1 บทที่ 1 บทนำ 1.1 ควำมเป็ นมำและควำมสำคัญของปัญหำ ตุงไชย เป็นธงท่ีใชใ้ นงานมงคล เช่นงานฉลองสมโภช งานเสดจ็ พระราชดาเนินเขา้ สู่พระนครของ พระมหากษตั ริย์ ในลา้ นนานิยมทาตุงไปปักบริเวณทางเขา้ วดั เรียงรายกนั ไปอยา่ งสวยงาม ยง่ิ วดั ใดมีศรัทธา มากกจ็ ะถวายกนั มากเป็นพเิ ศษถือวา่ การถวายตุงไชยเป็นบุญกศุ ล อนั ยงิ่ ใหญ่ตามท่ีเล่าในคมั ภีร์ทางศาสนา วา่ คนถวายตุงเม่ือสิ้นชีวติ ไปแลว้ ไปตกนรก ปรากฏวา่ มีหางตุง หยอ่ นลงไปใหเ้ ขาเกาะเกี่ยวพาข้ึนไปเกิด บนสรวงสวรรคไ์ ด้ จึงเกิดค่านิยมทากนั มา เพ่ือสร้างความกตญั ญูกตเวทีน้นั ถือวา่ การถวายตุงไชยอุทิศแก่บรรพบุรุษของตน มีป่ ยู า่ ตายาย บิดา มารดา โดยหวงั ใจวา่ คนเหล่าน้นั จะพน้ จากความทุกข์ ไปเกิดในภูมิภพที่ดีมีสุขต่อไปการถวายตุงไชย คราวมี งานฉลองปอยหลวง ถาวรวตั ถุของวดั ศรัทธาประชาชน ลว้ นมีศรัทธาอยาก จะถวายตุงไชยเป็นพทุ ธบชู า หากใครไมไ่ ดท้ าจะรู้สึกวา่ ตนขาดอะไรไปอยา่ งหน่ึงในการทาบุญคร้ัง น้นั หากไดท้ าเหมือนกบั ชาวบา้ นทา ก็มีความสมใจและสบายใจขอ้ น้ีเป็นส่ิงสาคญั ยงิ่ เม่ือมีงานฉลอง ชาวบา้ นที่เป็นสตรีชาวลา้ นนาไทย จะทาการทอตุง ไชยเป็นรูปลวดลายต่างๆกนั จะประกวดฝีมือกนั อยา่ ง น่าพศิ วงนกั การทาตุงไชยส่วนใหญ่ทามาจากผา้ ผา้ ทอเป็ นลวดลายหลายอยา่ งอาจจะทอเป็นบางส่วน บางส่วนเวน้ วา่ งไวเ้ พ่ือความงดงามและเพอื่ มิใหต้ า้ นลม หรือหนาเกินไปจึงเวน้ วา่ งไว้ หลงั จากทอแลว้ บางรายปิ ดดว้ ยกระดาษสีทอง ฉลุเป็นลวดลายต่างๆ แลว้ ปิ ดลงไป หวั ตุงไชย ใชไ้ มท้ าเป็นวงต่อกนั 3 ข้นั หรือ 5 ข้นั หรือ 7 ข้นั แลว้ แตค่ วามเหมาะสม ส่วนมากทาจาก ไมไ้ ผ่ เพราะเหนียวและดดั แปลงง่าย หางตุงไชยทาเป็นพ่รู ะยา้ ทาดว้ ยผา้ ดา้ ยสลบั สีงดงาม และทาหางให้ เรียวลงไปยา่ งสวยงาม ตุงไชยโดยมากใชแ้ ขวนบนคา้ งทาดว้ ยไมไ้ ผบ่ ง หรือไมไ้ ผซ่ าง ทาคา้ งยน่ื ออกจาก ปลายยาวประมาณ 1 เมตร สาหรับเป็ นท่ีแขวนตุงไชย ตุงไชยหลงั จากที่ไดน้ ามายงั วดั แลว้ จะนาไปถวายแด่ พระสงฆท์ ่านตอนที่จะมีงานปอยหลวง ประมาณ 3-5 วนั พระสงฆ์ ท่านจะใหพ้ รเป็นรายๆไป จากน้นั ก็จะ นาไปฝังคา้ ง และแขวนตุงไชย ส่วนมากจะแขวนเรียงรายไปตามทางที่ครัวทานจะผา่ น หรือ ทางสัญจรเขา้ วดั ถา้ มีตุงไชยมาก กจ็ ะเรียนกนั ไปยาวนบั เป็นกิโลเมตรทีเดียว ในขบวนแห่พยหุ ยาตรา นิยมเอาตุงไชยนาหนา้ เพื่อเป็นเคร่ืองประกาศชยั ชนะ ใหเ้ ป็ นท่ีปรากฏแก่ คนท้งั ปวง งานฉลองหรืองานปอยหลวง ท่ีนาตุงไชยมาแขวนไวต้ ามบริเวณงาน หรือใชต้ ุงไชยนาหนา้ ขบวนแห่ จึงเป็นเคร่ืองบอกถึงชยั ชนะที่มีต่อขา้ ศึกคือกิเลสตญั หา ท่ีมีอยใู่ นใจ พา่ ยแพไ้ ป (เป็นการสอน ธรรมะ โดยวธิ ีการทางนามธรรม ใหผ้ ทู้ ่ีดู ศึกษาและรู้แจง้ เอง
2 1. วตั ถุประสงค์ 1.2.1. เพือ่ ส่งเสริมใหอ้ นุรักษก์ ารทอตุงไทย 1.2.2. เพ่อื ส่งเสริมให้เด็กรู้จกั การดาเนินชีวติ ดว้ ยตนเอง 2. ขอบเขตของกำรจัดทำโครงกำร 3.1.1. ขอบเขตกำรศึกษำ จานวน 15 คน 3.2.ประชำกร ผ้ทู ำโครงงำน นกั เรียน จานวนเดก็ ๆท่ีเขา้ ร่วม โครงการ 15 ผหู้ ญิง 10 ผชู้ าย 5 คน ขอบเขตกำรดำเนินงำน 3.1.2. โรงเรียนบา้ นท่าเกวยี น หม่ทู ี่ 4 ถนนเชียงใหม่-พร้าว บา้ นท่าเกวยี น ตาบลหนองจอ๊ ม จงั หวดั เชียงใหม่ 3.1.3. ขอบเขตด้ำนนักศึกษำ 3.1.4. นกั ศึกษาไดเ้ รียนรู้ถึงการช่วยเหลือผอู้ ื่นโดยไมห่ วงั สิ่งตอบแทน 3.1.5. นกั ศึกษาไดเ้ รียนรู้ถึงวธิ ีการวางแผนในการดาเนินงานอยา่ งเป็นระบบ 3.4.ด้ำนเนือ้ หำ โครงการส่งเสริมและพฒั นาผดู้ อ้ ยโอกาสทางสังคม กรณีศึกษา โรงเรียนบา้ นทา่ เกวยี น หมทู่ ่ี 4 ถนนเชียงใหม่-พร้าว บา้ นทา่ เกวยี น ตาบลหนองจอ๊ ม จงั หวดั เชียงใหม่ ในระหวา่ งอายุ 7- 12 การส่งเสริมและพฒั นา ถือเป็ นการช่วยเหลือ ผดู้ อ้ ยโอกาสทางสังคมเพราะในการทาโครงการคร้ังน้ีทาใน ส่วนการส่งเสริมและพฒั นาผดู้ อ้ ยโอกาสทางสงั คมเพอื่ การส่ือสารเพอ่ื ให้เดก็ ๆมีความรู้ในทอตุง ปัจจุบนั ศิลปะการทาตุงไดเ้ ปลี่ยนไป รวมท้งั วตั ถุประสงคข์ องการใชต้ ุงดว้ ย มีการนาเอาวสั ดุสมยั ใหม่มาใชใ้ หเ้ ขา้ กบั ยคุ สมยั และความสะดวกในการประดิษฐ์ เช่น การนาเอาเส้นไหมพรมมาใชแ้ ทนฝ้ ายธรรมชาติ เพราะ ไหมพรมจะมีสีสดสวย ทาจากเส้นใยสังเคราะห์ ไม่อุม้ น้าเม่ือถูกฝน และกระดาษเงินหรือกระดาษทอง ก็ เป็นกระดาษที่ทาจากอลูมิเนียม ไมซ่ บั น้าทาใหท้ นต่อการใชง้ านกลางแจง้ จึงไดม้ ีการนาไปใชใ้ นงานแห่ ขบวนต่างๆ ในดา้ นคุณค่าทางการทอตุงตุงเป็นส่วนประกอบในงานตา่ งๆ เสมอ ในงานมงคลจะพบตุงนานา ชนิดร่วมอยดู่ ว้ ย ไมว่ า่ จะเป็นงานทาบุญ ข้ึนปี ใหม่ สงกรานต์ งานปอย ตุง ศิลปะพ้ืนบา้ นลา้ นนา งาน ประดิษฐค์ ิดคน้ ท่ีสะทอ้ นวฒั นธรรมของชาวลา้ นนาเป็นการสร้าง ชาวลา้ นนาจะทาการตานตุงในงาน ประเพณีต่าง ๆ เช่น งานปี ใหม่ หรือประเพณีสงกรานตข์ อง ประชาชนจะทาเคร่ืองสกั การะ คือ ธูป น้า ส้มป่ อย ตุง และ ช่อตุงหรือธุง อนั เป็ นเครื่องสักการะ มี 4 ประเภท คือ ตุงเด่ียว หรือตุงค่าคิง สาหรับบชู า
3 แทนตนเอง ตุงไส้หมู บชู าพระเจดีย์ พระธาตุท้งั หลาย ตุงไจย ถวายบูชาพระพุทธรูป เพือ่ สร้างความสวสั ดีมี ชยั และช่อหรือธงชยั สาหรับปักเครื่องบูชาตา่ ง ๆตุงจดั เป็ นเคร่ีองสกั การะของลา้ นนาไทย มีตุงหลายชนิดท่ี ใช้ ในพิธีกรรม เช่น งานฉลอง หรืองานปอย งานสืบชะตา หรือขบวนแห่ต่าง ๆ เป็นตน้ ต้งั แต่อดีตจนกระทง่ั ถึงปัจจุบนั “การตานตุง”ก็ยงั มีความสาคญั สาคญั ผกู พนั กบั ความศรัทธาของชาวลา้ นนา นอกจากน้นั ก็ยงั มีความสาคญั ในการแห่ แหนหรือการประดบั ประดาเพ่ือเฉลิมฉลองงานการทอ่ งเที่ยว ตลอดจนมีการพฒั นารูปแบบที่ยงิ่ ใหญ่อลงั การมากข้ึนไปอีก จึงถือไดว้ า่ การตานตุงน้นั เป็น พิธีกรรมและความเช่ือที่กลายเป็นสญั ลกั ษณ์ของชาวลา้ นนาที่ยงั คงไดร้ ับการอนุรักษไ์ วเ้ พ่อื สืบทอดใหช้ น รุ่นหลงั ไดศ้ ึกษาต่อไป ขอบเขตด้ำนวทิ ยำลยั เทคโนโลยพี ำยพั และบริหำรธุรกจิ 3.1.6. เป็นการเปิ ดโอกาสใหว้ ทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ายพั และบริหารธุรกิจ มีส่วนร่วมในการปลูกจิตสานึกใหก้ บั นกั ศึกษา 3.1.7. วทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ายพั แลบริหารธุรกิจมีส่วนร่วมในการส่งเสริม การพฒั นาผดู้ อ้ ยโอกาสทางสงั คม 4. วธิ ีกำรดำเนินงำน ตารางเวลาในการดาเนินงาน ช่วงเวลาการปฏิบตั ิงาน ลาดบั กิจกรรม พ.ย.(56) ธ.ค.(56) ม.ค.(56) 1234 12341234 1 ศึกษาขอ้ มูลเบ้ืองตน้ 2 วางแผนทาโครงการ 3 วเิ คราะห์ขอ้ มลู โครงการ 4 นาเสนอโครงการ 5 ปฏิบตั ิตามแผน โครงการ 6 แกไ้ ขโครงการ 7 จดั ทารายงาน 8 สรุปผล
4 ประโยชน์ทคี่ ำดว่ำจะได้รับ ด้ำนนักศึกษำทจ่ี ัดทำโครงกำร - นกั ศึกษาไดเ้ รียนรู้ถึงวธิ ีการวางแผนงานก่อนลงมือปฏิบตั ิงาน - นกั ศึกษาไดฝ้ ึกฝนทกั ษะการแกป้ ัญหาในการปฏิบตั ิงาน - นกั ศึกษาไดฝ้ ึกทกั ษะกระบวนการคิดที่เป็นระบบ ด้ำนนักเรียน - เด็กๆ มีความกลา้ แสดงออกมากข้ึนในการตอบคาถามหรือแสดงความคิดเห็น - เด็กๆ ตระหนกั ถึงการทอตุงไทย 5. สมมุติฐำนของโครงกำร ความสุขในชีวติ โดยธรรมชาติแลว้ พอ่ แมจ่ ะเป็นตน้ แบบในการหล่อหลอมความรู้สึกนึกคิด ใหก้ บั ลูก เม่ือขาดคนใดคนหน่ึงไปโดยเฉพาะขาดแม่ ยอ่ มมีผลกระทบกบั ลูก เนื่องจากสังคมไทย แม่จะ เป็นผทู้ ี่ใกลช้ ิดในการเล้ียงดู อบรมสัง่ สอนลูกมากกวา่ พอ่ ขาดพอ่ ไม่ลาบากเท่าไรยงั มีแม่คอยเล้ียงดูแต่ถา้ ขาดแม่เท่ากบั ขาดทุกส่ิงทุกอย่าง เพราะเพศชายโดยทวั่ ไปเมื่อภรรยาเสียชีวติ ก็มกั จะไปมีภรรยาใหม่ ฉะน้นั ในความรู้สึกของสงั คมจึงคิดวา่ เดก็ ที่เติบโตมาโดยขาดแม่ จึงเป็นเดก็ ท่ีมีความเสี่ยงต่อความมนั่ คง ในการดารงชีวิต และมกั จะเป็ นปัญหาให้กบั สังคมมากกว่าเด็กท่ีมีพ่อแม่คอยดูแลอบรมส่ังสอนใน ความรู้สึกของพวกเขาไม่ไดม้ ีความผกู พนั หรือไดร้ ับความรักความอบอุ่นเหมือนที่คนอื่นๆเป็ นเด็กคือ อนาคตของชาติ เป็ นคากล่าวที่ทุกคนรับรู้ เข้าใจเป็ นอย่างดี แต่แทบไม่น่าเชื่อในขณะที่ประเทศก้าวไป ขา้ งหน้า การกระจายตวั ของสถานศึกษาไปสู่ทุกภูมิภาค ปัญหาเรื่องของเด็กและเยาวชนยงั คงเป็ น ปัญหาที่แกไ้ ม่ไดแ้ ละนบั วนั ก็จะมีจานวนเด็กกาพร้าเพ่ิมเป็ นจานวนมากข้ึนทุกที และถา้ เด็กไทยวนั น้ี ยงั คง ประสบปัญหามากมาย แล้วอนาคตของชาติจะเป็ นอย่างไร ซ่ึงพบว่ามีเด็กกาพร้า เด็กเร่ร่อน จานวนมากซ่ึงไม่สามารถระบุตวั เลขท่ีชดั เจน มีเด็กที่กาพร้าเน่ืองจากพอ่ แม่เสียชีวติ ดว้ ยโรคเอดส์ กลุ่ม คนที่มีจิตสานึกในการช่วยเหลือเด็กดอ้ ยโอกาสเหล่าน้ีหลายกลุ่ม ย่นื มือเขา้ มาช่วยเหลือเด็กในรูปแบบ ต่างๆ เช่น สถานรับเล้ียงเด็กกาพร้า การสอนหนงั สือเด็กกาพร้า สอนหนงั สือเดก็ เร่ร่อน คานิยำมศัพท์เฉพำะ ผู้ด้อยโอกำสหมายถึง ผูป้ ระสบปัญหาความเดือดร้อนและได้รับผลกระทบในเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สาธารณสุข กรเมือง กฎหมาย วฒั นธรรม ภยั ธรรมชาติและภยั สงครามรวมถึงผขู้ าดโอกาสท่ีจะเขา้ ถึงบริการ ข้นั พ้ืนฐานของรัฐ ตลอดจนผปู้ ระสบปัญหาท่ียงั ไม่มีองคก์ รหลกั รับผดิ ชอบซ่ึงจะทาใหไ้ ม่สามารถดารงชีวิต ไดเ้ ท่าเทียมกับผูอ้ ่ืนผูด้ อ้ ยโอกาสทางสังคม หมายถึง กลุ่มเด็กนอกระบบการศึกษา กลุ่มเด็กพิการ กลุ่ม
5 ประชากรที่ตอ้ งการการศึกษาต่อและเพ่ิมทกั ษะในการประกอบอาชีพ กลุ่มเด็กในชนบทห่างไกลที่ยงั ขาด การเขา้ ถึงทางการศึกษาอยา่ งมีคุณภาพ และกลุ่มเดก็ เยาวชนที่ถูกดาเนินคดี เดก็ กำพร้ำหมายความวา่ เด็กท่ีบิดาหรือมารดาเสียชีวติ เด็กที่ไมป่ รากฏบิดามารดาหรือไม่สามารถสืบหาบิดา มารดาได้ ข้อตกลงเบอื้ งต้น 6.1ไดร้ ูปแบบโครงร่างโครงการท่ีไดก้ าหนดไว้ 6.1.1 โครงการโครงการส่งเสริมและพฒั นาผูด้ อ้ ยโอกาสทางสังคมโดยการการทอตุง ช่วงอายุประมาณ 7 – 12 ปี โรงเรียนบา้ นท่าเกวียน หมู่ท่ี 4 ถนนเชียงใหม่-พร้าว บา้ นท่า เกวียน ตาบลหนองจอ๊ ม จงั หวดั เชียงใหม่ ซ่ึงไดม้ ีการนาเสนอ และติดต่อสถานท่ีดาเนิน โครงการเรียบร้อยแลว้ 6.2 สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบ 6.2.1 โดยสมาชิกในกลุ่มไดแ้ บ่งหนา้ ที่ ดงั น้ี -นายอดิเทพ ณะวชิ ยั รับผดิ ชอบรูปแบบเอกสารโครงการท้งั หมด -นางสาวธนนั ยา เน่ียมชาวนา รับผดิ ชอบในการหาส่ือการเรียนการสอน -นางสาวอาทิตยา คุณนะอา รหสั นกั ศึกษารับผดิ ชอบการติดตอ่ ประสางานกบั กลุ่มเป้ าหมาย และเจา้ หนา้ ที่ ณ โรงเรียนบา้ นทา่ เกวยี น หมทู่ ี่ 4 ถนนเชียงใหม่-พร้าว บา้ นทา่ เกวยี น ตาบลหนองจอ๊ ม จงั หวดั เชียงใหม่ 6.3 ไดก้ ลุ่มเป้ าหมายที่ทาโครงการ -เด็กนกั เรียนช่วงอายปุ ระมาณ 7 – 12 ปี โรงเรียนบา้ นท่าเกวยี น หมู่ที่ 4 ถนนเชียงใหม่- พร้าว บา้ นทา่ เกวยี น ตาบลหนองจ๊อม จงั หวดั เชียงใหม่ ผหู้ ญิง 10 ผชู้ าย 5 รวม 15 คน 6.4 ไดส้ ถานท่ีทาโครงการ -บริเวณพ้นื ท่ี โรงเรียนบา้ นท่าเกวยี น หมูท่ ี่ 4 ถนนเชียงใหม่-พร้าว บา้ นท่าเกวยี น ตาบล หนองจ๊อม จงั หวดั เชียงใหม่
6 ค่ำใช้จ่ำยในกำรปฏิบตั ิงำน รายการคา่ ใชจ้ า่ ยในการดาเนินโครงการ ที่ รายการ จานวน หน่วย ราคา/หน่วย จานวนเงิน หมายเหตุ 1 ค่าอาหาร 300.00 1,490 2 เอกสารโครงการ 15 ชุด 20.00 100.00 3 ส่ือทาโครงการ 90.00 4 คา่ ของรางวลั 100 แผน่ 1.00 400.00 5 คา่ ของวา่ ง 300.00 6 ค่าอ่ืนๆ 3 บอร์ด 30.00 300.00 รวม 2 กล่อง 200.00 15 ชุด 20.00 -- 300.00 หน่ึงพนั ส่ีร้อยสิบเจด็ บาทถว้ น
7 บทท่ี 2 แนวคิด ทฤษฎแี ละงำนวจิ ัยท่เี กยี่ วข้อง โครงกำรหมำยถึงกระบวนการทางานที่ประกอบไปด้วยกิจกรรมหลายๆกิจกรรม ซ่ึงมีการทา โครงการเป็ นไปตามลาดบั โดยการทางานจะตอ้ งเป็ นไปตามวตั ถุประสงคท์ ี่ต้งั ไว้ เช่นการผลิตสินคา้ หรือ ทางานบริการ โดยจะมีการกาหนดระยะเวลาและงบประมาณท่ีจากดั ในการดาเนินงานโครงการจะตอ้ งมีผทู้ ี่ มีหนา้ ที่รับผดิ ชอบต่อโครงการ มีหนา้ ที่ทาการบริหารงาน กิจกรรมต่างๆ ให้เป็ นไปตามแผนงาน เหมาะสม กบั เวลา และงบประมาณท่ีต้งั ไว้ ประโยชน์ของโครงกำรการเขียนโครงการจะตอ้ งมีการเสนอความคิดเห็นอยา่ งถูกตอ้ ง มีเหตุผลแสดง ถึงรายละเอียดไดอ้ ยา่ งชดั เจน โดยมิไดค้ านึงถึงตวั บุคคลผปู้ ฏิบตั ิโครงการเพื่อใหก้ ารปฏิบตั ิงานสามารถ บรรลุจุดประสงคต์ ามที่หวงั ไวไ้ ดโ้ ครงการท่ีถูกตอ้ งชดั เจนจะช่วยใหเ้ กิดประโยชน์แก่หน่วยงานหลาย ประการดว้ ยกนั ไดแ้ ก่ 1. ช่วยอานวยความสะดวกแก่ผอู้ า่ นใหม้ ีความเขา้ ใจในเน้ือหาสาระไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งชดั เจน 2. ช่วยประหยดั เวลาแก่ผอู้ นุมตั ิดว้ ยการใชเ้ วลาอา่ นเพยี งเล็กนอ้ ยกส็ ามารถท่ีจะตดั สินใจได้ 3. ช่วยใหก้ ารปฏิบตั ิงานตามโครงการเป็นไปตามวตั ถุประสงคแ์ ละเป้ าหมายที่กาหนดไว้ 4. เป็นการแสดงถึงประสบการณ์การทางานของผเู้ ขียนโครงการ กำรเขียนโครงกำรหมายถึงกิจกรรมการสื่อสารของหน่วยงาน เป็นวธิ ีการที่ช่วยใหเ้ กิดการส่ือสารอยา่ งเป็น ระบบเป็นการส่งเสริมการส่ือสารจากล่างข้ึนบน นน่ั คือผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาสามารถท่ีจะใชค้ วามคิดสร้างสรรค์ เพือ่ เขียนโครงการเสนอไปยงั ผบู้ งั คบั บญั ชาหรือผบู้ ริหารเพื่อพจิ ารณา “การเขียนโครงการ” หมายถึง การส่ือ ความหมายซ่ึงตอ้ งเขียนใหถ้ ูกตอ้ งดว้ ยการใชภ้ าษาใหถ้ ูกตอ้ งรู้จกั ประมวลความคิดในการเรียงลาดบั เรื่องราว ใหส้ ัมพนั ธ์กนั และถ่ายทอดเป็นภาษาเขียนที่กะทดั รัดเพ่ือใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจไดช้ ดั เจน วตั ถุประสงค์ในกำรเขียนโครงกำร 1. เพ่ือขออนุมตั ิจากผมู้ ีอานาจ 2. เพื่อของบประมาณ 3. เพอ่ื ใหส้ มาชิกที่เกี่ยวขอ้ งไดเ้ ขา้ ใจโครงการ ปัญหำในกำรเขียนโครงกำร ในการเขียนโครงการน้นั เป็ นการกาหนดกิจกรรมต่างๆหรือกิจกรรมท่ีจะทาในอนาคตโดยอาศยั ขอ้ มูลต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบนั เป็ นตวั กาหนดกิจกรรมในโครงการเม่ือเป็ นเช่นน้ีหากเป็ นโครงการที่ดีย่อม นามาซ่ึงคุณภาพและประสิทธิภาพของหน่วยงานโครงการบางโครงการเมื่อเขียนข้ึนมาแลว้ ไม่สามารถ นาไปใชป้ ฏิบตั ิไดเ้ น่ืองจากปัญหาตา่ งๆซ่ึงสามารถสรุปไดด้ งั น้ี
8 1. ขาดบุคลากรท่ีมีความรู้ความสามารถที่แทจ้ ริงในการเขียนโครงการโครงการจานวนไม่นอ้ ยท่ี เขียนข้ึนโดยบุคคลท่ีไมม่ ีความรู้ความสามารถในเร่ืองน้นั ขาดขอ้ มูลท่ีมีความเป็นจริงหรือขาดขอ้ มูลท่ีจะตอ้ ง ใชจ้ ริงผเู้ ขียนโครงการเขียนโครงการโดยไดร้ ับการมอบหมายจากผบู้ งั คบั บญั ชาผลจากการเขียนโครงการ ในลกั ษณะน้ีจะทาให้เกิดปัญหาแก่ผูป้ ฏิบตั ิโครงการในการจะนาเอาโครงการไปปฏิบตั ิให้เกิดเป็ นผลได้ อยา่ งมีคุณภาพและประสิทธิภาพ 2. ระยะเวลาท่ีใชใ้ นการเขียนโครงการหลายโครงการประสบปัญหาเกี่ยวกบั การจดั ทาโครงการใน ระยะอนั ส้ันทาให้ไม่สามารถที่จะศึกษาขอ้ มูลพ้ืนฐานต่างๆที่เก่ียวขอ้ งไดอ้ ย่างละเอียดขอ้ มูลบางชนิดขาด การวิเคราะห์ท่ีดีพอเม่ือเขียนโครงการข้ึนมาแลว้ จึงขาดความชดั เจนของขอ้ มูลจึงเป็ นปัญหายุง่ ยากในการ นาเอาโครงการไปปฏิบตั ิ 3. ขาดวตั ถุประสงคท์ ่ีชดั เจนในการเขียนโครงการบางโครงการขาดวตั ถุประสงคท์ ี่ชดั เจนในการ เขียนโครงการเป็ นผลให้เกิดความยุ่งยากต่อการตรวจสอบควบคุมและติดตามการดาเนินงานและมีผล สืบเนื่องถึงการประเมินผลโครงการดว้ ย 4. การเขียนโครงการเป็ นเรื่องของอนาคตท่ีอาจมีความไม่แน่นอนเกิดข้ึนอนั เป็ นผลมาจากตวั แปร ต่างๆท่ีผูเ้ ขียนโครงการไม่สามารถควบคุมได้เช่นภยั ธรรมชาติต่างๆหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้แก่ การเมืองเศรษฐกิจส่ิงตา่ งๆเหล่าน้ีลว้ นมีผลกระทบต่อการดาเนินงานท้งั สิ้นและเป็ นส่ิงท่ีไม่สามารถควบคุม ไดจ้ ึงเป็นปัญหาอยา่ งสาคญั ของการเขียนโครงการ 5. ขาดการสนบั สนุนจากผบู้ ริหารองคก์ ารในบางคร้ังการเขียนโครงการแมจ้ ะเขียนดีเพียงใดหาก ผบู้ ริหารไม่ใหค้ วามสนใจขาดการสนบั สนุนในเร่ืองงบประมาณและทรัพยากรตา่ งๆท่ีจาเป็นต่อการทา โครงการอยา่ งเพียงพอยอ่ มจะสร้างปัญหาใหแ้ ก่การดาเนินโครงการไดเ้ ช่นเดียวกนั 6. ขาดการประสานงานและร่วมมือจากผมู้ ีส่วนเก่ียวขอ้ งโครงการบางโครงการจาเป็ นที่จะตอ้ งมี การประสานงานกบั องคก์ รหรือหน่วยงานอ่ืนๆเพื่อใหโ้ ครงการท่ีทาอยบู่ รรลุวตั ถุประสงคท์ ่ีต้งั ไวโ้ ครงการที่ จะสาเร็จไดจ้ ะตอ้ งไดร้ ับความร่วมมือจากองคก์ รหรือหน่วยงานท่ีมีส่วนเกี่ยวขอ้ งในการปฏิบตั ิตามโครงการ ดว้ ยหากขาดการประสานงานและร่วมมือจากผมู้ ีส่วนเกี่ยวขอ้ งแลว้ ก็จะทาใหเ้ กิดปัญหาในการทาโครงการ โครงการดงั กล่าวก็บรรลุวตั ถุประสงคไ์ ดย้ ากหรืออาจจะไมบ่ รรลุวตั ถุประสงคก์ ็ได้ ส่ วนประกอบของกำรเขียนโครงกำร รูปแบบของโครงการทวั่ ไปมีส่วนประกอบดงั น้ี 1.ชื่อโครงการ ชื่อโครงการที่ดี ตอ้ งมีความชดั เจน เหมาะสม เฉพาะเจาะจง เป็ นท่ีเขา้ ใจง่ายแก่ผทู้ ี่มีส่วนเกี่ยวขอ้ ง หรือผนู้ าโครงการไปใช้ และตอ้ งแสดงลกั ษณะงานที่ตอ้ งปฏิบตั ิ แสดงลกั ษณะเฉพาะของโครงการ บอกได้ วา่ โครงการเกี่ยวขอ้ งกบั เรื่องใดอยา่ งตรงไปตรงมาที่สุด 2. หลกั การและเหตุผล
9 หลกั การและเหตุผล คือ ส่วนท่ีแสดงถึงปัญหาและความจาเป็ นที่ตอ้ งมีโครงการ ควรเขียนระบุ ปัญหา เหตุผล โดยมีขอ้ สนบั สนุนอยา่ งชดั เจน มีการหยบิ ยกทฤษฎีต่าง ๆ เขา้ มาสนบั สนุนโครงการน้นั อยา่ ง สมเหตุผล มีความเป็ นเหตุ-ผล หรืออาจย้าให้เห็นชดั เจนว่า โครงการสอดคลอ้ งกบั แผนและนโยบายของ หน่วยงานหรือแกป้ ัญหาท่ีเกิดข้ึนไดจ้ ริง หรือมีความจาเป็ นตอ้ งมีการดาเนินโครงการน้ีเพ่ือแกป้ ัญหา เพื่อ การพฒั นา หรือเพอ่ื เหตุผลอ่ืนใด 3. วตั ถุประสงคข์ องโครงการ วตั ถุประสงคเ์ ป็นเคร่ืองช้ีแนวทางการดาเนินงานของโครงการ เป็ นตวั กาหนดส่วนประกอบอื่น ๆ ของโครงการ วตั ถุประสงคท์ ่ีดีตอ้ งชดั เจนไม่คลุมเครือ และควรเขียนเป็ นวตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม เพ่ือให้ สามารถวดั ผลหรือประเมินผลการดาเนินโครงการไดอ้ ยา่ งเป็นรูปธรรม มีการเรียงลาดบั ความสาคญั 4. เป้ าหมายเป้ าหมายเป็นการคาดหวงั ล่วงหนา้ ถึงผลที่จะไดร้ ับวา่ เป็นปริมาณเท่าใด โดยตอ้ งวดั ได้ อยา่ งเป็นตรรกะ เชิงปริมาณ (ใหใ้ ครเป็นผเู้ ขา้ ร่วมโครงการจานวนกี่คน เชิงคุณภาพ (ใหผ้ ทู้ ่ีเขา้ ร่วมโครงการสามารถทาอะไรไดห้ รือมีความรู้เร่ืองใด) 5. วธิ ีดาเนินงาน วิธีดาเนินงานเป็ นภารกิจที่ตอ้ งปฏิบตั ิให้บรรลุวตั ถุประสงค์ตามโครงการ ซ่ึงวิธีดาเนินงาน จาแนกเป็นกิจกรรมยอ่ ยหลายกิจกรรม บางคร้ังนิยมเขียนเป็ นรูปปฏิทินรวมกบั ระยะเวลาดาเนินงานท่ีแสดง ถึงลาดบั กิจกรรมก่อนหลงั เพือ่ ใหโ้ ครงการน้นั ดาเนินไปอยา่ งเป็นข้นั ตอน ภายในช่วงระยะเวลาที่กาหนดไว้ จริง ง่ายในการกากบั ตรวจสอบ สาหรับการกาหนดกิจกรรมการดาเนินงานตอ้ งจดั สรรกิจกรรมอยา่ งรอบคอบ และเลือกทาง ที่ ได้ผลดีท่ีสุด มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและเพียงพอตามวตั ถุประสงค์ ประหยดั งบประมาณ มี องคป์ ระกอบที่จะบอกถึงความสาเร็จอยา่ งชดั เจน และสามารถวดั ไดอ้ ยา่ งชดั เจน หากใชก้ ารประเมินผลแบบ การมีส่วนร่วมเป็นเกณฑใ์ นการประเมิน 6. ระยะเวลาดาเนินงาน ระบุวนั ท่ีดาเนินงาน หรืออาจระบุเป็นช่วง หรือไตรมาส 7. สถานท่ีดาเนินงาน สถานท่ีดาเนินงาน ควรระบุสถานท่ีให้ชัดเจนและเจาะจงเพ่ือให้สะดวกท้งั แก่ผูด้ าเนิน โครงการ ผสู้ นบั สนุน และผเู้ ขา้ ร่วมโครงการ 8. งบประมาณหรือทรัพยากรที่ตอ้ งใช้ การทางบประมาณ เป็ นการประมาณคา่ ใชจ้ ่ายของโครงการ ที่ผเู้ ขียนจะตอ้ งระบุเป็นยอดเงิน และทรัพยากรอ่ืน ๆ ที่นามาใชใ้ นโครงการ ซ่ึงจะตอ้ งจดั สรรใหเ้ หมาะกบั โครงการ เป็นที่ยอมรับได้ โดยอาจ จาแนกเป็นหมวด ๆ เช่น หมวดคา่ บริหารโครงการ หมวดค่าดาเนินโครงการ และหมวดค่าติดตามและ
10 ประเมินผลซ่ึงแตล่ ะหมวดควรมีมาตรฐานในการคิดเป็นต่อหน่วย หรือต่อหวั ครอบคลุมตลอดท้งั เน้ือหา ของโครงการเพือ่ เป็นเครื่องมืออธิบายแก่ผสู้ นบั สนุนโครงการ ผดู้ าเนินโครงการร่วมและผเู้ ก่ียวขอ้ งกบั โครงการได้ 8. ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ 9. การเขียนโครงการตอ้ งระบุผรู้ ับผดิ ชอบวา่ เป็ นผใู้ ดหรือหน่วยงานใด 10. ผลประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะไดร้ ับ ผลประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ ับ เป็ นการแสดงถึงผลประโยชน์ท่ีพึงไดร้ ับจากความสาเร็จของ โครงการ ท้งั โดยทางตรงและทางอ้อม ซ่ึงต้องเขียนให้สอดคล้องกับวตั ถุประสงค์และเป้ าหมายของ โครงการตามลาดบั ของความสาคญั 11. การประเมินผลโครงการ เป็นการระบุวธิ ีประเมินผลและอาจระบุผรู้ ับผดิ ชอบในการประเมินผล ซ่ึงการประเมินผลจะถูกตอ้ ง มากน้อยเพียงใดข้ึนกับความชัดเจนของโครงการ ความชานาญ ความเช่ียวชาญของผูป้ ระเมิน ซ่ึงการ ประเมินผลน้ีจะมีท้งั ผลบวกและผลลบ โดยการประเมินผลจะสามารถนาไปสู่การปรับปรุงโครงการไดม้ าก น้อยเพียงใดน้ันข้ึนอยู่กับรูปแบบของการประเมิน เทคนิคการประเมิน และช่วงระยะเวลาที่ทาการ ประเมินผลโครงการแนวคิดที่สัมพนั ธ์กบั โครงการ ศัพท์เฉพำะ กำรส่งเสริมหมายถึงอาจกระทาดว้ ยการพดู จาชมเชยใหก้ าลงั ใจ ช่วยเหลือดว้ ยอุปกรณ์ งบประมาณ คาแนะนาฝึกสอนอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงหรือหลายอยา่ งพร้อมกนั ก็ได้ สนับสนุน หมายถึง มีความหมายวา่ เห็นดว้ ยส่งเสริมดว้ ยความคิดก็ได้ เช่น ไม่มีใครสนบั สนุนความคิดของ เขาเลยรัฐบาลสนบั สนุนความคิดที่จะสร้างเยาวชนนกั วิทยาศาสตร์ใหท้ วั่ ประเทศฉนั ขอสนบั สนุนความเห็น ของคุณวา่ ครูตอ้ งมีความเป็นอยทู่ ี่ดีกวา่ น้ีแตค่ รูกต็ อ้ งมีคุณธรรมและจรรยาครูมากกวา่ ท่ีเป็นอยปู่ ัจจุบนั น้ีดว้ ย งำนจักสำน เป็ นงานศิลปหัตถกรรมอย่างหน่ึง คิดค้นข้ึนโดยมนุษย์เพื่อใช้สร้างเคร่ืองมือเคร่ืองใช้ใน ชีวิตประจาวนั ผลิตข้ึนโดยการสอด ขดั และสานของวสั ดุท่ีมีลกั ษณะเป็ นเส้น เป็ นริ้ว เพื่อให้ไดล้ วดลายที่ สวยงาม และเพื่อใหเ้ กิดความคงทนของเคร่ืองจกั สาน ผ้ดู ้อยโอกำส มี 5 ประเภท ไดแ้ ก่ คนยากจน คนเร่ร่อน คนไร้สัญชาติผตู้ ิดเช้ือเอชไอวแี ละครอบครัว รวมถึงผพู้ น้ โทษที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน และไดร้ ับผลกระทบทางดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม การศึกษา การสาธารณสุข การเมือง กฎหมาย และวฒั นธรรมไมส่ ามารถดารงชีวิตไดเ้ ทา่ เทียมกบั คนอื่นๆในสงั คมและ กลุ่มคนเหล่าน้ีตอ้ งไดร้ ับการปกป้ องคุม้ ครอง และพิทกั ษส์ ิทธิในการเขา้ ถึงหลกั ประกนั ความมนั่ คงในชีวติ และพฒั นาศกั ยภาพรวมท้งั ส่งเสริมคุณภาพชีวติ ใหด้ ีข้ึน
11 บทท่ี 3 วธิ ีกำรดำเนินโครงกำร โครงการส่งเสริมและพฒั นาผดู้ อ้ ยโอกาสทางสังคม ณ โรงเรียนบา้ นท่าเกวยี น หมู่ท่ี 4 ถนนเชียงใหม่-พร้าว บา้ นท่าเกวียน ตาบลหนองจ๊อม จงั หวดั เชียงใหม่ ในระหว่างอายุ 7- 12 โดยการส่งเสริมและพฒั นา ผดู้ อ้ ยโอกาสทางสงั คม โดยมีรายละเอียดในการดาเนินโครงการ ดงั ต่อไปน้ี โครงการน้ีเริ่มปฏิบตั ิงาน 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2553 ถึง10 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ.2554 รูปแบบและวธิ ีดำเนินกำรวจิ ัย กำรสังเกต จากการสงั เกตกลุ่มเป้ าหมายเดก็ ณ โรงเรียนบา้ นท่าเกวยี น หมทู่ ี่ 4 ถนนเชียงใหม่-พร้าว บา้ นทา่ เกวยี น ตาบลหนองจ๊อม จงั หวดั เชียงใหม่ ในระหวา่ งอายุ 7- 12 ปี จานวน 15 คน ในขณะที่นาเสนอ ขอ้ มูลการทาโครงการ ก็ใหค้ วามร่วมมือและมีความกระตือรือร้นท่ีอยากเขา้ ร่วมโครงการการดว้ ยดี โดยการ ทอตุง มีการนาเสนอความคิดเห็น การจดั สถานท่ีดว้ ย กำรตอบคำถำม จากการสุ่มสอบถามกลุ่มเป้ าหมาย เดก็ ณ โรงเรียนบา้ นทา่ เกวยี น หมู่ที่ 4 ถนนเชียงใหม่-พร้าว บา้ นท่าเกวยี น ตาบลหนองจอ๊ ม จงั หวดั เชียงใหม่ ในระหวา่ งอายุ 7- 12 ปี จานวน 15 คน ในเรื่องของการจกั สาน ส่วนใหญ่มีความรู้และเขา้ ใจในการดาเนิน กิจกรรมข้นั ตอนการพฒั นาการทอตุงไดอ้ ยากชดั เจนและกลุ่มเป้ าหมายไดม้ ีความสนใจในเรื่องการ พฒั นาการทอตุงและอยากเขา้ ร่วมกิจกรรมดงั กล่าวดว้ ยเช่น กนั กำรประเมินด้วยกำรทำแบบประเมินเบือ้ งต้น จากการทาแบบประเมินดว้ ยการเกบ็ ขอ้ มลู โดยการซกั ถามกลุ่มเป้ าหมายบางส่วน กไ็ ดร้ ับความร่วมมือและ อยากเขา้ ร่วมมือและอยากเขา้ ร่วมโครงการดว้ ยดี เพราะกลุ่มเป้ าหมายสนใจในกิจกรรมน้ีมาก เน่ืองจากไม่ เคยทากิจกรรมลกั ษณะแบบน้ีมาก่อนและอยากรู้เร่ืองของการพฒั นาการทอตุง ข้นั ตอนการดาเนินงาน ข้นั ตอนที่ 1 การวางแผนการทาโครงการ ต้งั แตว่ นั ที 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2553 ถึง วนั ที่ 9 ธนั วาคม พ.ศ. 2554 1 ทาการศึกษาและหาหวั ขอ้ ในการทาโครงการ 2 นาหวั ขอ้ โครงการมาวเิ คราะห์ หาขอ้ มลู เพ่ือหาสถานที่ในการดาเนินโครงการ 3 ช่วยกนั ร่างเคา้ โครงร่างของโครงการ 4 นาเสนอ
12 ข้นั ตอนท่ี 2 งานภาคสนาม และ ปรับปรุงแกไ้ ข วนั ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2553 ถึง 10 กุมภาพนั ธ์ 2554 1 ถ่ายรูป ในขณะท่ีดาเนินโครงการ 2 เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ในขณะที่ทาดาเนินโครงการ เช่นแบบสอบถามการทากิจกรรม 3 ปรับปรุงแกไ้ ข และติดตามผลการดาเนินโครงการ ข้นั ตอนที่ 3 วเิ คาระห์ขอ้ มลู วนั ท่ี 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2553 ถึง วนั ท่ี 10 กมุ ภาพนั ธ์ 2554
13 บทที่ 4 ผลกำรดำเนินงำน จากการดาเนินโครงการโครงการส่งเสริมและพฒั นาผดู้ อ้ ยโอกาสทางสังคม ณ โดยการจกั สาน กรณีศึกษา ณ โรงเรียนบา้ นทา่ เกวยี น หมู่ท่ี 4 ถนนเชียงใหม่-พร้าว บา้ นท่าเกวยี น ตาบลหนองจ๊อม จงั หวดั เชียงใหม่ ช่วงอายปุ ระมาณ 7 – 12 ปี ณ โรงเรียนบา้ นท่าเกวยี น หมู่ที่ 4 ถนนเชียงใหม่-พร้าว บา้ นทา่ เกวยี น ตาบลหนองจอ๊ ม จงั หวดั เชียงใหม่ ท่ีผา่ นมาคณะผจู้ ดั ทาไดร้ ับเงินสนบั สนุนจากผมู้ ีอุปการะเป็นเงินจานวน หน่ึง ซ่ึงทาใหม้ ีกาลงั ทรัพยใ์ นการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงส่ิงตา่ งๆในโรงเรียนใหด้ ีและพฒั นาข้ึน มี ลกั ษณะท่ีพร้อมใชง้ าน โดยไดม้ ีการซ่อมแซมส่วนท่ีชารุดหรือส่วนท่ีเสียหายเช่น บอร์ดแนะนาช่ือและ บอร์ดประชาสัมพนั ธ์ โดยคณะผจู้ ดั ทาไดเ้ ขา้ ไปปรับปรุงและเปล่ียนแปลงบอร์ดใหเ้ ด็กๆใหม่ ใหด้ ูสวยงาม เป็นตน้ และจดั หาอุปกรณ์ต่างๆเช่น เศษไมท้ ี่ไม่ไดใ้ ชแ้ ลว้ ,สีพน่ เพอื่ ดาเนินการปรับปรุงช้นั วางรองเทา้ ท่ีจาก เดิมเกิดการชารุด และทาช้นั วางหนงั สือข้ึนมาใหเ้ ดก็ ๆที่จากเดิมเดก็ ไดไ้ มม่ ี ช้นั วางหนงั สือ ท้งั น้ีผจู้ ดั ทาโครงการไดร้ ับความร่วมมือจากผดู้ ูแล ณ โรงเรียนบา้ นท่าเกวยี น หมู่ที่ 4 ถนน เชียงใหม-่ พร้าว บา้ นทา่ เกวยี น ตาบลหนองจอ๊ ม จงั หวดั เชียงใหม่ ที่ใหเ้ ขา้ ไปทากิจกรรมตา่ งๆกบั เด็กใน ณ ณ โรงเรียนบา้ นท่าเกวยี น หมทู่ ี่ 4 ถนนเชียงใหม่-พร้าว บา้ นทา่ เกวยี น ตาบลหนองจอ๊ ม จงั หวดั เชียงใหม่ โดยผา่ นการที่เดก็ ๆไดเ้ รียนรู้การจกั สานและการเรียนรู้ผา่ นการปฏิบตั ิโดยการที่เด็กๆไดช้ ่วยกนั ทาบอร์ด แนะนาชื่อของตวั เองข้ึนมา เพื่อใหเ้ ด็กๆไดต้ ะหนกั ถึงการดูแลรักษาของที่เป็ นส่วนรวม และยงั ทาใหเ้ ด็กๆ เกิดความคิดสร้างสรรค์ สรุปผลการดาเนินโครงการโดยสรุปจากแบบประเมินเดก็ ๆในโดยสรุปผลออกมาดงั น้ี โครงกำรส่งเสริมและพฒั นำผู้ด้อยโอกำสทำงสังคมโดยกำรจักสำน กรณศี ึกษำ ณ โรงเรียนบา้ นท่าเกวยี น หม่ทู ี่ 4 ถนนเชียงใหม่-พร้าว บา้ นท่าเกวยี น ตาบลหนองจ๊อม จงั หวดั เชียงใหม่ ช่วงอำยปุ ระมำณ 7 – 12 ปี ณ โรงเรียนบา้ นท่าเกวยี น หมทู่ ่ี 4 ถนนเชียงใหม่-พร้าว บา้ นท่าเกวยี น ตาบลหนองจอ๊ ม จงั หวดั เชียงใหม่ ได้บรรลุวตั ถุประสงค์ดังนี้ 1. เพ่อื ส่งเสริมใหเ้ ดก็ ๆมีความรู้ความเขา้ ใจในการทอตุง 2. เพื่อส่งเสริมใหเ้ ดก็ มีกาลงั ใจและแรงผลกั ดนั ในการดาเนินชีวติ โดยทาให้ เด็กไมร่ ู้สึก วา่ ตวั เองถูกทอดทิง้ 3. เพ่อื ส่งเสริมความรู้เก่ียวกบั สถานท่ีทอ่ งเท่ียวใหเ้ ดก็ ๆ 4. เพ่อื ส่งเสริมให้เด็กๆรู้จกั การเปล่ียนแปลงในส่ิงตา่ งๆรอบตวั 5. เพอ่ื ส่งเสริมให้เดก็ รู้จกั การดาเนินชีวติ ดว้ ยตนเอง 6. เพื่อเสริมสร้างทกั ษะในการทอตุงไทยใหก้ บั เด็กๆ
14 ประโยชน์ทคี่ ำดว่ำจะได้รับ ด้ำนนักศึกษำทจี่ ัดทำโครงกำร - นกั ศึกษาไดเ้ รียนรู้ถึงวธิ ีการวางแผนงานก่อนลงมือปฏิบตั ิงาน - นกั ศึกษาไดฝ้ ึกฝนทกั ษะการแกป้ ัญหาในการปฏิบตั ิงาน - นกั ศึกษาไดฝ้ ึกทกั ษะกระบวนการคิดท่ีเป็นระบบ ด้ำนกลุ่มเป้ ำหมำย 1. เดก็ ๆ มีความกลา้ แสดงออกมากข้ึนในการตอบคาถามหรือแสดงความคิดเห็น 2. เด็กๆ ไดเ้ รียนรู้การทอตุงไทย 3. เด็กๆ ไดเ้ รียนรู้และเขา้ ใจในประเทศอาเซียนในอนาคต 4. เดก็ ๆ ไดเ้ รียนรู้เก่ียวกบั อาชีพตา่ งๆ 5. เดก็ ๆ มีความสามคั คีในการทางานเป็นหมคู่ ณะ 6. เดก็ ๆ ไดใ้ ชค้ วามคิดสร้างสรรคข์ องตนเองในการทากิจกรรม ปัญหำและอุปสรรคในกำรดำเนินโครงกำร เน่ืองจากคณะผจู้ ดั ทาไดม้ ีการเปลี่ยนแปลงเวลาในการทากิจกรรมจากช่วงเชา้ มาเป็ นช่วงบา่ ยเพราะ ทางมลู นิธิจะพานอ้ งๆไปทากิจกรรมขา้ งนอกเลยทาใหก้ ิจกรรมที่จะจดั ลดลงเพราะมีเวลาที่ จากดั จึงทาใหไ้ มส่ ามารถทากิจกรรมไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่
15 แบบประเมิน No. 01. แบบประเมินผลโดยเด็กๆทีเ่ ขา้ ร่วมกิจกรรม โครงกำรส่งเสริมผ้ดู ้อยโอกำส กรณีศึกษำ ณ โรงเรียนบ้ำนท่ำเกวยี น หมู่ที่ 4 ถนนเชียงใหม่-พร้ำว บ้ำนท่ำเกวยี น ตำบลหนองจ๊อม จังหวดั เชียงใหม่ ชื่อ...............................นามสกลุ ................................... เกณฑ์กำรประเมนิ วนั ....................ที่.........เดือน..............พ.ศ. .................. ประเมินโดยกำรทำเครื่องหมำย ในช่องคะแนนกำรประเมิน 5 = ดมี ำก 2 = พอใช้ 4 = ดี 1 = ควร 3 = ปำนกลำง ปรับปรุง ลำดบั รำยกำรประเมนิ คะแนนกำรประเมิน 54321 ประเมนิ ตนเอง 1 นกั เรียนไดเ้ กิดการเรียนรู้ใหม่ๆและไดเ้ รียนรู้ผา่ นการปฏิบตั ิจริง 2 นกั เรียนสามารถใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั สถานท่ีท่องเท่ียวและสามารถ นาไปเผยแพร่ได้ 3 นกั เรียนไดค้ วามรู้เก่ียวกบั ดา้ นภาษาองั กฤษมากข้ึน 4 นกั เรียนไดเ้ ขา้ ใจเกี่ยวกบั สถานท่ีทอ่ งเที่ยวมากข้ึน 5 นกั เรียนสามารถใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุดได้ ประเมินโครงกำร 1 โครงการมีความน่าสนใจและตรงกบั วตั ถุประสงค์ 2 ระยะเวลาในการทากิจกรรม ประเมนิ ผ้ดู ำเนินโครงกำร 1 ผดู้ าเนินโครงการมีพร้อมในการดาเนินงาน 2 ผดู้ าเนินโครงการมีส่วนร่วมในการทากิจกรรม ควำมคดิ เหน็ เพมิ่ เติม .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................
16 บทที่ 5 สรุป อภปิ รำย และข้อเสนอแนะ สรุปการทาโครงการได้สรุปจาการประเมินจากแบบประเมินของเด็กนกั เรียน โครงการส่งเสริม และพฒั นาผดู้ อ้ ยโอกาสทางสังคม โดยการจกั สาน ณ โรงเรียนบา้ นท่าเกวียน หมู่ท่ี 4 ถนนเชียงใหม่-พร้าว บา้ นท่าเกวยี น ตาบลหนองจอ๊ ม จงั หวดั เชียงใหม่ ช่วงอายปุ ระมาณ 7 – 12 ปี และนกั ศึกษาที่ทาโครงการโดย สรุปออกมาดงั น้ี โครงการส่งเสริมและพฒั นาผดู้ อ้ ยโอกาสทางสังคม โดยการทอตุง ณ ณ โรงเรียนบา้ นท่าเกวียน หมู่ ที่ 4 ถนนเชียงใหม่-พร้าว บา้ นท่าเกวียน ตาบลหนองจอ๊ ม จงั หวดั เชียงใหม่ ช่วงอายปุ ระมาณ 7 – 12 ปี ได้ บรรลุวตั ถุประสงคด์ งั น้ี ด้ำนนักศึกษำทจ่ี ัดทำโครงกำร - นกั ศึกษาไดเ้ รียนรู้ถึงวธิ ีการวางแผนงานก่อนลงมือปฏิบตั ิงาน - นกั ศึกษาไดฝ้ ึกฝนทกั ษะการแกป้ ัญหาในการปฏิบตั ิงาน - นกั ศึกษาไดฝ้ ึกทกั ษะกระบวนการคิดท่ีเป็นระบบ ด้ำนกลุ่มเป้ ำหมำย - เด็กๆ มีความกลา้ แสดงออกมากข้ึนในการตอบคาถามหรือแสดงความคิดเห็น - เดก็ ๆ ไดเ้ รียนรู้การทอตุงไทย - เด็กๆ ไดเ้ รียนรู้และเขา้ ใจในประเทศอาเซียนในอนาคต ประสบกำรณ์ทค่ี ณะผ้จู ัดทำโครงกำรได้รับ 1. ประสบการณ์ในดา้ นการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ 2. ประสบการณ์ในดา้ นการวางแผนการทางานอยา่ งมีคุณภาพ 3. ประสบการณ์ในดา้ นการติดต่อประสานงานกบั สถานท่ีต่างๆ 4. ประสบการณ์ในดา้ นการจดั ทากิจกรรมตา่ งๆกบั นกั เรียน 5. ประสบการณ์ในดา้ นการจดั เตรียมความพร้อมของสถานที่ทากิจกรรม ขอ้ เสนอแนะในการทาโครงการส่งเสริมและพฒั นาผดู้ อ้ ยโอกาสทางสงั คม โดยการทอตุง ณ โรงเรียนบา้ นท่าเกวยี น หม่ทู ี่ 4 ถนนเชียงใหม่-พร้าว บา้ นท่าเกวยี น ตาบลหนองจอ๊ ม จงั หวดั เชียงใหม่ ช่วงอายปุ ระมาณ 7 – 12 ปี ดงั น้ี 1. อยากใหพ้ ๆี่ กลบั มาจดั กิจกรรมอีกคร้ัง 2. สนุกสนานกบั การทากิจกรรม 3. อยากใหม้ ีเวลาในการทากิจกรรมมากข้ึน 5.2 ปัญหำและอปุ สรรค
17 ปัญหาและอุปสรรคจากการทาโครงการ คือเนื่องจากคณะผจู้ ดั ทาไดม้ ีการเปลี่ยนแปลงเวลาในการ ทากิจกรรมจากช่วงเชา้ มาเป็ นช่วงบา่ ย เพราะทางมลู นิธิจะพานอ้ งๆไปทากิจกรรมขา้ งนอกเลยทาใหก้ ิจกรรม ท่ีจะจดั ลดลงเพราะมีเวลาที่จากดั จึงทาใหไ้ ม่สามารถทากิจกรรมไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี 5.3 ข้อเสนอแนะในกำรทำโครงกำร 5.3.1 ทางวทิ ยาลยั ควรมีงบประมาณสนบั สนุนในการทาโครงการ 5.4 ข้อเสนอแนะในกำรศึกษำคร้ังต่อไป 5.4.1 เขา้ ไปสอนเก่ียวกบั ทกั ษะการใชช้ ีวติ ในสงั คมปัจจุบนั ใหด้ ีข้ึน 5.4.2 เขา้ ไปพฒั นาสภาพแวดลอ้ มภายในมลู นิธิใหน้ ่าอยมู่ ากข้ึน 5.4.3 เขา้ ไปสอนเกี่ยวกบั การทอตุงไทยลายต่างๆ และสถานที่ท่องเท่ียวท่ีมากข้ึน
18 บรรณำนุกรม http://www.nampon.org/index.php/about-nampon-orphanage/background-of-nampon-orphanage บา้ นเด็กนาพร http://51010116039g20.blogspot.com/2010/02/blog-post_4396.html ปัญหา เดก็ กาพร้าในปัจจุบนั http://takdad.phangngacity.com/2010-06-26-04-58-13/37-oldpeple8 แนวคิด ทฤษฎีและวจิ ยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง http://www.royin.go.th/th/webboardnew/answer.php?System_MainGroup=1&GroupID=&searchKey=&s earchFrom=&searchTo=&PageShow=103&TopView=&QID=1532 สงเคราะห์หมายถึง http://www.gotoknow.org/posts/465467 ผดู้ อ้ ยโอกาสหมายถึง http://dnfe5.nfe.go.th/ilp/so02/so20_5.html การพฒั นาสังคมหมายถึง http://th.wikisource.org/wiki/%E0 พระราชบญั ญตั ิคุม้ ครองเดก็
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: