ีแตกตา่ งกนั 3. การค้นหาแบบเชื่อมโยงโดยไม่ต้องเรียงลาดับเชิงเส้นตรง ทาให้ข้ามส่ิงท่ีไม่ต้องการได้ ทา ให้ไม่เสยี เวลา 4. เพ่ิมประสิทธิภาพการเรียนรู้ เนื่องจากคนเราสามารถรับสารสนเทศด้วยประสาททั้งห้าได้ พรอ้ มกนั หลายทาง 5. เร้าความสนใจของผู้เรียนได้มากกว่าการเรียนในสภาพแวดล้อมแบบเดิม ด้วยการใช้สื่อ หลายรปู แบบ 6. การเชื่อมโยงแบบไม่เป็นเส้นตรง จะช่วยส่งเสริมทักษะการคิดลาดับขั้นสูงของผู้เรียนได้ อย่างดี เนอื่ งจากผู้เรียนตอ้ งมกี ารวิเคราะหส์ ่ิงท่เี รยี นไปแลว้ และต้องตดั สนิ ใจว่าจะเรียนต่อไปอยา่ งไร 7. ส่วนต่อประสานท่ีใช้งานง่าย จะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้เรียนด้วยการโต้ตอบ ปฏสิ ัมพันธ์ ทาใหม้ ีความกระฉับ กระเฉง กระตอื รอื ร้นในการเรยี น 8.เอื้อในการเรียนรู้ในการศึกษาทางไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสร้างบทเรียนท่ีมี เนอื้ หาสมบรู ณ์ เพ่ือให้ผู้เรยี นสามารถศกึ ษาดว้ ยตนเอง 2.3.1.2 ลักษณะของหนงั สืออิเลก็ ทรอนกิ ส์
8 Baker (1993 อ้างถึงใน วิภพ ไชยธรรม 2545 : 11-12) ได้กล่าวถึงลักษณ ะของหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ หรืออิเล็กทรอนิกส์บุ๊กว่าสิ่งท่ีสาคัญของอิเล็กทรอนิกส์บุ๊ก จะเปรียบเทียบได้กับ “เครื่องมือ” โดยข้อมูลที่มีโครงสร้างขนาดใหญ่ อยู่บนพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ การตัดสินใจในการเรียบเรียงส่วนต่างๆ ท่ี สาคัญของหนังสอื ขอ้ มูลในรปู ของอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ การจัดโครงสร้างของหนงั สือ ลกั ษณะต่างๆของหนังสือจะอยู่ ในรูปแบบขององค์ประกอบของหนังสือท่ัวๆไป เช่น การมีเลขหน้า หัวกระดาษ ท้ายกระดาษ เป็นต้น Baker ยังได้กล่าวว่าพื้นฐานของข้อมูลท่ีบรรจุเร่ืองการตอบสนองในแต่ละหน้าของหนังสือท่ีมีข้อมูลเคลื่อนท่ีได้ ซ่ึง สามารถบรรจุได้ทั้งข้อความ รูปภาพ และเสียง ข้อมูลท่ีถูกบรรจุในแต่ละหน้าน้ัน จะมีพ้ืนฐานของข้อมูล ทั้งหมด 3 ชนิด ด้วยกัน คือ ความสวยงาม (Aesthetic) ส่ิงท่ีปรากฏให้เห็นน้ันจะเป็นส่ิงท่ีช่วยเสริมการอ่าน และจัดเตรียมข้อมูลตามความพอใจของผู้อ่าน การให้ความรู้ (Informative) คือ การต้ังใจท่ีจะแนะนาหรือ บอกกับผู้อ่านหนังสอื น้ันโดยเฉพาะ และการบอกหน้าท่ีควบคุมอย่างชดั เจน แน่นอน ส่วนประกอบที่ใช้ในการ ควบคุมการอ่าน (Explicit Control Functions) เป็นส่ิงท่ีสาคัญ และเป็นประโยชน์มาก เพราะทาให้ผู้ใช้ สามารถดงึ ข้อมูลจากหนังสอื ไดต้ ามความต้องการ
บทที่ 3 วธิ ีการดาเนนิ การ การวิจัยหลังน้ีเป็นการวิจัยเชิงทดลอง เพื่อศึกษาผลการทดสอบการปฏิบัติในการใช้งานสื่อออนไลน์ เพอ่ื ให้การดาเนินการวิจยั เป็นไปตามวตั ถุประสงค์ของการวจิ ยั ซง่ึ ข้นั ตอนวจิ ัยได้ดาเนินการดังต่อไปนี้ 1.ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง 2.การสร้างเคร่อื งมอื 3.การรวบรวมขอ้ มูล 4.การวิเคราะหข์ อ้ มลู 3.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1. นักศกึ ษาแผนกวชิ าอิเล็กทรอนิกส์ ชน้ั ปวช.1 วิทยาลยั การอาชีพสอง จังหวัดแพร่ จานวนของกลุ่ม ที่เข้ารว่ มการเรียนจานวน 10 คน เครื่องมอื ท่ีใชใ้ นการวิจัย เคร่ืองมือทีใ่ ชใ้ นการวิจัยในคร้ังนี้ โดยใช้สอื่ การเรียนรูปแบบออนไลน์ 3.2 การสร้างเครือ่ งมอื ผู้วิจยั ไดน้ าเคร่ืองมือเพื่อเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลดังนี้ 1. ศึกษาเอกสาร ตาราและการวิจัยต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องในทางทฤษฏี และการปฏิบัติรวมท้ังหลักการ ตา่ ง ๆ ทีเ่ กี่ยวข้อง 2. กาหนดเครอื่ งมอื เพอื่ เป็นแนวทางในการวจิ ยั ในครงั้ น้ี 3. สร้างห้องเรียนออนไลน์ Google Classroom , Google Meet 3.3 การเก็บรวบรวมขอ้ มูล ในการเก็บรวบรวมข้อมูลผู้วิจัยนาเครื่องมือที่สร้างขึ้นให้นักเรียนกลุ่มประชากรได้ตอบแบบสอบถาม และเกบ็ ข้อมูลดว้ ยตนเอง การวิเคราะหข์ อ้ มลู 3.4.1 วเิ คราะหผ์ ลจากคะแนนทีไ่ ด้จากการทาแบบสอบถามวัดเจตคติ 3.4.2 สถิติทีใ่ ช้ในการวเิ คราะห์ข้อมูล - การหาค่าเฉลย่ี ������̅ = Ʃ������ ������ เม่อื ������̅ = ค่าเฉล่ยี X = คะแนนท่ีได้ N = จานวนนักเรยี นท้งั หมด Ʃ������ = ผลรวมของคะแนนทง้ั หมด
10 3.4 การวิเคราะห์ข้อมูล การวิจยั ครั้งนีผ้ วู้ จิ ัยได้ทาการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ โดยใช้สถิตใิ นการวิเคราะหข์ ้อมูลดงั นี้ 3.5.1. วเิ คราะหห์ ัวข้อเพื่อศึกษาเจตคติที่มตี ่อการเรยี นในรายวชิ าวงจรไฟฟ้ากระแสตรงของนักเรียน การอธบิ ายคุณลกั ษณะของข้อมูลที่ไม่ใชต่ วั เลข 3.5.2. วิเคราะห์ขอ้ มูลเชงิ ปริมาณด้วยการแจกแจงความถี่หาค่ารอ้ ยละและหาค่าแนวโนม้ เขา้ สู่ สว่ นกลางของข้อมูลทีใ่ ชม้ าตรวัดแบบเรยี งลาดับ (Ordinal Scale) ด้วยคา่ มัธยฐาน (Median) และของขอ้ มูล คะแนนผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นทเ่ี ป็นมาตรวัดแบบช่วงชัน้ (Interval Scale) ดว้ ยคา่ คะแนนเฉลยี่ (Arithmethic Mean) กบั คา่ การกระจายของข้อมูลด้วยคา่ ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) (ล้วนสายยศและอังคณาสายยศ. 2543 : 306) 3.5.3. วิเคราะห์ขอ้ มูลเพือ่ ศึกษาเจตคตทิ มี่ ตี ่อการเรยี นในรายวิชาวงจรไฟฟา้ กระแสตรงของนักเรียน คะแนนทาแบบทดสอบระหวา่ งเรยี นและคะแนนจากการทาแบบทดสอบหาผลสัมฤทธ์ิหลังเรยี นโดยหาคา่ E 1 และ E (กฤษมันตว์ ฒั นาณรงค์. 2538; อา้ งถึงในยงยุทธสุทธชิ าติ. 2544:39-40) 2 E X / N x100 A 1 เม่อื E1= คะแนนเฉลย่ี คดิ เปน็ รอ้ ยละจากการทาแบบฝกึ หดั ไดถ้ ูกต้อง X = คะแนนรวมทีน่ ักเรียนทาแบบฝกึ หัดได้ถูกต้อง N = จานวนนักเรียน A = คะแนนเตม็ ของแบบฝึกหัด E F / N x100 B 2 เม่ือ E = คะแนนเฉล่ียคดิ เปน็ ร้อยละจากการทาแบบทดสอบหลังเรียนไดถ้ ูกต้อง 2 F = คะแนนรวมที่นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนไดถ้ ูกต้อง F N = จานวนนกั เรยี น A = คะแนนเต็มของแบบทดสอบหลงั เรยี น 3.4.4. วเิ คราะห์ข้อมูลเพื่อตรวจสอบคณุ ภาพของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นได้ดาเนนิ การดงั น้ี 1. หาค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Consistency) ของแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น แต่ละข้อกับผลการเรยี นร้ทู คี่ าดหวงั (จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม) กาหนดเกณฑค์ ่า IOC. ตัง้ แต่ 0.5 ขึ้นไปจึงจะ ถอื วา่ มีความสอดคล้องกับผลการเรยี นรูท้ คี่ าดหวัง (ลว้ นสายยศและองั คณาสายยศ. 2543:248-249)
11 IOC R N เมอ่ื IOC IOC = ดชั นีความสอดคลอ้ งมีคา่ อยรู่ ะหวา่ ง -1 ถงึ +1 R = ผลรวมของการพิจารณาของผเู้ ชีย่ วชาญ N = จานวนผูเ้ ช่ยี วชาญ 2. หาคา่ ดัชนคี วามยากงา่ ย (Difficulty) สถติ ิทีใ่ ช้ในการวิเคราะห์หาค่าความยากงา่ ยของแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน (ล้วนสายยศและอังคณาสายยศ. 2543:196) P R N เมื่อ P = ดัชนีคา่ ความยากง่าย R = จานวนนกั เรยี นที่ทาข้อสอบถูก N = จานวนนกั เรียนทท่ี าข้อสอบท้ังหมด 3 คา่ อานาจจาแนก (Discrimination) สาหรบั สถติ ิท่ใี ชใ้ นการวิเคราะหห์ าคา่ อานาจจาแนก (ลว้ นสาย ยศและองั คณาสายยศ. 2543:185-186) ดังนี้ D U L nU nL เมอ่ื D = ดัชนคี ่าอานาจจาแนกของข้อสอบ U = จานวนนกั เรียนท่ตี อบถูกในกลุม่ คะแนนสูง L = จานวนนกั เรียนท่ีตอบถูกในกล่มุ คะแนนอ่อน nU = จานวนนักเรยี นทั้งหมดทตี่ อบถูกในกลุ่มคะแนนสงู nL = จานวนนักเรยี นทงั้ หมดทีต่ อบถูกในกลมุ่ คะแนนต่า ค่าอานาจจาแนกจะมคี ่าอยู่ระหวา่ ง - 1 ถงึ + 1 ข้อสอบขอ้ ท่มี คี ่าอานาจจาแนกเป็นบวกและเขา้ ใกล้ 1 แสดงวา่ มอี านาจจาแนกสูงหรือดีมากข้อสอบข้อท่ีมคี ่าอานาจจาแนกเปน็ ลบและเทา่ กับ 0 แสดงวา่ ข้อนน้ั ไม่ มีคา่ อานาจจาแนกใช้ไม่ได้ค่าอานาจจาแนกตามเกณฑ์ท่ีกาหนดคือมีค่าตั้งแต่ 0.20 ข้นึ ไป 4. คา่ สมั ประสทิ ธคิ์ วามเชอื่ มั่นของแบบทดสอบ (Reliability) ใช้สูตร KR-20 ของKuder Richardson (ลว้ นสายยศและองั คณาสายยศ. 2543:215) r tt k k pq 1 1 o2 เมอ่ื rtt= คา่ สมั ประสิทธค์ิ วามเชือ่ ม่ันของแบบทดสอบ K = จานวนขอ้ สอบ P = สดั สว่ นของคนท่ีทาข้อน้นั ได้
บทท่ี 4 ผลการศึกษา ผลการวจิ ัยเรือ่ ง การพฒั นาการเรียนการสอนโดยใช้สอื่ ออนไลน์ของนักเรียนช้นั ปวช.1 โดยใชว้ ธิ ีและ แบบการสงั เกตวัตถปุ ระสงค์ดังน้ี 1. การใช้ส่ือเรียนการสอนออนไลน์ในรายวิชาวงจรไฟฟ้ากระแสตรง ได้ผ่านกระบวนการวางแผน โครงการเป็นการวางแผนการดาเนินงานโครงการ เพ่ือนามาวิเคราะห์และหาความต้องการของผู้เรียนในการใช้ สอ่ื ออนไลน์ โดยศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องและทาการศึกษาระบบบริหารจดั การบทเรียนออนไลน์ โดยผู้วิจัยได้ เลือกใช้โปรแกรม Google Classroom และ Google Meet ซ่ึงเป็นโปรแกรม ท่ีไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ใน เรื่อง ซอร์ฟแวร์ ผวู้ ิจัยไดด้ าเนนิ การจดั การเรียนการสอนโดยใช้สอื่ ออนไลนใ์ นรูปแบบห้องเรยี นออนไลน์ เพอ่ื ทดลอง การใช้งาน โดยการอัพโหลดไฟล์เอกสารประกอบการสอน สอ่ื การสอน แบบฝึกหดั ท้ายบทและให้ผู้เรยี นใชง้ าน พร้อมกบั มอบหมายให้ผู้เรียนทาแบบฝึกหัดทา้ ยบทเรียน และส่งงานที่ต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมายผ่านทางระบบ ที่พัฒนาขึ้น ผลจากการนาเอาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยในการบรหิ ารจดั การการเรยี นการสอน ทาให้ การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน ประหยัดทรัพยากรประหยัดเวลา มีสื่อการเรียน การสอนที่ หลากหลายผู้เรียนสามารถเรียนรู้และค้นคว้าเพิม่ เติมด้วยตัวเองได้ตลอดเวลา ตลอดจนสามารถเก็บข้อมูลของ ผูเ้ รียนและประมวลผลได้รวดเรว็ 2. ผลการประเมินประสิทธิภาพของระบบและส่ือการเรียนการสอนออนไลน์รายวิชาวงจรไฟฟ้า กระแสตรง โดยผู้เช่ยี วชาญ จานวน 3 ทา่ นผลการประเมนิ รายด้านทง้ั 4 ด้านอยู่ในระดบั มาก จานวน 1 ดา้ น และอยใู่ นระดบั มากทีส่ ดุ จานวน 3 ด้านผลการประเมินในภาพรวม อยใู่ นระดับมากท่สี ดุ (ตารางท่ี1) ตารางท่ี 1 ค่าเฉล่ียและค่าส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานประสิทธิภาพของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศและ สอ่ื การเรยี นการสอนออนไลนร์ ายวิชาวงจรไฟฟ้ากระแสตรง ในภาพรวมและรายด้าน รายการ X S.D. ประสิทธภิ าพ 1. ด้านเน้อื หาบทเรยี น 4.36 0.73 มาก 2. ดา้ นการวัดผลและประเมนิ ผล 4.89 0.16 มากที่สุด 3. ดา้ นการออกแบบ 4.67 0.38 มากท่ีสดุ 4. ดา้ นความงา่ ยตอ่ การใชง้ าน 4.54 0.69 มากทีส่ ดุ 3. ผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู ความพึงพอใจของนกั เรยี น แผนกวชิ าอิเล็กทรอนิกส์ จานวน 10 คน ทมี่ ตี ่อ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและสือ่ การเรยี นการสอนออนไลนร์ ายวชิ าวงจรไฟฟ้ากระแสตรง ผลการประเมนิ ใน ภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก (ตารางที่ 2)
13 ตารางท่ี 2 คา่ เฉล่ยี และคา่ สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐานความพงึ พอใจของนสิ ิต ท่มี ีต่อระบบเทคโนโลยี สารสนเทศและส่ือการเรียนการสอนออนไลน์รายวิชาวงจรไฟฟา้ กระแสตรง รายการ X S.D. ความพงึ พอใจ 1. การเข้าใช้งานระบบทาได้สะดวก รวดเร็ว และงา่ ยตอ่ การใชง้ าน 4.47 0.69 มาก 2. เนือ้ หาในระบบออนไลน์สอดคล้องกับแผนการเรียนการสอน 4.48 0.67 มาก 3. เนื้อหาในบทเรยี นมคี วามครอบคลมุ ครบถว้ น ชดั เจนเข้าใจง่าย 4.41 0.71 มาก 4. เนื้อหาในบทเรยี นจัดลาดับอย่างเป็นระบบ 4.41 0.72 มาก 5. เขา้ ใจเนือ้ หาของรายวิชาไดม้ ากขน้ึ เมื่อเรยี นผา่ นระบบออนไลน์ 4.36 0.73 มาก 6. เข้าใจเน้อื หาของรายวิชาไดม้ ากขึ้น หลังจากการทาแบบทดสอบ 4.42 0.66 มาก 7. สามารถทาแบบทดสอบท้ายบทได้หลายครั้ง 4.53 0.63 มากที่สดุ 8.นักเรียนสามารถศึกษาเน้ือหาของบทเรยี นผา่ นรูปแบบออนไลนไ์ ด้ 4.55 0.65 มากที่สดุ 9. เป็นประโยชน์ต่อการศกึ ษาเน้อื หารายวิชาเพม่ิ เติม 4.52 0.65 มากทส่ี ดุ 10. รปู แบบของส่ือออนไลน์ เหมาะสมและใช้งานง่าย 4.46 0.74 มาก 11. ระบบการสง่ งานสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา 4.54 0.69 มากที่สดุ 12. เมนตู ่าง ๆ จดั วางไดเ้ ข้าใจง่าย 4.41 0.75 มาก 13. นักเรยี นสามารถตรวจสอบคะแนนไดด้ ้วย 4.47 0.67 มาก 14. ตดิ ตอ่ สอบถามเพ่ือการมีปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างผู้สอนและผ้เู รียน 4.42 0.72 มาก 15. โดยภาพรวมมกี ารพงึ พอใจต่อการใช้ส่ือออนไลน์อยใู่ นระดับใด 4.55 0.64 มากที่สดุ
บทท่ี 5 สรปุ อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ ในการวิจัยครั้งนี้มี วัตถุประสงค์ เพ่ือพัฒนาผู้เรียนใช้ส่ือการเรียนการสอนออนไลน์กับรายวิชา วงจรไฟฟ้ากระแสตรง เพื่อประเมินประสิทธิภาพของสื่อการเรียนการสอนออนไลน์ เพ่ือศึกษาความพึงพอใจ ของผูเ้ รียนทมี่ ีตอ่ ระบบและสอื่ การเรียนการสอนออนไลน์ อธปิ รายผลการวจิ ยั 1. ส่ือการเรยี นการสอนออนไลน์ที่พัฒนาข้ึนในรายวิชาวงจรไฟฟ้ากระแสตรง สามารถนาไปใช้ในการ บรหิ ารจัดการการเรียนการสอนออนไลน์ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ และสามารถเป็นสื่อเสริมท่ีช่วยให้นักเรียนได้ เรียนรู้ด้วยตัวเองได้ตลอดเวลาท่ีนักเรียนต้องการโดยความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่มีต่อการประเมิน ประสิทธิภาพของระบบและส่ือการเรียนการสอนออนไลน์รายวิชาวงจรไฟฟ้ากระแสตรง พบว่าโดยรวมมี ประสิทธิภาพอยู่ในระดับมากท่ีสุด เม่ือพิจารณารายด้านพบว่าทุกด้านอยู่ในระดับมากที่สุด เช่นเดียวกัน โดย ดา้ นความง่ายต่อการใชง้ านมคี ่าเฉลี่ยสูงสุด ทั้งนี้คงเป็นเพราะว่าการนาเอาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วย บริหารจัดการรายวิชาสามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ท่ีหลากหลายและเป็นการกระตุ้นให้ผู้เรียนได้ คน้ คว้าหาความรู้เพ่ิมเติมได้จากส่ือการเรียนการสอนที่ผู้สอนได้จัดไว้ใหใ้ นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้งาน ได้สะดวกและง่ายต่อการใช้ ผู้วิจัยมีความเห็นว่า รูปแบบที่พัฒนาข้ึนโดยใช้โปรแกรม Google Classroom และ Google Meet เป็นโปรแกรมฟรีท่ีไม่มีค่าใช้จ่ายทางด้านซอฟต์แวร์ ตัวโปรแกรมมีระบบการบริหาร จัดการท่ีครอบคลุม เช่น ระบบการลงทะเบียนเข้าระบบของนักเรียน นักเรียนสามารถเข้าถึงเน้ือหาของ บทเรียนได้ง่ายและรวดเร็ว ผู้สอนสามารถตรวจสอบข้อมูลการใช้งานของนักเรียนได้และระบบมีความ ปลอดภัยต่อการใช้งาน ผู้สอนสามารถจัดการเน้ือหาบทเรียนให้ผู้เรียนเข้าถึงได้หลายระดับ เช่น แบบเปิดเผย สาธารณะ หรือแบบกลมุ่ เฉพาะ ตามการต้งั ค่าของผู้สอน ซง่ึ การนาระบบนี้มาใชง้ านย่อมเกิดผลดีต่อผสู้ อนและ ผู้เรียนทีส่ ามารถทากจิ กรรมและคน้ ควา้ ขอ้ มูลเพิ่มเตมิ ไดด้ ว้ ยตนเอง 2. ผลการประเมินประสิทธภิ าพของระบบ และสอ่ื การเรียนการสอนออนไลนร์ ายวิชาดนตรกี ับ ชีวิตที่ พฒั นาข้ึน โดยภาพรวม พบว่า ระดับ ประสิทธภิ าพอยู่ในระดับมากท่ีสุด ซ่ึงประกอบด้วย ด้านเน้ือหาบทเรียน ด้านการวัดและการประเมินผล ด้านการออกแบบ และด้านความง่ายตอ่ การใช้งาน ซง่ึ เมื่อพิจารณาผลรายดา้ น อนั ดับแรกพบว่า ด้าน ความงา่ ยต่อการใช้งาน อย่ใู นระดบั มากท่ีสุด ผู้วิจัย จึงมีความเห็นว่า การใช้ส่ือออนไลน์ เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนออนไลน์รายวิชาวงจรไฟฟ้ากระแสตรง ผู้วิจัยได้เลือกใช้ โปรแกรม Google Classroom และ Google Meet เป็นโปรแกรมที่ได้รับการพฒั นาอย่างตอ่ เน่ืองโปรแกรมมีระบบจดั การขอ้ มูล ผู้สอนและผู้เรียน ผู้เรียนสามารถเข้าถึงเนื้อหาบทเรียนได้ง่ายและรวดเร็ว มีระบบ การมอบหมายงานและ กจิ กรรมการเรียนอย่าง หลากหลาย รวมถึงระบบคลังข้อสอบที่ให้ผู้เรียนได้ ทาแบบแบบทดสอบ เพ่ือทบทวน เนือ้ หารายวิชาได้ ตลอดเวลา เป็นหอ้ งเรียนเสมือนจริงท่ีผ้เู รียนและ ผ้สู อน สามารถมีปฏิสัมพันธ์ระหวา่ งกันได้ โดยผ่านหอ้ งเรียนออนไลน์ ผลการวิจัยปรากฏวา่ การวจิ ัย ทาให้ได้บทเรยี นออนไลน์วิชาวงจรไฟฟ้ากระแสตรง ทมี่ ีประสทิ ธภิ าพ และประสทิ ธผิ ลสามารถนาไปใชส้ อนผเู้ รยี น เพ่อื ให้ผูเ้ รยี นบรรลุตามจุดมงุ่ หมายได้ 3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการสื่อการเรียนออนไลน์รายวิชา วงจรไฟฟ้ากระแสตรง มีระดับความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับมาก สอดคล้องกับงานวิจัยของ วลัยภรณ์ ศรเกลี้ยงวิชิต สุขทรสมพรเรืองอ่อน และชวัลรัตน์ ศรีนวลปาน (2553 : บทคัดย่อ) การนาเทคโนโลยี สารสนเทศไปใช้ในการพัฒนาระบบการเรียนการ สอนออนไลน์ในโรงเรียนจังหวัดนครศรีธรรมราช ความพึง
15 พอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้สื่อการเรียนการสอนออนไลน์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก สอดคล้องกับ งานวิจัยของ อุบลวรรณศิริ(2550 : บทคัดย่อ) ได้ศึกษาการพัฒนาระบบการบริหาร จัดการกระบวนการวิชา ออนไลน์คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหมพ่ บวา่ ผู้ใชง้ านมคี วามพึงพอใจ ในการทางานของระบบ โดยมี ค่าเฉล่ียความพึง พอใจในประสิทธภิ าพการทางานของระบบอย่ใู น ระดบั ดีมาก ขอ้ เสนอแนะ ควรใช้ส่อื ออนไลน์ในกลุม่ ของผ้เู รียนเพราะเกดิ ประโยชนต์ ่อผเู้ รียนในดา้ นการปฏบิ ตั ิเป็นอย่างดี
บรรณานุกรม บญุ เรยี งขจรศิลป์. 2530. วิธวี ิจัยทางการศึกษา. กรงุ เทพฯ: ฟิสิกสเ์ ซน็ เตอร์การพิมพ์. ศักดชิ์ ัยเสรีรตั น์. 2530. การพฒั นาโปรแกรมทีใ่ ช้กับไมโครคอมพวิ เตอรส์ าหรบั การสอนซอ่ มเสรมิ ในวิชาคณติ ศาสตรค์ 204 เร่ือง “สมการ”.กรุงเทพฯ: วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญาโท, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. บทความพฤติกรรมมนษุ ย์ http://www.novabizz.com/NovaAce/Behavior/#ixzz1ivrh5kbj
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: