20190812_193201_0000

วสั ดใุ นชวี ติ ประจาํ วนั

คํานาํ หนงั สอื อิเล็กทรอนกิ สเ์ ล่มนเี ปนสว่ นหนงึ ของรายวชิ าการออกแบบเเละเทคโนโลยี ว22103ชนั มธั ยมศึกษาปที2ซงึ เปนหยงั สอื อิ เล็กทรอนกิ สเ์ กียวกับเรอื งวสั ดใุ นชวี ติ ประจาํ วนั โดยเกียวกับไมโ้ ลหะพลาสติกเเละยาง ทังนผี จู้ ดั ทําหนงั สอื อิเล็กทรอนกิ สเ์ ล่มนจี ะเปน ประโยชนเ์ เก่ผอู้ ่านนกั เรยี นเเละผกู้ ําลังศึกษา อยูถ่ ้าหากผจู้ ดั ทํามผี เู้ เนะนาํ หรอื ผดิ พลาด ประการใดผจู้ ดั ทําขอ้ นอ้ มรบั เเละขออภัยณ ที นดี ว้ ย

สารบญั เรอื ง หนา้ คํานาํ 1 สารบญั 2 เกรนิ 3 4-6 ไม้ 7-9 โลหะ 10-12 พลาสติก 13-16 ยาง 17 อ้างอิง 18 จดั ทําโดย

วสั ดใุ นชวี ติ ประจาํ วนั สงิ ของเครอื งใชต้ ่างๆ สรา้ งขนึ จากวสั ดหุ ลาย ประเภทวสั ดเุ เต่ละ ประเภทมลี ักษณะที ต่างกันการเลือกใช้ วสั ดทุ ีเหมาะสมจงึ มี ความสาํ คัญต่อการอ อกเเบบเเละสรา้ งสงิ ของ เครอื งใช้

ไม(้ wood) ไมค้ ือวสั ดธุ รรมชาติทีได้มา จากลําต้นของต้นไมไ้ มม่ คี วาม เเขง็ เเรงทนทาน ต้านทานไฟ ไมม่ สี นมิ มรี ูปรา่ งคงตัว ผวิ เรยี บ มกี ลินเเละลวดลายถ้าได้ รบั ความชนื เปนเวลานานอาจ บวมผดิ รูปเเละผไุ ด้ไมเ้ เบง่ ออก เปน2ประเภทคือ

1.ไมจ้ รงิ หรอื ไมธ้ รรมชาติ คือไมท้ ีไดจ้ ากลําต้น ของต้นไมโ้ ดยตรงเเบง่ ได2้ ประเภทคือ 1.1ไมเ้ นือเเขง็ 1.2ไมเ้ นอื อ่อน

2.ไมป้ ระกอบ คือไมท้ ีไดจ้ ากการนาํ ชนิ สว่ นของไมม้ าต่อรวมกันโดย กระบวนการต่างๆไมป้ ระกอบ เเบง่ ไดห้ ลายประเภทเชน่ ไมอ้ ัด ไมบ้ ารต์ ิเคิลบอรด์

โลหะ(metals) โลหะ คือ วสั ดทุ ีนาํ มาใชง้ านสว่ น ใหญจ่ ะผา่ นการปรบั ปรงุ สมบตั ิใก้ ดขี นึ ก่อนนาํ มาใชง้ านโลหะเปน ตัวนาํ ความรอ้ นเเละไฟฟามคี วาม เเขง็ เเรงสงู มคี วามคงทนไมเ่ สอื ม สลายเปนวตั ถทุ ึบเเสงทนต่อการ กัดกรอ่ น โลหะเเบง่ ออกเปน2ประเภท คือ

1.โลหะกล่มุ เหล็ก คือโลหะทีมเี หล็กเปนสว่ นประกอบเเบง่ ออก เปนหลักกล้าเเละหลักหล่อซงึ มธี าตคุ ารบ์ อน ผสมอยูใ่ นปรมิ าณทีต่างกันตังเเต่0.1%ไป จนถึง0.4%คารบ์ อนทีปสามอยูใ่ นหลักมี ผลต่อความเเขง็ เเรงเเละเปราะของเหล็ก โดยทัวไปโลหะกลีมเหล็กจะเกิดสนมิ เเละมี สมบตั ิดดู ติดกับเเมเ่ หล็ก

2.โลหะนอกกล่มุ เหล็ก คือโลหะทีไมม่ เี หล็กเปนสว่ น ประกอบดงั นนั โลหะชนดิ นไี ม่ เกิดสนมิ เเละไมด่ ดู ติดกับเเม่ เหล็ก เชน่ อะลมู เี นยี ม ทองเเดง สงั กะสี ทองเหลือง

พลาสติก(plastics) พลาสติกคือสงิ ทีมนุษยส์ รา้ งขนึ สว่ น ใหญ่ได้มาจากผลผลิตจากการกลัน นํามนั ดิบปจจุบนั พลาสติกนํามาส รา้ งสงิ ของเครอื งใชม้ ากมายเเละมี บทบาทอยา่ งยงิ ต่อการดําเนนิ ชวี ติ ประจาํ วนั พลาสติกเเบง่ ออกเปน2ประเภทคือ

1.เทอรโ์ มพลาสติก คือจะอ่อนตัวเเละหลอมเหลว เมอื เกิดความรอ้ นเเละจะเเขง็ ตัวเมอื เยน็ ลงพลาสติกทีเเขง็ ตัว เเล้วสามารถนาํ มาหลอมไดด้ ว้ ย ความรอ้ น

2.เทอรโมเซตติงพลาสติก คือจะอ่อนตัวเมอื ถกู ความ รอ้ นเเละจะเเขง็ ตัวเมอื เยน็ ลง พลาสติกทีเเขง็ ตัวสามารถ นาํ มาหลอมไดด้ ว้ ยความรอ้ น อีก

ยาง(rubber) ยางคือวสั ดทุ ีมคี วามยดื หยุน่ ถกู นาํ มาเเปรรปู เพอื ใชใ้ นการสรา้ งสงิ เครอื ง ใชห้ ลายชนดิ เเบง่ ออกเปน2ประเภทคือ

1.ยางธรรมชาติ คือยางทีไดจ้ ากต้นยางเมอื ยางอยูใ่ น สภาพทีมอี ุณหภมู ติ ําจะเเขง็ กระดา้ ง เมอื ยางอยูใ่ นสภาพทีมอี ุณหภมู สิ งู จะ อ่อนนมิ เเละมคี วามยดื หยุน่ สงู ทนต่อ กานสกึ หลอเเต่ไมท่ นต่อตัวทําละลาย พวกนาํ ตาลปโตเลียม

2.ยางสงั เคราะห์ คือยางทีไดจ้ ากการสงั เคาระหท์ างเคมี เพอื เลียนเเบบยางธรรมชาติขอ้ ดคี ือ สามารถปรบั ปรงุ สมบตั ิต่างๆได้

อ้างอิง สถาบนั สง่ เสรมิ เเละการสอนวทิ ยา ศาสตรเ์ เละเทคโนโ ลย,ี \"เทคโนโลย(ี กา รออกเเบบเเละ เทคโนโลย)ี \",โรง พมิ พเ์ เหง่ จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย,ศูนย์ หนงั สอื จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย, 2561หนา้ 57

จดั ทําโดย ด.ญ.จรยิ า สถิ ิระบุตร เลขที19 ม.2/2 เสนอ ครู ภัทราวรรณ อุทธสงิ ห์ รายวชิ าการออกเเบบเเละ เทคโนโลยวี 22103